- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 03 October 2014 09:35
- Hits: 5288
วันที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8710 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กต๊อกยันปลัดยธ. ตั้งกับมือ เพื่อไทย-ปชป.ชี้ แจกเงินชาวนา คือประชานิยม'จตุพร'ฉุนกุข่าว จัดงานวันเกิด!
ไทย-ญี่ปุ่น - นายมิโนะรุ คิอุจิ รมช.ต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะผู้แทนพิเศษรัฐบาลญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ต.ค.
'บิ๊กต๊อก'ลั่นชงตั้งเอง 'ชัชวาลย์'นั่งปลัดยธ. 'วิษณุ'แจงกรณีถอดถอน สนช.ตีความเองได้ ใครเห็นต่างก็ยื่นศาลรธน.ชี้ จตุพรโวย 'สมชาย แสวงการ'ปล่อยข่าวฉลองวันเกิดเขาใหญ่ ลั่นแถลงไม่จัดตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน จี้คสช.ตักเตือน รมว.คลังแจงแจกเงินชาวนา ทำแค่ครั้งเดียวไม่ผูกพัน จำเป็นต้องทำเพื่ออัดฉีดเงินกระตุ้นศก. ด้านปชป.ชี้ไม่ต่างเช็คช่วยชาติ-กองทุนเอสเอ็มแอล อย่าเหนียมประชานิยม พท.แนะยึดโยงผลผลิต ดูแลเกษตรกรทุกกลุ่ม
ทำเนียบหวั่นม็อบ-สั่งรปภ.เข้ม
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เมื่อมาถึงได้สั่งการให้ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และน.ส.เรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกฯ เร่งดูแลภูมิทัศน์และการ เตรียมการจัดสถานที่จัดงานสโมสรสันนิบาต วันที่ 7 ธ.ค.
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า พล.อ.วิลาศมอบให้น.ส.เรณู เป็นประธานประชุมทีมรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญในทำเนียบ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อซักซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญตั้งแต่นายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรี รวมถึงอาคารสถานที่ภายในทำเนียบทั้งหมด เตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในกรณีฉุกเฉิน โดยเฉพาะการชุมนุมของกลุ่มผู้เรียกร้องต่างๆ ที่อาจมาชุมนุมโดยรอบทำเนียบ โดยให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ไปจัดทำแผนรักษาความปลอดภัย เพื่อให้รู้ว่าเมื่อเกิดเหตุ หน่วยไหนจะทำหน้าที่อะไร เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ และให้นำแผนกลับมารายงานต่อที่ประชุมในครั้งต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ทำเนียบจะมีตำรวจสันติบาลดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก และมีทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ขณะที่พลเรือน ซึ่งมีฝ่ายรักษาความปลอดภัย ในฐานะเจ้าของสถานที่ ต้องร่วมมือดูแลความเรียบร้อยอย่างมีเอกภาพด้วย
ไพบูลย์ลั่นชงตั้ง'ชัชวาลย์'เอง
ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม ว่า ตนเป็นผู้เสนอชื่อพล.ต.อ.ชัชวาลย์ เพราะพิจารณาและเห็นว่ามีความเหมาะสม สามารถทำงานรองรับนโยบายของตนได้ เน้นเรื่องการทำงานเป็นหลัก ไม่มีประเด็นอื่น หรือไม่เกี่ยวกับการจัดวางกำลังหรือสลายขั้วอำนาจเก่า
"ผมจะให้ทำงานไปก่อนหากทำไม่ได้ก็สับเปลี่ยนใหม่ได้ ส่วนตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ คงต้องรอโปรดเกล้าฯปลัดกระทรวงก่อน ขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามบุคคลใด จะเป็นคนในหรือคนนอกก็ได้" พล.อ.ไพบลูย์กล่าว
ปัดโต้'พรทิพย์'
เมื่อถามถึงกรณีพญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Khunying Porntip Rojanasunan ระบุว่า "อีกครั้งกับนโยบายรัฐบาลคสช. ในการแต่งตั้งผู้บริหารอีกหนึ่งปีก่อนเกษียน พิสูจน์ได้ว่ารัฐบาลจากวิธีใดก็มีหลักการทำงานไม่ต่างกัน ให้โอกาสเฉพาะกับคนรู้จักและคนวิ่งเต้น แต่ไม่ให้โอกาสคนทำงาน ขอให้ประชาชนตามดูว่ากระทรวงยุติธรรมยุคนี้จะสร้างความยุติธรรมให้ประชาชน หรือกำลังสร้างฐานอำนาจใหม่ รู้สึกปลงกับชะตากรรมกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยยิ่งนัก"
พล.อ.ไพบูลย์ ถามกลับว่า "ตาชั่งของใคร ของคุณหรือของผม"
ขณะที่นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความในเฟซ บุ๊กส่วนตัว ระบุ "อรุณสวัสดิ์ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจแห่งมาร" และเปลี่ยนภาพพื้นหลังเฟซบุ๊กเป็นสีดำ
'บิ๊กป๊อก'ห้ามมหาดไทยทุจริต
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมครม.ให้รองนายกฯ แบ่งความรับผิดชอบติดตามการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นกลุ่มจังหวัดว่า เป็นแนวทางที่ดี เพราะนโยบายรัฐบาลเน้นการบริหารงานโปร่งใส ซึ่งรัฐมนตรีได้เน้นย้ำข้าราชการปฏิบัติอย่างโปร่งใส ไม่มีทุจริตคอร์รัปชั่น โดยกระทรวงมหาดไทยพูดคุยกันแล้วว่าต้องไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น ผู้ลงไปตรวจสอบจะติดตามโดยใช้กลไกที่มีอยู่เชื่อว่าไม่มีปัญหา
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีมีลูกจ้างองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ร้องเรียนถูกเลิกจ้างเพราะถูกตัดงบประมาณท้องถิ่นว่า การทำงบประมาณท้องถิ่นในปี 2558 เน้นลดงบประมาณอุดหนุนทั่วไป เพื่อไปเพิ่มงบลงทุนเฉพาะเพื่อการพัฒนา ท้องถิ่นใช้งบถึงร้อยละ 40 เป็นค่าจ้างเงินเดือน อปท.เล็กๆ ที่ยังพึ่งตัวเองไม่ได้จึงมีปัญหาในเรื่องนี้เพราะเงินไม่พอ ทั้งนี้ได้ให้ผู้ว่าฯไปตรวจสอบว่ามีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะพิจารณาว่าจะเยียวยาแก้ไขอย่างไร ส่วนการจะขยายเพดานงบประมาณค่าจ้างร้อยละ 40 ต้องไปแก้กฎหมาย ซึ่งอยู่ที่สภา ดังนั้นรอดูก่อนว่ามีผล กระทบในส่วนนี้มากน้อยแค่ไหนแล้วดูว่าจะแก้อย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ในต่างจังหวัดว่า วางแผนแล้วว่าจะลงพื้นที่ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาไม่มาก คงลงทุกจังหวัดไม่ได้ แต่จะลงในกลุ่มจังหวัด ขอหารือกับปลัดกระทรวงมหาดไทยก่อนกำหนดพื้นที่ให้เหมาะสมกับปัญหา เช่น พื้นที่ที่มีภัยแล้งหรืออุทกภัยที่จะเกิดทางภาคใต้
หนุนแจกเงิน-ช่วยผู้ด้อยโอกาส
พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงนโยบายจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไร่ละ 1 พันบาท ว่าเป็นสิ่งดี เป็นการช่วยผู้ด้อยโอกาสซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวนา เป็นเรื่องดีที่เราเข้าไปดูแลส่วนนี้ เราเลือกใช้นโยบายนี้มากกว่าการทำวิธีอื่นที่จะมีปัญหาตามมา ที่สำคัญจะกระตุ้นเศรษฐกิจ
รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า นโยบายดังกล่าวมีรายละเอียดมาก มีสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นผู้ทำข้อมูลเกษตรกร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยฝ่ายปกครองหรือท้องถิ่นมีส่วนเกี่ยวข้อง เราจะสนับสนุนให้เกิดความโปร่งใส เมื่อถามว่านโยบายดังกล่าวจะถูกมองเป็นนโยบายประชานิยมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่าอย่ามองอย่างนั้น ยืนยันว่าเป็นการดูแลผู้ด้อยโอกาส ตนไม่อยากพูดมากไปกว่านี้เดี๋ยวจะกระทบเรื่องการค้าระหว่างประเทศ ขอให้ช่วยผู้ยากไร้ก็แล้วกัน
รมว.คลังยันจำเป็นต้อง'แจก'
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการเร่งแจกเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ที่รัฐบาลประกาศใช้นั้น ถือเป็นการชั่วคราวทำครั้งเดียวไม่มีการผูกพันให้ทำในปีต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจปีนี้ตกต่ำต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เนื่องจากพึ่งพาการส่งออกไม่ได้ เป็นความเสี่ยงสูงของประเทศ รัฐบาลจึงเลือกดูแลกลุ่มเกษตรชาวนาซึ่งมีรายได้น้อยและราคาผลผลิตตกต่ำ ทำให้ขาดทุนจากการเพาะปลูก
"ทั้งนี้ มาตรการแจกเงินชาวนาไม่ส่งผล กระทบกับฐานะการเงินการคลัง แม้ว่าในปีงบประมาณ 2557 จะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าประมาณ 2 แสนล้านบาท ยังมีเม็ดเงินที่จะอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ดีกว่าประเทศในยุโรปที่อยากกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่มีเงินและมีหนี้สูง ทำให้ใช้มาตรการทางการคลังไม่ได้ ต้องใช้มาตรการทางการเงินพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ" นายสมหมายกล่าว
ลั่นกระตุ้นศก.ไม่ใช่ประชานิยม
นายสมหมาย กล่าวว่า การแจกเงินชาวนาจะเริ่มได้เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป โดยมาตรการนี้ไม่ถือว่าเป็นโครงการประชานิยม เพราะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นการช่วยเหลือชาวนาที่ยากจนจริง มีการเพราะปลูกไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งมาตรการโครงการจำนำข้าวที่ผ่านมาชาวนากลุ่มนี้ไม่ได้ประโยชน์
รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า สำหรับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม ยังไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก ต้อง มีการเลือกทำในกลุ่มมีรายได้น้อย กลุ่มเกษตรกรที่จะได้ผลมากกว่า แต่มาตรการขึ้นเงินเดือนยังไม่มีการยกเลิก แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะดำเนินการ ส่วนมาตรการหักลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ในกรณีบุคคลธรรมดา และหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า กรณีเป็นนิติบุคคล จากค่าใช้จ่ายสัมมนาอมรมพนักงาน อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจะกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยดีขึ้น
"มาตรการทั้งหมดต้องการให้เศรษฐกิจ ปีนี้ขยายตัวได้ถึง 2% และมีโอกาสโตได้มากกว่า 2% ถ้าการส่งออกที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น แต่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ หากการส่งออกแย่ไปมากกว่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ลดลงไปอีก แต่ยังมีภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวสนับสนุนให้เศรษฐกิจโตต่อไปได้" นายสมหมายกล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ ว่า "ก็มีมาตรการอื่นๆ ให้รอดู"
ปชป.ชี้ไม่ต่างเช็คช่วยชาติ
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า นโยบายแจกเงินให้ชาวนา หลักคิดไม่ต่างกับนโยบายเช็คช่วยชาติ ในสมัยวิกฤตเศรษฐกิจปี"52 ที่ให้เงิน 2,000 บาทกับผู้มีรายได้ตํ่ากว่า 15,000 บาทต่อเดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและกระตุ้นการบริโภค และคล้ายกับกองทุนเอสเอ็มแอลของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ที่มีเจตนาเป็นทุนให้หมู่บ้านไปทำโครงการที่เป็นประโยชน์ แต่ข้อด้อยในทางปฏิบัติของการแจกเงินให้ชาวนา คือตามข้อเท็จจริงมีชาวนายากจนที่ไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเองเกือบ 8 แสนครอบครัว คำถามคือเขาเหล่านี้จะรับเงินช่วยเหลือได้หรือไม่ และจะมีเกณฑ์รับอย่างไร
"รัฐบาลนี้ก็พูดเหมือนเราในปี"52 ว่า ให้ครั้งนี้ครั้งเดียว ซึ่งในกรณีเราก็ทำครั้งเดียวจริง แต่วันนี้ชาวนายังคงต้องการความช่วยเหลืออยู่ ดังนั้น คำถามยังคงมีว่ารัฐจะช่วยเหลืออย่างยั่งยืนอย่างไรต่อไป ส่วนการอ้างว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่ประชานิยม แต่ถ้าเป็นนักการเมืองทำเหมือนกันถือว่าใช่ อันนี้ผมว่าท่านคงเข้าใจแล้วว่า อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ ประเทศไม่เสียหายก็ต้องทำ อย่ามาว่ากันเลย" นาย กรณ์กล่าว
พท.แนะแจกเงินยึดโยงผลผลิต
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ฐานะฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาแล้ว เกรงว่าจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นเศรษฐกิจที่กำลังมีปัญหาอย่างมาก รวมถึงผลกระทบจากสภาวะการเมืองประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ การเร่งเบิกจ่ายงบอาจช่วยได้บ้างแต่ไม่มาก ส่วนการให้เงินสนับสนุนชาวนาตามพื้นที่ไร่ละ 1,000 บาทนั้นอาจน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับราคาข้าวในปัจจุบัน ที่จริงควรช่วยเหลือชาวนาโดยยึดโยงกับผลผลิตมากกว่าพื้นที่ ช่วยเหลือชาวนาให้ขายในราคาอย่างน้อย 1 หมื่นบาทขึ้นต่อตัน อย่างนี้จะช่วยเหลือชาวนาได้มากและตรงจุดที่สุด เพราะหากกำหนดให้ตามพื้นที่อาจเกิดปัญหาที่ชาวนามีพื้นที่แต่ไม่ได้ทำก็อาจสวมสิทธิ์มารับเงินได้
"ผมไม่อยากให้รัฐบาลรังเกียจนโยบายประชานิยม อย่ามองว่าไม่ดี เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ก็เป็นประชานิยม แต่เป็นประชานิยม แบบกล้าๆ กลัวๆ กลัวจะถูกกล่าวหาว่าทำนโยบายประชานิยม ทำให้การช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะชาวนาทำได้ไม่เต็มที่ เขายังคงเดือดร้อนอยู่เพราะเงินที่ใส่ลงไปไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับต้นทุนค่าใช้จ่ายในการทำนา" นายพิชัยกล่าว
เสนอดูแลเกษตรกรทุกกลุ่ม
นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงรัฐบาลแจกชาวนา ไร่ละ 1 พันบาทว่า ถือว่าไม่แตกต่างจากนโยบายประชานิยมซึ่งพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีมาตลอด แต่เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลหันมาสนใจชาวนา ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องช่วยเหลือทุกภาคส่วน ส่วนจะใช้ชื่อโครงการอะไรก็ตาม ขอให้ยึดหลักการคือดูแลประชาชนให้อยู่ดีมีสุข ซึ่งเราเห็นด้วยที่รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกร แต่ไม่อยากให้รัฐบาลจำกัดจำนวนไร่ว่าช่วยแค่ไม่เกิน 15 ไร่ เพราะชาวนามีต้นทุนมากอยู่แล้ว เช่น ค่าปุ๋ย ดังนั้นอยากให้จ่ายเงินช่วยเหลือทั้งหมด
นายอำนวย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลดูแลภาคเกษตรกรแบบภาพรวม ทั้งชาวสาวลำไย อ้อย มันสำปะหลังด้วย อย่าเจาะจงช่วยเหลือแค่ชาวสวนยางหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ปธ.สนช.แจงวุ่นกั๊กคดีถอดถอน
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวสนช.กั๊กเรื่องถอดถอน ว่า ไม่ใช่กั๊กว่าจะไม่ให้ถอดถอน แต่เรื่องที่คณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นถอดถอนมานั้น เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งสิ้นสุดไปแล้วจึงต้องส่งเรื่องกลับไปให้ป.ป.ช.ทบทวน หากป.ป.ช.ส่งเรื่องยืนยันความผิดตามรัฐ ธรรมนูญปี 2550 ทางสนช.ต้องนำกลับมาพิจารณาว่าฐานความผิดนั้นยังคงมีอยู่หรือไม่ และเข้ากับกฎหมายใดบ้าง เมื่อพิจารณาแล้วตนจะใช้ดุลยพินิจบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเรื่องจากป.ป.ช.
นายพรเพชร กล่าวถึงข่าวสนช.คืนความสุขให้กับคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (ก.ร.) ด้วยการประกาศเพิ่มเบี้ยประชุมว่า ไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยประชุม ไม่มีการคืนความสุข มีแต่จะปรับลดโดยให้สมาชิกเบิกค่าเบี้ยประชุมได้วันละ 2 ครั้ง จากเดิมเบิกวันละกี่ครั้งก็ได้ตามที่เข้าประชุม
วิษณุชี้'สนช.'ตีความเองได้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงอำนาจการถอดถอนของสมาชิกสนช.ว่า ทราบอยู่แล้วว่าจะเกิดปัญหา จึงตั้งใจไม่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไม่เช่นนั้นรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะมีหลายมาตรา ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และทิ้งปัญหาไว้ให้หน่วยงานต่างๆ แก้ไข หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นก็ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดต่อไป
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้สนช.หรือไม่ เป็นเรื่องของป.ป.ช. หากสนช.รับมาแล้วจะมีอำนาจพิจารณาหรือไม่ ก็เป็นไปตามมาตรา 5 ถ้าพิจารณาตามเนื้อหาแล้วไม่มีมาตราใดรองรับ ขึ้นอยู่กับสนช.จะใช้ประเพณีการปกครองของประเทศไทยเป็นฐานดำเนินการได้หรือไม่ หรือจะนำคดีความเก่าที่เคยวินิจฉัยมาก่อนมาพิจารณา ส่วนที่กฎหมายพ้นไปและคนพ้นจากตำแหน่งแล้วจะดำเนินการต่อไปได้หรือไม่นั้น ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวระบุให้สนช.เป็นผู้ติดตามว่าดำเนินการได้หรือไม่ ถ้าองค์กรอื่นมีปัญหาก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่หากสนช.มีปัญหาเองก็ให้สนช.เป็นผู้ตีความเรื่องก็จบ หากมีบุคคลอื่นที่เป็นผู้เสียหายมองว่าสนช.ไม่มีอำนาจถอดถอนก็ไปฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
เมื่อถามว่า คนร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวคิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าจะมีผู้ยื่นฟ้องศาลต่อรัฐธรรมนูญถึงกรณีการใช้อำนาจของสนช. นายวิษณุกล่าวว่า คิดไว้เป็นร้อยข้อ เรื่องนี้แค่ข้อเดียวยังมีอีก 99 ข้อที่ต้องแก้ไข
ป.ป.ช.เผย'บิ๊กตู่'ต้องเปิดเซฟอีก
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายธวัชชัย ศิริสธนพันธ์ ผอ.สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสนช. ว่า ถือเป็นการตรวจสอบตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งป.ป.ช.ไม่กดดันแต่อย่างใด ส่วนสมาชิกสนช. 28 คนที่ยื่นให้ศาลปกครองเพิกถอนมติป.ป.ช.ในการตรวจสอบทรัพย์สิน นั้น เมื่อศาลปกครองไม่รับคำร้อง ถือเป็นบรรทัดฐานในคราวต่อๆ ไปได้ เมื่อมีผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองย่อมมีหน้าที่ยื่นแสดงทรัพย์สินต่อป.ป.ช. และต้องเปิดเผยต่อสาธารณะ ในส่วนของครม.ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 3 ต.ค.นั้น ขณะนี้มีรัฐมนตรีทยอยยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.แล้ว 20 กว่าราย โดยพล.อ.ประยุทธ์ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. แล้วในตำแหน่งนายกฯ เชื่อว่าที่เหลือคงไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีรัฐมนตรีรายใดยื่นหลังวันที่ 3 ต.ค. ต้องทำหนังสือชี้แจงให้ชัดเจนว่าเหตุใดยื่นล่าช้ากว่ากำหนด
นายธวัชชัย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ในฐานะที่พ้นจากผบ.ทบ. พร้อมผบ.เหล่าทัพ และตำรวจ รวมถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมานี้ด้วยเช่นกัน ต้องยื่นภายใน 30 วันหลังพ้นตำแหน่ง โดยจะครบกำหนดสิ้นเดือนต.ค.นี้ แต่บัญชีทรัพย์สินในส่วนนี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย
กกต.ขอขยายเวลาสอบ'ปู'
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการกกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาวินิจฉัยสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯและพวก กรณีลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานโดยใช้ทรัพยากรของรัฐและ เจ้าหน้าที่รัฐไปหาเสียงระหว่างที่มีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 30 วันเป็นครั้งที่สอง เพื่อรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานและพยานให้ครบถ้วน สาเหตุขอขยายเวลายืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ ผู้ถูกร้องไม่ให้ความร่วมมือชี้แจง โดยน.ส. ยิ่งลักษณ์ได้ส่งเอกสารชี้แจงแล้ว ส่วนกรณีรัฐบาลใช้สื่อสถานีโทรทัศน์และวิทยุแห่งประเทศไทยหาเสียงระหว่างที่มีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งนั้น คณะกรรมการสอบสวนได้ขอขยายเวลา 30 วันเช่นกัน นายดุษฎีกล่าว ว่า สำหรับสำนวนคำร้องคัดค้านที่ค้างการพิจารณา แบ่งเป็นคำร้องคัดค้านเลือกตั้งท้องถิ่น 240 สำนวน คาดว่ากกต.จะพิจารณาเสร็จภายใน พ.ย.นี้ ส่วนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ว.เหลือ 14 เรื่อง และคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.เหลือเพียง 7 เรื่อง
ญี่ปุ่นเข้ายินดี'บิ๊กตู่'นั่งนายกฯ
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำนายมิโนะรุ คิอุจิ รมช.ต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะผู้แทนพิเศษรัฐบาลญี่ปุ่น และนายชิเกะคะซึ ซะโต เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณนายกฯญี่ปุ่นที่ให้เกียรติรัฐบาลและประเทศไทย ส่งตัวแทนมาแสดงความยินดีในโอกาสที่ไทยมีนายกฯใหม่ และยินดีในความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกันที่มากว่า 120 ปี และจะยังคงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวภายหลังการหารือว่า ถือเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกที่เข้าพบและหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ หลังรับตำแหน่งนายกฯอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายมิโนะรุ คิอุชิ นำสารแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งนายกฯของไทย จากนายชินโซ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่นมามอบให้ รวมถึงเชิญไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณนายกฯญี่ปุ่น และจะพิจารณาการเดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะภายในปีนี้
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้อธิบายถึงสถานการณ์ในไทยว่า ขอให้ญี่ปุ่นมั่นใจว่าไทยยังยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย ขณะนี้การปฏิรูปประเทศอยู่ในระยะที่ 2 เพื่อเตรียมเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการเดินหน้าประเทศไทยต่อไป ซึ่งรมช.ต่างประเทศญี่ปุ่นแสดงความเข้าใจต่อสถานการณ์ และเชื่อมั่นการเดินหน้าของไทย
ร.อ.นพ.ยงยุทธ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ของพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค.นี้ว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ไปเยือนพม่าเป็นประเทศแรก เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับไทย และขณะนี้พม่ายังเป็นประธานอาเซียนด้วย ดังนั้นจึงถือเป็นการไปแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯอย่างเป็นทางการ
'ผบ.ทบ.'เซ็นแบ่งงาน 5 เสือแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ได้ลงนามในคำสั่งกองทัพบกมอบหมายงานให้ 4 เสือทบ. ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งใหม่ โดยแจ้งต่อที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพบก(ศปก.ทบ.) ในช่วงเช้า ให้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองผบ.ทบ. ดูแลงานและกลั่นกรองงานในภาพรวม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ.คนที่ 1 ดูแลงานด้านกำลังพลและงานพิเศษที่ได้รับมอบหมาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ. คนที่ 2 ดูแลงานด้านส่งกำลังบำรุงและงานด้านกิจการพลเรือน และพล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ดูงานข่าว ยุทธการ ต่างประเทศ ฝึกศึกษา ปลัดบัญชี ขณะที่รองเสนาธิการทหารบกทั้ง 5 คน ดูตามสายงานทั้ง 5 สาย
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ผบ.ทบ.เน้นย้ำว่าขณะนี้กองทัพบกได้แบ่งมอบภารกิจ พร้อมจัดวางบุคลากรเพื่อรับผิดชอบงานในด้านต่างๆ ตามความเหมาะสม ดังนั้น ให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายได้สานต่อและขับเคลื่อนงานตามนโยบายโดยทันที ให้ริเริ่มงานเพื่อพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานและเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม โดยเฉพาะความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.อุดมเดช ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) มีคำสั่งแต่งตั้งพล.อ.สุรวัช บุตรวงษ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นผอ.ททบ.5 คนใหม่ แทนพล.อ.ชาตอุดม ดิตถะศิริ และตั้งพล.ท.อภิชาติ มีสมมนต์ พล.ท.ตฤณ กาญจนานันท์ และพล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เป็น รองผอ.ททบ. 5 ด้วย ทั้งนี้พล.อ. สุรวัช ชื่อเล่นว่า เซ็ง เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 14 ของพล.อ.อุดมเดช ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงาน ผบ.ทบ. และหัวหน้าศูนย์ประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน
28 สนช.ใหม่ปฏิญาณตนแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่รัฐสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประชุมครั้งที่ 13/2557 โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิกสนช.เพิ่ม 28 คน และพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม เป็นประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และกรรมการตรวจเงินแผ่นดินอีก 6 คน จากนั้นให้ สนช.ทั้ง 28 คนได้ปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่
ทั้งนี้ นายพรเพชร กำชับสมาชิกสนช.ถึงการปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะการลงมติ ตามข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อ 82 ที่กำหนดให้สมาชิกที่ไม่แสดงตนเพื่อลงมติในที่ประชุมเกินกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนครั้งที่มีการแสดงตนเพื่อลงมติทั้งหมดในรอบ 90 วัน ให้พ้นสมาชิกภาพตามมาตรา 9 (5) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายพรเพชร กำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละรอบ 90 วัน แบ่งเป็น 5 รอบ 1.เริ่มวันที่ 2 ต.ค.-30 ธ.ค.57 2.เริ่มวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 58 3.เริ่มวันที่ 1 เม.ย.-29 มิ.ย. 4.เริ่มวันที่ 1 ก.ค.-28 ก.ย. 5.เริ่มวันที่ 1 ต.ค. 58-29 ธ.ค.
ต่อมาเข้าสู่การพิจารณาเรื่องด่วนเรื่องแรก เพื่อเลือกกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามมาตรา 36 (3) แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม โดยที่ประชุมมีมติเลือก นายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการป.ป.ช. ด้วยเสียง 144 คะแนน และนายปรีชา ชวลิตธำรง อดีตตุลาการศาลปกครองสูงสุด ด้วยเสียง 134 คะแนน เป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ จากองค์ประชุม 187 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การรับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ และร่างพ.ร.บ.การรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ ที่มีนายศรีศักดิ์ ว่องส่งสาร เป็นประธานกมธ.วิสามัญทั้ง 2 คณะ ได้ขอขยายเวลาการพิจารณาของกมธ.วิสามัญ เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหามาก ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่เสนอ ให้ขยายเวลาอีก 90 วัน
ต่อมาที่ประชุม สนช. มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ 15 คน เพื่อตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของ พล.อ.วิทวัส รชตะนนท์ เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่คณะกรรมการสรรหาคัดเลือก มีระยะเวลาพิจารณาภายใน 30 วัน นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบในวาระ 2-3 ของ ร่าง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. ... และร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าหมวดการค้ำประกัน การจำนอง ทำให้ร่างพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
จากนั้น นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 แจ้งต่อที่ประชุมว่าของดการประชุมสนช.วันที่ 3 ต.ค. เนื่องจากไม่มีวาระคงค้างสำหรับการพิจารณาแล้ว พร้อมกับสั่งปิดการประชุมในเวลา 19.50 น.
'ตู่'โวยปล่อยข่าวแดงจัดวันเกิด
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีผู้ปล่อยข่าวเรื่องกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมจัดงานวันเกิดให้ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่า ยืนยันจะไม่มีการจัดงานวันเกิดหรือพบปะสังสรรค์กันของคนเสื้อแดง ที่เขาใหญ่ ตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน เป็นกำหนดการปลอม
"ผมได้แถลงไปก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วว่าจะไม่มีการจัดงานวันเกิดในปีนี้ ทราบว่ากำหนดการดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. ซึ่งพยายามจับแพะชนแกะ สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับคณะผู้ยึดอำนาจ หวังยืมมือคณะผู้ยึดอำนาจมาจัดการกับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นปฏิปักษ์ ดังนั้นขอให้ คสช.ซึ่งแต่งตั้งนายสมชาย เป็น สมาชิกสนช.มาตักเตือนด้วย เพราะพฤติกรรมของนายสมชาย กำลังสร้างความแตกแยก สวนทางกับนโยบายคสช.ที่ต้องการให้ทุกฝ่ายปรองดองสมานฉันท์" นายจตุพรกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคสช. อนุญาตให้นายจตุพรจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดว่า การจัดอะไรก็ตาม ขอให้เป็นไปตามเจตนา จะเลี้ยงฉลองให้เกิดมงคลแก่ชีวิตก็ดำเนินการไป ถ้ามีนัยอื่นก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในสังคม ตนคงไม่เห็นด้วย หวังว่าการจัดงานจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ อยากจะระลึกถึงวันเกิดก็ทำให้เป็นมงคล ก็ให้เป็นมงคลกับประเทศชาติและสังคมด้วยได้ก็ดี
เมื่อถามว่าต้องกำชับให้ผู้ว่าฯติดตามดูแลด้วยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงดูแลแล้ว คิดว่าประชาชนคงเข้าใจ และเจ้าหน้าที่คงเข้าใจบทบาทหน้าที่ ถ้าทุกคนมุ่งทำให้เกิดความสงบสุข แม้เห็นต่างก็อยู่ร่วมกันได้ ทุกอย่างจะเดินไปได้ การค้าเศรษฐกิจ เดินหน้าไปได้