- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 08 October 2014 08:51
- Hits: 3608
วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8715 ข่าวสดรายวัน
ปปช.ชี้แจงแทน น้องบิ๊กตู่ ตัวเลขเงินอาจผิด ยื่นบัญชี'ทัพภาค3'ด้วย รบ.ยังไม่เลิกอัยการศึก ต้องรอปฏิรูปเสียก่อน รัชตะส่งซิกเลิกนั่งควบ'ปู'โพสต์อาลัยอภิวันท์
หารือ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. นำคณะรัฐมนตรี เข้าหารือกับคสช. ถึงแนวทางการบริหารประเทศ ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. |
ป.ป.ช.ชี้แจงแทนบัญชีทรัพย์สิน'บิ๊กติ๊ก' ระบุอาจผิดพลาดเป็นเงินฝากของกองทัพภาคที่ 3 ด้วย ด้าน'บิ๊กตู่'นำครม. ถกร่วมคสช.นัดแรก สรุปยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ปลื้มผลงาน 4 เดือนคืบหน้า-ทำประเทศชาติสงบ ติงคนต่อต้านให้ใช้สมองคิดว่า 6 เดือนที่แล้วประเทศชาติมีสภาพเป็นอย่างไร มั่นใจเวที สปช.ได้ข้อสรุปปฏิรูป โต้ไม่เคยพูดยุบ อบต.-อบจ. ด้าน'ไก่อู'แถลงผลสอบไมค์ทองคำใกล้สรุป เผยบิ๊กตู่สั่งให้รีบนำเสนอทันทีเพื่อจะได้ตัดสินใจ ส่วน'วิษณุ'ยอมรับรายชื่อ สปช.มีคอนเน็กชั่นตามรูปแบบสังคมไทย ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล เผย 'รัชตะ' ส่งสัญญาณมาแล้วเลิกควบเก้าอี้'ยิ่งลักษณ์' โพสต์เฟซบุ๊กไว้อาลัยการจากไปของ'พ.อ.อภิวันท์' อดีตรองประธานสภา
บิ๊กตู่นำครม.ประชุมร่วมกับคสช.
เมื่อเวลา 08.38 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เดินทางมาเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรีและคสช. ครั้งที่ 1/2557 ซึ่ง เริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น. โดยใช้รถประจำตำแหน่งนายกฯ โฟล์กตู้กันกระสุนสีดำ ทะเบียน ฮภ 2923 พร้อมขบวนรถรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์สวมชุดไทยพระราชทานแขนยาวสีเขียวเข้ม ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครม.และคสช.จะติดตามแผนงานที่กำหนดไว้ในทุกด้าน โดยครม.และคสช.ถือเป็นตัวแทนในการวางราก ฐานประเทศ ส่วนการใช้อำนาจเราจะใช้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและความสมานฉันท์ ในประเทศ อะไรที่ติดขัดในการแก้ปัญหาของประเทศจะเร่งแก้ไข เพื่อให้ประเทศเดินหน้าปฏิรูปได้สำเร็จ รวมถึงสร้างความสามัคคีปรองดองให้คนในชาติ ซึ่งขณะนี้กระบวน การปฏิบัติเริ่มขึ้นแล้ว นอกจากจะมีสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้ว ยังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อดำเนินการตามโรดแม็ปที่วางไว้
สำหรับ มาตรการรักษาความปลอดภัย ยังคงเข้มงวด มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นครบาล 2 กองร้อย สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่ง โดยก่อนการประชุมมีหน่วยตรวจค้นวัตถุระเบิดเข้าตรวจค้นพื้นที่โดยรอบ
ย้ำปฏิบัติงานเชิงรุกและเร่งรัด
เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังประชุมร่วมคสช.และครม.ว่า เป็นการประชุมร่วมครั้งแรกเพื่อสานต่องานของคสช. และคนที่ปฏิบัติงานในครม.ส่วนใหญ่มาจากคสช. วันนี้จึงทบทวนว่าการขับเคลื่อนของรัฐบาล 1 เดือนมีความต่อเนื่องอย่างไร ผลสรุปโดยรวมทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานและโรดแม็ปของคสช. รวมถึงโรดแม็ปครม. ไปพร้อมกันใน 5 กลุ่มงานตามโรดแม็ปที่วางไว้ ตั้งแต่ความมั่นคง เศรษฐกิจการเงินการคลัง สังคมจิตวิทยา กฎหมาย และงานกิจการพิเศษ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าต้องมีความชัดเจนในการทำงาน เพราะสังคมต้องการทราบว่าตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เราทำงานอะไรไปแล้วบ้าง บางคนเข้าใจว่าเราไม่ทำอะไรเลย หรือทำแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ วันนี้มันต้องทำงานควบคู่ขนานกันไป แนว ทางปฏิบัติงานของคสช.ทั้งหมดจนถึงครม.ปัจจุบัน 1.การบริหารของรัฐบาล ปฏิบัติการในเชิงรุก ไม่ใช่เชิงตั้งรับหรือรอปัญหาหรือทำไปวันๆ สิ่งที่เราทำวันนี้คือบริหารราชการในระเบียบปกติ 2.เราเร่งรัดการปฏิบัติงานเชิงรุก มีคสช.มาช่วยในเรื่องปัญหาด้านความมั่นคง หรือปัญหาที่มีข้อติดขัดทางกฎหมาย มีการใช้กำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร และงานด้านความมั่นคงมาเสริมเพราะที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ไขได้มากนัก จึงเร่งรัดดำเนินการสิ่งเหล่านี้
อ้างแก้โจทย์ที่รบ.เลือกตั้งทำไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนั้น เป็น การเอาโจทย์ที่เกิดขึ้น พวกตนทำงานด้วยการตั้งโจทย์ขึ้นมาว่าประเทศไทยมีปัญหาที่ไหนบ้าง เรื่องอะไรบ้าง ในทุกมิติทุกกระทรวง ทบวง กรมต้องมีโจทย์มาให้เราเห็น ปัญหาอะไรที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งแก้ไม่ได้ เราเอาโจทย์เหล่านั้นมาทั้งหมดแล้วกำหนดวิธีการและบูรณาการ เอาขึ้นมาทำใหม่ให้เกิดผลโดยเร็วและขับเคลื่อนทั้งนโยบายและผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญคือการทุจริตคอร์รัปชั่น เราจะเดินคู่ขนานทั้งการตรวจสอบ ระงับยับยั้ง ทบทวนใหม่ แต่ในเรื่องกฎหมาย เราต้องส่งให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป เราไม่มีอำนาจทางกฎหมายมากนัก เพียงแต่ส่งข้อมูลเรื่องการ กระทำความผิดต่างๆ
นายกฯ กล่าวว่า ในทุกมิติเราไม่ได้ทำแบบรัฐบาลที่ผ่านมา เราเอาปัญหาที่หมักหมมมานานทั้งทุจริต ความเหลื่อมล้ำ อาชีพ รายได้ ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นร้อยเรื่องมากำหนดว่าในแต่ละ 3 เดือนจะทำอย่างไร แก้ปัญหาเร่งด่วนโดยทันที มีผลสัมฤทธิ์ จัดระเบียบบ้านเมืองให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การส่งออกอย่ามาบอกว่ามันตกต่ำ เพราะรัฐบาลบริหารไม่ดี ซึ่งไม่ใช่ มันตกต่ำทั้งโลก ต้องดูเศรษฐกิจโลก เรามีความเข้มแข็งพอหรือไม่ก็เสริมความเข้มแข็งของเราด้วย ถ้าทุกคนร้องเรียนทุกเรื่อง มันแก้ไม่ได้ หรือแก้ได้เพียงชั่วคราวเร่งด่วนเท่านั้น การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนไม่เคยแก้ในรัฐบาลใดได้เลย วันนี้เราจะแก้ไขให้ได้ ให้เวลาเราบ้าง เมื่อเรามีสปช. ซึ่งจะต้องเริ่มในเดือนหน้าโดยเร็ว
ฮึ่มอย่าเพิ่งประท้วงต้องช่วยคสช.
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้แค่ตั้งสนช.-สปช.ก็มีปัญหาตลอด มันไม่ได้ ต้องช่วยเรา อย่าเพิ่งมาประท้วง ให้ดูว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป ดูว่าที่ใครท้วงติงไม่เป็นธรรมว่าได้สมัครมาหรือเปล่า ถ้าไม่สมัครมา ใครจะไปเลือก ต้องสมัครมาตามขั้นตอน เมื่อสมัครมาเขาเลือกอยู่แล้ว บางคนบอกว่าไม่เข้ามาเพราะกลัวจะไม่ได้เลือกตั้ง ไปดูตรงโน้น ตนไม่อยาก กระทบกระทั่ง ฉะนั้นอย่านำเรื่องเหล่านี้มาเป็นประเด็นที่ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ ต้องมองว่าประเทศชาติมีปัญหาอย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาบ้านเราอยู่ที่คนเป็นเรื่องหลัก ทัศนคติของคน ฉะนั้นคนไทยต้องร่วมมือ รักสามัคคีกัน ให้กำลังใจรัฐบาล ทุกคนเข้ามาไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เข้ามาแบกภาระบ้านเมือง ตนขอถามว่าทำเพื่ออะไร จะเสี่ยงอันตรายอย่างพวกตนที่มาทำตรงนี้หรือไม่ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตนจะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ยังคิดที่จะทำ และเมื่อทำก็คาดหวังว่ามันจะสำเร็จด้วยแต่ต้องขอความร่วมมือจากทุกคน ถ้าเอาเรื่องเล็กน้อยตรงโน้นตรงนี้ตลอด มันจะทำงานได้หรือไม่
ลั่นไม่กลัว-ถ้ากลัวไม่เข้ามา
"วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติ ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะอ้างว่าเหตุการณ์ปกติ ต้องบอกว่ามันไม่ปกติ ไม่มีรัฐบาล เราจึงตั้งรัฐบาลมาแบบนี้ ไม่อย่างนั้นผมบริหารโดยคสช.อย่างเดียวง่ายกว่า ไม่ต้องมีรัฐบาล ฉะนั้นอย่ามาตีผมตรงนี้ วันนี้ต่างชาติเข้าใจ เขาส่งเสริมการปฏิรูปความก้าวหน้าของเรา ซึ่งเราชี้แจงทุกวันว่าเราก้าวหน้าอย่างไรหลังวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งทุกคนพอใจ แต่คนไทยบางส่วนไม่พอใจ ผมไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดังนั้นสื่อทุกคนต้องช่วยผมสร้างความมั่นใจให้พวกผม อย่าให้นอนไม่หลับ กินไม่ได้ ทุกคนเหนื่อยทั้งนั้น ถ้าติติงทุกอย่างก็ทำอะไรไม่ได้เลย พอเริ่มแตะก็เอาแล้ว ถามว่าที่ผ่านมาทุกอย่างเขาทำกันบ้างหรือไม่ มีผลสัมฤทธิ์หรือไม่ มีอะไรที่มองระยะยาวบ้าง กำหนดยุทธศาสตร์ได้หรือไม่ว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร วันนี้เราต้องการมาแก้ว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร โดยมีการปฏิรูปนั่นคือรัฐบาลเรา ขอให้โอกาสพวกเรา ผมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ถ้ากลัวไม่ทำและไม่เข้ามาอยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว
จะผ่อนอัยการศึกเมื่อปฏิรูปได้
เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์ความมั่นคงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังมั่นคงอยู่ มีแต่คนไทยบางกลุ่มที่ทำให้ไม่มั่นคง แต่ตนประเมินว่ามั่นคง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับการทำงานของเรา และให้โอกาสทำ งาน แต่ยอมรับว่ายังมีส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยซึ่งต้องว่ากันไป เมื่อถามย้ำว่า จะควบคุมคนส่วนน้อยที่ยังเห็นต่างได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องได้ เรามีกฎหมายต่างๆ กำกับดูแลอยู่ ขอว่าอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้น
เมื่อถามว่าการคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึกถือเป็นการทำงานเพื่อความมั่นคงในระยะยาวใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนบอกหลายครั้งแล้ว เป็นการพิจารณาสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในระยะยาว เมื่อปฏิรูปได้ก็จะค่อยๆ ผ่อนคลายตามลำดับ อย่าเพิ่งเร่งรัดมากนัก
เมื่อถามว่าประชาชนยังไม่เห็นความเป็นรูปธรรมอย่างที่รัฐบาลและคสช.เห็น จะทำอย่างไรให้เกิดรูปธรรม นายกฯ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ส่วนรายละเอียดหรือวิธีการเป็นเรื่องของความมั่นคง ตนไม่สามารถพูดได้
ใช้สมองคิดเกิดอะไร 6 เดือนแล้ว
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มที่เห็นต่างมาเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลและคสช.ทำอยู่ นายกฯ กล่าวว่า พยายามทำทุกอย่างอยู่ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เขาจะเห็นด้วยหรือไม่ สื่อต้องไปถาม ตนก็อยากถามสื่อว่ากลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เขาจะมาสนับสนุนพวกตนหรือ แค่ให้สมัครเป็นสปช. เขายังไม่สมัครเลย แต่ออกมาตีตนทุกวันว่าปฏิรูปไม่เป็นธรรม ไม่ยอมเลือกคนนั้นคนนี้เข้ามา อยากถามว่าเวลาเชิญเข้ามา ทำไมไม่เข้ามาและตนไม่มีวิธีการให้เขากลับใจมากนัก สื่อต้องไปถามพวกเขา
"ยืนยันว่าความเคลื่อนไหวหรือข้อวิจารณ์ไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน ผมก็เดินหน้าต่อไป คุณไม่ช่วยผมก็แล้วแต่ ในเมื่อผมมีความจริงใจให้อย่างนี้ และทุกวัน ผมอยากขอให้สื่อร่วมมือกับรัฐบาล เสนอข่าวที่เป็นเรื่องดี สิ่งที่ผมทำแล้วเกิดประโยชน์ และไม่ต้องให้รัฐบาลหรือคสช.เป็นผู้ประเมิน สื่อประเมินเองได้ การจราจรไม่ติดขัดจากการชุมนุม ไม่มีการประท้วง ไม่มีการใช้อาวุธสงครามหรืออยากให้กลับเป็นแบบเก่า วันนี้คนไทยลืมไปแล้วหรือว่าเกิดอะไรในอดีต อย่าลืมกันง่าย สมองจำกันไว้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี้เหตุการณ์ต่างๆ มันลดลงไปและมีความเคลื่อนไหวใต้น้ำตรงไหน สื่อน่าจะช่วยกันบอก ไม่ใช่เอาผมไปตีกับคนนั้น คนนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ยันไม่ได้อะไร-อยากพักผ่อน
เมื่อถามว่าหากทุกอย่างเดินไปตามที่ คสช.และรัฐบาลวางไว้ ปัญหาความไม่สงบจะไม่เกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้ไปถามคนที่ทำ ตนไม่ได้เป็นคนทำ คดีความทั้งหมดอยู่ที่ศาล ดูได้ว่าใครทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวใต้น้ำ รัฐบาลพยายามทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่าวันนี้คสช.ประเมินให้คะแนนรัฐบาลเท่าไร นายกฯ กล่าวว่า ตนประเมินเองไม่ได้ สื่อก็อย่าประเมินต่ำกันนัก ขอให้ดูว่าอะไรที่รัฐบาลทำแล้ว เรื่องอะไรที่อยู่ระหว่างดำเนินการ อะไรที่เป็นเรื่องอนาคต ขอให้มองตรงกับตน ถ้าสื่อมองไม่ตรงกับตน แล้วให้รัฐบาลทำทุกอย่างภายใน 4 เดือนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ยืนยันว่ารัฐบาลทำงานโดยทำในเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ทำทันทีภายใน 3 เดือน จากนั้นเป็นช่วง 6 เดือน 9 เดือนและ 1 ปี ปัญหาหมักหมมมานานหลายสิบปีจะให้แก้ทีเดียวคงไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน มันอาจมีผลกระทบกับใครบ้าง ก็ต้องยอม ทุกคนต้องลดอัตตาและบทบาทของตัวเอง ต้องดูว่าส่วนใหญ่ต้องการอะไร
"ผมไม่ได้อะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ต้องการอะไร อยากไปพักผ่อนจะตายอยู่แล้ว" นายกฯ และหัวหน้าคสช.ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถือเป็นสัญญาณหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ภายใน 1 ปี นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้ เพียงแต่ปัญหาไหนเร่งด่วน รัฐบาลก็ต้องเร่งก่อน อันไหนแก้ไม่ได้ ก็ส่งต่อไปและรัฐบาลชุดต่อไปต้องมาทำต่อ ถ้าไม่ทำมันจะกลับมาแบบเดิม
แกนเสื้อแดงวิพากษ์รายชื่อสปช.
วันเดียวกัน นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ แกนนำคนเสื้อแดง และอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รายชื่อสปช.ที่ออกมานั้น หลักๆ ก็เป็นกลุ่ม 40 ส.ว.เดิม กลุ่มพธม.และกลุ่มกปปส. ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลชุดก่อน ร่วมกับกลุ่มคนที่ร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ส่วนสปช.ที่มาจากต่างจังหวัดก็เป็นเพียงไม้ประดับ จึงเชื่อว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะเข้มข้นมากกว่าปี 2550 จะทำให้ตัวแทนประชาชนไม่มีค่า ไม่มีศักดิ์ศรี จะกำหนดให้ตำแหน่งต่างๆ มาจากการสรรหา และอาจรวมถึงการสรรหาส.ส.ด้วย อาจใช้วิธีสรรหาจากกลุ่มอาชีพแล้วอ้างว่ายึดโยงกับประชาชนเช่นกัน อยากบอกว่าการทำงานของสปช.ชุดนี้จะเสียเปล่า ทำให้ปัญหาหนักกว่าเก่า
นายเชิดชัยกล่าวว่า ดังนั้น ฝ่ายประชา ธิปไตยต้องรณรงค์เพื่อแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยต้องสู้ โดยการแก้ไขจะต้องมีขึ้นหลังหมดยุคสนช.ไปแล้ว ในบรรยากาศที่มีการเลือกตั้ง ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าเห็นด้วยให้แก้ไขหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากจะแนะนำการทำงานของสปช.ชุดนี้ บอกได้เลยว่าพูดไปเขาก็ไม่ทำเปรียบเหมือนแก่เกินแกง แต่ละคนยึดมั่นถือมั่น จึงอยากแนะนำให้สปช.ทำใจให้กว้าง รับฟังความเห็น ไม่ทำตามใบสั่ง คนเสื้อแดงจะติดตามดูอย่างใกล้ชิด
เผย"รัชตะ"ส่งสัญญาณเลิกควบ
วันเดียวกัน นพ.วิรุณ บุญนุช ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) และกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ กรณีสภามม.มีมติให้นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และรมว.สาธารณสุข เลือกดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง โดยขีดเส้นให้ตัดสินใจภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้ว่า ทราบว่านพ.รัชตะได้ส่งสัญญาณและ มีทีท่าจะรับแค่ตำแหน่งเดียว เพราะทำงาน 2 แห่งไม่ไหว ส่วนตัวคิดว่านพ.รัชตะน่าจะเดินทางมาแจ้งผลการตัดสินใจต่อ กรรมการสภามหาวิทยาลัยด้วยตนเองในการประชุมวันที่ 15 ต.ค.นี้ เพื่อให้กรรมการสภาทุกคนรับทราบผลการตัดสินใจพร้อมกัน เพราะเชื่อว่านพ. รัชตะคงมีวิธีการตอบที่นุ่มนวลอยู่แล้ว
"ส่วนที่กำหนดให้นพ.รัชตะตัดสินใจเลือก รับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้นั้น ผมคิดว่าเราไม่ควรไปบีบคั้น ที่สำคัญ สภามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นองค์กรสูงสุด มีมติเป็นเอกฉันท์แล้วก็ควรเคารพมตินั้น ผมว่าเราอย่าบีบคั้นอธิการบดีเลย ท่านมีวิจารณ ญาณว่าสามารถตอบและพูดอย่างไรให้ประชาคม มม. ได้สบายใจ ผมคิดว่าไม่ต้องรีบ รอการประชุมสภามหาวิทยาลัยวันที่ 15 ต.ค. ทีเดียวจะดีกว่า" นพ.วิรุณกล่าว
ครม.ตั้ง"ดิสทัต"เลขาฯกฤษฎีกา
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีฯ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอให้ข้าราชการการเมืองตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต้องไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอรับโอนนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกฯ โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง และได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ซึ่งผู้มีอำนาจสั่งบรรจุของทั้ง 2 หน่วยงานได้ตกลงยินยอมในการโอนแล้ว และที่ประชุมมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเลขาธิการคณะกรรม การกฤษฎีกา (นักบริหาร ระดับสูง) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวอีกว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการแต่งตั้ง นายสุรเดช วลีอิทธิกุล ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ สำนักงานประกันสังคม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเป็นต้นไป
ระมัดระวังละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมร่วมระหว่าง คสช.และ ครม.อย่างเป็นทางการครั้งที่ 1 ที่ใช้เวลานาน 6 ชั่วโมงว่า การประชุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 42 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องงานที่สำเร็จไปแล้วหรืออยู่ในแผนการปฏิบัติ รวมทั้งสิ่งที่จะทำในอนาคต โดยไม่มีการหารือเรื่องกฎอัยการศึก ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ครม.ได้ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอเชิญชวนให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ร่วมลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช ตามแนวนโยบายหลักของรัฐบาลในการเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ ระบุด้วยว่า คสช.และรัฐบาล พยายามใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการใช้กฎหมายพิเศษ ขอให้ คสช.และรัฐบาลประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และระวังเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนที่มีการขออนุญาตจัดเสวนาทางวิชาการ ที่มีกลุ่มคนมารวมตัวจำนวนมากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้แนวทางว่าหากมีการเสนอมาที่นายกฯ จะส่งกลับไปที่ คสช.พิจารณาว่าจะอนุญาตให้จัดกิจกรรมได้หรือไม่ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศปรองดอง สิ่งใดที่สุ่มเสี่ยงทำให้สถานการณ์ดูไม่ดี ขอให้ทุกฝ่ายระงับยับยั้งเอาไว้ก่อน
เร่งฟัน-หลังผลสอบไมค์ทองคำ
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำเรื่องทุจริต ต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยกำหนดมาตรการชัดเจนทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ถ้าพบการทุจริต ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้ปรับย้ายมาอยู่ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับงานทันทีและลงโทษตามบทบัญญัติทางวินัย "พล.อ.ประยุทธ์ เร่งรัดเรื่องไมโครโฟนที่คณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) กำลังตรวจสอบ ซึ่งทราบว่าใกล้จะเสร็จแล้ว หากคตร. พบว่าผิดกฎกติกาหรือไม่อย่างไร ต้องนำเรียนนายกฯ ทันที และรัฐบาลจะดำรงอยู่ได้ นอกเหนือจากผลงานยังต้องเน้นการป้องกันไม่ให้เกิดทุจริต ไม่ใช่แค่ส่วนกลางเท่านั้น ต้องลงถึงระดับส่วนท้องถิ่นด้วย ถ้าตรวจพบจะต้องย้ายให้พ้นตำแหน่งหน้าที่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและลงโทษ"
เมื่อถามว่ากรณีไมค์แพง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือรองเลขาธิการนายกฯ จะต้องถูกย้ายออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะยังไม่รู้ผลการสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใดบ้าง
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า กรณีที่มีเสียงวิจารณ์เรื่องโยนหินถามการเปลี่ยนแปลงการปกครองเรื่องปรับโครงสร้างองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลและพื้นที่การปกครองพิเศษนั้น นายกฯ ได้ชี้แจงยืนยันว่าไม่เคยมีใครเคยพูดเรื่องนี้มาก่อน ไม่รู้ใครพูด และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เคยมีการพูดกัน ขอให้เป็นเรื่อง สปช.ในการคิดปฏิรูปในทุกเรื่อง
วิษณุรับเอง-สปช.มีคอนเน็กชั่น
วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาผู้ที่ไม่ได้รับเลือกเป็นสปช.เข้ามาเป็นคณะทำงานสปช.ว่า ในที่ประชุมยังไม่มีการพูดคุย เนื่องจากนายกฯ เกรงจะใช้เวลานาน จึงให้ทำเป็นบันทึกและรูปแบบการทำงานส่งเข้ามาแทน ซึ่งมีบุคคลที่จะให้มาช่วยงานอยู่แล้ว แต่ต้องให้นายกฯ พิจารณาก่อนว่าจะให้ช่วยงานด้านใดบ้าง ส่วนเสียงวิจารณ์รายชื่อสปช.มีความสัมพันธ์ในคสช. เช่น วปอ.คอนเน็กชั่น หรือจุฬาฯ คอนเน็กชั่นนั้น คนไทยก็มีคอนเน็กชั่นทั้งนั้น เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องมีคนรู้จัก
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนการทำงานของ สปช.จะนำโมเดลจากหลายเวทีมาพิจารณา รวมทั้งสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่รายละเอียดอาจแตกต่างจากสมัยรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ที่มีผู้ดำเนินการ 30-40 คน แต่รัฐบาลนี้ใช้บุคคลมากกว่านั้น เพราะคนที่ไม่ได้เป็นสปช.มีจำนวนมาก ส่วนผู้ที่ไม่ได้สมัครตั้งแต่ต้น หากต้องการมีส่วนร่วมปฏิรูปยังมีเวทีอื่นๆ ให้เข้าร่วม โดยผู้เกี่ยวข้องอาจต้องคิดรูปแบบเวทีและตนจะส่งเสริมให้ดำเนินการ
ส่วนที่มีสปช.บางคนเคยขึ้นเวทีชุมนุมทาง การเมืองมาก่อน รองนายกฯ กล่าวว่า การคัดเลือกบุคคลไม่ได้ดูว่าเขาสีอะไรหรือเคยขึ้นเวทีใด บางคนถูกมองว่าเป็นแนวร่วม แต่ไม่เคยขึ้นเวที บางคนถูกวิจารณ์ว่าเคยขึ้นเวทีกปปส. เวทีกลุ่มพันธมิตรฯ เวทีเสื้อแดง หรือเป็นคนของพรรคเพื่อไทย หากยกมาแบบนี้ก็เจอทั้งนั้น จึงไม่เป็นธรรมหากมองว่าเพราะขึ้นเวทีจึงได้รับเลือกเป็นสปช. เสียดายที่บางพรรคไม่มาสมัครทั้งที่เราเปิดกว้าง อย่างไรก็ตาม เราหวังให้สปช.เป็นเวทีปฏิรูปที่เป็นทางการที่สุด โดยทำงานร่วมกับคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจากหลายฝ่ายที่ไม่ได้รับเลือกเช่นกัน
ส่งสนช.ปั๊มกม.-ดันพรบ.ชุมนุม
นายวิษณุกล่าวถึงกฎหมายที่ต้องปรับปรุงก่อนเสนอเข้าสนช.ว่า มีทั้งประกาศคสช. และคำสั่ง ซึ่งคสช.ตั้งใจว่าเรื่องใดที่ออกเป็นประกาศก็จะให้มีผลเป็นกฎหมาย ส่วนคำสั่งจะเหมือนเป็นคำสั่งนายกฯ แต่บางประกาศควรเป็นกฎหมายก็กลายเป็นคำสั่ง ขณะที่คำสั่งแต่เนื้อหากลายเป็นกฎหมาย ซึ่งในช่วงที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ทำได้ แต่วันนี้ต้องให้สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณา เรื่องใดที่เป็นกฎหมายหากจะแก้ก็ออกเป็นกฎหมาย แต่อะไรที่ไม่เป็นกฎหมายก็ออกเป็นมติครม. ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป
นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯ พอใจที่ขณะนี้มีกฎหมายเสนอเข้าสนช.แล้ว 34 ฉบับ และจะนำเข้าสนช.ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ 8 ฉบับ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว 4 ฉบับ และเตรียมเข้าสนช.อีก 80 ฉบับ ซึ่งการเสนอกฎหมายจำนวนมากก็กังวลว่าจะทัน 1 ปีหรือไม่ ขอให้ทุกฝ่ายอย่าเพิ่งเร่งรัดการทำงานของสนช. เพราะมีกรอบเวลาที่คณะกรรมาธิการจะพิจารณาไม่เกิน 1 เดือนอยู่แล้ว
รองนายกฯ กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.การชุมนุมที่เสนอโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นั้น เนื้อหาเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเรียบร้อย จากนั้นจะเสนอเข้าสนช. ส่วนที่ล่าช้าเนื่องจากมีการปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับการชุมนุมปัจจุบัน ต่อข้อถามว่าเกรงว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะเป็นดาบสองคมในอนาคตหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถึงจะเป็นดาบกี่คมก็ต้องออก โดยสนช.จะพิจารณาให้ดีที่สุด กฎหมายทุกฉบับสุดท้ายก็เป็นดาบสองคมอยู่แล้ว
สนช.แนะปธ.ยื่นตีความถอดถอน
ที่รัฐสภา พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสนช. กล่าวถึงกระบวนการถอดถอนของสนช.ว่า ต้องดูตามข้อกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้เราไม่มีรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้ว ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวไม่ได้กำหนดหมวดถอดถอนไว้ แต่ในมาตรา 6 กำหนดให้สนช.ทำหน้าที่ส.ส. ส.ว. และมาตรา 5 ให้อำนาจ สนช.วินิจฉัยตามประเพณีการปกครองด้วยการลงมติได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. แต่มองว่าประธานสนช. ควรนำปมปัญหาดังกล่าวส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความด้วยตนเอง ไม่ต้องให้สมาชิกพรรคการเมืองเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในอำนาจหน้าที่แก่สมาชิกสนช. ที่ขณะนี้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
ด้านนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และสมาชิกสนช. กล่าวว่า การร่างข้อบังคับของสนช. โดยเฉพาะ หมวดถอดถอน ถือเป็นการกระทำไปตามอำนาจหน้าที่ที่มี ส่วนจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภานั้น ต้องรอพิจารณาสำนวนถอดถอนที่ป.ป.ช.ยืนยันกลับมาก่อนว่าจะอ้างกฎหมายใดบ้าง ส่วนตัวมองว่าหากป.ป.ช.อ้างถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ถูกยกเลิกไปแล้วก็ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าอ้างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อบังคับก็ดำเนินการได้
"วรชัย"เตือนอย่าจุดไฟขัดแย้งอีก
วันเดียวกัน นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้เราต้องการลดความขัดแย้งที่คนบางกลุ่มพยายามสร้างมันขึ้นมา ยืนยันพวกเราไม่เคยจุดไฟขัดแย้ง อยู่อย่างสงบให้ความร่วมมือ คสช.เรื่อยมา เพราะเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์กำลังเดินไปในทางที่ถูกต้องแล้ว แต่พวกที่ไม่หยุดคือองค์กรอิสระบางองค์กรและสนช.บางส่วน โดยเฉพาะพวกกลุ่ม 40 ส.ว.พยายามเดินเกมถอดถอนอดีตนักการเมือง กระเหี้ยนกระหือรือที่จะทำลายพวกเราให้ได้ ตอนนี้บางองค์กรออกมาพูดเรื่องถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และทราบว่ากำลังมีความพยายามจะเอามาตรา 112 ออกมาอีกด้วย
"จะเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากซีกโน้นทั้งหมด ผมออกมาพูดเพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ออกมาสยบทุกกลุ่ม ถ้าปล่อยให้พวกนั้นทำกับเราฝ่ายเดียว มันไม่ยุติธรรม ประเทศจะสงบได้อย่างไร ถ้าปล่อยให้ทำกันแบบนี้ ผมต้องออกมาโต้บ้าง จะนั่งเฉยๆ ให้เขาเอามีดมาฟันคอได้อย่างไร วันนี้ทุกฝ่ายควรหยุดได้แล้ว ความขัดแย้งเก่าๆ ที่ผ่านมาควรให้ผ่านไป ผมไม่ได้ออกมาวิจารณ์รัฐบาล แต่พูดถึงคนที่ออกมาขยายความขัดแย้ง และอยากให้พล.อ. ประยุทธ์เข้ามาจัดการตรงนี้" นายวรชัยกล่าว
"อลงกรณ์"เตรียมชง 4 หัวข้อปฏิรูป
ที่รัฐสภา นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรมีความพร้อมรองรับการมีสภาสปช.แล้ว ระหว่างวันที่ 8-15 ต.ค. จะเปิดให้สมาชิกสปช.มารายงานตัวที่รัฐสภา หากสมาชิก คนใดติดภารกิจในช่วงดังกล่าว สามารถมารายงานตัวหลังจากนี้ได้ คาดว่าจะเปิดประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธาน สปช. และรองประธานสปช.ได้ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ส่วนสปช.จะนัดประชุมวันใดบ้าง ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสปช.จะพิจารณา เบื้องต้นคงประชุมช่วงวันจันทร์ อังคาร หรือพุธ เพราะวันพฤหัสฯ และวันศุกร์มีการประชุมสนช. อยู่แล้ว
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสปช. กล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปว่า ตนจะเสนอต่อที่ ประชุมสปช. 4 เรื่องคือ 1.การปรองดอง โดยพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศต้องได้รับการยอมรับ 2.ความโปร่งใสและการแก้ทุจริตคอร์รัปชั่น 3.ประสิทธิภาพของภาครัฐที่ต้องอัพเกรดให้พร้อมพัฒนาร่วมกับภาคเอกชนที่เป็นหลักสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ซึ่ง 99 เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจนี้ยังขาดแหล่งทุน เทคโนโลยี หากทำได้จะเป็นการสร้างโมเดลเศรษฐกิจใหม่สอดรับกับการแข่งขันยุคไอทีเพิ่มมูลค่าผลผลิต และ 4.การปฏิรูปแนวทางประชาธิปไตย เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากนานาชาติทั้งด้านการลงทุน การค้า การท่องเที่ยว และพัฒนาอย่างอารยประเทศ ซึ่งมองว่าสปช.ชุดนี้มีความหลากหลายในสัดส่วนและที่มา
เมื่อถามว่าจะขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยเฉพาะการลงสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไป นายอลงกรณ์กล่าวว่า ตนตัดสินใจเพราะคิดว่าประเทศต้องมาก่อน การปฏิรูปประเทศสำคัญกว่าอนาคตตัวเองในพรรค และพร้อมรับคำตัดสินของพรรค แต่หวังว่าพรรคจะสนับสนุนการปฏิรูปครั้งนี้
ปปช.ช่วยชี้แจงบัญชี"น้องบิ๊กตู่"
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีการวิจารณ์พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งสนช. ที่อาจมีปัญหาเรื่องตัวเลขแจ้งบัญชีผิดพลาดว่า เท่าที่ทราบ อาจเกิดความผิดพลาด โดยอาจแจงบัญชีเงินฝากของกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งพล.อ.ปรีชาเคยเป็นผู้ถือบัญชีอยู่รวมมาด้วย เพื่อความโปร่งใส ทั้งนี้ ความจริงการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ไม่จำเป็นต้องยื่นส่วน ดังกล่าวเข้ามา แต่เพื่อความบริสุทธิ์ก็ทำได้ หลังจากนี้สำนักงาน ป.ป.ช.จะตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของสนช.อย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบความผิดปกติจะดำเนินการทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบบัญชีแสดงทรัพย์สินของพล.อ.ปรีชา ที่ยื่นต่อป.ป.ช. พบว่ามีการแจ้งยอดเงินฝาก 42,051,468 บาท ขณะที่มีการแจ้งบัญชีเงินฝากทั้งหมด 10 บัญชี รวมเป็นเงิน 89,418,876 บาท โดยเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 5 บัญชี ซึ่งมีชื่อ พล.อ.ปรีชาเป็นเจ้าของบัญชี รวมเงินทั้ง 5 บัญชีมูลค่า 42,051,468 บาท เท่ากับจำนวนเงินฝากที่มีการแจ้งต่อ ป.ป.ช. และยังมีบัญชีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์กองทัพภาคที่ 3 อีก 5 บัญชี ซึ่งมีชื่อนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภรรยา พล.อ.ปรีชาเป็นเจ้าของบัญชี รวมเงินทั้ง 5 บัญชีมูลค่า 46,995,296 บาท แต่ในการแจ้งต่อ ป.ป.ช.กลับแจ้งว่า นางผ่องพรรณไม่มีทรัพย์สินที่เป็นเงินฝาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ปรีชาได้แนบเอกสารชี้แจงถึงประธาน ป.ป.ช.เรื่องขอแจ้งบัญชีเงินฝากขอหน่วยงานที่ตนมีอำนาจลงนามสั่งจ่าย 2 รายการ คือ บัญชีสถานภาพเงินราชการกองทัพภาคที่ 3 และรายการบัญชีสถานภาพเงินนอกงบประมาณและงบพิเศษของกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 โดยชี้แจงว่า "ตามที่ได้รับตำแหน่งเป็น สนช.และต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.นั้น ขอแจ้งบัญชีเงินฝากของหน่วยงานที่ข้าพเจ้ามีอำนาจลงนามสั่งจ่ายเพื่อใช้ในกิจการของราชการ แต่ไม่ใช่บัญชีเงินฝากของข้าพเจ้า รายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย"
นายวรวิทย์เปิดเผยด้วยว่า ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ทำเรื่องเสนอคณะกรรมการป.ป.ช.ให้พิจารณาว่า สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.และเปิดเผยต่อสาธารณะหรือไม่ หากกรรมการป.ป.ช.มีความเห็นอย่างไร จะออกเป็นมติป.ป.ช.เพื่อเป็นแนวทางต่อไป
นายวรวิทย์กล่าวว่า ส่วนที่มีสมาชิก สนช. 2 คน คือ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. ขณะนี้สำนักงานป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือไปยังบุคคลทั้ง 2 คน ให้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่ามีเจตนาหรือไม่ ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินของครม.นั้น รัฐมนตรีทุกคนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ทั้งหมดแล้วภายในกรอบเวลาที่กำหนดแล้ว ยกเว้นนายอาคมเพียงคนเดียว ซึ่งป.ป.ช.ต้องส่งหนังสือแจ้งเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลของความล่าช้า และจากนี้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยโดยกำหนดวันแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ ภายใน 30 วัน
"ปู"อาลัย"อภิวันท์"-ศพกลับไทย
วันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 6 ต.ค. พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เสียชีวิตแล้วด้วยอายุ 65 ปี หลังล้มป่วยอย่างรุนแรงจากโรคปอดติดเชื้อ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ขณะลี้ภัยหมายจับในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดย เฟซบุ๊กของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่า "ข่าวด่วน เมื่อเวลา 22.30 น.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากนายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ อดีตส.ส. นนทบุรีว่า พ.อ.อภิวันท์ได้เสียชีวิตแล้วที่ต่างประเทศ จะนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดบางไผ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ขณะนี้กำลังประสานกับยูเอ็นเพื่อนำศพกลับไทย"
ขณะเดียวกัน อินสตาแกรมของนายพานทองแท้ ชินวัตร ขึ้นภาพพ.อ.อภิวันท์ พร้อมข้อความระบุว่า "6 ตุลา ... R.I.P. ครับอา"
นายชินวัตรเปิดเผยว่า ได้คุยกับครอบครัวของพ.อ.อภิวันท์ ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานนำศพพ.อ.อภิวันท์จากฟิลิปปินส์กลับประเทศไทย คาดว่าจะนำกลับมาได้ภายในวันที่ 9 ต.ค.
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความไว้อาลัย โดยระบุว่า ทราบข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพ.อ.อภิวันท์ ด้วยความรู้สึกเศร้าสลดและสะเทือนใจอย่างมาก ตนรู้จักพ.อ.อภิวันท์ ตั้งแต่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเลือกตั้งให้เป็นส.ส.นนทบุรี ต่อเนื่องถึงการดำรงตำแหน่งรองประธานสภา ตลอดเวลาการทำงานได้เสียสละอุทิศตน มุ่งมั่นทำงาน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เป็นนักประชาธิปไตย เป็นสุภาพบุรุษ และเป็นพี่ใหญ่ที่มีน้ำใจงดงาม คอยดูแล ให้คำแนะนำแก่นักการเมืองรุ่นน้องของพรรค ด้วยอุดมการณ์ที่ต้องการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพ.อ.อภิวันท์ ที่สูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รัก และขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก โปรดนำดวงวิญญาณของพ.อ.อภิวันท์ไปสู่สุคติ
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยฯ โพสต์ข้อความไว้อาลัยเช่นกัน พร้อมระบุแม้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศจะเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของพ.อ.อภิวันท์ แต่พวกเราที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอยู่ขณะนี้ จะเดินหน้าต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างไม่ย่อท้อต่อไป ทหารจะต้องยืนเคียงข้างประชาชน ทหารต้องยืนเคียงข้างประชาธิปไตย และเลือดของทหารไทยจะต้องเป็นเลือดที่จะต่อสู้เพื่อรักษาและปกป้องประชาธิปไตยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำนปช.และบุคคลสำคัญทางการเมือง ทั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท รวมถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรก.หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ต่างก็โพสต์แสดงความอาลัย โดยระบุเป็นนายทหารที่ต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย
ที่รัฐสภา นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเสียชีวิตของพ.อ.อภิวันท์ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะทำหน้าที่ประสานกับสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานเพลิงศพให้ หากทางญาติของพ.อ.อภิวันท์ร้องขอมา ขณะเดียวกันได้เตรียมเงินกองทุนค่าทำศพ เพื่อมอบให้ญาติแล้ว 1 แสนบาท
"บิ๊กตู่"ถก"เต็งเส่ง"-ก่อนบินอาเซม
วันที่ 7 ต.ค. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางเยือนสหภาพพม่าของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค.นี้ว่า นายกฯ จะเดินทางจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ในเวลา 14.15 น. เมื่อเดินทางถึงจะมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ และหารือกลุ่มเล็กกับพล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่า และหารือเต็มคณะของสองรัฐบาล ก่อนมีงานเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยการหารือจะเป็นประเด็นในภาพรวมทั้งเรื่องคมนาคม การเชื่อมโยงต่างๆ เรื่องชายแดนรวมทั้งเขตเศรษฐกิจทวาย ส่วนวันที่ 10 ต.ค. นายกฯ จะเดินทางไปกรุงย่างกุ้ง เพื่อพบกับภาคเอกชนของไทย โดยจะพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ว่าต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนในด้านใดบ้าง และคงอยากรับทราบผลการหารือระหว่างรัฐบาลไทยกับพม่า
นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียยุโรป (อาเซม) ของ นายกฯ ระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลีนั้น ในส่วนของผู้นำประเทศที่จะพบกับนายกฯ ไทยมีความชัดเจนแล้ว อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ส่วนประเทศในแถบยุโรปอยู่ระหว่างการดูช่วงเวลาที่ตรงกัน ซึ่งมีผู้นำหลายประเทศแสดงความจำนงจะพบปะกับผู้นำไทย เช่น สวิตเซอร์แลนด์
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนพม่าของนายกฯ ว่า เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพม่ามีทรัพยากรมาก และไทยก็มีความพร้อม หากร่วมมือกันจะพัฒนาเศรษฐกิจด้านชายแดนดีขึ้น ส่วนของทวายนั้นไม่มีปัญหา ทั้งนี้จะมีการหารือเรื่องพลังงาน ความมั่นคงชายแดน ซึ่งทุกเรื่องจะนำไปสู่ผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศรวมถึงอาเซียน