WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8559 ข่าวสดรายวัน


ไม่เห็นหัวประชาชน สปป.ฉะ! โรดแม็ป'มาร์ค' 
ชี้ลิดรอนสิทธิเลือกตั้ง ส.พระปกเกล้าก็คัดค้าน
     'เอกชัย ไชยนุวัติ'โฆษกสปป. ยก 7 เหตุผลโต้แย้งโรดแม็ปมาร์ค ชี้ลิดรอนสิทธิเลือกตั้งย้ำต้องเห็นหัวประชาชน ผอ.สันติวิธีก็คัดค้าน ยันทางออกประเทศต้องมีเลือกตั้งก่อนปฏิรูป พรรคเพื่อไทยรุมจวกยับทั้งขัดรธน. แช่แข็งประเทศและเป็นวิธีของกบฏ จี้กกต.เร่งส่งพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 20 ก.ค.ให้รัฐบาลโดยเร็ว "มาร์ค"ฟุ้งมีคนเห็นด้วยมาก ยันไม่ได้ฉีกรธน. ประธานกกต.โยนรัฐบาลตัดสินข้อเสนอเลื่อนเลือกตั้ง ขณะที่ "สุรพงษ์" ไม่ห่วงหากศาลรธน.ฟัน "ปู" พ้นสภาพนายกฯ เพราะมีรองนายกฯรักษาการแทน "นิคม ไวยรัชพานิช" เตือนวุฒิสภาเดินหน้าเลือกประธานคนใหม่ 9 พ.ค.นี้เสี่ยงถูกร้องศาลรธน. ฐานทำเกินกรอบพ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภา ชี้มาตรา 130 ไม่คุ้มครองเอกสิทธิ์ส.ส.-ส.ว.แล้ว 

พท.ซัดโรดแม็ปมาร์คขัดรธน.
     วันที่ 4 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงโรดแม็ปทางออกของประเทศ 10 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่เป็นไปตามกรอบกฎหมาย นายอภิสิทธิ์ไม่เคยอ่านกฎหมายหรืออย่างไร จึงเสนอให้นายกฯและครม.ลาออกเพื่อให้ มีรัฐบาลคนกลาง เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าแม้นายกฯยุบสภาก็ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน 
     นายจารุพงศ์ กล่าวว่า เสียดายที่นายอภิสิทธิ์เสนอเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้ระบุจะเสนอแนวทางปฏิรูปตามกรอบกฎหมาย ซึ่งตนรอฟังอยู่ แต่เมื่อเปิดข้อเสนอออกมาแล้วมันไม่ใช่ ทางออกของประเทศคือต้องให้ประชา ชนรับได้ ซึ่งนายกฯได้หาทาง ออกไว้แล้วคือยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ เลือกรัฐบาลใหม่ จากนั้นจะดำเนินการปฏิรูปอย่างไรก็มาพูดคุยกัน ซึ่งหนทางเดินไปสู่จุดนั้นคือการลงเลือกตั้งแล้วฟังเสียงประชาชน 65 ล้านคน ว่าเขาต้องการอย่างไร

ย้ำข้อเสนอเป็นวิธีกบฏ 
      "ผมไม่ได้จบอ็อกซ์ฟอร์ด แต่ก็คิดออกในเรื่องนี้ ขนาดบ้านเมืองมีกติกามีกฎหมายยังเกิดปัญหา เมื่อไม่มีรัฐบาลแล้วยังไม่เคารพกฎหมายอีกก็ยิ่งไปกันใหญ่ ผมเสียดายคนระดับนายอภิสิทธิ์ กลับคิดไม่ได้ว่าทางออกของปัญหาคือการเลือกตั้ง หรือรู้แล้วแกล้งไม่รู้ถึงจะฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้งเหมือนกับปี 2549" นายจารุพงศ์กล่าว
      เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับแกนนำรัฐบาลหรือยัง นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ต้องคุยเพราะข้อเสนอดังกล่าวเป็นวิธีกบฏ ไม่ได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดรองรับ

เชื่อเป็นข้ออ้างปชป.ไม่ลงเลือกตั้ง
     ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯเเละรมว.ต่างประเทศ กล่าวระหว่างไปร่วมประชุมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ค. ถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ให้รัฐบาลลาออกเพื่อให้มีรัฐบาลคนกลางมาทำการปฏิรูปว่า ไม่สามารถทำได้และข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่ทางออกของประเทศอย่างเเท้จริง ตนเสียดายที่นายอภิสิทธิ์ ใช้โอกาสเดินสายพูดคุย แต่ท้ายที่สุดแนวความคิดไม่ต่างจากข้อเสนอของกลุ่ม กปปส. ซึ่งส่วนตัวเห็นว่านายอภิสิทธิ์ ไม่มีความจริงใจ เพียงแต่สร้างกระแสเพื่อให้ยังอยู่ในความสนใจของประชาชน เชื่อว่าเป็นไปได้สูงที่พรรคประชาธิปัตย์จะใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. 
      นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีประตูรับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ และจะรอผลการหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับกลุ่ม กปปส.และเมื่อได้ข้อสรุปมายังรัฐบาล จะให้นายอภิสิทธิ์ชี้แจงให้สังคมทราบว่าสิ่งที่เรียกร้องนั้นบริสุทธิ์ใจหรือไม่ ส่วนปัญหาการขัดขวางเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมตนเตรียมสั่งการให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบ ร้อย(ศอ.รส.) รวบรวมข้อมูลผู้กระทำผิดกฎหมายให้สังคมรับรู้ถึงโทษตามกฎหมาย เเละยืนยันว่าหากขัดขวางเลือกตั้งอีกเป็นความผิดทางอาญา เจ้าหน้าที่จับกุมได้ซึ่งหน้า 

 

ไม่กังวลศาลรธน.ฟัน'ปู-ครม.'
     รองนายกฯ กล่าวถึงการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญคดีสถานภาพความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่ นายกฯและรมว.กลาโหมในวันที่ 6 พ.ค.นี้ว่า ตนไม่รู้สึกกังวลหากหลังจากนั้นศาลมีคำวินิจฉัยที่เป็นโทษกับรัฐบาลถึงขั้นให้นายกฯและครม.พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งในทางกฎหมายยังคงมีรองนายกฯจาก ครม.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชุด 2-5 ทำหน้าที่ต่อไปได้ รัฐบาลจึงมั่นใจว่าจะไม่กระทบต่อการกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 20 ก.ค.นี้ เพราะถ้ากกต.ส่งร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.)การเลือกตั้ง มายังที่ประชุมครม.ในวันที่ 6 พ.ค.นี้ก็นำร่างขึ้นกราบบังคมทูลได้
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 พ.ค. ตุลาการศาลรัฐธรรมจะออกนั่งบังลังก์ไต่สวนพยาน 4 ปาก ในคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นสมาชิกวุฒิสภาขอให้ศาลรัฐธรรม นูญพิจารณาวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) หรือไม่จากกรณีแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายถวิล นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผบ.ตร.และอดีตเลขาธิการสมช.

 

อัดจ้องทำลายปชต.
      นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอ 10 ข้อของนายอภิสิทธิ์ จะมีปัญหาใหญ่ๆ อย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.การเสนอให้นายกฯและครม.ลาออก ขัดรัฐธรรมนูญเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามี ครม.ใหม่ 2.การให้วุฒิสภาเลือกนายกฯคน กลาง ขัดรัฐธรรมนูญเพราะนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งและสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็น ผู้เลือก ส่วนส.ว.เกือบกึ่งหนึ่งแต่งตั้งเข้ามาไม่เป็นประชาธิปไตย 3.ปิดกั้นไม่ให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมปฏิรูปเพราะเอาเฉพาะข้อเสนอของ กปปส.และเครือข่ายปฏิรูปเท่านั้นไปทำประชามติ 
       4.ข้อเสนอดังกล่าวเหมือนข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. โดยนายอภิสิทธิ์ไม่ไปฟังความเห็นของรัฐบาล นปช.และพรรคเพื่อไทยก่อนทำข้อเสนอ จึงเป็นข้อเสนอที่เรียกร้องฝ่ายเดียว และ 5.การระบุจะมีรัฐบาลเฉพาะกาล 5 เดือนจึงเลือกตั้งใหม่นั้น ไม่มีหลักประกันใดว่าจะไม่ยาวกว่านั้นและจะมีการเลือกตั้งตามกำหนด เท่ากับทำลายกระบวนการประชาธิปไตยและเอาประเทศไปอยู่บนความไม่แน่นอน

ชงกุญแจ 5 ดอก-ไขทางออกปท. 
      นายนพดล กล่าวว่า ตนมีทางออกที่ไม่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและไม่ทำลายหลักการประชาธิปไตย คือข้อเสนอกุญแจ 5 ดอกหาทางออกประเทศ ดอกที่ 1 เดินหน้าเลือกตั้งโดยทุกพรรคลงสมัคร ดอกที่ 2 ทุกพรรคเสนอแนวทางปฏิรูปให้ประชาชนพิจารณาก่อนเลือกตั้งซึ่งเสมือนการทำประชามติประเด็นปฏิรูปไปในตัว ดอกที่ 3 หลังเลือกตั้งให้ออกกฎหมายมีสภาปฏิรูป ดอกที่ 4 รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลปฏิรูปอยู่ในวาระ 6-12 เดือน แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และกุญแจดอกที่ 5 ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายประเด็นให้ทำประชามติ 
      "ข้อเสนอของผมไม่แช่แข็งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่เว้นวรรคการเลือกตั้ง ไม่ลำเอียงเข้าข้างคนกลุ่มใดและเป็นประชาธิป ไตยที่สุดเพราะให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมกันหาทางออก คุณอภิสิทธิ์ไม่ต้องเว้นวรรคการเมืองด้วย การเลือกตั้งจึงเป็นทางออกที่ตรงที่สุด ยุติธรรมที่สุด เมื่อเราสามารถเดินบนถนนไปยังเป้าหมายได้แล้วเราจะลงไปเดินในท้องร่องหรือพงหนามไปทำไม" นายนพดลกล่าว

จี้ปชป.เลิกหนุนเผด็จการ-ลงลต.
       นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่ต่างจากกลุ่ม กปปส.ซึ่งไม่มีกฎหมายใดรองรับ เมื่อหลายฝ่ายไม่ยอมรับ พรรคประชาธิปัตย์ก็ระบุว่าจะเกิดความวุ่นวาย การเลือกตั้งอาจเป็นโมฆะอีก จึงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นข้อเสนอหรือคำข่มขู่กันแน่ นอกจากนี้การกระทำของนายสุเทพเป็นการทุบหม้อข้าวของคนทั้งประเทศ เพราะปัจจุบันประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จึงอยากให้นายสุเทพเลิกทุบหม้อข้าวและสร้างความเดือดร้อนให้คนในประเทศได้แล้ว
      นายพิชัย กล่าวว่า ส่วนที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันอุดมการณ์ของพรรคตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันคือการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ ทำให้สงสัยว่านายกรณ์ หายไปไหนมาถึงมองไม่เห็นว่าแกนนำของ กปปส. ที่เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมดกำลังเรียกร้องระบอบเผด็จการอยู่ หรือพรรคเปลี่ยนอุดมการณ์หรือสมาชิกพรรคอยากได้อำนาจจนเพี้ยนกันแน่ หากพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านเผด็จการและหวังดีกับประเทศจริง ควรลงเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ 

ฉะ'มาร์ค'สร้างภาพขอเว้นวรรค
      นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอไม่ใช่ทางออกประเทศ แต่เป็นทางตัน เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญชัดเจนเพราะคุณสมบัตินายกฯต้องเป็น ส.ส.แต่นายอภิสิทธิ์เสนอในสิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญ เพราะนายกฯและรัฐบาลคน กลางไม่มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 เป็นการสอดคล้องกับข้อเสนอของ กปปส. เป็นการแช่แข็งประเทศ ปฏิวัติเงียบ การให้นายกฯลาออก เหมือนให้นายกฯละเมิดรัฐธรรมนูญ ขัดหลักการประชาธิปไตยที่ให้นายกฯมาจากส.ส.และโหวตเลือกในสภา โดยเฉพาะขณะนี้รัฐบาล และกกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 20 ก.ค.แล้ว ดังนั้น ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์จึงขัดหลักการประชาธิปไตย แต่ทำเพื่อกปปส.
      นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า โรดแม็ปของนายอภิสิทธิ์เป็นการสร้างภาพให้ตัวเองดูดี หลอกลวงประชาชนว่าจะขอเว้นวรรคการเมือง ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิลงสมัครส.ส.อยู่แล้ว เพราะเคยถูกคำสั่งกระทรวงกลาโหมปลดออกจากราชการ จึงไม่มีคุณสมบัติลงสมัครส.ส. ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 ระบุว่าห้ามผู้เคยถูกปลดออก ไล่ออก ลงสมัครส.ส. ดังนั้น ตนจะนำหลักฐานการถูกปลดออกจากราชการของนายอภิสิทธิ์ส่งทางไปรษณีย์ถึงนายอภิสิทธิ์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน แกนนำพรรค เพื่อไม่ให้ใช้ข้อเสนอดังกล่าวมาสร้างภาพ หลอกลวงประชาชน

จี้กกต.เร่งส่งพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง
     ส่วนที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุหากไม่รับข้อเสนอนายอภิสิทธิ์จะเกิดเหตุรุนแรงนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ถือเป็นการข่มขู่ ปัญหาทุกวันนี้เกิดจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปเคลื่อนไหว ถ้านายสุเทพ และอดีตส.ส.คนอื่นๆ ยังเคลื่อนไหวอยู่ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กล้าขับคนเหล่านี้ออกจากพรรคหรือไม่ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการทำการเมืองแบบคู่ขนานกับ กปปส.
    นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ระบุเตรียมพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งส่งให้รัฐบาล และคิดว่าอาจไม่ทันวันที่ 6 พ.ค.นี้ว่า อยากให้กกต.ทั้ง 5 เร่งเสนอพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งให้รัฐบาลในวันที่ 6 พ.ค. จะได้เป็นหลักประกันให้กับประชาชน และพรรคต่างๆ ที่อยากเลือกตั้ง เพราะหากส่งพ.ร.ฎ.ช้าอาจทำให้เกิดปัญหาได้

'สุรชัย'วอนอย่ารีบด่วนปฏิเสธ
        นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์โดยเฉพาะข้อที่ 6 การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ให้ประธานวุฒิสภาเป็นฝ่ายสรรหาว่า ยังไม่อยากให้ความเห็นมากเพราะเกรงจะนำไปเชื่อมโยงต่อการเลือกประธานวุฒิสภาที่จะมีขึ้น แต่เบื้องต้นได้รับทราบและกำลังศึกษาข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ อยู่ ซึ่งมองว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้น จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายก่อน แต่จะเห็นได้ว่ามีรัฐมนตรีหลายคนแสดงความคิดในเชิงปฏิเสธแล้ว ทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายอย่าปฏิเสธเพียงอย่างเดียว แต่ขอให้ช่วยกันเสนอแนะข้อคิดเห็นเพิ่มเติมด้วย เพราะแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้นไม่จำเป็นว่าต้องมีสูตรเดียว แต่อาจมีหลายสูตรเพื่อมาผสมรวมกันให้เป็นทางออกของประเทศได้ 

กองทัพมึนข้อเสนอ'มาร์ค'
     แหล่งข่าวระดับสูงของกองทัพกล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์เสนอโรดแม็ป 10 ข้อ หาทางออกประเทศไทยว่า แต่ละคนยังไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์ กำลังทำอะไร ยังดูไม่ออกว่าเป็นไปในทิศทางไหน จะจบเร็วหรือไม่ เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ก็ไม่เอาด้วยกับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เพราะมีทิศทางของตัวเองที่ชัดเจน ซึ่งการเดินหน้าของนายอภิสิทธิ์ ยังไม่แน่ว่ามีอะไรกับใครเท่าไร เพราะเป็นเพียง 1 ส่วนของพรรคการ เมืองเท่านั้น

กกต.โยนรัฐบาลตัดสินใจ
       นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปฏิรูปประเทศโดยขอให้ชะลอการจัดการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค.ออกไปก่อนว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เรื่องนี้คงต้องให้รัฐบาลเป็น ผู้ตัดสินใจ หากรัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ขอให้แจ้งมายังกกต. แต่หากรัฐบาลไม่มีท่าทีใดๆ กกต.ก็พร้อมเดินหน้าจัดการเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 20 ก.ค. ตามที่ตกลงร่วมกับรัฐบาลไว้ ส่วนการเลือกตั้งจะสำเร็จหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องอนาคต ยังไม่อยากคาดเดา แต่ยืนยันว่ากกต.จะทำหน้าที่ตรงจุดนี้ให้ดีที่สุด
      นายศุภชัย กล่าวว่า ในการประชุมกกต. วันที่ 6 พ.ค. จะพิจารณาร่างพ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไป หากเห็นว่าร่างดังกล่าวสมบูรณ์ครบถ้วนถูกต้องแล้วและที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรียบร้อย กกต.จะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันดังกล่าวทันที แต่หากเห็นว่าร่างยังไม่สมบูรณ์หรือต้องแก้ไขปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนอยู่ ก็จำเป็นต้องส่งให้ครม.พิจารณาในภายหลัง แต่ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค.

'ภุชงค์'ชง 5 เสือถก 6 พ.ค.นี้
       ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้ข้าพบกกต.และเสนอแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้ง โดยข้อเสนอบางส่วน กกต.มีการดำเนินการอยู่ ขณะที่บางส่วนกกต.จะรับไว้พิจารณา แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์แถลงแผนปฏิรูปออกมาอย่างเป็นทางการ กกต.คงจะหยิบประเด็นดังกล่าวมาหารือร่วมกันในวันที่ 6 พ.ค.นี้ว่าดำเนินการอย่างไร เนื่องจากขณะนี้มีหลายเสียงสะท้อนออกมาทั้งต้องการให้กกต.เดินหน้าและชะลอการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ผลการหารือจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกกต.ทั้ง 5 คน

ผอ.สันติวิธีเมินข้อเสนอมาร์ค
      พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ว่า เป็นไปได้ยากและเป็นข้อเสนอที่หลวมมาก เพราะบางข้อไม่สามารถทำได้ เช่น เรื่องที่ให้นายกฯและครม.ลาออกทั้งคณะ เพราะหากทำได้จริงคงทำกันนานเเล้ว เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ทำได้ ส่วนข้อเสนอเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น มองว่าพรรคประชาธิปัตย์กังวลเรื่องเลือกตั้งเพราะการเลือกตั้งแบบเดิมไม่สามารถทำให้พวกเขาชนะได้ 
      พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการปฏิรูป และรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาต้องทำการปฏิรูป แต่การปฏิรูปถ้าไม่มีการเลือกตั้งถ้าไม่มีรัฐบาลจะทำได้หรือไม่ และการมีรัฐบาลคนกลางนั้น ตนไม่มั่นใจว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ นอกจากนี้การที่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมรับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ก็ไม่นำไปสู่บรรยากาศของการปรองดองได้ ฉะนั้นนายอภิสิทธิ์ต้องปรับใจมานั่งพูดคุยกันต่อไป เพราะถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องยากที่จะเดินหน้าต่อไปได้ 

ย้ำทางออกต้องมีเลือกตั้ง
     "ทางออกของประเทศไทยขณะนี้คือต้องให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ส่วนการปฏิรูปนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้ โดยให้คนในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมมีส่วนร่วม ไม่ใช่เป็นการปฏิรูปของคนเพียงฝ่ายเดียว เพราะถ้าทำฝ่ายเดียวก็ยากที่จะจบลงได้ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องทำ 1 ปี เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เคยตั้งคณะกรรมการปฏิรูปหมดเงินไปกว่า 600 ล้านบาท น่าจะเอาประโยชน์จากคณะกรรมการชุดนั้นมาปรับใช้ได้" ผอ.สำนักสันติวิธีกล่าว

 

สปป.แย้งโรดแม็ปไร้กม.รองรับ
      นายเอกชัย ไชยนุวัติ รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และโฆษกสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย(สปป.) โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัวโต้แย้งข้อเสนอแผนปฏิรูปของนายอภิสิทธิ์ ว่า 1.นายอภิสิทธิ์ เอาอำนาจอธิปไตยของประชาชน คือการใช้สิทธิเลือกตั้งที่รัฐธรรมนูญบังคับไว้ในมาตรา 72 มาเป็นตัวประกัน เพื่อให้บ้านเมืองสงบและเดินหน้าได้ 2.นายอภิสิทธิ์ พยายามทำดูเหมือนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ กปปส. และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถ้าอ้างเช่นนี้ต้องบอกว่าพรรคเพื่อไทยนั้นแยกขาดจาก นปช.
      3.การเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 18 เดือน ไม่มีกฎหมายใดๆ รองรับ 4.นายอภิสิทธิ์พูดว่าทุกพรรคควรลงเลือกตั้ง แปลว่าตัวเอง ถ้าไม่ได้ดังใจ ก็ไม่ลงเลือกตั้ง 5.การปฏิรูปต้องทำด้วยการแก้รัฐธรรมนูญทั้งสิ้น เพราะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การปฏิรูปประเทศโดยอ้างว่าไม่แก้ จึงเป็นไปไม่ได้ ทั้งในทางกฎหมายและความจริง 
     6.ข้อเสนอเพิ่มอำนาจให้ กกต.ออกระเบียบยุบพรรคนั้น ยิ่งตลกมากๆ เพราะ กกต.ต้องใช้อำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกำหนดวิธียุบพรรคไว้แล้ว การที่เสนอว่าถ้าใครไม่ทำตามแนวทางปฏิรูปแล้ว ให้ กกต.ยุบพรรค คือการทำตามอำเภอใจของ กกต. และการไม่สนใจคำว่า นิติรัฐ หรือ รัฐที่ตัวรัฐเองอยู่ ภายใต้กฎหมายที่ยินยอมให้บังคับใช้โดยประชาชน

ให้ทุกพรรคผลักดันปฏิรูปหลังลต.
    นายเอกชัย ระบุว่า 7.การจะปฏิรูปประเทศนั้น ไม่ต้องเอาประชาชนและการเลือกตั้งเป็นตัวประกัน ทุกพรรครวมทั้งพรรคเพื่อไทย ต้องเสนอตอนนี้เลยว่าจะปฏิรูปประเทศอะไรบ้าง โดยให้พันธะทางการเมืองว่า เมื่อเลือกตั้งมีตัวแทนประชาชนไปแก้ปัญหาปากท้องแล้วจะผลักดันให้เกิดขึ้นจนได้ เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ถ้าไม่ทำประชาชนจะออกมากดดันให้เกิดการยุบสภา 
     "ดังนั้น ข้อเสนอของผม คือทุกคนช่วยกันเสนอ และผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศหลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นภายใน 1 ปี โดยเป็นพันธะผูกพันทางการเมือง ผมเสนอให้ต้องแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ ผมเสนอให้เห็นหัวประชา ชน"นายเอกชัยระบุ 

ไชยันต์ชี้อยู่กับผู้มีอำนาจในพท.
      นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยให้ค่ากับการเว้นวรรคการเมืองของนายอภิสิทธิ์ มากหรือน้อยกว่าที่นายอภิสิทธิ์ให้ค่าเว้นวรรคของตัวเอง ซึ่งตนจะไม่บอกว่าใครคือผู้มีอำนาจสูงสุด ขณะที่นายอภิสิทธิ์บอกว่ากำลังส่งสารนี้โดยตรงไปที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพูดชัดเจนว่าจะไม่ฟังใคร แต่จะรอฟังคำตอบของน.ส. ยิ่งลักษณ์คนเดียว ตนจึงบอกว่าข้อเสนอดังกล่าวขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจสูงสุดของพรรคเพื่อไทย ตนไม่ได้คิดว่าจะเป็นองค์รวมที่จะมาหารือกัน ส่วนข้อเสนอนี้เป็นไปได้หรือไม่นั้นไม่ขอตอบเพราะจะเป็นการชี้นำอะไรบางอย่าง ซึ่งคำตอบมันอยู่ในวรรคที่ตนกล่าวมาอยู่แล้ว

มาร์คย้ำแผนสำเร็จ-ไม่มีปฏิวัติ
    เมื่อเวลา 17.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่สนใจ ให้กำลังใจและสนับสนุนแผนที่ตนนำเสนอ ขอย้ำว่าแผนนี้ยึดหลักกฎหมาย หลักประชาธิปไตยและประโยชน์ของประเทศ ไม่มีผลประโยชน์ของใครรวมทั้งตนเกี่ยวข้อง หากสำเร็จบ้านเมืองจะสงบ ไม่มีนองเลือด ไม่มีปฏิวัติ ไม่นำสถาบันและศาลเข้าสู่ความขัดแย้ง เพียงแต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะสละตำแหน่ง 5-6 เดือนเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เรียบร้อย ส่วนกปปส.ต้องยอมรับการได้ปฏิรูปด้วยวิธีการที่ต่างไปจากที่ตนเองเสนอ
       นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนที่ห่วงใยบ้านเมืองออกมาช่วยกันขับเคลื่อนการหาทางออกให้บ้านเมืองกันต่อ เพราะก่อนที่ตนจะเคลื่อนไหวเสนอทางออกให้ประเทศมีหลายภาคส่วนเสนอความเห็นที่จะนำประเทศหลุดพ้นจากความขัดแย้ง แต่มักยุติการเคลื่อนไหวหลังมีเสียงวิจารณ์ตามมา ซึ่งมีทั้งที่ประชุมอธิการบดี 7 องค์กรเอกชน เครือข่ายสองเอา สองไม่เอา รวมทั้ง 6 องค์กรอิสระ และที่จำได้เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา หลายองค์กรประชุมร่วมกับนายกฯ เสนอให้ปฏิรูปทันที เลื่อนการเลือกตั้ง มีหลักประกันการปฏิรูปและให้นายกฯ ลาออกเปิดทางให้มีรัฐบาลคนกลางมาทำหน้าที่ ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะคณะทำงานเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป เสนอเดินหน้าปฏิรูปเลือกตั้งเฉพาะกิจ 1 ปี โดยระบุไม่มีประโยชน์ที่จะเลือกตั้งบนความขัดแย้ง

ดึงหลายองค์กรรวมเคลื่อนไหว
      นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอสื่อสารไปยังทุกองค์กรเหล่านั้นพิจารณาแผนทางออกประเทศไทยว่าตรงกับแนวทางที่เห็นว่าเป็นทางออกให้กับประเทศหรือไม่ หากเห็นว่าหลักการไม่มีปัญหา ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ขอให้ทุกคนแสดงออกเพื่อเป็นพลังทางสังคมเดินหน้าประเทศไทย ร่วมกัน
     "แผนของผมย่อมได้รับการวิจารณ์ติติง ซึ่งผมรับฟังเสมอ แต่วันนี้ผมอยากให้ผู้วิจารณ์เสนอทางออกที่ดีกว่าด้วย ซึ่งคำวิจารณ์ส่วนหนึ่งมุ่งที่ข้อกฎหมายซึ่งอาจเห็นต่างกันได้ แต่ยืนยันว่าแผนของผมยึดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด กรณีใดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีบทบัญญัติก็ยึดตามเจตนารมณ์และประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ประเทศเดินหน้าได้ ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ หรือการแช่แข็งประเทศ ทั้งนี้ ผมไม่ขอตอบโต้คนที่ออกมาโจมตี แต่จะรอข้อเสนอจากคนเหล่านั้นที่ไม่ใช่เรื่องเดิมๆที่พาประเทศมาอยู่จุดนี้ และถ้าเป็นข้อเสนอที่ตนเองไม่ได้ประโยชน์ด้วยจะยิ่งดี" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ปชป.ปูดมีเกมใต้ดินขู่ศาล-ปปช.
      ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า ในเดือนพ.ค.นี้จะเป็นพฤษภาเดือด เนื่อง จากมีการพิจารณาคดีสำคัญของป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่ม กปปส. ซึ่งยังไม่มีหลักประกันว่าจะไม่เกิดการเผชิญหน้า หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การแก้ปัญหาได้ ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และรมว.กลาโหม และรัฐบาล รวมทั้งศอ.รส.ต้องช่วยกันไม่ให้วิกฤตทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น 
    นายองอาจ กล่าวว่า ยิ่งใกล้เวลาที่ศาลรัฐ ธรรมนูญและป.ป.ช.จะพิจารณาคดีสำคัญที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถูกกล่าวหา จึงมั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์เคลื่อนไหวในหลายรูปแบบ ทั้งการเดินเกมบนดินและใต้ดิน มีขบวนการใส่ร้ายป้ายสี ข่มขู่ศาลและป.ป.ช. บิดเบือนข้อเท็จจริงของคดี ปล่อยข่าวโจมตีเพื่อกระทบสถาบัน ใช้อาวุธสงครามคุกคามโดยไม่มีการหาคนผิดมาลงโทษ ทั้งนี้ เพื่อให้ผลการพิจารณาคดีเปลี่ยนไปจากหลักนิติรัฐและนิติธรรม แต่เชื่อว่าจะไม่มีส่วนเปลี่ยนแปลงหลักกฎหมายได้ และยังเชื่อมั่นองค์กรอิสระจะทำหน้าที่ผดุงความยุติธรรมและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ เป็นที่พึ่งของสังคมได้อย่างแน่นอน 

ย้ำโรดแม็ปมาร์คผ่าทางตันปท.
     นายองอาจ กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์เสนอโรดแม็ปว่า มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สาเหตุเกิดจากยังไม่ได้อ่านข้อเสนออย่างละเอียด หากได้อ่านละเอียดจะทราบว่าแผนดังกล่าวมีส่วนช่วยหาคำตอบให้กับประเทศได้ โดยไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของพรรคหรือหาทางลงให้กับกลุ่ม กปปส. หรือทำลายล้างฝ่ายรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย แต่ทำเพื่อประโยชน์สังคมไทย
      นายองอาจ กล่าวว่า หากข้อเสนอเดินหน้าไปได้จะก่อให้เกิดข้อดี 5 ประการ 1.หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าความรุนแรงและการนองเลือด 2.ระงับเงื่อนไขปฏิวัติ 3.ปกป้องสถาบันออกจากความขัดแย้งการเมือง 4.เปิดให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทำหน้าที่โดยไร้แรงกดดัน และ 5.ปกป้องการฉีกรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ หากน.ส.ยิ่งลักษณ์จริงใจและพร้อมเสียสละในเวลา 5-6 เดือน ขอให้นำข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์มาเป็นกุญแจไขสู่ทางออกและหาคำตอบให้กับประเทศ 

แนะ'ปู'ถกทักษิณก่อนตัดสินใจ
    ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า หากไม่มีความพยายามจากทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา ทำนายได้ว่าประเทศไทยจะเดินเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างมวลชน จึงเป็นเรื่องที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกได้เพราะไม่มีประเด็นไหนอยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญ อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ก็พูดชัดว่าจะฟังคำตอบจากน.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว จึงขอว่าถ้าไม่ใช่ชื่อยิ่งลักษณ์ไม่ต้องพูดเพราะไม่มีหน้าที่ ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่แน่ใจในข้อเสนอก็นัดพบนายอภิสิทธิ์ได้ทุกเวลาเพื่อหารือว่าทำข้อเสนอทั้ง 10 ขั้นตอนได้หรือไม่ 
     "จึงขอเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์พิจารณาด้วยตัวเอง ถ้าจะหารือกับใครก็ควรปรึกษาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แบบพี่น้องเพื่อตัดสินใจว่าจะนำประเทศไปสู่จุดอับ เกิดการตาย ฉีกรัฐธรรมนูญ เผชิญหน้า ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือจะหยุดความสูญเสีย ปฏิรูปภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ไม่มีปฏิวัติ ไม่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จากนั้นภายใน 5-6 เดือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็กลับมาทำงานการเมือง การเลือกตั้งเดินหน้าได้ ขณะที่นายอภิสิทธิ์จะเว้นวรรคการเมืองอย่างน้อย 2 ปี" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

เตือนเลือกปธ.วุฒิฯ-ถูกร้องศาลแน่
     นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงวุฒิสภาจะมีการเลือกตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภาในวันที่ 9 พ.ค.ว่า ยืนยันว่าการเลือกประธานวุฒิสภา ไม่เคยทำในการประชุมสมัยวิสามัญ อีกทั้งการประชุมในครั้งนี้ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญได้กำหนดกรอบทำหน้าที่ของวุฒิสภาไว้ชัดเจนว่ามีเพียง 2 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมาธิการสรรหา ผู้ทรงคุณวุฒิศาลปกครอง และ 2.ตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป.ป.ช. เท่านั้น
    นายนิคม กล่าวว่า ดังนั้น การดำเนินการเพื่อลงมติเลือกประธานวุฒิสภาอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ดำเนินการนอกเหนือไปจากที่พ.ร.ฎ. กำหนด และศาลจะต้องรับไว้พิจารณาอย่างแน่นนอน เพราะเอกสิทธิ์ที่คุ้มครองการลงมติของส.ส. และส.ว.ในมาตรา 130 ไม่ได้รับการคุ้มครองแล้ว เนื่องจากตนและเพื่อนส.ว. 36 คน ขนาดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่มีในการแก้ไขรัฐธรรม นูญแล้วก็ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง จึงมองว่าศาลน่าจะใช้มาตรฐานเดียวกัน 

พท.จี้ส.ว.ทบทวน-อย่ารีบรวบรัด
     นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามพ.ร.ฎ.ให้ดำเนินการได้เฉพาะ 2 กรณีตามที่กำหนดเท่านั้น หากจะเสนอให้เลือกประธานวุฒิสภาด้วยถือว่าไม่สมควร ขัดกับเนื้อหาในร่างพ.ร.ฎ.ดังกล่าว ที่ผ่านมาการคัดเลือกประธานวุฒิสภาต้องมีการตรวจสอบประวัติและแสดงวิสัยทัศน์ของผู้เสนอตัว หากจะเลือกประธานวุฒิสภาในวันที่ 9 พ.ค.จะเป็นการเร่งรัด อาจถูกร้องเรียนว่าทำผิดพ.ร.ฎ. อยากให้วุฒิสภาทบทวนเรื่องนี้ด้วย

'จงรัก'พร้อมชิงปธ.สภาสูง
    พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีมีชื่อติดหนึ่งในแคนดิเดตเข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่า หากได้รับการเสนอชื่อโดยเพื่อนส.ว. ตนมีความพร้อมเต็มที่เพราะมีประสบการณ์การทำงานมาพอสมควร ผ่านเรื่องหนักๆ มามาก เคยเป็นถึงรองผบ.ตร. ส่วนจะมีเสียงสนับสนุนมากน้อยแค่ไหนนั้น ยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ส.ว.จะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ ตนรู้ว่าตำแหน่งประธานวุฒิสภาเป็นงานที่หนัก แต่ก็พร้อมทำหน้าที่ตรงจุดนี้หากได้รับความไว้วางใจ 
    ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการเพื่อลงมติเลือกประธานวุฒิสภาในการประชุมสมัยวิสามัญขณะนี้ อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น พล.ต.อ.จงรักกล่าวว่า เป็นประเด็นที่มีความเห็นทางกฎหมายแตกต่างกัน แต่ขณะนี้เป็นมติของที่ประชุมแล้ว ก็แล้วแต่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมจะตัดสินใจ

ยึดประเพณี-ไม่ขัดรธน. 'มาร์ค'โต้ พท.รุมเฉ่ง-นำสู่ทางตัน'นพดล'ย้ำผิดกฎหมาย กกต.ถกข้อเสนอ 6 พ.ค.ควบคุยพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง นิคมชี้ชิงปธ.วุฒิไม่ได้




    5 เสือ กกต.นัดประชุม 6 พ.ค. ถกร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ปธ.ศุภชัยยืนยันส่งร่างให้ รบ.ช้า ไม่กระทบปักธงเลือกตั้ง 20 ก.ค. 'จารุพงศ์'ตบะแตกซัด'มาร์ค'เสียแรงเป็นถึง หน.ปชป.แต่ไม่เห็นหัวประชาชน 


มท.1 ซัดมาร์คไม่เห็นหัวประชาชน
    เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้แถลงแผนเดินหน้าประเทศไทย "ปฏิรูปภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ" เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม มีทั้งหมด 10 ขั้นตอนในการดำเนินการ สาระสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องลาออกเพื่อเปิดให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลที่มาจากการสรรหาของประธานวุฒิสภา พร้อมจัดตั้งสภาปฏิรูป และหลังมีการจัดทำประชามติตามข้อเสนอของสภาปฏิรูปเสร็จ จึงให้มีการจัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน โดยให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการตามข้อเสนอของสภาปฏิรูปภายใน 1 ปี ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์สรุปว่าไม่มีฝ่ายไหนจะได้ 100 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลจะได้เห็นการเลือกตั้ง กลุ่ม กปปส.จะได้รัฐบาลคนกลาง ได้สภาปฏิรูป แต่ไม่ได้สภานิติบัญญัติตามที่ต้องการ โดยนายอภิสิทธิ์จะส่งข้อเสนอดังกล่าวให้รัฐบาลในวันที่ 6 พฤษภาคม เพื่อพิจารณาและรอคำตอบจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และไม่อยากให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อย่าเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอให้ไปพิจารณาก่อนนั้น
      นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ว่า เสียแรงที่นายอภิสิทธิ์เป็นถึงหัวหน้าพรรค เป็นนักการเมืองจากพรรคใหญ่ แต่กลับไม่เห็นหัวประชาชน เขาไม่รู้หรือว่าประชาชนไม่ได้โง่ เขาสามารถชี้ได้ว่าใครควรที่จะเข้ามาบริหารประเทศ และเขาก็ไม่ได้ชี้ ปชป. ดังนั้น ปชป.จึงหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนี้ เพราะแพ้ทุกครั้งจึงเสนอความเห็นที่ไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ในหลักการ เสียแรงที่จบออกซ์ฟอร์ด การที่นายอภิสิทธิ์พูดออกมาเช่นนั้นทำให้หมดราคาเลย จะเอาแต่งตั้ง จะเอาสรรหาอย่างเดียว อยากบอกว่านายกฯคนกลางไม่มีหรอก มีแต่นายกฯเถื่อน นายกฯที่แท้จริงมีแต่นายกฯที่ประชาชนเลือกเข้ามาบริหารประเทศเท่านั้น ไม่ได้พูดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้พูดในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่พูดจากสามัญสำนึกของคนในระบอบประชาธิปไตยที่รับไม่ได้

ไม่ได้จบออกซ์ฟอร์ดแต่ก็คิดออก
     นายจารุพงศ์ ยังให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ หากตอบในฐานะรัฐบาลก็คงหยิบยกมาพูดคุยใน ครม.ก่อน จึงไปตอบแทนก่อนไม่ได้ว่ารัฐบาลจะรับหรือไม่รับ และความเห็นในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ต้องหารือในคณะกรรมการกิจการพรรคก่อนจะมีท่าทีใดๆ ออกมา และส่วนตัวมองว่าข้อเสนอที่ชวนทุกฝ่ายออกมาร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย จึงถามนายอภิสิทธิ์กลับว่าไม่เคยอ่านกฎหมายหรืออย่างไร จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ลาออก เพื่อให้มีรัฐบาลคนกลาง เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 บัญญัติไว้ชัดเจนว่าแม้นายกรัฐมนตรียุบสภา ก็จะต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารงาน 
     "ผมไม่ได้จบออกซ์ฟอร์ด แต่ก็คิดออกในเรื่องนี้ ขนาดบ้านเมืองมีกติกา มีกฎหมายยังเกิดปัญหา เมื่อไม่มีรัฐบาลแล้วยังไม่เคารพกฎหมายอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ผมเสียดายที่คนระดับนายอภิสิทธิ์กลับคิดไม่ได้ว่าทางออกของปัญหาคือการเลือกตั้งหรือรู้แล้วแกล้งไม่รู้ถึงจะทำการฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้งเหมือนกับปี 2549"นายจารุพงศ์กล่าว
     เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับแกนนำในรัฐบาลหรือยัง นายจารุพงศ์กล่าวว่า ไม่ต้องคุยเพราะข้อเสนอดังกล่าวเป็นวิธีกบฏไม่ได้มีบทบัญญัติใดของกฎหมายรองรับ
     เมื่อถามกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์นั้น ออกมาช้าไปเพราะ กกต.พูดคุยถึงการเลือกตั้งใหม่กับรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาลหรือไม่ ที่ กกต.จะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว นายจารุพงศ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของ กกต.ไปพูดแทนไม่ได้ 

ปึ้งดักทางปชป.จะเบี้ยวเลือกตั้ง
     นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เดินทางไปร่วมประชุมองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) มีทั้งหมด 34 ประเทศเข้าร่วม ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ถือว่าข้อเสนอไม่ใช่ทางออกของประเทศอย่างเเท้จริง เสียดายที่นายอภิสิทธิ์ใช้โอกาสเดินสายพูดคุย แต่ท้ายที่สุดแนวความคิดไม่แตกต่างไปจากข้อเสนอของกลุ่ม กปปส. ส่วนตัวเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่มีความจริงใจ เป็นเพียงสร้างกระแสเพื่อให้ยังอยู่ในความสนใจของประชาชน ความน่าเชื่อถือของนายอภิสิทธิ์ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวกลับสร้างปัญหาให้บ้านเมือง เป็นไปได้สูงที่ ปชป.จะใช้เป็นเหตุผลไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. 
      "รัฐบาลไม่มีประตูรับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ แต่จะรอผลการหารือระหว่างนายอภิสิทธิ์กับ กปปส. เมื่อได้ข้อสรุปมายังรัฐบาล จะให้นายอภิสิทธิ์ชี้แจงให้สังคมได้ทราบว่าสิ่งที่เรียกร้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ สำหรับปัญหาการขัดขวางเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม เตรียมให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) รวบรวมข้อมูลผู้กระทำผิดกฎหมาย ให้สังคมได้รับรู้ถึงโทษตามกฎหมาย ยืนยันว่าหากดำเนินการขัดขวางเลือกตั้งอีกเป็นความผิดทางอาญาจับกุมได้ซึ่งหน้า" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า มาประชุมกับโออีซีดีที่มีสมาชิกเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ส่วนใหญ่ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย โออีซีดีสนใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอาเซียนมากขึ้นเพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ไม่อยากให้เขามองว่าประเทศไทยเป็นตัวฉุดรั้งหรือขัดขวางการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปีหน้า
      "ผมจำเป็นต้องมาร่วมประชุมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในประชาคมโลกว่าไทยยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เราพร้อมที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ซึ่งได้ประกาศวันไว้แล้ว ดังนั้นประเทศไทยกำลังกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย ความเชื่อมั่นก็น่ากลับมา"นายสุรพงษ์กล่าว
      นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า จะเล่าให้ที่ประชุมฟังว่าความขัดแย้งทางการเมืองในไทยเป็นสิ่งที่ไทยสามารถแก้ไขกันได้ และได้ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาหลายครั้ง ทุกครั้งที่มีวิกฤตสามารถฟื้นตัวได้ ที่สำคัญที่สุดประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจและเป็นที่ยึดมั่นของประชาชนในชาติ

'พิชัย'ชี้ข้อเสนอไม่ต่างกับกปปส.
       นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เคยได้เตือนแล้วว่าการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และกลุ่ม กปปส. เป็นการทุบหม้อข้าวของคนทั้งประเทศ ก็เป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันประชาชนเดือดร้อนจากปัญหาความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจนแทบจะทนกันไม่ไหวอยู่แล้ว ประชาชนผิดหวังกับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ไม่ต่างอะไรกับข้อเรียกร้องของ กปปส. ไม่มีกฎหมายรองรับ พอหลายฝ่ายไม่ยอมรับ พรรค ปชป.ก็ออกมาบอกว่าจะเกิดความวุ่นวาย การเลือกตั้งอาจเป็นโมฆะอีก ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อเสนอหรือคำข่มขู่กันแน่ อยากให้นายสุเทพ และ กปปส.หยุดทุบหม้อข้าวคนทั้งประเทศได้แล้ว ส่วนการที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคปชป.ยืนยันในการเสวนาที่ กกต. ว่าอุดมการณ์ของพรรค ปชป.ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันคือการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ จึงสงสัยว่านายกรณ์หายไปไหนมา ถึงมองไม่เห็นว่าแกนนำของ กปปส. ที่เป็นสมาชิก ปชป.เกือบทั้งหมดกำลังเรียกร้องระบอบเผด็จการอยู่ใช่หรือไม่ ขนาดสื่อต่างประเทศยังวิจารณ์ ปชป. แทบทุกสำนัก แสดงว่าพรรค ปชป. เปลี่ยนอุดมการณ์หรือสมาชิกพรรคอยากได้อำนาจจนเพี้ยนไปกันแน่ ถ้าหาก ปชป. ต่อต้านเผด็จการจริงและหวังดีกับประเทศ ก็ควรจะต้องลงเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ นอกจากจะกลัวแพ้ซ้ำซากอีก

'นพดล'เสนอกุญแจ5ดอก
      นายนพดล ปัทมะ คณะกรรมการกิจการพรรค พท. กล่าวว่า หลังรับทราบข้อเสนอนายอภิสิทธิ์แล้ว เห็นว่าข้อเสนอมีปัญหาใหญ่อย่างน้อย 5 ข้อ คือ 1.การเสนอให้นายกฯ และ ครม.ลาออก เป็นการขัดรัฐธรรมนูญเพราะต้องปฏิบัติหน้าที่จนกว่ามี ครม.ใหม่ 2.การให้วุฒิสภาเลือกนายกฯคนกลางขัดรัฐธรรมนูญ เพราะนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งและสภาผู้แทนฯต้องเป็นผู้เลือก ส่วน ส.ว.เกือบกึ่งหนึ่งแต่งตั้งเข้ามาไม่เป็นประชาธิปไตย 3.ปิดกั้นไม่ให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมในการปฏิรูปเพราะจะเอาเฉพาะข้อเสนอของ กปปส. และเครือข่ายปฏิรูปเท่านั้นไปลงประชามติ 4.ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์เหมือนข้อเสนอของนายสุเทพและ กปปส. โดยนายอภิสิทธิ์ไม่รับฟังความเห็นของรัฐบาล นปช.และพท.ก่อนทำข้อเสนอ จึงเป็นข้อเสนอที่เรียกร้องฝ่ายเดียว และ 5.การระบุว่าจะมีรัฐบาลเฉพาะกาล 5 เดือนจึงเลือกตั้งใหม่นั้น ไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าจะไม่ยาวกว่านั้นและจะมีการเลือกตั้งตามกำหนด เท่ากับทำลายกระบวนการประชาธิปไตยและเอาประเทศไปอยู่บนความไม่แน่นอน
      นายนพดล กล่าวว่า ขอเสนอกุญแจ 5 ดอกหาทางออกประเทศ ดังนี้ กุญแจดอกที่ 1 การเดินหน้าเลือกตั้งโดยทุกพรรคลงสมัคร ดอกที่ 2 ทุกพรรคเสนอแนวทางปฏิรูปให้ประชาชนพิจารณาก่อนเลือกตั้ง เสมือนการทำประชามติประเด็นปฏิรูปไปในตัว ดอกที่ 3 หลังเลือกตั้งให้ออกกฎหมายมีสภาปฏิรูป ดอกที่ 4 รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลปฏิรูปอยู่ในวาระ 6-12 เดือน แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และดอกที่ 5 ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายประเด็นให้ทำประชามติ ข้อเสนอนี้ไม่แช่แข็งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ไม่เว้นวรรคการเลือกตั้ง ไม่ลำเอียงเข้าข้างคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเป็นประชาธิปไตยที่สุดเพราะให้ประชาชนทั้งประเทศร่วมกันหาทางออก นายอภิสิทธิ์ไม่ต้องเว้นวรรคการเมืองด้วย การเลือกตั้งจึงเป็นทางออกที่ตรงที่สุด ยุติธรรมที่สุด เมื่อประเทศสามารถเดินบนถนนไปยังเป้าหมายได้ แล้วจะลงไปเดินในท้องร่องหรือพงหนามไปทำไม

พท.ชี้ข้อเสนอมาร์คผิด ม.68 
     เมื่อเวลา 10.20 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. แถลงว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์แทนที่จะเป็นทางออกกลับเป็นทางตัน ประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ยึดโยงกับประชาชน ต้องมีนายกฯมาจากสภา เพื่อมิให้เกิดช่องว่างในการบริหารประเทศ รัฐธรรมนูญจึงกำหนดให้ ครม.ต้องอยู่รักษาการ สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอจึงผิดต่อหลักการของรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายผิดมาตรา 68
     "อยากถามนายอภิสิทธิ์ว่า รัฐบาลและนายกฯที่มาจากคนกลาง มีหลักประกันอะไรว่าจะทำเพื่อประชาชน ไม่ฉ้อฉลอำนาจ เพราะเมื่อปี 2549 ประเทศมีรัฐบาลจาก คมช. ที่สัญญาว่าจะให้แก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ให้ประชาชนรับไปก่อน แต่สุดท้ายประชาชนก็ถูกหลอก เพราะวันนี้ก็แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ นักการเมืองที่มาจากประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญให้ประชาชนมีอำนาจกลับถูกดำเนินคดี จึงขอถามนายอภิสิทธิ์ว่ามีหลักประกันอะไร" นายพร้อมพงศ์กล่าว

เปรียบเหมือนปฏิวัติเงียบ
      นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์คือการแช่แข็งประเทศ เป็นการปฏิวัติเงียบ สอดคล้องกับข้อเสนอของกลุ่มนายสุเทพ ที่เสนอให้นายกฯและ ครม.ลาออก นอกจากนี้ ยังเป็นการเสนอเพื่อให้เกิดปัญหาดังนี้ 1.ให้นายกฯละเมิดรัฐธรรมนูญ 2.ไม่มีในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 3.ละเมิดประชาธิปไตย นายกฯต้องมาจากการโหวตในสภา 4.เป็นข้อเสนอร่างทรงของ กปปส. และ 5.เป็นข้อเสนอเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เพราะหากอยากให้เป็นประชาธิปไตยจริง ทำไมนายอภิสิทธิ์จึงละทิ้งการมีส่วนร่วมของประชาชน อย่างไรก็ตาม พท.พร้อมรับฟังข้อเสนอที่มีประโยชน์หรือข้อเสนอที่มีความเห็นต่างทางการเมือง และข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยพรรคจะประชุมกันในวันที่ 6 พฤษภาคม ทั้งนี้ ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ อยากให้พรรค ปชป.ออกเป็นมติที่ประชุมพรรค จะได้รู้ว่า ปชป.มีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร เชื่อว่าสมาชิก ปชป.หลายคนก็ไม่เห็นด้วย
     นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์ทบทวนข้อเสนอ ในเมื่อ กกต.และรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้ง คือ วันที่ 20 กรกฎาคม 2557 ปชป.ควรหาทางออกโดยการเลือกตั้งมากกว่า ต้องหาหัวหน้าพรรค และปาร์ตี้ลิตส์ ลำดับที่ 1 ใหม่ด้วย
     นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า กรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป. ให้สัมภาษณ์ว่า หากไม่รับข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้ การเมืองอาจจะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและอาจมีความรุนแรงนั้น อยากให้นายนิพิฏฐ์และสมาชิก ปชป.ทบทวนบทบาท ควรสำนึกบุญคุณประชาชนเพราะทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเงินภาษีของประชาชน วันนี้ปัญหาก็เกิดจากการที่สมาชิก ปชป.ไปร่วมม็อบ จึงขอเรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรค ปชป.ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงข่มขู่ประชาชนให้หวาดกลัว ควรเรียกลูกพรรคของตัวเองกลับพรรค และหากนายสุเทพยังไม่เลิกก็ควรขับออกจากพรรค

'อภิสิทธิ์'ขอบคุณที่ให้กำลังใจ
      เมื่อเวลา 16.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva หัวข้อว่า เดินหน้า "แผนเดินหน้าประเทศไทย" ก่อนจะเขียนในเนื้อหาว่า "ผมต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ให้ความสนใจ ให้กำลังใจ และให้การสนับสนุนแผนที่ผมได้นำเสนอ ขอย้ำอีกครั้งว่าแผนนี้ยึดหลักกฎหมาย หลักประชาธิปไตย และประโยชน์ของประเทศ ไม่มีผลประโยชน์ของใครรวมทั้งตัวผมเข้าไปเกี่ยวข้อง หากสำเร็จบ้านเมืองก็จะสงบ ไม่มีนองเลือด ไม่มีปฏิวัติ ไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์และศาลเข้าสู่ความขัดแย้ง เพียงแต่คุณยิ่งลักษณ์และคณะสละตำแหน่ง 5-6 เดือนเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เรียบร้อย ส่วน กปปส.ต้องยอมรับการได้การปฏิรูปด้วย วิธีการที่ต่างไปจากที่ตนเองเสนอ"

ยกกรณีความเห็นหลายภาคส่วน
     "วันนี้ผมจึงอยากให้ทุกคนที่ห่วงใยบ้านเมืองเหมือนผม ออกมาช่วยกันขับเคลื่อนการหาทางออก ให้บ้านเมืองกันต่อ เพราะก่อนที่ผมจะเคลื่อนไหวเพื่อเสนอแนวทางหาทางออกให้ประเทศไทย มีหลายภาคส่วนที่มีเจตนาดีต่อบ้านเมืองได้เสนอความเห็นที่จะนำประเทศหลุดพ้นจากความขัดแย้ง แต่มักจะยุติการเคลื่อนไหวลงหลังจาก มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายด้าน ตามมา"
     เฟซบุ๊กของนายอภิสิทธิ์ ยังระบุต่อว่า "ผมนึกถึงที่ประชุมอธิการบดีที่เสนอเมื่อต้นเดือนธันวาคมให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพื่อตั้งรัฐบาลคนกลางมาปฏิบัติหน้าที่แทน ให้ประธานวุฒิสภาเสนอรายชื่อทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการซึ่งเป็นจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติมาแล้วและอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ"
     "ผมนึกถึง 7 องค์กรเอกชนที่เคยเสนอให้ปฏิรูปประเทศทันทีก่อนการเลือกตั้ง ให้นักการเมืองคู่ขัดแย้งเจรจายึดประโยชน์ชาติ แสดงความจริงใจต่อการปฏิรูป โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีวาระ 1 ปี มีภารกิจต้องสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ผมนึกถึง เครือข่ายสองเอา สองไม่เอา "รวมพลังกลุ่มต่างขั้ว หาทางออกประเทศไทย" เสนอแนวทาง ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาความรุนแรง เอาเลือกตั้ง เอาการปฏิรูปบนวิถีทางประชาธิปไตย และผมจำได้ว่าเมื่อ 16 ม.ค.57 หลายองค์กรประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เสนอให้ปฏิรูปทันที เลื่อนการเลือกตั้ง มีหลักประกันการปฏิรูป และให้นายกฯ ลาออกเปิดทางให้มีรัฐบาลคนกลางมาทำหน้าที่"
      "รวมไปถึงที่ 6 องค์กรอิสระ เสนอทางออกประเทศ ให้รัฐบาลและกปปส.เสนอชื่อคนกลางแก้ขัดแย้ง และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมในฐานะคณะทำงานเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูป เสนอเดินหน้าปฏิรูปเลือกตั้งเฉพาะกิจ 1 ปี โดยระบุว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะเลือกตั้งบนความขัดแย้ง"

ย้ำไม่ฉีกรธน.-ไม่แช่แข็งปท.
     นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า "ผมขอสื่อสารไปยังทุกองค์กรเหล่านั้นได้พิจารณาแผนทางออกประเทศไทยว่าตรงกับแนวทางที่พวกท่านเห็นว่าเป็นทางออกให้กับประเทศหรือไม่ หากเห็นว่าหลักการไม่มีปัญหา ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ก็ขอให้ทุกท่านแสดงออกเพื่อเป็นพลัง ทางสังคมเดินหน้าประเทศไทยร่วมกัน แน่นอนครับอีกด้านหนึ่งแผนของผมย่อมได้รับการวิจารณ์ติติงด้วยเป็นธรรมดาซึ่งผมรับฟังเสมอ แต่วันนี้ผมอยากให้ผู้วิจารณ์เสนอทางออกที่ดีกว่าด้วย
      คำวิจารณ์ส่วนหนึ่งมุ่งไปที่ข้อกฎหมายซึ่งอาจเห็นต่างกันได้ แต่ผมยืนยันว่าแผนของผมยึดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด กรณีใดที่เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีบทบัญญัติก็ยึดตามเจตนารมณ์และประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ประเทศเดินหน้าได้"
      ตอนท้ายของเฟซบุ๊กนายอภิสิทธิ์ระบุว่า ไม่มีการ'ฉีกรัฐธรรมนูญ'หรือการ 'แช่แข็งประเทศ'แน่นอน สำหรับบรรดานักการเมืองที่ออกมาโจมตีนั้นผมไม่ขอตอบโต้ แต่รอข้อเสนอจากท่านเหล่านั้นที่ไม่ใช่เรื่องเดิมๆ ที่พาประเทศมาอยู่จุดนี้ และถ้าเป็นข้อเสนอที่ตนเองไม่ได้ประโยชน์ ด้วยจะยิ่งดีครับ"

'องอาจ'ปัดหาทางลงให้'สุเทพ'
       นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป.แถลงว่า ได้มีทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ ที่เสนอแนวทางปฏิรูปประเทศ ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ข้อ ว่าสาเหตุเกิดจากยังไม่ได้อ่านข้อเสนออย่างละเอียด หากอ่านอย่างละเอียดจะทราบว่าแผนดังกล่าวมีส่วนช่วยหาคำตอบให้กับประเทศ โดยไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของ ปชป. หรือเป็นการหาทางลงให้กับกลุ่ม กปปส. รวมทั้งทำลายล้างฝ่ายรัฐบาลและ พท. หากข้อเสนอดังกล่าวสามารถเดินหน้าไปได้ จะก่อให้เกิดจุดดี 5 ประการ ประกอบด้วย 1.หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าความรุนแรงและการนองเลือด 2.ระงับเงื่อนไขที่นำไปสู่การปฏิวัติ 3.ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากความขัดแย้งทางการเมือง 4.เปิดโอกาสให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทำหน้าที่โดยไร้แรงกดดัน และ 5.ปกป้องการฉีกรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความจริงใจและพร้อมเสียสละใน

ระยะเวลา 5-6 เดือน ขอให้นำข้อเสนอมาเป็นกุญแจไขเพื่อนำไปสู่ทางออกและหาคำตอบให้กับประเทศ 

'ชวนนท์'ให้'ปู'ดูสภาพพี่ชาย
      นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป. กล่าวว่า นักกฎหมาย พท.ต่างออกมาปฏิเสธว่า ได้รับผลประโยชน์จากการรับใช้ตระกูลชินวัตรมาอย่างต่อเนื่อง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องหนีไปต่างประเทศ ขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดูสภาพพี่ชายตัวเอง คนเหล่านี้หวังแค่อยู่ในอำนาจแต่ไม่ต้องรับผิดชอบในกรณีเกิดความสูญเสีย คนที่ต้องรับผิดชอบคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พิจารณาด้วยตัวเอง ถ้าจะหารือกับใครก็ควรจะปรึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ แบบพี่น้อง เพื่อตัดสินใจว่าจะนำประเทศไปสู่จุดอับเกิดการตาย ฉีกรัฐธรรมนูญ เผชิญหน้า ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือจะหยุดความสูญเสีย ปฏิรูปภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ ไม่มีการปฏิวัติ ไม่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จากนั้นภายใน 5-6 เดือน น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถกลับมาทำงานการเมือง การเลือกตั้งเดินหน้าได้ ในขณะที่นายอภิสิทธิ์จะเว้นวรรคการเมืองอย่างน้อย 2 ปี ให้ถามใจตัวเองว่าจะเริ่มต้นแบบไหน จะประคับประคองแก้วิกฤตที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมก่อให้เกิดขึ้นหรือไม่"

      นายชวนนท์กล่าว และว่า เป็นโอกาสสำคัญที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเลือกทางเดินและอนาคตของตัวเองว่า จะจารึกชื่อในประวัติศาสตร์อย่างไร หากไม่มีความพยายามจากทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหา ก็ทำนายได้ว่าประเทศไทยจะเดินเข้าสู่อะไร ความขัดแย้งระหว่างมวลชน ความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการปราบปรามมวลชน เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เลือกได้ เพราะไม่มีประเด็นใดในข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ที่อยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญ ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่แน่ใจก็นัดพบนายอภิสิทธิ์ได้ทุกเวลาว่าสามารถทำใน 10 ขั้นตอนที่เสนอได้หรือไม่

แนะนายกฯหยุดฟังรัฐมนตรี
    นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษก ปชป. กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าการผลักดันการเลือกตั้งวันที่ 20 กรกฎาคม ว่าหากไม่สำเร็จจัดเลือกตั้งใหม่ก็จะใช้เวลาไปเรื่อยๆ แต่ประเทศหาทางออกไม่ได้ เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมองอนาคตด้วย ต้องแก้ปัญหาระยะยาวไม่ใช่แก้เฉพาะหน้าแล้วสร้างปัญหาใหม่ อย่าไปฟังคนที่มีผลประโยชน์เช่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือจะปรึกษาหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้ในการหาทางออกให้ประเทศไทย

'สุรชัย'ออกตัวอย่ารีบปัด'มาร์ค'
    นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะข้อที่ 6 การตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ให้ประธานวุฒิสภาเป็นฝ่ายสรรหา ว่ายังไม่อยากให้ความเห็น เกรงว่าจะมีการนำไปเชื่อมโยงต่อการดำเนินการเลือกประธานวุฒิสภาที่กำลังจะมีขึ้น เบื้องต้นกำลังศึกษาข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ ส่วนตัวมองว่าการแก้ปัญหาความขัดแย้งจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายก่อน แต่มีรัฐมนตรีหลายคนแสดงความคิดในเชิงปฏิเสธ จึงอยากให้ทุกฝ่ายอย่าปฏิเสธเพียงอย่างเดียว ขอให้ช่วยกันเสนอแนะข้อคิดเห็นเพิ่มเติมด้วย เพราะแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีสูตรเดียว แต่อาจจะมีหลายสูตรเพื่อมาผสมรวมกันให้เป็นทางออกของประเทศได้

อาจารย์จุฬาฯแนะความเห็น
     นายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจตัดสินใจในฝั่ง พท.ให้ค่ากับการเว้นวรรคของนายอภิสิทธิ์ มากเท่ากับที่นายอภิสิทธิ์ให้ค่ากับการเว้นวรรคของตัวเองแค่ไหน ทั้ง 10 ข้อเสนอนายอภิสิทธิ์พุ่งตรงไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจสุดท้ายจริงๆ ไม่ว่าทางฝั่ง พท.รวมทั้ง นปช.ต้องดูว่าใครมีอำนาจตัดสินใจ 
     "ถ้าทุกขั้วที่ขัดแย้งทางการเมืองเห็นพ้องต้องกันก็จะสามารถดำเนินต่อไป หรือกฎหมายตีความรัฐธรรมนูญไปทางเดียวกัน อย่าลืมว่ามีการตีความจากทั้งสองฝ่าย สองแบบ ตอนนี้แต่ละพรรคการเมืองยังรับไปหารือกันอยู่"นายไชยันต์กล่าว 

กกต.ยันส่งร่างช้าไม่กระทบ 20 ก.ค.
    นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า การประชุม กกต.วันที่ 6 พฤษภาคม ที่ประชุมจะมีการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) แก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป หากเห็นว่าร่างดังกล่าวสมบูรณ์ครบถ้วนถูกต้องแล้วและที่ประชุมมีมติเห็นชอบเรียบร้อย ทาง กกต.ก็จะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาในวันดังกล่าวทันที แต่หากเห็นว่าร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์หรือต้องมีการแก้ไขปรับปรุงเนื้อหาบางส่วน ก็มีความจำเป็นอาจจะต้องส่งให้ ครม.พิจารณาในภายหลัง ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำหนดการการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 20 กรกฎาคมแน่นอน ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป.เสนอแนวทางปฏิรูปประเทศโดยขอให้ชะลอการจัดการเลือกตั้งวันที่ 20 กรกฎาคมออกไปก่อน ส่วนตัวยังไม่เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนว่าหัวหน้า ปชป.เสนอแนวทางใดบ้าง เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจ หากรัฐบาลเห็นด้วยกับข้อเสนอนายอภิสิทธิ์ ขอให้แจ้งมายัง กกต. แต่หากไม่มีท่าทีใดๆ กกต.ก็พร้อมเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 20 กรกฎาคม ส่วนการเลือกตั้งจะเกิดความสำเร็จหรือไม่นั้นก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ยืนยันว่า กกต.จะทำหน้าที่ตรงจุดนี้ให้ดีที่สุด

พร้อมถกข้อเสนออภิสิทธิ์6 พ.ค.นี้
     นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ได้ขอเข้าพบ กกต.และเสนอแนวทางการปฏิรูปการเลือกตั้ง ข้อเสนอบางส่วน กกต.มีการดำเนินการอยู่ ขณะที่บางส่วน กกต.ก็จะรับไว้พิจารณา แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์ได้แถลงแผนปฏิรูปประเทศออกมาอย่างเป็นทางการ กกต.ก็คงจะหยิบประเด็นดังกล่าวมาปรึกษาหารือร่วมกันในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ ขณะนี้มีหลายเสียงสะท้อนออกมาต่างๆ นานา ต้องการให้ กกต.เดินหน้าและชะลอการเลือกตั้ง ผลการหารือจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต.ทั้ง 5 คน

'นิคม'เตือนเลือกปธ.วุฒิฯ
      นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า การเลือกประธานวุฒิสภาไม่เคยมีการทำในการประชุมสมัยวิสามัญ อีกทั้งการประชุมในสมัยประชุม พ.ร.ฎ.ได้กำหนดกรอบทำหน้าที่ของวุฒิสภาไว้ชัดเจนมีเพียง 2 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมาธิการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิศาลปกครอง และ 2.ตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เท่านั้น การดำเนินการเพื่อลงมติเลือกประธานวุฒิสภาจึงสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าดำเนินการนอกเหนือไปจากที่ พ.ร.ฎ.กำหนด และศาลก็จะต้องรับไว้พิจารณาอย่างแน่นอน เพราะเอกสิทธิ์ที่คุ้มครองการลงมติของ ส.ส.และ ส.ว.ในมาตรา 130 ไม่ได้รับการคุ้มครองแล้ว เนื่องจากตนและเพื่อน ส.ว.จำนวน 36 คน ขนาดดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ที่มีในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่ได้รับการคุ้มครอง ศาลน่าจะใช้มาตรฐานเดียวกัน

ชูศักดิ์เตือนนายกฯม.7เสี่ยงกลียุค
     นายชูศักดิ์ ศิรินิล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์'มติชน'ถึงแนวทางการต่อสู้คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 172 และมาตรา 173 มาใช้โดยอนุโลมว่า ความหมายของนายไพบูลย์ ผู้ร้องคือการให้วุฒิสภาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ของวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรีก็ตาม โดยกฎหมายแล้วเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร แนวทางการต่อสู้ข้อที่ง่ายที่สุด ซึ่งไม่มีความเป็นไปได้โดยเด็ดขาด เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยให้ใครก็ตามไปเลือกนายกรัฐมนตรีและที่สำคัญคือ ผู้ที่ทำหน้าที่
     ตามรัฐธรรมนูญ คือสภาผู้แทนราษฎร โดยมีประธานสภาผู้แทนเป็นผู้ลงนามรับสนองและถ้าจะอ้างช่องว่างของกฎหมายเพื่อใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ซึ่งเขียนว่าหากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ก็ให้ใช้ประเพณีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแต่งตั้งคนนอกมาเป็นนายกฯ ไม่ใช่ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อย่างชัดเจน ทำให้มีนักวิชาการ นักประชาธิปไตยออกมาคัดค้าน จนประเด็นนี้เงียบหายไป แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ก็ต้องเรียกว่าเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน บ้านเมืองคงเกิดกลียุค คิดว่าไม่มีทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ได้เลยในประเด็นนี้

ตั้งข้อสังเกตเป็นทฤษฎีสมคบคิด
      เมื่อถามว่าข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะข้อที่ 6 นายกฯและคณะรัฐมนตรีลาออก ที่เสนอมาจะมีผลต่อการสู้คดีหรือไม่และจะมีแนวทางต่อสู้อย่างไร นายชูศักดิ์กล่าวว่า ลาออกจากอะไร ลาออกจากการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 เพื่อให้เกิดสุญญากาศอย่างนั้นหรือ จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างนั้นหรือ ทางรัฐธรรมนูญทำได้หรือ เจตนาดูจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องวินิจฉัย ทำนองไม่มีวัตถุแห่งคดี อย่าทำให้ประชาชนคิดว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดดีกว่า

'จงรัก'พร้อมชิงเก้าอี้ปธ.วุฒิสภา
      พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวกรณีมีชื่อติดหนึ่งเป็นแคนดิเดตเข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ว่า หากเพื่อน ส.ว.เสนอชื่อตนก็มีความพร้อมเต็มที่ ส่วนเสียงสนับสนุนมากน้อยแค่ไหนยังไม่ทราบ ถามว่าพร้อมไหมก็ต้องตอบว่าพร้อม เพราะมีประสบการณ์การทำงานมาพอสมควร ผ่านเรื่องหนักๆ มามาก ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการเพื่อลงมติเลือกประธานวุฒิสภาอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนี้เป็นประเด็นที่มีความเห็นทางกฎหมายแตกต่างกัน ไปห้ามความคิดเห็นไม่ได้ แต่ขณะนี้เป็นมติของที่ประชุมแล้ว ก็สุดแล้วแต่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาจะตัดสินใจ

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!