- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 28 November 2014 12:18
- Hits: 5779
บานต่อ-บิ๊กอ๊อดสั่งสอบ แฉโพยส่วย โยง'พงศ์พัฒน์-เสี่ยโจ้'เครือข่าย'น้ำมันเถื่อน'เค้น5ผู้ต้องหา-ฝากขัง แจ้งเพิ่มผิดม.112 ด้วย ยึดอีก 3 ตู้เซฟ-รอตรวจ ตร.ตั้งชุดพิเศษคัดแยก
ตั้งชุดรวบรวมหลักฐานสมบัติ'บิ๊กกิ๊ก'พุ่งเกือบ 2 หมื่นชิ้น กรมศิลป์ตั้ง กก.ตรวจโบราณวัตถุสัปดาห์หน้า
@ ตร.แยกของกลาง 2 หมื่นชิ้น
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) ในฐานะโฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้าจับกุม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์
อดีต ผบช.ก.และพวก 12 คนฐานร่วมกันผิดกฎหมายมาตรา 112 ดูหมิ่นเบื้องสูง เปิดบ่อนเรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจและรับส่วยน้ำมันเถื่อน ล่าสุดจับเพิ่มอีก 5 คนฐานอ้างเบื้องสูง ทวงหนี้ กักขัง กรรโชกทรัพย์ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่ม ช่วงระหว่าง 1-2 วันนี้ มีเพียงการรวบรวมของกลาง ไม่ว่าจะเป็นไม้แปรรูป โบราณวัตถุขนาดใหญ่ สิ่งของที่มีมูลค่า เช่น ทองคำขาว พระเครื่อง เป็นต้น ทาง ตร.จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดำเนินการเรื่องของกลางที่มีมากเกือบ 20,000 ชิ้น
"หลังจากนี้ในส่วนของทรัพย์สินที่เป็นโบราณวัตถุ จะส่งให้กรมศิลปากรตรวจสอบความถูกต้อง ส่วนทรัพย์ที่เป็นไม้แปรรูปจะส่งมอบให้กับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ซุกซ่อนไว้หลายจุดในประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเคลื่อนย้ายหรือเก็บทรัพย์สินในต่างประเทศยืนยันว่าในเมืองไทยยังมีทรัพย์สินอยู่จำนวนหนึ่ง อยู่ระหว่างการขยายผล อย่างไรก็ตามทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในขณะนี้ทั้งหมด จะตรวจลายนิ้วมือแฝงและเก็บดีเอ็นเอ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่า ยังมีบุคคลใดอีกหรือไม่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
@ ฝากขัง 5 แก๊งทวงหนี้ 28 พ.ย.
โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีกับนายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา นายสุทธิศักดิ์ สุทธิจิตต์ และนายชากานต์ ภาคภูมิ เบื้องต้นพบว่าทั้งหมดมีพฤติกรรมบังคับข่มขู่ ทวงหนี้ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกรรโชกทรัพย์ เพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ และพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ศาลอาญา ส่วนข่าวลือว่ามีนายตำรวจระดับสูงประกอบด้วย 3 นายพล 2 นายพัน เข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ขอยืนยันว่ายังไม่มี
"ตำรวจที่ดีใน บช.ก.นั้นมีอยู่ มีไม่กี่คนที่มีปัญหา ยืนยันว่าขวัญและกำลังใจของตำรวจ บช.ก.ยังดีอยู่ จะเรียกประชุมชี้แจงและมอบนโยบายหลายเรื่อง อาทิ การดำเนินการ การประพฤติตนจากนี้ไป ซึ่งไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดีหรือจ้องจับผิด อย่างไรก็ตามตำรวจนายใดที่ทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวกับคดีที่เกิดขึ้น ใครผิดก็ว่าไปตามผิด" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
@ พร้อมคุย'ชูวิทย์'ข้อมูลบ่อน
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้สืบทุกประเด็น เรื่องของการทุจริตซื้อขายตำแหน่ง ทุจริตเรื่องน้ำมัน ให้ทีมสืบสวนเจาะทุกประเด็นในเชิงลึกว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ดำเนินการทั้งหมดตามที่หลักฐานสาวไปถึง อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เดินทางมาที่ ตร. พร้อมกับเผยชื่อย่อนายตำรวจระดับสูงที่พัวพันกับเครือข่ายดังกล่าว ทาง ผบ.ตร. พร้อมจะพบนายชูวิทย์ เพื่อหารือข้อมูล โดยจะประสานมาที่ผมหรือจะติดต่อผ่าน ผบ.ตร.โดยตรงก็ได้
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้านเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบตู้เซฟอีก 3 ตู้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าข้างในมีทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่าหรือไม่
@ เผยแอบอ้างทวงหนี้หญิง 20 ล.
ที่ สน.พระโขนง พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยว่า ฝ่ายสืบสวน บช.น. ได้จับกุมนายสุทธิศักดิ์ และนายชากานต์ ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างสถาบันเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พบว่าทวงหนี้หญิงผู้เสียหายรวมกว่า 20 ล้านบาท กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยวและกรรโชกทรัพย์ ต่อมาส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมายัง สน.พระโขนง เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียด โดยหลังสอบสวนเสร็จทหารมารับตัวนายสุทธิศักดิ์ไปเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 26 พฤศจิกายน และนายชากานต์ เวลา 02.00 น. ของวันที่ 27 พฤศจิกายน
พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ผู้ร่วมกระทำความผิดอีก 3 ราย ได้รับรายงานว่าจะส่งตัวมายัง บก.น.5 เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนนำตัวส่งศาลต่อไป
@ เร่งสอบส่วยน้ำมันเถื่อน'เสี่ยโจ้'
ต่อมาเวลา 13.00 น.ที่ ตร. พล.ต.อ.สมยศ กล่าวกรณีมีรายชื่อตำรวจรับส่วยน้ำมันเถื่อนจากนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้ ว่า อย่าให้ตนระบุชื่อคนนั้นคนนี้ออกไป เพราะว่าไม่ควร จนกว่าการสอบสวนทางคดีออกมาชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องอย่างไร ซึ่งจะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ทำหนังสือมาที่ตน ให้มีการเร่งรัดสำนวนการสืบสวนสอบสวน โดยสำนวนตกค้างอยู่ที่ บช.ก. จากนี้จะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนจะเกี่ยวข้องถึงใครอยู่ที่การสืบสวนสอบสวน
เมื่อถามว่า เงินจากขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนมีข้อมูล พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เข้าไปพัวพันหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็เป็นข่าวอย่างที่สื่อและสังคมตั้งข้อสงสัย แต่ถ้าจะพูดต้องดูจากหลักฐาน จากผลการสอบสวน ต้องขอเวลาในการสืบสวนสอบสวน ถ้าผลออกมาอย่างไรจะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง
@ ชี้มีโพยชื่อเล่น-ชื่อย่อรับส่วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า วันที่ไปตรวจยึดทรัพย์สินบ้านเสี่ยโจ้ มีการยื่นเงินให้ตำรวจ 2-3 นาย ได้ตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มีการตรวจพบบัญชีซึ่งพนักงานของเสี่ยโจ้บันทึกไว้ แต่ว่าเป็นการบันทึกฝ่ายเดียว ทางตำรวจไม่มีหลักฐานว่าใครรับหรือไม่รับ ทั้งนี้ ต้องเอาบุคคลที่บันทึกมาตอบข้อซักถามกับพนักงานสอบสวน
"ซึ่งบัญชีพวกนี้ผมมีอยู่ในมือ หรือพูดง่ายๆ ว่ามีโพยใครรับใครจ่าย แต่ทั้งนี้ก็เป็นการบันทึกของพนักงานที่ดูแลควบคุมบัญชีฝ่ายเดียว ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏในบันทึก มีทุกหน่วยงานที่เป็นข่าว โดยรายชื่อในบัญชีที่เห็นผมไม่รู้จักเลย บางทีก็เป็นชื่อย่อ ชื่อเล่น ทางเราต้องแยกแยะออกมาว่าชื่อย่อคนนี้คือใคร เป็นตำรวจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานพาดพิงและเกี่ยวข้องกับใคร ทางเราจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
@ รับยอดจ่ายเงินส่วยค่อนข้างสูง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มียอดเงินสูงหรือไม่ในการส่งส่วยแต่ละครั้งของเสี่ยโจ้ และมีรายชื่อ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. หรือไม่ในบัญชี ผบ.ตร.กล่าวว่า มียอดเงินค่อนข้างสูง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ว่ามีใครบ้าง ส่วนกรณีเสี่ยโจ้หลบหนีนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า วันนี้จะออกหมายจับเพิ่มอีกหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งยังสอบสวนอยู่ตลอด ถ้ามีหลักฐานเชื่อมโยงเกี่ยวข้องถึงใครก็จะขอออกหมายจับต่อไป
@ ปัดเครือข่าย'บิ๊กกิ๊ก'ครึ่งร้อย
เมื่อถามว่า มีรายชื่อตำรวจครึ่งร้อยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า กำลังตรวจสอบแต่ว่าคงไม่ถึง เพราะคงเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม จะให้ความเป็นธรรมต่อทุกคน ขอให้ตำรวจใน บช.ก.ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ จะไม่มีการล้างบางหรือทำให้ทุกคนหวาดกลัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นรายชื่อแล้วรู้สึกตกใจหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เห็นรายชื่อบ้างแล้วแต่ยังไม่เห็นทั้งหมด มีตำรวจทุกระดับยศ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด หรือจะเป็นใครก็ตามถ้าทำผิดกฎหมายในยุคสมัยตน จะขออนุญาตทำหน้าที่รักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย ส่วนการขยายผลขณะนี้พนักงานสอบสวนจะได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาคุยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
@ ทหารส่ง 5 ผู้ต้องหาให้ตร.สอบเพิ่ม
เวลา 18.30 น. ที่กองบัญชาการนครบาล (บช.น.) พ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมกำลังทหาร คุมตัวนายสุทธิศักดิ์ และนายชากานต์ 2 ใน 5 ผู้ต้องหา ส่งให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พ.ต.อ.ฤทธิกร สายสนั่น ณ อยุธยา ผกก.สน.พระโขนง รับตัวเพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติม โดยนายสุทธิศักดิ์สอบปากคำที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ส่วน นายชากานต์ สอบปากคำเพิ่มเติมที่ห้องประชุมอำนวยการ กองบังคับการอำนวยการ บช.น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา นายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชามาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ บช.น. ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง ในวันที่ 28 พฤศจิกายน
@ แจ้ง'ม.112'ผู้ต้องหาทวงหนี้
ต่อมาเวลา 21.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 จำนวน 10 นาย ติดอาวุธควบคุมตัวผู้ต้องหาอีก 3 ราย คือ นายณัฐพล อัครพงศ์ปรีชา นายสิทธิศักดิ์ อัครพงศ์ปรีชา และนายณรงค์ อัครพงศ์ปรีชา มาแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเพิ่มเติมที่ บช.น. โดยมี พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และตำรวจ สน.พระโขนง เป็นผู้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหา 3 คนรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนให้ชุดสืบสวน สน.พระโขนงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย แยกสถานที่ให้พนักงานสอบสวน บก.น.5 สอบปากคำเพิ่มเติม โดยควบคุมตัวนายณัฐพลสอบปากคำที่ห้องประชุม บก.น.1 นายสิทธิศักดิ์ไปสอบปากคำที่ห้องประชุมปารุส 1 ส่วนนายณรงค์ควบคุมตัวสอบที่ห้องประชุมอำนวยการ บก.น.5 โดยจะควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 5 รายไปขออำนาจศาลอาญาในการฝากขังผลัดแรกในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือเสรีภาพ โดยมีอาวุธและกักขัง 2.ร่วมกันตั้งแต่ 5 คน หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น และร่วมลักทรัพย์ รวมทั้งแจ้งข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ภายหลังจากที่ได้มอบอำนาจมาให้ดำเนินคดี
@ เจอเพิ่มอีก'กรรโชกทรัพย์'
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า กรณีที่มีผู้เสียหายแจ้งความผู้ต้องหาเพิ่มเติมข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ที่ สน.วัดพระยาไกร เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกรได้รวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และจะดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 ราย โดยทั้งหมดเป็นพลเรือน มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายก่อเหตุร่วมกัน ส่วนจะโยงไปถึง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์หรือไม่ จะต้องตรวจสอบข้อมูลว่ามีความเชื่อมโยงอย่างไร
"การตรวจสอบว่ามีตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการน้ำมันเถื่อนนั้น อาจจะมีตำรวจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก แต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่ได้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทั้งนี้ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว เพื่อขจัดเรื่องดังกล่าวให้หมดไป" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
@ 'ประวิตร'ชี้ตร.ฉาวส่วนบุคคล
ที่สโมสรกองทหารบกเทเวศร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายหลังมีการจับกุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบว่า ทาง ตร.กำลังสะสางปัญหาอยู่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับส่วนบุคคล ไม่ใช่องค์กร ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการใหญ่หรือไม่ ก็ไม่ทราบ ก็ต้องดูจากผลการสอบสวนเป็นหลัก ทั้งนี้ การดำเนินการทุกอย่างมีกฎหมาย ระเบียบของ ตร.รองรับ จึงไม่จำเป็นต้องมอบนโยบายอะไรเพิ่มเติม
"จะดูแลให้ดีที่สุด มั่นใจว่าตำรวจทุกนายมีความรักในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ไม่ทำอะไรเสียหาย และผมก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะเป็นเรื่องของตัวบุคคลไม่ใช่องค์กร เราต้องยอมรับว่าทุกองค์มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ทั้งตำรวจ ทหาร หรือแม้แต่องค์กรสื่อเองก็เช่นกัน ทุกคนที่อยู่ที่นี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีทุกคน สื่อบางคนก็ไม่ดี แต่ส่วนใหญ่เป็นคนดีมากกว่าไม่ดี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องของการปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชั่น เพื่อถือเป็นวาระแห่งชาติ" พล.อ.ประวิตรกล่าว
@ สั่งดีเอสไอให้ข้อมูลน้ำมันเถื่อน
ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สั่งการให้นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัดพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งรับผิดชอบคดีค้าน้ำมันเถื่อน ที่เชื่อมโยงกับการกระทำผิดของกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก เพื่อประสานข้อมูลให้ ตร.
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องตรวจสอบการรับสินบนกรณีน้ำมันเถื่อนด้วยหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า สั่งการให้ตรวจสอบทั้งหมด หากพบพยานหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมรับสินบนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที และสามารถเอาผิดย้อนหลังได้ทั้งหมด
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวด้วยว่า สำหรับคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวก ยังเป็นหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ ได้หารือกับ พล.ต.อ.สมยศอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้ดีเอสไอและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สนับสนุนการทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่
@ ตั้งกก.สอบจนท.ดีเอสไอรับส่วย
ด้านนางสุวณาเปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีมีข้อมูลระบุถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไออย่างน้อย 3 คน เกี่ยวข้องกับเครือข่ายรับส่วยจากนายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ที่เชื่อมโยงเรื่องสินบนกลุ่ม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เบื้องต้นให้ตรวจสอบว่าข้อมูลเป็นชื่อเล่น เป็นบุคคลใดกันแน่ ใช่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอหรือไม่ และในช่วงเวลาที่ระบุถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่มีรายชื่อได้รับมอบหมายให้ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ ทั้งนี้ หากพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเกี่ยวข้องกับการรับส่วยหรือเครือข่ายอดีต ผบช.ก. จะดำเนินการตามระเบียบราชการต่อไป โดยสั่งการให้เร่งสอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อความโปร่งใสและให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาด้วย
@ กรมศิลป์ตรวจสัปดาห์หน้า
นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรที่ลงไปตรวจสอบโบราณวัตถุซึ่งเป็นของกลางในคดี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์และพวกแล้ว เบื้องต้นเป็นโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ จากนี้ต้องมีคณะทำงานไปตรวจพิสูจน์และแยกโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุว่ามีอะไรบ้าง และต้องมีคณะกรรมการโบราณสถานเข้ามาช่วยกันพิจารณาด้วย จึงจะยืนยันในข้อมูลของโบราณวัตถุแต่ละชิ้นได้ เพราะการไปตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน เป็นความเห็นของผู้ที่ไปตรวจสอบเท่านั้น ยังไม่ยืนยันข้อมูลได้ในกรณีที่ระบุว่าบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียว เนื่องจากในปัจจุบันอาจทำปลอมหรือทำเลียนแบบได้ ซึ่งต้องตรวจพิสูจน์กันต่อไป อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าจะประสานตำรวจเพื่อขอเข้าไปตรวจดูโบราณวัตถุเหล่านี้ด้วยตนเอง
@ เผยฝีมือช่างชั้นสูง-หายาก
นางพัชรินทร์ ศุขประมูล หัวหน้ากลุ่มทะเบียนคลัง พิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ กรมศิลปากร กล่าวว่า จากที่ได้ไปตรวจของกลางที่เป็นโบราณวัตถุเบื้องต้นกว่า 100 ชิ้น ส่วนใหญ่เป็นโบราณวัตถุประเภทรูปเคารพ มีทั้งพระพุทธรูป เทวรูป และยังมีศิลปวัตถุ ประติมากรรมยุคปัจจุบันที่ทำเลียนโบราณวัตถุด้วย ส่วนใหญ่จะเลียนแบบศิลปะเขมร และอาจจะมีชิ้นที่เป็นของจริงอยู่บ้างแต่ต้องรอการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้ ในจำนวนกว่า 100 ชิ้น มีส่วนหนึ่งเป็นโบราณวัตถุชิ้นเก่าแก่ ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลายถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ อายุประมาณ 300 กว่าปี เป็นกลุ่มพระพุทธรูปสำริด โลหะผสม และไม้ ซึ่งปกติพระพุทธรูปเหล่านี้จะพบที่วัดและวัง เช่น พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ปางห้ามสมุทร ที่แต่งทรงองค์แบบกษัตริย์ ทำด้วยสำริดและลงรักปิดทอง เป็นฝีมือช่างชั้นสูง ค่อนข้างหายาก พระพุทธรูปฐานสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ทำด้วยไม้ ซึ่งหายากมากและเหลือน้อยแล้ว โดยที่กรมศิลปากรมีอยู่จะไม่ครบองค์ คือจะมีแค่ฐานหรือส่วนองค์เท่านั้น แต่ชิ้นที่เป็นของกลางมีครบองค์ คือมีทั้งองค์พระและฐานติดมาเลย
@ รอเช็กละเอียดชื่อเรียก-ราคา
"พระพุทธรูปที่เป็นของกลางอาจจะมีรุ่นก่อนสมัยอยุธยาตอนต้นอยู่บ้าง แต่เห็นผ่านๆ ยังไม่ได้ดูละเอียด ต้องรอการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้ดู เช่น ตำรวจบอกว่ามีเครื่องถ้วยที่เก็บไว้ในกล่องและยังไม่ได้เปิดออกมาให้ดู แต่เท่าที่ดูเบื้องต้นน่าจะมีอยู่หลายร้อยชิ้น แต่บอกรายละเอียดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนสีน้ำมันสมัยใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม การดูของกลางนั้นกรมศิลปากรไม่สามารถเข้าไปเปิดดูได้เลย แต่ต้องมีคณะกรรมการกลางจากส่วนอื่นๆ จากตำรวจ กรมศิลปากร และ ปปง.จะต้องร่วมกันเปิด ซึ่งในส่วนของกรมศิลปากรจะดูว่าโบราณวัตถุแต่ละชิ้นมีชื่อเรียกอะไร อยู่ในสมัยใด และมีราคาประเมินเท่าไหร่" นางพัชรินทร์กล่าว