WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8760 ข่าวสดรายวัน


ชูป้ายต้าน-บนเขา ก็โดนจับ ปรับทัศนคติ 2 สาว 
เหนือยอดดอยเชียงดาว ทหาร-ตร.รอซิวข้างล่าง 'บิ๊กตู่'ฮึ่มย้ายรูดยก'มท.'หยันคสช.-ฝักใฝ่ขั้วเก่า เลื่อน 2 รมต.-ถวายสัตย์

ตั้งด่านจับ- ทหาร-ตำรวจสภ.เชียง ดาว จ.เชียงใหม่ ตั้งด่านจับกุมน.ส.ศิริพร ฉายเพ็ชร และน.ส. จินดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ โพสต์ต่อต้านคสช.-กฎอัยการศึก บนยอดดอยหลวงเชียงดาว เมื่อวันที่ 21 พ.ย.

     ทหาร-ตำรวจเชียงใหม่ตั้งด่านดักจับ 2 สาวโพสต์ต้านคสช.-อัยการศึกบนดอยเชียงดาว ด้าน'บิ๊กตู่' ฮึ่มข้าราชการมหาดไทย พูดหยันคสช.ว่าจะอยู่แค่ปีเดียวก็ไปแล้ว ชี้ฝักใฝ่ขั้วอำนาจเก่า ขู่จับย้ายให้หมด ยืนยันไม่ได้เป็นเผด็จการแต่ยังคืนประชาธิปไตยให้ไม่ได้ เตือนกลุ่มเคลื่อนไหวอย่าใช้หนังฮังเกอร์เกมส์เป็นเครื่องสู้กับรัฐบาล โต้กลับ 102 ปัญญาชนยันไม่เลิกอัยการศึกในขณะนี้ แบ่งงานรองนายกฯ ให้'ยงยุทธ-บิ๊กเจี๊ยบ'ดูแลภาคอีสาน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก'วัชระ เพชรทอง'หมิ่นประมาท'จตุพร' 

ประยุทธ์ลั่น"ผมไม่ใช่เผด็จการ"

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล "ไทยแลนด์ เอ็นเนอร์จี้ อวอร์ด 2014" โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ความไม่เข้าใจยังคงมีอยู่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย ตนไม่ได้รังเกียจรังงอนใคร ตั้งใจดีและบริสุทธิ์ใจเข้ามาแก้ปัญหา พร้อมจะถอยห่างออกไป แต่ถ้าเราไม่ทำวันนี้ ก็ไม่สามารถเดินยุทธ ศาสตร์ชาติได้ เราต้องช่วยกันทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปให้ได้ ทุกเรื่องรัฐบาลพร้อมรับฟัง แต่ขอให้เป็นช่องทางให้ถูกต้องและเกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ออกมาต่อต้านทุกเรื่อง

    นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลและครม.ทุกคนตั้งใจทำงานแก้ปัญหา ผลน่าจะออกมาดี แทนที่จะมาต่อต้านหัวหน้าคสช.หรือนายกฯอย่างเดียว มันไม่เกิดประโยชน์ วันนี้เราต้องเดินหน้าประเทศไปให้ได้ ซึ่งนานาประเทศต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพและยินดีมาลงทุนกับไทย 

    "ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ใช่เผด็จการ เมื่อเราเป็นคนไทยก็ควรช่วยกัน อย่ามากล่าวว่าผมมาผิดหรือมาถูก และมันไม่ใช่เวลา ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์เรื่องเดอะ ฮังเกอร์เกมส์ 3 ตอน ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ต 1 ต้องดูว่าคนที่มานั้นเขามาทำเพื่อประเทศชาติหรือเปล่า ต้องไปดู มันไม่ใช่ มีคนสรุปออกมาแล้วว่ามันไม่ใช่ เข้าใจผิด เรื่องหนังไม่ได้มุ่งมาสู้กับผม มันไม่ใช่ หนังคือหนัง สร้างขึ้นมา อย่ามาใช้ประโยชน์จากเขา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ชี้ชู 3 นิ้วเป็นปัญหาทางกฎหมาย

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากบอกและสื่อสารออกมา เพราะคิดทั้งวันทั้งคืน ตื่นมาก็คิด เห็นได้จากหน้าตาที่ทรุดโทรมและป่วย ไม่สบายก็ทน อยากให้ทุกคนให้กำลังใจในการขับเคลื่อนประเทศ ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่มีกินเกาเหลา รัฐบาลนี้ไม่มีเกาเหลาขาย เป็นรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อชาติ ยืนยันว่ารัฐบาลเดินหน้าทำทุกภารกิจของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ตนไม่เคยว่าใครจะเป็นอย่างไร เพราะทำงานให้ทุกคน ถ้าไม่ผิดกฎหมายตนลืมทั้งหมด แต่ถ้าผิดกฎหมายค่อยว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม

    จากนั้น เวลา 10.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสของนักศึกษาเรื่องสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วว่า ไม่ห่วง แต่จะเป็นปัญหาทางกฎหมาย มันจะทำให้เสียอนาคตและตนไม่อยากทำ วันนี้บอกแล้วว่าให้ระวัง ได้สั่งการให้พูดคุย ตักเตือนและปล่อยตัวไปแล้ว ถ้ายังทำอีกก็ยุ่งอีก อย่าทำเลย มันไม่มีประโยชน์

    เมื่อถามว่า นายกฯได้ดูภาพยนตร์เรื่องเดอะฮังเกอร์ เกมส์ล่าสุดแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ดู แต่ดูตอนที่ 1 มันเป็นเรื่อง ดราม่า ไม่ใช่เรื่องจริง ส่วนจะถึงขั้นไม่ให้ฉายเรื่องนี้ต่อหรือไม่นั้น ตนไม่เคยยุ่ง จะฉายหรือไม่ฉายก็เป็นเรื่องของเขา ทั้งนี้ สื่อต้องช่วยชี้แจงว่ามันไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน 

ไม่ได้เป็นศัตรูใคร-อย่าขวางทำงาน

     เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะบานปลายในระดับกลุ่มปัญญาชน นายกฯ กล่าวว่า ก็ช่วยหยุดเขา สื่อต้องไปบอกและที่บอกว่าเป็นปัญญาชนก็ต้องรู้จักคิด ตนชมเชยในความกล้าหาญ แต่ต้องใช้ความกล้าหาญในทางที่ถูก อนาคตประเทศถึงจะเดินหน้าได้ สถานการณ์เป็นแบบนี้ ต้องขอไว้ก่อน วันนี้ได้ข่าวว่าไปดร็อปการเรียนหนังสือ มันไม่ใช่เรื่อง เสียเวลา แต่ตนคงไม่ขอร้องอธิการบดีให้ช่วยตักเตือนนักศึกษา ทุกคนต้องช่วยกัน

    "ผมอาจจะไม่ใช่ประชาธิปไตย 100 % แต่อยากถามว่าการที่เป็นประชาธิปไตย 100% แล้วทำอะไรให้กับประเทศไทยได้บ้าง ไปหาคำตอบให้ผม พูดไปแบบนี้เดี๋ยวก็ลามปามไปทะเลาะกับคนนั้นคนนี้อีก รู้หรือไม่ว่าเราทำอะไรไปบ้าง ไม่ใช่สักแต่พูดแล้วจบ คิดทุกอย่างให้เกิดความเชื่อมโยง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา จึงจำเป็นต้องพูดทุกวัน แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แต่ขอร้องว่าอย่ามาขัดขวางการทำงาน ซึ่งผมพร้อมรับฟังทุกเรื่อง นักศึกษาทุกคนมีอะไรก็ส่งมา แต่อย่ามาขอความเป็นประชาธิปไตย อย่ามาขอการเลือกตั้ง ผมให้ไม่ได้ ผมขอเรื่องเดียว อย่ามาขัดขวางการทำงาน มันไม่ใช่เวลา เพราะที่ผ่านมาทุกคนก็น่าจะคิดได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     เมื่อถามว่า ประเมินแล้วมีอีกมากหรือไม่กับพวกที่มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ

ย้ำไม่เลิกอัยการศึก-ฉุนถามทุจริต

    เมื่อถามถึงกลุ่มนักเขียนและนักวิชาการ 102 คน เสนอให้ยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึก นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่เลิก ถึงเมื่อไรก็เมื่อนั้น ส่วนการลงพื้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันจะลงไปทุกพื้นที่ ตนเอาเจตนาบริสุทธิ์ เอาตัวและหัวใจ เอาความตั้งใจทำงานให้คนทั้งประเทศ อยากรู้เหมือนกันว่าใครจะเกลียดตน 

     เมื่อถามว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุจะมีการผ่อนคลายคำสั่ง คสช. และกฎอัยการศึก นายกฯว่า ก็เป็นข่าว ตนเป็นใคร นายวิษณุเป็นใคร เรื่องกฎหมายก็ให้นายวิษณุ พูดไป แต่ตนเป็นผู้รับผิดชอบ

     เมื่อถามว่า เจอ 3 นิ้วจะไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อก็อย่าบอกให้มา สื่อจะมาถามอย่างนี้ได้ยังไง ต้องช่วยตน เมื่อถามว่าถ้าทำไม่ดีก็วิจารณ์ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถามย้อนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า อะไรที่ไม่ดีให้บอกมา 

    เมื่อถามว่า หากรัฐมนตรีหรือคนในรัฐบาลบางคนทุจริตสามารถวิจารณ์ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครทุจริต มีหลักฐานหรือไม่ หากมีหลักฐานเอามา ตนจะปลดเอง ไม่ต้องวิจารณ์ ตอนนี้ไม่มีหลักฐานก็ไปหามา ไม่ใช่ไปย้อนกลับว่าสมัยก่อนเขารวยอะไร เป็นคนละเรื่อง และกฎหมายป.ป.ช.มีอยู่ ตนถามป.ป.ช.เองว่าเมื่อติดประกาศแล้วเขามีกลไกตรวจสอบอยู่ต้องให้กลไกเขาทำ ประชาชนหากเห็นว่ามันทุจริตมันไม่ดี ก็ร้องเรียนเข้ามา มีช่องทางอยู่ ถ้าด่ากันไปมา ท้ายสุดก็ทำงานไม่ได้ จะหาใครมาทำ อย่าตีกันอย่างนี้จะทำงานไม่ได้ คนที่มีแนวโน้มทุจริตในอดีต เป็นนิทานอีสปน่าจะเป็นหมาป่ากับลูกแกะ 

เตือนชาวนาอย่ากดดันรัฐบาล

    เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าไม่มาก็ช่วยไม่ได้ คนในสนช. และสปช.มีอยู่ แต่ตัวหลักๆ ไม่ได้เข้ามา เขาส่งตัวเล็กเข้ามา และการปฏิรูป ตนเริ่มตั้งแต่ คสช. มีการสรุปหนังสือความเห็นทั้ง 11 เรื่อง และมีความ เห็นจากแกนนำพรรค ซึ่งเขาร่วมมาตั้งแต่ต้น หากจะเพิ่มเติมตรงไหนก็เติมเข้ามาแล้วจัดสรรช่วงเวลา หากอะไรทำได้ก็ทำเลย ถ้าติดปัญหาข้อกฎหมายก็ทำให้ได้ภายใน 1 ปี ถ้ารัฐบาลนี้ทำไม่ได้ รัฐบาลต่อไปก็ต้องทำ ให้ได้

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เรียกร้องว่ามาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ให้ชาวนาไร่ละ 1,000 บาทไม่เพียงพอนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะหาเงินจากไหนมาให้ ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง รัฐบาลก็มีภาระ มีปัญหาอยู่ขณะนี้ ใครอะไรมาก็กดดันรัฐบาลหมด มันไม่ใช่เรื่อง

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับครม.เพิ่มนั้น เพื่อให้มาช่วยงานและแบ่งงานกัน วันนี้มีปัญหาเยอะที่เราต้องแก้ให้ทันใน 1 ปี และไม่ใช่งานไม่เดินหน้า แต่ทำไม่ทัน ทั้งนี้ อย่าเพิ่งเขียนว่าจะมีปรับเปลี่ยนตำแหน่งในครม. อย่าเขียนให้เสียหาย และรัฐบาลนี้ไม่มีเกาเหลา ไม่กินก๋วยเตี่ยว 

โต้ตั้งพรรคทหาร-ถามคนปูดข่าว

     เมื่อถามว่าครม.หลายคนถูกวิจารณ์ว่าไม่มีผลงาน นายกฯ กล่าวว่า พูดมาคนไหนบ้าง ด้านเศรษฐกิจ งานไม่เดินตรงไหน ตนบอกแล้วว่าตัวเลขที่ขึ้นมา 1 เปอร์เซ็นต์นั้นมีอะไรบ้าง การส่งออกซึ่งจากเดิมติดลบอยู่ วันนี้ติดลบน้อยลง ทุกอย่างดีขึ้น เราทำกันมาตลอด ข้าวราคากระเตื้องขึ้นเรื่อยๆ ต้องใช้เวลา งานทั้งหมดมีการหารือกันและนำนโยบายลงไป มีการติดตามประเมินผล เราทำงานแบบนี้


โดนอีก- ทหารคุมตัวนายนิติพงศ์ สำราญคง ชาว จ.เชียงใหม่ มาพูดคุยทำความเข้าใจ หลังโพสต์ภาพชู 3 นิ้วที่ข่วงประตูท่าแพ ผ่านทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เมื่อวันที่ 21 พ.ย.

      ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสงสัยเรื่องการตั้งพรรคทหาร ทั้งที่ย้ำมาตลอดว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าสงสัยก็ไปถามให้คนที่สงสัยว่าไปเอามาจากไหน ตนไม่รู้ ไม่เคยพูด ไม่เคยคิดจบแล้วตรงนั้น ไปเขียนกันให้เลอะเทอะกันไปเรื่อย พอแล้ว 

ขู่ขรก.มหาดไทยฝักใฝ่-ฮึ่มจับย้าย

      จากนั้นเวลา 13.30 น. นายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2557 ที่กระทรวงมหาดไทย โดยมีการรายงานภารกิจและสรุปผลดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้ทำงานตามแผนงานนโยบาย และยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ยอมรับว่าเป็นห่วงการทำงานในพื้นที่ เช่น ปัญหาการเพาะปลูก ราคาสินค้าเกษตร และการแก้ปัญหาขยะ ให้แต่ละกระทรวงลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การทำงานต้องเจออุปสรรค อย่าท้อถอย ใจเย็นในการแก้ปัญหา และอย่าทำงานด้วยความหวาดระแวง แต่ขอให้สร้างวัฒนธรรมให้เกิดความรักกันในหน่วยงาน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการตอนหนึ่งด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า "มีพวกข้าราชการพูดกันว่าพวกผมมาอยู่แค่ ปีเดียวเดี๋ยวก็ไป พวกนี้ยังฝักใฝ่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ เดี๋ยวจะจับย้ายให้หมดเลย"

     เมื่อเวลา 16.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแต่งชุดปกติขาวเต็มยศ กล่าวหยอกล้อกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทยที่มาถ่ายภาพว่า ขอให้ถ่ายให้ชัด พร้อมเรียกข้าราชการเหล่านั้นมาถ่ายรูปหมู่ด้วย 

ผบ.ตร.เตือนน.ศ.ชู 3 นิ้วต้านรบ.

      ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวกรณีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารด้วยสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วของกลุ่มนักศึกษาหลายสถาบันที่ลุกลามอยู่ขณะนี้ว่า ตำรวจยังคงใช้นโยบายเดิมเน้นการพูดคุยและติดตามการเคลื่อนไหว โดยทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจและทหาร ทั้งนี้จะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่ง ใช้วิธีคุมตัวปรับทัศนคติก่อนปล่อยกลับบ้าน หากเหตุลุกลามบานปลายมีการชุมนุมเคลื่อนไหวมากขึ้นกว่านี้ เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด เพื่อดำเนินคดี

     พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ฝากเตือนประชาชน และนักศึกษาคิดให้ดีก่อน หากพลาดพลั้งทำผิดกฎหมายจนถูกดำเนินคดีจะมีประวัติติดตัวไปตลอดชีวิต และทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเสียใจ ไม่อยากให้ทำอะไรด้วยความคึกคะนอง สนุกสนาน หรือเพื่อนฝูงพาไป เพราะขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่ต่างชาติให้ความเชื่อถือ ประชาชนก็มีความศรัทธาในรัฐบาล 

     ส่วนกระแสต่อต้านเริ่มกระจายเข้าใน กทม.แล้วนั้น ผบ.ตร.กล่าวว่าตำรวจและทหารไม่ประมาท เฝ้าติดตามหาข่าวอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ลุกลามบานปลายมากขึ้น อยากขอร้องว่าขณะนี้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า หากคนส่วนน้อยเห็นแก่คนส่วนใหญ่ ความวุ่นวายจะไม่เกิดขึ้น ส่วนความจำเป็นในการคงกฎอัยการศึกไว้นั้น นายกฯชี้แจงไปแล้ว 

    เมื่อถามว่า ตรวจสอบหรือไม่ว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เราติดตามอยู่ แต่ไม่มองแง่ร้ายทุกเรื่อง เราไม่ประมาท ตรวจสอบหาข้อมูลอยู่ตลอด

"บิ๊กติ๊ก"สั่งเข้มเหนือ-ซ้ำขอนแก่น

     ด้านพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารของนักศึกษาว่า เน้นย้ำในที่ประชุม กองทัพบก โดยเฉพาะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก งานด้านการข่าวต้องแม่นยำ รัดกุมมากกว่านี้ ยิ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงจะมีกลุ่มต่อต้านออกมาแสดงสัญลักษณ์ ประสานหน่วยงานในพื้นที่เตรียมมาตรการป้องกัน ใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแนวทางหาวิธีป้องกันเพราะเราอยากเห็นประเทศมีบรรยากาศที่ดี สามัคคีและคิดเห็นในแนวทางเดียวกัน 

      พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า การดำเนินการกับกลุ่มคนที่ออกมาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้าน ยังคงเน้นพูดคุย ทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติเหมือนที่ผ่านมา ส่วนที่นายกฯเตรียมลงพื้นที่ภาคเหนือนั้น ยังไม่ทราบว่าจะลงไปเมื่อใด แต่ทราบว่านายกฯจะลงไปเยี่ยมประชาชนทุกภาค ขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาที่เหมาะสม จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องเตรียมดูแลความปลอดภัยให้กับนายกฯ ในภาค เหนือ พล.ท.สาธิต พิชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 คงเตรียมมาตรการดูแลอยู่แล้ว เพราะได้เน้นย้ำแล้วว่าอย่าให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนที่จ.ขอนแก่น

'มท.1'ไม่อยากให้เลียนแบบ

      ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงเรื่อง ดังกล่าวว่า ไม่อยากให้เป็นประเด็นจนเกิดความแตกแยก ขอร้องไม่อยากให้เกิดการเลียนแบบ ยืนยันว่าคิดต่างได้ แต่ขอให้เชื่อว่าหากเกิดความแตกแยกอีกครั้ง จะเกิดผล กับเศรษฐกิจ สังคม การท่องเที่ยวและการพัฒนาประเทศ ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่ จะห้ามคนคิดต่าง แต่ขอให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจรัฐบาลด้วย เราเข้าใจเรื่องเสรีภาพ แต่หากนำไปสู่ความ ขัดแย้งรุนแรงขึ้นอีกจะมีแต่ความเสียหาย ขอย้ำว่ารัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาและเราไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร 

    เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า มีเพียงคนส่วนน้อยที่ทำแบบนี้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังให้โอกาสรัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหา ทำงานตามกำหนดที่วางไว้ ขอร้องทุกฝ่ายว่าเราเข้าใจเรื่องสิทธิ เสรีภาพ แต่อะไรที่นำไปสู่ความ ขัดแย้ง อย่าทำเลย

ผบช.ภ.4 วอน'ดาวดิน'อย่าทำอีก

     ด้านพล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มนักศึกษาในนามกลุ่มดาวดิน 5 คน แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ไม่พอใจรัฐบาล ซึ่งฝ่ายทหารได้เชิญแกนนำทั้ง 5 คน ไปปรับทัศนคติและปล่อยตัวไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่านักศึกษาดังกล่าวต้องการแสดงออกในสิทธิของเขา นั่นเป็นการแสดงออกของเยาวชน ซึ่งอาจารย์มหาวิทยาลัยที่นักศึกษาเรียนอยู่ และฝ่ายผู้ปกครอง พร้อมฝ่ายทหารได้พูดคุยกันจนเป็นที่เข้าใจ และให้นักศึกษาดังกล่าวกลับไปเรียนหนังสือตามปกติ 

      "เรื่องที่เกิดขึ้นฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจดูเจตนาของนักศึกษาในกลุ่มนี้ ถือเป็นการแสดงออกในรูปแบบประชาธิปไตย ไม่มีเหตุร้ายหรือรุนแรงเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วสงบไปในรวดเร็ว เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ถ้ามีการแจ้งความก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ทราบว่าผู้เสียหายไม่แจ้งความเอาผิดกับนักศึกษาที่มาชุมนุม แต่ได้เตือนว่าอย่าทำขึ้นอีก ถ้าเป็นครั้งที่สองจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแน่นอน" พล.ต.ท.บุญเลิศกล่าว

'อมรา'โผล่แล้ว-ป้องสิทธิ์ชู 3นิ้ว

      ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) กล่าวว่า กสม.เคยชี้แจงและแจ้งไปแล้วว่าจุดยืนของกสม.คือไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก หรือการปฏิวัติใดๆ หากรัฐบาล หรือ คสช. ยืนยันว่า จำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึก ต้องอธิบายต่อสังคมและประชาชนให้ได้

      นางอมรา กล่าวว่า ส่วนที่นักศึกษาถูกนำตัวไปขณะที่ยืนชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารนั้น การแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่นักศึกษาทำได้ แต่หากรัฐบาล คสช. มองว่าขัดกฎอัยการศึกก็ต้องอธิบายให้ได้เช่นเดียวกับเหตุผลของการประกาศใช้กฎอัยการศึก ส่วนตัวมองว่าการออกมาแสดงความเห็นลักษณะดังกล่าวจะไม่หมดไปเพราะยังมีกลุ่มที่ต้องการแสดงความเห็นต่าง และจะกลับมาอีกซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต

กมธ.ยกร่างฯ น้อมนำพระราชดำรัส

      ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า กมธ.ยกร่างฯ มีมติขอน้อมนำพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2540 โดยจะยึดถือเป็นต้นแบบในการยกร่าง ไม่ให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีเนื้อหาที่ยาวจนเกินไป จะบรรจุแต่หลักการสำคัญไว้ ส่วนรายละเอียดเนื้อหาจะนำไปบัญญัติในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ตามแนวทางที่กมธ.ยกร่างฯ ได้ประชุมร่วมกับคสช. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.

      นายคำนูณ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯ จัดทำกรอบเวลาการยกร่างทั้งกระบวนการตามลำดับดังนี้ วันที่ 1 ธ.ค. อนุ กมธ.10 คณะ ส่งกรอบแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญให้กมธ.ยกร่างฯ วันที่ 1-10 ธ.ค. กมธ.ยกร่างฯ พิจารณากรอบแนวทางยกร่างฯ เบื้องต้น วันที่ 15-17 ธ.ค. กมธ.ยกร่างฯ ร่วมประชุม กับสปช.เพื่อรับฟังความเห็น วันที่ 18-26 ธ.ค. กมธ.ยกร่างฯ แก้ไขกรอบแนวทางเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ วันที่ 19 ธ.ค. สปช.จะเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อกมธ.ยกร่างฯ วันที่ 5 ม.ค.58 จะเริ่มยกร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นเป็นรายมาตรา ด้วยภาษากฎหมายตามกรอบแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 17 เม.ย.58 เป็นวันสุดท้ายที่กมธ.ยกร่างฯ จะจัดทำแนวทางร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จ จากนั้นเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อประธาน สปช. และเสนอให้ครม.และคสช.ด้วย 


สิริมงคล- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2557 ที่ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย.

เน้นออกกม.ลูก-ปฏิรูปแท้จริง

     นายคำนูณ กล่าวว่า วันที่ 6 เม.ย.2558 วันสุดท้ายที่สปช.ต้องพิจารณาเสนอแนะ หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญให้เสร็จ วันที่ 16 พ.ค.58 วันสุดท้ายที่ครม.และคสช.เสนอความเห็นหรือยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติม วันที่ 25 พ.ค.2558 วันสุดท้ายที่สปช.ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อกมธ.ยกร่างฯ วันที่ 23 ก.ค.2558 วันสุดท้ายที่กมธ.ยกร่างฯ ต้องพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมให้เสร็จ และเสนอสปช.ให้พิจารณา วันที่ 6 ส.ค.2558 วันสุดท้ายที่สปช.ต้องมีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรม นูญทั้งฉบับ และวันที่ 4 ก.ย.2558 วันสุดท้าย ที่ประธานสปช.ต้องนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ 

       นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อนุกมธ.จัดทำข้อเสนอแนะในการตราหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่มีนายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นประธาน จะเป็นผู้พิจารณา การที่กมธ.ยกร่างฯ ให้ความสำคัญกับการ ร่างกฎหมายลูกเนื่องจากนำบทเรียนการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มา ทบทวน พบว่าทั้ง 2 ฉบับมีหลักการที่ดีแต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติใช้จริงเนื่องจากไม่มีการออกกฎหมายลูกเพื่อรองรับการปฏิบัติ ดังนั้น รัฐธรรมนูญในอนาคตจะต้องมีบทบัญญัติที่บังคับให้ออกกฎหมายลูกเพื่อนำสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง 

      นายคำนูณ กล่าวอีกว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะตราออกมานั้น อาทิ ร่างพ.ร.บ.กกต. ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ร่างพ.ร.บ.พรรคการเมือง ร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับวินัยการเงิน การคลัง รวมถึงร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งด้วยหรือไม่ 

ทนายยิ่งลักษณ์ยื่นเพิ่มเติมพยาน

      เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นหนังสือขอเพิ่มเติมพยานเอกสารต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อ 153 ก่อนที่สนช.จะประชุมเพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดีถอดถอนปมโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ผ่านนายทศพร แย้มวงษ์ ผอ.สำนักกำกับและตรวจสอบ วุฒิสภา 

     นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เพื่อให้การพิจารณาถอดถอนถูกต้องและเป็นธรรม หากตรวจสอบรายงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพบว่าไม่มีข้อพิจารณาหรือข้อวินิจฉัยใดๆ เกี่ยวกับพยานเอกสารของผู้ถูกกล่าวหาเลย หากหลักฐานดังกล่าวเข้าที่ประชุมสนช. เชื่อว่าอาจชี้มูลความผิดไม่ได้ และยืนยันว่าการยื่นเอกสารดังกล่าวไม่ได้ประวิงเวลาดำเนินคดี แต่เพื่อความเป็นธรรมและข้องใจในข้อกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่แต่เป็นเอกสารที่ ป.ป.ช.รับอยู่ในรายงานไต่สวนแล้ว แต่ไม่ได้นำเข้าพิจารณาของกรรมการป.ป.ช.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่ยื่นเพิ่มเติม ประกอบด้วย มติครม. รายงานของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และข้อสั่งการของนายกฯ

ป.ป.ช.เล็งธ.ค.-ยื่นฟัน 268 ส.ส.

     ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิ การคณะกรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการไต่สวนกรณีถอดถอน 268 ส.ส. ปมแก้รัฐธรรมนูญ ที่มาส.ว.ว่า มีการแยกประเด็นเพื่อไต่สวนและวินิจฉัยเป็นกลุ่มๆ ในลักษณะเดียวกับที่ไต่สวนส.ว.ที่ผ่านมา มีการแจ้งข้อกล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหาไปจำนวนมากแล้ว คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นาน คงจะสรุปเพื่อรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ได้ภายในเดือนธ.ค. ก่อนปีใหม่นี้แน่นอน

    นายสรรเสริญ กล่าวถึงผลการประชุมคณะทำงานร่วมป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด(อสส.) กรณีไร่ส้มเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่อสส.เห็นชอบที่จะส่งฟ้องในคดีนี้เอง

'บิ๊กตู่'ออกทีวียืนยันยึดถูกต้อง

     เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ'คืนความสุขให้คนในชาติ'ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความเสียใจกับกรณีเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกประสบอุบัติเหตุ ทำให้นายทหารเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ 9 นาย ซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่ระดับรองแม่ทัพรวมอยู่ด้วย 

     นายกฯ กล่าวถึงการช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องเงินอุดหนุน หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำต่างๆ ว่า เป็นการแก้ไขปัญหาเพียงชั่วคราว ยังไม่ยั่งยืน รัฐบาลจะต้องใช้วิธีทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ในการขับเคลื่อน ประชาชนต้องปรับตัว มีกระบวนการคิดที่ดีให้เกิดการร่วมมือกัน คงไม่ใช่การรวมกลุ่มเพื่อสร้างเงื่อนไขแต่เพียงอย่างเดียว ต้องรวมกลุ่มกันช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันแก้ไข หากยังไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อใจกัน ยังหวาดระแวงกันอยู่ โดยคนบางกลุ่มยังไม่ปรับทัศนคติ ปัญหาต่างๆ คงแก้ไขไม่ได้ทั้งวันนี้และในอนาคตด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันจุดยืนในการรักษาความถูกต้องและผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เราจะร่วมกันก้าวผ่านกับดักของประเทศให้ได้ เพื่อนำประเทศก้าวไปข้างหน้า

      นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาข้อขัดข้องสำคัญที่รัฐบาลและคสช.ได้ประสบและประเมินแล้ว พบว่า การขับเคลื่อนนโยบายใหม่ๆ หรือการแก้ปัญหานั้น ต้องมีความเข้าใจให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นจะเกิดการต่อต้าน ไม่ร่วมมือ ปลุกปั่น ซึ่งอาจเกิดจากผู้มีอิทธิพล ผู้แสวงหาผลประโยชน์ทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ซึ่งยังคงมีอยู่ ฉะนั้นการเคลื่อนไหวใดๆ ต้องคำนึงถึงความสงบสุขของประเทศและประชาชนโดยรวม เราไม่เคยมีความขัดแย้งกัน ขอวิงวอนให้ทำหน้าที่อย่างเหมาะสม สร้างความก้าวหน้าเข้มแข็งให้กับประเทศในอนาคตด้วย

เผย 3 ปมที่จะเกิดความขัดแย้ง

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือเรื่องที่ขัดแย้งกันอยู่ทั้งอดีตและปัจจุบัน เราอยากให้ทุกฝ่ายมาร่วมหารือนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม หากยังคงถูกต่อว่าจากบางกลุ่ม บางฝ่ายว่าเราสร้างปัญหา และนำปัญหาเดิมๆ มาตำหนิการทำงานของเราในวันนี้ก็ไม่ถูกต้อง รัฐบาลพยายามสร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง อำนาจบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการต้องมีการถ่วงดุลกัน หากทุกคนยึดถือกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม ปราศจากความกดดัน ใช้กระบวนการยุติธรรม ปกติมาบังคับแก้ไข ก็คงไม่มีเรื่องขัดแย้งกันอีกต่อไป จึงไม่อยากให้ทุกคนเร่งรัดหรือชี้นำแล้วตัดสินกันเอง ตามอารมณ์ความรู้สึก

      นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลยึดมั่นในความเป็นกลางระหว่างถูกกับผิดกฎหมาย ไม่ใช่เป็นกลางระหว่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใครทำผิดก็ว่าไป ใครทำถูกก็ว่าไป เราดูแลให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เพื่อรักษาบรรยากาศปรองดองของคนในชาติ สรุปแล้วสิ่งที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตคือ 1.การตัดสินคดีต่างๆ การใช้กระบวนการยุติธรรม หากไม่ได้รับการยอมรับแล้วมีผู้เห็นต่าง ปลุกระดมประชาชน ใช้คำพูด ใช้สื่อที่อาจไม่เป็นกลาง จะทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายได้อีก 2.เจ้าหน้าที่ถูกกดดัน ทำงานภายใต้สภาพแรงกดดัน ทำให้การใช้วิจารณญาณหรือการดำเนินการไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือหลักฐาน หรือกฎหมาย 3.สื่อ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ โซเชี่ยลมีเดียทั้งในและนอกประเทศ ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดแค้น ชิงชังไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก เผยแพร่ข้อมูลในลักษณะเฮต สปีช จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ส่วนใหญ่ไม่จริง มีวัตถุประสงค์แอบแฝง

ย้ำไม่ดำเนินคดีนักศึกษา-ขอเพลาๆ

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนสื่อนั้น ขอร้อง ทั้งเจ้าของ บรรณาธิการ สำนักพิมพ์ สื่อมวลชน พิธีกรรายการ ขอให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองว่าหากจะใช้เสรีภาพของสื่อว่าไม่มีขอบเขต ไร้ขอบเขต อาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อประเทศชาติในสภาวการณ์แบบนี้ รัฐบาลและ คสช.ไม่เคยมีความคิดใช้ความรุนแรงใดๆ กับสื่อ ก็ชี้แจงทำความเข้าใจกัน วันนี้ตนสั่งให้นำผลสรุปของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยของสถานีโทรทัศน์ มาดูซึ่งก็ดูดี ตนจะให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สนช. ไปศึกษาเพื่อนำแนวความคิดเหล่านั้นมาดำเนินการ ถ้าทำให้ถูกช่องทางก็ไม่มีใครมาก้าวล่วง 

      "ในภาพรวมนั้น รัฐบาลและคสช. ยึดแนวทางสร้างปรองดอง พูดคุยสร้างความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์ กฎหมายคือกฎหมาย อย่านำมาปนกัน ทุกครั้งผมต้องพูดแบบนี้ เพราะผมพูดคำว่าปรองดองทีไรมีปัญหาทุกที ผมไม่ได้ปรองดองใครกับใคร ผมปรองดองคนในชาติ ถ้ามีพวกมีฝ่ายก็ไปหาทางเรื่องกฎหมายกันเอง วันก่อนทุกคนเป็นห่วง มีนักศึกษามา ผมไม่ได้โกรธเคือง อยากอธิบายเด็กๆ ให้ทราบ ครูอาจารย์ด้วยว่า วันนี้เราต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศ เราไม่ได้มุ่งหวังเพื่อทะเลาะกับใคร โดยเฉพาะนักศึกษา เด็ก ขอร้องแล้วกัน เราสั่งไปแล้ว ไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรง ขอให้เบาๆ ลงบ้าง" นายกฯ กล่าว

ดักจับ 2 สาว-ต้านคสช.บนดอย

    กรณีมีการเผยแพร่ถ่ายภาพผู้หญิงใช้ผ้าปิดหน้า เขียนข้อความด้วยหมึกแดงว่า"ยกเลิกกฎอัยการศึก" และหมึกสีดำ'ไม่เอา คสช.'โดยนั่งถ่ายบนป้ายจุดสูงสุดยอดดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อ วันที่ 19 พ.ย.นั้น

     เมื่อเวลา 07.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และทหารกองกำลังผาเมือง จึงตั้งด่านตรวจทางขึ้น-ลงดอยหลวงเชียงดาว พบรถยนต์เก๋งนิสสันสีขาว ทะเบียน 1กฉ 8786 กรุงเทพฯ และพบคนที่ถ่ายภาพและเขียนข้อความดังกล่าวในรถยนต์คันดังกล่าว คือ 1.น.ส.ศิริพร ฉายเพ็ชร อายุ 39 ปี 2.น.ส.จินดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ อายุ 30 ปี จึงเชิญตัวไปสอบสวนที่สภ.เชียงดาว 

     ทั้งสองรับสารภาพว่าได้โพสต์จริง โดยนั่งถ่ายบนป้ายจุดสูงสุดยอดดอยหลวงเชียงดาว 2,225 เมตรจากระดับน้ำทะเลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว โดยมาร่วมอบรมเรียนรู้กับละครไทเก็กกับกลุ่มมะขามป้อม ที่ต.เชียงดาว เมื่อวันที่ 19 พ.ย.และพากันขึ้นไปเที่ยวยอดดอยหลวงและเขียนข้อความและขอให้นายปึ๊ก นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯและน.ส.จินดารัตน์ ถือข้อความ ตัวน.ส.ศิริพร เป็นคนถ่ายกล้องและมือถือเป็นของตัวเอง และเป็นคนเขียนทั้งหมด ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและส่งให้เพื่อนๆ ในกลุ่มไลน์เท่านั้น 

      เจ้าหน้าที่ชี้แจงถึงสิทธิหน้าที่การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่าต้องระมัดระวังรอบคอบ ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง จนเป็นที่เข้าใจดีแล้วและทั้งสองรับปากว่าจะไม่ปฏิบัติอีก โดยพ.ต.อ.ปิยะพันธ์ เตือนว่าถ้าทำอีก ทางทหารคงต้องเรียกตัวเพื่อเข้าค่ายเพื่อปรับทัศนคติ จากนั้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้นก่อนปล่อยตัว

เลื่อน-2 รมต.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวันเดียวกัน มีแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 10 ความว่า ตามที่นายกฯ ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส นำรัฐมนตรีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเพิ่มเติมเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันนี้ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราชนั้น คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษามีความเห็นว่า ยังไม่พร้อมที่จะเสด็จออก จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เลื่อนวันเข้าเฝ้าฯ ออกไปก่อน จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

      วันเดียวกัน พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผลการประชุมรมว.กลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่นครพุกาม สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์เมื่อวันที่ 18-19 พ.ย.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ใช้โอกาสนี้สร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์ในไทย และความจำเป็นต่อการเข้ามาแก้ปัญหาภายในประเทศของ คสช. และรัฐบาล รวมทั้งโรดแม็ปที่จะนำไปสู่การปฏิรูปและการเลือกตั้ง ซึ่งทุกประเทศให้กำลังใจและเวลาเราดำเนินการ และยินดีสนับสนุนทุกเรื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงได้โดยเร็ว 

      โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่าโดยเฉพาะรมว.กลาโหมสิงคโปร์ ใช้โอกาสการจัดประชุม Shangri-La Dialogue ซึ่งพูดคุยกับรมว.กลาโหมหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐและสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่าไทยต้องการเวลาสร้างเสถียรภาพและความมั่นคง รัฐบาลไทยต้องการการสนับสนุน มิใช่การถูกคว่ำบาตร

อุทธรณ์ยืน-คุกวัชระหมิ่นจตุพร

      เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำที่ อ.898/2552 ที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์, บริษัท ไทยเดย์ ด็อท คอท จำกัด และบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2552 กล่าวหานายจตุพรทำนองว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เรื่องท่อน้ำเลี้ยงและใส่ร้ายตระกูลพรหมพันธุ์ไม่นับญาติ ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องเฉพาะบริษัทไทยเดย์ และบริษัทเอเอสทีวีฯ จำเลยที่ 2 และ 3 

    คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2556 ว่า จำเลยไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ว่าโจทก์มีพฤติการณ์อย่างที่กล่าวหา คำพูดของจำเลยจึงเลื่อนลอย ทำให้โจทก์ไม่ได้รับความเชื่อถือจากผู้อื่น ถูกดูหมิ่นจากผู้อื่นว่าคนในตระกูลพรหมพันธุ์ไม่ยอมรับ เป็นการตอกย้ำโจทก์ให้เสื่อมเสีย จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษาว่ามีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 328 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 20,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับย่อในน.ส.พ.รายวัน 2 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน ต่อมาจำเลยอุทธรณ์

      ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นพ้องกับศาลชั้นต้น จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นเวลา 1 ปี

     ด้านนายวัชระเปิดเผยภายหลังว่า ขอน้อมยอมรับคำตัดสินของศาล ที่ผ่านมามีคดีที่นายจตุพรฟ้องตนถึง 3 คดี โดยศาลยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี ขณะที่ตนยื่นฟ้องกลับนายจตุพร 1 สำนวน เมื่อปี 2555 หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ซึ่งศาลอาญาได้ไต่สวนมูลฟ้องและเห็นว่าคดีมีมูล จึงรับคดีไว้พิจารณาและตรวจพยานหลักฐานไปแล้วเพื่อจะได้สืบพยานต่อไป

'ยงยุทธ-ธนะศักดิ์'คุมอีสาน

      เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค (กปภ.) ครั้งที่ 1/2557 มีรองนายกฯทั้ง 5 คนและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ 2 คน เข้าร่วมพร้อมเพรียง โดยที่ประชุมได้แบ่งพื้นที่ดูแลงานต่างๆ ดังนี้ 

       พล.อ.ประวิตร รับผิดชอบดูแลเขตราชการในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก รวม 16 จังหวัด อาทิ ปทุมธานี นนทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครปฐม สุพรรณบุรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวม 17 จังหวัด อาทิ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ ตรัง ภูเก็ต 

      นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ด้านสังคม รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง รวม 8 จังหวัด อาทิ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯด้านต่างประเทศ รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนบน รวม 12 จังหวัด อาทิ อุดรธานี หนองคาย สกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด 

     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯด้านกฎหมาย รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง รวม 9 จังหวัด อาทิ ตาก พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิจิตร นครสวรรค์ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือตอนบน รวม 8 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ รับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

ฮังเกอร์ฯ-ชู 3 นิ้วแค่ดราม่า บิ๊กตู่แจงยิบ ลั่นไทยยังไม่ถึงเวลาปชต.ยูเอ็นชี้จับนศ.ละเมิดสิทธิ นิสิตเกษตรจี้เลิกคุกคาม จับเอ็นจีโอต้าน'บนดอย'

 

แจงกระแสต้าน -พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือเทปให้นักข่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กระแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน

หามือโพสต์ - เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารตั้งด่านตรวจ เพื่อหาบุคคลชายหญิงใส่หมวกปิดหน้าและคาดผ้าปิดปาก โพสต์รูปเผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมป้ายข้อความ "ยกเลิกกฎอัยการศึก" และ "ไม่เอา คสช.!" บนดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ จนสามารถพบตัวนำมาสอบสวน ตักเตือนและปล่อยตัวไป เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 


    'บิ๊กตู่'ฮึ่มอย่ามาขอ'ประชาธิปไตย-เลือกตั้ง'ลั่นให้ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา ชี้อย่าบิดเบือนหนัง"ฮังเกอร์เกมส์"ต่อต้านรัฐบาล แค่ดราม่า ยันไม่คิดตั้งพรรคทหาร

'บิ๊กตู่'วอนร่วมมือ-อย่าต้าน

      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ไทยแลนด์ เอ็นเนอร์จี อวอร์ดส 2014 โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า ช่วงเวลาที่ประเทศต้องขับเคลื่อนต้องพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน และพร้อมที่จะรับฟัง ไม่ได้ปิดกั้นความคิดในการปฏิรูปประเทศ วันนี้ควรหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และลดละกันบ้าง ลดความขัดแย้งลงให้ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันในการเดินหน้าประเทศด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน ถ้าไปต่อต้านกันทั้งหมดก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ความไม่เข้าใจกันยังคงมีอยู่บ้าง แต่คิดว่าเป็นส่วนน้อย ไม่ได้ไปรังเกียจรังงอนใคร มีความตั้งใจดีและบริสุทธิ์ใจในการเข้ามาแก้ไขปัญหา แล้วก็พร้อมจะถอยห่างออกไป แต่ถ้าไม่ทำวันนี้พื้นฐานก็จะไม่มี ไม่สามารถเดินยุทธศาสตร์ชาติได้ ดังนั้นจึงต้องช่วยกันทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปให้ได้ ถ้าเรามีความตั้งใจดีและได้รับความร่วมมือจากคนในชาติทุกคนผลก็น่าจะออกมาดี แทนที่จะมาต่อต้านหัวหน้า คสช.หรือนายกฯอย่างเดียวมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย 

ชี้อย่าบิดเบือน'ฮังเกอร์เกมส์'

      "ยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่ใช่เผด็จการ แต่เมื่อเราเป็นคนไทยก็ควรต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่ามากล่าวว่าผมมาผิดหรือมาถูก มันไม่ใช่เวลา ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์เรื่องเดอะฮังเกอร์เกมส์ 3 ตอนม็อคกิ้งเจย์พาร์ต 1 ก็ต้องดูว่าคนที่มานั้นเขามาทำเพื่อประเทศชาติหรือเปล่า ก็ต้องไปดู มันไม่ใช่หรอก มีคนสรุปออกมาแล้วว่ามันไม่ใช่ เข้าใจผิดเรื่องหนัง ไม่ได้มามุ่งหมายว่ามาสู้กับผม มันไม่ใช่ หนังคือหนัง เป็นการสร้างขึ้นมา อย่ามาใช้ประโยชน์จากเขา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้คิดทั้งวันทั้งคืน ตื่นมาก็คิด เห็นได้จากหน้าตาที่ทรุดโทรม ป่วยไม่สบายก็ทน เพราะป่วยไม่ได้ ก็อยากให้ทุกคนให้กำลังใจกันในการขับเคลื่อนประเทศ ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ยืนยันว่าไม่มีกินเกาเหลา "รัฐบาลนี้ไม่มีเกาเหลาขาย" เป็นรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อชาติ ไม่มีทะเลาะกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ไม่กลัวเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว

     ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสนักศึกษาใช้สัญลักษณ์ชู 3 นิ้วต่อต้านรัฐประหารว่า ไม่ห่วง เพียงแต่จะเป็นปัญหาในทางกฎหมายอะไรหรือเปล่า มันจะทำให้เสียอนาคต ไม่อยากทำ ก็สั่งการให้พูดคุย ตักเตือน และปล่อยตัวไปแล้ว แต่ถ้ายังทำอีกก็จะยุ่งขึ้นมาอีก อย่าทำเลยมันไม่มีประโยชน์ 

   เมื่อถามว่านายกฯดูภาพยนตร์เรื่องเดอะฮังเกอร์เกมส์ 3 ตอนม็อคกิ้งเจย์พาร์ต 1 หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า'ยังไม่ได้ดู แต่ดูตอนที่ 1 แล้วมันก็เป็นเรื่องดราม่า ไม่ใช่เรื่องจริง' เมื่อถามว่าจะถึงขั้นไม่ให้ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เคยไปยุ่งกับเขาเลย จะฉายหรือไม่ฉายก็เป็นเรื่องของเขา

       เมื่อถามต่อว่าคิดว่ากระแสต่อต้านจะจุดติดขึ้นมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ทราบ ไม่รู้ สื่อก็ไปช่วยชี้แจงสิว่ามันไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน" เมื่อถามย้ำว่าเกรงหรือไม่ว่าจะบานปลายในกลุ่มของปัญญาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ช่วยไปหยุดเขาหน่อย ที่บอกว่าเป็นปัญญาชนก็ต้องรู้จักคิด ผมชมเชยในความกล้าหาญ แต่ต้องใช้ความกล้าหาญในทางที่ถูก อนาคตประเทศถึงจะเดินหน้าได้ วันนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ เวลานี้ก็ขอไว้ก่อนเท่านั้นเอง กล้าหาญดีอยู่แล้วชื่นชม แต่ขอให้ใช้ในทางที่ถูก วันนี้ได้ข่าวว่ามีการไปดร็อปการเรียนหนังสือ ไม่ใช่เรื่อง มันเสียเวลา"

     เมื่อถามว่าจะขอร้องอธิการบดีให้ช่วยตักเตือนนักศึกษาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ขอ ทุกคนต้องช่วยกัน ผมไม่กลัวว่าจะจุดติดหรือกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว"

ยันไม่คิดตั้งพรรคทหาร 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกรณีหากรัฐมนตรีหรือคนในรัฐบาลบางคนมีการทุจริตสามารถวิจารณ์ได้ใช่หรือไม่ว่า "ใครล่ะทุจริต มีหลักฐานหรือไม่ หากมีหลักฐานเอามา ผมจะปลดเอง แต่คิดว่าวันนี้เขายังไม่ทำอะไร ไม่ใช่ไปย้อนว่าสมัยก่อนเขารวยอะไร เป็นคนละเรื่อง หากเห็นว่ามันทุจริต มันไม่ดี สามารถร้องเรียนเข้ามาได้ มันมีช่องทางอยู่ ถ้าด่ากันไปว่ากันมา ท้ายสุดก็ทำงานไม่ได้ คนที่มีแนวโน้มทุจริตในอดีต เป็นนิทานอีสป หมาป่ากับลูกแกะ" 

      ผู้สื่อข่าวถามถึงบางกลุ่มสงสัยเรื่องการตั้งพรรคทหารว่า "ถ้าสงสัยก็ไปถามคนที่ให้สงสัยเหอะว่าไปเอามาจากไหน ผมไม่รู้" เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการตั้งพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไปถามคนพูด ผมไม่เคยพูด ผมไม่เคยคิด จบแล้วตรงนั้น ไปเขียนกันให้เลอะเทอะกันไปเรื่อย พอแล้ว"

      ส่วนหลังพ้นจากตำแหน่งนายกฯแล้วมีแนวคิดจะสานต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ก็ยังไม่พ้นไง เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้วค่อยถาม แก้ไขปัญหาของประเทศให้ได้ก่อน" 

ลั่นอย่ามาขอ"ปชต.-เลือกตั้ง"

     "ผมอาจจะไม่ใช่ประชาธิปไตย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่อยากถามว่าการที่เป็นประชาธิปไตย 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วทำอะไรให้กับประเทศไทยได้บ้าง ไปหาคำตอบให้ผม วันนี้รู้หรือไม่ว่าเราทำอะไรไปบ้าง คิดทุกอย่างให้เกิดความเชื่อมโยง ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา จึงจำเป็นต้องพูดทุกวัน ซึ่งยังไม่ค่อยจะเข้าใจเลย ขอให้เข้าใจว่าผมไม่ได้ไปเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น เพียงแต่ขอร้องว่าอย่ามาขัดขวางการทำงาน ผมพร้อมรับฟังทุกเรื่อง นักศึกษาทุกคนมีอะไรก็ส่งมา แต่อย่ามาขอความเป็นประชาธิปไตย อย่ามาขอการเลือกตั้ง ผมให้ไม่ได้ ผมขอเรื่องเดียว อย่ามาขัดขวางการทำงาน มันไม่ใช่เวลา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

'บิ๊กตู่'ชี้ 3 ปมชนวนขัดแย้ง

    ต่อมาเวลา 20.15 น.วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ประชาชน สื่อสารมวลชน ขณะนี้ยังขับเคลื่อนร่วมมือกันยังไม่ได้เต็มที่ อาจจะต้องมีการพูดคุยปรับทัศนคติที่มีต่อกัน หันหน้ากัน พูดคุยกันทุกช่องทาง ส่งเสริมกันบ้างในสิ่งที่ดีๆ 

      "สิ่งที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคตคือ ประการแรก เรื่องตัดสินในคดีต่างๆ หากการใช้กระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับการยอมรับ แล้วมีผู้เห็นต่าง หากมีการปลุกระดมประชาชนโดยการใช้คำพูด โดยใช้สื่อ ที่อาจไม่มีความเป็นกลาง จะทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปได้อีก ประการที่สองคือ เจ้าหน้าที่ถูกกดดัน ทำงานภายใต้สภาพแรงกดดัน ทำให้การใช้วิจารณญาณไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือกฎหมายที่มีอยู่ ทุกคนต้องเคารพอัตตาตัวเองให้ได้ ประการที่สามคือ เรื่องสื่อ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ทั้งในและนอกประเทศ ยังคงมีอยู่ ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความเกลียดแค้นชิงชังไปสู่ความขัดแย้งแตกแยก โดยการเผยแพร่ข้อมูลในลักษณะที่คำพูดสร้างความเกลียดชัง (Hate Speech) เป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจริงต้องไม่ให้เกิดขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขอสื่ออย่างสร้างขัดแย้ง 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องสื่อต่างๆ นั้น ขอร้องอีกครั้ง ทั้งเจ้าของบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ สื่อมวลชน พิธีกรรายการ ขอให้เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองว่า ถ้าหากท่านจะใช้เสรีภาพของสื่อว่าไม่มีขอบเขต อาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อประเทศชาติในสภาวการณ์แบบนี้ รัฐบาลและ คสช.ไม่เคยมีความคิดที่จะไปใช้ความรุนแรงใดๆ กับท่าน ก็ชี้แจงทำความเข้าใจกัน 

    "ที่ผ่านมานั้น ถ้าท่านทำมาแบบนี้เราก็ไม่เคยมีปัญหากับท่าน ถ้าท่านมาว่ากล่าวเรา ว่ากล่าวรัฐบาล ว่ากล่าว คสช. อันนั้นไม่ถูกต้อง แต่ท่านสรุปมาว่าประชาชนต้องการอะไรแค่นี้ง่ายๆ ในวันนี้เราจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพราะว่ายังมีเหตุการณ์อยู่ เพราะฉะนั้นขอให้เคารพกฎหมาย มีจริยธรรม ต้องปรับตัวช่วยกันนำเสนอข้อเท็จจริงเชิงสร้างสรรค์ ยินดีรับฟังทุกสื่อ แต่อย่าไปสร้างความเกลียดชัง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่ใช่รัฐบาลที่ต้องการสร้างปัญหาหรือสร้างความขัดแย้ง เรามาแก้ไขตรงกลางให้ได้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เฉลี่ยแบ่งปันให้ทุกคนได้มีความสุขมีความพอใจ เพราะฉะนั้นอย่าลากเราเข้าไปอยู่ในสนามด้วย พูดง่ายๆ ว่า เราเป็น'ผู้จัดการแข่งขัน'แล้วกัน ถ้านำ'ผู้จัดการแข่งขัน'เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยกับผู้เล่นก็เป็นปัญหา กรรมการก็ต้องเป็นคนตัดสิน กรรมการก็คือกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม 

'บิ๊กติ๊ก'ป้องมีกลุ่มต้านซ้ำรอย

       ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกเพื่อติดตามสถานการณ์ในภาพรวมของประเทศ หลังจากเกิดเหตุกลุ่มนักศึกษาแสดงสัญลักษณ์'ไม่เอารัฐประหาร' ขณะนายกฯกล่าวปราศรัยที่ จ.ขอนแก่น รวมถึงกรณีที่นักศึกษาแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้วก่อนชมภาพยนตร์เรื่อง'ฮังเกอร์ เกมส์'ว่า ที่ประชุมเน้นย้ำให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก โดยเฉพาะงานด้านการข่าวต้องแม่นยำ รัดกุมมากกว่านี้ ยิ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงจะมีกลุ่มต่อต้านออกมาแสดงสัญลักษณ์ พร้อมประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเตรียมมาตรการป้องกัน เพราะอยากเห็นประเทศมีบรรยากาศที่ดี สามัคคีและคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน 

       พล.อ.ปรีชากล่าวว่าการดำเนินการกับกลุ่มคนที่ออกมาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทำงานของรัฐบาลและ คสช.ยังคงเน้นการพูดคุย ทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติเหมือนที่ผ่านมา ส่วนที่นายกฯจะลงพื้นที่ภาคเหนือนั้น ยังไม่ทราบว่าท่านจะไปเมื่อใด แต่ พล.ท.สาธิต พิชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 คงเตรียมมาตรการดูแลอยู่แล้ว เพราะเน้นย้ำไปแล้วว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนที่ จ.ขอนแก่น อีก

แนะผู้บริหารมข.คุ้มครองนศ.

       นางสุกัญญา เอมอิ่มธรรม ผู้อำนวยการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาขอนแก่น (มข.) กล่าวว่า การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของนักศึกษา มข.เป็นไปอย่างสันติวิธี ไม่มีความรุนแรง สามารถทำได้ และต้องได้รับการคุ้มครองตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังนั้นการที่นักศึกษาที่ถูกควบคุมตัว ระบุว่ามีการข่มขู่ว่าจะให้พ้นสภาพนักศึกษา หากไม่ลงนามให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ทางผู้บริหารหรือคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยของนักศึกษา จำเป็นต้องออกมามีบทบาทต่อกรณีดังกล่าวให้ชัดเจนว่าสิ่งที่นักศึกษาอ้างเป็นจริงหรือไม่ เป็นคำสั่งมาจากเบื้องบนหรือไม่ ถ้าจริงก็ควรจะแสดงบทบาทคุ้มครองสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของนักศึกษา

       "การกดดันไม่ใช่การแก้ปัญหา ต้องเปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่าง การควบคุมตัวชาวบ้าน นักศึกษา ตลอดจนนักวิชาการ ไปพูดคุยไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ ทั้งยังอาจทำให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยรู้สึกว่าถูกบีบบังคับมากเกินไป จนมีการออกมาเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นได้ ผู้บริหารประเทศจำเป็นต้องวิเคราะห์ต่อการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยให้ดี หากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์ลุกลามมากขึ้นได้" นางสุกัญญากล่าว

ทหารขอ'ม.บูรพา'งดเสวนา

       วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม Paradoxocracy และกลุ่มนิสิตคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยบูรพา ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณียกเลิกงานเสวนา'สิทธิ เสรีภาพ และประชาชนไทย ในยุคป-ะช-ธิ-ไ-ย ในปัจจุบัน'ที่จะจัดวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยบูรพา เนื่องจากมีทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 ขอความร่วมมือให้งดจัดงานดังกล่าว

       ตัวแทนกลุ่ม Paradoxocracy ชี้แจงผู้สื่อข่าวว่า เวลาประมาณ 15.30 น. วันเดียวกันนี้ มีทหารกับตำรวจ 5 นาย เข้าไปที่คณะรัฐศาสตร์ เพื่อเจรจากับคณบดี และอาจารย์ที่ปรึกษา ไม่อยากให้จัดงานนี้ เมื่ออาจารย์มาแจ้งให้ทราบจึงยกเลิกงานดังกล่าว

        "ความจริงแล้วงานนี้ไม่ได้เชิญวิทยากรมา แต่เป็นเพื่อนๆ นิสิต นักศึกษาด้วยกัน รู้ว่าหัวข้องานอาจจะเสี่ยงกับสถานการณ์ และประเมินไว้แล้วว่าอาจจะโดนสั่งยกเลิก แต่ก็ต้องพูด ต้องบอกว่าเสรีภาพเป็นอย่างไร ในสภาวะที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพก็ยิ่งต้องยืนยันความสำคัญของสิทธิเสรีภาพ" ตัวแทนกลุ่ม Paradoxocracy ชี้แจง

นิสิต'มก.'แถลงจี้เลิกคุกคาม

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กของกลุ่มที่มีชื่อว่า "กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์" มีเนื้อหาว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์การคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุกคามสิทธิเสรีภาพของนิสิตนักศึกษา ในกรณีการถูกคุกคามนิสิตนักศึกษา นักกิจกรรม "กลุ่มดาวดิน" ซึ่งออกมาต่อต้านอำนาจเผด็จการที่ภาคอีสานโดยการชู 3 นิ้ว เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน กรณีการเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการเขื่อนแม่วงก์ของ "กลุ่มนิสิต ม.เกษตร รักษาธรรมชาติ" เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน และกรณีการจัดชมภาพยนตร์ The Hunger Games : Mockingjay Part I ของ "กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย" (LLTD) เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 

      "กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ จึงขอแสดงจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดคุกคามสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนิสิตนักศึกษาและประชาชน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก พร้อมคืนอำนาจอธิปไตยแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด และขอยกย่องในความกล้าหาญของนิสิตนักศึกษาผู้รักประชาธิปไตยที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเสรีภาพและอำนาจอธิปไตย ขอไว้อาลัยต่อรัฐบาลเผด็จการที่ใช้อำนาจอันมิชอบคุกคามต่อนิสิตนักศึกษา และประชาชน" 

รวบ 2 สาวโพสต์ต้านที่เชียงดาว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการโพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กภาพและข้อความว่า "ยกเลิกกฎอัยการศึก" และ "ไม่เอา คสช." บนดอยหลวงเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทำให้ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.เชียงดาว และทหารกองกำลังผาเมือง ตั้งด่านเพื่อสกัดรถเก๋งนิสสันสีขาว ทะเบียน 1กฉ 8786 กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งพบรถดังกล่าวจึงเชิญคนที่อยู่ในรถคือ น.ส.ศิริพร ฉายเพ็ชร อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 29/190 หมู่ 2 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 1 ใน 102 รายชื่อที่เรียกร้องให้ คสช.ยกเลิกกฎอัยการศึก และเป็น จนท.มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มส.) และ น.ส.จินดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 7 ซอยไผ่หัว ต.ปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ไปสอบสวน

     ทั้งสองคนรับสารภาพว่า โพสต์ข้อความดังกล่าวจริง โดย น.ส.จินดารัตน์ถือข้อความ ส่วน น.ส.ศิริพรเป็นคนถ่าย เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและส่งให้เพื่อนๆ ในกลุ่มไลน์เท่านั้น รู้ว่าผิด เจ้าหน้าที่ชี้แจงถึงการแสดงออกดังกล่าวไม่เหมาะสม ซึ่งทั้งสองคนรับปากว่าจะไม่ทำอีก โดยทางตำรวจและทหารตักเตือนว่าถ้าทำอีกคงต้องเรียกตัวเพื่อเข้าค่ายเพื่อปรับทัศนคติ ก่อนปล่อยตัวไป

สาวลั่นไม่เซ็นข้อตกลงกับทหาร

      น.ส.ศิริพร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ไปอบรมและขึ้นดอยหลวงไปเที่ยว แต่ก่อนขึ้นไปรู้สึกอึดอัด จึงเตรียมกระดาษ ปากกา พอขึ้นไปก็เช็กข่าวเห็นข่าวนักศึกษากลุ่มดาวดินรู้สึกเห็นใจ เกิดความรู้สึกอยากช่วยและอยากสนับสนุน จึงเขียนป้ายดังกล่าวและถ่ายรูปส่งเข้าในกลุ่มไลน์ แล้วมีการอัพขึ้นเฟซบุ๊ก 

      "พอลงมาวันที่ 20 พฤศจิกายน ตอนเช้ามีทหารนอกเครื่องแบบมาถ่ายรูปเรากับรถ บอกว่ามาถ่ายเป็นที่ระลึก ตอนนั้นไม่รู้เรื่อง แต่สังเกตว่าทำไมมาถ่ายรูป จึงคิดว่าคงมีการติดตามตัวพวกเราตั้งแต่ตอนที่โพสต์ภาพแล้ว แต่ไม่ได้คิดว่าจะถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด" น.ส.ศิริพรกล่าว และว่า จากนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. ระหว่างเดินทางไป อ.แม่ริมเพื่อเยี่ยมเพื่อน ถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจค้นรถยนต์ที่ด่าน โดยมีทหารคนหนึ่งมา บอกว่าเขาโดนนายส่งมาจากกรุงเทพฯ ถ้าจับไม่ได้มันจะเป็นปัญหา จึงต้องดักรอที่ด่าน 

     "ตอนนั้นไม่ได้กลัวที่เขาเป็นทหาร แต่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิง เพราะมีกันแค่สองคน และกลัวว่าจะโดนยัดข้อหา พอถึงสถานีตำรวจ ระหว่างตำรวจสอบปากคำ ทหารก็พยายามมาขอให้เซ็นข้อตกลงว่าขอเวลาหนึ่งปี อย่าเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เราไม่ยอมเซ็น จนสุดท้ายทหารและตำรวจก็ตักเตือนว่าอย่าทำอีก เพราะอาจต้องนำตัวเข้าค่ายทหารเพื่อปรับทัศนคติ" น.ส.ศิริพรกล่าว และว่า ตอนนี้ไม่ได้ระวังตัวอะไร เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้เป็นโจร แค่แสดงออกทางความคิดเห็นเท่านั้น

'อ๋อย'แนะเปิดให้คนแสดงออก

      นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประท้วงต่อต้าน คสช.และรัฐบาล ว่า เกิดจากความอึดอัด ไม่พอใจ และต้องการแสดงออก มีทั้งคัดค้านการทำรัฐประหาร และคัดค้านสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอยู่ หากดูจากลำดับของเหตุการณ์มา พบว่าช่วงแรกๆ ของการรัฐประหารก็มีกิจกรรมในลักษณะนี้บ้าง แต่เมื่อถูกจัดการอย่างเด็ดขาดก็ไม่ปรากฏขึ้นบ่อยนัก ยิ่งมีการจัดตั้งองค์กรไม่ว่าจะเป็น สปช.ที่จะดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ คนก็มีความรู้สึกว่าอยากให้กระบวนการเหล่านี้ประชาชนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นได้ 

     "รวมทั้งผู้มีอำนาจมักพูดเสมอว่า พร้อมรับฟัง ไม่ปิดกั้น แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วกลับแสดงไม่ได้เลย ทำให้คนมีความรู้สึกเรื่องเสรีภาพมากขึ้น ยิ่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารอยู่แล้ว มาเจอสถานการณ์อย่างนี้ก็ยิ่งอยากแสดงออก เวลานี้ที่น่าสนใจติดตาม คือผู้ที่รู้สึกว่าได้รับผลกระทบเรื่องเสรีภาพ นอกจากจะเป็นนักศึกษาแล้ว ยังมีผู้ที่ได้รับผลกระทบในอาชีพต่างๆ คนเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลให้ดี โดยการเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความคิดเห็น ดีกว่าปิดกั้นแล้วทำให้คนไม่พอใจ" นายจาตุรนต์กล่าว

ยูเอ็นห่วงจับชู 3 นิ้ว-ละเมิดสิทธิ

     วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยกรณีที่มีผู้ถูกจับกุมจากการประท้วงด้วยการชู 3 นิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง "เดอะฮังเกอร์ เกมส์" หลังจากที่การกระทำดังกล่าวกลายเป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอย่างไม่เป็นทางการ และมีผู้ถูกจับกุมจากการชู 3 นิ้วแล้วหลายคน รวมถึงนักศึกษากลุ่มหนึ่งในสัปดาห์นี้ โดยนางมาทิลดา บ็อกเนอร์ ผู้แทนของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น (โอเอชซีเอชอาร์) ในไทยกล่าวกับเอเอฟพีว่า "กรณีนี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่น่าเป็นห่วง ซึ่งส่งผลในการกดขี่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นอิสระ" 

'บิ๊กตู่'ไม่สน"พท."เมินถกรธน.

      ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยังให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นชป.) จะไม่ร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ถ้าไม่มาก็ช่วยไม่ได้ แต่คนในสภานิติบัญญัติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็มีอยู่ แค่ตัวหลักๆ เขาไม่ได้เข้ามา เขาส่งตัวเล็กๆ เข้ามา และการปฏิรูป เริ่มตั้งแต่ คสช.สรุปความเห็นทั้ง 11 เรื่อง และมีความเห็นจากแกนนำพรรคการเมือง แกนนำพรรคก็ให้ความคิดเห็นมา แล้วจะไม่ร่วมอย่างไร เขาร่วมมาตั้งแต่ต้น หากจะเพิ่มเติมตรงไหนก็เติมเข้ามา

     เมื่อถามว่ามีพรรคการเมืองขออนุญาตประชุมพรรคแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่มีพล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความชัดเจนการทำประชามติหลังการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นว่า อีกตั้งนานเรื่องนี้ให้รอก่อนตอนนี้ทุกอย่างเปิดไว้ทั้งหมด

กมธ.ยกร่างฯยันรธน.ไม่ยาว

      นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า กมธ.ยกร่างฯมีมติขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2540 มีสาระสำคัญว่าการร่างรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายแม่บท ถ้ามีข้อความมากเกินไปจะลำบากในการสร้างรัฐธรรมนูญที่เหมาะสม จึงควรมีการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯจะยึดถือเป็นต้นแบบในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะไม่ให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีเนื้อหายาวเกินไป จะบรรจุแต่หลักการสำคัญไว้ ส่วนรายละเอียดของเนื้อหาจะนำไปบัญญัติในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ กมธ.ยกร่างฯประชุมร่วมกับ คสช. เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

เน้นออกกม.ประกอบรธน.

      นายคำนูณ กล่าวว่า สำหรับการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทางคณะอนุ กมธ.จัดทำข้อเสนอแนะในการตราหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มีนายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นประธาน สาเหตุที่ให้ความสำคัญกับการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนำบทเรียนการใช้รัฐรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 มาทบทวน โดยพบว่ารัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ มีหลักการที่ดี แต่ไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติใช้จริง สาเหตุมาจากไม่มีการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับในการปฏิบัติ ดังนั้น รัฐธรรมนูญในอนาคตจะ ต้องมีบทบัญญัติที่บังคับให้ออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง แต่ท้ายที่สุดจะมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกี่ฉบับขึ้นอยู่กับโครงสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

พท.พร้อมคุยกมธ.ยกร่างที่พรรค

      นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จะเดินทางมาพรรค พท. เพื่อขอความเห็นการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า เรารู้สึกเห็นใจคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เพราะคงอยากได้ความเห็น แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะ คสช.ห้ามไว้ ดังนั้นทางออกคือกรรมาธิการฯต้องมาหาพรรค พท.

นายปลอดประสพกล่าวว่า ถ้ากรรมาธิการฯจะมาพูดคุยกับพรรค กรรมาธิการฯต้องยอมรับว่าเราจะคุยกันเรื่องการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการเมือง หากถูกต่อว่าหรือโดนอะไรเราจะไม่รับผิดชอบ ขอให้กรรมาธิการฯรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว หากมาถึงพรรค ทางเราจะให้เอกสารแก่กรรมาธิการ 1 ฉบับ เป็นเอกสารรายละเอียดของการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กรรมาธิการฯกลับไปศึกษา 

"ถ้ากรรมาธิการฯจะมาหาเรา ขอให้มาแบบลับๆ อยากคุยแบบเงียบๆ เพราะผมกลัวจะมีลูกเสือมาล่อ แล้วพรรคผมจะเดือดร้อน ขอให้มาคุยกันที่พรรค อย่าไปนัดเจอที่อื่น และที่มาหาเราถึงพรรคเรารู้สึกขอบคุณและให้เกียรติ เราเตรียมไว้แล้ว 5 คน" นายปลอดประสพกล่าว

อนุกมธ.เปิด 10 เวทีฟังปชช.

     นางถวิลวดี บุรีกุล กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุ กมธ. การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าวถึงตารางกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของอนุ กมธ.ฯว่า 1.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นด้วยกระบวนการประชาเสวนาในประเด็นที่ควรพิจารณาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยจัดร่วมกับ สปช. และหน่วยงานเครือข่าย ช่วงธันวาคม 2557- กุมภาพันธ์ 2558 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนจากการสุ่มตัวอย่างประมาณ 160 คน และประชาชนกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มความเห็นทางการเมือง เยาวชน ประมาณ 40 คน จะลงพื้นที่ 10 แห่ง คือภาคอีสาน 3 พื้นที่, ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคละ 2 พื้นที่ และภาคตะวันออก 1 พื้นที่ 

      2.เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนที่สนใจและเกี่ยวข้องเฉพาะประเด็น เช่น การเลือกตั้ง, สิทธิเสรีภาพ, ทรัพยากร ช่วงธันวาคม 2557- มีนาคม 2558 จะมี 10 เวที มีกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วม 50-100 คน 

ใช้แบบสอบถามสำรวจอีกทาง 

     นางถวิลวดีกล่าวว่า 3.เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากกลุ่มเฉพาะ เช่น เยาวชน จัดโดย สปช. ช่วงธันวาคม 2557 -พฤษภาคม 2558 คาดว่าจะจัดตามภาค 10 ครั้งๆ ละ 50 คน 4.เปิดเวทีรับฟังความเห็นตามความสนใจของประชาชน ซึ่งเป็นเวทีของประชาชนภาคส่วนต่างๆ และ สปช.ไปรับฟังความเห็น ช่วงธันวาคม 2557-สิงหาคม 2558 

      "5.ลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนในประเด็นเฉพาะด้วยแบบสอบถามร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ช่วงธันวาคม 2557-มิถุนายน 2558 กลุ่มเป้าหมายจะมาจากการสุ่มตามความน่าจะเป็น 2 ครั้งคือครั้งแรกเป็นแบบเฉพาะ และครั้งที่สองเป็นประเด็นในการร่างรัฐธรรมนูญ จัดขึ้นทั่วประเทศ ส่วนเวทีต่างๆ จะเริ่มขึ้นวันที่ใดที่ชัดเจนนั้นอนุ กมธ. จะประชุมเพื่อวางแผนกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า" นางถวิลวดีกล่าว

ทนาย"ปู"ยื่นเอกสารเพิ่มให้สนช.

ที่รัฐสภา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ายื่นขอเพิ่มเติมพยานเอกสารต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ก่อนที่ สนช.นัดประชุมแถลงเปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์กรณีที่ถูกกล่าวหาปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 28 พฤศจิกายน โดยมีนายทศพร แย้มวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักกำกับและตรวจสอบ วุฒิสภา เป็นผู้รับหนังสือแทน

นายนรวิชญ์กล่าวว่า หากตรวจสอบรายงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพบว่าไม่มีข้อพิจารณาหรือข้อวินิจฉัยใดๆ เกี่ยวกับพยานเอกสารของผู้ถูกกล่าวหาเลย หากหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม สนช. เชื่อว่าอาจชี้มูลความผิดไม่ได้ ยืนยันว่าการยื่นหลักฐานเพิ่มดังกล่าวไม่ได้เป็นการประวิงเวลาการดำเนินคดี แต่เพื่อความเป็นธรรมและไขข้อข้องใจในข้อกฎหมาย การยื่นเอกสารเพิ่มเติมไม่ใช่หลักฐานใหม่ แต่เป็นเอกสารที่ ป.ป.ช.รับอยู่ในรายงานไต่สวนแล้ว แต่ไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่ยื่นเพิ่มเติม ประกอบด้วย มติ ครม.รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และข้อสั่งการของนายกฯ

"วัลลภ"ตั้งกระทู้รายจ่าย"กสทช."

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระกระทู้ถามเป็นครั้งแรก เรื่องการตรวจสอบงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. โดยนายกฯมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นผู้ตอบแทน

นายวัลลภตั้งกระทู้ถามว่า ค่าใช้จ่ายกรรมการ กสทช. 11 คน ปี 2556 จำนวน 36 ล้านบาท งบดูงานต่างประเทศ 61 ล้านบาท จำนวน 105 ครั้ง ใช้เวลา 632 วัน ขณะที่เงินประจำตำแหน่งมีรายจ่าย 11 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน กสทช. ประมาณ 118 ล้านบาท โดยตั้งที่ปรึกษา 31 คน เลขานุการ 10 คน ผู้ช่วยเลขานุการ 20 คน พนักงานประจำสำนักงาน กสทช. 40 คน พนักงานขับรถ 9 คน รวม 110 คน ทั้งหมดได้รับเงินเดือน โบนัส เบี้ยประชุม ค่ารักษาพยาบาล และงบดูงานในและต่างประเทศ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายตั้งอนุกรรมการและคณะทำงาน 102 คณะ แบ่งเป็นอนุกรรมการ 65 คณะ มีรายจ่าย 46 ล้านบาท คณะทำงาน 37 คณะ รายจ่าย 3 ล้านบาท ทั้งนี้ น่าคิดว่าการดูงานต่างประเทศทำไมมีจำนวนมหาศาล เพราะช่วงการสรรหาก็มาชี้แจงว่าเก่งมีความรู้มาก แต่พอได้เป็นต้องไปดูงานต่างประเทศ รัฐบาลมีแนวทางปรับปรุงกระบวนการจัดทำงบประมาณ กสทช.ให้ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากรัฐสภาได้อย่างไร 

นายวัลลภกล่าวว่า อยากให้ควบรวมบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท. กับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ให้เป็นหน่วยงานเดียว และให้ยกเลิก กสทช. โดยให้องค์กรที่มีการยุบรวมจาก กสท.และทีโอทีทำหน้าที่ให้บริการแทน หากไม่ยุบ กสทช.อาจทำให้ กสท.และทีโอทีล้มละลายได้

"วิษณุ"เล็งแก้กม.ตรวจ"กสทช."

นายวิษณุตอบกระทู้ว่า กสทช.เป็นองค์กรตาม พ.ร.บ.พิเศษ ไม่มีฐานะเป็นส่วนราชการ ไม่อยู่ใต้บังคับบัญชา ไม่อยู่ใต้การควบคุมใดๆ ของรัฐบาล ซึ่งเป็นความตั้งใจของ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ เพื่อให้เป็นอิสระ รวมทั้งเรื่องงบประมาณ จึงทำให้รัฐบาลไม่มีอำนาจตรวจสอบการจัดทำงบประมาณ กสทช.ได้ และ กสทช.หางบประมาณตัวเองได้เพียงพอ ไม่ได้ของบประมาณจากรัฐและตั้งงบประมาณเข้าสู่กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ

"เคยหารือกับสำนักงบประมาณว่าจะทำอย่างไรให้งบประมาณ กสทช.เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อตรวจสอบได้ ได้รับการยืนยันว่ากรรมาธิการไม่มีอำนาจตรวจสอบ หรือเชิญมาสอบถามก็ไม่มีผล แต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบงบประมาณ กสทช. และรายงานต่อ ครม.รับทราบแล้ว และในอนาคต

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!