- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 02 February 2020 23:29
- Hits: 11592
วิษณุ'เผยรัฐบาลเตรียมทางออกไว้แล้วไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ออกมาทางใด
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จากกรณีเสียบบัตรแทนกันแล้ว ทุกอย่างก็ต้องทำไปตามขั้นตอนของศาล ที่เบื้องต้นได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องยื่นคำชี้แจงภายในวันที่ 4 ก.พ.63 และหลังจากนี้ต้องดูว่าศาลจะมีการนัดสืบพยานหรือไม่ หากไม่ต้องก็จะเข้าสู่การวินิจฉัย ทั้งนี้ ไม่ทราบกำหนดเวลาของกระบวนการทั้งหมด เพราะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและความยากง่ายของแต่ละเรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการปกติเหมือนกับทุกคดี อย่างไรก็ดี จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องยื่นคำชี้แจงภายในวันที่ 4 ก.พ. ทำให้รู้สึกได้ว่าการพิจารณาเรื่องนี้จะมีความรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ทำคำชี้แจงกรณีเสียบบัตรแทนกันนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่เห็นว่าสามารถยื่นเป็นคำร้องใหม่เข้าไปที่ศาลได้ ซึ่งศาลจะพิจารณาว่าเป็นประเด็นเดียวกันหรือไม่
นายวิษณุ ย้ำว่า ความล่าช้าของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อาจจะมีผลกระทบบ้าง แต่คงไม่ส่งผลเสียหายมากมาย ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในแนวทางใด ขณะที่รัฐบาลได้เตรียมแนวทางไว้แล้วหลายแนวทาง มีหลายรูปแบบ แต่ขณะนี้คงยังไม่เปิดเผยในรายละเอียด ทั้งนี้ เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้ว และมีการตกลงเลือกใช้กระบวนการรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหา และอยู่ในช่วงที่ปิดสมัยประชุม ทางรัฐบาลก็สามารถออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการประชุมวิสามัญ โดยกำหนดเวลาการประชุมที่ชัดเจนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ดำเนินการมาแล้ว ส่วนจะใช้การประชุม 3 วาระรวดหรือไม่นั้น ทางวิปทุกฝ่ายจะต้องหารือร่วมกันก่อน และคงไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลมีแนวคิดที่จะใช้แนวทางใดในการแก้ปัญหา เพราะเกรงจะเป็นเรื่องของการชี้นำ
โดยทางออกที่ดีที่สุด คงต้องรอฟังคำวินิจฉัยของศาลในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะดำเนินการตามแนวทางนั้นให้รวดเร็วที่สุด ส่วนงบประมาณที่จะนำไปใช้กับโครงการขนาดใหญ่หรือโครงสร้างพื้นฐานนั้น ในช่วงเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ซึ่งยังไม่ทราบเวลาที่ชัดเจน ทางสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันอังคารที่จะถึงนี้ (4 ก.พ.) โดยเน้นเรื่องของงบรายจ่ายประจำ และงบประมาณเพื่อการลงทุน ซึ่งเดิมได้มีการเสนอใช้งบประมาณปีเก่าไปพลางก่อนแล้วประมาณ 50% และอาจปรับเพิ่มเติมขึ้นได้ตามความจำเป็น
อย่างไรก็ดี สามารถขยายเพดานได้ถึง 100% แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องของระเบียบการเงินการคลัง เพราะต้องคำนึงถึงช่วงเวลาการใช้งบประมาณที่เหลือ และขณะนี้ก็มีแผนที่จะขยายกรอบการใช้งบประมาณออกไปให้เพียงพอไปจนถึงกลางเดือนมี.ค.63 โดยคำนึงถึงความรอบคอบ และหากกระบวนการพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นก็สามารถขยายออกไปตามความเหมาะสมได้ ส่วนงบรายจ่ายประจำปี จะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ขณะที่งบผูกพันสามารถเบิกจ่ายต่อไปได้ ส่วนโครงการใหม่นั้นทางสำนักงบประมาณเสนอให้มีการคัดเลือกเตรียมการร่างสัญญาหรือส่งให้ทางอัยการตรวจสอบ เพราะเมื่อ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ มีผลบังคับใช้ก็จะสามารถใช้ได้ทันที
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่เป็น 1 ในรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในประเด็นทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม ว่า ยังไม่เตรียมข้อมูลที่ชี้แจง ซึ่งเมื่อฝ่ายค้านยังไม่ได้ถาม จึงยังไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร "จะไปบอกสื่อทำไม เมื่อฝ่ายค้านระมัดระวังเกรงข้อสอบจะรั่ว นักเรียนก็ต้องเกรงคำตอบจะรั่ว แต่ความจริงไม่ได้กลัวคำตอบรั่ว แต่เมื่อเขายังไม่ถาม เลยนึกไม่ออก ยังไม่ได้เตรียม"
นายวิษณุ กล่าว เมื่อถามถึงความมั่นใจในการชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น นายวิษณุ ได้หยิบยกพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ให้ความสำคัญกับการใช้สติในการแก้ปัญหาที่ว่า 'สุจริต คือ เกราะบัง ศาสตร์พ้อง ปัญญาประดุจดังอาวุธ กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้ว กลางสนาม'ส่วนการเสนอพิจารณายกเลิกการให้ visa on arrival (VOA) กับนักท่องเที่ยวจีนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ได้มีการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ว่า ต้องพิจารณาวีซ่าใน 3 ลักษณะ คือ กรณีที่ขอจากสถานทูต วีซ่าที่ขอปลายทาง และวีซ่าที่ขอผ่านทางออนไลน์ ซึ่งจะต้องพิจารณาทั้ง 3 ระบบพร้อมๆ กัน เพราะหากระงับวีซ่า visa on arrival แต่วีซ่าประเทศอื่นก็ยังสามารถเดินทางมา ได้ขณะที่ไทยไม่ได้ต้องการที่จะกีดกัน แต่ต้องการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศเท่านั้น โดยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงการต่างประเทศ จะได้นำผลการหารือเข้าสู่ที่ประชุมครม.ในวันอังคารหน้า
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)