- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 31 October 2014 10:01
- Hits: 5225
'แม้ว-ปู'อุ้มแพนด้าโชว์ ดับข่าวลือ โดนรัฐบาลจีนรวบตัว ป้อมแจงพบทักษิณวันนี้ อีก5กมธ.บิ๊กสมเจตน์ปิ๋ว จี้คสช.เบรกฟันยิ่งลักษณ์ บิ๊กต๊อกให้มองแง่ดีตั้งเปา โปรดเกล้าเทียนฉายแล้ว
'ดิสทัต-กาญจนารัตน์-ปรีชา-วุฒิศักดิ์-พล.อ.ยอดยุทธ'นั่ง กมธ.ร่างฯสัดส่วน สนช. 'สมเจตน์'วืด
@ สนช.ประชุมเลือกกมธ.ร่าง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาวาระคัดเลือกผู้มีความเหมาะสมเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของ สนช.จำนวน 5 คน ซึ่งมีผู้ที่สมัครแสดงความประสงค์เป็น กมธ.จำนวน 11 คน ได้แก่ 1.พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม 2.นายดิสทัต โหตระกิตย์ 3.นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน 4.นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ 5.นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง 6.นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ 7.นายประมุท สูตะบุตร 8.พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ 9.นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ 10.พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ และ 11.นายปรีชา วัชราภัย ทั้งนี้ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ สมาชิก สนช.ได้ขอถอนตัว โดยให้เหตุผลว่า เพื่อหลีกทางให้นายดิสทัต เนื่องจากตนและนายดิสทัตมาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาเหมือนกัน การถอนตัวเพื่อจะได้มีความหลากหลายในการเข้ามาทำหน้าที่และสะดวกต่อการตัดสินใจของสมาชิก
@ 'ดิสทัต'คะแนนลิ่ว -'สมเจตน์'วืด
ต่อมานายพรเพชรแจ้งต่อที่ประชุมว่า การลงคะแนนครั้งนี้ให้เป็นการลงคะแนนลับ โดยให้สมาชิกเลือกได้ไม่เกิน 5 คน และหากคะแนนของสมาชิกผู้สมัครลำดับที่ 5 และ 6 มีคะแนนเท่ากันให้ใช้วิธีจับสลาก ทั้งนี้ นายพรเพชรได้แจ้งให้สื่อมวลชนและช่างภาพออกจากห้องประชุมและไม่ต้องการให้บันทึกภาพในช่วงลงคะแนน การลงคะแนนใช้เวลาเพียง 5 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บบัตรลงคะแนนไปให้คณะกรรมการนับคะแนน ซึ่งผลปรากฏว่าผู้ที่ได้คะแนนตามลำดับ ได้แก่ 1.นายดิสทัตได้ 175 คะแนน 2.นางกาญจนารัตน์ 167 คะแนน 3.นายปรีชา 149 คะแนน 4.นายวุฒิศักดิ์ 126 คะแนน และ 5.พล.อ.ยอดยุทธ 100 คะแนน
ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเป็น กมธ.ยกร่างได้แก่ พล.อ.สมเจตน์ได้ 85 คะแนน, นายทวีศักดิ์ 67 คะแนน, นายภัทรศักดิ์ 37 คะแนน, นายนิวัติ 26 คะแนน และนายประมุท 24 คะแนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานฉบับที่ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ.... ต่อมานายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ทางสำนักเลขาธิการ สนช.ต้องเดินทางไปถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่วัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ จึงขอเลื่อนระเบียบวาระการประชุมที่เหลือไปในวันที่ 31 ตุลาคม จากนั้นสั่งปิดการประชุมในเวลา 12.10 น.
@ เผยเบื้องหลัง'สมเจตน์'หลุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงคะแนนเพื่อเลือก กมธ.ยกร่างในสัดส่วนของ สนช. จำนวน 5 คน โดยเฉพาะตัวแทนของสายทหารมีผู้สมัครถึง 3 คน คือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ และ พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ ปรากฏว่า พล.อ.ยอดยุทธได้รับเลือกเพียงคนเดียว โดยมีคะแนนเบียดแซง พล.อ.สมเจตน์ เนื่องจากได้รับเสียงสนับสนุนจาก สนช.สายทหารที่ยังรับราชการอยู่ในกองทัพ ขณะเดียวกัน พล.อ.ยอดยุทธยังมีที่มาจากสายกำลังรบ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าเสียงที่สนับสนุน พล.อ.สมเจตน์ที่มีฐานมาจากกองทัพไทย ทำให้คะแนนเสียงที่มาสนับสนุนเป็นนายทหารนอกราชการเท่านั้น จึงขาดความใกล้ชิดกับนายทหารที่ยังอยู่ในราชการ ขณะที่ยังมี สนช.สาย อื่นๆ ลงคะแนนให้เพียงเล็กน้อย ส่วนโควต้าของ สนช.สายวิชาการที่เป็นการแข่งขันระหว่างนายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กับนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธานสภาคณาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปรากฏว่านายวุฒิศักดิ์สามารถเบียดแซงนายทวีศักดิ์ไปได้ เนื่องจากนายวุฒิศักดิ์มีตำแหน่งเป็นถึงอธิการบดี มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงวิชาการมากกว่านายทวีศักดิ์
อย่างไรก็ตาม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ได้วางแนวทางไว้ว่า ผู้ที่จะไปเป็น กมธ.ยกร่างจะต้องทำหน้าที่อย่างเสียสละเต็มเวลา และจะต้องไม่เป็นประธานคณะ กมธ.สามัญ ซึ่ง พล.อ.ยอดยุทธพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่งประธาน กมธ.การเกษตรและสหกรณ์
@ 'บิ๊กป๊อก'ชม 20 กมธ.หน้าตาดูดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงรายชื่อ 20 กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญสัดส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า "ผมคิดว่าก็ดีนะ ดูแล้วเป็นการคัดสรรภายในของ สปช.เอง ซึ่ง สปช.เป็นคนที่ถูกคัดเลือกมาครั้งหนึ่งแล้ว คิดว่าบุคคลที่ได้คัดเลือกเป็น กมธ.นี้จะเป็นที่ยอมรับ รายชื่อที่เห็นดูดี มีในทุกๆ สาขา" เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางไปประเทศจีน และเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่มีกำหนดการใดที่จะไปเข้าพบ เพราะกำหนดการที่ไปไม่ได้เป็นความลับ คณะที่ไปเป็นคณะราชการ ไม่สามารถทำนอกกำหนดการได้ และคงไม่มีวาระที่จะทำเช่นนั้น
@ 'จ้อน'ชี้พอใจ-หลากหลาย
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน และเลขานุการคณะกรรมาธิการประสานงานกิจการ สปช. (วิป สปช.ชั่วคราว) กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า กมธ.ยกร่างฯในสัดส่วน สปช. 20 คนเป็นที่น่าพอใจ มีความหลากหลายครอบคลุมในด้านสาขาครบทั้ง 11 ด้าน และระดับภาคครบทั้ง 4 ภาค อีกทั้งยังมีผู้หญิงเข้ามากว่า 20 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่มักจะมีเฉพาะนักกฎหมายและข้าราชการระดับสูง ยืนยันว่าการคัดเลือกนั้นไม่มีการล็อกสเปกและถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในก้าวแรก ส่วนที่มองว่ามีการร่างรัฐธรรมนูญไว้อยู่ก่อนแล้วนั้น ขออย่ามโนหรืออย่าคิดไปเอง เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น ให้ยึดว่านี่คือการทำรัฐธรรมนูญของคนไทย ไม่ใช่เพื่อใคร พิมพ์เขียวเป็นของประเทศไม่ใช่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อถามว่า กระแสข่าวว่า คสช.จะเสนอชื่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ว่าที่รองประธาน สปช.คนที่ 1 ให้เป็นประธาน กมธ.ยกร่างฯ นายอลงกรณ์กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ามีความเหมาะสม เพราะนายบวรศักดิ์มีความรู้ความสามารถ ได้รับการยอมรับจากสังคม และเป็นนักวิชาการที่ดีด้วย
@ 'มาร์ค'แนะคนมีทักษะมาร่าง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องถกเถียงกันมากคือโครงสร้างและอำนาจทางการเมืองมากกว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องทำงานหนักจึงควรมีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายและรัฐศาสตร์ อยากเห็นการเปิดกว้าง รับฟังสังคมว่าอะไรเป็นปัญหาในรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา อะไรเป็นปัญหาในระบอบการเมืองที่ผ่านมา อยากได้อะไร เช่น การมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการทำงานขององค์กรต่างๆ แต่คนที่มายกร่างฯมีหน้าที่ค่อนข้างเฉพาะ เป็นทักษะค่อนข้างเฉพาะเกี่ยวกับการเขียนรัฐธรรมนูญ ควรจะเอาคนที่มีทักษะในด้านการร่าง และมองเห็นการเชื่อมโยงของระบบ เพราะการรับฟังความเห็นบางทีไปฟังเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แล้วเอามาปะติดปะต่อ ถ้าระบบไม่สอดคล้องกันจะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
@ 'ธีรภัทร์'เตือนอย่าถอยหลัง
นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) กล่าวว่า เบื้องต้นคงยังไม่สามารถระบุได้ว่าแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นไปในทิศทางใด ต้องขอรอดูองค์ประกอบของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเต็มคณะและรอฟังแนวความคิดหลักของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับรูปแบบที่จะนำไปสู่การปกครองมีอยู่ 3 แบบ ประกอบด้วย รูปแบบแรก ประชาธิปไตยในลักษณะเดิม คือไม่มีการเปลี่ยนอะไรมาก เช่นยังคงระบบรัฐสภา แต่อาจปรับปรุงในเรื่องที่มาและจำนวนของ ส.ส. 2.ประชาธิปไตยแบบย้อนยุคหรือประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่สภาอาจมาจากทั้งการเลือกตั้งและแต่งตั้ง หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง และนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง และ 3.ประชาธิปไตยแบบก้าวหน้าที่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีโดยตรง ในระบบนี้หากเป็นไปได้จะดีมากและสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก แต่คงเป็นไปได้ยาก ทั้งนี้หาก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเลือกแนวทางถอยหลังก็เป็นอันตรายต่อประเทศ
@ 'เอนก'ยันกมธ.มีสติปัญญา
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิก สปช.ด้านการเมือง 1 ในกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า แต่ละคนอยู่กับคนเยอะ เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก มีการไปคุยกับคนมาแตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนฝากเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แต่เวลาพิจารณาจริงๆ กมธ.แต่ละคนมีสติปัญญาพอที่จะเลือกกลั่นกรองข้อมูลเพื่อส่วนรวมมากที่สุด ตอนนี้อย่าเพิ่งไปกังวลอะไร ต้องฟังความเห็นหลายด้านหลายทาง เพราะเมื่อถึงเวลาพิจารณาไม่ใช่เป็นการทำงานคนเดียว ต้องทำงานรวมกันทั้ง 36 คนที่ช่วยกันคิด ต้องคิดให้รอบด้าน รอบคอบเพื่อประโยชน์ของประเทศ
@ 'ปลอด'จวกกมธ.หลงตัวเอง
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า คนพวกนี้ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชน และผลที่ออกมาคงไม่ถูกใจประชาชน ขณะเดียวกันเชื่อว่าประชาชนคงมองออกว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่เกิดขึ้นจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ จากที่ สปช.โหวตเอาแต่คนภายใน สะท้อนให้เห็นว่า สปช.มีความมั่นใจในตัวเองมาก ใจแคบ และหลงว่าตัวเองคือผู้แทนของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ไม่ได้คาดหวังกับรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
@ โปรดเกล้าฯปธ.-รองปธ.สปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษามีการเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ 1.นายเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ 2.นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ คนที่ 1 3.น.ส.ทัศนา บุญทอง เป็นรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ คนที่ 2 ประกาศ ณ วันที่ 30 ตุลาคม
ขณะที่นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะมีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00 นาฬิกา ที่บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1
@ ทีมโฆษกห่วง'บิ๊กตู่'แจงมาก
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมมอร์นิ่งบรีฟ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้นำข้อห่วงใยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการเสนอข่าวของรัฐบาลที่ยังไม่ครอบคลุม เนื่องจากที่ผ่านมานายกฯเป็นผู้ให้สัมภาษณ์และชี้แจงเพียงคนเดียวจนถูกครหาว่าพูดมากเกินไป หากไม่พูดจะทำให้คนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำงานอะไรไปบ้าง หรือมีแต่การสั่งการอย่างเดียว ทำให้บางครั้งถูกมองว่านายกฯพูดและทำไม่ได้ ดังนั้น จากนี้ไปตนในฐานะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะประสานทำความเข้าใจไปกับรัฐมนตรีทุกกระทรวงในการหาช่องทางชี้แจงทำความเข้าใจงานต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจและรับรู้
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการที่จะพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ได้มีวาระอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่จะได้มีการพูดคุยกันบ้าง สำหรับช่วงนี้ที่ไม่ปรากฏเป็นข่าวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากป่วยท้องเสียต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล
@ 'บิ๊กต๊อก'แจงตั้งตุลาการเป็นกุนซือ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกรณีการแต่งตั้งนายอดุลย์ ขันทอง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมว่า อยากได้แนวคิดคนที่ทำงานในระบบศาล ที่ผ่านมานายอดุลย์มาช่วยดูข้อกฎหมาย ประสานงานทางศาล ตนดูงานกฎหมายทั้งระบบของรัฐบาลไม่ได้ใช้ในเรื่องที่ก้าวก่ายไปดูแลเรื่องคดี การร้องเรียนเพื่อประโยชน์ของประชาชนควรมีหน่วยงานที่ควรจะมีศาล เพื่อดูด้านกฎหมาย ดูแนวคิดของศาลมาช่วยงานในเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนร้องเข้ามา
"ผมเข้าใจจริยธรรมจรรยาบรรณของศาลที่ทางคณะกรรมการข้าราชการตุลาการ (ก.ต.) ออกมาระบุเช่นนั้น ผมได้กราบเรียนไปทางศาลยุติธรรมถึงความจำเป็น ขอความกรุณาพร้อมทำหนังสือไปขอตัวนายอดุลย์มาเป็นที่ปรึกษา ผมยังเรียนท่านว่า ผมไม่มีเจตนาไปในทางอื่น ขอให้มองในแง่บวก ผมเข้าใจเรื่องการไม่ก้าวก่าย ผมอยากให้กระบวนการยุติธรรมสมบูรณ์ และตัวผมเองก็ไม่มีความรู้ด้านกฎหมายมากนัก มันจะเป็นประโยชน์กับผมที่จะทำประโยชน์ให้ประชาชน" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
@ 'นิพิฏฐ์'เตือนวิกฤตรอบใหม่
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลและรัฐมนตรีทุกกระทรวงตั้งหลักให้ดีในการจะขอบุคคลจากศาลหรือผู้พิพากษามาเป็นที่ปรึกษาหรือคณะทำงาน ว่าที่สุดแล้วจะเป็นการทำลายระบบศาลและกระบวนการยุติธรรมไทยซ้ำเติมลงไปอีก วันนี้รัฐมนตรีในรัฐบาลที่มาจาก คสช.ยังพยายามดึงเอาบุคลากรจากฝ่ายตุลาการเข้ามาในวังวนของการเมือง ทั้งที่ฝ่ายตุลาการได้ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าไม่อยากเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอย้ำเตือนไปยัง คสช.ที่ยังไม่รู้ต้นเหตุความขัดแย้ง ว่าหากจะยังพยายามดึงบุคลากรจากฝ่ายตุลาการเข้ามาอีกที่สุดจะเป็นการทำผิดซ้ำซ้อนและสร้างวิกฤตตุลาการรอบใหม่ขึ้น
@ สนช.เปิดคดีถอดถอน'ปู'
ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีโครงการรับจำนำข้าวว่า ในการประชุม สนช.นัดพิเศษในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นการประชุมเพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดี พร้อมกับพิจารณาสำนวน โดยที่คู่ความมีสิทธิขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมได้ หากเห็นว่าสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่ครบถ้วน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา จะใช้เวลาไม่เกิน 25 วันนับจากวันประชุมนัดแรก
@ 'บิ๊กกี่'ปัดไร้ล็อบบี้ปมถอดถอน
พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิก สนช. ในฐานะที่ปรึกษา คสช. กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ว่า ไม่ทราบจริงๆ ว่าจะผลจะออกมาเช่นไร ขอยืนยันว่าข้อตกลงของ สนช.หลังจากนี้จะดำเนินการอะไรต้องยึดข้อกฎหมายเป็นหลัก สู้กันด้วยกฎหมาย จะไม่มีการล็อบบี้อย่างที่เป็นข่าวอีกต่อไป เพื่อให้เสียงส่วนใหญ่ออกมาเป็นแนวทางเดียวกันอย่างแน่นอน และหลังจากนี้ผลออกมาเป็นอย่างไรต้องยอมรับ ส่วนสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะใช้หลักกฎหมายพิจารณาเช่นเดียวกัน ตอนนี้สำนวนดังกล่าวตอบอะไรไม่ได้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะสมาชิก สนช.เพิ่งได้รับข้อมูลสำนวนคดีดังกล่าว
@ 'อำนวย'วอนอย่าเร่งถอด'ปู'
นายอำนวย คลังผา อดีตคณะกรรมการประงานสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และอดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอร้องประธาน สนช.อย่าเร่งรีบมาก อยากให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอให้แยกเรื่องข้าวตั้งแต่สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลว่าเสียหายเท่าไร ขายไปเท่าใด และเหลือในปัจจุบันเท่าไร ไม่ใช่เหมาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว อีกทั้งตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธาน ได้มอบหมายให้คนอื่นทำหน้าที่การประชุมแทน จึงต้องสอบสวนผู้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมขณะนั้น ไม่ใช่มาตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากข้าวเสียหายก็ต้องโทษเจ้าของโกดัง ต้องเร่งดำเนินการคดี ต้องตรวจสอบตั้งแต่รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดี พาณิชย์จังหวัด เซอร์เวเยอร์ องค์การคลังสินค้า (อสค.) เจ้าของโกดัง ธ.ก.ส. อย่าเร่งรีบร้อนเกินไป
@ คสช.เครียดปมฟันยิ่งลักษณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า คสช.มีความวิตกและห่วงใย กรณี สนช.จะพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันที่ 12 พฤศจิกายนี้ ทั้งนี้ แม้เสียง สนช.ค่อนข้างเป็นเอกภาพ แต่ก็หวั่นว่าการโหวตประเด็นนี้อาจเป็นปัญหาขึ้นได้ เนื่องจาก สนช.จำนวนหนึ่งมีท่าทีต้องการให้ถอดถอนชัดเจน ในขณะที่ คสช.มองเห็นถึงความยุ่งยากในทางการเมือง และไม่อยากเผชิญปัญหาความขัดแย้งหลายด้าน ที่อาจมีผลกระทบต่อการปฏิรูปประเทศครั้งนี้
@ 'เหวง'วอนคสช.ยื่นมือเบรก
นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. กล่าวว่า อยากให้ทาง คสช.ยื่นมือเข้ามาแทรกแซง เพราะ คสช.ได้ประกาศหนังสือออกมา ฉบับที่ 63/57 ว่าจะรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม หากไม่ยื่นมือเข้ามายับยั้งก็แสดงว่าประกาศฉบับดังกล่าวไม่มีความจริงใจในการรักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม หากยังมีการเดินหน้าเร่งรัดเร่งรีบอยู่ ก็แสดงว่า ป.ป.ช.กำลังทำผิดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือไม่ หากเป็นแบบนั้นอาจทำให้ความรู้สึกของประชาชนที่จับตามองการทำงานของ ป.ป.ช.เกิดความคิดว่าไม่เป็นธรรมต่ออดีตนายกฯ เหมือนเป็นการอาฆาตกันไม่จบสิ้น จะก่อให้เกิดความขัดแย้งยุ่งเหยิงของประเทศขึ้นมาอีกครั้งได้
@ เกลี่ยคนอกหักนั่งกมธ.วิสามัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิก สปช. เป็นประธาน กมธ. ได้มีการหารือถึงการวางกรอบปฏิทินขั้นตอนการผ่านร่างข้อบังคับการประชุมที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์เศษ เมื่อผ่านการพิจารณาจากสภา 3 วาระแล้ว ก็จะเป็นการตั้งคณะ กมธ.วิสามัญ 17 คณะ และคณะ กมธ.วิสามัญทั่วไป 4 คณะ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมรับรองในวันที่ 17 พฤศจิกายนต่อไป โดย กมธ.วิสามัญ 17 คณะ อาทิ การเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น ส่วนคณะ กมธ.วิสามัญทั่วไปอีก 4 คณะ คือ 1.การรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วม 2.ประชาสัมพันธ์เพื่อการปฏิรูป 3.ติดตามให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ 4.การจัดทำวิสัยทัศน์และรูปแบบอนาคตประเทศไทย นอกจากนี้ คณะ กมธ.ยกร่างข้อบังคับฯยังได้เสนอให้มีการเยียวยาผู้สมัครรับการสรรหา สปช.ที่พลาดตำแหน่งกว่า 7,000 คน เข้ามามีส่วนร่วมในคณะ กมธ.วิสามัญด้านต่างๆ โดยมอบให้รัฐบาลเป็นผู้ทำหน้าที่สรรหาตัวแทนเข้ามาทำหน้าที่ไม่เกินด้านละ 7 คน
@ 'ปู'โพสต์รูป'แม้ว'สยบข่าวถูกจับ
วันเดียวกันมีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทางการจีนจับกุมตัวระหว่างท่องเที่ยวอยู่ในประเทศจีน ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวประเทศจีนร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย อุ้มแพนด้า พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "แวะไปสวนสัตว์แพนด้าที่เมืองเฉิงตู ในมณฑลเสฉวนของจีน ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่มีแพนด้าอยู่สองชนิดค่ะ คือ แพนด้าที่เราคุ้นเคย คือแพนด้าที่นี่เขาเรียกว่า Giant Panda มีอยู่ประมาณ 2,000 ตัว ในโลก กับแพนด้าแดง หรือ Red panda นิสัยจะดุกว่าหน่อย เลยไม่ได้เข้าใกล้เพราะเขาขี้อาย อยู่ตามต้นไม้ พบได้ใน ประเทศจีน เนปาล อินเดีย ทิเบต ภูฏาน และพม่า มีราว 5,000 ตัว จากทั่วโลก เสียดายวันนี้ไม่ได้เจอหลินปิงที่น้องๆ คิดถึง เพราะหลินปิงถูกเลี้ยงไว้อีกที่หนึ่งที่เขาต้องอนุรักษ์ให้อยู่ตามธรรมชาติและดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ก็ประทับใจที่ได้อุ้มหมีแพนด้าอายุ 3 เดือน และอัดคลิปแพนด้ามาฝากเด็กๆ ด้วยค่ะ"
นอกจากนั้น เฟซบุ๊ก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงคลิปภาพเคลื่อนไหว ความยาว 58 วินาที โดยมีผู้แปลภาษาอธิบายอิริยาบถต่างๆ ของแพนด้า ที่เจ้าหน้าที่บรรยายเป็นภาษาจีนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และน้องไปป์ ฟัง นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเข้ามาทักทาย พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
@ 'แม้ว'ขำข่าวทางการจีนจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์รูปภาพในอิริยาบถต่างๆ ของตน ด.ช.ศุภเสกข์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ในระหว่างการพักผ่อนเยี่ยมชมแพนด้า พร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นการกลบกระแสข่าวลือหนาหู ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนเช่นกัน
เช่นเดียวกับ "อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้โพสต์รูปและข้อความการพักผ่อนของบิดาและครอบครัว อย่างไรก็ตาม คนใกล้ชิดระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณถึงกับหัวเราะเมื่อทราบข่าวลือที่เกิดขึ้น
@ 'บิ๊กป้อม'เปิดให้สื่อสัมภาษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิก คสช. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายธีรัชย์ อัตนวานิช ผอ.สำนักบริหารการระดมทุนโครงการลงทุนภาครัฐ รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมด้วยคณะ จะเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่ 31 ตุลาคม ในเวลา 21.30 น. โดยเที่ยวบิน ทีจี615 สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเดินทางไปเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญ รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ประเด็นกระแสข่าวว่ามีการพบปะกับ พ.ต.ท.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์