- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 05 October 2014 12:21
- Hits: 4628
วันที่ 05 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8712 ข่าวสดรายวัน
เล็งเลิกอัยการศึก เปิดทางภูเก็ตจัด เอเชี่ยนบีชเกมส์'บิ๊กโด่ง'เซ็นย้าย จัดแถวผู้การกรม
ชงเลิกกฎอัยการศึก'ภูเก็ต'เข้าที่ประชุมร่วมครม.-คสช.ครั้งแรก 7 ต.ค. เปิดทางเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนบีชเกมส์ เดือนพ.ย.นี้ พร้อมพิจารณาเพิ่มจังหวัดอื่นๆ ที่ไร้แรงกดดันหวังบูมการท่องเที่ยวฟื้นความเชื่อมั่นต่างประเทศ 'เสธ.ไก่อู'ช่วยแจงแจกชาวนาไร่ละพันไม่ใช่ประชานิยม โปรดเกล้าฯ ตั้ง 'จเร พันธุ์เปรื่อง'นั่งเลขาธิการสภาผู้แทนฯ รองปธ.สนช.เมินต้านสนช.ถกนานาชาติ เชื่อรัฐสภาอาเซียน 10 ประเทศยอมรับสถานการณ์ไทย อดีตส.ส.-ส.ว.รุมต้านถอดถอน ย้ำเดินมาถูกทางแล้วอย่าโหมไฟอีก มองโลกสวยเชื่อประยุทธ์ไม่เอาด้วย'เรืองไกร'จับตาบิ๊กตู่นำครม.เปิดเซฟ จะมีเบนซ์และสร้อยข้อมืองาช้างเผือกหรือไม่
เผยตู่เล็งยกเลิกอัยการศึกภูเก็ต
วันที่ 4 ต.ค. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ครั้งแรก ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.อาจพิจารณาหยิบยกเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกมาหารือในที่ประชุม โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีแรงกดดันหรือสถานการณ์ต่างๆ อาจพิจารณาในบางพื้นที่ไป รวมถึงดูเรื่องบรรยากาศการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่จะมีการจัดแข่งขันเอเชี่ยนบีชเกมส์ที่จังหวัดภูเก็ต อาจพิจารณาในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเหมาะสมหรือเชื่อมั่นใจสายตาต่างประเทศ
สรรเสริญแจงแจก 1 พันกระตุ้นศก.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่อนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินให้กับชาวนา 1,000 บาทต่อไร่เพื่อช่วยค่าต้นทุนการผลิตว่า อยากให้ดูที่เจตนาของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือชาวนามากกว่าการใช้คำว่าประชานิยม การช่วยเหลือชาวนาครั้งนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยส่วนตัวมองว่าคำว่าประชานิยมไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายทั้งหมด แต่อาจเป็นเพราะกำหนดนโยบายมาแล้วเกิดการทุจริตทำให้หลายคนเสียความรู้สึกกับคำนี้
ตั้ง"จเร พันธุ์เปรื่อง"นั่งเลขาฯสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. เว็บไซต์สำนักราชกิจจานุเบกษาลงประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายจเร พันธุ์เปรื่อง ข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ้นจากตําแหน่งรองเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎร และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ยังมีประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการอัยการ โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการอัยการ ให้ดํารงตําแหน่งจํานวน 2 ราย ประกอบด้วย นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษาสํานักงานอัยการสูงสุด นายตระกูล วินิจนัยภาค รองอัยการสูงสุด ดํารงตําแหน่งอัยการสูงสุด สํานักงานอัยการสูงสุด
นอกจากนี้ ยังมีประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการทหาร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งข้าราชการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม จํานวน 2 ราย ประกอบด้วยพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ดํารงตําแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ดํารง ตําแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พรเพชรนัดสนช.ถกกม. 8 ฉบับ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีคำสั่งนัดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 14/2557 ในวันพฤหัสบดีที่ 9 ต.ค. และครั้งที่ 15/2557 ในวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. เวลา 10.00 น. วาระการประชุมที่สำคัญคือการพิจารณาร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีเสนอ ได้แก่ 1. ร่างพ.ร.บ.กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร 2.ร่างพ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ 3.ร่างพ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 4.ร่างพ.ร.บ.สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ 5.ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกพ.ร.บ. การชลประทานราษฎร์พ.ศ.2482 6.ร่างพ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ 7.ร่างพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ และ 8.ร่างพ.ร.บ.สถานพยาบาลสัตว์
รองปธ.สนช.เมินต้านถกนานาชาติ
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าสหภาพรัฐสภานานาชาติ เตรียมพิจารณาสถานภาพสมาชิก สนช.ไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภานานาชาติ ช่วงวันที่ 12 - 16 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ประสานงานยุโรป องค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ส่งหนังสือถึงเลขาธิการสหภาพรัฐสภานานาชาติให้ทบทวน เนื่องจากสนช. ขาดคุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพรัฐสภานานาชาติที่ควรมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยว่า ตนไม่กังวลในประเด็นดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาสนช. รวมถึงทางการไทยได้รับการต้อนรับและความร่วมมือจากต่างประเทศเป็นอย่างดี การประชุมดังกล่าวหากได้รับจดหมายเชิญจะพิจารณาส่งสมาชิก สนช. เข้าร่วม ในฐานะสมาชิกผู้เข้าร่วม หรือผู้สังเกต การณ์ตามที่จดหมายเชิญระบุมา ในช่วงรัฐประหารปี 2549 สหภาพรัฐสภานานาชาติ ได้เชิญสนช.ยุคนั้นร่วมสังเกตการณ์ เชื่อว่าประเด็นที่องค์กรเสรีไทยฯ ร้องเรียนไปยังสหภาพรัฐสภานานาชาติจะไม่สร้างผลกระทบกับการประสานหรือร่วมงานระหว่างไทยกับต่างประเทศแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ตนในฐานะตัวแทนสนช. เข้าร่วมประชุมรัฐสภาอาเซียน 10 ประเทศก็ได้รับการยอมรับและเข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศเป็นอย่างดี
อดีตส.ส.-ส.ว.รุมต้านถอดถอน
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ สนช.กำลังบัญญัติอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งที่ไม่มีเขียนไว้ในรัฐ ธรรมนูญชั่วคราวว่า ถือเป็นการลุอำนาจอย่างยิ่ง สนช.บางคนจุดยืนแจ่มชัดมาตลอดว่าเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายประชาธิปไตย จ้องไล่ล้างพรรคเพื่อไทยที่มาจากการเลือกตั้ง วันนี้พวกคุณมีที่มาอย่างไรทุกคนทราบดี ไม่รู้สมคบคิดกับใครหรือไม่ พวกมาจากการแต่งตั้งจะมาถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเรื่องตลกของประชาธิปไตย เราไม่ยอมแน่ เรามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด แก้รัฐธรรมนูญไปตามอำนาจหน้าที่ ถ้ามีการยื่นเรื่องถอดถอนเมื่อใดคุยกันแล้วว่าพวกเราอดีตส.ส.และอดีตส.ว.กว่า 300 คน พร้อมทั้งประชาชนอีกมากมายจะออกมาต่อต้านคัดค้านแน่นอน แม้รู้ดีว่ายังมีกฎอัยการศึกอยู่ รู้ดีว่ารัฐบาลต้องการความสงบ แต่เรื่องนี้เป็นเพราะองค์กรอิสระและสนช.บางคนจุดประเด็นขึ้นมาขยายความขัดแย้ง จึงชอบธรรมที่จะออกมา
เดินมาถูกทางแล้วอย่าโหมไฟอีก
"บอกเลยว่า การยึดอำนาจจะเสียของถ้าทำกันแบบนี้ พวกเรายอมสงบ ไม่เคลื่อนไหวอะไร ปล่อยให้คสช.เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศไป แต่พวกคุณกลับเป็นคนหาเรื่องจุดชนวนขัดแย้งขึ้นมา แทนที่ป.ป.ช.จะไปทำเรื่องที่คั่งค้างจนสำนวนขึ้นราอย่างเรื่องประกันราคาข้าว กลับมุ่งสอบสวนโครงการรับจำนำข้าว คนเดินดินกินข้าวแกงก็รู้ว่าทำแบบนี้มาตรฐานคืออะไร วันนี้ยังหารือร่วมกับอัยการไม่เสร็จ ป.ป.ช.ก็ออกมาพูดแล้วว่าจะฟ้องจะถอดถอนแล้ว เจตนาต้องการโหมโรงไฟขัดแย้งขึ้นมาอีกใช่หรือไม่ วันนี้ผมว่านายกฯ เดินมาถูกทางแล้ว อย่าให้ใครใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่ว่าจะองค์กรอิสระหรือสนช. จนทำให้เรารู้สึกว่าถูกกระทำอีกแล้ว" นายวรชัยกล่าว
แนะยื่นบิ๊กตู่ชี้ขาดยังดีกว่า
อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการบัญญัติอำนาจถอดถอนของสนช. ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า เรารู้ๆ กันอยู่แล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร การวินิจฉัยคดีความต่างๆ ในอดีตล้วนสวนทางกับความเห็นของพรรคเพื่อไทย ถ้าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอแนะนำให้ยื่น คสช. ยื่นให้พล.อ.ประยุทธ์ชี้ขาดจะดีกว่า วันนี้มีรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในมือก็ให้ท่านตัดสินเลยว่าเอาอย่างไร จะให้ถอดถอนได้หรือไม่ได้ พวกเราอยากให้หยุดความขัดแย้ง ใครที่กำลังคิดทำอะไรหยุดเสียที ปล่อยให้รัฐบาลเดินหน้าไป บ้านเมืองตอนนี้วิกฤตหนักหนาหลายอย่าง อย่าหาเรื่องให้รัฐบาลต้องแก้เพิ่มเติมอีกเลย
เลือกตั้งคืออำนาจประชาชน
ด้านนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว. อุทัยธานี ในฐานะหนึ่งใน 36 ส.ว. ที่ป.ป.ช. เตรียมส่งเรื่องให้สนช. ถอดถอนฐานใช้อำนาจไม่ชอบในการร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ว่า สนช.ใช้อำนาจถอดถอนได้ แต่การที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองให้ลงสมัครส.ส.และส.ว.ได้นั้น อยากให้มองว่าการเลือกตั้งเป็นอำนาจของประชาชน เป็นปฐมภูมิแห่งคะแนนเสียงตามระบอบประชาธิปไตย ถามว่าแก้ไขแล้วพวกตนจะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือจะได้รับเลือกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องความคิดเห็น ฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าถูก ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าผิด แต่หากจะมองว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นเรื่องที่ผิด คสช.ไม่ยิ่งผิดกว่าหรือ เพราะคสช.ฉีกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไปเลย แล้วเอื้อประโยชน์หรือไม่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเข้าไปมีอำนาจทางการเมืองหรือไม่
หวั่นปัญหารุนแรงมากขึ้นอีก
อดีตส.ว.อุทัยธานีกล่าวอีกว่า วันนี้คสช.ยึดอำนาจเพราะมีเป้าหมายว่าคนไทยแตกแยก ไม่มีความสามัคคี จึงอยากให้นำไปสู่ความปรองดอง เชื่อว่าผู้นำคสช.โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีคงไม่คิดก้าวล่วง การปรองดองต้องมีเป้าหมาย ไม่เกี่ยวกับเรื่องโกงหรือตีหัวใคร แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิก ไม่ได้เป็นการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องความเข้าใจ เป็นมุมมองการเมืองที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องทางการเมือง ถ้าถอดถอนเพื่อจะล้างนักการเมืองเหล่านี้ ต่อไปก็จะเป็นคิวอดีตส.ส.อีก 250 คน แล้วถ้าสนช.ตัดสินว่าผิด ก็ไม่ต่างกับการใช้อำนาจของคสช.เพราะรู้อยู่แล้วว่า สนช.ไม่ได้เป็นอิสระ การลงโทษเช่นนี้จะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นหรือ
"ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งจากการให้สัมภาษณ์และท่าทีจะไม่ถึงขั้นถอดถอน เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภา สนช.คงจะโหวตให้ตกไป จะบอกว่าผมเป็นพวกมองโลกสวยก็ได้ แต่ถามว่าถ้าตัดสินว่าผิดแล้วประเทศนี้จะจบไหม ปัญหาจะเกิดขึ้นมากและรุนแรงขึ้นอีก ความเข้าใจของต่างประเทศจะเป็นอย่างไร นักธุรกิจนักลงทุนจะมองอย่างไร จะล้าง ส.ว. และส.ส.กว่า 300 คนให้หมดไป ในโลกแห่งความเป็นจริงจะเป็นได้หรือ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ เขาก็มีลูกมีหลาน เว้นแต่จะคิดล้างเพื่อยึดอำนาจต่อไป" อดีตส.ว.กล่าว
เรืองไกรจับตานายกฯตู่เปิดเซฟ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. เปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า หลังจากนี้ตนจะดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยเฉพาะ 28 สนช.ที่ไปร้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนมติ ป.ป.ช.ที่ให้ สนช.ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน จากการเปิดเผยบัญชีเบื้องต้น เช่น บัญชีของพล.อ.นพดล อินทปัญญา ผู้ร้องมีทรัพย์สินกว่า 20 ล้านบาท ดูแล้วไม่เห็นว่าจะผิดปกติอะไร หรือถึงขั้นต้องไปร้องต่อศาลปกครอง เรื่องนี้ยิ่งทำให้ตนสงสัยและจะตรวจสอบต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่านอกจากนี้ตนเตรียมตรวจสอบบัญชีผู้ที่เคยยื่นต่อ ป.ป.ช.ในตำแหน่งเดิมก่อนหน้านี้ เช่น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อเปรียบเทียบว่ามีทรัพย์สินรายการใดที่ไม่ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้หรือไม่ ที่สำคัญตนรอการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนของ ครม.ที่ ป.ป.ช.จะเปิดเผยรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินประมาณเดือน ต.ค.นี้ โดยเฉพาะของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่านายกฯ ยื่นบัญชีทรัพย์สินที่ปรากฏเป็นข่าวเช่น รถเบนซ์ ญค 1881 หรือสร้อยข้อมืองาช้างเผือกต่อป.ป.ช.หรือไม่
ติงสนช.อย่าลักไก่ถอดถอน
คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.ระบุว่า สนช.มีอำนาจถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกไปแล้ว ขณะนี้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี "57 ซึ่งไม่มีบทบัญญัติเรื่องการถอดถอน ดังนั้นกฎหมายเก่าตายไปแล้ว ไม่เข้าใจว่า สนช.จะตะแบงเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร ที่สำคัญข้อบังคับการถอดถอนของ สนช.ส่อว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวหรือไม่ รวมทั้งขัดต่อ พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ยืนยันว่าสนช.ไม่มีอำนาจตรากฎหมายเพื่อขยายขอบเขตอำนาจตัวเอง ดังนั้นอย่ามาลักไก่
ปชป.จับตากมธ.ยกร่างรธน.
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคุณสมบัติผู้ที่จะมาเป็นประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ขอไม่ให้ความสำคัญกับตัวบุคคล เพราะสนใจในตัวคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญมากกว่า เนื่องจากคิดว่าตัวบุคคลไม่สำคัญเท่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะตั้งขึ้นว่าจะวางกรอบอะไรไว้บ้าง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นกรรมาธิการนี้ขอให้ตระหนักว่าการเมืองมี 2 ด้านคือ 1.การเมืองในอุดมคติ และ 2.การเมืองในความเป็นจริง ดังนั้นผู้ที่จะมาเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องรู้ความเป็นจริงของสภาพการเมืองไทย เช่น ยังมีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งอยู่หรือไม่ หรือเมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วต้องใช้อำนาจนั้นอย่างถูกต้องเป็นธรรมที่วิญญูชนพึงปฏิบัติหรือไม่อย่างไร เมื่อรู้โจทย์หลักของข้อเท็จจริงแล้วก็นำทฤษฎีในอุดมคติมาปรับใช้ให้เหมาะสม จึงอยากได้คนที่รู้เช่นเห็นชาติการเมืองไทยจริงๆ มาเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ใช่นำรัฐธรรมนูญของชาติชั้นนำมาบังคับใช้กับไทยที่มีบริบทของสังคมและวัฒนธรรมต่างกัน
ยกวาทะคึกฤทธิ์นักการเมืองปชต.
"ส่วนตัวเห็นว่าแนวคิดต่างๆ คงจะผ่านมาทางนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หรือนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ และบุคคลเพียงไม่กี่คน โดยใช้ข้อมูลจากสถาบันพระปกเกล้า เพราะเป็นสถาบันที่มีการศึกษาวิจัยการเมืองการปกครองไทยในเรื่องต่างๆ อีกทั้งมีนักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นเข้าอบรมในหลักสูตรต่างๆ ของสถาบันนี้จนเป็นประเพณีปฏิบัติ แต่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถขัดเกลาพฤติกรรมการทุจริตคดโกงลงได้ เหมือนที่มีการเปรียบไว้ว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดผลิตนักวิชาการชั้นนำของโลกมากที่สุด แต่ผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็สร้างวิกฤตในโลกมากพอๆ กัน จึงขอให้พึงตระหนักไว้ด้วย และขอฝากคำพูดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เคยกล่าวไว้ว่านักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่เคยลงหาเสียงพบปะประชาชน ไม่รู้จักธาตุแท้ของนักการเมือง คนเหล่านี้ไม่สามารถพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้จริงได้"นายนิพิฏฐ์กล่าว
มท.ทุ่มงบกระตุ้นฐานราก
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่ากระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนในปีงบประมาณ พ.ศ.2557 และปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างทั่วถึง เพื่อกระจายเม็ดเงินลงสู่ภูมิภาคต่างๆ กระตุ้นระบบเศรษฐกิจฐานราก แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยปีงบประมาณ 2557 จัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองท้องถิ่นไปดำเนินโครงการในรายการที่สำคัญ ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจสำหรับพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกรณีเร่งด่วน รวม 1,405 โครงการ จำนวน 4,600 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่างๆ
กระจายงบ 2.5 หมื่นล้านให้อปท.
ปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าวต่อว่า สำหรับงบประมาณอุดหนุนในปีงบประมาณ 2558 จัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจประเภทงบลงทุน (ครุภัณฑ์ ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 11,282 โครงการ รวมเป็นเงิน 25,000 ล้านบาท โดยแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเตรียมการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเบิกจ่ายให้ทันในไตรมาสที่ 1 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม รัฐบาลมีนโยบายจัดสรรงบประมาณให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่ กระทรวงมหาดไทยจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างกระจายตัว เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาแหล่งน้ำ พัฒนาสังคม การสาธารณสุข และการศึกษา จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทั่วถึง
ย้ำโปร่งใสทั่วถึงเป็นธรรม
ด้านนายวัลลภ พริ้งพงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่ากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเผยแพร่ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปีงบประมาณ 2557 และปีงบประมาณ 2558 ผ่านเว็บไซต์กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น www.dla.go.th และเว็บไซต์จังหวัดทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนที่สนใจติดตามตรวจสอบข้อมูลได้ตามนโยบายรัฐบาลและรมว.มหาดไทยที่ว่า "โปร่งใส ทั่วถึง และเป็นธรรม"
"บิ๊กโด่ง"จัดแถวใหม่ผู้การกรม
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผบ.ทบ. ลงนามคำสั่งกองทัพบกที่ 325/2557 ลงวันที่ 3 ต.ค. 2557 เรื่อง ให้นายทหารรับราชการและปรับระดับเงินเดือน จำนวน 371 นาย โดยพล.อ.อุดมเดชปรับย้ายระดับผบ.กรม เพื่อต้องการให้สามารถปฏิบัติภารกิจแรกได้ทันที คือการประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก(นขต.ทบ.) วาระพิเศษ วันที่ 6 ต.ค.ที่บก.ทบ. ถ.ราชดำเนิน
สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจมีดังนี้ พ.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ร.1 รอ. (ตท.23) ขยับเป็นรองผบ.พล.1 รอ. พ.อ.อาสาศึก ขันติรัตน์ (ตท.28) นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. เป็นผบ.ร.1 รอ. แทน พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ตท.24) ผบ.ร.11รอ. ลูกชายพล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีตผบ.ทบ. ขึ้นเป็นรองผบ.พล.1 รอ. พ.อ.สุชาติ พรมใหม่ (ตท.27) นายทหารฝ่ายเสนาธิการของพล.อ.อุดมเดช เป็นผบ.ร.11 รอ. แทน
พ.อ.อิทธิพล สุวรรณรัฐ ผบ.กรมสน.พล.ร.9 เป็น ผบ.ร.29 พ.อ.นฤดล ท้าวฤทธิ์ (ตท.24) ผบ.ป.1 รอ. เป็นรองผบ.จทบ.กาญจนบุรี พ.อ.คชาชาต บุญดี (ตท.27) ผบ.กรม ทพ.36 เป็นผบ.ป.1 รอ. พ.อ.ศักดิ์ศรี งอยปัดพันธ์ เสธ.มทบ.13 เป็นรองผบ.มทบ.13 พ.อ.กัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ ผบ.ร.31 รอ. เป็นเสธ.มทบ.13 พ.อ.พงษ์ศักดิ์ เอี่ยมพญา รองผบ.ร.21 รอ. เป็นผบ.ร.31 รอ. พ.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ร.21 รอ. เป็นรองผบ.พล.ร.2 รอ.
พ.อ.วรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ เสธ.พล.ร.2 รอ. เป็น ผบ.ร.21 รอ. พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ผบ.ร.19 เป็น รองผบ.พล.ร.9 พ.อ.วุฒิชัย นาควานิช ผบ.ร.29 เป็น รองผบ.พล.ร.9 พ.อ.พงษ์สวัสดิ์ ภาชนะทิพย์ ผบ.กรม ทพ.14 เป็น ผบ.ร.19 พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง ผบ.ร.9 เป็นรองผบ.จทบ.ส.บ. พ.อ.ยุทธพงศ์ คงนิล รองผบ.ร.9 เป็น ผบ.ร.9 พ.อ.ณรงค์ กลั่นวารี รองผบ.ป.6 เป็น ผบ.ป.6 พ.อ.สวราชย์ แสงผล รอง ผบ.ร.8 เป็น ผบ.ร.8 พ.อ.ธานินทร์ สนิทชน ผบ.ร.13 เป็น รองผบ.พล.ร.3 พ.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.ร.3 เป็น ผบ.ร.13 พ.อ.ปราโมทย์ นาคจันทึก เสธ.พล.ร.3 เป็น ผบ.ร.3 พ.อ.ยุวัต ขันธปรีชา รองผบ.ป.3 เป็น ผบ.ป.3
พ.อ.จรัส ปัญญาดี ผอ.กยก.ทภ.3 เป็น ผบ.ร.7 พ.อ.โสภณ นันทสุวรรณ ผบ.ร.14 เป็น ผบ.ร.4 พ.อ.เกรียงชัย อนันตศานต์ ผอ.กขว.ทน.3 เป็นผบ.ร.14 พ.อ.ทะเบียน เมืองพระฝาง รอง ผบ.ร.15 เป็น ผบ.ร.153 พ.อ.เสนีย์ ศรีหิรัญ รองเสธ.พล.ร.5 เป็น ผบ.ร.15 พ.อ.ประเสริฐ กิตติรัต รองผบ.ป.5 เป็น ผบ.ป.5 พ.อ.นวกร สงวนศักดิ์โยธิน ผอ.กยก.นปอ. เป็น ผบ.ปตอ.1 พ.อ.วีระพงษ์ ศรีรัตน์ รองผบ.ป.1 รอ. เป็นผบ.ป.71
พ.อ.นิติ ติณสูลานนท์ รองเสธ.มทบ.42 หลานชายพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นรองผบ.กรมนนร.รอ. รร.จปร. และพ.อ.วินธัย สุวารี รองผอ.กอง สลก.ทบ. เป็นฝ่ายเสนาธิการประจำสำนักงานเลขานุการกองทัพบก(อัตราพันเอกพิเศษ)
ฟื้นคลองสวย-น้ำใสคืนสุขปชช.
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้งเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำซากทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งเกิดจากความตื้นเขินของแม่น้ำลำคลอง แหล่งน้ำสาธารณะ และการขยายตัวของผักตบชวารวมทั้งวัชพืชต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาการจัดการเรื่องน้ำ กระทรวงมหาดไทยจึงจัดทำโครงการ "คลองสวย น้ำใส คนไทยมีความสุข" เพื่อระดมทรัพยากรและศักยภาพของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รัฐวิสาหกิจ จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเครือข่ายอาสาสมัครภาคประชาชน บูรณาการทำงานร่วมกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงสภาพแม่น้ำลำคลอง เขื่อนทดน้ำ ฝาย แหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ ทั่วประเทศ ให้สามารถใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค การสัญจรทางน้ำ และการประกอบอาชีพด้านการเกษตร ประมง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า นอกจากนั้นจะใช้โครงการนี้ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชน เด็ก เยาวชนและทุกภาคส่วน ตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องร่วมอนุรักษ์ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 เป็นต้นไป พื้นที่เป้าหมายซึ่งจะเน้นหนักเป็นพิเศษในระยะแรก ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำแม่กลอง ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำบางปะกง บึงบอระเพ็ด และกว๊านพะเยา โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการ "เมืองสวย น้ำใส" 1 ใน 8 กลุ่มโครงการเน้นหนักของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล ถือเป็นการคืนความสุขให้ประชาชนอีกทางหนึ่งตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี