- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 20 October 2014 09:41
- Hits: 3488
เล็ง 20 สปช.นั่งกมธ.รธน. ทีมยกร่าง 'ไพบูลย์'เสนอตัวเอง ชี้คสช.ดันบวรศักดิ์ปธ. 21 ตค.โหวตเทียนฉาย'แดง'ร่วมเผา'อภิวันท์'ปูควงไปป์บินไปญี่ปุ่น
'วิชา'อ้าง สนช.มีอำนาจถอดถอน'สมศักดิ์-นิคม'พร้อมเต็มใจให้ สปช.ปฏิรูปองค์กร ป.ป.ช. 'พีระศักดิ์'เผยยังไม่บรรจุวาระถอดถอน น่าจะใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์ 'วรชัย'โต้'เฉลิม'กลุ่มเสื้อแดงไม่เคยยุ่งเกี่ยวการทำงาน"เพื่อไทย"
'บิ๊กกี่'ปัดมีการล็อบบี้ล้มถอดถอน
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะวิป สนช. กล่าวถึงการพิจารณาเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบว่า ขณะนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกับกลุ่ม สนช.ที่ต้องการให้มีการถอดถอน เพราะคิดว่าการพูดคุยในสภา สนช. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาเพียงพอแล้ว ส่วนจะมีข้อสรุปอย่างไรยังตอบไม่ได้ เพราะ สนช.ทุกคนตอนนี้ถึงจะวิเคราะห์กันอย่างไรก็เหมือนตาบอดคลำช้าง เพราะต้องรอดูสำนวนถอดถอนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กว่า 4,000 หน้าก่อน ขณะนี้เอกสารที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการพิจารณา
"ขนาดกฎหมายฉบับเดียวกันใน สนช.ยังเถียงกันไปมา นักกฎหมายก็วิเคราะห์กันคนละแบบ ความคิดยังแตกต่างกันเลย ผมยืนยันว่าไม่มีความแตกแยกใน สนช. ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด กระแสข่าวที่ว่ามีการล็อบบี้นอกสภา เพื่อให้โหวตไม่ถอดถอนไม่เป็นความจริง ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง" พล.อ.นพดลกล่าว
ไม่โต้'เฉลิม'ขอเดินหน้าปฏิรูป
ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน วิเคราะห์ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เรียบร้อยและมีการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมาชนะการเลือกตั้งแน่นอนเพราะฐานเสียงดีกว่า พล.อ.นพดลกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ ควรมองปัจจุบันว่าจะทำให้อย่างไรให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ก่อน ส่วนในอนาคตหากมีการเลือกตั้งขึ้นอยู่กับประชาชนทั่วประเทศจะเลือกใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี เวลานี้คิดว่าการปฏิรูปน่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญมากที่สุด
ถกปมถอดถอนอีกรอบ 21 ต.ค.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. และโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำ สนช. หรือ วิป สนช. กล่าวถึงการนำวาระพิจารณาคดีถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์เข้าสู่การพิจารณาของ สนช.อีกครั้งว่า การจะนำวาระเรื่องถอดถอนดังกล่าวเข้ามาใน สนช.อีกครั้งเป็นอำนาจของประธาน สนช. และจะทราบถึงความชัดเจนเรื่องนี้ในการประชุมวิป สนช.วันที่ 21 ตุลาคม
ส่วนกรณีกระแสวิจารณ์เรื่องที่สมาชิก สนช.สายทหารระบุไม่มีอำนาจถอดถอนถือว่าเกิดความแตกแยกใน สนช.หรือไม่ นพ.เจตน์กล่าวว่า คงไม่ใช่ เป็นเพียงความคิดเห็นของสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ไม่ใช่ความเห็นสภา สนช. ประเด็นปัญหาคือยังไม่ได้มีการศึกษาลงในรายละเอียดของสำนวน แม้ว่าในเบื้องต้นหนังสือนำส่งของ ป.ป.ช. จะระบุฐานความผิดในฐานของกฎหมาย ป.ป.ช.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แต่เราต้องดูในรายละเอียดด้วยว่าเป็นอย่างไร
ยังไม่เห็นสำนวนขออ่านก่อน
"ไม่มีใครเห็นในรายละเอียด แต่ถ้าให้เวลาศึกษา ได้อ่านสำนวนก็จะมีความเข้าใจว่าข้อกฎหมายเป็นอย่างไร มันเป็นประเด็นเรื่องกฎหมายเท่านั้น" นพ.เจตน์กล่าว และตอบข้อถามกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน วิเคราะห์ว่า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะออกแบบมาอย่างไร พรรคเพื่อไทย (พท.) จะชนะการเลือกตั้งว่า เป็นเพียงความคิดเห็นของ ร.ต.อ.เฉลิม ไปคิดตอบโต้ไม่ได้ เป็นเรื่องของประชาชนมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลชั่วคราวแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองได้อย่างไร จะเป็นเครดิตให้รัฐบาลนี้ ฝ่ายที่ต่อต้านก็จะลำบากหากเกิดการเลือกตั้งขึ้น อาจจะเป็นไปตามกระแสเดิมที่ประชาชนจะเลือกพรรคเดิมหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลงานของรัฐบาลนี้
สนช.ทหารขอสงวนท่าทีลงมติ
พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สนช. กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งข้อสังเกต สนช.สายทหารเลื่อนการลงมติการถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม เป็นการโยนหินถามทางลองหยั่งเสียงกระแสสังคม ว่า ไม่ใช่การหยั่งกระแสสังคม เหตุที่ยังลงมติไม่ได้ เนื่องจาก สนช.มีข้อมูลน้อยมากไม่ถึง 10 แผ่น เพิ่งได้เอกสารกว่า 4,000 หน้า ก่อนหน้าประชุมแค่วันเดียว จึงอ่านไม่ทัน ต้องขอเวลาพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนที่ระบุว่า สนช.สายทหารมีการล็อบบี้การลงมติ จะไม่รับสำนวนถอดถอนนั้นไม่เป็นความจริง สนช.สายทหารหลายคนยังสงวนท่าทีเพราะยังไม่เห็นรายละเอียด จึงบอกไม่ได้ว่าจะลงมติรับหรือไม่รับการถอดถอน แต่ละคนคงต้องไปหารือกับทีมกฎหมายของตัวเองก่อนที่จะลงมติ ซึ่ง สนช.สายทหารไม่มีการล็อบบี้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน
'พีระศักดิ์'ลั่น'ไม่มีมวยล้ม'
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า ยังไม่ได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ว่า จะนำบรรจุวาระการถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม เข้าสู่ที่ประชุม สนช.อีกครั้งเมื่อใด คาดว่าคงใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสมาชิก สนช.ได้ศึกษาสำนวนถอดถอนของ ป.ป.ช.เสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ส่วนกรณี ปชป.แสดงความเป็นห่วงว่าการพิจารณาถอดถอนของ สนช.จะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู ก็แล้วแต่จะคาดการณ์กันไป ยืนยันว่า สนช.ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีมวยล้ม ทุกอย่างว่ากันไปตามหลักกฎหมาย
'วิชา'ชี้สนช.มีอำนาจถอดถอน
ที่ลานกิจกรรมเอ็มบีเค อเวนิว ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์กรณี สนช.ชะลอเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมออกไปก่อน ว่า ป.ป.ช.คงไม่มีความเห็นอะไร ได้ทำจนสิ้นสุดหน้าที่แล้ว หน้าที่ต่อไปเป็นของ สนช.ที่จะรับผิดชอบ ป.ป.ช.อาจจะโล่งอกแต่คงเป็นเรื่องหนักอกของ สนช. สนช.มีอำนาจที่จะถอดถอนจึงส่งเรื่องไป หากไม่สามารถทำได้ก็คงไม่ส่งเรื่องไป
ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่า ป.ป.ช.ส่งเอกสารสำนวนถอดถอนไม่ครบ นายวิชายืนยันว่า ป.ป.ช.ส่งสำนวนไปครบถ้วนกว่า 4,000 หน้า แต่ปัญหาคือ สนช.ยังอ่านไม่หมด เพราะอายุมากแล้วก็ต้องเห็นใจ
ไม่ได้น้อยใจถูกชะลอเรื่อง
เมื่อถามว่าหาก สนช.มีมติไม่รับเรื่องการถอดถอนไว้พิจารณา ป.ป.ช.จะนำสำนวนกลับมาพิจารณาใหม่หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า คงไม่ เพราะเรื่องจบก็คือจบ ป.ป.ช.คงไม่ไปแบกรับเรื่องที่ดำเนินการจบสิ้นไปแล้ว ส่วนคดีถอดถอนอื่นๆ ยังคงต้องทำตามหน้าที่ ขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งหมดพิจารณา ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว ส่วนการที่ สนช.ชะลอเรื่องถอดถอนไม่ได้น้อยใจ เพราะเป็นการทำเพื่อบ้านเมืองจะมัวไปนั่งเศร้าไม่ได้เป็นอันขาด
เมื่อถามว่า การที่ สนช.ชะลอเรื่องการถอดถอนจะมีผลต่อกรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ด้วยหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ไม่มีผลกระทบใดๆ
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าประเด็นเรื่องถอดถอนของ ป.ป.ช.จะทำให้ไม่สอดคล้องกับแนวทางปรองดอง นายวิชากล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การปรองดองเป็นเรื่องของการเมือง จะต้องรู้จักแยกแยะ ในฐานะ ป.ป.ช.ต้องมีความหนักแน่น
เต็มใจให้ปฏิรูปป.ป.ช.-ไม่กังวล
นายวิชา ให้สัมภาษณ์กรณีข้อเสนอจากหลายฝ่าย รวมทั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้มีการปฏิรูปองค์กร ป.ป.ช.ว่า ไม่ได้กังวลใดๆ ที่ผ่านมามีการปฏิรูปองค์กรตลอดเวลา และขณะนี้ก็มีแผนที่จะปฏิรูป และจะบอกให้ทราบว่าในวันอังคารที่ 21 ตุลาคมนี้ จะมีการแถลงผลงาน ป.ป.ช.ครบ 8 ปี
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ สปช.หลายคนให้ความเห็นเรื่องการปฏิรูป ป.ป.ช. นายวิชากล่าวว่า ดีเลย เชิญเลย เต็มใจอยู่แล้วไม่ได้กังวลใดๆ ใครที่ขัดข้องใจต้องการลดบทบาทของ ป.ป.ช.ก็คิดได้ เพราะเป็นเรื่อง สปช.ที่เขาจะเข้าไปมีส่วน และคนไทยก็สามารถให้ความเห็นเรื่องการปฏิรูปได้ จะไปห้ามคนอื่นไม่ให้คิดมาปฏิรูป ป.ป.ช.ไม่ได้ หรือแม้แต่สื่อก็ต้องปฏิรูปเหมือนกัน ส่วนที่มี สปช.บางคนเสนอไปถึงขั้นให้ยุบ ป.ป.ช.นั้น นายวิชากล่าวว่า ก็ลองดูว่าประชาชนจะว่าอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชน
เตรียมโชว์ผลงาน8ปีป.ป.ช.
นายวิชา ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงผลงานครบรอบ 8 ปี ของ ป.ป.ช.ว่า จะรวบรวมผลงานที่ผ่านมาให้ประชาชนรับทราบ ส่วนจะมีเรื่องอะไรให้รอฟังในวันที่แถลง เมื่อถามว่าในวันแถลงผลงานจะมีการชี้แจงถึงเรื่องที่ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วแต่ยังไม่แถลงข่าวด้วยหรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ต้องรอดูเพราะมีเรื่องจำนวนมากที่จะแถลงให้ประชาชนทราบ ซึ่งแถลงวันเดียวอาจจะไม่พอและเรื่องที่ชี้มูลคงจะไว้วันอื่นบ้าง
นายวิชา ยังให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการไต่สวนกรณีการจัดซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับจีน สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ป.ป.ช.ได้ประสานร่วมมือไปยัง ป.ป.ช.ของจีน ซึ่งเราได้ส่งข้อมูลไปให้กับจีนบ้างแล้ว
อายแทน'ไทย'โกงขั้นปี๊บคุมหัว
ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่ลานกิจกรรมอเวนิวโซน ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ป.ป.ช.ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านการทุจริต และโครงการ "ดู Cheat don"t cheat เป็นวัยรุ่นต้องกล้าโชว์ ใจฮีโร่ต่อต้านโกง" ภายใต้โครงการยุวทูต ป.ป.ช. โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมทั้งการเสวนาหัวข้อ "เมื่อการทุจริตมีรอบตัว รัฐหรือเราที่ต้องแก้" นายวิชากล่าวเสวนาตอนหนึ่งว่า "วันนี้เมื่อเราออกไปต่างประเทศ เรตติ้งประเทศไทยโกงสุด สอบตกทุกปี อายและขายหน้าหรือไม่ ต้องเอาปี๊บคุมหัวแบบ นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลหรือไม่ มาตรฐานเรื่องการโกงสากลเขารับไม่ได้ แล้วเราจะไม่เปลี่ยนหรือ ประเทศอื่นเขาเปลี่ยนแล้ว เราย่ำเท้าอยู่กับที่ ดังนั้นต้องร่วมมือร่วมใจกัน เริ่มต้นต้องไม่คิดเอาของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเรา รวมทั้งไม่เอาของที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสาธารณสมบัติของชาติ เช่น ภูเขา ต้นน้ำ ลำธาร แต่ต้องรวมกันพิทักษ์ไว้ยิ่งกว่าของส่วนตัว"
กรณี'จำนำข้าว'เงินหาย 7 แสนล.
นายวิชากล่าวเสวนาอีกว่า ปัจจุบันคดีทุจริตไม่ลดลงแต่สูงขึ้นเรื่อยๆ มาเหมือนกับสายน้ำ หากไม่มีเขื่อนตั้งรับไว้รับรองน้ำท่วมองค์กรหมดแล้ว นอกจากคดีมากมายแล้วยังมีความสลับซับซ้อน เช่น การทุจริตเชิงนโยบาย เข้ามาปกครองบ้านเมืองแล้วกำหนดว่าจะต้องออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์พรรคพวก คิดแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว อาทิ การทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. จะเห็นว่าเขาวางแผนกันไว้แล้ว หรือการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เรียกว่าจำนำแต่ให้เงินฟรี จะเห็นว่าชาวนาปล่อยข้าวให้แล้วไม่เอากลับคืน ไม่มีชาวนาที่ไหนมารับข้าวคืนจนล้นโกดัง กระบวนการเหล่านี้ต้องเรียกว่าสุดยอดของความชั่วร้าย ทำให้เงินที่รัฐจ่ายไป 7 แสนล้านบาท หายไปเข้ากระเป๋าพรรคพวก ถือเป็นการโกงที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเอาชนะการโกงที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้เลย เป็นกระบวนการที่มีความรู้ความชำนาญ ดังนั้น คนที่ทำหน้าที่ไต่สวนต้องมีความเชี่ยวชาญเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหาไม่เจอว่าเงินหายไปไหน เงินส่วนใหญ่ขณะนี้ขนออกไปนอกประเทศ ไม่ได้อยู่ในประเทศ ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ ป.ป.ช.ได้ร่วมมือกับ ป.ป.ช.ทั่วโลกที่มีการลงนามในเอ็มโอยูกันเอาไว้ เพื่อจะได้รู้ว่าเขาฝากเงินไว้ในธนาคารใดบ้าง ป.ป.ช.ประเทศนั้นๆ จะช่วยหาข้อมูลของเงินให้ไทย
ลั่นไม่ปรองดองพวกคดโกง
นายวิชา ยังกล่าวว่า แม้สถานการณ์การเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่ ป.ป.ช.ต้องทำงานและทำหน้าที่ปราบปรามการทุจริต มีคนพูดกันหลายครั้งว่าบ้านเมืองปรองดอง แล้วทำไม ป.ป.ช.ไม่ไปปรองดองบ้าง ถามว่าคนที่ทุจริตโกงบ้านโกงเมืองแล้วอยู่ๆ จะบอก ป.ป.ช.ว่าปรองดอง เลิกกันเถอะนั้นไม่ได้ จะไปมโนทั้งที่บอกปาวๆ ว่าเผาเลยพี่น้องแล้วจะมาปรองดอง ซึ่งไม่ใช่ แต่ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วจะมาปรองดองอันนี้ได้ เพราะต้องอยู่ร่วมแผ่นดินกัน
"ที่มีการฟ้องร้องหรือร้องทุกข์กล่าวโทษกันแล้ว มาบอกให้ ป.ป.ช.เลิกเถอะ แยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะมี ป.ป.ช.ทำไม ในเมื่อมีการโกงปรากฏขึ้นต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ถ้าทำอย่างนั้นเท่ากับว่าโกงแล้วเลิกได้ ป.ป.ช.ไม่ทำอะไร ดังนั้น สถานการณ์ขณะนี้ ป.ป.ช.ต้องทำหน้าที่ของตัวเองไป ส่วนจะจบอย่างไร ไม่ได้จบที่เรา แต่จบที่ศาล และ สนช. ภารกิจใครมีก็ทำไป ทำหน้าที่ตนเองให้ดี" นายวิชากล่าว
รองอธิการมธ.ปลุกต้านโกง
นายอุดม รัฐอมฤต รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวในงานสัมมนาเดียวกันว่า การกระทำที่ไม่ถูกต้องในสังคมที่พัฒนาแล้วเป็นสิ่งที่น่าละอาย แต่เมืองไทยกลับไม่ต่อต้าน ดังนั้น ต้องสร้างวัฒนธรรมต่อต้านคนที่ไม่เคารพกติกา แน่นอนว่าคนคนเดียวอาจทำอะไรแล้ว กลายเป็นคนบ้าหรือขวางโลก จึงจำเป็นต้องรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นองค์กรที่เคารพกฎหมายและกติกาในสังคม การโกงบ้านโกงเมืองไปในทางมิชอบมีทางเดียวต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของพวกเราทั้งหมด ไม่ใช่ของคนที่มีตำแหน่ง เพราะสาธารณสมบัติเป็นของทุกคน ต้องมานั่งช่วยกัน ไม่ใช่ปล่อยให้มีตัวแทน ข้าราชการ หรือ ป.ป.ช.ทำเท่านั้น
หนุนเทียนฉายนั่งเก้าอี้ปธ.สปช.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยถึงการเลือกประธานและรองประธาน สปช.ในการประชุมนัดแรก วันที่ 21ตุลาคมนี้ ว่า จากการรับฟังเสียงของสมาชิกส่วนใหญ่น่าจะชัดเจนว่านายเทียนฉาย กีระนันทน์ จะได้รับเลือกให้เป็นประธาน สปช. ถึงตอนนี้ไม่น่ามีใครเสนอตัวแข่งแล้ว ส่วนรองประธานคนที่ 1 คือ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และรองประธานคนที่ 2 คือ นางทัศนา บุญทอง โดยตัดสินใจเลือกตามรายชื่อดังกล่าวด้วย เพราะคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมเท่า 3 คนนี้
ส่วนตัวแทน สปช.ที่จะป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 20 คน นายไพบูลย์กล่าวว่า อาจจะมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายคำนูณ สิทธิสมาน และนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
'บวรศักดิ์'เต็งปธ.กมธ.ยกร่าง
"ผมเองก็อาสาเสนอชื่อตัวเองเป็นกรรมาธิ การร่างอยู่แล้ว แต่จะให้เป็นประธานกรรมาธิการร่างคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะ คสช.มีรายชื่อในใจอยู่แล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าเต็งหนึ่งคือนายบวรศักดิ์แน่นอน" นายไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่จะมีขึ้น จะมีการร่างกฎหมายกีดกันคนพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ถือว่าขัดต่อหลักการแต่จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์เรื่องความโปร่งใสในกระบวนการการเข้าสู่ตำแหน่ง คือการกำหนดคุณสมบัติให้มีมาตรฐานมากขึ้น ต้องมีผลบังคับกับทุกคนทุกพรรคอยู่แล้ว เพราะถ้าเริ่มร่างไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน
นายไพบูลย์ ยังกล่าวตอบถึงคำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ว่าหากมีการเลือกตั้งอีก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะชนะแน่นอน ว่า หากรัฐธรรมนูญฉบับถาวรออกมาก็ต้องถูกบังคับด้วยมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ที่ไม่ให้บุคคลถูกชี้มูลความผิดเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคุณสมบัติของ ส.ส.ต้องไม่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดเรื่องคดีจำนำข้าว ไม่น่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งได้
โพลเรียกร้อง สปช.ซื่อสัตย์
สวนดุสิตโพล หรือมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,454 คน ระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคม หัวข้อใหญ่ "สิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึง สปช." ผลสำรวจกรณีประชาชนอยากฝากถึง สปช. โดยร้อยละ 81.22 อยากให้ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม เป็น กลาง รองลงมาร้อยละ 76.89 อยากให้เร่งดำเนินการปฏิรูปปัญหาเร่งด่วนโดยเร็ว โดยฟังความคิดเห็นของประชาชน
กรณี 5 อันดับแนวทางการปฏิรูปประเทศที่ควรเร่งดำเนินการมากที่สุดคือ การเมือง ร้อยละ 78.57, การศึกษา ร้อยละ 78.06, เศรษฐกิจ ร้อยละ 74.33, กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 70.37 และการบริหารราชการแผ่นดิน ร้อยละ 61.79
นอกจากนั้น แนวทางการปฏิรูปประเทศเรื่องใดที่คิดว่ายากที่สุด ร้อยละ 73.25 บอกว่าการเมือง รองลงมาเป็นเรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่วนแนวทางปฏิรูปที่
คิดว่าง่ายที่สุด คือ สื่อสารมวลชน ร้อยละ 82.53 รองลงมาสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 75.03
จี้ป.ป.ช.สอบทรัพย์สิน'พรเพชร'
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. กล่าวว่า ได้ส่งอีเอ็มเอสถึงประธาน ป.ป.ช. เรื่องขอให้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอื่นๆ ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. โดยนายพรเพชรยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2557 ได้แจ้งรายการทรัพย์สินอื่น ประกอบด้วย งาช้าง พระเครื่อง พระบูชา ภาพวาด นาฬิกา โดยจำนวนหน่วยระบุว่า "ปรากฏตามภาพถ่ายที่ยื่นไว้เมื่อตุลาคม 2550" วันเดือนปีที่ได้มาระบุว่า "ได้มาก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินแต่ละครั้ง" มูลค่าระบุว่า "ประเมินราคาไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางจิตใจ และส่วนใหญ่เป็นของประจำบ้านที่ได้รับตกทอดมา" แต่รายการทรัพย์สินอื่นของคู่สมรส ประกอบด้วย ทองรูปพรรณและอัญมณีเครื่องประดับ โดยจำนวนหน่วยระบุว่า "ปรากฏตามภาพถ่ายที่ยื่นไว้เมื่อ ตุลาคม 2550 และ 2553" วันเดือนปีที่ได้มา
ระบุว่า 'ได้มาก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินแต่ละครั้ง'มูลค่าระบุว่า 2 ล้านบาท ต่อมานายพรเพชรได้เปิดเผยต่อสำนักข่าวแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ตอนหนึ่งกล่าวว่า "เมื่อดำรงตำแหน่ง สนช. จะต้องเปิดเผยทรัพย์สินส่วนนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.แนะนำมาว่าสามารถใช้สิทธิปกปิดได้ พอดีกับภรรยาผมก็ไม่อยากเปิดเผยให้ใครเห็น จึงขอใช้สิทธิในส่วนนี้ ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมด ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบได้"
คุ้ยปมมูลค่า'งาช้าง-พระเครื่อง'
นายเรืองไกรกล่าวว่า จึงมีประเด็นให้ ป.ป.ช. ต้องตอบคำถามต่อสาธารณชนว่า การไม่แจ้งมูลค่าของรายการทรัพย์สินอื่นกระทำได้หรือไม่ จะถือเป็นบรรทัดฐานให้ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. นำไปกล่าวอ้างเป็นแบบอย่างได้หรือไม่ ถ้าทำได้ จากนี้ไป ป.ป.ช.จะตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงมูลค่ารายการทรัพย์สินและหนี้สินได้อย่างไร และการไม่แจ้งมูลค่าทรัพย์สินอื่นของผู้ที่มีหน้าที่ในกรณีต่อๆ ไป จะไม่เป็นการฝ่าฝืนประกาศ ป.ป.ช.เรื่อง แบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2554 ใช่หรือไม่ การที่นายพรเพชรได้ระบุรายการทรัพย์สินอื่นว่าประกอบด้วยงาช้าง พระเครื่อง พระบูชา ภาพวาด นาฬิกา มีคำอธิบายว่า พระพุทธรูป ภาพวาด ถือว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่าทางจิตใจที่บิดายกให้ แต่ไม่ได้ระบุรวมถึงงาช้าง พระเครื่อง นาฬิกา ด้วยแต่อย่างใด จึงมีประเด็นที่ต้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและตอบต่อสังคมให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า การไม่แจ้งมูลค่าทรัพย์สินอื่นดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศ ป.ป.ช.หรือไม่ เพราะหากดูจากคำอธิบายท้ายประกาศ ป.ป.ช. เรื่อง แบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 ในรายการที่ 9 ทำให้เข้าใจชัดเจนว่าทรัพย์สินทุกรายการต้องแสดงมูลค่าด้วย กรณีไม่แจ้งมูลค่าของรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรายอื่นนั้น ป.ป.ช.เคยร้องศาลรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว
ดัดหลังปกปิดมูลค่าทรัพย์สินอื่น
"หากผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินรายอื่นจะเอาแบบอย่างสามารถทำได้ใช่หรือไม่ และหากมีการตรวจพบว่า บุคคลใดมีทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ แต่มีการแก้ต่างว่าเพราะมีรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินอื่นที่ไม่ได้แจ้งมูลค่าไว้ การตรวจสอบหาความร่ำรวยผิดปกติจะทำได้อีกต่อไปหรือไม่ เพราะทุกคนก็จะกล่าวอ้างว่าร่ำรวยขึ้นมาเพราะจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินอื่นเหล่านั้น จึงเรียนมาเพื่อ ป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีรายการทรัพย์สินอื่นของนายพรเพชร คือ งาช้าง พระเครื่อง พระบูชา ภาพวาด นาฬิกา ที่ได้ยอมรับว่ามีการยื่นมาหลายครั้งแล้วโดยไม่แสดงมูลค่าไว้นั้น กระทำได้หรือไม่ หาก ป.ป.ช.ไม่ดำเนินการต่อไปเพราะเห็นว่าการแสดงรายการทรัพย์สินอื่นโดยไม่แจ้งมูลค่านั้นสามารถกระทำได้ ขอให้แถลงข่าวต่อสาธารณชนเพื่อให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินรายอื่นสามารถดำเนินการตามแบบอย่างได้ต่อไป"นายเรืองไกรกล่าว
'วรชัย'ออกโรงโต้'เฉลิม'
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำ นปช. กล่าวกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า นปช.ทำตัวใหญ่ ไม่เกรงใจใครในพรรค รวมถึงที่ระบุว่า พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสุขจากการรัฐประหารในครั้งนี้ว่า ขอมองคนละมุม ส่วนตัวมองว่าการทำรัฐประหารครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ว่าใครจะมาบอกว่าใครก็ตามแฮปปี้คงเป็นไปไม่ได้ โดยส่วนตัวรักและเคารพ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะพี่ใหญ่ ส่วนเรื่องพรรคไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว เนื่องจากเป็นเพียงแกนนำผู้รักประชาธิปไตย จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวการทำงานของพรรค "ส่วนที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แฮปปี้กับการทำรัฐประหารนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะท่านเป็นผู้รักประชาธิปไตยและเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม" นายวรชัยกล่าว
'ปู'พา'ไปป์'เที่ยวญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเวลา 22.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วย ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ "น้องไปป์" บุตรชาย ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องบินสายการบินไทย ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะพาบุตรชายไปเที่ยวและพักผ่อนในช่วงปิดเทอม ตามที่ได้รับปากกับลูกชายไว้ก่อนหน้าแล้ว