- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 28 May 2014 19:16
- Hits: 4328
วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8582 ข่าวสดรายวัน
บุกจับอ๋อยกลางวง สื่อนอก ขึ้นศาลทหารคดีแรก บิ๊กตู่ชงตั้งสภาสมานฉันท์ จ่อคลอดธรรมนูญชั่วคราว สั่งย้ายอีกสลับเก้าอี้ 8 ผู้ว่าฯ ร่นเคอร์ฟิวเที่ยงคืนถึงตี 4
บุกรวบ - ทหารบุกเข้าควบคุมตัวนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ประกาศอารยะขัดขืนไม่ไปรายงานตัวกับ คสช. ระหว่างไปปรากฏตัว และแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อาคารมณียา เมื่อบ่ายวันที่ 27 พ.ค.
บุกจับ'อ๋อย' กลางวงสื่อตปท.ส่งขึ้นศาลทหารวันนี้ ลุยค้นวิทยุ'โกตี๋'ประกาศร่นเคอร์ฟิวเหลือเที่ยงคืน-ตี 4 บิ๊กตู่เล็งตั้ง 'สภาสมานฉันท์' เตรียมประกาศ 'ธรรมนูญชั่วคราว' คาดคลอดได้ใน 3 วัน'สมคิด เชื้อคง' ชี้อยากสงบต้องหยุดใส่ร้าย พิชัยจี้คสช.โชว์โรดแม็ปคืนปชต. ชี้ปชป.ต้องสู้ในระบบรัฐสภา 'เติ้ง- ชูวิทย์-อุกฤษ'รายงานตัว-ไม่ถูกกัก มท.สั่งเด้งผู้ว่าฯขอนแก่นเข้ากรุ ส่วนเชียงใหม่โยกลงสระบุรี โคราชไปพัทลุง
บิ๊กตู่เล็งตั้ง'สภาสมานฉันท์'
วันที่ 27 พ.ค. ที่กองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะทำงานคสช. โดยพูดถึงแนวทางทำงานนับจากนี้ เพื่อให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลโดยเร็วโดยเฉพาะการเร่งจ่ายเงินให้ชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวให้เสร็จตามกำหนด ให้ติดตามเรื่องผลผลิตทางเกษตรที่จะมีปัญหาตามมา
พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความเป็นห่วงของกลุ่มสีต่างๆ ขณะนี้โดยให้แนวทางกับคณะทำงานไปหาวิธีสลายสีเสื้อต่างๆ ด้วยการ ตั้ง "สภาสมานฉันท์" ขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเร่งดำเนินการให้ดีที่สุดเพื่อให้สถานการณ์คืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และ จะเดินหน้าตั้งสภาปฏิรูปและสภานิติบัญญัติ เพื่อเร่งหาทางออกนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการแต่งตั้งนายกฯและรัฐบาลได้เมื่อใด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เป็นตัวกำหนด
จ่อประกาศ'ธรรมนูญ'ใน 3 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เปิดสายด่วนให้ประชาชนโทรศัพท์มาร้องเรียนที่ศูนย์ประชา สัมพันธ์กองทัพบก ในช่วงหลังปฏิวัติ ปรากฏว่าแต่ละวันมีประชาชนโทรศัพท์เข้ามามาก กว่าวันละ 700 ราย มีทั้งชื่นชมและตำหนิ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากการประกาศเคอร์ฟิวที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่ ร้องเรียนต้องการให้ลดเวลาเคอร์ฟิว
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการพูดคุยในวง นักวิชาการด้านกฎหมายว่าภายใน 3 วันนี้ ทางคสช. จะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อเป็นหลักในการบริหารประเทศ เพราะ กฎอัยการศึกไม่สามารถใช้เป็นหลักบริหารประเทศได้ตลอด เนื่องจากไม่ได้ยอมรับจากต่างประเทศ สิ่งที่น่าจับตามองคือรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้ จะมีหมวดหมู่หรือมาตราใดที่จำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการหรือไม่ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมา นอกจากนักการเมืองและแกนนำมวลชนแล้ว คสช.ยังเรียกนักวิชาการไปรายงานตัวจำนวนมาก แต่ถ้ามองกลับไปยังรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวสมัยคมช. เมื่อปี 2549 แล้วจะพบว่าครั้งนั้นไม่ได้จำกัดเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการแต่อย่างใด
จัดกำลังเฝ้า'ปู'ที่บ้านพัก
แหล่งข่าว กองปราบปราม ระบุว่า ได้รับ คำสั่งให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดละ 6 นาย รวม 3 ชุด ไปเข้าเวรร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ผลัดเปลี่ยนกันไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบ้านพักน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในซอยโยธินพัฒนา 3 โดยแบ่งกำลังกันดูแลพร้อมตรวจดูความเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบบ้าน
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางกลับเข้าบ้านพักตั้งแต่วันศุกร์หลังจากที่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.แล้ว โดยไม่ได้ถูกควบคุมตัวไปเข้าค่ายทหารตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ ส่วน ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร น้องไปป์ บุตรชายนายกฯ ก็ไม่ได้ออกไปไหน มีเพียงวันเสาร์ที่ออกไปซ้อมฟุตบอล กีฬาชอบ โดยใช้รถตู้เป็นพาหนะ
ปล่อย 3 อดีตส.ส.เพื่อไทย
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรมช.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า ตนพร้อมด้วยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรมช.เกษตรฯ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ถูกควบคุม ที่ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพภาคที่ 1 อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ วันที่ 23 พ.ค.เป็นเวลา 3 วัน ได้รับการดูแลดีตามสภาพ มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวให้ ดูโทรทัศน์และอ่านหนังสือพิมพ์ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ชุดที่ถูกคุมตัวอยู่ในบ้านพักบริเวณเดียวกับตนมีทั้งนักการเมืองและแกนนำกปปส.แต่ไม่ได้ พูดคุยกัน
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า เชื่อว่าประเทศจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้ไม่นานเพราะไม่มีประเทศใดยึดอำนาจและอยู่ได้นาน หากเป็นเช่นนั้นประชาชนจะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย เชื่อว่าท้ายสุดก็ต้องเลือกตั้ง ถึงตอนนั้นพรรคเพื่อไทยก็ต้องเดินหน้า เลือกตั้งต่อไป
พะเยาว์เผยทหารปล่อยลูกชายแล้ว
นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส. กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เปิดเผยว่า ขณะนี้ลูกชายคือนายณัทพัช อัคฮาด ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับตัวจากเวทีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ถนนอุทยาน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ได้รับการปล่อยตัวแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ติดต่อให้ไปรับตัวเมื่อเวลา 09.00 น. ดีใจที่เขาปลอดภัย แต่ยังเป็นห่วงคนอื่นที่ถูกจับตัวไป ขอร้องเรียนไปยัง คสช. ให้ช่วยดูแลประชาชนที่ไม่ใช่แกนนำด้วย และให้สิทธิ์ในการติดต่อญาติ เพราะญาติทุกคนคงกังวลว่าเป็นอย่างไร
นางพะเยาว์ กล่าวต่อว่า อยากให้คสช.ทยอยปล่อยแกนนำ นปช. และทุกคนออกมา เพราะแกนนำอีกฝ่ายได้รับการปล่อยตัวหมดแล้ว ขอให้เสมอภาคกันด้วย ไม่อย่างนั้นคนจะมองว่า 2 มาตรฐาน เพื่อลดอุณหภูมิความขัดแย้งให้ลดลงบ้าง เพราะคนที่ถูกจับกุม ไม่ได้เป็นนักโทษคดีฆ่าคนตาย แต่เป็นคดีการเมือง เขาควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้ ส่วนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ไม่ควรนิ่งเฉย ควรจะทำหน้าที่ของตัวเอง และช่วยเหลือคนที่ถูกจับกุมให้เร็วที่สุด
ด้านนายณัทพัช กล่าวว่า ก่อนออกมา เจ้าหน้าที่มีเงื่อนไขว่า ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง และห้ามออกนอกประเทศ ถ้าจะออกต้องขออนุญาต ทั้งนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ดูแลคนที่ถูกคุมตัวให้ดีกว่านี้ เพราะเขาไม่ใช่นักโทษฆ่าคนตาย การนำคนไปกักไว้เป็นการละเมิดสิทธิ ควรชี้แจงให้เขาทราบว่า ทำผิดอะไร หากทำผิดก็ควรดำเนินคดีตามกฎหมาย และให้ต่อสู้กันในชั้นศาล ตนขอเรียกร้อง ให้ปล่อยตัวคนอื่นๆ ด้วย
จาตุรนต์ แถลงสื่อต่างประเทศ
เวลา 14.00 น. ที่ชั้น 17 อาคารมณียา เพลินจิต นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ยังไม่มารายงานตัวตามคำสั่งคสช. ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนต่างประเทศและสื่อมวลชนไทยว่า รัฐประหารไม่ใช่ทางออกหรือทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม หากจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ที่น่าห่วงคือหากผู้มีอำนาจจัดการได้ไม่ดี อาจเกิดความรุนแรงและสูญเสียมากยิ่งขึ้น การรัฐประหารเป็นกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลกและคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยไม่ยอมรับ ย่อมส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศ ต่อความร่วมมือกับประเทศต่างๆ และซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจซึ่งบอบช้ำมามากแล้ว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่าการอ้างว่าสังคมไทยมีความขัดแย้งและเกิดความรุนแรงและความสูญเสียอย่างมากกระทั่งผู้นำกองทัพจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึกแล้วทำรัฐประหารนั้น ความจริงผู้นำกองทัพมีทางเลือกอื่นมาตั้งแต่ต้น คือการร่วมมือกับรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย หากทำเช่นนั้นเหตุการณ์จะไม่บานปลายกลายเป็นข้ออ้างที่ต้องทำรัฐประหาร ส่วนเหตุผลที่ไม่ไปรายงานตัวต่อคสช.นั้น เมื่อตนไม่ยอมรับรัฐประหาร จึงไม่อาจไปรายงานตัวต่อคณะรัฐประหารได้
ยันประกาศยึดอำนาจขัดรธน.
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขอชี้แจงเพิ่มเติมว่าตนมีความเห็นมาแต่ต้น และแสดงความเห็นต่อรัฐมนตรีหลายคนและต่อสาธารณชนด้วยว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและขัดต่อพ.ร.บ.กฎอัยการศึก เนื่องจากไม่มีประกาศพระบรมราชโองการ ส่วนการรัฐประหารนั้น ก่อนมีพระบรมราช โองการตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น หัวหน้าคสช. ย่อมไม่อาจถือได้ว่าการรัฐประหารได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว การกระทำของพล.อ. ประยุทธ์กับพวก ที่ประกาศยึดอำนาจจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 คำสั่งต่างๆ ของ คสช.ในช่วงที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.จึงเป็นคำสั่งที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความจริงข้อนี้สังเกตได้ไม่ยากว่าต่อไปจะมีการนิรโทษกรรมการกระทำต่างๆ ของคณะคสช.ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคณะคสช.
"ในอดีตเคยมีการพยายามทำรัฐประหาร มีคำสั่งให้ใครต่อใครไปรายงานตัว แต่เมื่อไม่มีพระบรมราชโองการตั้งบุคคลเหล่านั้นให้ควบคุมการบริหารราชการ ต่อมาคณะบุคคลนั้นกลายเป็นกบฏไป ผู้ที่ไปรายงานตัวหรือให้ความร่วมมือก็มีความผิดไปด้วย ผมจึงตัดสินใจไม่ไปรายงานตัวต่อคสช. ซึ่งได้ประกาศไว้ชัดเจนว่าไม่ต้องการหลบหนี ไม่ต้องการเคลื่อนไหวต่อต้านหรือลงใต้ดินต่อสู้ และพร้อมให้คุมตัวในเวลาที่เหมาะสม" นายจาตุรนต์กล่าว
เมื่อมีโปรดเกล้าฯ-พร้อมให้คุมตัว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขอยืนยันจะใช้สิทธิเสรีภาพเท่าที่มีอยู่ต่อสู้เรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เริ่มจากการเรียกร้องให้คสช.คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนและให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิป ไตยโดยเร็วที่สุด การดำเนินการใดๆ ของตนจะเป็นไปโดยสันติวิธี สอดคล้องกับรัฐธรรม นูญมาตรา 2 และตามกฎหมายที่ชอบธรรม เมื่อมีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.ขึ้นแล้ว ตนจึงพร้อมให้คสช.มาควบคุมตัว การที่ตนเลือกคัดค้านตามหลักอารยะขัดขืน ซึ่งต้องพร้อมยอมรับผลทางกฎหมาย หากจะดำเนินคดีก็พร้อมจะสู้คดีตามสิทธิ์ที่พึงมีต่อไป
รายงานตัว - นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยเดินทางมารายงานตัวกับคสช. ที่หอประชุมกองทัพบก และถูกปล่อยตัวไปในเวลาต่อมา โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยว่าคสช.สั่งห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อวันที่ 27 พ.ค.
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนมีข้อเสนอต่อ คสช. คือขอให้คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ไม่ปราบประชาชนและไม่เลือกปฏิบัติในการใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันความรุนแรงในสังคม ควรเปิดให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธีได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ดีกว่าจะผลักไสให้ประชาชนหันไปต่อสู้ด้วยวิธีอื่นๆ
ลั่นพร้อมให้จับแต่ไม่ไปรายงาน
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การใช้อำนาจความเด็ดขาดไม่ใช่ทางออก ขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมอยู่ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็วที่สุด หากต้องการปฏิรูปจริง ควรเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งสังคมไทยมีความเห็นแตกต่างกันมากทั้งต่อรัฐธรรมนูญปี 50 และต่อการปฏิรูปการหาข้อยุติจึงไม่ใช่เรื่องง่าย การดำเนินการต่อจากนี้ หวังว่าจะคำนึงถึงการเป็นที่ยอมรับของนานาอารย ประเทศ หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน ขอเสนอให้การเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยเป็นไปโดยสันติวิธี พร้อมรับสภาพที่สังคมไทยอาจตกอยู่ในวิกฤตที่ยืดเยื้ออีกนานหลายปี
นายจาตุรนต์ ตอบคำถามสื่อมวลชนต่างประเทศ โดยอธิบายเหตุผลที่ใช้พื้นที่ของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเป็นที่แถลงข่าว เพราะเห็นว่าสื่อต่างประเทศสนใจเรื่องนี้ และเผยแพร่ข่าวได้สบายใจกว่าสื่อไทย ยืนยันจะไม่ไปรายงานตัวกับคสช.เพราะไม่ยอมรับการทำรัฐประหาร แม้จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้าคณะคสช.ก็ตาม หากคสช.จะมาควบคุมตัวก็มาได้ ทั้งนี้หลังยึดอำนาจไม่สามารถติดต่อแกนนำพรรคเพื่อไทยและนปช. จึงขอเรียกร้องให้คสช.ปล่อยตัวแกนนำพรรคและนปช.ทั้งหมด
ทหารบุกคุมตัวตามคาด
วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงความเห็นต่อการรัฐประหาร และการตัดสินใจไม่รายงานตัว เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว ก็พร้อมให้ควบคุมตัว จากนั้นได้เดินทางไปแถลงข่าวโดยเนื้อหาเหมือนในเฟซบุ๊ก โดยหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้น ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารของคสช.มาควบคุมตัวนายจาตุรนต์ ตาม ประกาศคสช. ท่ามกลางสื่อมวลชนต่างประเทศ โดยนายจาตุรนต์ไม่ได้ขัดขืนใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังควบคุมตัวนายจาตุรนต์ไว้ได้แล้ว ได้นำตัวมาคุมขังที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนจะนำตัวขึ้นศาลทหารเป็นรายแรกในวันที่ 28 พ.ค.นี้
สมคิด ชี้อยากสงบต้องหยุดใส่ร้าย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีกระแสข่าวนายจารุพงศ์จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่เขมรตั้งเป็นกลุ่มขบวนการเสรีไทยว่า "เลวมาก สกปรก ขุดหลุมพราง อย่าหลงเชื่อ จะตามหาเราจากอีเมล์ สู่เฟซบุ๊กและหาตัวเราได้ไม่ยาก ขณะนี้มีการหารือกันอยู่ ทำงานกันเข้มแข็ง กำลังจะได้โมเดลที่เหมาะสมที่สุด เป็นห่วงพี่น้องหัวใจเสรีไทยทุกคน ช่วยกันสื่อสาร"
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากพล.อ.ประยุทธ์อยากให้บ้านเมืองสงบจริงๆ ทำได้ไม่ยาก หยุดใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม ปล่อยตัวนักการเมือง นักวิชาการที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดเพราะ ไม่ควรจำกัดสิทธิ์เขา รังแต่จะสร้างความเกลียดชังและจะเกิดความไม่เข้าใจกัน คณะยึดอำนาจจะอยู่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์เอง การยึดอำนาจแล้วเข้าครอบครองเองทุกเรื่อง นับถอยหลังได้เลย ประชาชนมองดูอยู่โลกทุกวันนี้มันไปไกล เกินกว่าที่คณะยึดอำนาจจะควบคุม อย่าคิด ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ
พิชัย จี้คสช.โชว์โรดแม็ปคืนปชต.
นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของพรรคประชา ธิปัตย์หลังรัฐประหารว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคควรแนะนำลูกพรรคว่าขณะนี้มีรัฐประหาร บ้านเมืองทำอะไรไม่ได้ก็ควรอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ดูสถานการณ์ ซึ่งพรรคควรเตรียมตัวเลือกตั้งในอนาคต แต่การเลือกตั้งหลังจากนี้ก็เป็นห่วงเพราะการจะเอาชนะพรรคเพื่อไทยยังลำบาก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พรรคต้องสู้ในระบบรัฐสภา รักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ คิดว่ารัฐประหารครั้งนี้ทหารมองแล้วว่าเมื่อนักการเมืองหาข้อยุติไม่ได้ ทั้งที่ให้โอกาสแล้ว ทำให้ทหารต้องลงมือ
นายพิชัย กล่าวว่า หัวใจของพรรคประชา ธิปัตย์ไม่อยากเห็นรัฐประหาร ซึ่งการแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้น ตนอยากเห็นผบ.ทบ.พูดว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร ขอให้พูดให้ชัดเจนและเร็วที่สุด หากมีโรดแม็ปการนำประเทศสู่ประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาแท้จริง ประชาชนจะสนับสนุนทหาร ตนขออวยพรให้ทหารประสบความสำเร็จ บ้านเมืองจะได้กลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง
ปลัดมท.สั่งด่วนเร่งแจงประชาชน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงอธิบดี ผู้ว่าฯ และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เรื่องแนวทางการปฏิบัติตามประกาศและคำสั่งของคสช. โดยระบุให้ดำเนินการดังนี้ 1.ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำความเข้าใจกับประชาชน ต้องสามัคคีพาประเทศไปสู่ความสงบ สร้างเสถียร ภาพในการพัฒนาประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะเรื่องการรับจำนำข้าว อีกทั้งให้คงไว้ซึ่งการบริหาราชการแผ่นดินส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่นและกำนันผู้ใหญ่บ้าน ทั้งนี้ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการให้บริการประชาชน และเน้นย้ำให้ทุกหมู่เหล่ายึดมั่นในความจงรักภักดี ปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า 2.ให้ทุกภาคส่วนรับผิดชอบร่วมกันในการติดตามตรวจสอบการ กระทำอันไม่เหมาะสมต่อทุกสถาบัน และการประดับธงที่ไม่ใช่ธงชาติ โดยจงใจแยกฝ่ายแยกสีหรือสัญลักษณ์ ป้ายข้อความที่ก่อให้เกิดความสับสนหรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสม เพื่อแสดงพลังทางการเมือง หากพบเห็นให้ทำความเข้าใจกับจ้าของสิ่งของดังกล่าวให้รีบปลด หากไม่ได้รับความร่วมมือ ให้เอาผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว 3.ตรวจสอบสถานที่ บ้านเช่า หอพักและอื่นๆ ที่มีการซ่องสุมกำลังคนและอาวุธที่จะนำไปสร้างความวุ่นวายอย่างเร่งด่วน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส 4.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับประกาศและคำสั่งของคสช.ในระยะต่อไป
ให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจ'มท.'
นายวิบูลย์ กล่าวด้วยว่า ข้าราชการจะสามารถเข้าทำงานที่กระทรวงได้ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ระยะนี้อยู่ในช่วงซ่อมแซมปรับปรุง ทำความสะอาดสถานที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิบูลย์ส่งหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท.0214/ว.1200 ถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจกระทรวง มหาดไทย มีหน้าที่ติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบกับความสงบเรียบร้อย แจ้งเตือนและเสนอแนะการรักษาความปลอดภัย มีโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ภายใต้คณะกรรมการอำนวยการ โดยมี ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ทั้งนี้ให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อย และประสานการปฏิบัติกับศูนย์เฉพาะกิจของกระทรวงมหาดไทยตลอด 24 ชั่วโมง
แม่ทัพ 1 เรียกถก'กกล.รส.'
เวลา 09.30 น. ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท. ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) เป็นประธานประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติและข้อเน้นย้ำนโยบายสำคัญ โดยมีทุกส่วนราชการเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.พิสิทธิ์ สิทธิสาร แม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ท.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) พล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการแทนผบช.น. พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชา การกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร. 2 รอ.) ตลอดจนผู้บัญชาการระดับกองพล ผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับการตำรวจนครบาล(ผบก.น.) 1-9
สั่งคุม'คน-สื่อ-ด่าน-หมู่บ้าน'
พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า กกล.รส. ประกอบด้วยกำลังของกองทัพไทย เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจประคับประคองบ้านเมืองให้ปกติ พร้อมก้าวสู่กระบวน การปฏิรูปประเทศและการเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ขอเน้นย้ำ 4 ประเด็นคือ 1.การควบคุมบุคคล ติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย ที่ไม่เข้ารายงานตัว กองกำลังติดอาวุธ และแกนนำปลุกระดมมวลชนทุกคน การเข้าตรวจค้นแหล่งซุกซ่อนอาวุธสงคราม วัตถุระเบิดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยระวังการสร้างเงื่อนไขใหม่ เช่น การควบคุมตัวญาติพี่น้องซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ กรณีไม่สามารถควบคุมตัวเป้าหมายได้
2.การควบคุมสื่อทั้ง 5 ประเภทในโซเชี่ยลมีเดีย ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ใช้สื่อยุยงปลุกปั่น ชักชวนเข้าร่วมชุมนุม และหมิ่นสถาบัน 3.ด่านตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเน้นการค้นอาวุธ วัตถุระเบิด สกัดมวลชนเข้ามาในพื้นที่กทม. 4.ควบคุมพื้นที่ถึงระดับหมู่บ้าน ทำความเข้าใจกับประชาชนในวัตถุประสงค์ 10 ประการ นโยบายเร่งด่วนอีก 5 ประการ โดยทำควบคู่กับนโยบายเร่งด่วน 7 ประการและขั้นตอนการดำเนินการของคสช.เป็น 3 ระยะ ด้วยการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบอย่างกว้างขวาง
เลี่ยงปะทะม็อบต้าน
พล.ท.ธีรชัยกล่าวว่า ส่วนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุม ต่อต้านเจ้าหน้าที่ ให้ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เน้นควบคุมแกนนำ เจรจาทำความเข้าใจ พร้อมเข้าวางกำลังก่อนการชุมนุม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักควบคุมพื้นที่และคลี่คลายสถานการณ์ หลีกเลี่ยงความรุนแรง ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการบาดเจ็บ สูญเสียต่อประชาชน ส่วนมณฑลทหารบกจังหวัดทหารบกต้องเป็นหน่วยหลักบูรณการกำลัง ทุกภาคส่วน ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหารและภาคเอกชน ประสานการปฏิบัติกับผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความปลอดภัยกับประชาชนทุกกลุ่มเท่าเทียมกัน ส่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจังหวัด (กอ.รมน.จว.) ให้ใช้อำนาจหน้าที่นำมวลชนมาสนับสนุน การปฏิบัติงานอย่างกว้างขวาง รวมทั้งทำ ความเข้าใจกับประชาชนถึงเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินการของคสช.
ยึดสถานี - ทหาร-ตำรวจบุกยึดสถานีวิทยุชุมชนเรด เรดิโอของ "โกตี๋" ในซอยเปียนนท์ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมปีนขึ้นไปถอดเครื่องกระจายสัญญาณคลื่นความถี่ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า หวังว่าจะได้รับความร่วมมือความสามัคคีจากทุกส่วน ขอให้ทุ่มเทเสียสละปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ไม่เลือกฝ่าย หากมีผู้ใดขัดขวาง ละเว้น หรือให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่เสียประโยชน์ ที่ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด และ รายงานให้คสช.ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ลั่นใช้มาตรการเบาไปหาหนัก
พล.ท.ธีรชัยให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า กลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านคสช. กลุ่มแรกที่ยังไม่เข้าใจ ทางคสช.จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ส่วนกลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่สะสมกำลังอาวุธสงคราม กลุ่มนี้จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ส่วนการเรียกบุคคลต่างๆ มารายงานตัวจะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมจับกุมดำเนินคดี ส่วนคนที่มารายงานตัวแล้วอาจเข้าไปพูดคุย ชี้แจงทำความเข้าใจก่อนปล่อยกลับบ้าน ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขของผู้ที่ถูกควบคุมตัวหรือผู้ที่มารายงานตัว ซึ่งคสช.ทยอยปล่อยตัวกับคนที่ถูกควบคุมตัวทุกวัน ยืนยันว่าคนที่ถูกควบคุมตัวทุกคนสบายดี
แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า คสช.รู้ตัวกลุ่มที่ต่อต้านหมดแล้ว ว่าใครถูกจ้างมาหรือมาด้วยความสมัครใจ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่ ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจก็บอกตำรวจไปว่าให้เชิญตัวมาพูดคุย สำหรับคนปล่อยตัวไปแล้วได้เซ็นหนังสือรับรองว่าปล่อยตัวแล้วจะไม่ไปยุยงปลุกปั่นอีก หรือไปนำมวลชนมาชุมนุม หากฝ่าฝืนจะมีมาตรการดำเนินการกับคนเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งทุกคนยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ส่วนแกนนำนปช. ขณะนี้ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว แต่ยืนยันว่าเขามีความเป็นอยู่ที่ดี ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมจะปล่อยตัวออกมา แต่คนที่มีคดีติดตัว ต้องถูกดำเนิน คดีต่อ
คสช.ปัดคลิปด่าม็อบไม่ใช่ทหาร
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่อาคารกำลังเอก สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. กับรองหัวหน้าคสช.ว่า การบังคับใช้กฎหมายจะทำอย่างเข้มข้นควบคู่กับการสร้างความสมานฉันท์ ลดความขัดแย้งนำไปสู่การปฏิรูปด้านต่างๆ หัวหน้า คสช.มอบให้กองทัพภาคต่างๆ จัดตั้ง "ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป" ขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และให้ข้อมูลความคืบหน้าการแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายต่างๆ นำข้อมูลไปบิดเบือน โดยสั่งการให้เร่งตั้งศูนย์และแนวทางปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ขณะนี้สังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อความหรือคลิปที่ทำให้เห็นว่าทหารลุแก่อำนาจ เช่น คลิปของบุคคลแต่งกายคล้ายทหารเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเพื่อข่มขู่เอาสินค้าหรือสิ่งของ รวมถึงคลิปของบุคคลแต่งกายคล้ายทหารใช้คำพูดไม่เหมาะสมกับผู้ชุมนุมต่อต้าน คสช.เห็นว่าการการทำเช่นนี้เพื่อสร้างความเกลียดชัง ต่อเจ้าหน้าที่ จึงขอให้หยุด ยืนยันว่าทหารทุกคนปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรอบและอดกลั้นในทุกเรื่อง ซึ่งเป็นนโยบายของหัวหน้าคสช. ส่วนผู้ที่กระทำไม่เหมาะสมในการเผยแพร่หรือโพสต์ข้อความต่างๆ นั้น คสช.จะดำเนินการเอาผิดต่อไป
เผยหน.คสช.สั่งการ 8 เรื่อง
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า หัวหน้าคสช. สั่งการ 8 เรื่อง 1.การบริหารราชการ คสช.จัดตั้งคณะทำงานโดยผบ.เหล่าทัพปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายและสั่งการของหัวหน้าคสช. ตามระเบียบและระบบราชการที่โปร่งใส 2.เรื่องใดอยู่ในอำนาจนายกฯและครม. เป็นอำนาจของหัวหน้าคสช.แต่เพียง ผู้เดียว โดยให้ทุกส่วนราชการและฝ่ายต่างๆ ตรวจสอบกลั่นกรองให้ถูกต้อง 3.ปรับโครง สร้างการทำงานคสช.โดยจัดตั้ง "ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป" ประกอบด้วย ศูนย์ปรองดองฯส่วนกลาง ดำเนินการโดยคสช. และศูนย์ประจำพื้นที่กองทัพภาคที่ 1- 4 เพื่อสร้างความรักสามัคคี สลายสีเสื้อ นำไปสู่การปฏิรูปเรื่องต่างๆ ต่อไปในอนาคต ส่วนแนวทางเข้าร่วมในศูนย์ปรองดองฯนั้น สามารถสมัครเข้าร่วมจากทุกภาคส่วน ทุกฝ่าย ทุกสี อาจคัดผู้นำและแกนหลักแต่ละกลุ่มเข้าประชุมหารือ จัดเวทีเสวนา
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 4.กำหนดให้ฝ่ายต่างๆ ของ คสช.ดำเนินการกำหนดกรอบทำงานให้ชัดเจน เร่งรัด ขับเคลื่อน ติดตามกำกับดูแลงานของแต่ละกระทรวง แผนงานโครงการของทุกกระทรวงจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เสียวินัยการเงินการคลัง และสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานของทุกส่วนราชการให้กับหัวหน้าคสช. ทราบทุกสัปดาห์
อยู่ระหว่างตั้งทีมที่ปรึกษาคสช.
5.แผนงานโครงการที่ริเริ่มใหม่ให้เสนอ คสช. พิจารณาอนุมัติเพื่อนำเข้าบรรจุในแผนงบประมาณปี 58 ได้ หากเป็นโครงการใหญ่ต้องมีโรดแม็ปที่ชัดเจนและดำเนินโครงการตามระยะเวลา หรือลดขนาดเป็นหลายโครงการเพื่อเข้าถึงประชาชนโดยเร็ว 6.การอนุมัติหรือใช้จ่ายงบประมาณต้องโปร่งใส ไม่มีผลผูกพันกับรัฐบาลใหม่ 7.การบริหารราชการทุกเรื่อง ไม่ใช่ทหารจะไปสั่งให้ทำอะไรก็ได้ที่ผิดระเบียบหรือผิดข้อกฎหมาย เพียงแต่กำกับดูแล เร่งรัด ติดตาม ขับเคลื่อน เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้นเท่านั้น จะไม่ไปปรับเปลี่ยนแนวทางดำเนินงานที่เคยทำไว้อยู่เดิม และ 8.คสช.อยู่ระหว่างการแต่งตั้งที่ปรึกษาใน 2 ระดับ ได้แก่ 1.ที่ปรึกษาระดับนโยบาย ประกอบด้วยที่ปรึกษาคสช. และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง 2.ที่ปรึกษาระดับนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ โดยที่ปรึกษาทุกระดับจะได้รับการพิจารณาและอนุมัติโดยหัวหน้าคสช.เท่านั้น
ลั่นส่งจาตุรนต์ขึ้นศาลทหาร
พ.อ.วินธัย กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง แถลงข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศว่า นายจาตุรนต์ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามประกาศของคสช.และถึงขณะนี้เลยเวลาที่กำหนดให้รายงานตัว จึงถือว่ามีความผิด ทั้งนี้มองว่าการแถลงดังกล่าวเพื่อช่วงชิงพื้นที่สื่อ แต่คสช.มั่นใจในเหตุผลความจำเป็น และมีข้อมูล เพียงพอในการทำความเข้าใจกับสื่อต่างประเทศว่า สิ่งที่ปฏิบัติเป็นเรื่องทางกฎหมาย
"นายจาตุรนต์ มีความผิดฝ่าฝืนประกาศ คสช. ขัดต่อการประกาศกฎอัยการศึก รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ มีอำนาจควบคุม และนำตัวเข้าสู่กระบวนการ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลทหารต่อไป" พ.อ.วินธัยกล่าวว่าและว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับการ ปล่อยตัวแล้วจริง โดยมีเงื่อนไขตามประกาศของคสช. หากจะเดินทางออกนอกประเทศต้องขออนุญาตจากคสช.ก่อน การควบคุมตัวบุคคลระดับแกนนำนั้น ส่วนใหญ่คุมตัว ไม่เกิน 3 วัน
'บิ๊กตู่'ไม่พอใจถูกถามรุกไล่
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บก.ทบ. ถนนราชดำเนิน พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เชิญตัวผู้สื่อข่าวสายทหาร 2 คน เข้าพบที่ห้องทำงานเพื่อแจ้งข้อความจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้ทราบพร้อมขอความร่วมมือกรณีตั้งคำถามกับ พล.อ. ประยุทธ์ โดยเฉพาะหลังการแถลงข่าววันที่ 27 พ.ค. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์รู้สึกไม่ดี ที่ถูกตั้งคำถามในลักษณะรุกไล่จนกระทบความเชื่อมั่นในตัวผู้นำประเทศ
"พล.อ.ประยุทธ์ฝากมาบอกว่าวันนี้ ท่านไม่ได้เป็นแค่ผบ.ทบ. แต่เป็นถึงผู้นำบริหารประเทศ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร ดังนั้นการจะตอบคำถามออกสู่สาธารณะ จำเป็นต้องใคร่ครวญอย่างดี และขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาตอบคำถามเหล่านั้นโดยเฉพาะการแต่งตั้งนายกฯ ซึ่งการถามลักษณะจี้ถามเช่นนั้นไม่เหมาะสม ฉะนั้นจึงขอความร่วมมืออย่าถามรุกไล่อีก" เลขานุการ ทบ.กล่าว
16 รายถูกเรียกรายงานตัว
ที่หน้าหอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 23/2557 ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติมรวม 16 ราย ตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น. ประกอบด้วย นายแดง แซ่เฮง นายมาลัยรักษ์ ทองชัย หรือศรรักษ์ มาลัยทอง โฆษกกลุ่มวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นายอดิศร ผลลูกอินทร์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย นางจุรีพร สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดงพัทยา พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการรมว.มหาดไทย
นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำ กวป. นายสมศักดิ์ เกียรติพัฒนชัย นายจิรายุทธ ทรงยศ สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายทยากร ยศอุบล บิดาเด็กหญิงและเด็กชายที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดหน้าบิ๊กซี ราชดำริ ระหว่างการชุมนุมของกปปส. นายวิทยา แก้วภราดัย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. รวมทั้งเรียกบุคคลที่ยังไม่มารายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนด ให้มารายงานตัวภายในวันนี้ โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติพัฒนชัย และนางฐิติมา ฉายแสง มารายงานตัว
'ฐิติมา-ผดุง'โดนส่งไปคุมตัว
นายชูวิทย์ที่เดินเท้าจากบช.น.มาถึงหน้าหอประชุม กล่าวว่า เชื่อว่าคสช.เรียกมาเพื่อขอความเห็นในการช่วยกันแก้ปัญหาประเทศ ตนยินดีให้ความร่วมมือ ทั้งนี้อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายหยุดสร้างความขัดแย้งแล้วหันมาช่วยหาทางออกร่วมกัน เชื่อมั่นว่า คสช.จะหาทางออกให้แก่ประเทศได้ และจะรอพบนายบรรหาร ซึ่งมีรายชื่อถูกเรียกมาเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่มีรายชื่อตามคำสั่งทั้งหมดได้ทยอยเข้ามารายงานตัว ขาดเพียงนายมาลัยรักษ์ โดยนายบรรหาร นายอุกฤษ และนายชูวิทย์ เป็นการเรียกมารับคำชี้แจงจากทหารถึงความจำเป็นในการยึดอำนาจของคสช. และขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ตามที่คสช.มีประกาศและคำสั่งห้าม จากนั้นได้รับการปล่อยตัวไป ในขณะที่นางฐิติมา และนายผดุง ถูกทหารนำตัวขึ้นรถตู้แยกกันออกไป แต่ไม่ได้ระบุจะพาไปคุมตัวที่ใด เช่นเดียวกับบุคคลที่เข้ามารายงานตัวในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คสช. ทยอยปล่อยตัวบุคคลที่ถูกเรียกตัวไปควบคุมก่อนหน้านี้ อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายนพดล ปัทมะ
วิทยาได้ประกันคดีกบฏ
เวลา 13.50 น. นายวิทยากล่าวว่า รายงานตัวเรียบร้อย แต่ไม่ได้ถูกควบคุมตัว เพราะมีหมายจับในข้อหากบฏอยู่ จึงถูกนำตัวส่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
จากนั้นนายวิทยา นางสาวรังสิมา นายถนอม อ่อนเกตุพล และนายคมสัน ทองศิริ แกนนำกปปส. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ เพื่อขอมอบตัวต่อสู้คดี ที่ศาลออกหมายจับฐานกบฏและข้อหาอื่น รวม 8 ข้อหา โดยพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ เป็นผู้รับมอบตัว ก่อนให้ประกันตัวในวงเงินประกันคนละ 100,000 บาท สำหรับวันที่ 28 พ.ค. เวลา 09.00 น. ได้รับการติดต่อจากพล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี และพล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ แกนนำกปปส.อีก 2 ราย ที่ถูกศาลออกหมายจับข้อหากบฏจะเดินทางเข้ามอบตัวด้วย
ทหารลุยค้นวิทยุเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.00 น. วันเดียวกันนี้ ที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดง คลื่นเอฟเอ็ม 106.10 ภายในซอยปิยนนท์ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานีวิทยุชุมชนของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่ถูกหมายจับคดีหมิ่นเบื้องสูง มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 1 กองร้อย พร้อมตำรวจประมาณ 20 นาย นำหมายเข้าตรวจยึดสถานี โดยทหาร 2 นาย ได้ปีนขึ้นไปถอดเสาสัญญาณออกอากาศ และรื้อถอนอุปกรณ์การออกอากาศ รวมทั้งปิดถนนภายในซอยปิยนนท์ ทั้งขาเข้าและขาออก ตรวจค้น ผู้ที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายในแต่อย่างใด
ที่ จ.เชียงใหม่ เวลา 10.45 น. ทหารจากกรมทหารราบที่ 7 ค่ายขุนเณร อ.แม่ริม นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลซ ถนนอินทวโรรส จ.เชียงใหม่ ของนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51 โดยโรงแรมดังกล่าวเป็นที่ตั้งของวิทยุชุมชนรักเชียงใหม่ 51 เอฟเอ็ม 92.5 เมกะเฮิร์ตซ์ ที่ออกอากาศเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งได้ถูกปิดตั้งแต่มีการรัฐประหาร และทหารนำกำลังเข้าตรวจค้นถึง 3 ครั้งแล้ว และตรวจยึดเอกสารต่างๆ ไปตรวจสอบ โดยครั้งนี้ยึดโน้ตบุ๊ก 5 เครื่อง กล้องวิดีโอและกล้องถ่ายรูป กระสุนปืน 7 นัด พร้อมเสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว รวมถึงอุปกรณ์ที่อาจจะนำไปทำระเบิดหรือสร้างสถานการณ์ เช่น ประทัดลูกบอล เป็นต้น เพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป
เชียงใหม่ค้นบ้านบุญทรง
เวลา 14.00 น. ทหารค่ายมณฑลที่ 33 ได้เชิญวิทยุชุมชนทั้งหมดรวมทั้งวิทยุคลื่นหลักของเชียงใหม่ เข้าไปฟังคำชี้แจงที่ค่ายมณฑลที่ 33 ห้องประชุมสโมสรทหาร กาวิละ โดยมีผู้ประกอบการคลื่นวิทยุชุมชนและคลื่นหลัก เข้าฟังคำชี้แจงกว่า 200 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ตร.ภ.เชียงใหม่ ประมาณ 30 นาย เข้าตรวจค้นร้านบุ๊ครีพับลิค ถ.เลียบคลองชลประทาน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่นัดรวมตัวของนักวิชาการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จากการตรวจค้นไม่พบนักวิชาการ และเจ้าหน้าที่อยู่ภายในร้าน
เวลา 16.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังทหาร 2 คันรถฮัมวี่ติดอาวุธครบมือ บุกเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่่ริมถนนทุ่งโฮเต็ล อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ส่วนรายละเอียดนั้นไม่เป็นที่เปิดเผยของทางฝ่ายทหารว่าได้และพบอะไรบ้าง
พะเยาทาสีขาวทับหลักอำเภอแดง
ที่ จ.พะเยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายปกครอง อ.จุน ประสานงานไปยังแกนนำของกลุ่มเสื้อแดงหลังเขา เพื่อให้ปรับปรุงหลักอำเภอเสื้อแดง ที่เป็นแท่งปูนสีแดงมีข้อความหลักอำเภอเสื้อแดง ขนาด 2 เมตร ความสูง 2.50-3.0 เมตร ตามนโยบายของคสช. โดยนำสีขาวไปทาทับและลบคำว่าอำเภอเสื้อแดงออก แต่ยังคงรูปพานรัฐธรรม นูญสีทองไว้ตามเดิม จากนั้นได้รายงานผลปฏิบัติไปยังกองบังคับการจังหวัดทหารบกพะเยา
นายธนพัฒน์ ชัยชนะ ผู้ประสานงานกลุ่มแดงพะเยา เปิดเผยว่า เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานได้รับความลำบากใจ แต่เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสงบสุขของคนทั้งมวล การเปลี่ยนสีของหลักอำเภอเสื้อแดงกลายเป็นหลักสีขาวก็เป็นเพียงการเปลี่ยนสีเท่านั้น แต่สำหรับหลักคิดในใจที่สนับสนุนเรื่องประชาธิปไตยก็ยังคงอยู่ ขอเพียงบ้านเมืองสงบตนก็ยินดี
วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.จีระวุฒิ ตันฑะศรี ผกก.เขาสมิง กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีนายณรงค์ กระจ่างกลาง ยิงทหารพรานนาวิกโยธินเสียชีวิต หลังมีข่าวลือถูกทหารชุดที่ ไล่ติดตามยิงเสียชีวิต ว่า ยืนยันว่านายณรงค์ยังไม่ตาย ถ้าตายทหารจะเอาศพไปไว้ไหน เพราะจะต้องชันสูตรจะปล่อยไว้ได้อย่างไรเดี๋ยวศพเน่าหมด แต่ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาและไม่ต้องการจะถูกโยกย้ายไปไหนอีก ในส่วนของผู้ที่ถูกจับกุมมี 3 คน ประกอบด้วย นายวิเชียร ใยบัว นายน่วม อำไพ และภรรยาของนายณรงค์
เด้งผวจ.เชียงใหม่-ขอนแก่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด 9 ตำแหน่ง ดังนี้ 1.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 2.นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ชัยนาท เป็นผวจ.ขอนแก่น 3.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี เป็นผวจ.ชัยนาท 4.นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.เชียงใหม่ เป็นผวจ.สระบุรี 5.นายสุริยะ ประสาทบัณฑิต ผวจ.ตาก เป็นผวจ.เชียงใหม่ 6.นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ.ตาก 7.นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา เป็นผวจ.พัทลุง 8.นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็นผวจ.นครราชสีมา 9.นายเสรี ศรีหะไตร ผวจ.พัทลุง เป็นผวจ.บุรีรัมย์ ทั้งนี้ตั้งแต่ วันที่ 2 มิ.ย.เป็นต้นไป
ร่นเคอร์ฟิวเที่ยงคืน-ตี 4
เวลา 20.45 น. ประกาศ คสช. ฉบับที่ 42/2557 ระบุว่า ร่นเวลาเคอร์ฟิวของบุคคลธรรมดา จากเวลา 22.00-05.00 น. เป็น 00.01-04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. เป็นต้นไป
ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการรับส่งเงินและทรัพย์สินมีค่าของธนาคาร รวมทั้งผู้ประกอบการธุรกิจขนส่ง ยังคงอนุญาตให้เดินทางในเวลากลางคืนและพกพาอาวุธเพื่อการประกอบธุรกิจได้ ตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 4/2557 และฉบับที่ 17/2557
คสช.มีคำสั่งที่ 25/2557 ให้มารายงานตัวเพิ่มเติม ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 28 พ.ค. เวลา 10.00-11.00 น. ตามรายชื่อดังยี้ จ.ส.ต.มานะ เติมธนะศักดิ์ พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ นายสุวัจน์ วุฒิศักดิ์ นายวิชา พร้อมเพรียงชัย นายธนิก มาสีพิทักษ์ นาย กฤษณะ มานะการ นายอิทธิพล สุขแป้น
ไล่บี้'บก.ลายจุด-จ่าประสิทธิ์'
จากนั้นเวลา 23.10 น. มีคำสั่งที่ 26/2557 1.ห้ามสถาบันการเงิน สหกรณ์ นิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจ โอนเงินอิเล็กทรอ นิกส์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจซื้อขายล่วงหน้า ทำนิติกรรมสัญญาทางการเงิน ธุรกิจ ทรัพย์สิน รับซื้อแลกเปลี่ยนเช็ค ให้กับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ 2.ให้แจ้งและส่งข้อมูลของบุคลลดังกล่าวตั้งแต่ 1 มี.ค.-27 พ.ค. ให้หัวหน้าคสช.ภายใน 3 วันนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง 3.ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประกาศฉบับที่ 42/2557 เพื่อให้การดำเนินคดีของเด็กและเยาวชนเป็นไปอย่างเหมาะสม หัวหน้าคสช.ประกาศให้การกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนดำเนินคดีในศาลเยาวชนและครอบครัว ไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศฉบับ 44/2557 ให้เรือนจำในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติตามหมายของ ศาลทหาร ตามที่ออกประกาศ 37/2557 และ 38/2557 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โชว์คลิปแกนแดงยังอยู่ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ได้ให้สัมภาษณ์เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยนำเทปบันทึกภาพความเป็นอยู่ของแกนนำเสื้อแดง อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ รวมถึงนายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีตส.ส.ปชป. มาออกอากาศด้วย เพื่อยืนยันว่ากองทัพให้การดูแลทุกคนเป็นอย่างดี