WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2557

เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม

        เพื่อให้การรักษาความสงบและการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ ในวันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ตามรายชื่อดังต่อไปนี้

1. พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี

2. พลเอกทวนทอง อินทรทัต

3. พลเอกไตรรงค์ อินทรทัต

4. พลเรือเอกเกียรติศักดิ์ ดามาพงศ์

5. พลอากาศเอกสุเมธ โพธิ์มณี

6. พลตำรวจเอกสล้าง บุนนาค

7. พลตำรวจเอกบุญฤทธิ์ รัตนะพร

8. พลโทมะ โพธิ์งาม

9. พลโทอัครชัย จันทรโตษะ

10. พลตรีศรชัย มนตริวัต

11. พลตำรวจตรีสุชาติ กาญจนวิเศษ

12. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า

13. พลอเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา

14. พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต

15. พลเอกพฤกษ์ สุวรรณทัต

16. นายวัฒนา เมืองสุข

17. นาวาอากาศเอกศิธา ธิวารี

18. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

19. นายสันติ พร้อมพัฒน์

20. นายแพทย์สุรพงศ์ สืบวงศืลี

21. นายทรงศักดิ์ เปรมสุข

22. พันเอกอภิวันท์ วิริยะชัย

23. นายประชา ประสพดี

24. นายสมหวัง อัสราศี

25. นายพันธุ์เลิศ ใบหยก

26. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์

27. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์

28. นายชูชาติ หาญสวัสดิ์

29. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง

30. นายจรัล ดิษฐาอภิชัย

31. นายนิสิต สินธุไพร

32. นายชินวัฒน์ หาบุญพาด

33. นายวิภูแถลง พัฒนภูไท

34.นายอดิศร เพียงเกษ

35.นายวิสา คัญทัพ

36.นายสำเริง ประจำเรือ

37.พันตำรวจโทไวพจน์ อาภรณ์รัตน์

38.นางไพรจิตร อักษรณรงค์

39. นายพายัพ ปั้นเกตุ

40. นางดารุณี กฤตบุญญาลัย

41. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

42. นายอำพน กิติอำพน

43. พันตำรวจตรีเสงี่ยม สำราญรัตน์

44. นายวันชนะ เกิดดี

45.นายอารีย์ ไกรนรา

46. นายสุนัย จุลพงศธร

47. นายวิชาญ มีนชัยนันท์

48. นายไชยา สะสมทรัพย์

19. นายสุชาติ ลายน้ำเงิน

50. นายการุณ โหสกุล

51. นางฐิติมา ฉายแสง

52.นายประแสง มงคงศิริ

53. นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล

54.นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ

55.นายขวัญชัย ไพรพนา

56.นางประทีป อึ้งทรงธรรม

57.นายวุฒิพงษ์ กชธรรม

58.นายวรชัย เหมะ

59.นายดาบแดง ชลบุรี

60.นายสมบัติ บุญงามอนงค์

61.นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร

62. นายจุมพล จุลใส

63.นางทยา ทีปสุวรรณ

64.นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์

65.นายถาวร เสนเนียม

66.นายสุริยะใส กตะศิลา

67.นายนิติธร ล้ำเเหลือ

68.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข

69. พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ

70.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

71.นายเสรี วงษ์มณฑา

72.นายสมบัติ ธำรงะัญวงศ์

73.นางสาวอัญชะลี ไพรีรักษ์

74.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์

75.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง

76.นายสุวิทย์ คนสมบูรณ์

77.นางกฤษณา สีหลักษณ์

78.นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์

79. นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล

80.นายธีระ วงศ์สมุทร

81.นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ

82.นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์

83. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข

84.นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ

85.นายภูมิ สาระผล

86. นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์

87.นายชูชาติ หาญสวัสดิ์

88.นาย ฐานิสร์ เทียนทอง    

89.นาย เผดิมชัย สะสมทรัพย์

90.นาย สุกุมล คุณปลื้ม

91.นายปลอดประสพ สุรัสวดี

92.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล

93.นาย บุญรื่น ศรีธเรศ

94.นาย สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล

95.นาย วิทยา บุรณศิริ

96.นาย ต่อพงษ์ ไชยสาส์น

97.นาย วรรณรัตน์ ชาญนุกุล

98.นางนลินี ทวีสิน

99.นาย ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย

100.นาย อารักษ์ ชลธาร์นนท์

101.นาย สุชาติ ธาดาธำรงเวช

102.นาย ศักดา คงเพชร

103.หม่อมราชวงศ์ พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์

104.นาย ประชา ประสพดี

105.นาย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร

106.นาย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช

107.นาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง

108.นาย ประเสริฐ บุญชุยสุข

109.นาย ศันสนีย์ นาคพงศ์

110.นาย ประดิษฐ์ สินธวณรงค์

111.นาย ชลน่าน ศรีแก้ว

112.นาย ชัยเกษม นิติสิริ

113.นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง

114.นายแพทย์ เหวง โตจิราการ

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8577 ข่าวสดรายวัน

ทหารบุกสลายอักษะ 2 ม็อบเลิก จับ'เหวง'คาเวที จ่าประสิทธิ์ด้วย จัดรถส่งกปปส. รวบพุทธอิสระ ปิดวิทยุเสื้อแดง

       ม็อบ - (บน) กำลังทหารติดอาวุธเข้าควบคุมตัว นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. บนเวทีเสื้อแดงถนนอักษะ (ล่าง) บรรยากาศม็อบ กปปส. แกนนำขึ้นเวทีประกาศยุติการชุมนุมภายหลังทหารยึดอำนาจ เมื่อ 22 พ.ค.

         2 ม็อบยุติแล้ว หลังทหารบุกเคลียร์ถนนอักษะ-ราชดำเนิน เผยลุยสลายมอบแดง เสียงบึ้มดังสนั่นโกลาหล พร้อมจับแกนนำทั้งหมอเหวง-สมหวัง-จ่าประสิทธิ์ ส่วนกปปส.รุดเจรจา พร้อมจัดรถส่ง ที่แจ้งวัฒนะทหารบุกพบพุทธอิสระ เชิญตัวออกจากที่ชุมนุม ก่อนไปสั่งเลิกชุมนุมเช่นกันศาลอุทธรณ์ยืนจำคุกจตุพร 6 เดือนหมิ่นมาร์คสั่งฆ่าประชาชน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี แต่ยกอุทธรณ์เรื่องหนีทหาร ชี้เป็นบุคคลสาธารณะตรวจสอบได้

กอ.รส.เร่งกวาดล้างอาวุธ

      เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 22 พ.ค. ที่อาคารกำลังเอก สโมสรทหารบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงความคืบหน้าการปฏิบัติการตามนโยบายปราบปรามและจับกุมอาวุธสงครามว่า เป็นนโยบายเร่งด่วนของกอ.รส.ที่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด เมื่อคืนวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา กอ.รส.มีคำสั่งห้าม พกพาอาวุธสงคราม ยกเว้นเจ้าพนักงานทหาร และ ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดน และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ส่วนอื่นๆ จะไม่อนุญาตให้พกอาวุธสงครามได้

      พ.อ.วินธัย กล่าวว่า จากปฏิบัติการปราบปรามอาวุธสงครามเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 4 คดี คดีที่ 1 จับได้ที่ จ.นครนายก ซึ่งอยู่ระหว่างการหาตัวผู้กระทำผิด คดีที่ 2 ผู้กระทำผิดถูกตรวจจับได้ที่เขตทวีวัฒนา ใกล้เคียงพื้นที่ชุมนุม เป็นปืนเล็กยาวเอเค 47 หรือปืนอาก้า 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 30 นัด คดีที่ 3 จับได้ที่ จ.ลพบุรี ได้ของกลางจำนวนมาก รวมถึงวัตถุระเบิด คดีที่ 4 จับได้เขตพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นเสื้อเกราะและหมวกเคฟล่ากันกระสุน อย่างไรก็ตามได้รับรายงานเพิ่มเติมล่าสุดว่าเจ้าหน้าที่จับกุมได้อีก 1 คดี เป็นคดีที่มีจำนวนของกลางจำนวนมาก รวมถึงมีอาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดร้ายแรงด้วย ซึ่งรายละเอียดจะนำให้ทราบภายหลัง 

ยันไม่ได้พุ่งเป้าเสื้อแดงกลุ่มเดียว

     เมื่อถามว่า อาวุธที่จับมาได้มีส่วนเชื่อมโยงกับการก่อเหตุหลายครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า อาวุธทั้งหมดอยู่ขั้นตอนสืบสวนสอบสวน กอ.รส.ไม่ต้องการให้ผู้ไม่หวังดีคิดหรือทำอะไรให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ยืนยันว่าเราจะดำเนินการโดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม กอ.รส.กำลังเร่งตรวจสอบเรื่องอาวุธสงคราม และจะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยให้สังคมเห็นว่าทหารจริงใจในเรื่องนี้ เมื่อถามว่าขณะนี้มีข่าวการเตรียมก่อเหตุในที่ใดบ้างหรือไม่ พ.อ. วินธัยกล่าวว่า กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ยังไม่ชัดเจน เพราะลักษณะการก่อเหตุยังไม่ชัด

     เมื่อถามว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ระบุว่าการเร่งตรวจสอบเรื่องอาวุธ เพราะทหารต้องการสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ยังไม่ควรสรุปเช่นนั้น ทหารยืนยันว่าทำตามกรอบกฎหมาย และไม่ได้มุ่งตรวจสอบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น หรือไม่ได้พุ่งเป้าเฉพาะคนเสื้อแดง

ผบ.ตร.ยันไม่ล้มคดีการเมือง

      ที่เขาใหญ่ กรีนนารี่ฮิลล์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในการประชุมหาทางออกให้กับประเทศ ในส่วนของตำรวจคงไม่มีเสนอแนวทางใด แต่จะรับฟังความเห็นและปฏิบัติตามที่ ผอ.รส.มอบหมาย ในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ในส่วนของการดำเนินคดีต่างๆ ทางการเมือง และคดีระเบิดที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะมีการประกาศกฎอัยการศึก ยังคงกำชับให้ฝ่ายสืบสวนเร่งรัดและดำเนินคดีอย่างเต็มที่ แต่ในส่วนของการออกหมายจับแกนนำข้อหากบฏเพิ่มเติม ยอมรับว่าต้องชะลอไว้ก่อน เพราะยังอยู่ในบรรยากาศของการเจรจากัน 

      นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้ปล่อยปละละเลยเรื่องการจับกุมอาวุธสงคราม และที่ผ่านมาก็มีผลการจับกุมมาตลอด ก่อนที่จะมีการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ลักลอบนำเข้ามายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นกลุ่มใด และจะเกี่ยวข้องกับกรณีมีกระแสข่าวก่อนหน้าที่ว่ามีการขนอาวุธเข้ามาในพื้นที่ปริมณฑล โดยมีเป้าหมายที่แกนนำ กปปส.หรือไม่ ต้องมีการสืบสวนสืบสวนอย่างละเอียดก่อน 

นปช.โต้อาวุธไม่เกี่ยวเสื้อแดง 

      ที่พรรคเพื่อไทย นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.แถลงกรณีการจับกุมอาวุธสงครามที่เกิดขึ้น เช่น จ.ลพบุรี สมุทรสาคร เป็นต้นว่า ภาพที่ปรากฏออกไปทำให้เข้าใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ นปช. ซึ่งตนตรวจสอบร่วมกับนายอารี ไกรนรา แกนนำ นปช.ที่ดูแลด้านความปลอดภัย ขอยืนยันว่าการขนอาวุธทั้งหมดไม่ใช่ของ นปช. และไม่ทราบว่าเป็นอาวุธของใคร ด้วยเหตุนี้ตนจึงขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเคร่งครัดและให้ถึงที่สุด โดยตรวจสอบหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายให้ได้ความจริงที่ชัดเจนโดยเร็วที่สุด

ทหารถกขอพื้นที่คืน

         ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พ.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รอง ผบ.พล.1 รอ. หัวหน้ากองกำลังรักษาความสงบ กองทัพภาคที่ 1 จัดประชุมเจรจาขอคืนพื้นที่ผิวการจราจรจากหัวหน้าการ์ด กลุ่ม กปปส.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และสะพานพระราม 8 โดยมีพล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พล.ต.ต.วิชาญวัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ผอ.โรงเรียนในพื้นที่การชุมนุม หัวหน้าการ์ดกลุ่ม กปปส.และนายมานิต เตชอภิโชค รองปลัดกรุงเทพ มหานคร เข้าร่วมประชุม

สิ้นฤทธิ์ - พุทธอิสระ แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ถูกทหารเชิญขึ้นรถตู้ไปควบคุมตัวไว้ที่ ปตอ.พัน. 5 หลังการเข้าขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ พร้อมสั่งให้มวลชนกลับบ้าน เมื่อค่ำวันที่ 22 พ.ค.

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมกลุ่ม ผู้ชุมนุม กปปส.ยินยอมให้ความร่วมมือในการเปิดการจราจร ดังนี้ 1.เปิดการจราจรแยก จปร. ซึ่งจะทำให้รถใช้การสะพานพระราม 8 ได้ โดยจะเปิดการจราจรในเวลา 05.30-18.00 น. โดยเวลาจะปรับตามความเหมาะสม 2.เปิดการจราจรแยกประชาเกษม ซึ่งจะทำให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดโสมนัสได้สะดวกมากขึ้น โดยจะเปิดการจราจรในช่วงเช้าจนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน 3.เปิดการจราจรสะพานวันชาติ ถนนดินสอ และบริเวณแยกคอกวัวถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่ช่วงเช้า จนถึงเวลา 18.00 น. เพื่อให้นักเรียนโรงเรียนสตรีวิทยาและโรงเรียนวัดปรินายกสามารถเดินทางไปเรียนได้สะดวก ซึ่งจะเริ่มการการจราจรได้ตั้งแต่เวลา 13.00 น. อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่มีการเปิดการจราจรเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจะจัดกำลังในการดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติมมากขึ้นตลอดเวลา

ม็อบยอมเปิดพื้นที่จราจร 

       ที่แยกวิสุทธิกษัตริย์ เจ้าหน้าที่ทหารจาก ปตอ.พัน 1 รอ. 10 นาย พร้อมอาวุธประจำกาย เดินทางมาที่บริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์ จากนั้นได้เข้าเจรจากับการ์ดของกลุ่ม กปปส.เพื่อให้เปิดเส้นทางเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงเปิดเทอม นักเรียนที่จะเดินทางไปมาได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากจะต้องใช้เส้นทางอ้อมไปมา โดยกลุ่มการ์ด ได้ยินยอมเปิดเส้นทางการจราจรแต่โดยดี

       ขณะที่บริเวณแยก จปร ตัดถนนราชดำเนิน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการปิดการจราจร และผู้ใช้เส้นทางไม่สามารถใช้เส้นทางข้ามขึ้นไปสะพานพระราม 8 ได้ โดยเจ้าหน้าที่ทหาร จาก ศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี จำนวน 10 นายเข้าเจรจากับกลุ่มการ์ด กปปส. ให้เปิดเส้นทาง ขณะที่กลุ่มการ์ด กปปส. ยินยอมเปิดเส้นทางให้รถยนต์สัญจรขึ้นสะพานพระราม 8 ได้ ซึ่งขณะที่กลุ่มการ์ดเปิด-ปิด เส้นทาง ให้ขึ้นสะพานพระราม 8 และเส้นทางที่จะมุ่งหน้ามาแยกวิสุทธิกษัตริย์ ในช่วงเวลา 06.30-18.30 น. 

พุทธอิสระยอมเปิดแจ้งวัฒนะ

     ที่บ้านทรงไทย ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. พ.อ.วรวุฒิ วุฒิศิริ ผบ.ปตอ.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร และพ.ต.ท.บดินทร์ ผาสุข รอง ผกก.จร. สน. ทุ่งสองห้อง เข้าพบพุทธะอิสระ เพื่อเจรจาขอคืนพื้นที่ให้เปิดเส้นทาง โดยพุทธะอิสระ กล่าวว่า ตนยินยอมให้เปิดใช้เส้นทางฝั่งขาเข้าเพียง 2 ช่องทาง ส่วนฝั่งขาออกนั้นให้ผู้สัญจรบนท้องถนนอ้อมเข้าทางศูนย์ราชการเหมือนเดิม ทางด้านบนสะพานลอยยังต้องปิดอยู่เพราะเกรงว่าอาจถูกมือมืดก่อเหตุ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ต่อมาพุทธะอิสระสั่งการให้ช่วยกันรื้อถอนบังเกอร์กระสอบทรายโดยใช้รถแทร็กเตอร์พุ่งชนเพื่อทำลายก่อนให้ผู้ชุมนุมช่วยกันเคลียร์พื้นที่โดยมี เจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งคาดว่าเส้นทางการจราจรเปิดใช้ได้ในช่วงเย็นนี้ 

ศาลเลื่อนสืบพยานก่อการร้าย

       วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก่อการร้าย คดีหมายเลขดำ อ.2542/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ นปช. รวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1-24 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา ให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และร่วมกันชุมนุม ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 

      เมื่อถึงเวลานัดคู่ความทั้งสองฝ่าย แถลงต่อศาล ขอเลื่อนการนัดสืบพยานโจทก์ในครั้งนี้ออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก จึงไม่สะดวกในการเดินทางมาสืบพยาน รวมทั้งจำเลยในคดีนี้บางคนต้องเข้าร่วมประชุมกับกอ.รส. ในฐานะ ผู้ขัดแย้งทางการเมืองตามที่กอ.รส.นัดหมาย โดยขอเลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปเป็นเดือนกรกฎาคมแทน ศาลเห็นว่ามีเหตุอันควร จึงให้ยกเลิกนัดสืบพยานโจทก์ในเดือน พ.ค.ทั้งหมด และเริ่มนัดสืบพยานโจทก์อีกครั้งในวันที่ 17 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. 

อุทธรณ์ยก-หมิ่นมาร์คหนีทหาร

      ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่าย ต่อมาโจทก์ และจำเลยยื่นอุทธรณ์

      ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า จำเลยปราศรัยว่าโจทก์หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร และใช้เอกสารเท็จในการเข้าสมัครรับราชการในโรงเรียนนายร้อย ซึ่งจำเลยอ้างเอกสารทางราชการว่าโจทก์หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร หากโจทก์เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นแอบอ้าง โดยโจทก์ยืนยันผ่อนผันเกณฑ์ทหารแล้ว ก็สามารถให้มีการร้องเรียนตรวจสอบเอกสารเพื่อให้มีการแก้ไขเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้อง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการดังกล่าวโดยทันที ขณะที่ช่วงเกิดเหตุจำเลยเป็นนักการเมือง จึงได้ตรวจสอบโจทก์ที่เป็นนักการเมืองเช่นกัน การ กระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3) อุทธรณ์โจทก์ประเด็นนี้ฟังไม่ขึ้น

ยืนโทษคุก-ใส่ร้ายฆ่าประชาชน

       ส่วนการปราศรัยเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2553 จำเลยปราศรัยว่าอ้างว่ามีสายข่าว ระบุว่าโจทก์มีการวางแผนจัดตั้งมวลชนห้ำหั่นคนเสื้อแดง แต่ชั้นพิจารณาจำเลยไม่มีแหล่งข่าวที่อ้างดังกล่าวมาเบิกความจึงเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่ามีการประชุมวางแผนดังกล่าวจริง การปราศรัยดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการกระจายเสียง ตามมาตรา 328 ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ขอไม่ให้รอลงอาญา จำเลยนั้น ศาลเห็นว่าแม้โจทก์และจำเลยจะมีการฟ้องคดีกันถึง 5 สำนวน ทั้งในศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่เพราะทั้งสองก็เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกัน จึงย่อมเกิดการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียหรือเสียหายอย่างรุนแรง อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษารอลงอาญานั้นชอบแล้ว พิพากษายืน

      ด้านนายจตุพรกล่าวภายหลังว่า รอปรึกษาทีมกฎหมายว่าจะต้องฎีกาอีกหรือไม่ เพราะคดีที่ถูกฟ้องดังกล่าว มีเหตุในการฟ้อง 2 เรื่อง ใน 1 สำนวน ซึ่งศาลได้ยกฟ้องประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องเกณฑ์ทหารและประเด็นใบ สด.41 และลงโทษเรื่องการสั่งปราบปรามประชาชนแต่ศาลให้รอลงอาญา

เชียงใหม่เรียกแกนนำแดงถก 

       ที่สโมสรในค่ายทหารมณฑลที่ 33 หรือค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ พล.ต.สรายุทธ รังษี ผบ.มทบ.33 เชิญแกนนำคนเสื้อแดงทุกกลุ่มในจังหวัดเชียงใหม่และกลุ่มที่ขัดแย้งทางการเมืองมาชี้แจงทำความเข้าใจถึงข้อบังคับกฎอัยการศึก โดยมีแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่เดินทางมาครั้งนี้ประมาณ 12 คนเท่านั้น โดยทหารให้ทางสื่อได้เข้าบันทึกภาพก่อน จากนั้นก็ได้ให้สื่อมวลชนทุกแขนงที่มาทำข่าวครั้งนี้ประมาณ 30 คน ออกจากห้องประชุม และทางฝ่ายทหารกับแกนนำกลุ่มขัดแย้งทางการเมืองก็ได้ดำเนินการประชุมชี้แจง และฟังความคิดเห็นของแกนนำแต่ละกลุ่ม โดยใช้เวลาครั้งนี้ถึง 2 ชั่วโมง

นปช.ย้ำต้องทำประชามติ 

       สำหรับ การชุมนุมของกลุ่มนปช. ที่ถนนอักษะ เมื่อเวลา 08.00 น. นายจตุพรแถลงว่า ขอยืนยันเรื่องการทำประชามติ เพราะเห็นว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นไปในกรอบของประชาธิปไตย เพราะ นปช.และกลุ่มกปปส.รวมถึงภาคประชาชนนั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกัน และกลายเป็นปัญหาที่มีความแตกต่างทางความคิด จนนำไปสู่การขัดแย้ง จึงขอเสนอการทำประชามติ และให้แต่ละฝ่ายไปอธิบายให้กับพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ทำความเข้าใจ เช่น ทางฝ่าย กปปส.ควรทำความเข้าใจกับพี่น้องภาคเหนือและภาคอีสาน เช่นเดียวกับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ทาง นปช.จะทำความเข้าใจกับภาคประชาชนในการทำประชามติต่างๆ เพื่อใช้สิทธิและเสรีภาพ

กปปส.เฮ-ทหารปว.

     เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เวทีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แยกมัฆวานฯ ถนนราชดำเนินนอก หลังผู้ชุมนุมทราบแถลงการณ์ยึดอำนาจเข้าควบคุมอำนาจในการปกครองประเทศ ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทางกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ต่างส่งเสียงเฮ พร้อมเป่านกหวีด แสดงความดีใจ

     ขณะที่แกนนำย่อยบนเวทีปราศรัยได้กล่าวแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า ขอให้การปฏิวัติยึดอำนาจของผบ.ทบ.ในครั้งนี้เป็นการปฏิวัติเพื่อปฏิรูปประเทศ ในขณะที่แกนนำ กปปส.ที่ไม่ได้ไปร่วมประชุมยังไม่มีการออกมาแสดงท่าทีใดๆ

      ต่อมานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสกลธี ภัททิยกุล นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายวิทยา แก้วภราดัย ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ให้มวลชนปักหลักอยู่กับที่ เพื่อรอฟังท่าทีจากทางแกนนำ และให้เคารพในแถลงการณ์ของพล.อ. ประยุทธ์ และรอให้ฟังประกาศฉบับต่อไป 

'ถาวร'สั่งเลิกชุมนุมแล้ว 

     นายถาวร เสนเนียม กล่าวว่า จากการหารือกับพ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน ผู้บังคับการกรมโรงเรียนทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ได้รับการประสานว่าภายใน 1 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่จะจัดรถมารับมวลชนออกจากพื้นที่ โดยใช้พื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นจุดขึ้นรถ ถือเป็นการยุติการชุมนุมอย่างสิ้นเชิง ตามคำสั่ง กอ.รส. ส่วนแกนนำจะอยู่ดูแลมวลชนและส่งมวลชนกลับบ้านทุกคน ก่อนจะหารืออีกครั้งว่าจะเข้ามอบตัวทันทีหรือไม่ ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้ติดต่อกับนายสุเทพแต่อย่างใด

     เมื่อเวลา 18.30 น. พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ประกาศยุบเวที โดยให้ ผู้ชุมนุมทุกคนเก็บของกลับบ้านทันที หลังกำลังทหารเข้าพื้นที่ โดยมีรถบัสรับส่งให้ ขณะที่พุทธะอิสระถูกควบคุมตัวไปยังกองพันที่ 5 กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) 

      เมื่อเวลา 20.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานพระบรมรูปทรงม้าว่า บรรยากาศการขนส่งผู้ชุมนุม กปปส. กลับต่างจังหวัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้จัดรถขสมก.รับผู้ชุมนุมไปส่งยังสถานีขนส่งสายใต้ใหม่และสถานีขนส่งหมอชิต กว่า 20 คัน

แดงป่วน-ทหารเข้าเคลียร์ 

     ส่วนที่เวทีการชุมนุมกลุ่ม นปช. นายสมหวัง อัสราษี แกนนำ นปช. ขึ้นประกาศบนเวทีว่าขณะนี้แกนนำที่ไปร่วมประชุมที่ กอ.รส. สโมสรกองทัพบก ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ ร.1 รอ. โดยยังไม่สามารถติดต่อได้ ขอให้มวลชนอยู่ในความสงบและจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้ง

     จากนั้นนายสมหวังให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังติดต่อแกนนำไม่ได้ แต่ยืนยันเจตนารมณ์เดิมว่าไม่เอานายกฯ คนกลางและต้องการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง โดยหลังจากนี้จะเรียกประชุมแกนนำกลุ่มย่อยเพื่อกำหนดแนวทางเคลื่อนไหวต่อไป 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นประมาณ 5 นาทีมีเสียงคล้ายประทัดดังขึ้นต่อเนื่อง นานประมาณ 1 นาที มีต้นทางมาจากต้นถนนอักษะ ผู้สื่อข่าวที่ประจำอยู่หลังเวทีพากันหมอบตัวหลบใต้โต๊ะ และบางส่วนเคลื่อนออกจากพื้นที่ชุมนุม จากการสอบถามผู้ที่วิ่งมาจากต้นเสียงทราบว่าเสียงดังที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นประทัดจากรถทหารที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้า และกล่าวว่ามีทหารล้อมอยู่โดยรอบพื้นที่ชุมนุมอยู่ ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวต้องเร่งถอนตัวออกจากพื้นที่พร้อมกับผู้ชุมนุม นปช.อีกส่วนหนึ่งด้วยความทุลักทุเล

ยึดเวที-จับนพ.เหวง 

      เวลา 17.35 น. มีรายงานว่า ทหารขึ้นไปยึดพื้นที่บนเวทีคนเสื้อแดง ถ.อักษะ แล้ว ขณะที่กำลังทหารอีกกลุ่มเข้าตรวจค้นด้านหลังเวทีปราศรัยและรถยนต์ของบรรดาแกนนำพบอาวุธปืนจำนวนหนึ่ง ต่อมาเวลา 18.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. เอาไว้ รวมทั้งนายสมหวัง และจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ด้วย 

      นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน เผยว่า ประสานกับแกนนำ นปช.ภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด เพื่อขอให้ยุติการเคลื่อนไหวในพื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งขอให้ถอนกำลังออกมาจากถนนอักษะด้วย เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

แกนแดงอุบลฯหนีไปลาว

     ที่ จ.อุบลราชธานี นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา แกนนำกลุ่ม นปช.จังหวัดอุบลราชธานี เผยว่าอยู่ระหว่างการเดินทางออกไปยังประเทศลาว เพื่อไปดูสถานการณ์บ้านเมืองก่อนว่าทหารจะเอาอย่างไรหลังเข้ายึดอำนาจ ทั้งนี้ตั้งแต่ทหารประกาศใช้กฎอัยการศึก ก็สั่งปิดสถานีวิทยุชุมชนของตนเองตั้งแต่วันแรก เพราะเป็นสถานีที่มีการจัดรายการแสดงความเห็นทางการเมือง จึงไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบ 

      ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับแกนนำกลุ่ม นปช.ของจังหวัดอุบลราชธานีอีกหลายคนอาทิ จ.ส.อ.สมจิตร สุทธิพันธ์ น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน ซึ่งดูแลมวลชนประมาณ 200 คน ที่ถนนอักษะ กรุงเทพฯ ยังไม่ทราบความเคลื่อน ไหว ส่วน พ.ต.สวัสดิ์ กูแก้ว นางรัตนา ผุยพรม นายปรีดี พันทิวา ซึ่งเดินทางกลับมาแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้

      ขณะที่บรรยากาศตามสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุในจังหวัด มีกำลังทหารจากกรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เข้าดูแลรักษาความสงบ 

ปิดวิทยุคนรักอุดรฯ 

      ที่จ.อุดรธานี กำลังทหารสังกัด ร.13 พัน 2 ค่ายเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ อุดรฯ 24 นาย ขับรถยูนิม็อก รถฮัมวี่ 3 คัน เข้ายึดสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร คลื่น 97.5 เมกกะเฮิร์ต หมู่ 11 ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรฯ โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในสถานี และให้เจ้าหน้าที่สถานีที่กำลังทำงานอยู่ ให้ออกมาอยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าชมรมรักอุดร โดยอนุญาตให้พนักงาน อยู่เฝ้าสถานีกับทหาร ได้เพียง 2 คน พร้อมสั่งยุติการออกอากาศ ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ยังไม่สามารถติดตามตัวได้

 

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!