- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 02 October 2014 12:11
- Hits: 3684
แพคเกจอัดฉีดศก.ใน 3 ด. 3.6 แสนล. 20 ตค.ให้ชาวนาไร่ละพัน เกิน 15 ไร่เหมา 1.5 หมื่น ทุ่มซ่อมสร้าง'ร.ร.-รพ.' ธุรกิจชี้'ส่งออก'ลบแน่ ทำใจทรุดยาวยันสิ้นปี
ครม.ไฟเขียวอัดแพคเกจฟื้นเศรษฐกิจ 3.6 แสนล้าน ช่วง 3 เดือนแรกปีงบྲྀ เน้นสร้างงานซ่อมสร้างโรงเรียน-โรงพยาบาล อุ้มชาวนามีที่ไม่เกิน 15 ไร่ แจกไร่ละพัน เกิน 15 ไร่ขึ้นไปเหมาจ่าย 1.5 หมื่น ย้ำไม่ใช่ประชานิยม ให้แค่ฤดูกาลผลิตเดียว สภาผู้ส่งออกฟันธงส่งออกปีนี้ ติดลบ 0.25% แถมช่วง 3 เดือนที่เหลือส่อเค้าดิ่งลงไปอีก
@ อัดแพคเกจ 3.6 แสนล.ฟื้นศก.
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนแรก (ตุลาคม-ธันวาคม 2557) ของปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 3.63 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.มาตรการเพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศ ผ่านการเร่งรัดการทำสัญญาจ้างงบรายจ่ายลงทุนปี 2557 ที่ยังเหลืออยู่ 1.47 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลได้ยืดเวลาให้ในการทำสัญญาแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2557 หากทุกกระทรวงสามารถเร่งรัดการทำสัญญาลงทุนให้ได้อย่างต่ำร้อยละ 20% ของงบที่เหลืออยู่ในปี 2557 จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น
@ เน้นซ่อมสร้างร.ร.-โรงพยาบาล
2.เร่งรัดทำสัญญาจ้างรายจ่ายลงทุนผ่านงบลงทุนในปีงบประมาณ 2558 จำนวน 1.29 แสนล้านบาท หากสามารถเร่งรัดให้เกิดการทำสัญญาการลงทุนได้ร้อยละ 30-40% เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 3.เร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดเล็ก โดยใช้งบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี 2555-2557 จำนวน 8 พันล้านบาท และงบไทยเข้มแข็ง 2552 ที่เหลืออยู่ 1.5 หมื่นล้านบาท รวมวงเงิน 23,000 ล้านบาท มาใช้ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน และจัดหาครุภัณฑ์โรงเรียน 6,850 โรง สร้างอาคารเรียนใหม่โรงเรียนชั้นประถมและมัธยม 1,084 หลัง และห้องสุขาโรงเรียน 1,000 หลัง วงเงิน 8.84 พันล้านบาท, ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนและสาธารณูปโภคสถานศึกษาอาชีวะ 421 แห่ง วงเงิน 2.56 พันล้านบาท
ปรับปรุงอาคารอื่นๆ และการจัดหาครุภัณฑ์มหาวิทยาลัยของรัฐ วงเงิน 1.82 พันล้านบาท, ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสำนักงาน บ้านพัก ระบบชลประทาน และขุดลอกด้วยแรงงานคน วงเงิน 2.44 พันล้านบาท, ปรับปรุงซ่อมแซมและก่อสร้างอาคารบ้านพักของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 736 ล้านบาท, ก่อสร้างอาคารบ้านพักแพทย์ พยาบาล และจัดหาครุภัณฑ์การแพทย์วงเงิน 2.72 พันล้านบาท และบำรุงรักษาทางและบูรณะทางสายหลัก วงเงิน 3.89 พันล้านบาท
@ จ่ายเงินชาวนาไร่ละพันบาท
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า 4.ทบทวนเงินกันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี 2548-2556 วงเงิน 2.48 หมื่นล้านบาท โดยให้หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ พิจารณาทบทวนโครงการ แผนงานต่างๆ ว่ายังจำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ และเร่งรัดลงนามในสัญญาภายในเดือนธันวาคม 2557 หากยังมีงบเหลืออยู่ทางจะหาทางใช้เงินเพื่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ต่อไป
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า 5.มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จะเป็นช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้ชาวนา 3.4 ล้านครอบครัว วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ชาวนาที่มีที่ดิน 15 ไร่ขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยค่าต้นทุนการผลิตครอบครัวละ 1.5 หมื่นบาท ซึ่งมีจำนวน 1.6 ล้านครอบครัว ส่วนชาวนาที่มีที่ดินไม่เกิน 15 ไร่ จะได้รับเงินช่วยค่าต้นทุนการผลิต 1 พันบาทต่อไร่ ซึ่งมีจำนวน 1.8 ล้านครอบครัว
ด้านมาตรการสร้างงานจะเน้นการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทั้งของเก่าและใหม่ สั่งการให้ทุกกระทรวงทบทวนโครงการที่พร้อมจะลงทุน และให้เร่งทำสัญญาภายในเดือนธันวาคม 2557 ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการสั่งซื้อสินค้า การก่อสร้าง และเพิ่มการจ้างงาน
@ 'หม่อมอุ๋ย'ลั่นแจกให้ฤดูกาลเดียว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวต่อว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนาดังกล่าว เนื่องจากราคาข้าวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ คืออยู่ที่ประมาณ 8 พันบาทต่อเกวียน ขณะที่ต้นทุนบวกกับกำไรที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 9 พันบาท ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเป็นผู้จ่ายเงินให้แก่ชาวนาที่ลงทะเบียนไว้ และน่าเริ่มเบิกจ่ายได้ก่อนวันที่ 20 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม จะใช้มาตรการนี้เฉพาะฤดูกาลนี้ครั้งเดียวเท่านั้น
"ยืนยันว่า ไม่ใช่ประชานิยม เพราะเราไม่ต้องการคะแนนเสียง แต่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาหรือมีภาระจริงๆ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
@ 'บิ๊กตู่'ชี้ศก.โลกทำส่งออกติดลบ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า ครม.ได้หารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1 ชั่วโมง โดยในภาพรวมจะเน้นการใช้จ่ายงบประมาณในงานเร่งด่วน เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น นอกจากนี้ยังมีการดูแลเกษตรกรรายได้น้อย เช่น ชาวนาที่อาจจะประสบปัญหาด้านต่างๆ
ส่วนที่ตัวเลขการส่งออกติดลบนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องไปดูว่าติดลบเพราะอะไร และไม่ใช่ส่งของไม่ได้ แต่คู่ค้ากำลังซื้อลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มลดลง จากการสู้รบในพื้นที่ต่างๆ และการแทรกแซงต่างๆ จึงต้องเตรียมแก้ไขปัญหานี้ไว้ แต่จะเกิดผลทันทีคงต้องใช้เวลา
@ ศก.ไม่โตอย่าโทษรบ.ฝ่ายเดียว
เมื่อถามว่า หากเศรษฐกิจของประเทศไม่โตไปตามที่คาดหวังไว้ ถือว่าเป็นความผิดของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่ตอบยาก เรามาแก้ปัญหาขณะนี้ เราแก้ปัญหาแบบที่ใครไม่กล้าแก้กันมาก่อน เรามาแก้ปัญหาเป็นระบบไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำ เรามาแก้ให้เป็นระบบมากขึ้น แล้วมันจะเป็นความผิดของเราก็แล้วแต่สังคม ถ้าอยากเป็นเหมือนเดิมก็เอา อย่าเอาสิ่งที่ไม่ดี ไม่เรียบร้อย มาโทษ มาหาว่าเรา ใช่ ผมรับผิดชอบ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ประเด็นสำคัญคือปัญหาเหล่านี้สะสมมานานแค่ไหนแล้ว ท่านไปทบทวนดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้เรามาแก้ปัญหาอีกวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน แต่ต้องใช้เวลา ก็ต้องพิจารณาดูว่าเวลาเป็นอย่างไร ถ้าเราทำได้เร็วก็จบ ถ้าทำไม่ได้ก็ว่ากันต่อไป ผมไม่รู้"
ส่วนมาตรการดังกล่าว จะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังคาดการณ์ไม่ได้ เพราะเม็ดเงินยังไม่ได้ลงไป จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะทำอย่างเต็มที่และผ่านขั้นตอนต่างๆ ส่วนเรื่องการทุจริต ได้สั่งการไปแล้ว โดยการตั้งคณะกรรมการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบเป็นจังหวัดและเขตตามลำดับไป และมีคณะกรรมการในการตรวจสอบ สุ่มตรวจโครงการต่างๆ ว่ามีการทุจริตหรือไม่ และหากพบการทุจริตจะลงโทษทันที ทั้งนี้ต้องรอดูเพราะการแก้ปัญหาต้องใช้เวลา การที่จีดีพีจะเพิ่มขึ้นได้มีปัจจัยหลายอย่างทั้งการส่งออก สัดส่วนรายได้ต้องสูงขึ้น ในเมื่อส่งออกไม่ได้จีดีพีก็ต้องลดลง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะดีขึ้นเพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้
@ ครม.เคาะหยุดยาวปีใหม่ 5 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติถูกทำร้ายว่า ได้สั่งการลงไปแล้วว่า นอกจากจะให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจดูแลแล้ว คงจะต้องมีมาตรการ เครือข่ายเฝ้าระวังป้องกันโดยเน้นย้ำไปทุกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีริสต์แบนด์ติดนักท่องเที่ยว เพื่อระบุข้อมูลที่พัก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงไปบังคับไม่ได้ เพียงแต่เข้ามาให้ถูกช่องทาง ไม่ใช่มาแบบผิดกฎหมาย เพราะทั้งนักท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน บางทีมาจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วไปทำผิดกฎหมายมา "คงไปบังคับนักท่องเที่ยวใส่ริสต์แบนด์ไม่ได้ เขาจะยิ่งไม่มาใหญ่เลย ตอนนี้ทางเราอยากจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบประกาศให้วันที่ 2 มกราคม 2558 เป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่จะหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 - 4 มกราคม 2558 รวมทั้งสิ้น 5 วัน
@ 'วีระ'ร้องนายกฯทวงท่อก๊าซ
ที่ศูนย์บริการประชาชน ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล แนวร่วมกลุ่มเวทีปฏิรูปพลังงานภาคประชาชน ที่เข้าร่วมเสวนาในเวทีปฏิรูปพลังงาน นำโดยนายวีระ สมความคิด และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน โดยนายปานเทพกล่าวว่า กลุ่มเวทีปฏิรูปพลังงานฯเห็นว่านโยบายด้านพลังงานขณะนี้ ขาดความโปร่งใส ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนในฐานะเจ้าของทรัพยากร จึงขอเสนอแนวทางปฏิรูปพลังงานในประเด็นเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานอย่างยั่งยืน อาทิ 1.ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่งคืนท่อก๊าซ โรงแยกก๊าซ และสาธารณสมบัติทั้งหมดก่อนการแปรรูปให้แก่กระทรวงการคลัง และยกเลิกมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการแบ่งแยกท่อก๊าซของ ปตท.มาตั้งบริษัทใหม่ เพราะไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
@ รื้อระบบจ่ายสัมปทานปิโตรฯ
2.ขอให้เปิดเผยรายละเอียดการประมูล สัญญาสัมปทาน เนื่องจากที่ผ่านมาขาดความโปร่งใส และให้แหล่งปิโตรเลียมใหม่ใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแทนระบบสัมปทาน เพื่อคงกรรมสิทธิ์ปิโตรเลียมที่ขุดได้เป็นของรัฐ และรัฐสามารถกำหนดราคาที่เป็นธรรมต่อประชาชนได้ รวมถึงแหล่งปิโตรเลียมที่ใกล้หมดอายุสัมปทาน ที่ยังมีพลังงานเหลืออยู่ ให้ทำการจ้างผลิตเช่นเดียวกับประเทศมาเลเซีย เพื่อให้รัฐได้พลังงานทั้งหมดมาพัฒนาประเทศ 3.ให้ลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากประชาชน เพื่อให้ราคาน้ำมันทุกชนิดลดลงมา และให้มีความชัดเจนในการนำเงินกองทุนไปอุดหนุนและส่งเสริมพลังงานทางเลือกอื่นๆ และให้จัดสรรการใช้แอลพีจีในประเทศโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ทางตรงต่อประชาชน ควรปรับราคาก๊าซของอุตสาหกรรมทุกประเภทให้เป็นอัตราเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากปัจจุบัน ปตท.ซื้อปิโตรเคมีถูกกว่ากลุ่มอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทางกลุ่มจะไปยื่นเรื่องปฏิรูปพลังงานต่อ สปช.หรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ไม่ว่าจะมี สปช.หรือไม่ อย่างไร ขณะนี้ก็อยู่ภายใต้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปผ่านกระบวนการส่วนนั้น เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และหากใน สปช.มีคนของ ปตท.เข้าไป ภาคประชาชนที่ร่วมเรียกร้องก็จะเป็นเพียงไม้ประดับ
@ รถบรรทุกรับได้ขึ้นค่าก๊าซ
ด้านนายขวัญชัย ติยะวานิช นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยถึงผลกระทบการปรับราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี ภาคขนส่งว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงนอกฤดูพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าหลักของรถบรรทุกขนส่งสินค้าที่อยู่ในสังกัดของสมาคมฯ ที่มีสมาชิกร่วม 1 หมื่นคัน จึงมีรถบรรทุกหลายพันคันจอดทิ้งไว้ เนื่องจากไม่มีงานว่าจ้าง รวมทั้งไม่คุ้มทุนในการวิ่งแต่ละเที่ยว การปรับราคาเอ็นจีวีเพิ่ม 1 บาทยังพอรับได้ แต่ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย พร้อมใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด แต่หากมีการปรับขึ้นมากกว่า 1 บาท ต้องทำข้อตกลงกับผู้ว่าจ้างกันใหม่ และขอฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีเพดานคงที่และชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนต้นทุนการผลิตและการขนส่งได้ถูกต้อง ปัจจุบันต้นทุนการบริหารจัดการของรถบรรทุก แยกเป็นค่าเชื้อเพลิงร้อยละ 45 ขณะที่น้ำมันดีเซลเป็นหัวใจหลักของภาคอุตสาหกรรม ควรหลีกเลี่ยงการขยับขึ้นราคา มิเช่นนั้นสินค้าอุปโภคบริโภคจะฉวยโอกาสปรับขึ้นตามทันที
@ สภาผู้ส่งออกฟันธงส่งออกติดลบ
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาผู้ส่งออก ให้สัมภาษณ์สถานการณ์การส่งออกว่า สภาผู้ส่งออกได้ปรับเป้าการส่งออกไทยปีนี้เป็น ติดลบร้อยละ 0.25% จากเดิมประเมินว่าจะขยายตัว 1.6% หลังจากการส่งออกไทยเดือนสิงหาคม 2557 มีมูลค่าเพียง 18,943.3 ล้านเหรียญ
สหรัฐ ปรับลดลง 7.40% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปี 2556 ทำให้การส่งออกช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม) จะมีมูลค่าแค่ 150,543.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 1.36 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ว่าจะเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี
นายวัลลภ กล่าวว่า สำหรับมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทเดือนสิงหาคม มีมูลค่า 600,718.1 ล้านบาท ปรับตัวลงร้อยละ 4.52 รวมส่งออก 8 เดือน มีมูลค่า 4,843,756 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.61 โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่มีการปรับตัวลดลง อาทิ ยางพารา ปรับลดลงร้อยละ 23.3 อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปลดลงร้อยละ 10.4 ยานพาหนะและส่วนประกอบลดลงร้อยละ 8.9 อย่างไรก็ตาม ตลาดส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มซีแอลเอ็มวี ได้แก่ เขมร ลาว พม่า เวียดนาม มีแนวโน้มขยายตัวดี ส่งผลต่อการค้าชายแดนเติบโตต่อเนื่องอีก3เดือนส่อดิ่งหนัก
นายวัลลภ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสที่การส่งออกปีนี้จะติดลบเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ดังกล่าว และอาจต่ำกว่าการส่งออกในปี 2556 ที่ติดลบร้อยละ 0.4 เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่าจะหดตัวอีกครั้ง จากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองของแต่ละประเทศ ประกอบกับช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงที่แต่ละบริษัทจะปิดงบการเงิน ทำให้การสั่งซื้อและการส่งมอบสินค้าจะชะลอตัวลง ดังนั้น หากจะให้ทั้งปีติดลบ 0.25% มูลค่าส่งออกของทั้งปีต้องไม่ต่ำกว่า 227,962 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีมูลค่าการส่งออกเฉลี่ยช่วงที่เหลือของปีนี้เดือนละ 19,350 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่วนตัวมองว่าค่าเฉลี่ยต่อเดือนไม่น่าจะทำได้ถึงตัวเลขดังกล่าว ดังนั้น ปีนี้มีโอกาสจะเห็นตัวเลขส่งออกติดลบเพิ่มขึ้นอีก
@ บุกทำเนียบทวงเงินจำนำข้าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชวนากร ฉิมปาน สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดพิจิตร พร้อมกลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดพิจิตรและนครสวรรค์ กว่า 10 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้สั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเบิกจ่ายเงินให้ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/2557 โดยนายชวนากรกล่าวว่า ขณะนี้เวลาผ่านมานานกว่า 11 เดือน แต่ชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการดังกล่าว ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน เพราะต้องแบกภาระ ค่าครองชีพ ค่าปุ๋ย ค่าเช่านา จึงขอให้นายกฯเร่งรัดอนุมัติจ่ายเงินให้กับเกษตรกรรวม 121 ราย วงเงิน 20,646,007 บาท และขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ลดดอกเบี้ยให้เกษตรกร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอีกทางหนึ่งด้วย ชาวนาจะรอคำตอบถึงวันที่ 15 ตุลาคมนี้ หากยังไม่มีความชัดเจน จะปิดถนนประท้วงต่อไป