- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 14 October 2014 13:01
- Hits: 4991
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8721 ข่าวสดรายวัน
'เทียนฉาย'ลั่นพร้อม นั่งปธ.สปช. แนะสมาชิกเลิกแบ่งขั้ว ปปช.สงสนช.เชือด'ปู''เดชณรงค์'คุมดีเอสไอ ฆ่าตัว 2 ราย-เซ่นยางตก
พร้อมนั่งปธ. - นายเทียนฉาย กีระนันทน์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ารายงานตัวที่รัฐสภา และให้สัมภาษณ์พร้อมรับตำแหน่งประธานสปช. และเดินหน้าเสนอรายชื่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. |
ป.ป.ช.ส่งสำนวนถอด ถอน'ปู'ให้สนช.แล้ว'เทียนฉาย'พร้อมนั่งปธ. สปช. ชี้ต้องเร่งตั้งกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนสปช.ต้องเลิกพูดขั้วการเมือง เด็กปชป.โวยข้อเสนอเลือกนายกฯโดยตรง 'ยงยุทธ วิชัยดิษฐ'ร่วมงานศพอภิวันท์ เหลิมจิบไวน์โชว์ ยันสุขภาพแข็งแรง ครม.พิจารณาวันนี้ ตั้งเดชณรงค์คุมดีเอสไอ เงินสนับสนุนสวนยาง ไร่ละ 2,520 บาท ขณะ 2 หนุ่มสวนยางฆ่าตัว เหตุเครียดราคายางตก
"หม่อมอุ๋ย"ถกแจกเงินชาวนา
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยภาคเอกชน เข้าร่วม
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ที่ประชุมหารือเรื่องการจ่ายเงินให้กับชาวนาผู้ปลูกข้าวเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด และหารือถึงการจัดโซนนิ่งว่าพื้นที่ใดควรปลูกพืชชนิดไหน แต่เป็นการหารือเบื้องต้นเท่านั้น ยืนยันว่าจะมีการจ่ายเงินให้ชาวนาภายในวันที่ 20 ต.ค. ส่วนการประชุมนี้จะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค.เช่นกัน ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1 พันบาทแต่ไม่เกิน 15 ไร่ อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อยืนยันชาวนาที่จะได้รับเงินช่วยเหลือว่าเป็นชาวนาที่ทำนาจริง เบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯ โดยธ.ก.ส. จัดทำข้อมูลชาวนาไว้แล้ว จะนำมาเปรียบเทียบกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ให้เงินตกไปอยู่ในมือคนที่ไม่ได้ทำนา หากข้อมูลถูกต้องจะจ่ายเงินให้ชาวนา หากคลาดเคลื่อนจะต้องตรวจสอบเป็นรายๆ ไป เพื่อให้เกิดประโยชน์กับชาวนาโดยตรง ซึ่งการจ่ายเงินจะช่วยเหลือชาวนาที่ทำนาปีในปีนี้เท่านั้น
เผยธกส.ยังมีมาตรการอื่นช่วยอีก
นายพงษ์เทพ รัตนธาดากุล รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.เตรียมจ่ายเงินชาวนาปลูกข้าวฤดูกาลผลิต 2557/58 งวดแรกวันที่ 20 ต.ค. 5,000 ล้านบาทให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ จากมาตรการลดต้นทุนการผลิตวงเงินรวม 4 หมื่นล้านบาท อัตราไร่ละ 1,000 บาท ตามการปลูกข้าวจริงไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ หรือไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ทั้งนี้การจ่ายเงินให้กับเกษตรกรจะต้องผ่านการตรวจสอบจากธ.ก.ส. โดยขึ้นทะเบียนและได้รับใบรับรองจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ และปลูกข้าวจริงเท่านั้น ซึ่งธ.ก.ส.จ่ายเงินได้วันละ 4,000-5,000 ล้านบาท ตามลำดับการขึ้นทะเบียน
นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ธ.ก.ส.ยังมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรตามมติคสช. คือโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยนำผลผลิตคือข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวมาขอกู้กับธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 80 ของราคาตลาด ในวงเงินไม่เกินรายละ 300,000 บาท จำนวนข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน วงเงินสินเชื่อ 17,280 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต วงเงิน 20,000 ล้านบาท เป็นข้าวเปลือก 400,000 ตัน ซึ่งมาตรการเหล่านี้เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว และลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร
ครม.จ่อตั้งเดชณรงค์คุมดีเอสไอ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การประชุมครม. วันที่ 14 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม โดยยังคงใช้สถานที่ตึกสันติไมตรีเช่นเดิม คาดว่าอาจมีการหารือถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลังเกิดเหตุลอบเผาโรงเรียน 6 แห่งใน จ.ปัตตานี และจากสถานกาณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่อาจนำมาหารือถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย
สำหรับ วาระที่น่าสนใจ กระทรวงยุติธรรม จะเสนอชื่อ พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แทนพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม
ชงหนุนสวนยางไร่ละ2,520บาท
ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำรายงานข้อมูลพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งใน 2 ลุ่มน้ำหลัก คือลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง และเสนอแผนการขุดลอกคูคลอง แผนการสร้างแหล่งน้ำ รวมถึงแผนการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคให้กับที่ประชุมได้รับทราบเพื่ออนุมัติงบประมาณดำเนินการด้วย
นอกจากนี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร จะเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา หลังจากหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะเสนอกับนายกฯ โดยมีข้อเสนอของเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางก่อนหน้านี้ อาทิ ขอให้รัฐบาลสนับสนุนปัจจัยการผลิต ไร่ละ 2,520 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ และไม่ให้ขายสต๊อกยางพารา 2.1 แสนตัน โดยให้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แทน
บิ๊กตู่ลั่นต้องมีผลงานทุก 3 เดือน
ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานประชุมขับเคลื่อนโครงการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า รัฐบาลจะนำยุทธศาสตร์ในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ประกอบด้วย การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา โดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาร่วม ขับเคลื่อนด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้พูดเรื่องหลักๆ คือ เรื่องรายได้ พื้นที่ น้ำ การบริหารจัดการ การร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชน โดยทั้งหมดเราต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ เอาความขัดแย้งต่างๆ เก็บไว้ก่อน ต้องเดินหน้าประเทศร่วมกับการปฏิรูป และต้องแก้ปัญหาที่สะสมมาในอดีต ไม่สร้างปัญหาเพิ่ม ไม่เช่นนั้นลูกหลานเราจะเดือดร้อน วันนี้การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมต้องทำให้เกิดขึ้นโดยเร็ว จากนี้จะมีเรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ การขุดลอกคูคลอง การเจาะบ่อบาดาลต่างๆ ต้องเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ซึ่งรัฐบาลกำหนดแล้วว่าทุก 3 เดือนต้องมีผลงานปรากฏให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนโดยรวม เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้อย่างยั่งยืน
แจงช่วยชาวนา-แจกเงินกระตุ้นศก.
"รัฐบาลจะดูแลใครคนใดคนหนึ่งมากกว่าทั้งหมดคงไม่ได้ ต้องเฉลี่ยแบ่งปันกัน ใครเดือดร้อนมากช่วยก่อน ใครเดือดร้อนน้อยก็ต้องรอ ต้องให้เวลารัฐบาลได้ใช้ภูมิคุ้มกัน วันนี้ประเทศเรามีปัญหา เมื่อเราก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ได้ก็ต้องหยุดตั้งสติว่าเราจะแก้ปัญหาแต่ละเรื่องอย่างไร ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก ต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุข ปฏิรูปได้ และประชาชนมีรายได้อยู่ดีกินดี" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในการจ่ายเงิน 1 พันบาทให้ชาวนาว่า ทำตามมติครม. ตนไม่ได้ทำให้คนมารักมาชอบ เงินจำนวนนี้น้อยมากสำหรับคนรวย แต่มีค่ามากสำหรับคนจน เมื่อเขาเดือดร้อนก็ช่วย แต่ไม่ได้ช่วยแบบที่เคยช่วยกันมา ไม่สร้างปัญหา ใช้เม็ดเงินที่มีอยู่ตัดมาใช้ในส่วนนี้ ไม่ได้เอาเงินก้อนใหญ่มาใช้ทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นปัญหาที่ไม่เข้าใจกัน ต่างคนต่างอยากได้มากขึ้นโดยไม่ได้ฟังว่าตอนนี้รัฐบาลทำอะไรอยู่ ตนขอร้อง เราพร้อมช่วย ถ้ามีเงินมากเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่มันไม่ยั่งยืน ความยั่งยืนอยู่ที่การปรับโครงสร้างการผลิต ต้นทุนการผลิต สหกรณ์ต่างๆ การค้าขาย
ยันไม่มีนโยบายหาประโยชน์
"วันนี้ทุกคนเอาเรื่องเดิมๆ มาเรียกร้อง ผมถามว่าแล้วปัญหาก็ยังคงอยู่หรือไม่ ทั้งการขายข้าว ข้าวที่เสียหาย ซึ่งมีคณะกรรมการหลายคณะดำเนินการอยู่ ถ้ามันผิดก็คือผิด เมล็ดเดียวก็ผิด กระสอบเดียวก็ผิด ตอนนี้ทำงานทั้ง คตร. คณะกรรมการระบายข้าว อนุกรรมการ เขาจะเอายอดมาว่ามีข้าวเสียเท่าไร คุณภาพต่ำเท่าไร นี่คือยอดที่ผมยังไม่รู้ เพราะยอดที่ผมมีรับมาจากรัฐบาลที่แล้ว ถ้าขาดมีปัญหามากผมก็จะส่งฟ้องศาล ศาลก็ไปสอบต่อไป ยืนยันจะไม่เกิดปัญหาสต๊อกข้าวหรือคุณภาพข้าวเช่นเดิมอีก มันยังไม่เกิดและของใหม่ต้องไม่เกิดทุจริตและไปไล่มาว่ามีทุจริตตรงไหน ต้องไล่จากคนที่อยู่ข้างล่าง ไม่ใช่นายกฯต้องดูทุกอย่าง มันไม่ไหว ต้องไล่ลงไปตั้งแต่รองนายกฯ กระทรวง อย่าเอาเรื่องเก่ามาพูดใหม่ อย่ามาปนกัน ถ้ามีทุจริต ต้องลงโทษ รัฐบาลไม่มีนโยบายเอาประโยชน์จากตรงไหน นี่คือความแตกต่าง อย่าเอาเรื่องไปปนกัน" นายกฯ กล่าว
อาลัย - ประชาชนร่วมไว้อาลัย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองปธ. สภาผู้แทนฯ ที่ได้รับพระ ราชทานโกศ 8 เหลี่ยม ฉัตรเบญจา พร้อมเครื่องประกอบเกียรติยศ ในงานสวดพระอภิธรรมในพระบรมราชานุเคราะห์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. |
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบนั้น มีทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาว แก้ปัญหาที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน มาแก้ในตอนนี้ ทั้งนี้ มีการหารือมาตลอดอยู่แล้ว รับจาก คสช.มาทำต่อ ทั้งหมดมีการอนุมัติจาก ครม. เห็นว่าชาวนาเดือดร้อนก็ช่วยเหลือก่อน ส่วนยางจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ขออย่าเรียกร้องกันมากนักเพราะตนไม่รู้จะเอาเงินมาจากที่ไหน เนื่องจากงบประมาณมี 2.75 ล้านล้านบาท ขณะที่ภาษีที่รัฐเก็บได้มี 2.35 ล้านล้านบาท ก็เห็นว่าขาดทุนแล้ว และไม่รู้ว่าปีหน้าจะเก็บได้หรือไม่ ขึ้นภาษีก็ทำไม่ได้ แต่จะเรียกร้องเยอะๆ แล้วจะเอาเงินมาจากตรงไหน
นายกฯ ตู่ถก"อำนวย"แก้ยาง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 14.55 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธรพร้อมด้วยนายอำนวย ปะติเส อดีตรมช.คลังสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งคาดว่าจะเข้ามารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในการปรับครม.ประยุทธ์ 2 เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง คาดว่าหารือเรื่องการแก้ไขปัญหายางพาราที่ขณะนี้กลุ่มเกษตรกรปลูกยางยังไม่พอใจการแก้ปัญหาของรัฐบาล
นายอำนวยกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังเข้าพบนายกฯถึงการเข้ารับตำแหน่งรมช.เกษตรฯว่า นายกฯบอกแล้วว่าให้รอการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก่อน
ป.ป.ช.ส่งสำนวนถอดถอน"ปู"
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าว ถึงการส่งสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีรับจำนำข้าวให้ สนช. ดำเนินการถอดถอนว่า บ่ายวันนี้ได้เซ็นลงนามสำนวนถอดถอนแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะนำสำนวนส่งให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ในวันที่ 14 ต.ค. โดยมีทั้งหมด 11 แฟ้ม 3,000 กว่าแผ่น ขณะนี้ถือว่าหมดหน้าที่ ป.ป.ช.แล้ว จากนี้ขึ้นอยู่กับ สนช.ว่าจะถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ต่อไปหรือไม่
นายปานเทพ กล่าวว่า ส่วนสำนวนการถอดถอนอดีต 39 ส.ว.กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบนั้น ที่ประชุม ป.ป.ช.จะนำเข้าพิจารณาวันที่ 14 ต.ค.ว่าจะส่งสำนวนให้ สนช.ถอดถอนต่อไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงส่งให้ สนช.ถอดถอนเช่นเดียวกับกรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เพราะเป็นความผิดเดียวกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว. โดยมิชอบ
สนช.ยังไม่ถกคดี'ขุนค้อน-นิคม'
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมพิจารณาถึงการเลือกผู้ที่จะให้เข้ามาช่วยงาน สปช.ทั้ง 250 คน โดยคัดเลือกจาก ผู้ที่เข้าสมัครรับการสรรหาเป็นสปช. และไม่ผ่านการคัดเลือกที่มีกว่า 7,000 คน ดังนั้น บุคคลภายนอกจะไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว
เมื่อถามถึงการคัดเลือสมาชิกสนช. 5 คน ทำหน้าที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายพรเพชรกล่าวว่า วันที่ 14 ต.ค. ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. (วิปสนช.) จะพิจารณาคัดเลือก โดยวางกรอบกำหนดคุณสมบัติ ซึ่งตนมองว่าต้องเป็นคนขยัน เนื่องจากต้องทำงานทั้งยกร่างรัฐธรรมนูญ และประชุมสนช. จึงต้องพิจารณาเพื่อไม่ให้มีปัญหาองค์ประชุม ส่วนการพิจารณาสำนวนถอดถอน นายสมศักดิ์และนายนิคมจะยัง ไม่เข้าสู่วาระการประชุมวิปสนช. ต้องรอพิจารณาประเด็นอื่นก่อน ขณะที่สำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ สนช.ยังไม่ได้รับสำนวนจาก ป.ป.ช.
'เทียนฉาย'พร้อมนั่งปธ.สปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดให้สมาชิก สปช. เข้ารายงานตัวเป็นวันที่ 6 ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 โดยนายมีชัย วีระไวทยะ เข้ารายงานตัวเป็นคนแรกในเวลา 08.30 น. ขณะที่สมาชิกรายอื่นๆ ทยอยเข้ารายงานตัว อาทิ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ นายทองฉัตร หงศ์ลดารมภ์ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ฯลฯ โดยวันนี้มีสปช.มารายงานตัวทั้งสิ้น 27 คน มียอดรวม 236 คน จาก 250 คน ยังเหลือ สมาชิกสปช.ที่ยังไม่มารายงานตัวอีก 14 คน ซึ่งมารายงานตัวได้ถึงวันที่ 15 ต.ค. เวลา 08.30-16.30 น.
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ สมาชิกสปช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารายงานตัวถึงกระแสข่าวเป็นเต็ง 1 นั่งประธานสปช.ว่า เป็นเพียงกระแสข่าว ไม่มีใครมาทาบทามตน หากได้รับตำแหน่งก็พร้อมทำหน้าที่ แต่ยอมรับว่าหนักใจเนื่องจากไม่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน และประเทศไทยไม่เคยมีสปช. เราเจอความใหม่ด้วยกัน ทั้งคนทำงานในสปช.และประชาชน ทุกคนมีคำถามจะทำอะไรและทำไปถึงไหน เราต้องช่วยกันคิด
ชี้ต้องเร่งตั้งกมธ.ยกร่างรธน.
นายเทียนฉาย กล่าวว่า สปช.มีหลายเรื่องที่ต้องทำเป็นพิเศษ ขณะที่เงื่อนเวลามีไม่มากแต่ต้องทำภารกิจให้เสร็จ โดยเฉพาะการเสนอรายชื่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องเสร็จภายใน 15 วัน หลังจากสปช.ประชุมนัดแรก ดังนั้นประมาณวันที่ 4 พ.ย. สปช.จะได้ชื่อ 20 คน ที่จะไปร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นครม. และคสช. จะพิจารณาบุคคลตามมา ทั้งนี้การทำงาน ของสปช. สิ่งสำคัญจะต้องรับฟังการเสนอความเห็นจากประชาชนด้วย ไม่ใช่ทำงานกันแค่ 250 คน อีกทั้งสปช.ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่มีข้อมูลที่เตรียมการปฏิรูปด้านต่างๆ ไว้ล่วงหน้าพอสมควร ทั้งจากมหาวิทยาลัย สถาบันพระปกเกล้า หรือทีมงานของคสช.ที่ศึกษาและเตรียมการไว้ ซึ่งได้ฟังเสียงประชาชนมาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่บางด้านที่ยังขาดอยู่ ต้องมีข้อมูลเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรทำประชามติหรือไม่ นายเทียนฉายกล่าวว่า การฟังเสียงประชาชนน่าจะเป็นประโยชน์ ส่วนจะฟังเสียงด้วยวิธีการอะไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ประชามติเป็นเพียงกระบวนการหนึ่ง แต่ประชาพิจารณ์ต้องทำแน่ ขณะที่รูปแบบอื่น เช่น การเสวนาทางวิชาการเมื่อได้กรอบหรือประเด็นแล้วไปฟังความเห็นว่าประชาชนคิดอย่างไรน่าจะเป็นประโยชน์ ทำหลายขั้นตอน แต่เวลากระชับ ฉะนั้นทำอย่างไรเราจะทำทั้งหมดภายในกรอบเวลาได้
เมื่อถามว่าประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ควรมีตำแหน่งประธานและรองประธานสปช.ด้วยหรือไม่ นายเทียนฉายกล่าวว่า เป็นก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ ไม่มีกติกาบังคับ แต่ต้องประสานงานกันใกล้ชิด ขึ้นอยู่กับสปช.ทั้ง 250 คนจะพิจารณา
แนะสปช.เลิกพูดขั้วการเมือง
เมื่อถามถึงแนวทางการปฏิรูปด้วยวิธีรับฟังความเห็นของประชาชน ระหว่างที่ยังมีประกาศกฎอัยการศึกจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายเทียนฉายกล่าวว่า เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการรับฟังความเห็นของภาคส่วนต่างๆ เนื่องจากเวทีรับฟังความเห็นไม่ใช่เวทีปลุกระดมใดๆ อีกทั้งที่ผ่านมาคสช. ไม่ได้ประกาศห้ามจัดเสวนาเวทีวิชาการ เพียงแค่ต้องขออนุญาตก่อนเท่านั้น ส่วนประเด็นที่สอบถามว่าควรยกเลิกประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้น ไม่ขอแสดงความเห็นเนื่องจากการคงกฎอัยการศึกเป็นเรื่องทางเทคนิค ที่มีรายละเอียดมาก ฝ่ายความมั่นคงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
เซ่นราคายาง - จนท.ตรวจสอบสภาพศพนายสุชาติ ราชบัวขาว ผูกคอตายที่ท้ายหมู่บ้านศรีพนาเหนือ อ.เซกา จ.บึงกาฬ เพราะเครียดปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จากเดิมมีรายได้เดือนละเป็นหมื่น เหลือเพียงเดือนละ 2 พันบาท เมื่อวันที่ 13 ต.ค. |
เมื่อถามว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการตั้งสปช.ขึ้นมาไม่เสียของ นายเทียนฉายกล่าวว่า หลักประกันยากมาก สปช.มีแต่ความตั้งใจและจะใช้ความรู้ความสามารถทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ส่วนที่สปช.ส่วนใหญ่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั้น เวลานี้ต้องหยุดคิดเรื่องขั้ว เรื่องสี เพราะเหลือเวลาไม่มากที่จะทำหลายเรื่อง ต้องฟื้นฟูสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีกลับขึ้นมา มองไปข้างหน้าและทำให้ดีที่สุด นี่คือหน้าที่ของสปช. ออกแบบระบบและงานชาติให้ดีที่สุด ซึ่งสำคัญมาก สปช.จะต้องยุติการพูดถึงขั้วการเมือง และเดินหน้าเพื่อวางแผนพัฒนาประเทศต่อไป เชื่อว่าระหว่างที่การปฏิรูปเดินหน้า จะสร้างความประนีประนอมระหว่างคนไทยและผู้ที่ขัดแย้งทางการเมืองได้
เมื่อถามว่าการปฏิรูป 11 ด้าน ถ้าไม่เสร็จจะบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายเทียนฉาย กล่าวว่า มี 2 ประเด็น คือ 1.แนวคิด และวิธีการที่น่าจะปฏิรูป และ 2.ลงมือปฏิบัติจริง แต่แนวคิดและวิธีการน่าจะลุล่วงได้ในระดับหนึ่ง
ปชป.โวยชงเลือกนายกฯโดยตรง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ สมาชิกสปช. ระบุการปฏิรูปไม่จำเป็นต้องเริ่มที่ศูนย์โดยนำผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าใช้ได้เลยว่า ตนเห็นด้วยและควรจะแก้ในบางจุดบางเรื่องที่มีปัญหาเท่านั้น ดูว่ารัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดคือฉบับใด และสาเหตุการปฏิวัติเกิดจากอะไร ตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ดีที่สุดเพราะตรวจสอบฝ่ายการเมืองเข้มข้น แต่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินต่อไม่ได้ จึงขอให้นายบวรศักดิ์ คิดถึงความจริงที่เกิดขึ้น หากมุ่งสร้างรัฐบาลให้เข้มแข็งโดยละเลยหลักการถ่วงดุลของ 3 อำนาจแล้ว ก็เหมือนเดินหน้าสู่เดดล็อกทางการเมืองอีกครั้ง แต่ควรสร้างระบบตรวจสอบให้ยืดหยุ่นถ่วงดุลใน 3 อำนาจ ไม่ใช่นัดแนะหลิ่วตาสมคบคิดเช่นที่ผ่านมา จึงขอให้ สปช.ดูข้อบกพร่องของพฤติกรรมการเมืองในอดีต
"ขอเตือน สปช.บางคนว่าอย่าปากไว เพราะเริ่มมีบางคนโยนหินถามทางเสนอเลือกนายกฯ โดยตรงจากประชาชน อ้างว่าต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่ลืมคิดหรือไม่ว่า ถ้าเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงก็ไม่ต่างจากระบบกึ่งประธานาธิบดี เพราะการปกครองระบบรัฐสภาโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ต้องเลือกนายกฯ ที่มาจาก ส.ส.ในสภา ดังนั้นอย่าปากไว อย่าให้ไทยเป็นหนูทดลองชาติแรกในโลกที่จะรวมข้อดีต่างๆ แต่ไม่ดูข้อเท็จจริง อย่ายัดเยียดโดยการเปลี่ยนแปลง เพราะการพูดขายความคิดใดๆไปก่อนเช่นนี้ จะยิ่งทำลายศรัทธาความเชื่อมั่นใน สปช." นายนิพิฏฐ์กล่าว
พท.ชี้สปช.ต้องเลิกสุดโต่ง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง สปช.บางคนเสนอแนวคิดปฏิรูปประเทศด้วยการป้องกันระบอบทักษิณไม่ให้เข้าสู่อำนาจการเมืองได้อีกว่า พอกันทีกับความคิดสุดโต่ง ซึ่งเป็นอันตรายต่อบรรยากาศการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ฉุดภาวะเศรษฐกิจให้ตกต่ำลงไปอีก เราไม่มีระบอบทักษิณ มีแต่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การพูดถึงระบอบทักษิณเป็นเพียงวาทกรรมที่จ้องทำลายกันทางการเมือง ขณะนี้ควรห่วงปัญหาปากท้องของประชาชน อยากให้ครม.เศรษฐกิจเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน
นายชวลิตกล่าวว่า รัฐบาลไม่ต้องห่วงเรื่องคลื่นใต้น้ำจากฝ่ายการเมือง มีบ้างแค่ลมพัดแผ่วๆ เราเข้าใจดีว่าเป็นเวลาของนายกฯ ดังนั้น ควรเร่งแก้ปัญหาและเดินหน้าตามโรดแม็ปที่วางไว้ โดยเฉพาะการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่ควรสร้างกติกาที่ทำให้บ้านเมืองแตกแยกเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2550 คิดว่านายกฯ คงเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ที่เบื่อความขัดแย้งในบ้านเมือง และอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปได้
แนะเลิกสร้างแตกแยก
นายชวลิตกล่าวอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญส่งจดหมายมาถึงตน มีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้องของนายสมชาย แสวงการ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองกระทำการเพื่อล้มล้างการปกครองหรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า เนื่องจาก คสช.มีประกาศให้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 สิ้นสุดลง จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะวินิจฉัยคดีต่อไป
"ดังนั้น ขอให้ สปช. สนช.และครม.ย้อนดูประกาศ คสช.ฉบับที่ 63/2557 เรื่องนโยบายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของรัฐ การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจะยิ่งเพิ่มปัญหาขัดแย้งและสร้างความแตกแยกมากขึ้น จึงขอให้ไตร่ตรองให้รอบคอบในการสร้างกติกาบ้านเมือง" นายชวลิตกล่าว
ยงยุทธร่วมงานศพ"อภิวันท์"
เวลา 18.00 น. ที่ศาลา 2 วัดบางไผ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นวันที่ 2 ว่า มีประชาชนแต่งชุดดำมาร่วมแสดงไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนไม่หนาแน่นเหมือนวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ตามที่คสช.ห่วง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัย
จากนั้นเวลา 19.00 น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรมว.มหาดไทยและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรมว.ยุติธรรม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว.อุทัยธานี นายจตุพร พรหมพันธุ์ นางธิดา โตจิราการ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำกลุ่มนปช. ได้มาร่วมพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมศพพ.อ.อภิวันท์ ในครั้งนี้ด้วย
นางรัชนี วิริยะชัย ภรรยาพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่มีความบริสุทธิ์ใจและให้เกียรติมาร่วมอุทิศส่วนกุศลให้แก่การจากไปของพ.อ.อภิวันท์ และเชื่อว่าพี่น้องมวลชนและทุกฝ่ายจะให้ความร่วมมือให้บรรยากาศการบำเพ็ญกุศลนี้ดำเนินต่อไปด้วยความเรียบร้อยจนถึงวันพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 19 ต.ค. นี้
เหลิมจิบไวน์โชว์สุขภาพแข็งแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันที่ 13 ต.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรมว.แรงงาน เปิดบ้านพักย่านบางบอน ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส รับประทานอาหารเย็น พร้อมจิบไวน์โชว์ โดยยืนยันว่ายังแข็งแรง สบายดี คนปล่อยข่าวเพราะอยากให้ตนออกแถลงข่าวและจะตั้งคำถามให้ตนวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเท่านั้น ถ้าตนวิจารณ์นิ่มๆ ก็ไม่ใช่เรา แต่ถ้าเราแรงก็มีศัตรูโดยใช่เหตุ ไม่ใจแป้วที่คนออกมาบอกว่าตาย เพราะตนไม่ได้ตายจริง
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนที่ฉลาด เก่ง มีกุนซือดี ถ้าแก้เศรษฐกิจได้ เชื่อว่าประชาชนจะพอใจ รัฐบาลจะอยู่ได้นาน
แจกอปท.ละล้าน-ห้ามทัวร์ตปท.
วันที่ 13 ต.ค. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) เปิดเผยว่า สถ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 8,500 ล้านบาท โดยจัดสรรให้อปท.แห่งละ 1 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนำมาจัดสรรเพิ่มเติมให้แก่อปท. ตามสัดส่วนที่แต่ละแห่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และภารกิจถ่ายโอน ปีงบประมาณ พ.ศ.2557
นายวัลลภกล่าวว่า อปท. ต้องนำเงินไปใช้จ่ายตามโครงการ 4 ประเภท คือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงถาวร การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน การส่งเสริมอาชีพของประชาชน การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของท้องถิ่นเติบโต ส่วนพื้นที่ประสบภัยแล้งให้อปท. ให้ความสำคัญกับโครงการส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง เพื่อป้องกันการละทิ้งถิ่นฐานไปทำงานในเมืองใหญ่
นายวัลลภกล่าวว่า ทั้งนี้ เน้นย้ำให้อปท. นำเงินไปใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยไม่ต้องจัดทำเป็นข้อบัญญัติงบประมาณ และห้ามมิให้นำไปใช้จ่ายศึกษาดูงานของบุคลากร ท้องถิ่นทั้งในและต่างประเทศ โดยให้อปท.เสนอโครงการให้ผู้ว่าฯ เห็นชอบ คำนึงถึงแผนพัฒนาจังหวัด และนโยบายรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็งและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม บูรณาการเชื่อมโยงกับอปท.ในพื้นที่ข้างเคียงและส่วนกลาง ตลอดจนให้อปท.จัดซื้อจัดจ้างโดยถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นฯ ตามความจำเป็น คุ้มค่า ประหยัด และมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด การจัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ชงรัฐบาลต้านทุจริต9แนวทาง
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกฯ ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนสถาบันต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดยนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผอ.สถาบัน และสมาชิกสปช. มายื่นหนังสือข้อเสนอว่าด้วยการปฏิรูปการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ถึงนายกฯ โดยมีนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชนฯ เป็นผู้รับเรื่อง
นายวสันต์กล่าวว่า สถาบันขอเสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาทุจริตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้ 1.ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เช่น ให้มีศาลชำนาญพิเศษเพื่อดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชั่น มีโทษไม่ต่ำกว่า 5 ปีโดยไม่มีอายุความ 2.ปฏิรูปหน่วยงานที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต อาทิ กำหนดให้ป.ป.ท. เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำจังหวัด (ป.ป.จ.) และตั้งสำนักงานป.ป.ช.ในระดับภาคแทน 3.ปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้ง อาทิ กำหนดโทษทุจริตการเลือกตั้งให้รุนแรงและเด็ดขาดมากขึ้น ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งหรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
4.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและภาษีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและข้าราชการระดับสูงเมื่อเข้าสู่ตำแหน่ง ขณะดำรงตำแหน่ง และหลังดำรงตำแหน่ง 2 ปี 5.ปฏิรูปการให้ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานรัฐ และมีกฎหมายควบคุมการโฆษณาของหน่วยงานรัฐ เพื่อป้องกันการนำงบฯ รัฐไปใช้ประชาสัมพันธ์ส่วนตัว 6.ให้กรมบัญชีกลางมีอำนาจตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและผู้ที่เกี่ยวข้อง
7.ปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังมากขึ้น 8.ผลักดันให้ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการติดสินบน เพื่อลดปัญหาการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ และ 9.ยกเลิกรางวัลนำจับและสินบนนำจับเฉพาะกรณี ทั้งนี้ เราจะยื่นต่อประธานสนช. และประธานสปช.ด้วย
มท.ผุดโครงการตามรอยเท้าพ่อ
เมื่อเวลา 10.50 น.วันที่ 13 ต.ค. ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับครม. อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ มูลนิธิรากแก้ว เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงนั้นจะดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (พ.ศ. 2557-2560) มีเป้าหมาย 18,594 หมู่บ้านจากทั่วประเทศ พร้อมขยายผลโครงการหมู่บ้านต้นแบบและครอบครัวต้นแบบการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และใช้ประโยชน์จากศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่จัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ และกรมการปกครองได้จัดทำคู่มือการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ แจกจ่ายให้นายอำเภอทั่วประเทศนำไปใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยจัดทำโครงการ "ตามรอยเท้าพ่อ" เน้นเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ติดตามและดำเนินการตามกฎหมายกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถาบัน ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันและพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชน นอกจากนี้ยังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานและบุคลากรในสังกัดเรียนรู้ทำความเข้าใจในยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและการพัฒนาอย่างจริงจัง โดยสั่งการให้บรรจุหัวข้อวิชาดังกล่าวในหลักสูตรการฝึกอบรม สัมมนา ศึกษาดูงานของบุคลากรในสังกัดและเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชนทุกครั้งด้วย
ฆ่าตัว2รายซ้อน-เซ่นยางราคาตก
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 13 ต.ค. ร.ต.ท.เรืองปิติกร ศรีวรขันธ์ พงส.สภ.เซกา อ.เซกา จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายบนต้นไม้ข้างเถียงนา ท้ายหมู่บ้านศรีพนาเหนือ ต.ศรีพนา อ.เซกา จึงไปตรวจสอบพบศพนายสุชาติ ราชบัวขาว อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 281 หมู่ที่ 16 บ้านศรีพนาเหนือ ต.ศรีพนา ใช้ผ้าขาวม้าลายผูกคอตัวเองติดกับกิ่งต้นมะขาม ศพห้อยสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง
จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเห็นผู้ตายนั่งดื่มเหล้าขาวอยู่กับญาติๆ 4 คน จากนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาที่ทุ่งนา จนกระทั่งเช้ามาจึงพบกลายเป็นศพ ส่วนทางด้านน.ส.แววตา แสงดารา อายุ 29 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า ผู้ตายบ่นเรื่องเงินที่หามาได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ยางพาราที่มีอยู่ 5 ไร่ เคยกรีดขายได้เงินเดือนเป็นหมื่นบาท แต่ปัจจุบันราคายางตกต่ำยางก้อนถ้วยขายได้กิโลกรัมละ 19-20 บาท ทำให้เหลือรายได้เดือนละแค่ 2,000 บาท แม้จะไปรับจ้างเพื่อหารายได้เสริมก็ยังไม่พอกิน เนื่องจากต้องเลี้ยงดูลูกถึง 3 คน จึงตัดสินใจผูกคอตาย
ส่วนอีกรายเกิดขึ้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.ยุทธภูมิ ดำรงธรรม พงส.สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงตัวตาย ภายในบ้านบ้านเลขที่ 361 หมู่ 6 บ้านคลองปลาดุกลาย อ.นาดี หลังจากรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายเอื้อน ศรีพิทักษ์ อายุ 53 ปี สภาพศพนั่งอยู่บนโต๊ะไม้ มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณปากทะลุท้ายทอย มันสมองกระจาย ข้างลำตัวพบอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ตกอยู่ นอกจากนี้บริเวณพื้นบ้านยังพบฆ่าหญ้ายี่ห้อกรัมม็อกโซน ที่ผู้ตายรับประทานก่อนหน้านั้นและอาเจียนออกมา จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเคยบ่นว่ากลุ้มอยากตาย เนื่องจากป่วยมีโรคประจำตัว ประกอบกับตอนนี้ราคายางตกต่ำ ยางพาราที่ปลูกไว้ประมาณ 30 ไร่ขายไม่ได้ราคา จึงทำให้ผู้ตายเกิดอาการเครียดหนัก กระทั่งใช้อาวุธปืนยิงตัวเองตายดังกล่าว
ทางด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงกรณีนายเอื้อน ยิงตัวตายว่า จากการตรวจสอบไปยังพ.ต.อ.ประพจน์ เทพวัตร ผกก.สภ.นาดี พบว่าผู้ตายมีโรคประจำตัว ประกอบกับภรรยากำลังเดินทางไปอยู่กับลูกที่สวีเดน ทำให้เกิดความเครียดไม่มีคนดูแลตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของปัญหาราคายางตกต่ำแต่อย่างใด