- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 15 November 2014 11:48
- Hits: 3979
วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8753 ข่าวสดรายวัน
โต้งขำ-กลับไปมา ตัวเลขข้าว พท.จี้กมธ.ยกร่าง ผ่อน'อัยการศึก'บิ๊กตู่ปลื้มออกทวี ผลถกผู้นำ-สำเร็จ
'โต้ง'ขำตัวเลขขาด ทุนโครงการจำนำข้าว 5 แสนล้าน กลับไปกลับมา เหน็บกลับคงรวมเอาเงินแจกไร่ละพันเข้าไปด้วย ย้ำนโยบายจำนำข้าวยกระดับความเป็นอยู่ชาวนา ขณะที่ป.ป.ช.ได้ทีเตรียมนำข้อมูลนี้ไปแถลงเปิดคดีเล่นงาน'ปู'ในสนช.ทันที 'ปานเทพ'เล็งส่ง'วิชา'หรือก็'สรรเสริญ'ชงเชือด เพื่อไทย ส่งหนังสือถึงกมธ.ยกร่างรธน.ชงรัฐบาลผ่อนปรนกฎอัยการศึก เพื่อที่พรรคการเมืองจะได้ประชุมหารือกันร่วมทำข้อเสนอ'บิ๊กตู่'ออกทีวีปลื้มถกผู้นำนานาชาติประสบความสำเร็จ อ้างทุกชาติเข้าใจสถานการณ์ไทย เล็งฟื้นโครงการรากแก้วจัดเรียลลิตี้ออกทีวี
'บิ๊กตู่'เข้าทำเนียบ-'อุ๋ย'เข้าพบ
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล หลังเดินทางกลับจากเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่กรุงเน ปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ กลางดึกวันที่ 13 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบช่วงสายวันนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่าม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เข้าพบ หลังจากนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวแถลงสรุปผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2547 จนถึงวันที่ 22 พ.ค.2557 รวม 15 โครงการ มียอดขาดทุนอยู่ที่ 6.82 แสนล้านบาท
รายงานแจ้งด้วยว่านายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเข้าพบนายกฯ ด้วย หลังมีการนำรายชื่อแต่งตั้งนายอำนวย ปะติเส เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เป็นรมช.การคลัง เพื่อเข้ามาเสริมทีมด้านเศรษฐกิจ ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมแล้ว
วิชาชี้ 3 อดีตส.ว.ไม่ต้องหยุดหน้าที่
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.กล่าวกรณีป.ป.ช.ลงมติให้ส่งสำนวนถอดถอนอดีต 38 ส.ว. กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ ส่งให้สนช.พิจารณาถอดถอนว่า หลังจากนี้ป.ป.ช. จะส่งสำนวนการถอดถอนให้สนช.พิจารณาถอดถอนต่อไป ส่วนอดีตส.ว. 3 คน ได้แก่ พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ นายดิเรก ถึงฝั่ง และพ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิก สนช.และสมาชิก สปช.นั้น ไม่จำเป็นต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เนื่องจากขณะนี้ ไม่ได้มีบทบาทหน้าที่เป็นส.ว.แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็น สนช.และ สปช.ต่อไปได้
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า ขณะนี้อดีตส.ว.ทั้ง 3 คนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมแล้ว ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ขณะนี้ถือว่าหมดหน้าที่ของป.ป.ช.แล้ว อย่างไรก็ตาม หาก สนช.เห็นว่าทั้งสามคนจำเป็นต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไว้ก่อนก็เป็นหน้าที่ของสนช.ที่ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไป แต่ป.ป.ช.เห็นว่าไม่จำเป็นต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่
กุนซือฝ่ายกฎหมายชี้ทำหน้าที่ต่อได้
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับสำนวนและรายงานการถอดถอน 38 อดีตส.ว.จาก ป.ป.ช. หากได้รับเรื่องแล้วคงต้องพิจารณาว่าสำนวนครบถ้วนหรือไม่ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ แต่ตามข้อบังคับกำหนดว่าประธานต้องดูว่าจะรับหรือไม่
เมื่อถามว่า พล.ต.กลชัย สุวรรณบูรณ์ สนช. เป็นหนึ่งในอดีตส.ว.ที่ถูกกล่าวหาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ตนได้ฟังประธานป.ป.ช.ระบุว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นคนละตำแหน่งกัน ซึ่งยังไม่ได้ดูในข้อกฎหมาย จึงต้องขอศึกษากฎหมายก่อน เพราะเป็นคนละกรณีกัน และเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นหรือไม่
ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิก สปช. และอดีต ส.ว.ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า หากสนช.เรียกไปชี้แจงการดำเนินการถอดถอนก็พร้อมไปยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเป็นการแก้รัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 อีกทั้งยังมีมาตรา 130 ของรัฐธรรมนูญเดิมคุ้มครองการทำหน้าที่ ที่สำคัญยังเห็นว่าขณะนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วจึงไม่น่าจะมีฐานความผิดที่จะทำให้ถอดถอนตัวเองได้ ส่วนกรณีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ขอยืนยันไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่สปช. เพราะเป็นสภาทางด้านวิชาการ ไม่ใช่เป็นสภาทางการเมืองที่เข้าข่ายต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายป.ป.ช. อีกทั้งขณะนี้ตัวเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่วุฒิสภา จึงไม่เข้าข่ายที่ต้องปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ปรึกษากฎหมายของนายพรเพชรยืนยันว่าอดีตส.ว.ที่ถูกชี้มูลทั้ง 3 คน ยังสามารถทำหน้าที่ในสนช.และสปช.ได้ เนื่องจากประธานป.ป.ช.ระบุว่าทั้ง 3 คนยังปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งสนช.ก็พร้อมปฏิบัติตามความเห็นของป.ป.ช. เนื่องจากเป็นผู้บังคับ ใช้กฎหมาย
ปปช.ได้ที-ขยายผลถอดถอน"ปู"
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. กล่าวกรณีปลัดกระทรวงการคลังแถลงผลการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2547 ถึง วันที่ 22 พ.ค.2557 มีผลการขาดทุนถึง 6.8 แสนล้านบาท ว่าป.ป.ช.จะนำข้อมูลดังกล่าว ไปขยายผลต่อ โดยจะนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการแถลงเปิดคดีต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรณีการถอดถอนน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเลยไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว เพื่อยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการขาดทุนเป็นจำนวนมาก ขณะนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ยังไม่มีมติว่าจะส่งใครเป็นผู้แถลงเปิดคดีในส่วนของป.ป.ช. แต่คาดว่าน่าจะเป็นนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. และนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีดังกล่าว นอกจากนี้จะนำข้อมูลของประธานอนุกรรม การปิดบัญชีฯไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดีไต่สวนการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย
นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วมป.ป.ช.และอัยการสูงสุด เรื่องการทบทวนความไม่สมบูรณ์สำนวนคดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในโครงการรับจำนำข้าวนั้น คณะทำงานทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้กำหนดว่าจะประชุมคณะทำงานต่อไปเมื่อใด แต่คิดว่าการประชุมคณะทำงานนัดหน้าน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ควรจะได้ข้อสรุปว่าอัยการสูงสุดจะส่งฟ้องคดีรับจำนำข้าวให้ป.ป.ช.หรือไม่ ซึ่งป.ป.ช.ยืนยันว่าจะไม่สอบปากคำพยานบุคคลใดๆเพิ่มเติมให้อีกแล้ว เพราะเห็นว่าหลักฐานที่ป.ป.ช.ไต่สวนมามีความครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว หากประชุมนัดหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการสูงสุดยังไม่มีคำตอบชัดเจนว่าจะส่งฟ้องคดีให้ป.ป.ช.หรือไม่ ป.ป.ช.ก็จะเป็นผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเอง
'สุภา'อ้าง 4 รบ.ก่อนปู-เสียหายน้อย
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. กล่าวกรณีคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการ รับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง สรุปตัวเลขขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวใน 5 รัฐบาลกว่า 6.8 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ รัฐบาลเดียวมีตัวเลขการขาดทุนสูงถึง 5.18 แสนล้านบาท ว่ากรณีนี้จะต้องตรวจสอบ 4 รัฐบาลก่อนหน้านี้ที่มีความเสียหายเกิดขึ้นเหมือนกันด้วยหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าความเสียหายใน 4 รัฐบาลก่อนหน้านี้ถือเป็นจำนวนเล็กน้อย เนื่องจากมีเพดานให้ขาดทุนอยู่ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท และไม่ได้เป็นการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดจากเกษตรกร เพราะมี การจำกัดการรับจำนำข้าว
นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน เชิงลึกของ 5 รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายบุญทรง นายยรรยง พวงราช อดีตรมช.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ว่าขณะนี้ยังอยู่ในกระบวน การตรวจสอบและกำลังรอข้อมูลจากธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบคืบหน้าไป 80%แล้ว คาดว่าประมาณต้นปี 2558 น่าจะเสร็จสมบูรณ์
"เหตุที่การตรวจสอบล่าช้าเพราะการตรวจสอบมันไม่เร็วเหมือนการขายโอเลี้ยง การให้ความเป็นธรรมกับทุกคนถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ป.ป.ช.ต้องคำนึงถึง และต้องให้ความสำคัญกับบุคคลที่ถูกตรวจสอบด้วย จะมาทำอะไรลวกๆ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นความยุติธรรมหรือการอำนวยความยุติธรรมนับเป็นหัวใจของการทำงาน ของป.ป.ช. มันช้าไม่เป็นไร แต่ช้าแล้วเขาต้องได้รับความเป็นธรรม" นายณรงค์กล่าว
"โต้ง"ดักคอ-บวกแจกไร่ละพัน
วันเดียวกัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง เฟซบุ๊กถึงตัวเลขโครงการจำนำข้าวว่า ตัวเลขโครงการจำนำข้าวที่แจงโดยใครต่อใครในรัฐบาลนี้ช่างหลากหลาย 9 แสนล้าน 7 แสนล้าน จนคนที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบเถียงแบบตนต้องออกมาพูดดังๆ ว่า ไม่จริง ตั้งข้อสังเกตแบบจับผิดได้ชัดๆ ว่าเป็นความพยายามที่จะรวมเอาภาระคงค้างจากโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลนักพูดเข้ามา และคงเตรียมจะบวกภาระใหม่จากโครงการแจกด่วน ไร่ละพัน ที่จะตรวจสอบการปฏิบัติทุจริต ได้ยากมาก จนได้ตัวเลขสูงให้เป็นที่เข้าใจผิดกับรัฐบาลก่อน และยังจะไม่ต้องแสดงตัวเลขภาระใหม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย
นายกิตติรัตน์ระบุสัปดาห์นี้มาใหม่ กลายเป็น 5 แสนล้าน แต่ก็ยังไม่วายอ้างตัวเลขโครงการรับจำนำฯ ในอดีตอันไกลโพ้นที่ไม่มีภาระคงค้าง และสินค้าคงเหลืออีกแล้ว มาแสดงรวมกันให้ดูมากกว่า 5 แสนล้าน เทียบเคียงให้ดูน่าตำหนิ อยากถามคนใหญ่คนโต ที่พูดตัวเลข 9 แสน 7 แสน "ไงล่ะ ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่ ยอบรับนะ"
ย้ำจำนำข้าวทำชาวนาคลายทุกข์
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ส่วนข้อมูล 5 แสนล้าน ก็ยังมีความจริงที่คนทั่วไปต้องทราบอยู่อีก 3 เรื่องสำคัญ เรื่องแรก ตัวเลขทางบัญชีนี้ยังคงใช้ข้อสมมติด้านราคากับสินค้าคงคลัง ซึ่งก็ย่อมเป็นที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าคงใช้ตัวเลขราคาที่ต่ำ ตัวเลขทางบัญชีเมื่อขายสินค้าคงคลังจนหมดย่อมจะน้อยกว่านี้ ยกเว้นไม่มีฝีมือในการขายหรือมีการทุจริตเอื้อเฟื้อราคาให้กับคนซื้อข้าวที่เป็นพรรคพวกกัน ซึ่งก็ชักจะมีกลิ่นออกมาแล้ว เมื่อผู้รับผิดชอบออกมาพูดคนละทีสองทีเรื่องข้าวด้อยคุณภาพ จะเปิดทางให้ซื้อขายกันในราคาต่ำๆ
เรื่องที่สองโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 จึงได้จัดงบประมาณอันเหมาะสมชดเชยให้กับโครงการฯ ในปีงบประมาณ 2555/56 ไปแล้วตามสมควร ผลสุทธิจำนวนรวมคงค้างย่อมต่ำกว่า 5 แสนล้านที่อ้างถึงล่าสุดนี้ อย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนใครที่คิดว่ายังเป็นเงินที่สูงอยู่ดี ก็ขอให้ตระหนักว่าโครงการนี้ช่วยเหลือกระดูกสันหลังของประเทศให้พอลืมตาอ้าปากได้มาแล้วถึง 3 ปี หรือ 5 ฤดูการผลิตอย่างต่อเนื่อง เป็นช่วงเวลาที่คลายความทุกข์ยากของชาวนาทั่วประเทศเกือบ 4 ล้านครอบครัว โดยไม่ต้อง "ทำตามสัญญา ขอเวลาจะคืนความสุข" แก่ชาวนา รวมทั้งเป็นกำลังซื้อของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวที่ทำให้ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ มี ความสุขไปด้วย สถาบันจัดอันดับความน่า เชื่อถือระดับโลกถึงได้จัดอันดับประเทศไทยดีขึ้นในช่วงเวลาของรัฐบาลก่อน
ทนายปูสงสัยตัวเลขปลัดคลัง
นายพิชิต ชื่นบาน คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยและที่ปรึกษากฎหมายน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวกรณีปลัดกระทรวงการคลัง สรุปโครงการรับจำนำข้าว 15 โครงการ ตั้งแต่ปี 2547 ถึงวันที่ 22 พ.ค.2557 มีผลขาดทุนรวมอยู่ที่ 6.8 แสนล้านบาท โดย ผลขาดทุนใน 4 โครงการหลังในยุครัฐบาล ยิ่งลักษณ์ จำนวน 5.1 แสนล้านบาท ว่า การปิดบัญชีของคณะอนุกรรมการชุดนี้ถือเป็นการปิดบัญชีตามเอกสาร ข้อสรุปตัวเลขก่อนหน้านี้ทางปลัดกระทรวงเองในฐานะประธานก็ออกมายอมรับว่าตัวเลขบางส่วนยังไม่ตรงกัน เพราะยอดสินค้าข้าวที่ขายไปได้ในแต่ละงวดของ อคส. และอ.ต.ก. เมื่อรวมกันแล้วยังไม่ตรงกับยอดสต๊อกข้าวที่เหลืออยู่ แต่จู่ๆ มาวันนี้ก็สามารถนำข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์มาแถลงปิดบัญชีได้ ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก
หวังผลต่อรูปคดีเล่นงาน"ปู"
นายพิชิตกล่าวว่า ตนเองไม่แปลกใจที่ตัวเลขการขาดทุนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะออกมาสูงมาก เพราะเนื่องจากคณะอนุกรรมการใช้วิธีการคำนวณมูลค่าสินค้าคงเหลือด้วยการหักค่าเสื่อมสินค้าในแต่ละปีเข้าไปด้วย ซึ่งตามหลักการไม่สามารถกระทำได้ เพราะสินค้าเกษตรมีวิธีคิดค่าเสื่อมแตกต่างกับสินค้าทั่วไปที่สามารถลงบัญชีหักค่าเสื่อมเพื่อลบออกจากต้นทุนการดำเนินโครงการ ตนเคยโต้แย้งประเด็นนี้ไว้กับป.ป.ช.แล้ว เนื่องจากการปิดบัญชีโครงการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรจำเป็นต้องใช้หลักเกณฑ์พิจารณาให้สอด คล้องกับการทำบัญชีเฉพาะ ซึ่งระบุไว้ชัดเจนในมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 (ปรับปรุง 2552) เรื่องสินค้าคงเหลือ สินค้าเกษตรจะสามารถรับรู้กำไรขาดทุนได้ก็ต่อเมื่อมีการขายหรือมีการเปลี่ยนแปลงมูลค่า แต่ไม่สามารถหักค่าเสื่อมเป็นรายปีแบบสินค้าปกติได้
นายพิชิตกล่าวว่า เมื่อคณะอนุกรรมการใช้หลักเกณฑ์ที่ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงตามหลักการมาตรฐานบัญชีทั่วไปมาคำนวณกับตัวเลขสต๊อกข้าวที่รอการระบายอยู่ ตัวเลข จึงสูงกว่าความเป็นจริง เชื่อว่าหากรัฐบาลสามารถเร่งระบายข้าวออกไปได้เร็วตัวเลขค้างสต๊อกก็จะลดลงและมีรายได้จากการระบายข้าวกลับเข้ามา หักลบกันตัวเลขไม่น่าสูงมากขนาดนี้ เรื่องนี้มีการจงใจที่จะสร้างตัวเลขให้สูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะส่งผลต่อรูปคดี ที่มีการฟ้องร้องว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารราชการผิดพลาดทำให้เกิดความเสียหาย จึงขอเรียกร้องให้คณะอนุกรรมการเปิดเผยตัวเลขสรุปการปิดบัญชีครั้งนี้อย่างโปร่งใส เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีโอกาสรับรู้ โดยเฉพาะฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเพื่อจะได้ชี้แจงให้สังคมทราบข้อเท็จจริงได้ต่อไป
สปช.มั่นใจทำงานได้ใต้อัยการศึก
ที่โรงแรมสวนดุสิตเพลส มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)กล่าวว่า แม้ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่สปช.ก็ขอยืนยันว่าสามารถทำหน้าที่ได้ภายใต้กฎอัยการศึก เนื่องจากมีวิธีการโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตรัฐบาล หรือขอยกเลิกการใช้กฎอัยการศึก เพียงแค่รัฐบาลให้ความร่วมมือในการดำเนินการก็เชื่อว่าการขอความร่วมมือประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมก็จะเป็นไปด้วยความราบรื่น
นายเทียนฉายให้สัมภาษณ์กรณีการรับฟังความเห็นประชาชนต่อการปฏิรูปว่า วันที่ 17 พ.ย.จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับกมธ.รับฟังความเห็นประชาชน ในกระบวนการดังกล่าวจะมีระเบียบวิธีการการรับฟังและเทคนิคการรับฟังประกอบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการจัดรายการโทรทัศน์ ส่วนการประสานงานไปยังคสช.ต้องดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
ส่วนกรณีมีทหารสั่งระงับรายการเสียงประชาชนต้องฟังก่อนปฏิรูป ของสถานีไทยพีบีเอส นับแต่ตอนที่จะออกอากาศวันที่ 8 พ.ย.นั้น นายเทียนฉายกล่าวว่า เชื่อว่าจะ ไม่เป็นปัญหาที่กระทบการทำงานร่วมกันระหว่างสื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมาสื่อยังได้ให้ความร่วมมือกับการปฏิรูปเป็นอย่างดี มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย
โยนรัฐบาลแก้รธน.มาตรา35หรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีบางพรรคการเมืองต้องการให้ประธานสปช.ประสานไปยังคสช. ให้ผ่อนปรนการบังคับใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก นายเทียนฉายกล่าวว่า สิ่งที่สปช.ต้องทำคือการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ว่ารัฐบาลหรือคสช.ก็เป็นความหวังดีต่อประเทศตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ดังนั้นในความเห็นส่วนตัว เราแยกงานสปช.ออกจากงานของภารกิจอื่นๆ ดังนั้นบางประเด็นหรือบางกิจกรรมที่คสช.อธิบายว่าต้องขออนุญาตก่อนเป็นสิ่งที่ควรทำ
เมื่อถามถึงสิ่งที่นักการเมืองบางคนเสนอให้สปช.ทำความเห็นไปยังกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้แก้ไขความในมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 เพื่อเปิดกว้างการรับฟังความเห็น นายเทียนฉายกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะการดำเนินงานของสปช.ต้องใช้การรับฟังความคิดเห็น ส่วนการทำหน้าที่สปช.ต้องเป็นไปตามรัฐธรรม นูญ แต่ไม่มีหน้าที่ไปแก้ปัญหาเหล่านั้น สิ่งที่กมธ.รับฟังความเห็นที่สปช.เตรียมตั้งเพื่อจะเป็นส่วนสนับสนุนเพื่อรับฟังข้อมูลไปปฏิรูป ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 35 แต่อย่างใด ดังนั้น กมธ.รับฟังความเห็นต้องยึดกรอบที่ว่าการรับฟังความเห็นที่ได้ต้องไม่มีความเป็นอคติ
"เสธ.อู้"แนะพท.ทำหนังสือขอคสช.
ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการประชุมกมธ.ยกร่างฯว่า ที่ประชุมเปิดโอกาสให้กมธ.แสดงความคิดเห็นการยกร่างฯในแต่ละภาคแต่ละหมวด ขั้นตอนกำลังเดินหน้าต่อเนื่อง ส่วนพรรคเพื่อไทยระบุจะไม่ร่วมแสดงความคิดเห็นกับกมธ.ยกร่างฯนั้น อาจยังไม่พร้อม แต่เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะร่วมมือ เพราะต้องการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่อาจติดในเรื่องของห้วงเวลาที่ต้องขอเลื่อนออกไปบ้างเพื่อเตรียมความพร้อม ส่วนข้ออ้างที่ระบุว่ายังไม่พร้อมให้ความเห็นเพราะไม่สามารถประชุมกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากติดคำสั่งห้ามของคสช.นั้น พรรคการเมืองสามารถทำหนังสือถึงคสช. เพื่อขอประชุมกรรมการบริหารพรรคตามเงื่อนไขได้
พล.อ.เลิศรัตน์ยังกล่าวถึงการทำประชามติว่า ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯไม่ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้มากนัก เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ คสช.และรัฐบาลคงมีแนวทางดำเนินการไว้อยู่แล้ว หากอนาคตจะมีการทำประชามติก็ใช้เวลาเพียง 90-120 วัน เชื่อว่าสามารถดำเนินการทันตามกรอบเวลา
"ดร.ปึ้ง"แนะกมธ.ดำเนินการขอเอง
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ นาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เชิญตัวแทนแต่ละพรรคเมืองร่วมแสดงความเห็นในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ว่าประธานสปช. ระบุว่าพรรคการเมืองสามารถทำการประชุมได้ ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ทางกมธ.ในฐานะผู้ริเริ่มแนวคิด ควรอำนวยความสะดวกด้วยการทำหนังสือไปถึงคสช. เพื่อเปิดช่องทางให้พรรคการเมืองได้จัดประชุมได้ ไม่ใช่ให้พรรคการเมืองต้องส่งเรื่องไปถึงคสช.เอง
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า หากทำได้โดยไม่มีปัญหาพรรคการเมืองคงจะประชุมกันเพื่อจัดส่งคนเข้าไปร่วม และเมื่อคนเข้าไปร่วมชี้แจงกมธ.แล้ว เราต้องการให้กมธ.ถ่ายทอดสดการพูดคุย เพื่อให้ประชาชนรับทราบด้วย ว่าเมื่อกมธ.รับข้อเสนอไปแล้วได้นำไปดำเนินการจริง เพราะไม่อยากให้ข้อเรียกร้องของแต่ละพรรคที่เสนอไปแล้วเป็นเพียงแต่แค่ลมปาก แต่อยากให้มีการแก้ไขปัญหาร่วมกัน หากกฎอัยการศึกไม่ห้ามให้ประชุมพรรคคงจะประชุมเพื่อพิจารณาส่งคนเข้าร่วมต่อไป เพราะเราเป็นพรรคใหญ่ ความเห็นของพรรคจะสะท้อนความเห็นของประชาชน และขอบคุณคสช.ล่วงหน้าหากเปิดโอกาสให้พรรค การเมืองประชุมได้เกิน 5 คนโดยไม่ผิดกฎอัยการศึก หรือยกเลิกกฎอัยการศึกชั่วคราว เพื่อให้มีการจัดประชุมได้เมื่อแล้วเสร็จการรับฟังความเห็นจะกลับมาประกาศใหม่ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทำหนังสือยัน-จี้ผ่อนกฎอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่งหนังสือถึงปธ.กมธ.ยกร่างฯ ระบุว่าตามที่กมธ.เชิญพรรคให้ส่งหัวหน้าและผู้แทนไม่เกิน 5 คนร่วมแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อประกอบจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่นั้น พรรคยึดมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย และหลักการประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของปวงชนชาวไทย อีกทั้งการเชิญพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมแสดงความเห็นนั้น เป็นเรื่องดี แต่เนื่องจากคสช.ประกาศใช้กฎอัยการศึก และออกประกาศฉบับที่ 57/2557 ลงวันที่ 7 มิ.ย.2557 ห้ามพรรคการเมืองดำเนินการประชุมหรือทำกิจกรรมใดๆทางการเมือง ส่งผลให้กกต.มีหนังสือแจ้งพรรคเพื่อไทยว่าการประชุมและการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ จะกระทำมิได้ ซึ่งข้อกำหนดและคำสั่งของคสช.และกกต.เป็นอุปสรรคต่อการระดมความคิดเห็นจากกรรมการบริหารและสมาชิกพรรค
หนังสือระบุว่าพรรคเพื่อไทยยินดีร่วมมือเสนอข้อคิดเห็นในการจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ จึงขอความกรุณาให้กมธ.ประสานคสช.และกกต.อนุญาตและงดเว้นข้อกำหนดที่อ้างถึงตามคำสั่งข้างต้น เพื่อให้พรรคจัดประชุมและระดมความคิดเห็น เพื่อนำข้อสรุปที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อการจัดทำร่างรธน.ฉบับใหม่ หากเห็นชอบขอให้ประสานงานกลับมายังพรรคเพื่อไทย เพื่อแจ้งกำหนดการในการเข้าร่วมประชุมอีกครั้ง
กมธ.ยกร่างเลื่อนวาระพท.ไปก่อน
ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุม กมธ.ยกร่างฯว่า วันที่ 17 พ.ย. คณะกมธ.ยกร่างฯของดการประชุมและเลื่อนการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากพรรคเพื่อไทยออกไปก่อน คาดพรรคเพื่อไทยจะเข้าให้ความเห็นภายในช่วงต้นเดือนธ.ค. เนื่องจากขณะนี้ยังติดปัญหาการประสานภายในบางเรื่องที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อาทิ การติดภารกิจของผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงการขอหารือภายในพรรคก่อน แต่ทั้งหมดเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าพรรคเพื่อไทยจะตอบรับเข้าร่วมอย่างแน่นอน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังชล ตอบรับเข้าร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้ประสานเป็นการภายในแล้วว่าจะเข้าร่วมหารือในวันที่ 24 พ.ย. สำหรับกลุ่มการเมือง กปปส. พธม. นปช. มีการประสานภายในว่าจะเข้าร่วมหารือกับกมธ.ยกร่างแน่นอน
นายคำนูณกล่าวว่า ยืนยันว่าการเลื่อนพิจารณาจะไม่กระทบต่อกรอบปฏิทินการทำงานของกมธ.ยกร่างฯ ที่จะเริ่มต้นยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราในวันที่ 20 ธ.ค. สำหรับการที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้กมธ.ประสานคสช.ผ่อนคลายกฎอัยการศึกให้มีการประชุมพรรคการเมืองได้นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของกมธ. เป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่ต้องประสานกับคสช.เองโดยตรง กมธ. ยกร่างยืนยันว่ากมธ.ทั้ง 36 คนเห็นตรงกันว่า โจทย์หลักในการปฏิรูปประเทศคือปัญหาสังคม เศรษฐกิจ มีความเหลื่อมล้ำ และประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น รัฐธรรมนูญที่จะยกร่างขึ้นใหม่จะต้องตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าวนี้ได้
"ไก่อู"อ้างไม่เรียกประชุมพรรคก็ได้
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหนังสือขออนุญาตคสช.ให้พรรคการเมืองประชุมส่งตัวแทนเสนอความเห็นกับกมธ. ยกร่างฯ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่าตนยังไม่ได้เข้าประชุมเลย แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการมีส่วนร่วมเพื่อให้ได้ข้อยุติ รวมถึงการรวมตัวกัน ทำประโยชน์โดยไม่มีนัยยะทางการเมืองอื่น สรุปคือถ้ามาคุยกันแล้วได้แนวความคิดไปให้สปช.ก็เป็นเรื่องดี
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองต้องการเรียกประชุมพรรค เพื่อหารือถึงการส่งตัวแทนเสนอความเห็นต่อกมธ.ยกร่าง แต่ยังติดคำสั่งคสช.ว่า พรรค การเมืองสามารถส่งเรื่องให้คสช.พิจารณาได้ และคสช.คงไม่ใจแคบที่จะพิจารณา อย่าวิตกจนเกินไป เพราะบางครั้งสามารถโทรศัพท์พูดคุยโดยไม่ต้องเรียกประชุมพรรคก็ได้ อย่าเล่นการเมืองต่อสู้กันมากเกินไป ให้ย้อนนึกถึงตอนที่เคยมีสถานะเป็นรัฐบาล เคยมีอำนาจแล้วต้องการความร่วมมือ แต่ไม่มีใครให้ความร่วมมือแล้วรู้สึกอย่างไร
"ผมไม่อยากให้ท่านมีอัตตา แต่อยาก ให้มีมธุรสวาจา ก็จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และจะช่วยลดความขัดแย้งต่างๆลง" รอง โฆษกกล่าว
"สุรพงษ์"ย้ำคนไทยแบกหนี้ปรส.
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยแถลงว่า กรณีป.ป.ช.ชี้แจงคดีคณะกรรมการขององค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) ที่ดำเนินการจำหน่ายสินทรัพย์ 56 สถาบันการเงินโดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้ผู้ซื้อ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาท โดยป.ป.ช.พิจารณาและเห็นว่านายมนตรี เจนวิทย์การ เลขาฯปรส.ขณะนั้นมีความผิดทางอาญา ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีเฉพาะนายมนตรี ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อ วันที่ 22 พ.ค. ทั้งที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลที่ผ่านมาต้องนำเงินไปชดใช้ดอกเบี้ยและเงินต้นของความเสียหายที่เกิดโดยปรส. มาตลอด ถือว่าคนไทยต้องแบกภาระ ใช้หนี้กว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นเวลานาน และต้องใช้ไปอีกนับสิบปี ความผิดที่เกิดขึ้นยืนยันว่าปรส. มีความผิดจริง ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มีความผิดพลาดภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลขณะนั้นที่มีนายชวน หลีกภัย กำกับดูแล
อัดปปช.ทำไมไม่ยื่นถอดถอน"ชวน"
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอถามว่าเหตุใด ป.ป.ช.จึงไม่ยื่นถอดถอนนายชวนในข้อหาละเว้นปล่อยปละให้มีการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบจนทุจริต และเกิดความเสียหายเป็นเงินมากมายมหาศาล ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ทั้งที่ยังไม่สรุปความผิดหรือกล่าวหาคนใด ป.ป.ช.กลับส่งเรื่องให้อัยการฟ้องศาล และส่งให้สนช.ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยระบุว่าปล่อยปละไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหายกว่า 6 แสนล้านบาท โดยที่ตัวเลขความเสียหายยังไม่ชัดเจนว่ามีการนำผลเสียหายจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือรัฐบาลอื่นๆ เช่น รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเหมารวมความผิดให้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอบคุณนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง แถลงตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงการจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2547-2557 อยู่ที่ 6 แสนล้านบาท โดยเป็นความเสียหายในช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ 5 แสนล้านบาท ขณะที่รัฐบาลก่อนหน้านี้มีความเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท ดังนั้นป.ป.ช.ควรยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ รวมทั้งพล.อ.สุรยุทธ์ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ เมื่อข้อมูลจากปลัดกระทรวงคลังชัดเจนแล้ว ป.ป.ช.จะยื่นถอดถอนนายกฯคนอื่นเมื่อใด
เรียกร้องหัวหน้าคสช.ตรวจสอบ
แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ความเสียหายของปรส.สมัยรัฐบาลชวนนั้นมีมากกว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะระยะเวลาที่เกิดความเสียหายนานถึง 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2540 ขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันความแตกแยกในชาติ รวมถึงกำชับป.ป.ช.อย่าเลือกปฏิบัติ เชิญประธานป.ป.ช.และประธานสนช.มาหารือให้ทำหน้าที่อย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา ทั้งนี้ วันที่ 17 พ.ย. เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือถึงนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล กรรมการป.ป.ช. และรมว.ยุติธรรม ตามลำดับ เรียกร้องให้ทำหน้าที่อย่างเป็นธรรม เพราะจากข้อมูลสามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องอื่นๆต่อไปได้
นายสุรพงษ์กล่าวว่า กรณีป.ป.ช.ตั้งอนุ กรรมการไต่สวนรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เรื่องการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)นั้น เป็นการหยิบยกเรื่องมากล่าวหาเอง และเอกสารที่ส่งมานั้นระบุว่าปกปิดผู้ร้อง ทั้งที่ตามหลักปฏิบัติ ป.ป.ช.จะนำเรื่องใดมาพิจารณาจะต้องมีผู้ร้องเรียน ที่ผ่านมาป.ป.ช.ก็เคยระบุต่อสาธารณะว่าการพิจารณาเรื่องใดต้องมีผู้ร้อง ตนเห็นว่ามาตรฐานป.ป.ช.เปลี่ยนไป จึงเรียกร้องให้ดำเนินการทุกเรื่องด้วยมาตรฐานเดียวกัน โดยหัวหน้าคสช.ต้อง กำชับป.ป.ช. ด้วย มิฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบของรัฐบาลจะบิดเบี้ยว ส่งผลต่อความ เชื่อมั่น
"บิ๊กตู่"ปลื้มจีนซื้อสินค้าเกษตร
เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" มีเนื้อหาถึงการเดินทางไปประชุมที่สาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศเมียนมาร์ ระบุผลประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ที่กรุงปักกิ่ง การเข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นายกฯจีน หลี่ เค่อเฉียง ที่ยกย่องความสัมพันธ์ไทย-จีน ว่าเป็นมิตรภาพระหว่าง "มหามิตร" และว่ารัฐบาลจีนมีปัญหาสินค้าเกษตรบางตัวล้นตลาดแต่แสดงความจริงใจตอบรับจะซื้อสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น และจะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป ถือเป็นของขวัญจากรัฐบาลจีนให้เกษตรกรไทย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีหลากหลายบริษัททั้งเรื่องเทคโนโลยีไอซีที โทรคมนาคม และเรื่องยางซึ่งสนใจจะตั้งโรงงานแปรรูปยางในไทยใกล้แหล่งวัตถุดิบ เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อ ความร่วมมือสร้างทางรถไฟทั้งแบบทางคู่มาตรฐานไปถึงความเร็วปานกลาง รัฐบาลไทย-จีนยังไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ แต่หารือในหลักการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพราะเป็นเรื่องจำเป็นมากต่ออนาคตประเทศ ต้องรีบทำแต่ต้องให้แน่ใจว่าคุ้มค่า และไม่มีปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ไม่ให้คนไทยเป็นหนี้กับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ดังนั้นเรื่องรถไฟขนาดรางมาตรฐานและรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางที่คุยกับจีน เราคุยกับหลายๆ ประเทศที่สนใจด้วย
ยืนยันได้จับมือกับผู้นำทั่วโลก
นายกฯ กล่าวว่า ระหว่างงานเลี้ยงมีการต้อนรับอย่างอบอุ่น ผู้นำทั้ง 21 ประเทศทักทายจับไม้จับมือกัน ตนมีโอกาสได้พบประธานาธิบดีบารัก โอบามา ซึ่งแสดงความห่วงใย ตนก็ขอบคุณและยืนยันรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ถามว่าไทยเป็นอย่างไร เรียบร้อยหรือไม่ ก็ตอบว่าเรียบร้อยดี ขอเวลาเราหน่อย เขาก็เข้าใจ ทุกประเทศจับมือกันหมด ทุกคนให้เกียรติ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดถึงเรื่องความขัดแย้ง ตนบอกทุกประเทศว่าสำหรับวันนี้ไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว ประชาชนมีความสุข ปลอดภัยและการท่องเที่ยวดีขึ้น รัฐบาลไทยขอเชิญทุกประเทศให้มาเยือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูท่องเที่ยวนี้ ซึ่งนายกฯ ชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น บอกว่าจะยกเลิกคำเตือนนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ การหารือเป็นคณะใหญ่ ทั้งหมด 21 คณะ เป็นการพูดคุยในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงเนปิดอว์ ไทยได้รับไมตรีจิตและความชื่นชมจากประเทศต่างๆ อย่างดียิ่งเช่นเดียวกับที่จีน ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับอาเซียนและภูมิภาค
อ้างเลขาฯยูเอ็นเข้าใจ-ชื่นชมไทย
นายกฯ กล่าวว่า ได้หารือทวิภาคีอย่างเป็นทางการกับผู้นำจากหลายประเทศเพิ่มเติมกับ นายกฯญี่ปุ่น ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกฯอินเดีย นายกฯรัสเซีย และเลขาธิการสห ประชาชาติ น่ายินดีที่ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ในไทย เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ไทยประสบความสำเร็จในการเดินหน้าตามโรดแม็ป รัสเซียสนใจจะร่วมมือกับไทยมากขึ้นในทุกเรื่องทั้งพลังงาน การท่องเที่ยว การค้าการลงทุน และสนใจซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มเติม ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้สนใจจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน อินเดียเราตกลงจะร่วมมือกันเพิ่มโอกาสการค้าการลงทุน เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว กระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงและป้องกันประเทศ ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมาร์ และอินเดีย ผ่านโครงการถนน 3 ฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการพบเลขาฯยูเอ็น ตนขอบคุณที่เข้าใจสถานการณ์ของไทยและชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์และแนวทางของรัฐบาลที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศและทำให้ประชาชาธิปไตยของไทยเข้มแข็งและยั่งยืน ยูเอ็นชื่นชมบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยและขอให้ไทยมีบทบาทมากยิ่งขึ้นเรื่องปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ การพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแก้ไขปัญหาไวรัสอีโบลา
ย้ำตรวจสอบจ่ายหัวคิวขรก.
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของข้าราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ตนไม่ไปตำหนิ ติเตียน เราต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น เสียสละกันมากขึ้น เข้าใจนโยบายรัฐบาล เข้าใจปัญหาในอดีตที่ผ่านมา ช่วยกันกำกับดูแลเกี่ยวกับโครงการต่างๆ การลงทุนต่างๆ อย่าให้เกิดการทุจริต เมื่อมีข่าวโน้น ข่าวนี้ ตนให้ตรวจสอบก็ไม่พบเรื่องการเรียกเปอร์เซ็นต์ วันนี้มีข่าวลือในหนังสือพิมพ์เขียนมาจากไหนไม่รู้ เดิมเรียกเก็บ 30 % วันนี้เรียกเก็บเป็น 50 % โดยให้ คสช. ให้ข้าราชการทหาร อย่าให้เจอ
"และหนังสือพิมพ์ไปหามาด้วยว่าไปเอามาจากไหน อย่าเขียนแบบนี้ ทำให้เสียหายทั้ง รัฐบาลและคสช. ในส่วนของรัฐบาลและคสช.ถ้าทำเองก็จะลงโทษสถานหนัก อย่าอ้างว่าจะพังเพราะเพื่อน จะพังเพราะพี่ เพราะรัฐบาลยืนยันว่าต้องโปร่งใส" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สานต่อโครงการรากแก้วบิ๊กแอ้ด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก่อนจากกันคืนนี้ ขอหยิบยกตัวอย่างโครงการดีๆ ชื่อ "โครงการรากแก้ว" ที่เป็นความร่วมมือกันอย่างกลมกลืน 4 ฝ่าย คือ สถานศึกษา-ชุมชน-สื่อมวลชน-ผู้ใหญ่ใจดีมีวิสัยทัศน์ ริเริ่มสร้างพลังเครือข่ายทางสังคม ด้วยการสนับสนุนและส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษา ให้นำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ของคณาจารย์และพลังของนักศึกษามาแก้ไขปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สามารถติดตามผลงานโครงการรากแก้ว ผ่านทางรายการ "ปั้นฝัน เดอะบัณฑิต" ทางทีวี ช่อง NOW TV 26 ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00-15.00 น.
"สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจกัน สร้างประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มั่นคงแข็งแรงอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป และขอให้เป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลและคสช. ละอดีต แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกันนะครับ" พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งท้าย
อังกฤษ-ฝรั่งเศสสนรถไฟทางคู่
วันที่ 14 พ.ย. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังนายโรเจอร์ ก็อดซิฟฟ์ ประธานสมาชิกรัฐสภาของอังกฤษ นำคณะเข้าพบพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ว่า สมาชิกรัฐสภาอังกฤษยินดีในพัฒนาการทางการเมืองของไทย การเดินหน้าตามโรดแม็ป และกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ธนะศักดิ์เล่าถึงการตั้ง สนช. สปช. เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ขณะที่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษระบุว่าพร้อมส่งผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกระบวนการปฏิรูปของไทย
นายเสขกล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาอังกฤษต้องการส่งเสริมนโยบายการค้าการลงทุนระหว่างกัน โดยอังกฤษสนใจร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในไทย เพราะคำนึงถึงบทบาทไทยในการเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าในภูมิภาค พล.อ.ธนะศักดิ์ยังแจ้งให้อังกฤษทราบเรื่องพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจแรงงานต่างด้าวที่อยู่ระหว่างการศึกษาของสปช. หากมีข้อเสนอแนะก็ส่งมาเพื่อให้กฎหมายสมบูรณ์ขึ้น
นายเสขกล่าวด้วยว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ยังต้อนรับนายฟิลลิป วาแรง ผู้แทนพิเศษของรมว.ต่างประเทศฝรั่งเศส เข้าเยี่ยมคารวะโอกาสมาเยือนไทย โดยนายวาแรงย้ำถึงบทบาทไทยในการเป็นศูนย์กลางทางภูมิภาค พร้อมแสดงความเชื่อมั่นด้านการค้าการลงทุน และสนใจร่วมมือกับไทยด้านต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยว การลงทุน ขณะเดียวกันฝรั่งเศสต้องการขยายสินค้าส่งออกและการบริการ รวมทั้งมอบทุนให้นักศึกษาไทยเรียนภาษาฝรั่งเศสมากขึ้น ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสสนใจร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะรถไฟทางคู่ พล.อ.ธนะศักดิ์จึงให้เขียนแผนเสนอมา