- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 29 May 2014 17:28
- Hits: 4334
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8583 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กจิน ลั่นสานต่อ 2 ล้านล้าน ปัดฝุ่นรฟ.เร็วสูง ห้าง-สะดวกซื้อ ปลื้มลดเคอร์ฟิว คสช.โต้ปิด'เฟซ'
แห่รับเงิน- ชาวนาแห่เข้ารับเงินโครงการจำนำข้าวจาก ธ.ก.ส. ที่กรมการสัตว์ทหารบก จ.นครปฐม โดยมีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผวจ.นครปฐม และ พล.ต.ชาติชาย อ่อนน่วม เจ้ากรมการสัตว์ทหารบก ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 28 พ.ค.
ห้างสรรพสินค้า-ร้านสะดวกซื้อดีใจคสช.ปลับลดเวลาใหม่เคอร์ฟิว ห้างเลื่อนปิดเป็น 4 ทุ่ม ส่วนร้านสะดวกซื้อปิดเที่ยงคืน เผยเตรียมปล่อยปกติเมืองท่องเที่ยวพัทยา-ภูเก็ต โต้สั่งปิดเฟซบุ๊กในประเทศไทยหลัง ผู้ใช้บริการโวยเข้าไปเล่นไม่ได้ ออกทีวีชี้แจงระบบเกตเวย์ล่ม ด้านไอซีทีก็ยืนยันไม่มีคำสั่งปิดให้บริการ 'บิ๊กจิน'ประชุมกระทรวงคมนาคม สั่งทบทวนงบประมาณที่ขอมา 3.88 แสนล้าน ลั่นเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อทุกด้านทั้งทางบก น้ำ และอากาศ ยันไม่ตัดทิ้งรถไฟเร็วสูงเหนือ-อีสาน
เตรียมผ่อนปรนเมืองท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 พ.ค. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะรองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงถึงการปรับเปลี่ยนเวลาประกาศเคอร์ฟิว จากเดิม 22.00-05.00 น. เป็น 00.01-04.00 น. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.คำนึงถึงผลกระทบของประชาชนที่ต้องประกอบกิจการต่างๆ หากสถานการณ์สงบเรียบร้อยจริง คสช.จะมีมาตรการผ่อนปรนต่อไป
พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่าหัวหน้าคสช. สั่งการให้คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจและความมั่นคงประเมินสถานการณ์และความสงบเรียบร้อยในจังหวัดหรือพื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ตและพัทยา จ.ชลบุรี หากไม่มีการชุมนุมประท้วงและไม่มีความเคลื่อนไหวของมวลชนที่ออกมาต่อต้าน อาจประกาศยกเลิกการสั่งเคอร์ฟิว เพื่อสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวในบางพื้นที่ให้ดีขึ้น เนื่องจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานว่านักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจำนวนมาก
"ขณะนี้มีหน่วยงานออกไปประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ หากสถานการณ์เป็นปกติอาจประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวเป็นรายพื้นที่ได้ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน" พ.อ.ณัฐวัฒน์กล่าว
'ประจิน'ประชุมร่วมก.คมนาคม
เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. รองคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ได้เดินทางเข้ามาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายที่กระทรวงคมนาคม มีนายสมชัย วัฒนศิริโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม และข้าราชการระดับสูงรอให้การต้อนรับ
หลังการหารือ พล.อ.อ.ประจิน เปิดแถลงข่าวว่า ที่ประชุมหารือเพื่อติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 วงเงิน 1.33 แสนล้านบาท โดยขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เร็วขึ้น จากการหารือทุกหน่วยงานยืนยันว่าจะสามารถก่องบผูกพันได้ทันภายในไตรมาส 4 ปีนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้า นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังนำเสนอกรอบคำของบประมาณปี 2558 วงเงิน 3.88 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ จากการพิจารณาเบื้องต้นเห็นว่าเป็นวงเงินที่สูงกว่าปี 2557 มากถึง 3 เท่า ดังนั้นอาจจะต้องกลับไปทบทวนและหารือถึงขีดความสามารถในการจัดหางบประมาณร่วมกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง มั่นใจว่าจะจัดทำแล้วเสร็จตามแผนและพร้อมใช้งานทันในวันที่ 1 ต.ค. 2558 แน่นอน
จ่อปัดฝุ่นโครงการไทยแลนด์ 2020
พล.อ.อ.ประจินกล่าวต่อถึงการดำเนินโครงการภายใต้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท พ.ศ. ... ซึ่งเป็นโครงการที่เสนอโดยรัฐบาลก่อนว่า โครงการที่เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นจะดำเนินโครงการต่อ ส่วนโครงการที่มีวงเงินลงทุนจำนวนมากจะต้องกลับไปทบทวน โดยจะพิจารณาและทบทวนโครงการโดยยึดจากแผนแม่บทโครงสร้าง พื้นฐานของกระทรวงว่าโครงการใดมีความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาในการทบทวน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
"ยืนยันว่า จะเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครง สร้างพื้นฐานต่อทุกด้าน ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับประชาชน โดยจะนำโครงการที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศมาดำเนินการก่อน และอาจจำเป็นต้องทบทวนโครง การที่มีงบลงทุนจำนวนมากให้รอบคอบ เช่น โครงการขยายก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิและสนานบินดอนเมือง ส่วนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเส้นทางกรุง เทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-หนองคาย จะต้องกลับไปศึกษาตามความเหมาะสมอีกครั้ง" พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่าจะมีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบอร์ดรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคมใหม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ โดยในวันที่ 31 พ.ค. คสช.จะเรียกประชุมหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมดมาหารืออีกครั้ง เพื่อขอรับทราบนโยบาย และวางแผนการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนการโยกย้ายข้าราชการประจำนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลปกติ ในช่วงเดือนต.ค.
คสช.-ไอซีทีโต้วุ่นบล็อกเฟซบุ๊ก
แห่รับเงิน- ชาวนาแห่รับเงินจำนำข้าวที่ ธ.ก.ส.สาขานครพนม ภายหลังที่ คสช. อนุมัติให้กู้เงินมาจ่าย โดยที่ จ.นครพนม ได้รับการจัดสรรมาแล้ว 650 ล้านบาท มีชาวนาที่รอรับเงินอีกกว่า 8,000 ราย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.
เมื่อเวลา 16.30 น. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.กล่าวชี้แจงกรณีมี กระแสข่าวคสช. ระงับการใช้ระบบเฟซบุ๊กว่า ขอยืนยันว่าไม่มีนโยบายระงับปิดระบบ เฟซบุ๊ก ทางเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจสอบ และมอบให้คณะตรวจสอบติดตามสื่อออนไลน์ของกระทรวงไอซีที ตรวจสอบและแก้ไขแล้วปรากฏว่า เกิดข้อขัดข้องทางเทคนิคที่เกตเวย์ ในเวลาไม่เกิน 17.00 น. ระบบเฟซบุ๊กจะเปิดบริการได้ตามปกติ
เวลา 16.54 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษก คสช. แถลงออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า ตามที่เกิดเหตุขัดข้องต่อการใช้บริการเฟซบุ๊กของประชาชน โดยเกิดจากข้อขัดข้องทางเทคนิค คสช.ได้ประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และ ผู้ประกอบการไอเอสพี เพื่อให้เร่งแก้ไข ล่าสุดผู้ประกอบการได้ตอบกลับมาว่าระบบกลับมาใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
นายสุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงกรณีมีข่าวการปิดเฟซบุ๊ก ว่า ไม่ได้มีการบล็อกการใช้งานบนเฟซบุ๊ก แต่เกิดจากบริการเชื่อมต่อสื่อสารข้อมูลอินเตอร์เน็ต (เกตเวย์) มีปัญหา โดยกระทรวงไอซีทีไม่ได้บล็อกเฟซบุ๊กตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามที่มีกระแสข่าวออกมา ขณะนี้เฟซบุ๊กกลับมาใช้งานได้ปกติแล้ว และขอให้มั่นใจว่าจากนี้สามารถใช้งานได้ปกติ
รายงานข่าวจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) กล่าวว่า จากการที่ไม่สามารถเข้าใช้งานเฟซบุ๊กได้นั้น เนื่องจากมีการแทรกแซงให้เซิร์ฟเวอร์มีปัญหา และไอเอสพีไม่สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ เช่นเดียวกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ระบุว่าไม่สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของเฟซบุ๊กได้ชั่วคราว
ระบบโดยสารสาธารณะปรับเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานตารางการเดินทางระบบโดยสารสาธารณะในวันที่ 28 พ.ค. หลังจากปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 00.01-04.00 น. มีดังนี้ รถไฟฟ้า ทั้ง 3 ระบบ คือ บีทีเอส, เอ็มอาร์ที, และแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดให้บริการทุกเส้นทางตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.รถเมล์ขสมก. เริ่มเดินรถออกจากอู่เวลา 03.00 น. รถคันสุดท้ายเข้าอู่เวลา 24.00 น. และงดรถกะสว่างที่วิ่งทั้งคืน
รถบขส. เปิดเดินรถทุกเส้นทางตามปกติ รอบแรกเวลา 04.00 น. รอบสุดท้าย 24.00 น. ส่วนเส้นทางนครราชสีมาที่เดิมเปิด 24 ชั่วโมงให้ปรับเวลาเป็นตามเคอร์ฟิว
รถไฟ เปิดเดินรถปกติ ขบวนสุดท้ายออกจากสถานีไม่เกินเวลา 23.00 น. และรับคืนตั๋วเต็มจำนวนสำหรับผู้ที่จองล่วงหน้าแต่ไม่สะดวกเดินทางในช่วงนี้
ส่วนเรือโดยสาร เรือด่วนเจ้าพระยา คลองแสนแสบ เปิดให้บริการปกติไม่เกินเวลา 20.00 น. แต่ขยายเวลาให้บริการเรือข้ามฟากสาทร สี่พระยา เป็นเวลา 23.00-24.00 น.
สำหรับเครื่องบิน เปิดให้บริการตามปกติ 24 ชั่วโมงสำหรับผู้เดินทางระหว่างเคอร์ฟิว ให้นำบัตรโดยสาร และหนังสือเดินทางแสดงระหว่างเดินทางด้วย
ห้างเปิดถึง 4 ทุ่ม-เซเว่นฯเที่ยงคืน
ด้านนางนงนุช นามวงศ์ ที่ปรึกษาอาวุโสงานประชาสัมพันธ์การตลาด บริษัท เดอะ มอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป จะปรับเวลาการเปิด-ปิดการให้บริการเดอะ มอลล์ทุกสาขา ดิ เอ็มโพเรียม และสยาม พารากอน เป็นเวลาปกติตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2557 เป็นต้นไป ได้แก่ เดอะมอลล์ ทุกสาขา วันจันทร์-ศุกร์ เปิดบริการ 10.30-22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดบริการ 10.00-22.00 น. และดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์และสยามพารากอน เปิดบริการ 10.00- 22.00 น. ทุกวัน
รายงานข่าวฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า ร้านทุกสาขาทั่วประเทศจะเลื่อนเวลาเปิด-ปิดตามเวลาเคอร์ฟิวใหม่ คือ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 04.00 น. และปิดเวลา 24.00 น. ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.
ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) แจ้งเวลาเปิดการให้บริการธุรกรรมทางการเงินทั้งสินเชื่อ เงินฝาก และการทำนิติกรรมทุกประเภทที่จุดให้บริการในห้างสรรพสินค้าทุกแห่งทั่วประเทศ ถึงเวลาปกติ คือ 20.00 น. ตั้งแต่ วันที่ 28 พ.ค. ส่วนสาขาอื่นๆ เปิดให้บริการถึงเวลาปกติ คือ 15.30 น.
กรมกงสุลแจ้งวัฒนะเปิด 2 มิ.ย.
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธงชัย ชาญสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กรมการกงสุล ถ.แจ้งวัฒนะ พร้อมจะเปิดให้บริการประชา ชนอย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 2 มิ.ย. ได้เป็นต้นไป ซึ่งจะสามารถผลิตรูปเล่มหนังสือ เดินทาง หรือพาสปอร์ตได้ตามปกติ ประมาณ 8,000 เล่มต่อวัน หากมีประชาชนขอรับบริการทำพาสปอร์ตมากกว่านั้นก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากกำลังการผลิตของเครื่องสามารถรับได้ถึง 20,000 เล่มต่อวัน ส่วนระยะเวลาการรับเล่มพาสปอร์ต ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ใช้เวลาในการผลิตจนถึงจัดส่งเล่มทางไปรณีย์เป็นเวลา 7 วัน แต่หลังวันที่ 2 มิ.ย.ไปแล้ว ยังมีข้อจำกัดเรื่องเคอร์ฟิวทำให้ใช้เวลาผลิตพร้อมจ่ายเล่มสำหรับผู้มาขอรับเล่มด้วยตัวเองภายใน 4 วันทำการ จากปกติใช้เวลา 3 วัน
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ จนถึงวันที่ 1 มิ.ย. กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ จะยังไม่เปิดให้บริการ เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะนำอุปกรณ์ย้ายกลับไปติดตั้ง และทดสอบระบบเชื่อมโยงให้สมบูรณ์ ใน 1 - 2 วัน สำหรับผู้เข้ารับบริการที่สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว 14 แห่ง จะสามารถรับเล่มได้ตามปกติ 5-7 วันทำการ
คลังถกปรับบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
วันเดียวกัน นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คลัง ได้หารือกับนายประสงค์ พูนธเนศ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เรื่องการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ 58 แห่ง ตามโนยายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่อง จากกรรมการส่วนใหญ่เป็นบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลพรรคเพื่อไทย นักวิชาการ ทนาย และแกนนำเสื้อแดง รวมถึงส.ส.สอบตกของพรรคเพื่อไทย
นอกจากนี้ ทั้งนายรังสรรค์ และนายประสงค์ ยังหารือเรื่องข้อมูลของกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้ง 58 แห่ง ที่คสช. ให้ทำข้อมูลกรรมการทุกคนว่าใครเป็นผู้แต่งตั้ง มาจากกลุ่มการเมืองไหน เพื่อส่งให้คสช.ใช้เป็นข้อมูลในการเรียกประชุมรัฐวิสาหกิจในวัน 31 พ.ค.นี้ โดย คสช. ให้ประธานและซีอีโอ ของรัฐวิสาหกิจเข้าฟังนโยบายเท่านั้น
รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ยังมีซีอีโอของรัฐวิสาหกิจบางแห่งถูกคสช. เรียกรายงานตัวและยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา เช่น พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับการปล่อยตัวทันที่จะเข้าประชุมหรือไม่
จ่อโละ'ปธ.บอร์ด'ซีกรบ.เก่า
นอกจากนี้ ประธานรัฐวิสาหกิจที่เป็นคนใกล้ชิดของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกที่จะเข้าประชุมกับ คสช. เช่น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ประธาน ปตท. พล.ต.ท. คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ประธานการท่าเรือแห่งประเทศไทย หรือ นายสุธรรม แสงประทุม ประธานบริษัท อสมท. เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทาง สคร. ที่เป็นผู้กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ ได้ยืนยันกับทางรัฐวิสาหกิจทุกแห่งว่าจะเข้าประชุมด้วยตัวเอง หรือส่งตัวแทนเข้าประชุม เป็นดุลพินิจแต่ละบุคคล แต่ สคร. เห็นว่าประธานและซีอีโอควรเข้าประชุมด้วยตัวเอง
สำหรับ การปรับจะมีการขอให้กรรมการลาออก เพื่อเปิดทางให้กระทรวงการคลังแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพราะที่ผ่านมาทาง คสช. ก็ได้ระบุแล้วว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกรรมการรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้กรรมการรัฐวิสาหกิจลาออก แต่หากยังไม่ลาออกก็ต้องหาแนวทางอื่นต่อไป
ปปช.แนะนำเกณฑ์เลือก'บอร์ด'
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงโครงการสัมมนาระหว่างป.ป.ช.และผู้บริหารระดับสูงรัฐวิสาหกิจว่าป.ป.ช.จะเสนอแนะให้รัฐ วิสาหกิจตั้งหน่วยงานภายในขึ้นมารับผิดชอบการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านการทุจริตภายในองค์กรนั้นๆ
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.จะเสนอแนวทางแต่งตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจให้กับคสช. หลังจากพล.อ.อ.ประจินมอบนโยบายให้กระทรวง การคลังปรับเปลี่ยนคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นด้วยหรือไม่ นายภักดีกล่าวว่า ป.ป.ช.เคยเสนอหลักการตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจไปยังฝ่ายบริหารของรัฐวิสาหกิจว่ากรรมการต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำประโยชน์ให้กับรัฐวิสาหกิจนั้น หวังว่าสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะนำมาพิจารณาคัดเลือกคนที่เหมาะสมจริงๆ เพื่อป้องกันการเข้าไปทุจริตเอื้อประโยชน์ของพวกตนเอง
"การพิจารณาปรับปรุงบอร์ดรัฐวิสาหกิจใหม่นี้ควรนำเอาข้อเสนอแนะของป.ป.ช. มาประกอบการพิจารณาด้วย แต่ป.ป.ช.คงไม่นำเสนอต่อคสช. เพราะข้อเสนอแนะของป.ป.ช.ผ่านเป็นมติครม.แล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของสคร. จึงคิดว่า สคร.จะนำเสนอต่อคณะผู้มีอำนาจด้วยเพื่อพิจารณาปรับปรุงต่อไป" นายภักดีกล่าว
'บิ๊กตู่'ให้ลดขนาดหน่วยงานตร.
ในช่วงเช้า ที่บก.ทบ. มีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สนข.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแห่งราชอาณา จักร (กอ.รมน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สำนักงบประมาณ สำนักงบประมาณและสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยพล.อ.ประยุทธ์ มอบให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุมแทน เพื่อชี้แจงแนวทางกำกับดูแลและขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามนโยบายของหัวหน้าคสช. ในภาพรวมยังคงยึดถือแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่มีอยู่
ในที่ประชุมหารือถึงการปรับโครงสร้างของ ตร. ให้มีขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ส่วนสำนักงานข่าวกรอง ให้พิจารณาบรรจุกำลังพลเพิ่มเติมเพื่อรองรับงานด้านการข่าว พร้อมแก้ไขกฎหมายบางฉบับของกอ.รมน. รองรับการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและการบริหารจัดการกำลังพล
มอบนโยบายให้ศอ.บต.
ส่วนศอ.บต. ให้ยึดกลไกศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ ในการบูรณาการเพื่อเชื่อมโยงกับงานด้านการพัฒนาและความมั่นคงตามระดับของพื้นที่ จากการประเมินการทำงานที่ผ่านมาจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ เช่น การเพิ่มปลัดอำเภอและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
สำนักงบประมาณ ให้จัดทำร่างงบประมาณ ประจำปี 2558 เสนอ คสช.รวมทั้งจะหารือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี 2557 เพื่อให้เบิกจ่ายได้ตามเป้าร้อยละ 95 ในเดือนก.ย.นี้ พร้อมทั้งปรับปรุงกฎหมายวิธีการงบประมาณ ให้มีความชัดเจนและครอบคลุม รองรับสถาน การณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้
ส่วนสภาพัฒน์ให้รวบรวมแผนงานหรือโรดแม็ปของหัวหน้าคสช. มาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ หากมีความซ้ำซ้อนให้เสนอให้หัวหน้าคสช.พิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้สภาพัฒน์จะพิจารณาและนำเสนอความ เป็นไปได้และความเร่งด่วนในการจัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายหัวหน้าคสช. รวมทั้งจะติดตามวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ เพื่อเสนอแนวทางสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2557
มท.สั่งทุกจว.ตั้งศูนย์ปรองดอง
วันเดียวกัน นายประภาศ บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0214/ว 1234 เรื่อง แนวปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนถึงผู้ว่าฯทุกจังหวัด โดยระบุว่า ห้ามเล่นการพนัน กำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอาสาสมัครทุกหมู่เหล่า ร่วมกันสอดส่องและจับกุมอย่างจริงจังในเรื่องการพนันทุกประเภท อาทิ บ่อนการพนัน ตู้ม้า หวยใต้ดิน พนันบอล เป็นต้น มิให้มีการลักลอบเล่นการพนันในพื้นที่ โดยดำเนินการตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ให้ตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ระดับจังหวัด โดยรับอาสาสมัครช่วยทำงานด้านประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ารักสามัคคีกัน ให้ความร่วมมือกับภาคราชการ เพื่อเดินหน้าการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องและยั่งยืน ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงและทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งมุ่งเน้นให้ประชาชนไทยมีระเบียบวินัย รักษากฎหมายมากยิ่งขึ้น
เชียงใหม่รับเงินจำนำข้าวชื่นมื่น
จ.เชียงใหม่ นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.เชียงใหม่ พล.ต.ศรายุธ รังษี ผบ.มทบ.33 และนายศักดิ์ชัย คำเรืองฤทธิ์ ผอ.ธ.ก.ส.เชียงใหม่ ร่วมกันจ่ายเงินจำนำข้าวให้แก่ชาวนา สำหรับโครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/57 ที่ธ.ก.ส.สาขาสันกำแพง โดยมอบเงินให้เกษตรกรที่รอเงินรับจำนำข้าว 11,318 ราย วงเงิน 800 ล้านบาท โดยจะทยอยจ่ายเงิน ดังกล่าวเข้าบัญชีเกษตรกรลูกค้าตามคิว ใบประทวนที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ตามลำดับก่อนหลังอย่างเคร่งครัด โปร่งใส คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 เดือน นับจากนี้
สำหรับการดำเนินงาน โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ณ วันที่ 26 พ.ค. 57 สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดเชียงใหม่ มียอดใบประทวนรวมทั้งสิ้น 28,606 ราย ข้าวเปลือก 137,433 ตัน จำนวนเงิน 2,211 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส.ทยอยจ่ายไปแล้ว 17,288 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 87,822 ตัน เงิน 1,412 ล้านบาท