WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8738 ข่าวสดรายวัน

'สนช.'เคาะโควตา อีก 5 คน'สมเจตน์'วืดกมธ. '
ดิสทัต-อธิการรามฯ'ตีตั๋ว โปรดเกล้าฯแล้วปธ.สปช. บิ๊กตู่ถกฮุนเซน-เฝ้าสีหมุนี ทักษิณสยบลือจีนล็อกตัว โชว์ภาพอุ้มแพนด้ากับ'ปู'


เข้าเฝ้าฯ - พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา ระหว่างการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทาง การ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 

        สนช.เคาะแล้ว 5 กรรมาธิการยกร่างรธน. 'สมเจตน์ บุญถนอม' ปิ๋ว สมาชิกโหวตลับเลือก 'ดิสทัต-กาญจนรัตน์-ปรีชาวุฒิศักดิ์-ยอดยุทธ'ไปร่วมกับ 36 อรหันต์ปั้นกติกาประเทศ ด้าน'เอนก เหล่าธรรมทัศน์'ระบุเสียงเดียวตัวแทนม็อบนกหวีดไม่ส่งผลต่อรธน. 'บิ๊กตู่'บินพนมเปญหารือ 'สมเด็จฮุนเซน'ก่อนจะลงนามในเอ็มโอยู 3 ฉบับ เตรียมบินจีนประชุมเอเปกต้นเดือนนี้ ด้าน'แม้ว-ปู-ไปป์'เยือนสวนสัตว์เมืองเฉิงตู อุ้มแพนด้าโชว์สยบข่าวลือถูกรัฐบาลจีนจับส่งกลับประเทศ ไทย 'อุ๊งอิ๊ง'ยันบิดาอยู่สบายดี

สนช.ได้แล้ว 5 กมธ.ยกร่างรธน.
        เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย เป็นประธานการประชุม เป็นการพิจารณา(กมธ.)ในวาระคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของ สนช.จำนวน 5 คน ซึ่งมีผู้ที่สมัครแสดงความประสงค์จำนวน 11 คน ได้แก่ 1.พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม 2.นายดิสทัต โหตระกิตย์ 3.นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน 4.นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ 5.นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง 6.นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ 7.นายประมุท สูตะบุตร 8.พล.อ. นิวัติ ศรีเพ็ญ 9.นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ 10.พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ และ 11.นายปรีชา วัชราภัย 
      ต่อมานายพรเพชร แจ้งต่อที่ประชุมว่า การลงคะแนนครั้งนี้ให้ลงคะแนนลับ โดยให้สมาชิกเลือกได้ไม่เกิน 5 คน หากคะแนนของสมาชิกผู้สมัคร ลำดับที่ 5 และ 6 มีคะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับสลาก ซึ่งการลงคะแนนครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 5 นาที 
       จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เก็บบัตรลงคะแนนไปให้คณะกรรมการนับคะแนน ผลปรากฏว่าผู้ที่ได้คะแนนตามลำดับ ได้แก่ 1.นายดิสทัต ได้ 175 คะแนน 2.นางกาญจนารัตน์ 167 คะแนน 3.นายปรีชา 149 คะแนน 4.นายวุฒิศักดิ์ 126 คะแนน และ 5.พล.อ.ยอดยุทธ 100 คะแนน
       ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นกมธ.ยกร่างฯ ได้แก่ พล.อ.สมเจตน์ 85 คะแนน นายทวีศักดิ์ 67 คะแนน นายภัทรศักดิ์ 37 คะแนน นายนิวัติ 26 คะแนน และนายประมุท 24 คะแนน

เผยเบื้องหลัง'สมเจตน์'พ่ายมติ
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสนช. นายพรเพชรแจ้งต่อที่ประชุมถึงผลการคัดเลือกประธานกมธ.สามัญประจำสนช. ไปเป็นกรรมการสถาบันพระปกเกล้า ตามข้อบังคับที่กำหนดให้ส.ส. ส.ว.คัดเลือกตัวแทนไปเป็นกรรมการว่า มีผู้ได้รับเลือก 3 คน ดังนี้ 1.นายตวง อันทะไชย 2.นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ และ 3.นายกล้านรงค์ จันทิก โดยจะทำหน้าที่จนกว่าจะมีสภาชุดใหม่ 
      สำหรับ การลงคะแนนเพื่อเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของ สนช. 5 คน โดยเฉพาะตัวแทนของสายทหาร มีผู้สมัครถึง 3 คน คือ พล.อ.สมเจตน์ พล.อ.ยอดยุทธ และพล.อ.นิวัติ ปรากฏว่าพล.อ.ยอดยุทธ ได้รับเลือกเพียงคนเดียว โดยมีคะแนนเบียดแซง พล.อ.สมเจตน์ เนื่องจากได้รับเสียงสนับสนุนจากสนช.สายทหาร ที่ยังรับราชการอยู่ในกองทัพ ขณะเดียวกัน พล.อ.ยอดยุทธ ยังมาจากสายกำลังรบ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าเสียงที่สนับสนุน พล.อ.สมเจตน์ ขณะที่มีสนช. สายอื่นๆ ลงคะแนนให้เพียงเล็กน้อย 
       ส่วนโควตาของสนช.สายวิชาการ ที่แข่งขันระหว่าง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กับนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธานสภาคณาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ปรากฏว่า นายวุฒิศักดิ์ เบียดแซงนายทวีศักดิ์ ไปได้เนื่องจาก นายวุฒิศักดิ์ มีตำแหน่งเป็นถึงอธิการบดี มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงวิชาการมากกว่านายทวีศักดิ์
        อย่างไรก็ตาม นายพรเพชร วางแนวทางไว้ว่า ผู้ที่เป็นกมธ.ยกร่างฯ จะต้องทำหน้าที่อย่างเสียสละเต็มเวลา และต้องไม่เป็นประธานกมธ.สามัญ เพราะมีภาระหน้าที่มาก ซึ่งพล.อ.ยอดยุทธ ได้ตอบรับแนวทางดังกล่าว และพร้อมลาออกจาก ประธานกมธ.การ เกษตรและสหกรณ์ 

โปรดเกล้าฯแล้วปธ.สปช.-รองปธ.
         วันเดียวกัน มีประกาศแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่สปช. ได้ลงมติ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2557 เลือกสมาชิก สปช. ให้เป็นประธาน และรองประธาน สปช. คือ 1.นายเทียนฉาย กีระนันทน์ เป็นประธาน สปช. 2.นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธานสปช. คนที่ 1 3.นางสาวทัศนา บุญทอง เป็นรองประธานสปช.คนที่ 2 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงแต่งตั้งให้ผู้มีนามดังกล่าวเป็นประธาน และรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ต.ค. 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
       นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสปช. เปิดเผยว่า จะจัดพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตำแหน่งประธานและรองประธานสปช.ในวันที่ 3 พ.ย. เวลา 08.00 น.

'จ้อน'พอใจ 20 กมธ.-ลั่นหนุน'ปื๊ด'
        เมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสปช. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการสปช. (วิปสปช.) ชั่วคราว กล่าวถึงภาพลักษณ์ของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของสปช. 20 คน มีความเหมาะสมหรือไม่ว่า สังคมจะเป็นผู้ตอบเอง แต่ส่วนตัวมองว่าน่าพอใจ มีความหลากหลาย ครอบคลุมครบทั้ง 11 ด้าน และระดับภาคครบทั้ง 4 ภาค อีกทั้งยังมีผู้หญิงเข้ามากว่า 20 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นผู้ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งต่างจากในอดีตที่มักมีเฉพาะนักกฎหมายและข้าราชการระดับสูง ยืนยันว่าการคัดเลือกกมธ.ยกร่างฯสัดส่วนของสปช. ไม่มีการล็อกสเป๊กและถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในก้าวแรก ส่วนที่มองว่ามีการร่างรัฐธรรมนูญไว้อยู่ก่อนแล้ว ขอว่าอย่ามโนหรือคิดไปเอง เพราะเรื่องยังไม่เกิดขึ้น ให้ยึดว่านี่คือการทำรัฐธรรมนูญของคนไทย ไม่ใช่เพื่อใคร พิมพ์เขียวเป็นของประเทศ ไม่ใช่ของคสช.
       เมื่อถามถึงกระแสข่าวคสช. จะเสนอชื่อนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสปช.คนที่ 1 เป็นประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นายอลงกรณ์กล่าวว่า เหมาะสม เพราะนายบวรศักดิ์ มีความรู้ ความสามารถ ได้รับการยอมรับจากสังคมและเป็นนักวิชาการที่ดีด้วย
        นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิกสปช. ในฐานะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนสปช. กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสปช.และกมธ.ยกร่างฯระบุจะร่างรัฐธรรมนูญตามสัญญามวลมหาประชาชนว่า แต่ละคนก็อยู่กับคนเยอะ เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก มีการไปคุยกับคนมาแตกต่างกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะมีคนฝากเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แต่เวลาพิจารณาจริงๆ กมธ.แต่ละคนมีสติปัญญาพอจะเลือกกลั่นกรองข้อมูลเพื่อส่วนร่วมมากที่สุด ดังนั้น อย่าเพิ่งกังวล เราต้องฟังความเห็นหลายด้านหลายทาง เพราะเมื่อถึงเวลาพิจารณาไม่ใช่ทำงานคนเดียว ต้องทำร่วมกันทั้ง 36 คนที่ช่วยกันคิด ก็ต้องคิดให้รอบด้าน รอบคอบ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศ

วิปสปช.ตั้งกมธ.วิสามัญ 17 ด้าน
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกมธ.ยกร่างข้อบังคับการประชุมสปช. ที่มี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกสปช. เป็นประธานกมธ. ได้หารือถึงการวางกรอบปฏิทินขั้นตอนการผ่านร่างข้อบังคับการประชุม ที่คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์เศษ ขณะนี้กมธ.อยู่ระหว่างทบทวนความพร้อมของร่างข้อบังคับ ก่อนสรุปรายงานเสนอต่อประธานสปช. เพื่อบรรจุเรื่องเข้าที่ประชุมรับหลักการวาระแรก ในวันที่ 3 พ.ย. 


พบฮุนเซน - สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้การต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธไมตรี เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ณ วิมานสันติภาพ

       ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นควรให้สมาชิกสปช.มีสิทธิแปรญัตติ เบื้องต้นกำหนดไว้ 2 วันคือวันที่ 4-5 พ.ย. จากนั้นจึงเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 10 พ.ย. เมื่อผ่านการพิจารณาจากสภา 3 วาระแล้ว จะตั้งกมธ.วิสามัญ 17 คณะ และกมธ.วิสามัญทั่วไป 4 คณะ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมรับรองในวันที่ 17 พ.ย. 
        สำหรับ กมธ.วิสามัญประจำสภาทั้ง 17 ด้าน มีดังนี้ 1.ด้านการเมือง 2.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 3.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 4. ด้านการปกครองท้องถิ่น 5.ด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 6.ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง 7.ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 8.ด้านพลังงาน 9.ด้านระบบสาธารณสุข 10.ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ 11.ด้านสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ 

แบ่งเก้าอี้ให้สปช.วืด 7 พันคนด้วย
       12.ด้านสังคม ชุมชน เด็กเยาวชน สตรี คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส 13.ด้านแรงงาน 14.ด้านการป้องกันและปราบปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบ 15.ด้านการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม เอกลักษณ์ของชาติ และค่านิยม 16.ด้านกีฬาและการท่องเที่ยว 17.ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา วิจัย และนวัตกรรม
        ส่วนกมธ.วิสามัญทั่วไปอีก 4 คณะ ดังนี้ 1.การรับฟังความเห็นและการมีส่วนร่วม 2.ประชาสัมพันธ์เพื่อการปฏิรูป 3.ติดตามให้ข้อเสนอแนะการยกร่าง รธน. และ 4.การจัดทำวิสัยทัศน์และรูปแบบอนาคตประเทศไทย 
       นอกจากนี้ กมธ.ยกร่างข้อบังคับฯ ยังเสนอให้มีการเยียวยาผู้สมัครรับการสรรหาสปช.ที่พลาดตำแหน่ง กว่า 7,000 คน ได้มีส่วนร่วมปฏิรูปประเทศในกมธ.วิสามัญด้านต่างๆ โดยมอบให้รัฐบาลเป็นผู้สรรหาตัวแทนเข้ามาทำหน้าที่ไม่เกินด้านละ 7 คน แต่ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมว่าจะเห็นตามที่ กมธ.ยกร่างข้อบังคับฯเสนอให้มีกมธ.วิสามัญ 17 คณะ กมธ.วิสมัญทั่วไป 4 คณะ และให้คนภายนอกมีส่วนร่วมหรือไม่

สุรชัย แจงนัดประชุมถอดถอน'ปู'
      ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีโครงการรับจำนำข้าวว่า ในการประชุมสนช.นัดพิเศษ วันที่ 12 พ.ย.นี้ จะประชุมเพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดี พร้อมพิจารณาสำนวน โดยที่คู่ความมีสิทธิ์ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมได้ หากเห็นว่าสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยังไม่ครบถ้วน จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 25 วัน นับจากวันประชุมนัดแรก คือวันแถลงเปิดคดี
       นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประธาน สนช.บรรจุวาระถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์กรณีทุจริตจำนำข้าวในวันที่ 12 พ.ย.นี้ว่า เรื่องนี้มีหลายส่วนเกี่ยวข้อง อยากให้สนช.แยกประเภทเรื่องข้าวให้ชัดเจน ตั้งแต่สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลว่ามีข้าวเสียหายเท่าไร ขายไปเท่าใดและเหลือในปัจจุบันเท่าไร ไม่ใช่เหมาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว อีกทั้งตอนที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ เป็นประธานได้มอบให้คนอื่นประชุมแทน จึงต้องสอบสวนผู้ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมขณะนั้น ไม่ใช่มาตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากข้าวเสียหายก็ต้องโทษเจ้าของโกดัง ต้องเร่งดำเนินคดี ต้องตรวจสอบตั้งแต่รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดี พาณิชย์จังหวัด เซอเวเยอร์ องค์การคลังสินค้า เจ้าของโกดัง ธ.ก.ส. อย่าเร่งรีบร้อนเกินไป 

พท.เตือน-รอบคอบอย่าเร่งรีบ
         นายอำนวย กล่าวว่า ขอร้องประธาน สนช.อย่าเร่งรีบมาก อยากให้ตรวจสอบให้รอบคอบก่อน ซึ่งตนเห็นด้วยที่จะมีการตรวจสอบ แต่ต้องทำให้รอบคอบ สนช.ต้องถกเถียงฐานความผิดให้ชัดเจน จึงขอความเป็นธรรมให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแลประชาชน อย่างพล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูแลประชาชน จ่ายเงินสนับสนุนชาวนาไร่ละ 1,000 บาทหรือการจำนำยุ้งฉาง 
        ที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ว่า ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงมีความเข้าใจถึงข้อเรียกร้องขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึก แต่เมื่อเทียบกับสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศแล้ว จำเป็นต้องเลือกเอาแนวทางที่ทำให้มีความสงบมากที่สุด บางครั้งเราต้องยอมใช้กฎหมายพิเศษนี้ และหากยกเลิกไป จะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งทุกคนน่าจะเข้าใจเพราะไม่ได้ส่งผลกระทบในชีวิตประจำวัน ย้อนไป 6-7 เดือนที่แล้ว จะเห็นว่าสถานการณ์ในประเทศมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ นายกฯพยายามทำงานให้ดีที่สุด เพื่อเดินหน้า ขอให้โอกาสและเวลา พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงาน

'หม่อมเหลน'เผยสรุปแล้วสอบข้าว
        ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ กล่าวว่า ขณะนี้อนุกรรมการตรวจสอบเสร็จและรายงานให้นายกฯและหัวหน้าคสช. รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ รับทราบแล้ว เหลือเพียงผลการตรวจสอบดีเอ็นเอในห้องแล็บ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งคาดว่าใกล้จะเสร็จแล้ว จากนั้นจะรายงานต่อกระทรวงพาณิชย์โดยตรง หากป.ป.ช. ต้องการข้อมูล เราจะส่งรายงานฉบับเดียวกับที่รายงานนายกฯไปให้ ส่วนผลแถลงอย่างเป็นทางการต้องรอให้กระทรวงพาณิชย์เป็น ผู้แถลงเอง เพราะคณะอนุกรรมการชุดนี้ทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว 
       ส่วนที่นายกฯระบุตัวเลขข้าวหายไป 1 แสนตันนั้น ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวคือผลการสำรวจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นข้าวคุณภาพหรือข้าวเสื่อมคุณภาพ ซึ่งคณะอนุกรรมการชุดนี้ ไม่มีหน้าที่แถลงตัวเลขยอด อย่างไรก็ตาม หัวหน้าทีมที่ลงลงพื้นที่ตรวจสอบทั้ง 100 ชุด ได้แจ้งความให้ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้องไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนผลตัวเลขยอดสรุปสุดท้ายหรือความรับผิดว่าต้องเป็นใครที่ปล่อยให้มีข้อบกพร่องหรือข้าวหายนั้นคาดว่านายกฯจะชี้แจงต่อประชาชนต่อไป

อดีตส.ส.เพื่อไทยติงตัวเลขบิ๊กตู่
       ด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบล ราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายกฯ ระบุผลตรวจสอบสต๊อกข้าว 18 ล้านตัน เป็นข้าวคุณภาพต่ำเกิน 70% มีข้าวดีเพียง 10% นอกนั้นเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพว่า แปลกใจเพราะวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ให้ข่าวว่าตรวจแล้วพบว่าข้าวคุณภาพดี มีเพียง 10% ที่มีปัญหา ซึ่งข้อมูลขัดแย้งไม่ตรงกัน ตกลงว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเอาตัวเลขไหนกันแน่ อย่ากลับไปกลับมาแบบนี้ ไม่ควรทำ 
      นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์บอกว่ามีข้าวหายไป 1 แสนตันช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงว่าได้ตรวจสอบโกดังรับฝากข้าวในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีข้าว 23.4 ล้านกระสอบ เสียหายไป 4,000 กว่ากระสอบ หรือประมาณ 200 ตัน ดังนั้น ตัวเลขข้าวหายเป็นแสนตันหรือ 2 ล้านกระสอบนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน


อุ้มแพนด้า - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ และน้องไปป์ นั่งถ่ายรูปกับหมีแพนด้าตัวน้อย ระหว่างเข้าเยี่ยมชมสวนสัตว์แพนด้า เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 30 ต.ค.

        ผมเห็นด้วยที่นายกฯ จะปราบปรามการทุจริตแต่ข้อมูลต้องชัดเจนกว่านี้ หากมีข้าวหายจริงต้องมีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าองค์การคลังสินค้า(อคส.) หรือ อ.ต.ก. จุดไหนโกงหรือข้าวหาย ดำเนินการได้เลยแต่ตัวเลขที่สับไปมาแบบนี้ ผมสงสัยว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ข้าวเสียถึง 70% เป็นไปได้หรือ เพราะเมื่อข้าวแปรรูปแล้ว สามารถเก็บได้ประมาณ 3 ปี แต่หากจะมีข้าวเสื่อมสภาพ 5-10% ก็อาจเป็นไปได้ หวังว่านายกฯ จะดูตัวเลขใหม่" นายสมคิดกล่าว

'บิ๊กป๊อก'ยันบิ๊กป้อมไม่เจอแม้ว
       ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงรายชื่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของ สปช.ว่า คิดว่าดี เพราะมาจากหลากหลายสาขา เป็นการคัดสรรภายในของ สปช.เอง ซึ่งสปช.ถูกคัดเลือกมาครั้งหนึ่งแล้ว ย่อมต้องเป็นที่ยอมรับ ส่วนกมธ.ยกร่างฯในส่วนของคสช.และครม.นั้น วันที่ 4 พ.ย.จะประชุมร่วมครม.และคสช. ซึ่งคงพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยการพิจารณาในส่วนของคสช.และของครม.ต้องประชุมแยกกัน
      เมื่อถามว่า นายบวรศักดิ์เหมาะเป็นประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนคิดท่านใดก็ได้ใน สปช. เพราะทุกคนต่างมีคุณสมบัติ ขอให้เป็นเรื่องของสปช.ดีกว่า ส่วนที่นายบวรศักดิ์ระบุการร่างรัฐธรรมนูญควรให้คู่ขัดแย้งเข้าร่วมด้วยนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า น่าจะดี เป็นความคิดที่มีเหตุผลในตัวเอง เพราะหากคู่ขัดแย้งเข้าร่วมปฏิรูป ผลการปฏิรูปจะเป็นที่ยอมรับ 
       พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม เดินทางไปประเทศจีน อาจพบกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า ไม่มีกำหนดการไปเข้าพบ เพราะกำหนดการที่ไปไม่ได้เป็นความลับ คณะที่ไปก็เป็นคณะข้าราชการ ไม่สามารถทำนอกกำหนดการได้ และคงไม่มีวาระที่จะทำเช่นนั้น ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลคงไม่สามารถทำกิจกรรมส่วนตัวเช่นนั้นได้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหายแก่คสช. ดังนั้น สื่อต้องช่วย อย่าทำให้สังคมเข้าใจผิดเพราะคงไม่มีใครไปทำเช่นนั้น 

เผย'บิ๊กตู่'บินจีนประชุมเอเปก
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกฯ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 วันที่ 9 - 11 พ.ย. ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีหัวข้อประชุมคือ "การสร้างอนาคตด้วยความเป็นหุ้นส่วนในเอเชีย-แปซิฟิก" โดยพล.อ.ประยุทธ์จะแสดงวิสัยทัศน์ และแลกเปลี่ยนทรรศนะกับผู้นำในหัวข้อการประชุมดังกล่าว ซึ่งการปรากฏตัวของพล.อ. ประยุทธ์ จะยืนยันบทบาทไทยต่อการมีส่วนร่วมในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ
        นอกจากนี้ นายกฯยังมีการหารือ ระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก โดยฝั่งไทย มีนาย ธวัชชัย ยงกิตติคุณ เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี และนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจให้ประเทศไทย และหารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจอื่นๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และผลักดันประเด็นความร่วมมือในระดับทวิภาคี

'ไก่อู'นัดทุกกระทรวงตีปี๊บผลงาน
        ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังประชุมมอร์นิ่งบรีฟ ว่า ที่ประชุมได้นำข้อห่วงใยของนายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เรื่องการเสนอข่าวของรัฐบาลที่ยังไม่ครอบคลุม โดยเฉพาะจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาหารือ เนื่องจากที่ผ่านมา นายกฯเป็นผู้ให้สัมภาษณ์และชี้แจงเพียงคนเดียวจนถูกครหาว่าพูดมากเกินไป ซึ่งหากไม่พูดก็จะทำให้คนไม่เข้าใจว่ารัฐบาลทำงานอะไรไปบ้าง หรือมีแต่การสั่งการอย่างเดียว ทำให้บางครั้งถูกมองว่า นายกฯพูดและทำไม่ได้ ดังนั้น จากนี้ไป ตนในฐานะรองโฆษกประจำสำนักนายกฯจะประสานทำความเข้าใจกับรัฐมนตรีทุกกระทรวง ในการหาช่องทางชี้แจง ทำความเข้าใจงานต่างๆ ให้ประชาชนเข้าใจและรับรู้ว่า รัฐบาลเดินหน้าทำงานและแก้ไขอะไรไปบ้าง
        ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้ที่ตนไม่ปรากฏเป็นข่าวก็ไม่ได้มีปัญหา แต่เนื่องจากป่วยท้องเสียต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลมา 1 คืน และพักรักษาตัวที่บ้านต่อ วันเดียวกันนี้จะร่วมคณะกับนายกฯเพื่อไปเยือนกัมพูชา

สพม.ชี้ 3 รูปแบบประชาธิปไตย
        ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) กล่าวถึงผลการคัดเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ 20 คนของสปช. ว่า เบื้องต้นคงยังไม่สามารถระบุได้ว่าแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นไปในทิศทางใด ต้องรอดูองค์ประกอบกมธ.เต็มคณะและรอฟังแนวความคิดหลักของกมธ. รูปแบบที่จะนำไปสู่การปกครองที่จะมีการปรับเปลี่ยนนั้นมีอยู่ 3 แบบ 1. ประชาธิปไตยในลักษณะเดิม คือไม่มีการเปลี่ยนอะไรมาก เช่นยังคงระบบรัฐสภา แต่อาจปรับปรุงในเรื่องที่มาและจำนวนของส.ส. 2.ประชาธิปไตยแบบย้อนยุคหรือประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่สภาอาจมาจากทั้งการเลือกตั้งและแต่งตั้งอย่างใดอย่างหนึ่ง และนายกฯที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง 3.ประชาธิปไตยแบบก้าวหน้าที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง มีการเลือกตั้งนายกฯ และคณะรัฐมนตรีโดยตรง ส่วนนักการเมืองที่ชอบทำผิดกฎหรือปฏิบัติในรูปแบบเดิม อาจสร้างบทลงโทษจำกัดพฤติกรรมทางการเมืองให้ชัดเจน ซึ่งเป็นไปได้จะดีมากและสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก แต่คงเป็นไปได้ยาก
       "แน่นอนว่า รายชื่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมา ไม่ใช่องค์กรประกอบของคนทุกฝ่าย ผู้แทนของฝ่ายตรงข้ามเข้ามามีส่วนน้อย ถ้าองค์ประกอบไม่หลากหลายความคิดก็จะกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือถ้ามีการกำหนดแนวทางของรัฐธรรมนูญไว้ล่วงหน้าโดยไม่ฟังเสียงของประชาชน อาจนำไปสู่การปฏิรูปประเทศที่ล้มเหลว เพราะเพียงแค่จะมารับฟังความคิดหรือประชาพิจารณ์ไม่เพียงพอ และยังไม่สะท้อนถึงการยอมรับ" ประธานสพม.กล่าว

มาร์คคาด 36 อรหันต์-ทำให้อุ่นใจ
       วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะได้รายชื่อครบในวันที่ 4 พ.ย.นี้ว่า หวังว่าเมื่อได้ครบทั้ง 36 คนแล้ว เราจะอุ่นใจพอสมควรว่าได้คนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ พร้อมรับฟังความเห็นต่าง และนำความเห็นเหล่านี้ไปประมวล สังเคราะห์ ออกแบบให้สอดคล้องกันและเขียนออกมาเป็นกฎหมายได้ อย่าลืมว่าสปช.มีหน้าที่ดูแลงานถึง 11 ด้าน ซึ่งหลายด้านเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญค่อนข้างน้อย เช่น การว่าด้วยเรื่องสิทธิเสรีภาพ หรือนโยบายแห่งรัฐ แต่สิ่งที่ต้องถกเถียงกันมากคือโครงสร้างและอำนาจทางการเมืองมากกว่า ดังนั้น กมธ.ยกร่างฯต้องทำงานหนัก จึงควรมีความเชี่ยวชาญในด้านกฎหมายและรัฐศาสตร์ ควรเอาคนที่มีทักษะในด้านการร่างและมองเห็นการเชื่อมโยงของระบบ เพราะการรับฟังความเห็น บางทีฟังเรื่องนั้นเรื่องนี้มา แล้วเอามาปะติดปะต่อ ถ้าระบบไม่สอดคล้องกันก็จะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์

ปปช.อุทธรณ์-คดีณัษฐนนท
        วันที่ 30 ต.ค. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติไม่เห็นด้วยและให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสูด กรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ลงโทษปลดคุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ออกจากราชการ ตามที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณีการจัดซื้อรถดับเพลิง และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกทม. โดยศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่าการกระทำของคุณหญิงณัษฐนนท เป็นเพียงความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และมิใช่กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ที่ป.ป.ช.จะมีอำนาจไต่สวน 
        นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยืนยันว่าป.ป.ช.มีอำนาจรับไต่สวนและชี้มูลความผิดตามมูลฐานความผิดทางวินัย ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งได้รับการยืนยันโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีคำพิพากษาต่อสำนวนการไต่สวนของป.ป.ช.ในหลายคดีไปแล้ว

'บิ๊กตู่'ถกฮุนเซน-เซ็น3เอ็มโอยู
         เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางถึงตึกไทยคู่ฟ้า ด้วย รถเบนซ์ส่วนตัวสีดำ ทะเบียน ญค 1881 สวมสูทสีกรมท่า ลงมาทักทายข้าราชการที่รอต้อนรับก่อนเข้าไปปฏิบัติภารกิจติดตามงาน
        จากนั้นเวลา 13.55 น. ที่บน.6 พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะ อาทิ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเยือนประเทศอาเซียนเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากประเทศพม่า 
         ต่อมาเวลา 14.45 น. (เวลาที่กรุงพนมเปญเท่ากับเวลาที่ประเทศไทย) พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมนางนราพร และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพนมเปญ โดยมีรมว.ข่าวสาร ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทยต้อนรับ ก่อนมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการที่สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชาโดยสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา และภริยา พร้อมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ 
        ขณะที่นางบุน รานี ภริยา สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา นำนางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯเยี่ยมชมศูนย์การสอนภาษาไทย ที่มหาวิทยาลัยพนมเปญ พร้อมรับฟังรายงานความเป็นมาของศูนย์การสอนภาษาไทย ระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ นางนราพร แสดงความยินดีที่ภาษาไทยเป็นที่นิยมของนักศึกษาและขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาและผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ผลักดันให้เปิดภาควิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาของประเทศในอาเซียนภาษาแรกที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย ซึ่งการเรียนรู้ภาษาไทยจะช่วยให้มีโอกาสศึกษาต่อและการทำงาน
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเยี่ยมชมแล้ว นางนราพร มอบอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่ศูนย์การสอนภาษาไทย โดยมีผู้แทนนักศึกษากล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทย จากนั้นภริยา นายกฯ เดินทางไปพระราชวังเขมรินทร์ เพื่อร่วมคณะนายกฯ เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชา และหารือกับภาคธุรกิจไทยในกัมพูชาและมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทย และเยี่ยมชม AEC Business Support Center
       เมื่อเวลา 15.10 น. นายกฯ พร้อมคณะ เข้าพบและหารือข้อราชการเต็มคณะกับนายกฯกัมพูชา โดยเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและบริเวณชายแดน โดยนายกฯ กล่าวขอบคุณที่รัฐบาลกัมพูชาแสดงความเข้าใจและสนับสนุนรัฐบาลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย และความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาพัฒนาในทิศทางที่ดีมาก ทั้งนี้ ไทยอยากเห็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกัมพูชาที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขยายการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่ชายแดน 
      นอกจากนี้ นายกฯเสนอให้ตั้งเวิร์กกิ้ง กรุ๊ป ระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้กลไก JCBD เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้สอดคล้องทั้งสองฝ่าย รวมถึงตั้งศูนย์รับซื้อผลิตผลการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ส่วนการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวประเภทไปเช้า-เย็นกลับและแรงงานตามฤดูกาล ไทยกำลังแก้ไขกฎหมายให้ผู้ถือบัตรผ่านแดนทำงานได้ พร้อมเสนอให้ปรับบัตรผ่านแดนเป็นบัตรผ่านแดนสมาร์ทการ์ดเพื่อความสะดวกและประโยชน์ของทั้งฝ่าย ซึ่งกัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือ
       ด้านสมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า จะแก้ปัญหาต่างๆ ผ่านการเจรจา เพื่อไม่ให้ปัญหาที่คั่งค้างเป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์ โดยจะลดความไม่ลงรอยกัน เน้นความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ขอให้ร่วมกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมมือกันสกัดกั้นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน
      เวลา 16.30 น. หลังการหารือทวิภาคี พล.อ.ประยุทธ์ และสมเด็จฮุนเซน ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ 3 ฉบับ 

'ปู-แม้ว'โชว์อุ้มแพนด้าสยบลือ
       วันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการพักผ่อนที่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วยน้องไปป์ หรือด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางไปยังสวนสัตว์แพนด้า ที่เมืองเฉิงตู ในมณฑลเสฉวน โดยอดีตนายกฯ เปิดเผยว่า ที่นี่เป็นสวนสัตว์ที่มีแพนด้าอยู่ 2 ชนิดคือ แพนด้าที่เราคุ้นเคยคือแพนด้าพันธุ์ไจแอนต์ แพนด้ามีอยู่ประมาณ 2,000 ตัวในโลกกับ แพนด้าแดง หรือเรด แพนด้า นิสัยจะดุกว่า เลยไม่ได้เข้าใกล้เพราะเขาขี้อาย อยู่ตามต้นไม้ พบได้ในประเทศจีน เนปาล อินเดีย ทิเบต ภูฏานและพม่า มีประมาณ 5,000 ตัวจากทั่วโลก ซึ่งเสียดายวันนี้ไม่ได้เจอหลินปิงที่น้องๆ คิดถึง เพราะหลินปิงถูกเลี้ยงไว้อีกที่หนึ่งที่เขาต้องอนุรักษ์ให้อยู่ตามธรรมชาติและดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ประทับใจได้อุ้มหมีแพนด้าอายุ 3 เดือน และอัดคลิปแพนด้ามาฝากเด็กๆ ด้วย
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้โพสต์รูปภาพในอิริยาบถต่างๆ ของตน น้องไปป์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างการเยี่ยมชมแพนด้า พร้อมข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อสยบกระแสข่าวลือในโลกออนไลน์ที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณถูกตำรวจสากลจับที่จีน ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เดินทางไปเยือนจีน เช่นกัน 
      ขณะที่ อุ๊งอิ๊ง หรือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่โพสต์รูปและข้อความการพักผ่อนของบิดาและครอบครัว นอกจากนี้ คนใกล้ชิด ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ถึงกับหัวเราะเมื่อทราบถึงข่าวลือที่เกิดขึ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!