- Details
- Category: การเมือง
- Published: Monday, 06 October 2014 15:43
- Hits: 3288
เสียงแตกปมถอดอดีต 2 ปธ. สนช.ส่อวุ่น ยังเห็นต่าง-คาดถกยาว นิคมลั่นฟ้องผิดม.157 ย้ำ'รธน.50'ถูกฉีกแล้ว ไก่อูแนะให้รอศาลเคาะ คสช.หารือครม.7 ตุลา ชงเลิก'กฎอัยการศึก'
'นิคม'ลั่นสู้เต็มที่ ปมถูก สนช.ถอดถอน ชี้ไม่มีอำนาจเหตุ รธน.ปี 50 ถูกฉีกทิ้งแล้ว เตรียมฟ้องผิดอาญา ม.157 วิป สนช.รับสมาชิกเสียงแตก หนักใจ ป.ป.ช.ฟันธงผิดแค่รัฐธรรมนูญ 2550 คาดที่ประชุมถกยาว'ไก่อู'แนะให้รอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เผย 7 ตุลาฯ ครม.หารือคสช.ปมเลิกอัยการศึกเล็ง จว.ท่องเที่ยว
@ 'พีระศักดิ์'รอฟังศาลหากพท.ยื่น
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีอำนาจการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ว่า เป็นสิทธิที่สามารถไปยื่นศาลได้ แต่สงสัยว่าจะใช้สิทธิอะไรไปยื่น เมื่อ สนช.ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ และ สนช.ก็ทำตามข้อกฎหมายในการดำเนินการเรื่องถอดถอน และต้องรอการหารือกับสมาชิกก่อนว่าจะดำเนินการเรื่องการถอดถอนอย่างไร ถ้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องการถอดถอนมายัง สนช. ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการ แต่หากมีคนไปยื่นศาล และศาลสั่งให้ชะลอการพิจารณา สนช.ต้องทำตาม แต่หากศาลไม่มีคำสั่งก็สามารถพิจารณาตามกรอบเวลาได้ทันที
"อยากฝากถึงอดีต ส.ส.และ ส.ว. หากมีข้อกฎหมายใดที่จะเสนอแนะและเป็นประโยชน์ก็สามารถเสนอมาได้เลย สนช.ยินดีที่จะรับฟังทุกข้อเสนอแนะ เราไม่มีธงในการถอดถอน ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ทำตามข้อกฎหมายทุกอย่าง" นายพีระศักดิ์กล่าว
@ แย้มกมธ.ร่างรธน.เชี่ยวชาญกม.
นายพีระศักด์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ได้คุยกับประธาน สนช.และรองประธานคนที่ 1 แล้ว อยากได้คนที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย มีเวลาในการทำงาน และมีความสมัครใจในการมานั่งเป็น กมธ. เพราะการมาเป็น กมธ. ถือเป็นงานที่หนัก และอาจโดนตัดสิทธิทางการเมืองบ้าง แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดว่าจะให้ใครเข้ามา
"อาจจะต้องรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และรอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ 16 คณะอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะตั้งคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ขึ้นมาเพื่อกำหนดแนวทาง ซึ่งจะตั้ง กมธ.ในการประชุม สนช.สัปดาห์นี้ รวมทั้งการหารือเรื่องการถอดถอนในการประชุมด้วย" นายพีระศักดิ์กล่าว
@ 'สุรชัย'แนะสนช.ยึดหลักธรรม
ที่รัฐสภา องค์การเครือข่ายชาวพุทธแห่งประเทศไทย (อพท.56) ร่วมกับสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการถวายสักการะฉลองพระชันษาชาตกาล 101 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานฝ่ายบรรพชิต และนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
นายสุรชัย กล่าวว่า อยากให้ สนช.ทุกคนยึดหลักธรรมนำมาใช้ในการทำหน้าที่ สนช.ในฐานะผู้ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและบริหารงานนิติบัญญัติควรใช้หลักธรรมในการดำเนินการ ยึดหลักธรรมในการทำหน้าที่เพราะ สนช.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง การออกกฎหมาย การทำหน้าที่จึงต้องลดความขัดแย้ง และสร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย ถ้าทุกฝ่ายนำหลักธรรมของทุกศาสนามาใช้ โดยเฉพาะผู้บริหารและผู้ปกครอง หากนำมาใช้ในการปกครองประเทศ จะเป็นประโยชน์ จะนำมาซึ่งความสงบสุข
@ ชี้เป็นสิทธิพท.ร้องศาลรธน.
นายสุรชัยกล่าวถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอำนาจของ สนช.สามารถดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้หรือไม่ว่า เป็นสิทธิของผู้ร้องที่สามารถดำเนินการได้ หากจะเป็นช่องทางหนึ่งในการหาทางออกในข้อกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สนช.ขอรอดูรายละเอียดของสำนวนถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ ป.ป.ช.จะส่งเข้ามาให้ สนช.ในสัปดาห์นี้ก่อน เพื่อดูว่าจำเป็นต้องชะลอการพิจารณาถอดถอน เพื่อรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
@ ชี้โพลหนุน'คสช.'ลดเรื่องธรรมชาติ
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจของมาสเตอร์โพลที่ระบุว่า แนวโน้มการสนับสนุนของ คสช. ลดลงจากเดิมร้อยละ 81 ที่มีการสำรวจเมื่อเดือนกันยายน เหลือเพียงร้อยละ 77 ว่าคะแนน คสช.ลดลงมา เป็นธรรมชาติ เดี๋ยวปีใหม่ลดลงอีก เพราะ คสช.อยู่บนเส้นลวด ดังนั้นจะต้องแก้ปัญหาประชาชนให้ได้ อย่างกรณีให้เงินอุดหนุนชาวนาไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ถือว่าเสียเปล่า ไม่ได้สร้างคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้น
"ยืนยันว่า ขณะนี้ประชาชนไม่ได้แตกแยกแบ่งฝ่ายทางการเมือง เพียงแต่ลักษณะของคนมีความคิดเห็นทางการเมืองที่เป็นเรื่องปกติไม่มีทางไปทางเดียวกันได้และไม่ได้ทะเลาะกัน เพราะชนบทมีการเลือกตั้งท้องถิ่นบ่อยครั้ง จึงขอเสนอให้รัฐบาลตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน อีกทั้ง คสช.หรือรัฐบาลอย่าใช้อำนาจนจนเกินเหตุ" นายสมคิดกล่าว และว่า ไม่อยากให้ คสช.ห่วงว่าประชาชนมีสีเแดงหรือสีเหลืองและอย่าไปสลายสีเสื้อ เพราะไม่สามารถทำได้ จะทำให้เสียเวลาเปล่า แต่รัฐบาลจะต้องทำอย่างไรให้คนที่เห็นต่างอยู่ร่วมกันได้ พร้อมเสนอว่า คสช.ไม่ควรไปกังวลกับผลโพลมากนัก แต่คนเป็นรัฐมนตรีต้องขยับ อย่าไปห่วงคะแนนลดลง ถ้าทำดีคะแนนก็เพิ่ม รัฐบาลต้องปล่อยให้คนเห็นต่างอยู่ร่วมกันได้
@ ปชป.จับตาพท.ใช้กม.ใดร้องศาล
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวกรณี ป.ป.ช. ส่งเรื่องยื่นการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกลับมา สนช. เพื่อพิจารณา ว่ากรณีดังกล่าวสามารถทำได้เพราะ สนช.มั่นใจในข้อบังคับ และ สนช.ที่เป็นอดีตสมาชิกกลุ่ม 40 ส.ว.มั่นใจว่า สนช.มีอำนาจในการดำเนินการถอดถอนนายสมศักดิ์ และนายนิคม ตามที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ให้อำนาจ
"ที่พรรคเพื่อไทยจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า สนช.มีอำนาจถอดถอนหรือไม่นั้น เห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะพรรคเพื่อไทยออกมาขู่ทุกครั้งว่าจะร้องศาล ซี่งเป็นการทำตามความประสงค์ของผู้มีอำนาจแต่ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้ช่องทางใดและใช้มาตราใดในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย" นายวิรัตน์กล่าว
@ ซัด'วรชัย'หยุดทำร้ายปท.
นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของ นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาคัดค้านการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของ สนช.ว่า จะเห็นว่าสมุนและระบอบทักษิณได้สร้างปัญหาต่างๆ ในบ้านเมืองมากมาย แต่พอเกิดรัฐประหารก็ทำแกล้งตาย แต่เมื่อมีเรื่องที่จะมากระทบก็รีบตื่น ตอนนี้ สนช.กำลังจะพิจารณาถอดถอนคนที่ถูก ป.ป.ช.มีความเห็นว่ามีความผิดและสมควรถูกถอดถอน คนเหล่านี้ก็รีบลุกขึ้นมาคัดค้าน เหมือนที่ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยการผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
"ครั้งนี้อ้างว่าเป็นความผิดจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แปลว่าไม่ผิดแล้ว ถ้าอย่างนั้นคนก็ทำผิดตลอด ดังนั้นควรรอให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินการไปก่อน จึงอยากให้นายวรชัย ซึ่งเคยเป็นคนยื่นกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอยทบทวนตัวเอง อย่านึกถึงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าออกมาทำร้ายบ้านเมืองอีกเลย" นางรัชฎาภรณ์กล่าว
@ 'วิปสนช.'รับเสียงแตกปมถอดถอน
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช.ในฐานะวิป สนช. กล่าวกรณีถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมว่า หลังจากที่ ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับคืนมายัง สนช.แล้ว ต้องดูว่าประธาน สนช.จะรับเรื่องหรือไม่ หากประธาน สนช.รับเรื่องเข้าสู่วาระ จะส่งเรื่องมาให้วิป สนช.พิจารณากลั่นกรองก่อน แต่วิป สนช. คงไม่มีมติเด็ดขาดออกมาว่าจะดำเนินการถอดถอนได้หรือไม่ คงทำแค่ให้ความเห็นประกอบทางกฎหมายเท่านั้น เพื่อส่งให้ที่ประชุม สนช.ชุดใหญ่ลงมติตัดสินใจต่อไป
"ขณะนี้เสียงของ สนช.ยังแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่เห็นว่า สนช.ไม่สามารถถอดถอนได้ก็มีอยู่จำนวนมากเหมือนกัน ดังนั้นที่ประชุมใหญ่ สนช.คงต้องถกกันยาวและพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ" นพ.เจตน์กล่าว
@ รับหนักใจเหตุผิดแค่รธน.50
นพ.เจตน์กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าหากสำนวนที่ ป.ป.ช.ส่งคืนกลับมายัง สนช. ยืนยันว่า ความผิดของนายสมศักดิ์และนายนิคมเป็นไปตามฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 เพียงอย่างเดียว ไม่มีฐานความผิดตามกฎหมายอื่นประกอบด้วย คงลำบากในการพิจารณาถอดถอน เพราะขณะนี้รัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว
"แต่ยังมีช่องทางมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 ที่ระบุว่า เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับใช้แก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะเรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นเรื่องที่เคยปฏิบัติมาในอดีตอยู่แล้ว แต่คงต้องมีการหารือกันอีกครั้ง" นพ.เจตน์กล่าว
@ 'นิคม'ท้า'สนช.'ถอดถอน
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กล่าวว่า สนช.ไม่มีอำนาจในการถอดถอน เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ถูกฉีกทิ้งไปแล้วและการกล่าว หาว่านักการเมืองผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 270 และมาตรา 274 นั้นไม่รู้ว่า สนช.จะเอาอำนาจตรงไหนมาถอดถอน เพราะถ้าจะบอกว่าใช้กฎหมายของ ป.ป.ช. ก็เป็นเพียงแค่กฎหมายลูกเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการต้องใช้รัฐธรรมนูญ 2550 เท่านั้น เนื่องจากผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 หากจะถอดถอนตนก็ต้องให้ความผิดสำเร็จก่อนจึงจะสามารถดำเนินการยื่นร้องต่อศาลได้
"ผมไม่เครียด ตอนนี้อยู่วัด จิตใจสงบเพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ถูกฉีกทิ้งไปแล้ว เหลือแต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่ง สนช.ไม่มีอำนาจ หาก สนช.คิดว่ามีอำนาจก็รีบดำเนินการถอดถอนเลย เพราะผมดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมตอนที่เป็นประธานวุฒิสภา ผมผิดตรงไหน อยากรู้ว่าจะลงมติอย่างไร เสียง 3 ใน 5 แล้วที่บอกว่าผิดตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ 2550 จะดำเนินการอย่างไรเพราะไม่มีรัฐธรรมนูญ 2550 แล้ว" นายนิคมกล่าว
@ ลั่นพร้อมสู้เต็มที่เล็งฟ้องม.157
เมื่อถามว่าเตรียมแนวทางการต่อสู้ไว้อย่างไร หาก สนช.ยืนยันว่ามีอำนาจถอดถอน นายนิคมกล่าวว่า หากดำเนินการโดยไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับ ถือว่าทำโดยไม่ชอบ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จะสู้เต็มที่และอย่าคิดจะใช้อำนาจโดยคิดว่าตัวเองมีอำนาจมาข่มเหงรังแกกัน อย่างไรก็ตามยังไม่ได้คุยกับนายสมศักดิ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
@ 'พนัส'ชี้เอาผิดย้อนหลังไม่ได้
นายพนัส ทัศนียานนท์ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีสมาชิก พท.จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดอำนาจการถอดถอนของ สนช.ว่า ที่สมาชิก พท.หลายคนเห็นอย่างนั้นคงเพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า เรื่องที่มีการร้องกันในมาตรา 68 ซึ่งเกี่ยวกับการถอดถอนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นผิดมาตรา 68 โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกมาแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไปเพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว จึงคิดว่าสมาชิก พท.คงเห็นแบบนี้ เพราะหากยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลต้องยึดตรงนี้
"เหตุผลที่มองต่อมาคือ ในแง่ของสารบัญญัตินั่นคือ การที่ ส.ส. ส.ว.ถูกร้องว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วผิดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ต้องไปดูว่ารัฐธรรมนูญชั่วคราวได้กำหนดมาตรา 68 ไว้ตรงไหนหรือไม่ หรือถ้าบอกว่าแม้ไม่ได้กำหนดไว้ก็มีมาตรา 5 คือ ใช้ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย คำถามคือมาตรา 68 เป็นประเพณีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็มีที่ใกล้เคียงคือมาตรา 63 ในรัฐธรรมนูญ 2540 เพียงเท่านั้น จะมาถือว่าเป็นประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาตั้งแต่ดังเดิมไม่ได้ การที่ คสช.เข้ามาทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2550 ทิ้ง การกระทำความผิดตามมาตรา 68 ไม่มีแล้ว นอกจากนี้ กฎหมายใดที่เป็นโทษแก่ผู้ใดผู้หนึ่งเมื่อถูกยกเลิกไปแล้วจะมาใช้ลงโทษแก่บุคคลผู้นั้นอีก เป็นไปไม่ได้" นายพนัสกล่าว
@ รบ.แนะรอ'ศาลรธน.'ชี้ถอดถอน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายวรชัยระบุว่า สนช.กำลังบัญญัติอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งที่ไม่มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ถือว่า สนช.ลุแก่อำนาจว่า ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุไว้ว่าหากมีปัญหาเกี่ยวกับการบัญญัติอำนาจถอดถอนของ สนช.ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เนื่องจากถือว่าอำนาจของศาลบริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุดไม่มีใครสามารถคัดค้านได้
"แต่หากถามตามความคิดเห็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นคู่ขัดแย้งกันอยู่ เรื่องก็จะไม่จบสิ้น เพราะต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกของตนเองร่วมด้วย วันนี้บรรยากาศทางการเมืองของไทยกำลังเข้าสู่ความสงบเรียบร้อย จึงไม่อยากให้เกิดเป็นชนวนปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
@ รอถกคสช.ปมเลิกอัยการศึก
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวถึงการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางพื้นที่ว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังไม่ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และที่ปรึกษา คสช.ในวันที่ 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม ที่รับทราบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พูดผ่านรายการคืนความสุขให้กับคนในชาติ สรุปได้ว่า 1.ขณะนี้กฎอัยการศึกยังมีความจำเป็นอยู่เพื่อดูแลในเรื่องของความสงบเรียบร้อย หากยกเลิกการประกาศใช้ไปแล้วและหากเกิดเหตุการณ์จำเป็นต้องกลับมาประกาศใช้อีกครั้งก็จะดูยิ่งหนักไปใหญ่ และ 2.ยังเชื่อมั่นว่าปัญหาการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกจะต้องดูที่เหตุผลหลายๆ ประการ ทั้งเรื่องความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ข้อมูลการข่าวต่างจากหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมทั้งปัญหาที่อาจเป็นปัจจัย
"ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นว่า คงจะพิจารณายกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นบางพื้นที่ในการประชุมร่วมระหว่างรัฐบาลและ คสช.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้กระทบต่อความมั่นคง จะต้องพิจารณาปัจจัยสำคัญในเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย แต่คงไม่ใช่พิจารณายกเลิกทั้งหมด" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
เมื่อถามว่าภูเก็ตที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน เอเชี่ยน บีช เกมส์ ระหว่างวันที่ 14-23 พฤศจิกายน จะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกษาก่อนใช่หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ยังไม่ต้องการชี้ชัด คงต้องรอข้อมูลจาก คสช.และรัฐบาลในวันที่ 7 ตุลาคมก่อน
@ ชี้ภาพรวม'คสช.'คุมงานมั่นคง
เมื่อถามถึงวาระการพิจารณาร่วมกันระหว่าง ครม. คสช. และที่ปรึกษาฯ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า โดยหลักการแล้วนายกรัฐมนตรีแจ้งต่อที่ประชุม ครม.ว่า รัฐบาลเข้ามารับงานต่อจาก คสช. ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการบรรยายสรุปงานในด้านต่างๆ ให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบทราบแล้ว และที่ผ่านมาก็มีการประสานงานมาโดยตลอด การประชุมร่วมกันครั้งนี้เชื่อว่าทางรัฐบาลจะได้สรุปให้ทาง คสช.รับฟังว่างานด้านต่างๆ ที่รับมาจาก คสช.นั้นได้มีการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง มีข้อขัดข้อง ปัญหาอุปสรรคอย่างไร เพราะในภาพรวมแล้ว ทาง คสช.เป็นผู้ดูแลงานด้านความมั่นคงในภาพรวม และได้เป็นผู้สัญญาไว้กับประชาชนไว้ว่าจะทำอะไรอย่างไรเพื่อคืนความสุขให้กับประชาชน
@ คาด'คสช.'ถก'รบ.'แบ่งงาน
นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมร่วมกันระหว่าง ครม. คสช. และคณะที่ปรึกษา คสช.ในวันที่ 7 ตุลาคมว่า วาระการประชุมยังไม่ได้แจ้งมาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะเป็นการพิจารณาในเรื่องของกลุ่มงานทั้ง 5 กลุ่มงาน ที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำงานประสานกันมา ซึ่งทาง คสช.คงจะเสนอแนะและอาจมีข้อแนะนำเพิ่มเติมให้กับทางรัฐบาลบ้าง แต่ทั้งนี้ คสช.ไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาล
@ 'วินธัย'ขึ้นแท่นโฆษกทบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงนามในคำสั่งกองทัพบก เรื่องแต่งตั้งทีมงานโฆษกกองทัพบกใหม่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่การชี้แจงประชาสัมพันธ์ผลการปฏิบัติงานด้านต่างๆ ในอันที่จะสร้างความเข้าใจที่ดีต่อสังคมและสาธารณชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยทีมงานโฆษกกองทัพบกประกอบด้วย พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เป็นโฆษกกองทัพบก แทน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ที่ไปทำหน้าที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง เป็นรองโฆษกกองทัพบก พ.ต.หญิงนุสรา วรภัทราทร อาจารย์จากวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก เป็นรองโฆษกกองทัพบก พ.ต.หญิงมญชุ์พิชา นราแย้ม ขยับจากผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก ขึ้นเป็นรองโฆษกกองทัพ และ ร.ท.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ เป็นผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก