WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8708 ข่าวสดรายวัน

'ผบ.ทบ.โด่ง'ลั่น-ไม่มีแน่ ปฏิวัติซ้อน! 
บิ๊กตู่พาผบ.เกษียณพบป๋า ปปช.ลุยต่อถอดยิ่งลักษณ์ ยกคำร้อง'มาร์ค-เทือก'อีก 'รัชตะ'ยังยื้อ-ควบ 2 เก้าอี้! 


ส่งมอบ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำพิธีส่งมอบตำแหน่งผบ.ทบ.ให้กับพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร ที่กองบัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 30 ก.ย. โดยพล.อ.อุดมเดชยืนยันว่าจะดูแลไม่ให้เกิดการปฏิวัติซ้อนอีกเด็ดขาด

       'บิ๊กโด่ง'รับตำแหน่ง ผบ.ทบ.ลั่นไม่มีปฏิวัติซ้อน พร้อมสนองรัฐบาล-คสช.เต็มที่ ด้าน'บิ๊กตู่'พา ผบ.เหล่าทัพที่ครบเกษียณอายุราชการเข้าพบอำลา'ป๋าเปรม'ตกเย็นไปงานเลี้ยงอำลา ขึ้นเวทีครวญ 3 เพลงรวด ป.ป.ช.งัดมาตรา 64 พ.ร.บ. ป.ป.ช.ยืนยันถอดถอนนิคม-ขุนค้อน ขณะเดียวกันก็จะใช้กฎหมายเดียวกันนี้ส่งเรื่องถอดถอน 'ยิ่งลักษณ์'ด้วย พร้อมยกคำร้องกรณีมาร์ค-เทือก สั่งปิดไทยคมช่วงศอฉ.ระบุเป็นไปตามกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนไม่รับคำร้องบิ๊กกี่-28 สนช. ค้านเปิดบัญชีทรัพย์สิน'รัชตะ'ขอเวลา 2-3 สัปดาห์ตัดสินใจเลิกควบหรือไม่

บิ๊กตู่ส่งมอบตำแหน่งให้บิ๊กโด่ง
     เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่บก.ทบ. กองทัพบกจัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผบ.ทบ. คนที่ 38 ได้ส่งมอบหน้าที่แก่พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. โดยสักการะศาลพระชัยมงคลภูมิ สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ด้านหน้าหอประชุม
      จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ลงนามเอกสารส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาให้พล.อ. อุดมเดช และมีพิธีส่งมอบธงประจำกองทัพบก พร้อมทั้งพิธีสวนสนามเทิดเกียรติจากกำลังพลสวนสนาม 3 กองร้อยจากร.1 รอ., ม.1 รอ. และปตอ.พัน.6 มีพ.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผบ.ร.1 รอ. เป็นผู้บังคับกองผสม โดยกำลังพลของกองทัพบกได้ร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทยเพื่อพล.อ.ประยุทธ์ด้วย
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวส่งมอบหน้าที่ตอนหนึ่งว่า ตลอดเวลาการทำงานรับใช้ประเทศชาติ และขณะที่เป็นผบ.ทบ. ตนมีความมุ่งหวังทำให้กองทัพบกเข้มแข้ง มั่นคง มีเอกภาพ ยืนหยัดอย่างมีเกียรติยศศักดิ์ศรี เป็นเสาหลักพร้อมดูแลความมั่นคงปลอดภัยและแก้ปัญหาสำคัญของชาติ เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ สมกับเป็นกองทัพเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนโดยแท้จริง
      "แม้จะต้องพ้นจากผบ.ทบ. แต่อุดมการณ์ที่ยึดมั่นมาตลอดจะยังอยู่ไม่เสื่อมคลาย ตั้งใจจะใช้ความรู้และประสบการณ์สนับสนุนงานของกองทัพบกให้บรรลุผลสำเร็จ เพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม เชื่อมั่นว่าผบ.ทบ.คนใหม่เป็นผู้มีจิตวิญญาณความเป็นทหารอย่างเต็มเปี่ยม จะนำพากองทัพบกพัฒนาในทุกด้าน และมีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ โดยมีผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง ปกครองบังคับบัญชากำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตใจ สุขุมรอบคอบ มีสติ มีความรักสามัคคี เสริมสร้างศักยภาพและความทันสมัยให้กองทัพบก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ลั่นพร้อมรับภารกิจ-หนุนรัฐบาล
      ด้านพล.อ.อุดมเดช กล่าวในการรับหน้าที่ว่า พร้อมรับต่อภารกิจสถานการณ์และภัยคุกคามทุกรูปแบบ เตรียมพร้อมให้เป็นกองทัพที่เข้มแข็งของอาเซียน มีจุดยืนอยู่เคียงข้างประชาชนทุกโอกาส และเป็นหลักในการคลี่คลายปัญหาสำคัญที่ส่งผลประทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของชาติ รวมทั้งประชาชน การปฏิบัติหน้าที่ของผบ.ทบ.จะตระหนักถึงความรับผิดชอบ อุทิศทั้งกำลังกายและกำลังใจ รวมถึงสติปัญญา ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น ต่อไปนี้จะตั้งใจดำเนินภารกิจทุกด้านอย่างดีที่สุด ซื่อสัตย์ สุจริต ปกครอง บังคับบัญชายึดหลักความ ถูกต้องและเป็นธรรม โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายทุกด้านของพล.อ. ประยุทธ์ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่มีแต่สามัคคีปรองดอง มีสันติสุขและเสริมสร้างความมั่นคง มีเสถียรภาพให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นพิธี ระหว่างเดินทางออกจากบก.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนรถประจำตำแหน่ง จากเดิมใช้รถเบนซ์ประจำตำแหน่งผบ.ทบ. สีดำ ทะเบียบ ศท 1251 กทม. เป็นรถเบนซ์สีดำ ญค 1881 กทม. โดยพล.อ.ประยุทธ์เปิดกระจกรถเพื่อโบกมือลาผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ ได้เคลื่อนขบวนออกด้านหน้าบก.ทบ.อย่างช้าๆ และเข้าไปปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล

ลั่นไม่มีปฏิวัติซ้อน-หนุนคสช.
       เวลา 12.00 น. พล.อ.อุดมเดชให้สัมภาษณ์ภายหลังรับตำแหน่งว่า หน้าที่ของกองทัพบกคือพิทักษ์ รักษาและเทิดทูนสถาบันด้วยชีวิต และจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิด การทำ งานหลังจากนี้ตนจะปฏิบัติตามภาระหน้าที่ที่กำหนดไว้ ปกป้องอธิปไตยของชาติ ดูแลพื้นที่ของประเทศไทยให้สงบเรียบร้อย โดยเฉพาะการรักษาเขตแดนจะต้องไม่มีปัญหา อยู่ภายใต้ความระมัดระวังและความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน 
      พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศนั้น ในช่วงนี้ทางคสช. ยังคงอยู่ต่อไปเพื่อช่วยสนับสนุนรัฐบาล กองทัพบกยังคงเป็นหลักเรื่องการรักษาความสงบ ตนจำเป็นต้องดำเนินการให้เกิดความสงบให้ได้ ผู้ที่มีความคิดไม่เข้าใจหรือผู้เห็นต่าง ในภาพรวมต้องทำความเข้าใจและต้องร่วมมือกัน ซึ่งตนพร้อมพูดคุยด้วย 
        เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจต่อประชาชนอย่างไรว่าในช่วงที่เป็นผบ.ทบ.จะดูแลไม่ให้เกิดปฏิวัติซ้อน เพื่อบ่อนทำลายรัฐบาล พล.อ. อุดมเดชกล่าวว่า "ไม่มี ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต ผู้บังคับบัญชาได้ทำความเข้าใจไว้หมดแล้วและทุกคนก็เดินทางในแนวทางเดียวกัน ไม่มีอย่างแน่นอน กองทัพบกจะเป็นฐานสำคัญทำให้ประเทศชาติสงบ คสช.และรัฐบาลจะดำเนินการเคียงคู่กันจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยตามกรอบแนวทางที่นายกฯ มอบหมายไว้ 
       "ผมเชื่อว่าทุกคนอยากให้เกิดความสงบ ถ้าอยากให้ปรับปรุงประเทศชาติก็ใช้ช่องทางสปช." พล.อ.อุดมเดชกล่าว

บิ๊กตู่พาผบ.เหล่าทัพเข้าพบ'ป๋า'
       เมื่อเวลา 16.00 น. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ได้นำผบ.ทุกเหล่าทัพประกอบด้วย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวง กลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เข้าพบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่ออำลาตำแหน่งหลังเกษียณอายุราชการ โดยใช้เวลา 20 นาที โดยพล.อ.เปรมได้มอบรูปหล่อหลวงปู่ทวดรุ่นบ้านเกิด การเข้าพบพล.อ.เปรมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกหลังพล.อ. ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกฯ
       พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า เข้ามากราบลา และพล.อ.เปรมได้ให้พรกับทุกคน ซึ่งการพบครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันในการทำงาน
      รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.เปรมได้เน้นย้ำให้พล.อ.ประยุทธ์ดูแลประเทศชาติบ้านเมืองและสถาบัน ให้มีความมั่นคงและเจริญก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นต่อไป และขอให้รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน

เก้าอี้เลขาธิการสมช.มี 2 แคนดิเดต
       ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุม ครม.วันที่ 1 ต.ค. นี้ ซึ่งเลื่อนมาจากวันที่ 30 ก.ย. เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ ติดภารกิจส่งมอบตำแหน่งในฐานะผบ.ทบ.นั้น ยังคงใช้ตึกสันติไมตรีเป็นสถานที่ประชุม เนื่อง จากห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลังจากนายกฯ สั่งให้รื้อระบบเครื่องเสียงใหม่จากปัญหาไมค์แพง
      สำหรับ วาระการประชุมครม. จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปีโดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม และตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งคาดว่านายถวิล เปลี่ยนศรี จะเสนอชื่อนายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาฯ สมช. ที่มีอาวุโสอันดับหนึ่งขึ้นเป็นเลขาฯ สมช.แทน 
       ขณะที่อีกกระแสหนึ่งระบุว่าพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ซึ่งกำกับดูแลสมช.จะเสนอชื่อ นายพรชาต บุนนาค รองเลขาฯ สมช. ขึ้นเป็นเลขาฯ สมช. ส่วนตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะเสนอนายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ขึ้นมาเป็น
       นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะขอใช้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จากโครงการไทยเข้มแข็ง ที่เบิกจ่ายไม่ทันในช่วงก่อนหน้านี้ มาใช้ปรับปรุงถนนและระบบชลประทาน กระทรวง สาธารณสุขจะเสนอแผนความช่วยเหลือประเทศต้นทางการระบาดของไวรัสอีโบลา โดยใช้วิธีการระดมเงินบริจาคและเวชภัณฑ์ต่างๆ แต่ต้องหารือกับสภากาชาดไทยก่อน


ลาป๋า - พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. นำบรรดาผบ.เหล่าทัพที่เกษียณอายุราชการ เข้าอำลาพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ กทม. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 

'รัชตะ'อ้างพระดำรัส-ยังไม่ออก
        เมื่อเวลา 08.30 น. ที่อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ประชาคม มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) จัดพิธีแสดงมุทิตาจิต นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มีชาวมหิดลกว่า 100 คน เข้ามอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ ขณะที่ตัวแทนประชาคม มม. อ่านแถลงการณ์ว่าเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในการคารวะต่อบุคคลที่เคารพรัก ไม่เกี่ยว ข้องกับมติสภามม. และไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการดำรงตำแหน่งอธิการบดีหรือรมว.สาธารณสุข
      ด้านนพ.รัชตะกล่าวขอบคุณบุคลากรที่มาให้กำลังใจ ซึ่งประเด็นการทำหน้าที่ 2 ตำแหน่ง ได้สร้างความไม่สบายใจให้ชาวมหิดลมาตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ยืนยันว่างานของมหาวิทยาลัยไม่สะดุดติดขัด เพราะมีรองอธิการบดีช่วยดูแลอยู่ และการที่ยังไม่ตัดสินใจเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้ เพราะต้องรอดูภาระงานกระทรวงสาธารณสุขก่อนว่าจะทำคู่ขนานไปกับงานมหาวิทยาลัยได้หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำ งานเพื่อประเทศ ขับเคลื่อนระบบสาธารณสุข ซึ่งอาจจะบูรณาการเข้ากับระบบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไป 
      "นอกจากนี้ ยังต้องรอดูทิศทางของรัฐบาลด้วยว่าจะมองเรื่องการดำรงตำแหน่ง 2 ตำแหน่งของรัฐมนตรีอย่างไร ผมขอเวลา 2-3 สัปดาห์ และจะกลับมาให้ความชัดเจนอีกครั้ง ตอนนี้ ขอให้ชาวมหิดลช่วยกันประคับประคองมหาวิทยาลัยด้วยความสามัคคี ส่วนผมยืนยันจะสู้กับความไม่ถูกต้อง ความไม่เป็นธรรมาภิบาล และยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบิดาในการทำงาน ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นกิจที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" อธิการบดีมม. กล่าว

'พรเพชร'แนะถอดตามกม.ปปช.
      ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสนช.มีมติส่งคำร้องถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาและคำร้องถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กลับไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการว่า ฝ่ายธุรการเป็นผู้ดำเนินการ โดยหลักถ้าทำผิดกฎหมายในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ก็ถือว่าผิดแต่เป็นกฎหมายเก่า แต่ปัจจุบันต้องดูว่ากฎหมายกำหนดอย่างไร ยอมรับหรือไม่ ดังนั้น การถอดถอนต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ตามข้อบังคับว่าป.ป.ช.มีอำนาจส่งมาหรือไม่ และสนช.มีอำนาจรับไว้พิจารณาหรือไม่ 
       เมื่อถามว่า มีประเด็นใดเข้าข่ายการถอด ถอนหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า คงเป็นไปตามกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องดูว่าเรื่องใดที่ต้องส่งมาที่สนช. ถ้าเรื่องไหนต้องส่งศาลก็ส่งให้ศาลโดยตรง ส่งมาให้เราไม่ได้ 
       เมื่อถามถึงสนช. 28 คน เข้าชื่อยื่นศาลปกครองว่ามติป.ป.ช.ให้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์ สินและหนี้สินนั้นไม่ชอบ นายพรเพชรกล่าวว่า เท่าที่สอบถามสมาชิกเหล่านั้นยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ ไปแล้วก่อนยื่นร้องต่อศาลปกครอง เพื่อทดสอบข้อกฎหมาย ให้เป็นบรรทัดฐาน 

พท.เตือนสนช.ระวังแตกแยก
       ส่วนที่นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนาย ความความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ มีรายเชื่อติดโผ สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมนั้น นายพรเพชรกล่าว ว่า เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการสรรหาที่พิจารณาตามคุณสมบัติของผู้สมัคร ถ้าเห็นว่าเหมาะก็เลือกเข้ามา จากนั้นเป็นขั้นตอน คสช. พิจารณา ดังนั้นจะเป็นทนายความของใครก็ไม่เกี่ยว หากมองอีกแง่หนึ่งว่าไม่ได้ปิดกั้น ตามที่วิจารณ์ว่าเอาสีโน้นสีนี้มา ซึ่งไม่ได้ดูที่สี 
        วันเดียวกัน นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการถอด ถอน ส.ส. และส.ว. 308 คน กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว. ซึ่งขณะนี้อยู่เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ว่า ดูเหมือนว่านายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. พยายามพูดเหมือนอยากให้เดินหน้าถอดถอนได้ แต่อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ยกเลิกแล้ว ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ไม่ได้พูดถึงเรื่องถอดถอนไว้ ซึ่งการถอดถอนต้องมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรองรับ ดังนั้น สนช.จะไปขยายอำนาจตัวเองในข้อบังคับไม่ได้ หากคิดว่าได้ประโยชน์ก็ทำไป แต่มองว่าเรื่องนี้จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นอีก 

นายทุนปชป.-รายงานตัวสนช.
       ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสนช. เปิดให้สมาชิกสนช.ที่ได้รับการแต่งตั้งเพิ่ม 28 คน เข้ารายงานตัวเป็นวันที่ 2 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ที่ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 โดยตลอดทั้งวันมีสมาชิกมารายงานตัว 8 คน อาทิ พล.ท.พิศนุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษและทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธาน องคมตรีและรัฐบุรุษ นายบัญญัติ จันทร์เสนะ อดีตรมว.มหาดไทย นายปรีชา บัววิรัตน์เลิศ พี่ชายนายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ พล.อ.อุทิศ สุนทร เพื่อนนักเรียนตท.14 รุ่นเดียวกับพล.อ. อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. รวม 2 วัน มีสมาชิกสนช.รายงานตัวแล้ว 24 คน ยังไม่ได้เข้ารายงานตัวอีก 4 คน คือ นายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล ซึ่งเคยบริจาคเงินให้พรรคประชา ธิปัตย์ พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ นางสุรางคณา วายุภาพ และนายอนุมัติ อาหมัด ซึ่งต้องเข้ารายงานตัวภายในวันที่ 1 ต.ค. เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการเปิดให้รายงาน

ป.ป.ช.ถกถอดถอน'ยิ่งลักษณ์'
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เจ้าหน้าที่จากกลุ่มงานถอดถอนและตรวจสอบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นำเอกสารสำนวนคดีถอดถอนนายนิคมและคดีถอดถอนนายสมศักดิ์ จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ จำนวน 24 แฟ้มคดี ที่บรรจุอยู่ในกล่องเอกสาร 4 กล่อง และซองเอกสาร 2 ซอง เพื่อให้ป.ป.ช. นำไปพิจารณาข้อกฎหมายใหม่ เนื่องจากสำนวนเดิมที่ป.ป.ช.ส่งให้วุฒิสภาพิจารณา นั้น เป็นการอาศัยบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งปัจจุบันไม่มีการบังคับใช้แล้วจึงเป็นเรื่องที่ป.ป.ช.ต้องพิจาณาให้ครบถ้วน 
      เวลา 09.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อรับทราบรายงานการดำเนินคดีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวและคดีถอดถอนส.ว. ร่วมกันลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ กรณีที่มาของส.ว. 

ยืนยันถอด'นิคม-สมศักดิ์'ตามม.64
      ต่อมาเวลา 17.00 น. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ว่า ตามที่ประธานสนช. ได้ส่งรายงานและสำนวน การไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการถอดถอน นายสมศักดิ์ และนายนิคม ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กลับคืนมายังป.ป.ช. เนื่องจากสำนวนการถอดถอนที่ป.ป.ช.ส่งให้วุฒิสภาพิจารณาดำเนินคดีเมื่อวันที่ 27 มี.ค. และ 4 เม.ย.57 อ้างฐานความผิดตามรัฐธรรม นูญ พ.ศ. 2550 ที่ไม่มีผลบังคับใช้แล้วนั้น คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติเสียงข้างมากว่า กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินคดีถอด ถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 64 ประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 6 วรรคสอง ที่ระบุให้สนช. ทำหน้าที่ส.ส. ส.ว. และรัฐสภาอยู่แล้ว ดังนั้น ที่ประชุมป.ป.ช.จึงมีมติให้ส่งเรื่องกลับไปยังสนช. เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยเป็นการยืนยันตามสำนวนเดิมของป.ป.ช.ที่พิจารณาตามรัฐ ธรรมนูญปี"50 ที่เคยส่งไปก่อนหน้านี้ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายตามคำท้วงติงของสนช. ทั้งนี้ หลังจากป.ป.ช.ส่งสำนวนกลับไปยังสนช.แล้ว ขึ้นอยู่กับสนช.จะพิจารณาถอดถอนต่อไปหรือไม่ เพราะถือว่าป.ป.ช.หมดหน้าที่แล้ว 

เล็งถอดยิ่งลักษณ์-ยกคำร้องมาร์ค
     นายสรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมป.ป.ช.ยังมีมติเป็นหลักการเกี่ยวกับถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น กรณีการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และกรณีถอดถอนอดีตส.ว. 39 ราย รวมทั้งการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองอื่นๆ ว่า หากเป็นการกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอื่น ตามมาตรา 58 พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. ถือว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.ที่จะไต่สวนต่อไป โดยใกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์และอดีตส.ว. 39 คนนั้น ที่ประชุมให้เจ้าหน้าที่ไปทบทวนดูในสำนวนเพื่อความรอบคอบว่ามีการกระทำความผิดในกรณีกฎหมายอื่นๆ นอกเหนือจากการทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลเรื่องดังกล่าวแล้วเสนอต่อคณะกรรมการป.ป.ช.อีกครั้ง ซึ่งกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเข้าข่ายตามความผิดกฎหมายอื่นๆด้วย แต่กรณีอดีตส.ว. 39 คน อาจมีปัญหา เพราะเป็นการกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะส่งสรุปสำนวนส่งให้ที่ประชุมป.ป.ช.พิจารณาอีกครั้ง


ร่วมอาลัย - นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานนปช. พร้อมด้วยแกนนำนปช. และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมงานฌาปนกิจศพลุงอะแกว แซ่ลิ้ว เหยื่อที่โดนกระสุนปืนในเหตุการณ์การชุมนุมที่แยกหลักสี่ ที่วัดหลักสี่ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.

       รายงานจากป.ป.ช. แจ้งว่า ที่ประชุมป.ป.ช.มีมติยกคำร้องการไต่สวนกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีการสั่งปิดสถานีดาวเทียมไทยคม ในช่วงมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2553 ทำให้เว็บไซต์ในประเทศ 36 แห่ง ดาวเทียมต่างประเทศ 15 ประเทศ และสถานีโทรทัศน์พีทีวีถูกระงับการออกอากาศ เป็นการละเมิดสิทธิประชาชนตามรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมเห็นว่าการสั่งปิดสถานีไทยคม ไม่มีความผิด เพราะผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติตามขั้นตอนและกฎระเบียบอย่างสมเหตุผลในช่วงที่มีสถานการณ์ความรุนแรงและความไม่สงบเกิดขึ้น 

มาร์ค ย้ำปชป.ตัดขาดอลงกรณ์
     วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิรูปว่า สปช.ต้องกำหนดแนวทางทั้ง 11 ด้านให้เร็วที่สุด งานแรกที่ต้องเร่งทำคือรีบส่งความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปเบื้องต้นเพื่อเป็นกรอบให้กรรมาธิการไปยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ช่วง 3-4 เดือนแรก สปช.ต้องใช้เวลากับการปฏิรูปการเมือง ส่วนอีก 10 ด้าน อาจใช้ระบบให้กรรมาธิการ กรรมการ หรืออนุกรรมการไปทำ โดยสมาชิกทั้ง 250 คน ต้องตระหนักว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่ผลักดันเป็นที่ยอมรับ มีความชอบธรรม เพราะสิ่งที่คิดทั้งหมดคงทำไม่เสร็จภายใน 1 ปี แต่จะสำเร็จได้ต้องมีความต่อเนื่อง ยั่งยืน มีความยอมรับหรือชอบธรรมเท่านั้น ดังนั้น ควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น คอยตรวจสอบและควรให้โอกาส สปช.ได้ทำงาน
     นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีมีชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรค เป็นสมาชิก สปช.ด้านพลังงานว่า คงไม่มีปัญหา เพราะนาย อลงกรณ์ใช้สิทธิ์ส่วนตัว ตนพูดแล้วว่าใครเป็น สปช. พรรคต้องพิจารณาการส่งสมัครรับเลือก ตั้งครั้งต่อไป ซึ่งพรรคมีจุดยืนว่าไม่ส่งคนที่จะมีผลประโยชน์ขัดกันในด้านหนึ่งด้านใด ฉะนั้น นายอลงกรณ์ต้องยอมรับกติกาว่าเมื่อเข้าไปตรงนี้แล้ว อาจทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นนักการเมืองได้อีกระยะหนึ่ง ส่วนจะกลับมาในนามพรรคหรือไม่นั้น ตนตอบไม่ได้

เผยบิ๊กตู่เล็งออกทีวีช่อง 11 แทน
      นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกระแสข่าวพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. และกลุ่มบุคคลบางกลุ่มเตรียมตั้งพรรค โดยเอานักการเมืองเซียนรุ่นเก่าและนักธุรกิจบางคนมาร่วมว่า ตนไม่เคยได้ยิน แต่สถาน การณ์อย่างนี้มีคนคิดเรื่องตั้งพรรคใหม่ที่ไม่ใหม่จริงคือเอานักการเมืองเก่าเข้ามาเพื่อเป็นฐาน ซึ่งตนพอทราบการเคลื่อนไหวต่างๆ ของนักการเมืองอยู่บ้าง เชื่อว่ามีคนคิดและอาจมีคนทำ แต่จะทำจริงจังและสำเร็จหรือไม่ ยังเร็วเกินไปที่จะบอก ทั้งนี้ไม่เชื่อว่าการตั้งพรรค เหมือนสมัยรสช.จะทำได้ง่ายในยุคนี้
     ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ และปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึงข่าวเตรียมจัดรายการนายกฯ พบประชาชนว่า กรมประชาสัมพันธ์ยังไม่ได้รับการประสานจากคณะทำงานนายกฯ ในเรื่องนี้ ทราบว่ามีเพียงการเปลี่ยนผู้ผลิตรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ที่ออกอากาศทุกวันศุกร์ จากสถานีโทรทัศน์กองทัพบก เป็นสถานีโทรทัศน์ แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็นฝ่ายผลิตรายการแทน จะเริ่มออกอากาศเทปแรกในวันที่ 3 ต.ค. เวลา 20.15 น. 
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ช่อง 11 นำรถถ่ายทอดสัญญาณและอุปกรณ์ต่างๆ ในการบันทึกเทปรายการมาทดสอบระบบสัญญาณ พร้อมดูสถานที่ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมบันทึกเทปออกอากาศในวันที่ 2 ต.ค.

'บิ๊กตู่'ชื่นมื่นครวญรวด 3 เพลง
       เวลา 19.40 น. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผบ.ทบ. พร้อม ด้วยภริยา เดินทางมาร่วมงานมุทิตาจิต โดยมีพล.อ.อุดมเดชมาต้อนรับ ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นโดยกองทัพบก ซึ่งเป็นงานเลี้ยงสำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการทั้งหมดของกองทัพบก 131 คน และอำลาตำแหน่งผบ.ทบ.ของพล.อ. ประยุทธ์ อย่างเป็นทางการ 
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านหน้าเป็นการจำลองพื้นที่ บก.ทบ. มีสิงโตคู่ รั้วแดงกำแพงเหลือง และตึกบก.ทบ. พร้อมการบรรเลงเพลง จากกองดุริยางค์กองทัพบก โดยข้าราชการจาก บก.ทบ. พร้อมคู่สมรส มาร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ภายในงานฉายชีวประวัติของผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อเป็นเกียรติ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงดนตรีและบรรเลงเพลงที่พล.อ.ประยุทธ์ขับร้องด้วยตนเอง 3 เพลงคือเพลงเพื่อผืนดินไทย คำสัญญา และเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย 

เผย'ป๋า'ชม'บิ๊กตู่'ดูแลกองทัพดี
       แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง เปิดเผยว่า การเข้าพบพล.อ.เปรมครั้งนี้ เกิดจากการประสานงานของพล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นครั้งแรกที่นายทหารระดับสูงสุดของเหล่าทัพมาอำลาหลังเกษียณอายุราชการกันครบทุกคน ระหว่างเข้าพบพล.อ.เปรมให้กำลังใจทุกคนทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมือง รวมถึงอวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ให้คำมั่นว่ารัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาของประเทศชาติตามที่ตั้งใจไว้ และจะทำงานด้วยความรวดเร็ว ยึดมั่นในความโปร่งใสและซื่อสัตย์สุจริต ทำเพื่อประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งพล.อ.เปรมยังได้ชื่นชมพล.อ.ประยุทธ์ว่าที่ผ่านมาทำหน้าที่ดูแลกองทัพ ได้ดี และขอให้รักษามาตรฐานต่อไป

สนช.พร้อมรับลูก-คดีถอดถอน
       นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า เมื่อป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมากส่งเรื่องให้สนช. ดำเนินการถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคม หากป.ป.ช.ส่งเรื่องมาสนช.เมื่อใดก็เป็หน้าที่ของประธานสนช.จะบรรจุเป็นวาระภายใน 30 วัน ตามข้อบังคับการประชุมสนช. แต่ก่อนบรรจุวาระคาดว่าประธานสนช.จะดำเนินการใน 2 แนวทางก่อน คือตั้งคณะกรรมการพิจารณาก่อน หรือส่งให้วิปสนช. พิจารณา เพราะขณะนี้ยังมีความเห็นแย้งกันอยู่ในสนช. แต่เชื่อว่าสุดท้าย คงหาข้อสรุปในที่ประชุมสนช. ตามมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยให้ที่ประชุมมีมติว่าจะรับคำร้องของป.ป.ช.ไว้พิจารณาหรือไม่ ต้องได้เสียงกึ่งหนึ่ง หากสนช.มีมติรับไว้ก็เข้าสู่กระบวนการถอดถอนต่อไป 

'เรืองไกร'จองกฐิน-ลั่นกัดติดงบฯ
      วันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สำนักราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราช โองการประกาศเผยแพร่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ความว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรตั้งงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2558 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดย คําแนะนําและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับสนองพระบรมราชโองการ
      นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 แล้ว ขอให้รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้จริงตามที่นายกฯ เคยประกาศไว้ ส่วนงบประมาณปี 2557 ที่ค้างอยู่ ซึ่งมีทั้งงบฯ ลงทุนและรายจ่ายประจำนั้น อย่าปล่อยให้มีการซื้อบิลเพื่อเซ็นย้อนหลังเป็นอันขาด หากใช้ไม่หมดขอให้ส่งคืนหลวง ตนพร้อมช่วยตรวจสอบการใช้งบฯ ด้วย ทั้งนี้ ตนเชื่อในความตั้งใจดีของนายกฯ แต่ห่วงคนที่อยู่รอบกายว่าจะไว้ใจได้หรือไม่ 
    นายเรืองไกร กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตงบฯ ของประธานองคมนตรีและองคมนตรี ซึ่งไม่มีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณ ขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 40 ก็ไม่ระบุเรื่องเงินประจำตำแหน่งของประธานองคมนตรีและองคมนตรีเอาไว้ ซึ่งตนเป็นห่วง เพราะเงินประจำตำแหน่งของเดิมออกเป็นพระราชกฤษฎีกาสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่ง พ.ร.ฎ.ดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรองรับแล้ว และอาจขัดกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวด้วย ขณะที่ประธานองคมนตรีและองคมนตรียังมีหน้าที่ตามหมวด 2 อยู่ 
      "ดังนั้นจะส่งหนังสือผ่านอีเอ็มเอสไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน ในวันที่ 1 ต.ค.ให้พิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยที่ประธานองคมนตรีและองคมนตรีซึ่งมีตำแหน่งอยู่แต่ถูกตัดเงินไป แต่ถ้าจ่ายเงินให้โดยที่ไม่มีกฎหมายรองรับก็จะไม่สมเกียรติ และส่อเป็นการใช้จ่ายโดยมิชอบหรือไม่" นายเรืองไกรกล่าว

ศาลปค.ไม่รับคดี 28 สนช.ฟ้อง
      เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องของพล.อ.นพดล อินทปัญญา และพวกรวม 28 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสนช. ยื่นฟ้องคณะกรรมการป.ป.ช. กรณีขอให้เพิกถอนมติป.ป.ช.ลงวันที่ 14 ส.ค. 2557 และลงวันที่ 27 ส.ค. ที่ระบุให้ สนช.ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. 
       ศาลปกครองสูงสุดระบุเหตุผลว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. มาตรา 32 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามที่มีอยู่จริงในวันที่เข้ารับตำแหน่งหรือวันที่พ้นจากตำแหน่ง ต่อป.ป.ช.ทุกครั้ง ซึ่งการที่ ป.ป.ช. ตอบข้อหารือตามหนังสือที่ ปช 0008/0147 ลงวันที่ 14 ส.ค. และหนังสือที่ ปช 0008/0171 ลงวันที่ 27 ส.ค. เกี่ยวกับบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสนช.มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ นั้น เป็นเพียงการตอบข้อหารือประเด็นข้อกฎหมายของมาตรา 32 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. ต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเท่านั้น ไม่ใช่การใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของพล.อ.นพดลและพวก
      มติป.ป.ช.ดังกล่าวจึงไม่ใช่คำสั่งทางปกครองและไม่ได้ทำให้ พล.อ.นพดลและพวก เดือดร้อน หรือเสียหาย จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ดังนั้น การที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องและสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยว่าคำร้องอุทธรณ์ของพล.อ.นพดลกับพวก ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ในศาลปกครองชั้นต้นแม้จะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา แต่เนื้อหาของการมีคำสั่ง ได้ระบุความหมายของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 32 พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. ที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ ไว้ชัดเจนว่าหมายถึงผู้เอาภาระของบ้านเมืองเป็นภาระของตน ไม่ว่าจะโดยสมัครใจเข้ารับเลือกตั้ง หรือสมัครใจตามที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในการตรากฎหมายอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน และมีหน้าที่ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ จริงใจ เปิดเผยความจริงว่าก่อนเข้ามาดำรงตำแหน่งมีทรัพย์สินใดบ้าง เพื่อให้สังคมรับรู้ถึงความโปร่งใส ไม่ได้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ แก่ตนเองและครอบครัว หน้าที่ตามมาตรา 32 จึงเป็นเรื่องส่วนตนโดยแท้ของผู้อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมือง หาใช่หน้าที่ของป.ป.ช.ที่จะต้องมีคำสั่งให้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯ ตามนัยมาตรา 32 หากผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองใดไม่ปฏิบัติตาม ย่อมต้องรับโทษทางอาญา ตามมาตรา 119 แห่งพ.ร.บ.เดียวกันเป็นส่วนตน 
        อย่างไรก็ตาม ในการนัดฟังคำสั่งวันนี้ ฝ่ายพล.อ.นพดลกับพวก ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดี ไม่ได้ส่งตัวแทนมาฟังคำสั่งศาล มีเพียงนายสิทธิพงษ์ ปึงวงศานุรักษ์ ผอ.สำนักคดี ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากป.ป.ช.ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดี มาศาล จึงทำให้คณะตุลาการไม่ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่ง โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีไปคัดสำเนาคำสั่งดังกล่าวแทน
       นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวว่า สำนักงานป.ป.ช.กำหนดเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิก สนช.กรณีเข้ารับตำแหน่งวันที่ 8 ส.ค. จำนวน 195 คนให้สาธารณชนรับทราบตั้งแต่วันที่ 3-17 ต.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช.

ยันแคร์รีทักบิ๊กเจี๊ยบ-ในยูเอ็น
       เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสรุปการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็น ของพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 25-29 ก.ย. ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 
     นายสีหศักดิ์ ระบุว่า การเดินทางไปร่วมประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ และเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด เป็นการสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจให้กับประเทศ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวสุนทรพจน์ต่อเวทียูเอ็นถึงพัฒนาการของการเมืองไทย และว่าไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย พร้อมเน้นย้ำเรื่องของการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ และเป้าหมายการพัฒนาหลังปี 2558 ภารกิจการรักษาสันติภาพ และความพร้อมของไทยในการร่วมมือกับนานาชาติในการต่อต้านกองกำลังนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย และวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก
      สำหรับ การหารือระหว่างพล.อ.ธนะศักดิ์กับนายบัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็นนั้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่า นายบันกล่าวย้ำถึงความสำคัญของบทบาทไทยในเวทีระหว่างประเทศ และอยากเห็นการ เมืองไทยมีเสถียรภาพ เพื่อที่ไทยจะได้กลับมาแสดงบทบาทในระดับโลกได้อย่างเต็มที่ ส่วนที่มีข่าวว่าในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-สหรัฐอเมริกา นายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศ สหรัฐไม่ได้จับมือกับพล.อ.ธนะศักดิ์นั้นเป็นข่าวไม่จริง เพราะทั้งสองจับมือทักทายกันปกติ

แกนนปช.ร่วมเผาศพ'ลุงอะแกว'
      เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 ก.ย. ที่วัดหลักสี่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นางธิดา โตจิราการ ที่ปรึกษา นปช. นพ.เหวง โตจิตนาการ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก และนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมประชาชนประมาณ 60 คน ร่วมพิธีฌาปนกิจนายอะแกว แซ่ลิ้ว อายุ 72 ปี พ่อค้าขายน้ำอัดลมรถเข็น บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์จลาจลปิดล้อมคูหาเลือกตั้งสำนักงานเขตหลักสี่ ใกล้สี่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2557 หรือเหตุการณ์มือปืนป๊อปคอร์น ถูกกระสุนจากฝั่งของกลุ่มกปปส. เข้าที่ลำคอ และฝังติดไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาตนานกว่า 8 เดือน ต่อมาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ก.ย. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า ท่ามกลางฝนที่ลงมาอย่างหนัก
       น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว อายุ 42 ปี ลูกสาวที่คอยดูแล เผยว่า ยืนยันว่าพ่อของตนไม่ใช่แกนนำกลุ่มติดอาวุธต่างชาติตามที่มีคนกล่าวหา ขณะนี้พ่อจากไปแล้ว อยากให้พ่อได้รับความยุติธรรม ไม่ว่าจะนานแค่ไหนตนจะรอคอย อยากให้หน่วยงานรัฐเร่งรัดคดีด้วย เพราะพ่อเป็นเหยื่อของความขัดแย้ง เป็นประชาชนธรรมดา ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายใด ทั้งนี้ ตนจะแจ้งข้อหากับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าของคดีเพิ่มเติม จากเดิมเคยแจ้งข้อหาพยายามฆ่าไว้ จะเพิ่มข้อหาจงใจฆ่าด้วย เพราะเหยื่อได้เสียชีวิตแล้ว ส่วนครอบครัวของตนจะเข้มแข็งเป็นกำลังใจกันต่อไป
      ด้านนายจตุพร กล่าวว่า มาร่วมเผาศพนายอะแกว ในฐานะประชาชนที่รักความเป็นธรรม ตนและคนเสื้อแดงไม่เคยรู้จักกับนายอะแกวเป็นการส่วนตัว เพราะนายอะแกวเป็นประชาชนธรรมดา ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งหรือศัตรูกับใคร แต่เหตุการณ์ปะทะที่หลักสี่ทำให้ตกเป็นเหยื่อ ทุกข์ทรมานทางร่างกาย ตนอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน ไม่ว่าความขัดแย้งทางการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ต้องไม่มีเหยื่อแบบนายอะแกวเกิดขึ้นอีก ประชาชนที่รักความยุติธรรมต้องระลึกไว้เป็นอุทาหรณ์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!