- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 29 October 2014 10:01
- Hits: 3904
29 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8736 ข่าวสดรายวัน
เด็กเติ้งอัดสปช. ใจแคบ! เคาะ 20 กมธ.รธน. ครม.ตั้ง '18 ผู้ว่าฯ'สุวณานั่งดีเอสไอ บิ๊กตู่ไฟเขียวสอบ บัญชีเงิน'บิ๊กติ๊ก'บิ๊กต๊อกสวนกลับ พรทิพย์ดีแต่พูด
หุ่นกระบอก - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทักทายคณะหุ่นเชิดหุ่นกระบอกของไทยที่จะร่วมแสดงในงานเทศกาลหุ่นโลก 2014 ซึ่งจัดแสดงระหว่างวันที่ 1-10 พ.ย. รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 ต.ค.
เด็กเติ้ง"สมตือ"อัดยับสปช.เมินคนนอกร่วมนั่งกมธ.ยกร่างรธน. ระบุคับแคบทั้งความคิดและจิตใจ ขณะที่ปชป.ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อน ด้าน"ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ"ควงน้องไปป์เที่ยวไหว้พระ 2 วัดดังในกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางการอำนวยความสะดวกของทางการจีน ส่ง"กวน มู่"อดีตเอกอัครราชทูตที่เคยประจำในกรุงเทพฯ ร่วมดูแล "ปู"ปลื้มสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ว-ชมคัมภีร์มหายาน สปช.ประชุมคัดตัวกรรมาธิการยกร่างฯ เตรียมโหวตลับ เบื้องต้นสมัครมาแล้ว 34 ราย ขณะที่ในส่วนของคสช.-ครม.จะได้ชื่อในวันอังคารหน้า ครม.อนุมัติ"สุวณา สุวรรณจูฑะ"นั่งอธิบดี ดีเอสไอ พร้อมแต่งตั้ง 18 ผู้ว่าฯ-4 ผู้ตรวจฯ สิงห์ดำพรึบ พ่อเมืองอุทัยธานีพลิกนาทีท้าย วิปสนช.เผยนัดชี้ถอดถอน 2 อดีตประธานวันที่ 6 พ.ย.นี้ ส่วนคดีจำนำข้าวปูยังเข้าวาระ
ครม.เคาะชื่อ5กมธ.ยกร่าง 4พย.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งยังคงใช้ตึกสันติไมตรีหลังใน เป็นสถานที่ประชุม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่าง เข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม. แจ้งในที่ประชุมว่า การ ประชุมร่วมครม.และคสช. ครั้งต่อไปใน วันที่ 4 พ.ย. จะจัดที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเดิมนัดประชุมร่วมครม.และคสช.ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ถึงการประชุมสปช.เพื่อหารือแนวทางการเลือกบุคคลเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในโควตาของสปช.จำนวน 20 คนว่า เป็นเรื่องของสปช. ซึ่งบรรยากาศการประชุมตอนต้นอาจสะดุดบ้าง เพราะยังไม่มีข้อบังคับหรือกติกา และสมาชิกมาจากหลายที่ จึงตะล่อมความคิดตรงกันยาก ซึ่งเราไม่ได้หวังตะล่อมอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าแต่ละองค์กรมีวิธีพิจารณาเลือกบุคคล
รองนายกฯ กล่าวว่า สัดส่วนกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น มีสัดส่วนน้อยก็คงคิดง่าย แต่สปช.มีโควตาเยอะ 20 คน ส่วนครม.กับคสช.ไม่ยุ่งยาก เพราะมีโควตา 5 คน ซึ่งใน ครม.ยังไม่ได้พูดคุยกัน โดยจะหารือในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ในการประชุมร่วมระหว่างคสช.กับครม.และจะได้รายชื่ออย่างแน่นอน
วิษณุปัดตอบมี"ชูเกียรติ-อัชพร"
ส่วนรายชื่อในสัดส่วนของครม. 5 คนที่ปรากฏออกมานั้น นายวิษณุกล่าวว่า ตอบไม่ถูก เพราะตนตอบหลายครั้งแล้วว่าต้องฟังสนช. สปช. ที่เขาพิจารณาก่อนนั้นว่าเลือกใครไปแล้ว บางทีครม.คิดแต่สนช.กับสปช.เลือกไปแล้ว ชื่อจะไปซ้ำกัน ซึ่ง 1-2 วันที่ผ่านมาพบว่ารายชื่อซ้ำไป 1-2 คนแล้ว ถ้าเขาเสนอก็ต้องยกโควตาให้เขา ส่วนครม.ต้องมาคิดทีหลัง โดยพล.อ.ประยุทธ์คิดเผื่อเอาไว้แล้วหลายชื่อ ยืนยันว่าได้ชื่อวันที่ 4 พ.ย.นี้ และการประชุมครม.ก็ยังไม่ได้คุยกัน แต่ยอมรับว่านายกฯ มีการหารือในวงเล็กและมีบุคคลในใจที่ให้ไปตรวจสอบดูว่าคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า รายชื่อกมธ. 5 คนสัดส่วนของครม.คือนายอัชพร จารุจินดา นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เป็นรายชื่อที่อยู่ในใจบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าสัดส่วนจากครม. 5 คน จะมาจากคนนอกทั้งหมดไม่ใช่เลือกมาจากรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวติดตลกว่า ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นเป็นแผนกำจัดครม.แล้ว
คดีไมค์ทองคำยังไม่ได้ข้อสรุป
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษา นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดซื้ออุปกรณ์ไมโครโฟนติดตั้งในห้องประชุม 501 ที่เป็นห้องประชุมครม. และห้อง 301 ในตึกบัญชาการ 1 ว่า ยังต้องรอผลการตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตนเร่งให้ทั้ง 2 หน่วยงานรีบดำเนินการ แต่เขาขอเวลาทำงานสักระยะ เพราะต้องทำตามขั้นตอน
เมื่อถามว่านายกฯ สั่งการเร่งรัดเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้เริ่มเปิดใช้ห้องประชุมครม.ห้องใหม่ในเร็วๆ นี้ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า นายกฯ กำชับให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอยู่แล้ว
ครม.เด้ง"ปสันน์"เข้ากรุทำเนียบ
เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม. ว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ(สลน.) เสนอรับโอนและแต่งตั้ง นายปสันน์ เทพรักษ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ เป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ สลน. และมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) เสนอแต่งตั้ง นายสุพศิน สุเมธิวิทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการครม. เป็นรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แต่งตั้ง นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็น อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไปเพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
นอกจากนี้ ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอแต่งตั้ง นายนเร เหล่าวิชยา ผู้ช่วยปลัดกระทรวง เป็น รองปลัดกระทรวง นายภาษิต พุ่มชูศรี รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เป็นผู้ตรวจราชการ นายชาญวิทย์ ผลชีวิน รองอธิบดีกรมพลศึกษา เป็นผู้ตรวจราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่ว่าง
ตั้ง"สุวณา"ขัดตาทัพดีเอสไอ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้ง 3 ราย ดังนี้ 1.นางสุวณา สุวรรณจูฑะ รองปลัดกระทรวง เป็น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ 2.นายวีระยุทธ สุขเจริญ ผู้ตรวจราชการ เป็น อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 3.นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและผู้เกษียณอายุราชการ
ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบบัญชีแต่งตั้งข้าราชการระดับบริหารสูงกระทรวงมหาดไทย 22 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผ่านการสอบวิสัยทัศน์เพื่อเลื่อนตำแหน่งจากรองผู้ว่าฯ ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ และผู้ตรวจราชการ แทนตำแหน่งที่ว่างลงเนื่องจากการเกษียณ โดยเป็นผู้ว่าฯ 18 ราย และผู้ตรวจราชการ 4 ราย ประกอบด้วย
อนุมัติตั้ง 18 ผู้ว่าฯ- 4 ผู้ตรวจฯ
1.นายธานี ธัญญาโภชน์ รอง ผู้ว่าฯนครปฐม เป็นผู้ตรวจราชการ 2.นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าฯสุรินทร์ เป็นผู้ตรวจราชการ 3.นายวรวิทย์ สายสุพัฒน์ผล รอง ผู้ว่าฯชลบุรี เป็นผู้ตรวจราชการ 4.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย รองผู้ว่าฯนครสวรรค์ เป็นผู้ตรวจราชการ
5.นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม รองผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช เป็น ผู้ว่าฯกระบี่ 6.นาย วงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี เป็น ผู้ว่าฯชุมพร 7.นายณรงค์ ธีรจันทรางกูร รองผู้ว่าฯตราด เป็น ผู้ว่าฯตราด 8.นายชาติชาย อุทัยพันธ์ รองผู้ว่าฯชุมพร เป็น ผู้ว่าฯนครปฐม 9.นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าฯ ชลบุรี เป็น ผู้ว่าฯบึงกาฬ 10.นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ รองผู้ว่าฯนราธิวาส เป็น ผู้ว่าฯปัตตานี
11.นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าฯพังงา เป็น ผู้ว่าฯพังงา 12.นายบัณฑิต เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา เป็น ผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ 13.นายศักดิ์ สมบุญโต รองผู้ว่าฯกำแพงเพชร เป็น ผู้ว่าฯแพร่ 14.นายชยาวุธ จันทร รอง
ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เป็น ผู้ว่าฯมหาสารคาม 15.นายสามารถ วราดิศัย รองผู้ว่าฯยะลา เป็น ผู้ว่าฯยะลา 16.นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าฯกาญจนบุรี เป็น ผู้ว่าฯระนอง 17.นายณรงค์ อ่อนสอาด รองผู้ว่าฯสิงห์บุรี เป็นผู้ว่าฯลำพูน
18.นายปัญญา งานเลิศ รองผู้ว่าฯอ่างทอง เป็น ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม 19.นายปิติ แก้วสลับสี รองผู้ว่าฯสุโขทัย เป็น ผู้ว่าฯสุโขทัย 20.นายสุชาติ นพวรรณ รองผู้ว่าฯหนองคาย เป็น ผู้ว่าฯหนองคาย 21.นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าฯอุดรธานี เป็น ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ และ 22.นายสมชาย เลิศพงศ์ภากรณ์ รอง
ผู้ว่าฯสุพรรณบุรี เป็น ผู้ว่าฯอุทัยธานี
สิงห์ดำผงาด-ผู้ว่าฯอุทัยโผพลิก
ผู้สื่อข่าวรายงาน การแต่งตั้งผู้ว่าฯครั้งนี้ เป็นการเปิดทางให้สิงห์ดำหรือผู้จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ขึ้นเป็นผู้ว่าฯมากกว่าสถาบันอื่น แม้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมีนโยบายไม่ให้แบ่งแยกสี สถาบัน ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าเป็น การพิจารณาที่ไม่ให้น้ำหนักกับหลักอาวุโสในการดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ 5 ปี เห็นได้จากสิงห์แดงอย่าง นายพินิจ บุญเลิศ รอง ผู้ว่าฯระนอง ที่มีอาวุโสอันดับหนึ่งของผู้เข้าสอบ ดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯแล้ว 6 ปี ไม่มีปัญหาเรื่องทุจริต แต่ไม่ได้รับการเลื่อนเป็น ผู้ว่าฯ รวมถึงนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าฯภูเก็ต ที่เป็นรองผู้ว่าฯ 5 ปี มีผลงานโดดเด่นในการจัดระเบียบชายหาดในพื้นที่ แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณา ขณะที่นายชยาวุธ ดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าฯเพียง 4 ปีเท่ากับนายประยูร แต่ได้เลื่อนเป็น ผู้ว่าฯมหาสารคามและพังงาตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้มีรองผู้ว่าฯที่รักษาการได้เลื่อนขึ้นเป็น ผู้ว่าฯด้วย ส่วนการแต่งตั้งผู้ตรวจราชการทั้ง 4 ราย เป็นการเลื่อนระดับจากระดับ 9 เป็นระดับ 10 ซึ่งแต่ละคนเเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯมาแล้ว เตรียมเลื่อนขึ้นเป็นผู้ว่าฯในอนาคต โดยเฉพาะ
นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ที่สอบเป็นผู้ตรวจราชการเพียงอย่างเดียว ส่วนที่พลิกโผที่สุดเห็นจะเป็นตำแหน่ง ผู้ว่าฯอุทัยธานี ที่เดิมมีชื่อนายณรงค์ อ่อนสะอาด รองผู้ว่าฯสิงห์บุรี แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงโค้งสุดท้ายก่อนการพิจารณา โดยได้รับการผลักดันจากผู้ใหญ่ในพื้นที่มาเป็นนายสมชาย เลิศพงศ์ภากรณ์ ในนาทีสุดท้าย
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งในตำแหน่งผู้ว่าฯ และผู้ตรวจราชการว่า พอใจในภาพรวม เพราะรองผู้ว่าฯ ที่ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ต่างผ่านกระบวนการสอบคัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้วนายกฯก็พอใจ ซึ่งตนก็พอใจเช่นกัน
"สุวณา"ลั่นพร้อมทำงานดีที่สุด
ที่กระทรวงยุติธรรม นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ว่าที่อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หลังครม. มีมติตนก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีตามคำสั่งของพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ซึ่งวันที่ 29 ต.ค. พล.อ.ไพบูลย์จะไปตรวจเยี่ยมดีเอสไอ พร้อมมอบนโยบาย จากนั้นตนจะเรียกประชุมผู้บริหารเพื่อรับทราบปัญหาและนำมาแก้ไขเร่งด่วน ส่วนที่ถูกมองว่าตนไม่เคยผ่านงานสอบสวนและไม่มีความเชี่ยว ชาญในด้านกฎหมายนั้น ดีเอสไอมีพนักงานสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญมากพออยู่แล้ว อธิบดีมีหน้าที่กลั่นกรองตรวจสอบการใช้เครื่องมือทุกอย่างให้เต็มศักยภาพ
ไข่แพง - บรรยากาศร้านขายไข่ไก่สด ตลาดใหม่บางแค ถนนเพชร เกษม หลังรัฐบาลประกาศขึ้นราคาขายไข่ไก่อย่างเป็นทางการอีกฟองละ 20 ส.ต. โดยผู้ค้าบางรายได้ขึ้นราคามาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ต.ค. |
"ยอมรับว่าดีเอสไอมีปัญหาเข้าขั้นวิกฤต ประชาชนเสื่อมศรัทธา ซึ่งต้องใช้เวลานาน ภาระที่รับผิดชอบถือเป็นงานที่ท้าทาย เหนื่อยและหนัก แต่จะทำเต็มที่ โดยเหลือเวลาทำงานอีกเพียง 2 ปีก่อนเกษียณ" นางสุวณากล่าว
อธิบดีดีเอสไอคนใหม่กล่าวถึงคดีการเมืองที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอว่าการให้ความเป็นธรรมเป็นเรื่องสำคัญและทุกฝ่ายจะยอมรับได้ ทั้งนี้ ขอปฏิเสธว่าการได้ตำแหน่งครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนายต่อพงศ์ สุวรรณจูฑะ สามี ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้สนิทกับนายกฯ ที่ผ่านมาตนดูแลงานด้านกระบวนการยุติธรรมมาตลอด จึงได้รับการเสนอชื่อให้ทำงานในหลายหน้าที่ ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ล่วงหน้าว่าถูกวางตัวให้เป็นอธิบดีดีเอสไอ รู้ว่ารัฐมนตรีให้ทำงานรักษาการอธิบดีดีเอสไอ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะให้เป็น
ตัวจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 ต.ค. เวลา 09.00 น.นางสุวณาจะเข้าทํางานวันแรกที่อาคารดีเอสไอ ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมเรียกประชุมผู้บริหารดีเอสไอเพื่อมอบนโยบายทันที
"บิ๊กโด่ง"ลั่นล่าตัวคนแพร่คลิป
ที่ททบ.5 พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.และ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้เผยแพร่คลิปโจมตีทหารว่า ตนกำลังติดตามอยู่ ฝากบอกถึงคนที่มีความเข้าใจไม่สู้จะดีและไม่ปรารถนาดี ไปลงในเว็บไซต์ต่างๆ เราอย่าไปสนใจ ส่วนใดที่เกินเลยไปก็จำเป็นต้องเรียกตัวเข้ามา แม้บางคนจะไม่เปิดเผย เราจะติดตามตัวต่อไป ดังนั้น ขอความร่วมมือช่วยกันดูแล และอย่าไปสนใจกับบางคนที่ไม่ปรารถนาดี
"อยากถามว่าไม่รักประเทศไทยหรืออย่างไร สิ่งที่ผ่านมายืนยันแล้วว่าทุกคนที่มาปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่นายกฯ ทุกคนตั้งใจดี เสียสละในการทำงาน ตั้งใจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปและกู้วิกฤตให้กลับคืนมา ให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ อย่าไปสนใจกับการให้ร้ายในสิ่งไม่ถูกต้อง สิ่งดีๆ ที่เป็นความจริงก็เห็นอยู่แล้ว อย่ากล่าวร้ายในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น เราต้องให้กำลังใจกันเพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดี"พล.อ.อุดมเดชกล่าว
เมื่อถามว่าคะแนนเสียงในรอบ 5 เดือนของนายกฯ ตกลงไป จะมีผลกระทบต่อรัฐบาลและ คสช.หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ตนก็ไม่ได้ตกใจ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเกณฑ์สูง นายกฯ ยังเป็นที่ยอมรับของประชาชน ยังเชื่อถืออยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลและ คสช.ตั้งใจดี และเราต้องการกำลังใจเหมือนกัน
ปธ.ก.ต.ห้ามผู้พิพากษานั่งกุนซือ
วันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีข่าวผู้พิพากษาจะไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ชำนาญการของสมาชิกสนช. ว่า ขณะนี้คณะกรรม การตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ยังไม่ได้พิจารณา หรือมีมติในเรื่องดังกล่าว โดย ก.ต. จะนัดประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ใน วันที่ 17 พ.ย.
นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธาน ก.ต. กล่าวว่า จุดยืนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาต้องเป็นกลางและมีอิสระ เพื่อให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนว่าผู้พิพากษามีหน้าที่ประสาทความยุติธรรมแก่ผู้มีคดีความ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย และนิติประเพณี ทั้งต้องเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนด้วยว่าได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดครบถ้วน ไม่เข้าร่วมกิจการใดๆ อันกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือเกียรติศักดิ์ของผู้พิพากษา ตามประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
สปช.ถกคัดตัว 20 กมธ.ยกร่างรธน.
วันเดียวกัน นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ในฐานะสมาชิกสปช. กล่าวถึงการสรรหากมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญของสปช. 20 คนว่า การประชุมสปช. เมื่อวันที่ 27 ต.ค. มีความชัดเจนแล้วว่าเป็นคนในทั้งหมด 20 คน แต่วิธีการได้มายังไม่ค่อยชัดเจน เนื่องจากส่วนหนึ่งมองว่ากมธ.ยกร่างฯ จะมีที่มาจากด้านต่างๆ อย่างน้อยด้านละ 1 คน ส่วนกระแสข่าวการล็อกสเป๊กกมธ.ยกร่างฯ นั้น ไม่น่าเกิดขึ้นได้ เนื่องจากผู้ยกร่างฯ ต้องมาจาก 2 ส่วนสำคัญคือ 1.ส่วนที่สามารถอธิบายความเชื่อมโยง สาระเนื้อหาที่สปช.เสนอต่อกมธ.ยกร่างฯ 2.ผู้ร่างกฎหมายต้องมีเทคนิคไม่ให้ขัดแย้งกันเอง
เวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิ การกิจการสปช. (วิปสปช.) ชั่วคราว เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปสปช.ชั่วคราว มีมติให้สปช.แต่ละกลุ่มเสนอรายชื่อสมาชิก เพื่อทำหน้าที่ในกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่จำกัดจำนวน รวมทั้งสามารถเสนอชื่อตัวเองเข้ารับการคัดเลือกได้ด้วย ซึ่งเวลา 13.00 น. จะให้สปช.แต่ละด้านแยกย้ายประชุม เพื่อชี้แจงมติของวิป ทั้งการกรอกใบสมัคร คุณสมบัติที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญและการเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปีหากเป็นกมธ.ยกร่างฯ จากนั้นเวลา 14.00 น. จะประชุมสปช.เพื่อลงมติว่าจะรับหลักการที่วิปเสนอหรือไม่ หากที่ประชุมเห็นด้วยจะเปิดให้สมาชิกที่สนใจสมัครเป็นกมธ.ยกร่างฯ ได้ทันที สมัครได้ถึงเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ต.ค. จากนั้นเวลา 14.00 น. จะประชุมสปช.เพื่อลงมติคัดเลือกสมาชิกที่มีคะแนนสูงสุด 20 คน เป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยผู้สมัครไม่จำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์
เทียนฉายนั่งหัวโต๊ะถกแนวทาง
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสปช. นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ว่าที่ประธานสปช. ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว เพื่อพิจารณาหลักการของวิปสปช.ชั่วคราวที่เสนอแนวทางคัดเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ 20 คน ในส่วนของสปช.
นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการวิปสปช.ชั่วคราว รายงานผลการประชุมวิปชั่วคราวว่า บุคคลที่จะได้รับคัดเลือกเป็นกมธ.ยกร่างฯ ต้องกรอกใบสมัครด้วยตัวเอง โดยสปช.แต่ละด้านอาจเสนอชื่อผู้เหมาะสมด้านละ มากกว่า 1 ชื่อได้ และจะไม่มีการตัดสิทธิผู้ที่จะลงสมัครเป็นกมธ.ยกร่างฯ ด้วยตัวเอง จากนั้นให้ที่ประชุมสปช.คัดเลือกจากรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อ หรือผู้ที่ลงสมัครเอง 20 คน เป็นกมธ.ยกร่างฯ
จากนั้น ที่ประชุมเปิดให้สมาชิกสปช.อภิปราย ซึ่งมีทั้งสนับสนุนและคัดค้านแนวทางที่วิปสปช.เสนอมา โดยสปช.ฝ่ายที่เห็นด้วย ระบุว่า มติวิปสปช.ถือเป็นการเปิดฟรีตามที่ต้องการ หากไปล็อกให้มีตัวแทนสปช.ด้านละ 1 คน จะเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรื่องการกำหนดโควตากมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
หวั่นบล็อก-แนะมีตัวแทนแต่ละด้าน
ขณะที่สมาชิกสปช.ที่ไม่เห็นด้วยกับวิป สปช. ส่วนใหญ่เป็นสปช.จังหวัด อาทิ นายชาลี เจริญสุข สปช.ฉะเชิงเทรา ให้เหตุผลว่า กมธ.ยกร่างฯ ควรกระจายโควตาไปทุกด้านและระดับจังหวัดด้วย โดยเสนอให้กมธ.ยกร่างฯ มีตัวแทนจากสปช.ทั้ง 11 ด้าน ด้านละ 1 คน และตัวแทน 4 ภาค ภาคละ 1 คน รวม 15 คน ส่วนอีก 5 คนที่เหลือให้ที่ประชุมสปช.ฟรีโหวต ลงมติตัดสินว่าจะเลือกใคร ซึ่งการเลือกตามแนวทางของวิปสปช. ไม่มีหลักประกันว่าจะได้กมธ.ยกร่างฯ จากบุคคลที่หลากหลาย
นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง สมาชิกสปช. กล่าวว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญต้องรอบคอบ ไม่ใช่นำรัฐธรรมนูญไปฆ่าใคร จึงต้องเปิดกว้างให้ทุกจังหวัดและทุกด้านมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งกมธ.ยกร่างฯ ต้องมีผู้มีความสามารถเฉพาะด้านไปร่วมยกร่างด้วย แต่ข้อเสนอของวิปสปช.ที่ให้โหวตทีเดียว 20 คนนั้น อาจเกิดการบล็อกโหวต หรือได้คนที่ไม่มีความรู้ไปยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงอยากเสนอให้เลือกจากตัวแทนสปช.แต่ละด้านรวม 15 คน ส่วนอีก 5 คนที่เหลือใช้วิธีฟรีโหวตเลือก ซึ่งไม่ใช่เรื่องการแบ่งโควตา และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ สมาชิกสปช. กล่าวว่า ควรให้กมธ.ยกร่างฯ มีตัวแทนสปช.แต่ละด้าน หากทำตามข้อเสนอของวิปสปช.จะเกิดปัญหาการล็อบบี้ลงคะแนนให้กันได้
มติเห็นชอบตามแนวทางวิปสปช.
กระทั่งเวลา 15.30 น. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิกสปช. เสนอญัตติปิดการอภิปราย เนื่องจากยืดเยื้อมานานแล้ว จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับแนวทางตามข้อเสนอของวิปสปช.ชั่วคราวด้วยคะแนน 165 ต่อ 47 เสียง งดออกเสียง 10 และไม่ลงคะแนน 1
นายเทียนฉายแจ้งต่อที่ประชุมว่า มติเสียงข้างมากที่ออกมา เป็นการกำหนดเฉพาะวิธีการคัดเลือกสมาชิกสปช.ทำหน้าที่กมธ.ยกร่างฯ เท่านั้น ส่วนแนวทางที่วิปสปช.เสนอให้สมาชิกสปช.ที่เป็นกมธ.ยกร่างฯ ไม่สามารถเป็นกมธ.สามัญคณะอื่นๆ ในสปช.ได้อีกนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของกมธ.ยกร่างข้อบังคับการประชุมสปช.นำไปพิจารณาต่อไป ส่วนวันประชุมสปช.นั้น จะกำหนดสัปดาห์ละ 2 วันคือทุกวันจันทร์และอังคาร ขอนัดประชุมสปช.ครั้งต่อไปในวันที่ 29 ต.ค. เวลา 14.00 น. เพื่อคัดเลือกรายชื่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 20 คน จากนั้นนายเทียนฉาย สั่งปิดประชุมในเวลา 16.15 น.
ยอดยื่นสมัครนั่งกมธ.แล้ว 34คน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่าหลังที่ประชุมสปช. มีมติให้คัดเลือกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ สัดส่วนสปช. 20 คน ปรากฏว่า มีสปช.แต่ละด้านยื่นใบสมัครเป็นกมธ.ยกร่างฯ 34 คน ได้แก่ ด้านการเมือง มีนายชัยอนันต์ สมุทวณิช นายชูชัย ศุภวงศ์ นางตรึงใจ บูรณสมภพ นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ นายอมร วานิชวิวัฒน์ ด้านการปกครองท้องถิ่น มีนายวุฒิสาร ตันไชย นายจรัส สุวรรณมาลา นายไพโรจน์ พรหมสาสน์ และนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ ด้านสังคม มีน.ส.สมสุข บุญญะบัญชา ด้านเศรษฐกิจ มีนายเกริกไกร จีระแพทย์
ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มีนายคำนูณ สิทธิสมาน พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ นายนันทวัฒน์ บรมานันท์ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง และนายวรรณชัย บุญบำรุง ด้านการศึกษา มีนางทิชา ณ นคร นางประภาภัทร นิยม นายอมรวิชช์ นาครทรรพ และนายมีชัย วีระไวทยะ ด้านสื่อสารมวลชน มีนายมานิจ สุขสมจิตร ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มีนางถวิลวดี บุรีกุล ด้านอื่นๆ มีพล.ท.นาวิน ดำริกาญจน์ นายนิรันดร์ พันทรกิจ ด้านพลังงาน มีพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช
ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม มีนายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ น.ส.สุภัทรา นาคะผิว และพล.อ.ชูศิลป์ คุณาไทย ภาคเหนือ นายจุมพล สุขมั่น ภาคใต้ นายเชิดชัย วงศ์เสรี ภาคกลาง-ตะวันออก นายประชา เตรัตน์ และว่าที่ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ภาคอีสาน พล.ท.นคร สุขประเสริฐ ทั้งนี้ สปช.ที่สนใจสามารถส่งใบสมัครได้ถึงเวลา 12.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ก่อนที่สปช.จะประชุมลงมติเวลา 14.00 น.
ไหว้พระ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ พร้อมกับ "น้องไปป์" บุตรชาย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นพี่ชาย เดินทางไปสักการะพระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่วัดหลิง กวง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 28 ต.ค. |
ประยุทธ์แจงไม่รู้จักสามี"สุวณา"
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการดำเนินงานเรื่องการลงทุน 3 ล้านล้านบาทว่า ที่ทำวันนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา เราเอาทั้งหมดมาดูทั้งทางบก ถนนกับราง ทางอากาศเครื่องบิน สนามบิน ทางน้ำการขุดคูคลอง ให้สอดคล้องกับรอบบ้านเราด้วย เราเอามา ทบทวนใหม่ว่าอันไหนจำเป็นหรือยังไม่จำเป็น วันนี้จำเป็นเรื่องทางรถไฟรางคู่ 1 เมตร และเรื่องรถไฟความเร็วสูงมันควรเกิดขึ้นหรือยัง ถ้ายังก็ชะลอไว้ก่อน แต่อยู่ในแผน ฉะนั้นคำว่าแผนงานที่ว่า 3 ล้านล้าน มากขึ้นกว่าเดิมจาก 2 ล้านล้าน มันต่างกันตรงที่เราวางไว้เป็นเม็ดเงินเท่านั้นแต่เรายังไม่ได้ทำ และจะทำเป็นล็อตๆ ไป 6 หมื่นล้านในช่วงแรก และแสนล้านในช่วง 2 ช่วง 3 นำงบประมาณประจำปีใส่เข้าไป และหากมีคนมาสนับสนุนก็ทำได้ยาวขึ้น ไม่ใช่เรากู้เงินมาแล้ววางล่วงหน้าไว้เลย บางคนบอกไม่เห็นแตกต่างกัน แต่เราทำ 8 ปี ทำทีละสัญญา ไม่ได้กู้เงินล่วงหน้ามา
เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าการแต่งตั้งนางสุวณาเป็นอธิบดีดีเอสไอเพราะมีความใกล้ชิดกับนายกฯ ว่า ตนยังไม่รู้จักเลย ก็เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอโดย รมว.ยุติธรรมเป็นผู้เสนอ ถือเป็นบุคคลที่มาจากกระทรวงยุติธรรม
เมื่อถามถึงข่าวนายต่อพงษ์ สุวรรณจูฑะ สามีของนางสุวณาเป็นเพื่อนกับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า "ใครกันต่อพงษ์ แล้วเขาเป็นใคร ผมไม่รู้จักใครทั้งนั้น ไม่เคยรู้จักใคร"
ยันไม่ก้าวล่วงทุกคดีในดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวถามว่าคาดหวังการทำงานของดีเอสไออย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำงานตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ยืนยันว่าวันนี้ที่แต่งตั้งขึ้นมาไม่ใช่พวกตน ส่วนคดีต่างๆ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอว่าไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ตนไม่ได้ไปสั่งการว่าต้องทำคดีนั้นหรือนี้ก่อน เป็นเรื่องที่ดีเอสไอต้องทำตามกำหนดเวลา ตนให้นโยบายไปแล้วว่าให้ดำเนินการด้วย ความเป็นธรรม เมื่อเป็นฝ่ายยุติธรรมก็ต้องพิจารณาว่าจะทำให้เกิดความเป็นธรรมอย่างไร
"วันนี้คนถูกแบ่งออกเป็นพวกทั้งหมด และทุกคนจ้องว่าทางนี้จะโดนหรือไม่ ก็ต้องดำเนินการให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะเกิดข้อขัดแย้งขึ้นมาอีก เรื่องนี้ผมจะไปก้าวล่วงอะไรไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ารวมถึงคดีของคนเสื้อแดงด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งหมดรวมทุกคดี เมื่อถามย้ำว่าจะให้จบในยุคนี้ทุกคดีเลย ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คดีที่เกิด ขึ้นจะไปบังคับให้จบเมื่อไรนั้นตนคงบังคับไม่ได้ ทั้งหมดเป็นขั้นตอนของกระบวนการ ยุติธรรม มีคณะกรรมการสอบสวน ที่ผ่านมา 2 รัฐบาลก็จบไม่ได้ มีความขัดแย้งทะเลาะกันไปมา แล้วสอบสวนทวนความกันมาตลอด ยืนยันว่าวันนี้ตนไม่ได้ไปก้าวล่วง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนจะว่าอย่างไรก็ว่ามา ต้องให้โอกาสกับคนที่เขาถูกกล่าวหาได้ไปชี้แจงในลักษณะของการสู้คดี
ส่วนการตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูลบริษัท ดี.เอ็ม.อินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ของร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ นั้น นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าดำเนินการตั้งแต่ปีไหน และให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ตรวจสอบ
ยังไม่สรุปยอดขาดทุนจำนำข้าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงปัญหาเรื่องข้าวว่า ขณะนี้มีข้าวอยู่ในคลังของรัฐบาล 18 ล้านตัน จากการตรวจสอบเป็นข้าวที่ได้มาตรฐาน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ข้าวคุณภาพต่ำ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ และเป็นข้าวเสื่อมราคา และข้าวที่หายไป ซึ่งส่วนที่หายไปนี้ประมาณแสนกว่าตัน ทั้งหมดนี้จะส่งข้อมูลให้ป.ป.ช.สอบสวนต่อไป ซึ่งจะดูว่ามีการผิดพลาดตรงไหน ใครเป็นคนรับผิดชอบอย่างไร และการระบายข้าวของรัฐบาลจำเป็นต้องขออนุมัติจากป.ป.ช.ด้วย เพราะยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ
เมื่อถามว่าสรุปตัวเลขโครงการรับจำนำข้าวมียอดขาดทุนเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังระบุไม่ได้ เพราะข้าวที่ซื้อมามีหลายประเภท ราคาก็ไม่เท่ากัน ตอนนี้ข้าวมีทั้งคุณภาพดีและเสื่อมคุณภาพ รวมถึงที่หายไป และต้องดูว่าท้ายที่สุดจะขายได้เท่าไร ต้องรอให้ขายได้ก่อน ทั้งนี้ เราจะทำทุกอย่างให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น และข้าวในสต๊อกไม่เสียหายมากนัก ส่วนเรื่องทางคดีหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องจัดการไป
เมื่อถามว่าโครงการดังกล่าวผิดพลาดตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าว 15,000 บาทแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของนโยบาย ตนไม่สามารถระบุว่าผิดหรือไม่ แต่ถ้าดูแล้วก็อาจจะผิดหลักการทางเศรษฐศาสตร์
ไม่ป้องน้องชาย-ถ้าไม่ผิดให้ระวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ให้สัมภาษณ์ในประเด็นต่างๆ นานถึง 41 นาที แต่เมื่อถามถึงบัญชีทรัพย์สินของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. นายกฯ ได้ขอสื่อมวลชนว่าให้จบการสัมภาษณ์เท่านี้ โดยกล่าวว่า "พอแล้ว ตอนนี้อารมณ์กำลังดีอยู่"
เมื่อถามถึงพล.อ.ปรีชานำเงินในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 ไปใส่ไว้ในบัญชีส่วนตัว นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องตรวจสอบกันอีกครั้ง เท่าที่ตนสอบถามพล.อ.ปรีชาได้นำเงินส่วนตัวไปฝากไว้ในบัญชีของสหกรณ์กองทัพบกซึ่งทำได้ แต่ในส่วนเงินกองทัพนั้น ต้องลงนามก่อนจะฝากถอนหลายคน ดังนั้น ต้องปล่อยตามขั้นตอนการตรวจสอบต่อไป ซึ่งตนไม่อยากให้นำมาเป็นประเด็นใหญ่โต เพราะเดี๋ยวของตนออกมาก็ต้องมีคนนำมาเป็นประเด็นอีกเช่นกัน "ดังนั้น กรณีน้องชายผมหากผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ถ้าไม่ผิดก็ให้ระวังไว้แล้วกัน"
จากนั้นนายกฯ ขอให้สื่อช่วยนำเสนอ ข่าวการแสดงโขนรามเกียรติ์จากมูลนิธิส่ง เสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ชุดศึกอินทรชิต ตอนนาคบาศ ประจำปี 2557
ยันไม่เข้ามาเพิ่มความขัดแย้งอีก
เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าตกเป็นเป้า พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ไม่ห่วง ตนโดนมานานแล้ว เมื่อถามว่าเป็นเพราะวันนี้เป็นหัวหน้ารัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมเป็นหัวหน้า คสช.และก็เป็นนายกฯ ด้วย วันนี้ที่เข้ามาเพราะคสช. อย่าลืมตรงนี้ว่า คสช.เข้ามาทำอะไร ดังนั้น ไม่ว่าผมจะเป็นอะไรจุดมุ่งหมายหลักคือเข้ามาแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองให้ได้ แต่ปัญหามันทับซ้อนปัญหามันมีความผูกพัน ปัญหามีความขัดแย้ง ผมต้องมาแกะทุกอัน ไม่ได้เข้ามาเพื่อทำให้วุ่นวายมากกว่าเดิม ต้องมองผมตรงนี้ ถ้ามองอย่างนี้ก็จะเข้าใจว่าผมเดินอะไรอยู่ ไม่ใช่มาเพื่อสร้างความขัดแย้งเพื่อสร้างกลุ่มอำนาจใหม่ ยืนยันว่าไม่เคยคิด ไม่เคยคิดว่ามีอำนาจด้วยซ้ำไป"
เมื่อถามว่าถ้าย้อนเวลาได้จะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ย้อน อย่ามาถาม ไม่มี วันนี้ยืนยันว่าตนไม่มีอคติกับใครทั้งนั้น แม้แต่กลุ่มอำนาจเก่าที่นักข่าวถาม อยากถามว่ากลุ่มอำนาจเก่าคือใคร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตำหนิสื่อมวลชนบางฉบับที่เขียนว่าตนยกนิ้วกลางระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนเพียงนับนิ้ว 1-2-3 เท่านั้น ไปหยิบเอามาเป็นประเด็น ต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
สนช.นัดชี้ถอด 2 อดีตปธ.-6 พ.ย.นี้
เวลา 18.40 น. ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. เปิดเผยหลังประชุมวิป สนช.ว่า ที่ประชุมพิจารณาเรื่องการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา โดยจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม สนช.ว่าจะถอดถอนทั้ง 2 คนหรือไม่ ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ ส่วนสำนวนน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีถูกชี้มูลทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้ส่งถึงประธาน สนช.ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. และจะครบกำหนด 30 วันในวันที่ 13 พ.ย.ตามข้อบังคับ ซึ่งประธาน สนช.จะแถลงเรื่องนี้เองโดยจะยังไม่บรรจุวาระในสัปดาห์นี้ เนื่องจากประธาน สนช.ต้องรอรายละเอียดสำนวนบางอย่าง โดยจะแจกสำนวนให้สมาชิก สนช.ไปศึกษาตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.เป็นต้นไป
นพ.เจตน์กล่าวว่า ส่วนการคัดเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนของสนช. 5 คน ขณะนี้มีผู้สมัคร 11 คน ประกอบด้วย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายดิสทัต โหตระกิตย์ นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ นายประมุท สูตะบุตร พล.อ.นิวัติ ศรีเพ็ญ นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ และนายปรีชา วัชราภัย
ทั้งนี้ วิป สนช.มีมติให้ลงคะแนนลับในที่ประชุม สนช.วันที่ 30 ต.ค.นี้ โดยวิธีแจกบัตรให้สมาชิกเขียนชื่อ 5 ชื่อ ซึ่งเปิดฟรีโหวตเพื่อให้ได้รายชื่อทั้ง 5 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกตัดสิทธิ์เป็น กมธ.สามัญประจำสนช. แต่อยากให้ทำงานใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่
"ตือ"อัดสปช.แคบทั้งใจ-ความคิด
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี สปช.มีมติไม่ให้คนนอกเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในโควตาของ สปช.ว่า ตนสิ้นหวังและวังเวงกับประชาธิปไตยในสถานการณ์ปฏิรูปประเทศ พลันที่ สปช.มีมติ 175 ต่อ 39 ไม่เห็นด้วยที่จะให้คนไทยนอกจากคนเก่งคนดี 250 คนเข้ามาเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ตนและอีกหลายคนที่เป็นคนไทยก็เกิดอาการวังเวงกับความคับแคบทั้งหัวใจและความคิดของสมาชิกสปช. 175 คน ประเทศกำลังเดินสู่การสร้างประชาธิปไตยใหม่แต่คนสร้างกติกาของประชาธิปไตยกลับไม่มีวิญญาณของประชาธิปไตยเลย แล้วจะหวังอะไรกับประชาธิปไตยที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
นายสมศักดิ์ระบุว่า ขอบคุณสปช. 175 คนที่แสดงธาตุแท้ให้เห็น ขอบคุณที่ดับความหวังของคนไทยตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นสร้างประชาธิปไตย พวกเราจะได้ไม่ต้องมีความหวังแบบลมๆ แล้งๆ ให้เสียเวลาอีกต่อไป เมื่อ สปช.รู้สึกนึกคิดว่าประเทศไทยเป็นของพวกเขาเท่านั้น ทำตามใจไปเลยแล้วสักวันเมื่อประวัติศาสตร์พิพากษาพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์โทษคนไทยที่มาเขาดูแคลนในวันนี้ เมื่อหัวใจและความคิดถูกปิดกั้นก็หมดกัน แสงทองของความหวังปฏิรูปเริ่มต้นไม่พ้นพัง เหลือแต่ยังไม่ได้เผาเท่านั้น
ปชป.ขออยู่วงนอก-ให้กำลังใจ
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สปช.มีมติไม่ให้เอาคนนอกมาเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนไม่ได้ยึดตัวบุคคลว่าใครจะเป็น กมธ.ยกร่างฯ แต่ยึดที่ระบบมากกว่า เชื่อว่า สปช.จะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่นักการเมืองหรือคู่ขัดแย้งที่มี 13 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ เชื่อว่าถ้าคนร่างรัฐธรรมนูญมีใจจะสร้างประเทศให้เข้มแข็ง ลดความขัดแย้ง เขาจะมีวิจารณญาณว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ นาทีนี้ต้องให้กำลังใจคนทำงาน ลดความขัดแย้ง คำติติงควรหยุดก่อนเพราะแค่เริ่มต้นก็บอกว่าไปไม่รอดแล้วก็คงไม่มีใครอยากทำงาน เชื่อว่าทุกอย่างจะลงตัว ควรปล่อยให้เขาทำงานสักระยะก่อน ส่วนพรรคจะให้ความเห็นอยู่ข้างนอก อยากให้ช่วยกันทำรัฐธรรมนูญให้ออกมาดีที่สุด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง สปช.มีมติไม่รับคนนอกเข้าร่วมเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนเคยพูดแล้วว่า สปช.จะไม่เอาคนนอกมาเป็น กมธ.ยกร่างฯ กรณีนี้เขารู้สึกว่ามีอำนาจ เพราะนั่งในสภาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรับฟังความเห็นจากคนภายนอก และไม่เปลืองโควตาด้วย เรื่องนี้ไม่กระทบกับพรรค เพราะแสดงจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าจะไม่ส่งคนเข้าร่วม แต่พร้อมให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ หากมีการร้องขอ
นายนิพิฏฐ์อ้างว่าการที่ สปช.แสดงท่าทีโดยปิดโอกาสคนนอกเช่นนี้จะยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกไม่ดีต่อสปช. และสังคมอาจ มองในภาพลบ สำคัญที่สุด สปช.และสนช.ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน และพยายามให้เกิดความคิดในแง่บวก เพราะหากเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นที่สุดแล้วการปฏิรูปจะเสียของ เพราะคนจะไม่เชื่อถือ ไม่ยอมรับ
พท.แนะสปช.รับฟังทุกภาคส่วน
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น่าแปลกใจที่หลายคนพูดเรื่องนี้ เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวระบุว่าบุคคลที่จะเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคมาก่อน 3 ปี ตนไม่รู้ว่าพยายามถกเถียงเรื่องนี้ทำไม ทำไมไม่ยึดตัวกฎหมาย แต่กลายเป็นพูดนอกข้อเท็จจริง และเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญกฎหมายไม่อนุญาตอยู่แล้วจึงควรยุติเรื่องนี้ดีกว่า
นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สปช.มีมติไม่ให้รับคนนอกเข้าร่วมเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า เมื่อที่ประชุม สปช.มีมติแล้วเราก็ไม่ควรก้าวก่าย แต่อยากฝากให้ร่างรัฐธรรมนูญเน้นเรื่องระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน และนำบ้านเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้ แม้จะมีมติไม่รับคนนอกโดยเฉพาะความเห็นจากพรรค การเมือง แต่ควรให้พรรคการเมืองทำหนังสือเสนอความคิดเห็นให้ สปช.พิจารณา เพื่อจะได้เกิดความหลากหลายในแนวทาง ซึ่งการร่างกฎหมายต้องยึดหลักกระบวนการยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยผลประโยชน์ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก
นปช.ชี้เสียเอง-เชื่อทำตามใบสั่ง
ด้านนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวถึง สปช.มีมติไม่ให้คนนอกเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในโควตาของ สปช.ว่า จะส่งผลเสียต่อ สปช.เองโดยเฉพาะข้อครหาเรื่องการทำตามใบสั่ง เพราะต้องไม่ลืมว่าที่มาของ สปช.มาจากไหน ใครเป็นคนเลือกมาเป็นสปช. ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนอยู่แล้ว เพราะมีแต่พวกเดียวกันเอง ความคิดเห็นก็ไม่หลากหลาย ไม่ครอบคลุม แต่ถ้ามีคนนอกมาร่วมเป็น กมธ.ยกร่างฯ สปช.จะได้รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป ดังนั้น สปช.ควรเปิดให้คนนอกมีส่วนร่วม หรือหาช่องทางให้บุคคลไม่ว่านักการเมือง พรรคการเมือง หรือภาคประชาสังคม ได้เสนอแนะแสดงความคิดเห็น ที่สำคัญต้องมีส่วนตัดสินใจในหลักเกณฑ์การปกครองประเทศด้วย
"ส่วนที่หลายคนเสนอให้จัดทำประชาพิจารณ์นั้น ผมถามว่าในบรรยากาศเช่นนี้จะมีใครกล้าแสดงความคิดเห็น นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว รัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช.จะเสี่ยงต่อการถูกวิจารณ์ด้วย หากนายกฯ ไม่แคร์ก็เดินหน้าไปเลย" นายพายัพกล่าว
แกนนำ นปช.กล่าวต่อว่า ขอฝากถึงนายกฯ ว่าเมื่อประกาศอยู่บ่อยๆ ว่าต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศ สร้างกติกาใหม่เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ใช้กติกาที่เหมาะสม เป็นธรรมและเท่าเทียม ดังนั้น ควรเริ่มจากจุดนี้ เปิดให้คนนอกมีส่วนร่วม ไม่เช่นนั้นปัญหาความขัดแย้งก็ไม่จบ และไม่ได้คืนความสุขเพื่อประชาชนและประเทศอย่างแท้จริง
กปปส.ขู่ไม่ถูกใจจี้ให้แก้ใหม่
ด้านนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. กล่าวถึงมติ สปช.ไม่ให้คนนอกเป็นกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ต้องเคารพเสียงข้างมากที่ใช้ดุลยพินิจวินิจฉัย และเห็นว่าแนวคิดของ กปปส.น่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงจะใช้วิธีเสนอเป็นเอกสารหรือเสนอผ่านสื่อ เพราะ สปช.เปิดรับฟังความคิดเห็นในด้านต่างๆ อยู่แล้ว หากเขาฟังเราก็ถือว่ามีน้ำใจเป็นนักกีฬา เพราะเมื่อไม่ให้นั่งใน กมธ.ยกร่างฯ ก็ต้องรับฟัง แต่ถ้าปฏิเสธไม่รับฟังต้องมีเหตุผลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ถึงจะพูดได้ว่าสิ่งที่ สปช.เสนอนั้นดีที่สุด ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าการไม่ให้คนนอกเข้ามาร่วมทำให้คู่ขัดแย้งไม่มีสิทธิมานั่งเพื่อหาจุดจบที่เหมาะสมนั้น ตนขอให้ทบทวนความคิดนี้เพราะไม่ถูกต้อง และหากรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นใหม่ไม่ถูกใจ กปปส.เราจะไม่ฉีกทิ้ง แต่จะให้กลับไปแก้ไขใหม่
นายถาวรเปิดเผยว่า ตนกำลังยื่นเรื่องขอตั้งมูลนิธิ "มวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" ต่อกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมใจของมวลชนและขับเคลื่อนงานภาคประชาชน เพราะจุดประสงค์ในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.อยากให้มีการปฏิรูปประเทศไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะการขจัดการโกงแต่ปัญหายังอยู่ เราจึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเร่งแก้ปัญหานี้ ซึ่งตั้งมูลนิธิเป็นการทำงานภาคประชาชนที่มีรัฐธรรมนูญรองรับสิทธิ เนื่องจากแกนนำหลักคือพระสุเทพ ปภากโร ประกาศไม่เล่นการเมืองอีกต่อไป ยืนยันว่าจะไม่จดแจ้งหรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นพรรคการเมือง เพราะหากตั้งพรรคบทบาทจะแคบลง แต่การเป็นมูลนิธิจะมีบทบาทกว้างขึ้น ทำงานให้ประโยชน์ต่อสังคมทุกรูปแบบ
นายถาวรอ้างด้วยว่าหากมีการร่างรัฐ ธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วมูลนิธิจะมีบทบาทช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้น
บิ๊กต๊อกอัดหมอพรทิพย์ดีแต่พูด
วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึก ทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ถึงกรณีพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตำหนิในวันมอบนโยบายว่านโยบายทั้ง 5 ด้าน กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้คิด ตนไม่ได้คิดเอง มีรองปลัดแต่ละด้านทำเป็นขั้นตอน เพราะไม่ใช่คนเดินเข้ามาแล้วเก่งงานยุติธรรม
"ผมอยากถามพญ.คุณหญิงพรทิพย์ทำไมไม่มาเวลาเขาทำแผน วางกรอบ อยากให้กระทรวงเดินหน้าอย่างไร ทำมาเลย รอบ 12 ปี อะไรบกพร่อง วางกรอบมาเลย ถามว่าเวลาเชิญผู้แทนแต่ละกรมมาได้เล่าให้ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ฟังหรือไม่ พอมีการมาบรรยายสรุปให้ฟัง จึงเชิญอธิบดี รองอธิบดีมาฟังด้วย ถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ หลังประชุมก็ไม่มีใครว่าอะไร จึงตกลงเดินตามนี้" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่า การแถลงข่าว ดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่กระทรวงเชิญผู้บริหารระดับกลางมา "ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้น เวลาให้มาทำ คุณไม่มา ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ผมไม่ชอบคนที่ดีแต่พูด ผมบอกว่ามีอะไร พูดกันในที่ประชุม ผมรับฟังหมด ผมไม่ชอบคนที่ติแล้วไม่มีก่อ"
เมื่อถามถึงกรณีพญ.คุณหญิงพรทิพย์ ไม่แต่งเครื่องแบบข้าราชการ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ต้องถามคนในกระทรวงยุติธรรมกันเอง
ปู-แม้วรุดไหว้พระ2วัดดังปักกิ่ง
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพักผ่อนที่สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมด้วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ไปสักการะ "พระธาตุเขี้ยวแก้ว" ที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เป็นโอกาสที่ดีและถือเป็นสิริมงคลกับชีวิตที่ได้มาสักการบูชาพระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง ซึ่งวิทยากรเล่าให้ฟังว่าในโลกนี้มีพระธาตุเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ 2 องค์เท่านั้น คือที่จีนและเมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า พระธาตุเขี้ยวแก้วที่เมืองจีน มีผู้อัญเชิญไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ เคยอัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้วจากกรุงปักกิ่ง มาประดิษฐานที่หอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ พุทธมณฑล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 75 พรรษา และให้คนไทยได้สักการบูชานานถึง 76 วัน ในเดือนธ.ค. 2545 ถึงเดือนก.พ. 2546 หากใครมีโอกาสมาเมืองจีน อย่าลืมแวะมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ เยี่ยมชมวัดหลงฉวน เขตไห่เตี้ยน กรุงปักกิ่ง โดยระบุว่าเป็นวัดเก่าแก่ อากาศเย็นสบาย เนื่องจากวัดตั้งอยู่บนเขาแวดล้อมด้วยธรรมชาติ และรับประทานอาหารมื้อเที่ยงเป็นฮอตพอตง่ายๆ แบบเจ ซึ่งวัดนำผักที่ปลูกไว้มาทำเป็นอาหาร และแวะดูห้องสมุดของวัดมีคัมภีร์พระไตรปิฎกกว่า 30 รูปแบบ โดยที่วัดหลงฉวนนำเอาเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตมาใช้เผยแผ่ธรรมะไปสู่คนรุ่นใหม่ ทำการ์ตูนสอนเด็กเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกหลาน ซึ่งน้องไปป์ก็โชคดีได้ดูด้วย มีการแปลสื่อธรรมะในหลายภาษา แต่น่าเสียดายยังขาดภาษาไทย
"สงสัยต้องขอแรงน้องๆ นักศึกษาคนไทยมาช่วยทางวัดแปลภาษาไทยบ้าง และงานนี้ต้องขอขอบคุณน้องๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งที่มาช่วยเป็นล่ามให้" น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเดินทางเข้าเยี่ยมชมวัดทั้งสองแห่งนี้ นายกวน มู่ อดีตเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมเดินทางไปอำนวยความสะดวกด้วย
รายงานข่าวจากบุคคลใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เผยว่า พล.อ.ประวิตร พร้อมนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิกคสช. เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เพื่อหารือข้อราชการด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ด้านรถไฟความเร็วสูง ด้านโครงการกำจัดขยะ ซึ่งการไปจีนครั้งนี้ไม่ได้ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ที่อยู่ระหว่างการไปพักผ่อนที่ประเทศจีน แต่อย่างใด