- Details
-
Category: การเมือง
-
Published: Saturday, 27 September 2014 11:27
-
Hits: 3871
วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8704 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กตู่ ชี้ตันละ 8.5 พัน ราคาข้าว คสช.ได้ครบแล้ว 250 สปช.-อุบชื่อ ปปช.สบช่องฟัน ยื่นสนช.ถอด'ปู'
คัดสปช. - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. แถลงผลการประชุมคสช.พิจารณาคัดเลือก 250 สปช. ยืนยันได้ครบจำนวนแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อ ที่บ้านเกษะโกมล เมื่อวันที่ 26 ก.ย. |
'บิ๊กตู่'นั่งหัวโต๊ะ ประชุมคสช.ชุดใหญ่ได้ตัวแล้ว 250 สมาชิกสปช.ส่งสำนักเลขาธิการครม.ตรวจสอบคุณสมบัติก่อนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯในวันที่ 2 ต.ค. ยังอุบชื่อว่ามีใครบ้าง แต่ยอมรับมีอดีตทหาร-ข้าราชการรวมอยู่ด้วย มั่นใจได้คนตรงกับ 11 ด้าน รวมถึงในส่วนของ 77 จังหวัดด้วย ออกรายการคืนความสุขพร้อมแก้ปัญหาราคายาง ยันไม่เคยพูดว่าจะจ้างให้เลิกปลูก ส่วนข้าวจะไม่ให้ต่ำกว่า 8.5 พันต่อตัน เตือนนักวิชาการอย่าอ้างสอนการเมือง ด้านป.ป.ช.สบช่องหลังสนช.ผ่านข้อบังคับส่งเรื่องถอดถอน'ปู'กรณีจำนำข้าวเร็วๆ นี้
บิ๊กตู่ปล่อยมุขคนอยากดูออกทีวี
เวลา 09.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดสัมมนาและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง"พัฒนาคนเพื่ออนาคตประเทศไทย" ในการประชุมประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประจำปี 2557 มีคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ภาคประชาสังคม เครือข่ายองค์กรชุมชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคร่วมงานกว่า 2,500 คน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพูดครั้งนี้ตื่นเต้นเพราะมีคนจำนวนมาก ถ้าพูดแรงเกินไปเดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องขึ้นมา หากพูดอ่อนไปเดี๋ยวจะหาว่านุ่มนวลไปอีก ตนหวังเห็นอนาคตของประเทศพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งและต้องเป็นในลักษณะก้าวกระโดด เพราะมีแผนพัฒนา 11 ฉบับ ปีนี้เป็นปีที่ 12 ส่วนตัวมองว่ามันช้าไป เนื่องจากไม่ได้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม "ความจริงผมไม่ชอบพูดกับคนเยอะๆ เคยพูดแต่กับทหารด้วยกันไม่ต้องระวังตัวเท่าไร บางทีพูดเพราะบ้างไม่เพราะบ้างก็ต้องระวัง เย็นวันเดียวกันนี้ก็ต้องพูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติให้ประชาชนฟัง ก็กลัวว่าจะเบื่อ หลายคนถามว่าเมื่อไรจะเลิกรายการนี้สักที แต่อีกพวกก็บอกว่าไม่เป็นไร ละครดูทีหลัง อยากดูผบ.ทบ. มากกว่า ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือไม่"
ชี้ประเทศมีปชต.แบบไทยๆ แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญ คือวันนี้ แม้เราจะไม่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ตนถือว่าสมบูรณ์เพราะมีทั้งรัฐธรรมนูญ รัฐมนตรีและครม. เพียงแต่อยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติเท่านั้น แต่เราอยู่คนเดียวไม่ได้ วันนี้โลกไร้พรมแดนจึงต้องสร้างสิ่งที่ดีให้สังคมโลกรู้ว่าเรากำลังทำอะไร "ขอความกรุณาสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันด้วย อย่ามัวมาทะเลาะกับผมทุกวันไม่ได้ประโยชน์ ผมเองก็หงุดหงิดเสียปัญญา เสียสมอง ผมยิ่งปัญญาน้อยๆ อยู่"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางคนบอกว่ารัฐบาลใช้อำนาจเด็จขาดโดยไม่ฟัง เราฟังทุกวัน แต่เมื่อฟังก็ต้องตอบโต้กันไปมา เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน แต่ตนก็อดทน บางครั้งก็ต้องเห็นใจว่าตนเป็นปุถุชนธรรมดา ตั้งใจทำอะไรเยอะแยะ หลายอย่างก็มีผลสัมฤทธิ์บ้าง บางอย่างกำลังทำอยู่ บางอย่างยังไม่เกิดอยู่ในแผนงาน แต่ท่านเหมาว่าทำไมทำไม่ได้ ถ้าเราไม่เริ่มทำแล้วใครจะทำ พูดมาเยอะก็เริ่มกดดัน เมื่อวานก็พูด 3-4 ชั่วโมง กลับบ้านคุยกับภรรยาไม่รู้เรื่อง หูอื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิรูป 11 ด้าน รัฐบาลไม่สามารถปรับเปลี่ยนกฎกติกาได้ อำนาจเหล่านี้เป็นอำนาจในเชิงสร้างสรรค์ ที่ตนมีอยู่ทุกวันนี้ เป็นการใช้อำนาจเชิงสร้างสรรค์ ไม่เคยเอาไปทำร้ายใคร ไม่คิดปิดกั้นอะไร แต่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยจึงต้องใช้ ฉะนั้นเรื่องเหล่านี้อย่าเร่งรัดตนมากนัก อย่าเพิ่งเรียกร้องว่าเราต้องเป็นอิสระเสรี ประชาธิปไตยมากมายนัก วันนี้เราก็เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ไปก่อนแล้วกัน
อยากให้เรียก'คสช.-คุณสมชาย'
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานขณะนี้ต้องนำแผนงานไปสู่การปฏิบัติให้ได้ คสช.กับรัฐบาล จะประชุมร่วมกันในวันที่ 7 ต.ค. ว่าจะทำงานกันอย่างไร หัวหน้า คสช.จะสั่งนายกฯ อย่างไรก็งงเหมือนกัน เราให้ความเป็นธรรมทุกคน รู้ว่าใครบทบาทไหน ฉะนั้นอย่ากังวล คสช.เรียกให้มันดีๆ ซอฟต์ๆ ลงเรียก 'คุณสมชาย'ก็ได้
นายกฯ กล่าวว่าการปฏิรูประบบโทร คมนาคม เทคโนโลยีของชาติกำลังทำอยู่ กำลังปฏิรูปให้ทันต่อการแข็งขันของโลก ที่มาทะเลาะกันอยู่เรื่องไม่เป็นเรื่อง จะจอดำ จอมืด จอขาว ตนไม่รู้ แล้วมาให้รัฐบาลหรือคสช.ไปตัดสิน มันไม่ได้ เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากัน เดี๋ยวคอละครก็มาเล่นงาน และทำไมเราไม่สร้างละครให้ดีๆ โดยกระทรวงวัฒนธรรมกำลังทำอยู่ เป็นหนังรักประกอบท่องเที่ยว เป็นสองครอบครัวเที่ยวเมืองไทยมาเจอกัน ไม่เห็นต้องตบตีกันให้คนชินกับการทะเลาะเบาะแว้งสร้างความขัดแย้ง แต่ดูเพื่อความสนุกได้ พูดไปเดี๋ยวทะเลาะกับผู้จัดละครอีก และอยากให้คนอ่านหนังสือมากๆ ว่างเมื่อไรก็อ่าน ส่วนหนังสือพิมพ์ให้อ่านหน้ากลางๆ ที่มีเรื่องการพัฒนาประเทศ ส่วนด้านหน้ามีแต่เรื่องตีกัน ฆ่ากัน
ลั่นลุยแก้ยาง-ข้าวไม่ต่ำกว่า 8.5 พัน
ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ'คืนความสุขให้คนในชาติ'ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่ารัฐบาลสั่งการเร่งด่วนให้แต่ละกระทรวงตรวจสอบว่า มีโครง การใดบ้างที่ยังไม่ได้ดำเนินการและจะต้องปรับแผน หรือยังไม่ได้ทำสัญญาจ้างงาน เพื่อจะได้เร่งใช้งบลงทุนในปี 2557 ที่ยังเหลืออยู่กว่าแสนล้านบาทไปกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและจ้างงานได้ทันทีภายใน 3 เดือนนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 เดือนที่เหลืออยู่ ส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งทำสัญญาจ้างงานกับโครงการขนาดเล็กต่างๆ ให้ได้ภายในสิ้นปีและจะนำงบลงทุนในปีงบ ประมาณ 2558 ระยะแรกที่เตรียมไว้ 50,000 ล้านบาท มากระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น และสร้างรายได้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันจะเร่งตรวจสอบงบประมาณและวงเงินกู้ต่างๆ นำงบที่ยังไม่ได้ใช้อีก 20,000 ล้านบาท มาลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคที่ประชาชนต้องการ
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาราคายางพารา รัฐบาลพยายามเดินหน้าแก้ไขในทุกมิติ ทุกฝ่ายทั้งเกษตรกรชาวสวนยางต้องช่วยกัน ลดอุปสงค์อุปทาน รักษาระดับปริมาณยางทั้งในประเทศและการค้าขายกับต่างประเทศให้ได้ กำหนดราคาให้ได้ ต้องไปสู่โซนนิ่งในอนาคต ที่มีการพูดว่าจะมีการจ้างให้เลิกปลูกยาง ตนไม่เคยพูดอย่างนั้น เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด เพียงแต่ใครอยากจะเปลี่ยนเป็น อาชีพอื่น รัฐบาลก็จะหาทางสนับสนุนให้ ใครจะนำเงินไปจ้างใครให้เลิกทำอาชีพ เป็นไปไม่ได้ อย่างมากมาเยียวยาหรือสนับสนุนให้ไปทำใหม่ ทำอย่างอื่นแทน แต่ขึ้นอยู่กับท่าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาราคาข้าวนั้น รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวนาในจังหวัดต่างๆ ซึ่งรัฐบาลจริงใจต้องการผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าว่าราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% จะต้องมีราคาให้ใกล้เคียงตันละ 8,500 บาท และจะระบายข้าวในสต๊อก เน้นการส่งออกไปต่างประเทศ และขอให้ชาวนามั่นใจว่ารัฐบาลจะมีการวางแผนการระบายข้าว ไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวที่ควรจะเป็น
เตือนนักวิชาการอย่าอ้างแต่ปชต.
นายกฯ กล่าวว่า จะสอนเรื่องการเมืองต่างๆ ก็อย่าให้เกิดความวุ่นวาย คัดค้าน เลือกข้าง โต้แย้งกับรัฐบาลในทำนองนี้ เรากำลังปฏิรูปประเทศเพื่อไม่ให้มีทุจริต โกงกิน เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ทั่วถึงและเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่เลือกตั้งอย่างเดียวแล้วได้นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาบริหารประเทศ อย่างนี้ไม่ใช่ เราถึงต้องทำวันนี้
"สำหรับอาจารย์หลายสิบคน ผมคิดว่าน่าจะเข้าใจที่พูด ถ้าไม่มีอคติเป็นอย่างอื่น มาอ้างเรื่องความเป็นประชาธิปไตยบ้าง ต้องการสอนการเมืองบ้าง บอกว่าไม่สอนบ้านเมืองแล้วคนจะเรียนการเมืองอย่างไร ก็มีวิธีสอนตั้งหลายหมื่นหลายแสนวิธี ที่จะเข้าใจเรื่องการเมืองที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ทำไมไม่สอนว่าการเมือง นักการเมือง ต้องทำตัวอย่างไร ประชาชนต้องเลือกอย่างไร การเป็นประชานิยมที่สร้างปัญหาเป็นอย่างไร ได้สอนอย่างนั้นบ้างหรือไม่ ผมไม่เคยเห็นออกมาพูดเรื่องเหล่านี้ พูดแต่ว่าจะต้องเลือกตั้ง ต้องเป็นประชาธิปไตย แล้วความขัดแย้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มาแก้ปัญหาให้เราให้คนทั้งประเทศ ฉะนั้น หยุดสักที ไปหาวิธีสอนอย่างอื่น ไปสอนลูกศิษย์มาอีกวิธีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าสถาบันนี้ต้องสอนเรื่องการเมือง ต้องเด่นดังการเมืองอย่างเดียว ไม่ใช่ ผมว่าสอนอย่างไรให้คนประกอบอาชีพได้ สอนให้เป็นคนดี ให้มีงานทำ ไปหาวิธีการอย่างโน้น ถ้าสอนให้เป็นการเมืองอย่างเดียวแล้วตีกัน ผมว่าเหนื่อยเปล่า ไม่รู้จะสอนไปทำไม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โวยสื่อขยายคำพูดเป็นเจตนาร้าย
นายกฯ กล่าวว่า สื่อต้องระวังการขยายความขัดแย้ง ขยายคำพูดที่ตนไม่มีเจตนาร้ายไปสู่เจตนาร้าย และบางครั้งสื่อต่างประเทศก็นำคำพูดของสื่อไทยไปเขียนว่าคนไทยเขียนว่าคนไทย เหมือนเราชี้โพรงให้กระรอก ถ้าผิดจริง ถ้าไม่ดีจริง ตนไม่ได้ปิดกั้น แต่ถ้าไม่ใช่แล้วสื่อพูด มันเสียหาย เสียหายกับองค์กร ประเทศชาติ ความเชื่อมั่นเขาก็ลดลง ทั้งที่สื่อก็ไม่ได้เจตนา ซึ่งตนรู้ว่าเป็นห่วงประเทศชาติเหมือนกัน สื่อเตือนตนก็รับฟัง แต่พอตนเตือนบ้างก็ไม่ฟัง อย่างนี้ไม่ใช่ ต้องช่วยกัน ซึ่งตนโกรธสื่อไม่ได้ สื่อก็โกรธตนไม่ได้เหมือนกัน วันนี้เราเข้ามาด้วยวิถีทางของเราแบบนี้ สื่อจะจี้ตรงนี้ตรงโน้นอยู่ตลอดเวลา แล้วมันได้อะไรขึ้นมา มีอะไรดีขึ้นมาหรือไม่
"ขอร้องอีกครั้งให้เสนอข่าวตรงตามข้อเท็จจริง อะไรที่เสียหายกับประเทศก็เพลาๆ บ้าง หยุด เสนอเสร็จแล้วก็จบ เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องสอบสวนสืบสวน พอสืบสวนสอบสวนก็ไปว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดี ทุจริต ทำไม่เรียบร้อย ไม่มีฝีมือ พูดอย่างนี้ มันขยายความขัดแย้ง ต่างชาติเขาบอกในประเทศยังไม่รับกันเลยแล้วต่างประเทศจะรับทำไม ฉะนั้นต่างประเทศอย่ามาเที่ยวประเทศไทย แล้วมาโทษผมว่ารัฐบาลทำให้การท่องเที่ยวลดลง ต้องร่วมมือกันทั้งสองส่วน ผมพยายามทำสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ ซึ่งเขาให้เกียรติอยู่ทุกประเทศ ตอนนี้กลายเป็นเราไม่ให้เกียรติกันเอง ผมว่าไม่ใช่ เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ดีอยู่แล้ว ผมชมเชย มีส่วนน้อยบางสื่อบางสำนัก เรารู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร สนับสนุนฝ่ายใดอยู่ ผมว่าวันนี้เราอย่ามีฝ่ายเลยได้หรือไม่ วันนี้เอาประเทศไทย เอาคนไทย ที่มีรายได้น้อยไม่ดีกว่าหรือ เราจะได้แก้ปัญหาให้ได้" นายกฯ กล่าว
รัฐบาลนี้จะไปต่างประเทศให้น้อย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเดินทางเยือนต่างประเทศว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ ตนต้องใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม พิจารณาข้อมูลจากกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องว่าไปเยือนใครก่อน-หลัง มีผลดีผลเสียอย่างไร เกิดประโยชน์กับประเทศอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าเราไปแล้วคนไทยจะได้อะไรขึ้นมา เราอาจมีเวลาไปเดินสายเยี่ยมเยียนทุกประเทศบ่อยๆ คงเป็นไปไม่ได้มากนัก ซึ่งไม่ได้เป็นห่วงเพราะอย่างอื่น การไปก็ดีแต่ถ้าไปเวลาก็น้อยลง ขออยู่ในประเทศให้มาก เยี่ยมเยียนคนในทุกจังหวัด ให้ได้ ทุกภาคให้ได้ก่อน ฉะนั้นไปต้องได้ประโยชน์ แล้วต้องคุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายประเทศส่งคำเชิญให้ไปเยือน ซึ่งคิดว่าประเทศต่างๆ เข้าใจเรามากขึ้นกว่าเดิมมาก ฉะนั้นตนและครม.ชุดนี้จะไปเยือนต่างประเทศให้น้อยที่สุด ไปตามความจำเป็น เราจะใช้จ่ายงบประมาณให้น้อยที่สุด ไม่สิ้นเปลือง ให้ได้ประโยชน์ ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ไป จะทำอย่างไรค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
"การกระทบกระทั่งผมว่า อยากให้ลดลง ต่างฝ่ายต่างลดกัน ผมก็ยอม จะให้ลดอะไรลง ผมก็ลดลง อะไรที่ยังลดไม่ได้ก็ไม่ได้ คงเข้าใจ ผมอยากได้แรงใจจากคนทั้งประเทศ ในการนำประเทศชาติให้มีความสุขอย่างถาวร เหมือนอดีตที่ผ่านมานานแล้ว เคยมีความสุขกันมากๆ ฉะนั้นต่อไปต้องมีความสุขมากๆ กว่าอดีต ประวัติศาสตร์คือปัจจุบันและอนาคต ฉะนั้นประวัติศาสตร์อะไรที่ไม่ดีอย่าให้เกิดขึ้นอีก นำสิ่งที่ดีๆ มา แล้วทำให้ดีขึ้นไปอีก จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ดีวันนี้ต่อไปวันข้างหน้า" นายกฯ กล่าว
คสช.ประชุมคัดเลือก 250 สปช.
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่บ้านพักรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานประชุมคสช.ชุดใหญ่ครั้งแรก หลังจากมีคำสั่งแต่งตั้งปรับโครงสร้างคณะทำงานใหม่เป็น 15 คน มีวาระเพื่อพิจารณาคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 250 คน ทั้งนี้ มีรองหัวหน้าคสช. ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการและผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว. คมนาคมและผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสง สิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)
พร้อมทั้งสมาชิกคสช. ได้แก่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผบ.สส. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รวมถึงพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะรองหัวหน้าคสช. เนื่องจากติดภารกิจไปประชุมที่สหรัฐ ท่ามกลางมาตรการระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยจัดพื้นที่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพได้บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านพักรับรองเกษะโกมลเท่านั้น เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ก็ปิดประตูทางเข้าออกด้านหน้าทันที
เผยได้ครบ-เยียวยาคนที่หลุดไป
เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุมคสช.คณะใหญ่ครั้งที่ 1 ว่า เป็นการประชุมเพื่อหามติรับรองรายชื่อ สปช. ที่ได้รับการคัดสรรมาครั้งที่ 1 มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจากคณะกรรมการสรรหา 11 ด้าน 550 คน และกลุ่มที่ 2 มี 385 คนจากระดับจังหวัด ซึ่งทั้งสองกลุ่มคัดสรรมาอย่างดี ทำงานหลายขั้นตอน เมื่อทั้ง 2 ส่วนถึงตนก็ดูอย่างละเอียด ดูด้วยตัวเอง และทำการบ้านกับคสช.มาแล้ว และวันนี้นำรายชื่อทั้งหมดมาให้คณะกรรมการคสช.ดู ถ้าเห็นชอบร่วมกันก็ถือว่าอนุมัติในหลักการทั้ง 250 คน แต่ตนก็กังวลว่าที่หลุดไปจาก 250 คนจะทำอย่างไร กำลังหาช่องทางอยู่ โดยจะให้กระทรวงกลาโหม ที่มีคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ของ คสช.ตั้งต่อไป เป็นสำนักงานที่ปรึกษา มาจัดกลุ่มดูว่าจะช่วยกันได้อย่างไร
ยอมรับมีทหาร-ขรก.เก่ารวมอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราได้รายชื่อมาครบแล้ว 250 คน ขอเป็นความลับก่อน เพราะต้องตรวจสอบคุณสมบัติ ความถูกต้องอีกครั้งโดยสำนักงานเลขาธิการครม. ก่อนทูลเกล้าทูลกระหม่อม เมื่อทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมมาแล้วจะทำงานในสภาปฏิรูป เข้าไปทำหน้าที่ในสภาเลือกประธาน รองประธาน จากนั้นจะจัดกลุ่มใหม่อีกครั้ง เพราะที่เราคัดมาแล้ว มีบางกลุ่มมาก บางกลุ่มน้อย แต่เมื่อดูแล้วทั้งหมดมีความเหมาะสมจะเข้ามาในสภาปฏิรูป ฉะนั้นค่อยไปปรับใหม่ทั้งหมดเป็น 11 กลุ่มเหมือนเดิม
นายกฯ กล่าวว่า การสรรหาสปช. เป็นเรื่องของคสช.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ขั้นตอนต่อไปเป็นในเรื่องธุรการให้เลขาธิการครม.ดำเนินการให้ทันวันที่ 2 ต.ค.นี้ ส่วนทั้ง 250 คนนั้น มีทั้งตัวแทนนักวิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ขอให้มองในแง่ดี เข้ามาเพื่อให้บ้านเมืองไปได้
เมื่อถามว่า 250 คนเป็นคนที่เคยช่วยงานคสช.มาก่อนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้รู้จักหมดทุกคน บางคนเป็นทหารเก่า ข้าราชการเก่า ผู้แทนกลุ่มต่างๆ นักวิชาการมาก ตนไม่รู้จักหมด รู้จักแค่ 10 เปอร์เซ็นต์แต่ไม่ได้รู้จักส่วนตัว เพราะไม่ได้ห้ามใคร ถ้าเขาไม่ผ่าน 550 หรือ 385 คน จะมาว่าคสช.ไม่ได้ เพราะไม่ได้ผ่านคณะกรรมการคัดสรรหรือคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมา
เผยกำลังพิจารณาเลิกอัยการศึก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประชุมร่วม ครม.กับคสช.ว่า จะมีขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.เพื่อทำความเข้าใจการทำงาน โดยหารือว่าที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน จะสานต่อนโยบายคสช. กับการทำงานของครม. มีอะไรที่ยังขัดแย้งหรือมีปัญหาอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะการติดต่อประสานงาน ไม่ใช่การทะเลาะกัน ยืนยันว่าจะยังไม่นำประเด็นการประกาศยกเลิกใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาหารือ แต่หากจะยกเลิกต้องหารือร่วมกันอย่างแน่นอน และต้องผ่านความเห็นชอบจากครม. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมต่อไป
"ตอนนี้พิจารณาอยู่ในสมองของผม การประชุมร่วมครม.และคสช.กำหนดไว้เดือนละ 1 ครั้ง ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือวาระสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนด้วยกัน ผมต้องการให้รัฐบาลทำงานอิสระ คสช.มีทำหน้าที่แค่ติดตาม แต่คสช.ต้องรู้ข้อมูลด้วย เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ส่วนกำลังทหารยังอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด ไม่ได้ไปกดดันใคร แต่ไปเพื่อสืบทราบปัญหานำข้อมูลมารายงานกับรัฐบาลด้วย ขอให้ทุกคนมองด้วยเจตนาที่ดีต่อกัน ผมไม่จำเป็นต้องไปล็อกใครเข้ามา อย่างไรก็ตามไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าจะยกเลิกพื้นที่ใดก่อน เพราะขณะนี้กำลังพิจารณา" นายกฯ กล่าว
'สุรชัย'โยนถอดถอนปธ.สนช.
ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญกิจการ สนช.ว่า จะยื่นญัตติตั้ง กมธ.สรรหาเพื่อจัดสรรสมาชิกไปลง กมธ.สามัญทั้ง 16 คณะ ซึ่งตกลงกันว่ามีทั้งหมด 12 คน ถ้าที่ประชุม สนช.เห็นชอบรายชื่อทั้งหมดก็จะแจกแบบฟอร์มให้สมาชิก เพื่อแจ้งความจำนงว่าจะอยู่ กมธ.คณะใด ตามข้อบังคับสมาชิก 1 คนลงชื่อได้ 2 คณะ โดยจะจัดตามความต้องการเป็นลำดับที่ 1 ก่อน ถ้าคณะไหนเกินจำนวนจะจับสลาก ขั้นตอนดังกล่าวเราให้เวลา 15 วัน คาดว่าในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค.จะเสร็จ จากนั้นจะเลือกประธาน กมธ.แต่ละคณะและได้วิป สนช.ชุดถาวร 25 คน
เมื่อถามว่าถ้ายังไม่มีวิป สนช.กระบวนการถอดถอนจะยังไม่เริ่มขึ้นใช่หรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน คนละเรื่อง ระหว่างที่รอวิป สนช.ถาวรนั้น วิป สนช.ชั่วคราวยังทำงานอยู่ เรื่องถอดถอนขึ้นอยู่กับประธาน สนช. ซึ่งยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ถ้าส่งเรื่องนี้เข้ามาวิปต้องพิจารณาอยู่แล้ว เมื่อได้วิป สนช.ถาวรแล้วจะตั้งวิปประสานงานเพื่อประสานการทำงานระหว่าง สนช.กับรัฐบาล โดยสัดส่วนของ สนช.จะมี 17 คน
ส่งเรื่องฝ่ายกฎหมายสนช.พิจารณา
ต่อข้อถามว่า หากส่งรายชื่อถอดถอนแล้วพบว่ามีสมาชิก สนช.ถูกถอดถอนด้วยจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายสุรชัยกล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณา ถ้ามีสมาชิก สนช.ถูกถอดถอนเบื้องต้นต้องพิจารณาก่อนว่า สนช.มีอำนาจพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ ส่วนที่เกี่ยว ข้องกับข้อกฎหมายเรื่องการถอดถอนนั้นในวิป สนช.มีนักกฎหมายหลายคน ซึ่งข้อกฎหมายที่ยังไม่มีข้อยุติจะต้องส่งให้หน่วยงานภายในพิจารณา เช่น สำนักกฎหมายของสนช. และไม่อยากให้คิดไปไกล เพราะการที่ สนช.ผ่านข้อบังคับการประชุมที่มีเรื่องถอด ถอนนั้นเป็นการสร้างกลไกทำงานขึ้นมา
เมื่อเวลา 10.10 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนาย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธานการประชุม และแจ้งที่ประชุมว่าข้อบังคับการประชุม สนช.มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันเดียวกันนี้เป็นต้นไป พร้อมกำชับสมาชิกให้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัดด้วย
จากนั้นที่ประชุม สนช.เห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อสรรหาสมาชิก สนช.ดำรงตำแหน่งใน กมธ.สามัญประจำสนช. 16 คณะ ตามข้อบังคับข้อที่ 85 ใช้เวลาสรรหา 15 วัน โดยให้สมาชิกแจ้งความจำนงต่อ กมธ.สรรหาว่าต้องการอยู่ใน กมธ.ชุดไหน และสมาชิกแต่ละคนจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 คณะ
'วิชา'ชี้ช่องถอดถอนตามกม.ปปช.
ที่ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาดซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสนช.เห็นชอบข้อบังคับการประชุมในการพิจารณาคดีเรื่องถอดถอนว่า อย่างที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. อธิบายให้ฟังแล้วว่ามีการเปิดช่องให้ป.ป.ช.ส่งเรื่องถอดถอน ซึ่งถ้าไม่มีระเบียบตัวนี้คงไม่สามารถหาช่องสอดคล้องกันได้ แต่จะเข้าไปได้หรือไม่อย่างไรต้องดูในรายละเอียด เช่น ถอดถอนด้วยเหตุอะไร ถ้าถอดถอนตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ได้ แต่ถ้าถอดถอนในเรื่องที่ผิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนั้นไม่มี เราก็เข้าใจดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า 4 คดีถอดถอนที่ป.ป.ช.ส่งไปและค้างอยู่จะยังดำเนินการไม่ได้ เพราะผิดตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ใช่หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็จริงแต่ต้องดูว่ามีส่วนไหนมาบัญญัติไว้ในพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. คงไม่ต้องส่งเรื่องย้อนมาเพราะ สนช.ดูได้เลย เรามีข้อกล่าวหาไว้หมดแล้ว เข้ากฎหมายอะไรบ้าง มีรายละเอียดหมด โดยสำนักเลขาธิการ สนช.ต้องดูแต่แรกว่าจะจัดระเบียบ วาระเข้าสู่การถอดถอนได้หรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของประธาน สนช.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ป.ป.ช.ยังมีคดีค้างอยู่กี่คดีที่ยังไม่ได้ส่งไป นายวิชากล่าวว่า มีรออยู่หลายคดี เพราะบางคดีก็จบแล้ว แต่พอมีการยึดอำนาจเราก็รออยู่ ที่ส่งไปแล้ว 2-3 คดี แต่ส่วนที่ยังไม่ได้ส่งเราเสร็จแล้วก็ต้องรอ ยังไม่ดำเนินการต่อ ซึ่งจะนำมาพิจารณาเพื่อจัดเข้าระเบียบ วาระได้ ซึ่งในสัปดาห์หน้าถ้าได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจาก สนช.ว่ามีระเบียบอย่างนี้ป.ป.ช.ต้องดูว่าคดีไหนสรุปส่งไปได้บ้าง
เลขาฯรับลูกส่งเรื่องถอดถอน'ปู'
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าป.ป.ช.จะส่งเรื่องการถอดถอนอดีตส.ว. กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ และคดีการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีโครง การรับจำนำข้าว ให้สนช. เพื่อพิจารณาตามกระบวนการถอดถอนต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการของป.ป.ช.เป็น กระบวนการพิจารณาตามปกติ แม้รัฐธรรม นูญ พ.ศ.2550 จะไม่มีผลแล้วก็ตาม แต่พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ จึงต้องส่งเรื่องการถอดถอนให้สนช. ซึ่งเป็นหน้าที่ของ สนช.พิจารณาแต่ละคดีที่ป.ป.ช.ส่งมาจะถอดถอนได้หรือไม่ คดีที่ป.ป.ช.ที่ส่งมาก่อนหน้านี้แล้ว ได้แก่ การถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ ซึ่ง สนช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้เลย โดยป.ป.ช.ไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องไป ให้อีก
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ป.ป.ช.เตรียมพิจารณาคดีถอดถอนที่ยังค้างอยู่ในป.ป.ช.อีก 1 เรื่องได้แก่ กรณีถอดถอนอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลที่แก้ไขรัฐธรรมนูญปี "50 เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ หลังจากหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ สนช.ในการถอดถอน แต่ยังไม่ได้วางกรอบว่าจะวินิจฉัยคดีได้เมื่อใด เพราะยังต้องไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมในบางส่วน
มท.จ่อย้ายอีกระลอก 60 เก้าอี้
เวลา 11.00 น. ที่การประปานครหลวง ถ.ประชาชื่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการคัดสรรรายชื่อบุคคลเป็นสปช.ว่า เมื่อได้รายชื่อสปช.ทั้ง 250 คนแล้วเชื่อว่าจะตอบโจทย์ของสังคมได้ ซึ่งคนที่ถูกคัดสรรต้องผ่านการพิจารณาในหลายประเด็น ยืนยันว่าเราเอาคนดี มีความสามารถมาช่วยทำงานในแต่ละเรื่อง และไม่มีการล็อกสเป๊ก
เมื่อถามถึงนโยบายเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อนคู่ขนานกับคสช. พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เราทำตามนโยบายที่คสช.และรัฐบาลกำหนด เราทำตามกรอบ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือทำให้เร็ว ตนได้พูดคุยกับรมช.มหาดไทยและปลัดกระทรวงมหาดไทย ว่าช่วงนี้การทำงานอาจจะยุ่งยาก เพราะใกล้เกษียณอายุราชการ ซึ่งหลังจากโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงระนาบเดียวกันแล้ว การแต่งตั้งโยกย้ายรอบต่อไปอีก 60 คน คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานหลังวันที่ 1 ต.ค.ไปอีกนิดหน่อย โดยหลังเดือน ต.ค. กระทรวงจะขับเคลื่อนงานได้เต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานตามบทบาทหน้าที่ ตนจะสนับ สนุนเต็มที่ภายใต้ความโปร่งใส ตอบสนองวัตถุประสงค์ของชาติ รวมทั้งแนวทางปรัชญาพระราชทาน
ปชป.โวยอัยการอุทธรณ์คดี 99 ศพ
วันเดียวกัน นายถาวร เสนเนียม อดีต แกนนำ กปปส. กล่าวถึงการทำคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี 53 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าการสอบคดีของดีเอสไอในยุคที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดี ได้แบ่งสำนวนเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มคดีก่อการร้าย 2.กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ออกมาปฏิบัติตามคำสั่ง 3.กลุ่มคดีที่ประชาชนถึงแก่ความตาย และ 4.กลุ่ม เจ้าหน้าที่ตาย พบว่าสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แยกสั่งฟ้องคดีก่อการร้ายสำหรับ ผู้ต้องหาบางคน แต่กลับไม่ฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อีกทั้งการแยกสำนวนออกเป็นส่วนๆ นั้นส่อเจตนาว่าทำเพื่อช่วยเหลือใครหรือไม่ รวมถึงการไต่สวนชันสูตรศพที่ไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ทำให้ตำรวจและทหาร ไม่มีโอกาสนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยต่อศาลอีกด้วย
นายถาวร กล่าวว่า กระบวนการทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด เป็นคนในระบอบทักษิณมาตั้งแต่ต้น ฉะนั้นตนจึงไม่อยากเห็นนายตระกูล วินิจนัยภาค อสส.คนปัจจุบัน ตกเป็นเหยื่อช่วยเหลือคนในระบอบทักษิณ นายตระกูลต้องทบทวนการดำเนินคดีที่แบ่งเป็น 4 กลุ่ม อย่ารับลูกจากสำนวนคดีเดิมของดีเอสไอยุคนายธาริต มาเล่นต่อ และต้องรวมคดีเป็นหนึ่งเดียว เพราะข้อเท็จจริงเกี่ยวโยงกันทั้งหมดสามารถให้ความเป็นธรรมตามความเป็นจริงได้ รวมถึงคดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เพราะแผนนี้เมื่อขจัดนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพได้สำเร็จ จะจัดการแม่ทัพและนายกองที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งมาเป็นจำเลย จึงขอให้คสช. เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นจะตกอยู่ในฐานะเดียวกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ
'หม่อมอุ๋ย'ถกรมต.เศรษฐกิจ
เวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ เรียกประชุมด่วนรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 7 กระทรวง ได้แก่ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว. อุตสาหกรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ นายพรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และนาย สมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ หารือเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมเสนอให้ครม.พิจารณา
พล.อ.อ.ประจิน เปิดเผยว่า รองนายกฯได้เรียกทุกหน่วยงานมาตรวจสอบโครงการต่างๆ ในความดูแล ซึ่งจะเสนอครม.เห็นชอบเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ ที่ค้างอยู่ในปีงบประมาณ 2557 รวมถึงงบประมาณปี 2558 ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีโครงการหลักคือ การซ่อมแซมเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ยังค้างอยู่ ล่าสุดสั่งให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท จัดลำดับความสำคัญก่อนเสนอมาให้พิจารณาในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ส่วนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ยังไม่มีการหารือรายละเอียด เพราะในวันที่ 27 ก.ย.นี้ กระทรวงจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อพิจารณาโครงการทั้งหมดอีกครั้ง
ด้านนายจักรมณฑ์กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม มี 1 มาตรการที่สำคัญ คือ เรื่องการออกใบอนุญาตให้สัมปทานเอกชนขุดและสำรวจแร่
ส่วนนายณรงค์ชัยกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีจำนวนมาก ต้องรอให้ผ่านครม.ก่อน ซึ่งจะแถลงมาตรการ ดังกล่าวในวันที่ 1 ต.ค.นี้ อีกครั้ง
'วิทวัส'ผู้ตรวจการแผ่นดินคนใหม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีนายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในการประชุมสรรหาผู้ตรวจการแผ่นดิน แทนนายพรเพชร วิชิตชลชัย ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน 21 คน ซึ่งที่ประชุมมีมติเลือก พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ด้วยคะแนนเสียง 4 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 6 คน ซึ่งขั้นตอนจากนี้คณะกรรมการสรรหาจะนำรายชื่อพล.อ.วิทวัส เสนอต่อประธานสนช.เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมสนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 21:16 น. ข่าวสดออนไลน์
คำต่อคำ นายกฯบิ๊กตู่รายการคืนสุข-การันตีข้าวตันละ 8.5 พันบาท
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 26 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรักทุกท่าน พบกันอีกครั้งนะครับ สำหรับในห้วงนี้ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-2 ต.ค. เป็นห้วงเทศกาลที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจำนวนมากถือศีลกินเจ ด้วยการละเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ ละเว้นการเบียดเบียนชีวิต และมุ่งมั่นทำจิตใจให้ผ่องใส ผมขอส่งแรงใจให้ทุกท่าน ปฏิบัติได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกประการทุกคน และขอให้กุศลผลบุญแห่งการทำความดีได้ปกปักรักษาให้ทุกท่านและครอบครัว ให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป
สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลก็ยังคงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ทั้งที่เป็นปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า และความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องแก้ไขให้บรรลุผลโดยเร็ว และต้องการจะวางการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้เป็นรากฐานในการดำเนินการต่อไปในระยะหรืออนาคต ปัญหานั้นมีอยู่มากบางเรื่องแก้ได้ทันที บางเรื่องต้องอาศัยเวลา บางเรื่องรัฐบาลสามารถดำเนินการได้โดยลำพัง และบางเรื่องต้องการความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน ขอให้พ่อแม่พี่น้องได้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด พวกเรายังคงยืนยันเรื่องผลประโยชน์เราไม่ต้องการสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่มีวาระส่วนตัวหรือซ่อนเร้น มีแต่ความจริงใจ และตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ทั้งนี้การแก้ปัญหานั้น ๆ จะต้องเป็นไปตามหลักการความมีเหตุมีผล ไม่แก้ปัญหาชนิดที่เรียกว่าแก้ที่ปลายเหตุ ไม่ยั่งยืน นำมาซึ่งปัญหาอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง
เรื่องที่อยู่ในความสนใจ ประเด็นเรื่องกฎหมายภาษีมรดกที่อยู่ในความสนใจของสังคม มีการสร้างข่าวลือต่างๆ ทั้งในโซเชียลมีเดียและจากปากต่อปาก ว่ารัฐบาลจะเก็บภาษีมรดกในอัตราร้อยละ 40 และให้มีการเก็บย้อนหลังจากวันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ 5 ปีนั้น ผมขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการหารือในที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า กฎหมายภาษีมรดกเป็นเครื่องมือที่จะสร้างความเท่าเทียมและความเป็นธรรมในสังคม เป็นหลักสากลที่หลายๆ ประเทศก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยรัฐสามารถจะนำเงินภาษีดังกล่าว มาใช้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งสำหรับประเทศของเรานั้นคงไม่มากมายนัก เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นเราจะได้นำมาดูแลยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนอื่นๆ ด้วย
รายละเอียดของเนื้อหาของกฎหมายขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เบื้องต้นร่างกฎหมายที่จะนำเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อจะพิจารณาออกมาเป็นกฎหมาย ขั้นต้นก็พิจารณากันว่าจะเรียกเก็บภาษีสำหรับมรดกทรัพย์สินที่มีมูลค่ารวมเกินกว่า 50 ล้านบาท โดยจัดเก็บเฉพาะส่วนเกินจาก 50 ล้านบาท ในอัตราคงที่ร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดข้อยกเว้นต่าง ๆ มากมาย มีมาตรการสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินจำนวนน้อย มรดกมีทั้งผู้ให้หรือผู้รับอย่างไร มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย อย่าเพิ่งมาวิพากษ์วิจารณ์กันเวลานี้เลย ผมคิดว่าในส่วนนี้คณะกรรมธิการก็ดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาเพิ่มเติม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีรายได้น้อย ผู้ที่มีที่ดินหรือทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นจำนวนไม่มากนัก อันนี้คงไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว
ในเรื่องของการดูแลควบคุมราคาสินค้าและค่าใช้จ่ายของประชาชน วันนี้ผมทราบดีมีความเดือดร้อน ปัญหาสินค้าราคาแพง ผมเคยขอร้องกันไปแล้วในส่วนของพ่อค้าคนกลาง ในส่วนของรายใหญ่ จะต้องช่วยกัน พยายามรักษาระดับราคาของสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับคนมีรายได้น้อย อย่าเพิ่งไปเอากำไรมากมาย ในขณะนี้เลยเพราะทุกคนเดือดร้อนกันไปหมดในขณะนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตาม ถ้าเราคิดว่าเราลดกำไรเราลงสักเล็กน้อยให้ขายปริมาณสินค้าได้มากขึ้น เงินที่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยก็จะได้ออกมาจับจ่ายใช้สอยได้ และทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ขอความร่วมมืออีกครั้ง
เพราะฉะนั้นรัฐบาล ก็พยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะกำกับดูแลราคาสินค้า ให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม และเน้นในเรื่องของค่าโดยสาร ค่าขนส่ง ที่มีผู้ประกอบการขอให้ปรับขึ้นราคานั้น ได้สั่งการให้ไปดูในรายละเอียดให้กระทรวงคมนาคมไปดูแลอย่างเร่งด่วน ว่าจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมอย่างไรบ้าง ในต้นทุนที่ดำเนินการทั้งหมด กำไรต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของในประเทศด้วย ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเขาเดือดร้อนอย่างไร ต้องมาช่วยกัน และหารือกัน หาหนทางปฏิบัติที่เหมาะสม ก็ไม่มีใคร อย่างที่เคยเรียนไปแล้ว ไม่มีใครได้ทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด เห็นใจคนจนหน่อย และพยายามจะให้ความเป็นธรรม ราคาต้องอยู่ในระดับที่รับได้ทั้งผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการ
สำหรับ สินค้าอุปโภคบริโภค อันนี้ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ และหลายๆ หน่วยงาน ก็มีหลายหน่วยงานที่จะต้องเข้าไปดูแล กรุงเทพมหานคร (กทม.) หรือเทศกิจ หรืออะไรต่างๆ ต้องไปดูทั้งหมด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องไปตรวจ ในพื้นที่การค้าขาย ในชุมชนต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดด้วย ระดับราคาสินค้าตั้งแต่ต้นทางเราพอทราบอยู่แล้ว พอกลางทางไปแล้วเพิ่มด้วยค่าขนส่ง เพิ่มด้วยการบริหารจัดการ ไปถึงปลายทางราคาก็สูงขึ้น มากเกินกว่าความจำเป็น อันคงต้องไปดูแลกันตั้งแต่เริ่มต้น วัตถุดิบเป็นอย่างไร ที่ต้องใช้ในการผลิตเป็นอย่างไร การดูแลราคาจำหน่ายของตัวแทนจำหน่ายและผู้ค้าส่ง ให้สอดคล้องกับราคาโรงงาน ไม่ให้มีการฉวยโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบ รวมไปถึงการดูแลราคาสินค้าปลีก ปลายทางให้มีความสอดคล้องกัน และจะใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดและรัดกุมด้วย เพื่อไม่ให้มีการกักตุนสินค้า และให้มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการเพื่อขยายระยะเวลาในการตรึงราคาสินค้าต่อไปอีก 2-3 เดือน หลังจากที่มาตรการตรึงราคาสินค้าที่ดำเนินการอยู่จะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดภาระค่าครองชีพ เช่น ศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน หรือ Farm Outlet เพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าและจำหน่ายสินค้าการเกษตรที่เป็นระบบ ซึ่งได้มีการเปิดตัวศูนย์ที่ 20 ไปแล้ว ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ เพื่อคืนความสุขทุกจานให้ประชาชนภายใต้สัญลักษณ์ "หนูณิชย์ พาชิม" ที่เน้นร้านค้าที่ถูก สะอาด ดี และอร่อย ซึ่งตั้งแต่เปิดตัวโครงการฯ ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ได้มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเกินกว่าเป้าหมาย 1,000 แห่งไปแล้ว ก็ยังต้องการอีกเพิ่มเติม และโครงการนี้จะทยอยลงสู่ทั่วทุกภูมิภาค ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ทุกร้านค้าทั้งของรัฐทั้งเอกชน โดยจะเริ่มที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนหน้า เชื่อว่าหากมีการเปิดตัวครบทั่วทุกภูมิภาคแล้ว จะมีร้านเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 5,000 ร้าน ซึ่งถ้านับกับสัดส่วนแล้วยังมีจำนวนน้อย ผมอยากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ไปช่วยกัน ทั้ง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งในส่วนของสมาคม พ่อค้า เอกชนอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ที่มีโครงการหรือมีร้านอาหารประเภทนี้ ขอให้ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในการซื้ออาหารปรุงสำเร็จได้ประมาณร้อยละ 10-35 ของค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารในแต่ละวัน เป็นกุศลกับท่านด้วย
สำหรับการลดภาระต้นทุนให้แก่พี่น้องชาวนานั้น รัฐบาลได้เริ่มดำเนินโครงการ “ลดต้นทุนการผลิตเพื่อความสุขของชาวนาไทย” ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับผู้ประกอบการปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการลดต้นทุนปัจจัยการผลิตสำหรับการปลูกข้าว โดยจะดำเนินการเป็นแพ็กเกจใหญ่ๆ ในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำนาทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อเป็นการดูแลเกษตรกรอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ก็เพื่อจะให้การปลูกข้าวของไทยได้พัฒนาได้อย่างยั่งยืน รัฐบาลก็กำลังพิจารณาดำเนินการจัดตั้งสถาบันพัฒนาการพาณิชย์ข้าวไทย เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาข้าวไทยอย่างบูรณาการด้วย ในเรื่องของข้าวผมถือว่าเกษตรกรชาวนาเป็นบุคลากร หรือเป็นประชาชนที่น่าเป็นห่วง และเป็นหลักให้กับประเทศไทย เพราะเราเป็นประเทศที่มีการผลิตข้าว และกว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเมล็ดผมว่าใช้แรง ใช้ความตั้งใจ ใช้ความเอาใจใส่มหาศาล กว่าจะได้ข้าวมาให้เรารับประทานกัน ผมถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณค่ากับประเทศไทย เราจะดูแลให้ดีที่สุดสำหรับชาวนา และวันนี้ท่านก็ยังมีรายได้ที่น้อยมากอยู่ เราต้องแก้ไขทั้งระบบชาวนา ต่อไปก็เป็นเรื่องของชาวสวน ชาวไร่ต่าง ๆ อีก ซึ่งมีปัญหามากพอสมควรในขณะนี้ ก็จะเร่งดำเนินการทั้งมาตรการเร่งด่วน และมาตรการที่เป็นระยะยาวด้วย
ในเรื่องของการทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวะ ผมก็ไม่ได้ไปว่าทุกโรงเรียนทุกคน เพราะว่าที่ดีเขาก็มีมาก มากเกินกว่า 90% ขึ้นไป มีอยู่ไม่กี่ที่ กี่แห่ง กี่คน ผมไม่ได้ไปตำหนิสถานศึกษา ผมตำหนิตัวบุคคล ผู้เข้ารับการศึกษา และผู้ที่ให้การอบรม ทำอย่างไรที่จะทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นคนที่ดีต่อสังคมได้ ทำประโยชน์ไม่ไปตีรันฟันแทงกัน เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมได้มีการกำหนดมาตรการลงไป หรือพูดเป็นการป้องปรามไปแล้ว ก็ได้มีสถานศึกษาเอกชนได้มีมาตรการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวหลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น ถ้าหากว่ามีการก่อเหตุจะถูกปิดการเรียนการสอนทันที 3-7 วัน ก็เดือดร้อนอยู่ดี ยังไงก็เดือนร้อน เพราะฉะนั้นคนส่วนน้อยอย่าไปทำให้คนส่วนใหญ่เขาเดือดร้อน ระหว่างการสอบสวน หากสถาบันฯ ไม่สามารถทำแผนป้องกันเหตุให้ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดอีก
ขณะเดียวกัน ถ้าสถาบันฯใดเป็นฝ่ายก่อเหตุครบ 3 ครั้งต่อปี อาจจะต้องงดรับนักศึกษาในปีการศึกษาถัดไป แต่อย่างไรก็ตามผมคิดว่าอันนี้เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ ต้องสร้างค่านิยมให้กับคนในชาติ ค่านิยมให้กับนิสิตนักศึกษาด้วย ว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ดีกว่าที่เราจะไปแก้ที่ปลายเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทั้งผู้ปกครอง เพื่อนฝูงที่มีการสูญเสียบาดเจ็บกันไปแล้วก็เกิดความโกรธแค้นชิงชังกันต่อไป และจะอยู่กันได้อย่างไรในอนาคต เพราะฉะนั้นแก้ปัญหาที่ยั่งยืนนั้น ผมว่าพ่อแม่ผู้ปกครองก็มีส่วน สังคม รวมทั้งสื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันตักเตือน ช่วยกันปรับเปลี่ยนทัศนคติและให้โอกาสนักเรียนกลุ่มดังกล่าวเหล่านั้น และนักเรียนสายอาชีวะเป็นแรงงาน ซึ่งผมคิดว่ามีคุณค่าและยังมีขีดความสามารถและมีทักษะสำคัญต่อการพัฒนาชาติ ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากผลการวิจัยพบว่ามีภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ยังคงประสบปัญหาจากการขาดแรงงานที่มีคุณภาพ โดยความต้องการแรงงานมากที่สุด ถ้าจำแนกออกมาตามรายภาค 5 อันดับแรก ได้แก่ เกี่ยวกับธุรกิจสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย และเครื่องหนัง ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และธุรกิจก่อสร้าง
ดังนั้น เราควรยกระดับให้การศึกษาสายอาชีวะเป็นการศึกษาที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ให้มีภาพลักษณ์ว่านักเรียนสายอาชีวะเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าของประเทศและเศรษฐกิจไทย ให้โอกาสนักเรียนอาชีวะในการทำประโยชน์ให้กับสังคม การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การนำความรู้ไปช่วยฝึกอบรมแก่แรงงานระดับล่าง เป็นต้น หรือจ้างงานอะไรต่าง ๆ ในแผนงานโครงการของรัฐให้เขาไปช่วยทำงานให้เกิดประโยชน์กับสังคม ก็ขอให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ช่วยกันขับเคลื่อนด้วย ในส่วนของมหาวิทยาลัยของราชภัฏ ต่าง ๆ อยากให้เน้นในเรื่องของการศึกษา ภาษาอังกฤษ ภาษาเพื่อนบ้าน หรือต่อยอดจากผู้ที่จบการศึกษาให้สามารถที่จะไปทำงานทางด้านที่เป็นฝ่ายบริหารได้ ผมเคยเรียนไปแล้วว่าทำอย่างไรเราจะเตรียมคนไปสู่ AEC ได้ เพราะฉะนั้นต้องสอนคนให้สามารถไปประกอบอาชีพได้เลย
ถ้าสอนไปเฉพาะภาควิชาการ จบปริญญามาแล้วทำงานไม่ได้เลย ก็ตกงาน กว่าจะเรียนรู้ใหม่อีกทีก็ใช้เวลามากพอสมควร ผมอยากทางสภาบันต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ช่วยกันอาชีวะด้วย ช่างกลต่าง ๆ เหล่านี้ เราขาดแรงงานประเภทนี้เป็นจำนวนมากตามโรงงานต่าง ๆ วันนี้เรามีการจัดตั้งสนับสนุนของ BOI ขึ้นมา ให้มีมาตรการเพิ่มเติมในเรื่องของการเปิดโรงงานที่มีการเพิ่มพูนเทคโนโลยี เปิดโรงงานเกี่ยวกับเรื่องพลังงานทดแทน เกี่ยวกับเรื่องการผลิตไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียนอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าเราไม่เตรียมคนที่จะไปทำงานในแหล่งเหล่านี้ ในโรงงานเหล่านี้ ก็ขาดแรงงาน เรามีแต่แรงงานที่ใช้กำลังทั้งหมด เป็นแรงงานที่ไม่มีความรู้ ทางการประกอบอาชีพมากมายนักในขณะนี้ เป็นจำนวนมาก ฉะนั้นเราต้องเพิ่มคุณวุฒิของแรงงานเหล่านี้ ให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพ เดี๋ยวสู้เขาไม่ได้ใน AEC ในอนาคต เพราะมีการเคลื่อนย้ายแรงงานกันได้อีกต่อไป จะพูดในตอนสุดท้ายด้วย
ในส่วนของการปลูกฝังระเบียบวินัยไม่แบ่งแยกสถาบันฯ สถาบันฯ มีไว้ให้ภูมิใจ มีไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ อะไรที่ดีก็ทำ อะไรที่ไม่ดีก็อย่าไปทำอีก ขณะเดียวกันครูก็ต้องสอดแทรกการปลูกฝังระเบียบวินัยที่เข้มแข็ง ให้มีศักยภาพในการที่จะทำงาน ด้วยทั้งกำลังทั้งสติปัญญาด้วย เฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตรอาชีวศึกษา ขอร้องน้อง ๆ ทุกคน หลาน ๆ ทุกคน ช่วยกันอย่าตีอะไรกันต่อไปอีกเลย เสียเวลา เสียโอกาสเปล่า ๆ
การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ขอชื่นชมหลายกระทรวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานว่า ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเรากำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ได้นำสัญญาคุณธรรมขององค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทยที่กำหนดให้ประชาชนและผู้มีความรู้ ผู้ทรงคุณวุฒิที่อยู่นอกระบบราชการเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบในกระบวนการจัดซื้อ จัดจ้าง หรือการลงทุนของภาครัฐ และได้นำสัญญาคุณธรรมนี้ มาใช้ในการจัดซื้อยาและเครื่องมือแพทย์ชุดใหญ่ที่มีราคาสูง ก็เป็นตัวอย่างขอชมเชยทุกกระทรวงก็ทำในลักษณะเดียวกันก็จะดี
การวางรากฐานในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ คสช. ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งรัฐบาล โดยการดำเนินงานของซุปเปอร์บอร์ด ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทย ได้รับการยืนยันจากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือ COST ที่ตกลงแล้วว่าจะทำความร่วมมือกับและรับไทยเป็นสมาชิก ที่จะนำกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสในโครงการก่อสร้าง ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ จัดทำทีโออาร์ จัดซื้อจัดจ้าง ตรวจรับงาน มาใช้ในการจัดซื้อ จัดจ้าง สำหรับโครงการขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจเพื่อให้แน่ใจว่ามีความโปร่งใส ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ทั้งนี้จะเริ่มนำมาตรวจสอบ หรือทดสอบใช้ในโครงการก่อสร้างของบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยระยะที่ 2 เป็นแห่งแรก ทั้งนี้ อย่ากังวลว่าจะทำให้เกิดความล่าช้า เพราะหากเราดำเนินโครงการไปแบบผิด ๆ แล้วต้องหยุดชะงักเพราะความไม่โปร่งใสก็ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนเป็นจำนวนมากเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องด้วยความถูกต้อง ไม่ต้องเกิดการสะดุด หรือล่าช้า หรือต้องล้มลงไปในที่สุดเหมือนที่ผ่านมา
การขับเคลื่อนงานด้านต่าง ๆ แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน ซึ่งอันนี้รัฐบาลตระหนักดีว่าวันนี้ ขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจมีความซบเซาต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทั้งภาวะการเมืองในประเทศ และผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก อีกทั้งเราก็รู้กันดีว่าในปีนี้เศรษฐกิจอาจจะไม่เติบโตเท่าที่ควร ได้มีการประมาณการ GDP ในปีนี้ อาจจะไม่ถึงระดับร้อยละ 2 ก็พยายามต้องพยายาม รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ทำอย่างไรพี่น้องประชาชนคนไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทั้งในประเทศ นอกประเทศ ให้น้อยที่สุด รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจเรื่องเหล่านี้ มีการประชุม มีการพูดคุย มีการหารือ มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ มากมาย แต่ทุกอย่างทำทันทีไม่ได้เว้นแต่เรื่องที่เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ง่าย ๆ ได้มีแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน ให้ทั่วถึงทุกภูมิภาคของประเทศ และเน้นการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคเสริมสร้างความเข้มแข็งในแต่ละชุมชน สร้างอาชีพและรายได้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ยกระดับการศึกษาในชุมชน
ขณะนี้รัฐบาลได้สั่งการเร่งด่วนให้แต่ละกระทรวงไปตรวจสอบว่า มีโครงการใดบ้างที่ยังไม่ได้ดำเนินการและจะต้องมีการปรับแผน หรือยังไม่ได้ทำสัญญาจ้างงาน เพื่อจะได้เร่งใช้งบลงทุนในปี 2557 ที่ยังมีเหลืออยู่กว่าแสนล้านบาทไปกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและจ้างงานได้ทันทีภายใน 3 เดือนนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 เดือนที่เหลืออยู่ และส่งเสริมให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย ก็ได้กำหนดไปแล้วว่าจะให้ทำอะไรบ้าง เพื่อจะเป็นการจ้างงาน เป็นการขับเคลื่อนและมีเม็ดเงินออกมาสู่พื้นที่
นอกนั้นแล้วรัฐบาลจะเร่งทำสัญญาจ้างงานกับโครงการขนาดเล็กต่าง ๆ ให้ได้ภายในสิ้นปีและก็จะนำงบลงทุนในปีงบประมาณ 2558 ระยะแรกก็เตรียมไว้ประมาณ 50,000 ล้านบาท มาใช้อีกเพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นและเป็นการสร้างรายได้อย่างทั่วถึง รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ท่านต้องไปติดตามรายละเอียดในส่วนของ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ทุกจังหวัดจะมีงบประมาณเหล่านี้ซึ่งจะยังคงประกาศให้ทราบต่อไป ว่าจะทำอะไรกันบ้าง ท่านก็ไปร่วมมือกัน ตรวจสอบ ร่วมมือกันในการทำให้งบประมาณนั้นมีประโยชน์และคุ้มค่า
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะเร่งตรวจสอบงบประมาณและวงเงินกู้ต่าง ๆ ที่กันไว้ อีกส่วนหนึ่งอีกที่ยังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท ก็จะนำมาลงทุนเช่นกัน ในโครงการสาธารณูปโภคที่อยู่ในความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการซ่อมแซมอาคารเรียน ระบบชลประทาน และสาธารณูปโภค ซ่อมถนนหนทาง สถานีอนามัย โรงเรียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงานในภูมิภาค รวมทั้งสนับสนุนการใช้จ่ายภายในท้องถิ่น อันจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง
แนวทางที่วางไว้นี้จะดูจากความต้องการของแต่ละท้องถิ่นด้วยอย่างแท้จริง ให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร พี่น้องแรงงาน และประชาชนในทุกภูมิภาค ขณะนี้กำลังเตรียมความพร้อมอยู่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด ได้ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) สำนักงบประมาณ เข้ามาร่วมกันดูแล ถ้าทุกคนทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และทุกภาคส่วนนั้นร่วมมือกัน เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีภายในสิ้นปีนี้และก็ไปขับเคลื่อนต่อในปีหน้าอีกต่อไป
การแก้ปัญหาราคายางพารา ก็มีคำพูด คำกล่าวกันมากมายหลายกลุ่มหลายสมาคมเกิดจากปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือ กนย. ไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ และก็มีผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ และภาคเอกชนเข้าร่วมหารือ หาแนวทางการแก้ไขปัญหายางพารา โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ ซึ่งก็มีข้อเสนอมามากมายจากสมาคม จากภาคเอกชนด้วยต้องฟังหลาย ๆ ทางซึ่งทั้งหมดนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รวบรวมเสนอมาถึงการบริหารจัดการคลังยางของรัฐบาลด้วย ซึ่งจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อกลไกการตลาดในปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอต่อที่ประชุมใน 4 แนวทางด้วยกันก็คือ เร่งรัดการใช้ยางภายในประเทศให้มากขึ้น โดยนำยางมาใช้ในการสร้างถนน ทำอิฐบล็อก ทำพื้น ฝาย ผลิตภัณฑ์แปรรูป ที่นอนอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า สถาบันวิจัยยางเพื่อไปเพิ่มมูลค่าการผลิตเรายังไม่สมบูรณ์
ผมก็เร่งรัดไปให้มีการเร่งรัดในเรื่องของการจัดตั้งสถาบันวิจัยยางเพื่อไปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศเราถ้าเราไม่มีตรงนี้การรับรองคุณภาพก็ไม่เกิด เมื่อไม่เกิดไปทำอะไร เขาก็รับไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ได้แก้ไขมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ระยะเวลาที่ผ่านมา ถ้าเรามีสถาบันอันนี้ขึ้นมาเราก็สามารถนำไปใช้โน่น ใช้นี่ได้ ไม่อย่างนั้นต่างชาติเขาก็ไม่นำไปใช้หรอกครับ ไม่มีใครรับรองให้เขา เรามีปริมาณแต่คุณภาพต้องดูให้ดี การตัดต้นยางเก่าอะไรนี่เป็นแนวทางเดิมอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญก็คือต้นยางถ้าอายุเกิน 25 ปี เขาก็ต้องตัดทิ้ง อาจไปทำเฟอร์นิเจอร์อะไรก็ว่าไป อันไหนที่ยังอายุน้อยกว่า เดิมที่ผ่านมาก็ได้น้ำยางน้อยวันนี้ก็นำไปปรับปรุงกันเอาเอง ไปอัดแก๊สเข้าไปให้ได้น้ำยางเร็ว ๆ ก็เหมือนไปเร่งให้มีน้ำยางมาก ๆ วันหน้าก็อันตราย ต้นยางก็ไม่แข็งแรง
เพราะฉะนั้น เราต้องช่วยกันลดทั้งอุปสงค์ อุปทาน รักษาระดับปริมาณยางทั้งในประเทศและการค้าขายกับต่างประเทศให้ได้ กำหนดราคาให้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องไปสู่การโซนนิ่งในอนาคต ที่มีการพูดว่าจะมีการจ้างให้เลิกปลูกยาง ผมไม่เคยพูดอย่างนั้นเลย เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด ก็เพียงแต่ว่าใครอยากจะเปลี่ยนไปเป็นอาชีพอื่น ๆ รัฐบาลก็จะหาทางสนับสนุนให้ว่า อยากทำอะไรไปหาช่องทางที่เหมาะสม ราคาไม่ตกและก็เหมาะสมกับพื้นที่ก็เป็นทำนองนั้นมากกว่า ใครจะนำเงินไปจ้างใครให้เลิกทำอาชีพ เป็นไปไม่ได้ อย่างมากมาเยียวยาให้หรือสนับสนุนให้ไปทำใหม่ ทำอย่างอื่นแทน อะไรทำนองนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน บังคับท่านได้ที่ไหน เวลาบังคับก็มีเรื่องทุกที เพราะฉะนั้นถ้าท่านสมัครใจทำนี้ก็จะเกิดขึ้น ๆ และอนาคตก็จะยั่งยืน
ในเรื่องของการผลักดันและเร่งรัดโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สถาบันเกษตรกรรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น วันนี้มีนายทุนหรือพ่อค้าคนกลางไปซื้อไว้ วันนี้เราก็หาเงินมาอีกก้อนหนึ่งเพื่อสหกรณ์เกษตรกรนี้ มีเงินเพื่อจะไปซื้อในราคาที่สูงกว่าที่พ่อค้าคนกลางเขาซื้อ อย่างน้อยยังเป็นการยกระดับ ยกระดับให้ราคายางสูงขึ้นโดยทันที อันนี้ก็ดำเนินการอยู่แล้ว
ในขณะนี้ ก็จะเร่งรัดเม็ดเงินต่าง ๆ ออกให้ได้โดยเร็ว เรื่องการปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อไปเปลี่ยนเครื่องจักร เพื่อใช้ในการแปรรูปยางหรือผลิตภัณฑ์ยางอะไรก็แล้วแต่ หรือการจัดตั้งโรงงานที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ยางให้มากขึ้นจากในประเทศนี้ก็ไปร่วมมือกันตั้ง The Board of Investment of Thailand (BOI) ด้วย กระทรวงอุตสาหกรรมด้วยรวมทั้งหมดต้องทำให้เกิดให้ได้ ตั้งแต่การผลิตยางออกมาและการปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มมูลค่า จากนั้นก็ไปสู่ในเรื่องการวิจัยยาง นำไปสู่การผลิตเป็นวัสดุต้นทุนอย่างอื่นและนำไปขายในราคาที่สูงกว่าเดิมและไปขายทั้งในประเทศและนอกประเทศถึงจะเกิด เหมือนประเทศอื่น ๆ เขาเกิด ประเทศเราก็แก้ปัญหามา พอขาดราคาตกนำเงินอุดหนุน ๆ ตลอด มันเกิดอะไรขึ้นมาได้หรือยัง ก็ไม่เกิดซักที ก็เป็นอย่างนี้เป็นสิบ ๆ ปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าไปบิดเบือนราคา ทำอย่างไรเราจะทำให้ราคายางสูงขึ้น เราก็ต้องไปคุย เช่น ในเรื่องของการสร้างตลาดการซื้อยาง ขายยางธรรมชาติ เชื่อมโยงมีการทำสัญญาเมื่อซื้อขายแล้วจะต้องส่งมอบสินค้าจริง ไม่ใช่สัญญาในกระดาษอย่างเดียวและก็เก็บสต็อกรวมเงินเอาไว้ อะไรแบบนี้เป็นเรื่องซับซ้อน เพราะฉะนั้นเกษตรกรชาวสวนยางผู้รับซื้อต้องคุยกัน รัฐบาลก็จะเข้าไปดูแลในส่วนนี้ให้
ในด้านร่วมมือกับต่างประเทศ จะต้องกำหนดแนวทางจัดการเก็บสต็อกยางร่วมกัน ประเทศที่ผลิตยางใหญ่ ๆ ของโลกก็มีอยู่ไม่กี่ประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าเราบริหารจัดการกันได้ ร่วมมือกันได้ราคายางก็สูงขึ้น เพราะอย่างไรก็ตามการใช้ยางยังคงต้องใช้อยู่ ในโลกนี้มีหลายอย่าง เพียงแต่ประเทศอื่น ๆ เขาผลิตยางออกมาและเขาทำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เรายังไปไม่ได้ตรงนั้นมากนักก็ต้องเร่งรัดตรงนั้นให้ได้
นอกจากนั้น ในเรื่องของการหารือกัน เมื่อ 2 วันนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ขออนุมัติเดินทางไปต่างประเทศเพื่อจะไปพูดคุยกับ 3 ประเทศใหญ่ ๆ ในการผลิตยาง เดินทางไปแล้วนะครับว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายางค้างสต็อก และขณะเดียวกันภายในของเรา เราก็จะเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรจำนวน 2,520 บาทต่อไร่ ซึ่งค้างอยู่ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วก็คงต้องจ่ายให้ เพราะเป็นการอนุมัติผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาเรียบร้อยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการปล่อยเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.จำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรซื้อยางไว้เพื่อเก็บเป็นสต็อก และอีก 5,000 ล้านบาทให้กู้เพื่อเป็นทุนในการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางให้ทันสมัย อีก 15,000 ล้านบาท ให้กู้จาก ธนาคารออมสิน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราจะเห็นว่ารัฐบาลแก้ในทุกมิติ ทุกเรื่อง หลาย ๆ เรื่องด้วยกันเกษตรกรก็กรุณาใจเย็นเล็กน้อย
ท่านต้องไปพูดคุยให้รู้เรื่องและรวมกลุ่มให้ได้อย่างแท้จริงอย่าแยกเป็นหลายกลุ่มหลายฝ่ายพอพรุ่งนี้มาอีกพวกไม่มาเสร็จแล้วก็กลับไปก็บอกไม่เข้าใจกัน ไม่ได้ ท่านต้องรวมกันให้ได้ เพราะรัฐบาลมีรัฐบาลเดียว ท่านก็ต้องมีสมาคมที่พูดคุยกันให้เหมือนกับสมาคมเดียวได้ไหม ผมไม่รู้ ท่านต้องไปดำเนินการมา จะได้แก้ปัญหาได้ทีเดียวไม่อย่างนั้นก็พูดกันไปกันมาหลายเรื่อง หลายกลุ่มด้วยกัน
เพราะฉะนั้น ขณะนี้มีการประชุมชั้นต้นแล้วกับกลุ่มพ่อค้า สมาคมต่าง ๆ บางคนอาจจะบอกว่ามาไม่ครบ ก็ไปให้ครบสิครับ เวลาเขาเชิญก็บอก ๆ กันไปถ้าท่านรวมกันไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ส่วนใหญ่ที่เราประกาศไปแล้ว ที่พูดคุยอย่างที่ผมเรียนไว้เมื่อสักครู่ เขาก็มีความพึงพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เพียงแต่ขอร้องให้ท่านไปรวมกันมาให้ได้โดยเร็ว อย่างไร ผมก็ฟังท่านอยู่ดี เพราะท่านเป็นคนไทย ท่านเป็นเกษตรกรไทย
การแก้ปัญหาราคาข้าวสำหรับผลผลิตฤดูกาลล่าสุด ในอีกไม่กี่เดือน ก็จะถึงหน้าการเก็บเกี่ยวข้าว รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจอีกเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็แก้ไปแล้วขั้นตอนหนึ่ง พอลงทุนใหม่กรอบใหม่ก็ต้องเตรียมการใหม่อีก เพราะเป็นปัญหาที่ทับซ้อนมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้ก็เลยให้มีการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องชาวนาในจังหวัดต่าง ๆ พี่น้องชาวนาส่วนใหญ่มีความกังวลในเรื่องของปัญหาราคาข้าว รัฐบาลเองมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาก็พยายามผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น กระทรวงพาณิชย์ก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าราคาข้าวเปลือกจ้าว 5% น่าจะต้องมีราคาให้ใกล้เคียงตันละ 8,500 บาท และจะจัดการระบายข้าวในสต็อก เน้นการส่งออกไปต่างประเทศ และขอให้พี่น้องชาวนามั่นใจว่า รัฐบาลจะมีการวางแผนการระบายข้าว ไม่ให้กระทบต่อราคาข้าวที่ควรจะเป็น
นอกเหนือจากลงพื้นที่เพื่อพบกับพี่น้องชาวนาไทยโดยตรงแล้ว รัฐบาลจะนัดหารือเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกันกับตัวแทนผู้นำเกษตรชาวนาจาก 5 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมชาวนาไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย สมาคมเครือข่ายชาวนาไทย และเครือข่ายศูนย์ข้าวชุมชน โดยจะเป็นการระดมสมอง กำหนดแนวทางในการรักษาเสถียรภาพของราคาข้าว ซึ่งจะมีการนัดหารือติดตามผลการดำเนินงานทุก 15 วัน จะมีการเรียกประชุมกับผู้ส่งออกและโรงสีเพื่อกำหนดแนวทางในการดูแลข้าวทั้งระบบ
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน รัฐบาลจะส่งเสริมในเรื่องของการปรับปรุงคุณภาพข้าว ลดต้นทุนการเพาะปลูก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกข้าว เพื่อจะทำให้สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้ ใช้พื้นที่ให้น้อยลง ใช้น้ำให้น้อยลงและจะมีการเข้มงวดในการใช้กฎหมายในการตรวจสอบสต็อกข้าว ที่กฎหมายระบุไว้ให้ผู้ส่งออกต้องมีสต็อกข้าวตลอดเวลา 500 ตัน และรัฐบาลเองจะช่วยในเรื่องแหล่งเงินทุน โดยจะจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้กับชาวนาที่มียุ้งฉางในภาคอีสานและภาคเหนือตอนบน เพื่อจูงใจให้มีการเก็บข้าวและนำออกขายในราคาที่เหมาะสม และจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้โรงสี เพื่อจูงใจการซื้อข้าวจากชาวนาและทยอยขายเมื่อราคาเหมาะสม นอกจากนี้นั้น รัฐบาลกำลังพิจารณาดำเนินการจัดตั้งสถาบันพัฒนาการพาณิชย์ข้าวไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาข้าวไทยอย่างบูรณาการ ทำให้เป็นระบบ
สำหรับ เรื่องการประกันภัยข้าวนาปี การผลิต 2557 ที่ทาง คสช. ได้มีมติอนุมัติ และทาง ธ.ก.ส. ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ก็อยากให้พี่น้องชาวนาได้มาเข้าร่วมโครงการกันให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ลดความเสี่ยงลงจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งค่าเบี้ยประกันที่เกษตรกรต้องจ่ายนั้น อยู่ในอัตราเพียง 60 – 100 บาท ต่อไร่ รัฐช่วยอุดหนุนเบี้ยประกันภัยให้เพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ หากเกิดภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติขึ้น พี่น้องชาวนาจะได้รับเงินชดเชยรวมถึงไร่ละ 2,224 บาท ซึ่งก็มาจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาลตามปกติ และจากการประกันภัยตามโครงการเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
เรื่องแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีความเป็นเอกภาพ บูรณาการ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน รัฐบาลก็ใช้แนวทางคือ การดำเนินการใด ๆ ของทุกกระทรวง หากต้องเป็นเรื่องของการแต่งตั้งบุคลากรระดับสูง การใช้จ่ายเงินงบประมาณ นโยบายหลักของรัฐบาลนั้น จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เพื่อขออนุมัติจึงจะดำเนินการได้ โดยนายกรัฐมนตรี (นรม.) จะเป็นผู้อนุมัติให้นำเข้าที่ประชุม ครม. เอกสารทางราชการของทุกกระทรวงที่มีถึง นรม. จะต้องผ่านความเห็นชอบของ รอง นรม.ด้วย แต่ละฝ่ายควรจะระมัดระวังการให้ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์
ถ้าให้ไปก่อนเร็วเกินไปยังไม่ได้ผ่าน ครม.เดี๋ยวเกิดความเข้าใจผิด ประชาชนก็สับสน เพราะฉะนั้นผมได้ย้ำเตือนท่านรัฐมนตรี ท่านปลัดกระทรวงไปแล้ว เรื่องใดก็ตามที่ผ่าน ครม. แล้วจึงจะมีการประชาสัมพันธ์ได้ เรื่องอื่น ๆ ก็ประชาสัมพันธ์ให้รับทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ได้ แต่รายละเอียดอย่าเพิ่งลงไปมากนัก วันนี้ก็ให้มีการตรวจสอบในเรื่องของนโยบายจากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนวันนี้ก็ให้กระทรวงดำเนินการตามนี้
เรื่องการปฏิรูปปรองดอง ก็พูดกันมากมายในเรื่องของการประชุมของคณะกรรมการสรรหาสมาชิก ได้คัดเลือกรายชื่อมาแล้วด้านละ 50 คน รวมทั้ง 11 ด้าน ได้ส่งรายชื่อให้กับ คสช. แล้วจำนวน 550 คน คสช.จะคัดเลือกให้เหลือ 173 คน ในส่วนของจังหวัดซึ่งได้ครบวันนี้ ทั้งหมด 77 จังหวัด จังหวัดละ 5 คน 385 คน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 30(6) 2557 ฉบับชั่วคราว ได้กำหนดให้ คสช.เป็นผู้คัดเลือก วันนี้เราก็ได้นำรายชื่อเหล่านั้นมาดู มาตรวจสอบรายละเอียด ดูคุณสมบัติ ดูที่อยู่ ที่ทำงานอะไรต่าง ๆ เพื่อสรรหาคนที่มีคุณภาพเหมาะสม
ผมก็อยากจะเรียนว่า ผมก็ไม่เห็นประโยชน์ว่าผมจะไปล็อกใคร เข้ามาทำงานตรงนี้ เพราะในเมื่อเราไม่ต้องการอะไรแล้วเราจะไปล็อกเขามาทำไม มีแต่ล็อกอย่างเดียวก็คือ ล็อกด้วยความรู้ความสามารถของเขา เขามีความรู้ความสามารถก็นำเขาเข้ามา จะได้ปฏิรูปได้จริง ๆ ถ้านำคนที่ไม่มีความรู้มาเลยก็ไม่ได้ แต่ต้องนำคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาด้วย ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ คนทั้งหมด 7,000 กว่าคนคัดเลือกไม่ใช่ง่าย ๆ ผมคิดว่าเรื่องที่ร่ำลือกันอยู่ในสื่ออะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ก็ตรวจสอบกันทีหลังได้ ใครเข้ามาแล้ว ไม่ดีหรือถูกร้องเรียนก็ตรวจสอบกันก็ปรับออก ก็ดำเนินการใหม่ เพราะว่าการคัดเลือกคน 7,000 กว่าคนให้เหลือ 250 ท่านคิดแล้วกันว่ายากง่ายขนาดไหน โดยที่เราไม่ได้ต้องการอะไรตรงนี้ เพราะฉะนั้นก็ให้เกียรติเขาหน่อย ให้เกียรติกับคนคัดสรรเขาหน่อย แล้วถ้าเราได้มาเรียบร้อยแล้ว เราก็จะนำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ต่อไป
ในกรณีที่ว่าเรียกร้องว่าไม่โปร่งใสก็ร้องเรียนมาทีหลังได้ เมื่อประกาศรายชื่อแล้วรอบสุดท้าย ต้องประกาศ 250 ไม่มีไปปิดไว้อะไรไม่ได้ เพราะว่าต้องเปิดเผยอยู่แล้วไม่ต้องกลัว เพราะฉะนั้นสังคมอย่างเพิ่งไปตัดสินเลยว่าจะไปล็อกสเป็กหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมขอร้องไม่อย่างนั้นจะวุ่นวายไปหมด ทำงานก็ไม่ได้ ทั้งหมด 250 นี้ก็หลังจากสมัครมาเป็นฝ่าย ๆ เป็นพวก ๆ แล้ว ใน 250 ก็จะตีรายชื่อยาวไปเลย 250 คน แล้วเดี๋ยวเขาต้องไปประชุมจัดกลุ่มกันใหม่อีกเพราะที่มาไม่เท่าเทียมกันแต่ละกลุ่มแต่ละฝ่าย จำนวนมากบ้าง น้อยบ้าง เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการคนเหล่านี้เข้ามาก็ทั้งหมดก็มารวมกันอยู่ในสภาปฏิรูปทั้ง 250 คน แล้วไปจัดกลุ่ม 11 กลุ่มใหม่ตามความสมัครใจของตัวเองในนั้น แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่กลุ่มใครกลุ่มมันทำแล้วสำเร็จเอง ไม่ใช่ ทุกกลุ่มต้องไปศึกษาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็นำเสนอในสภาปฏิรูป และให้สภาฯ ทั้งสภาฯ ให้ความเห็นชอบ ถึงจะไปทำต่อได้ ก็ใช้หลักการเดียวคล้าย ๆ กับ สนช. ในการทำงาน อย่ากังวลเลย เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกใครไปสักคนหรือจะล็อกสเป็กแต่ละคน มันไม่เกิดประโยชน์หรอกครับ อย่างที่ผมว่า จะเกิดได้อย่างไร ทำในรูปสภาฯ ฉะนั้นก็ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตรวจพบในเรื่องของการทุจริตอะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ไปหาหลักฐานกันมา
ในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น ได้มีคำสั่งนัดประชุมเมื่อวันที่ 25, 26 ก.ย. 57 ก็จะมีวาระการประชุมที่สำคัญคือ การพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว รวมถึงเรื่องที่ค้างจากการพิจารณา เพื่อตรากฎหมาย โดยมีกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้แรงงานและผู้ด้อยโอกาส เช่น ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่าง พ.ร.บ. การคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กล่าวคือ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานนั้น วัตถุประสงค์ก็เพื่อสร้างแรงขับในตัวลูกจ้างหรือตัวแรงงานให้มีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งในปลายปี 2558 ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ปรากฎว่าทุกประเทศมีระบบออกใบรับรองให้กับการทำงานแต่ละสาขาแล้ว ของเรา ประเทศไทยยังมีเพียง 7 สาขาอาชีพที่หน่วยงานออกใบรับรองให้ มีอีกมากมายหลายอาชีพนี้ ออกได้เพียง 7 อาชีพเท่านั้นเอง ฉะนั้นต้องรีบดำเนินการให้ได้โดยเร็ว สาขาอาชีพอื่น ๆ ยังไม่มีการออกให้เลย ถ้าหากว่าใบรับรองการทำงานเรายังไม่เรียบร้อย กฎหมายใหม่ยังไม่พร้อมในการสร้างกติกาขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมรับการขับเคลื่อนหรือการเคลื่อนย้ายแรงงาน แรงงานฝีมือต่างชาติก็จะไหลเข้ามาสู่ประเทศไทยอีก เพราะเราส่งไปไม่ได้ เรารับรองคนข้างนอกไม่ได้ ก็ไปทำงานที่อื่นไม่ได้ ขณะเดียวกัน ต่างชาติได้รับรองมาแล้วเขาก็เข้ามาทำงานในประเทศไทย งานเราก็ลดลงอีก ฉะนั้นต้องขอความร่วมมือ กระบวนการต่าง ๆ จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว แล้วก็เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นแรงงานฝีมือจริง จึงจะสามารถทำงานทั้งในประเทศได้ ต่างประเทศก็ได้ นี้เป็นกติกาของอาเซียน จะเห็นว่ากฎหมายเหล่านี้มีประโยชน์ทั้งต่อแรงงานเอง รวมถึงนายจ้างด้วย จะได้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน ทั้งคนไทยคนต่างชาติอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราทำให้เกิดสมดุลกันได้ของคนไทยของคนต่างชาติก็จะดีกับบ้านเมืองด้วย
นอกจากนั้น ยังมีร่าง พ.ร.บ. การค้างาช้าง ซึ่งมีสาระสำคัญในการกำหนดกลไกควบคุมการค้าและการครอบครองงาช้าง หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ เพื่อมิให้มีการนำงาช้างที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายปะปนกับงาช้างตามกฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ ทั้งนี้กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะประกอบกิจการค้างาช้าง หรือผู้ที่จะนำเข้าหรือส่งออกงาช้างต้องขออนุญาตต่ออธิบดี รวมทั้งจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์การควบคุมผู้ครอบครองงาช้างด้วย รวมทั้งร่าง พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งจะมีสาระสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การนำเข้า ส่งออก หรือผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ฯลฯ เพื่อให้ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่าดังกล่าว รวมทั้งมีการแก้ไขบทกำหนดโทษในกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้มีความครอบคลุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถดำเนินการกับผู้กระทำความผิดได้อย่างครอบคลุม การตรากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนั้น เป็นการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศตาม “อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือที่เรียกว่า CITES เราจะถูกมาตรการสกัดกั้นหรือกดดันในเรื่องของการค้าอื่น ๆ ด้วย ถ้าเรายังมีการค้างาช้างอยู่ ที่ผิดกฎหมาย ทั้งงาช้างที่นำเข้าจากแอฟริกา และงาช้างในประเทศด้วย ต้องเลิกให้หมดเรื่องเหล่านี้ จะดูกันอย่างไรว่า ผู้ประกอบการธุรกิจเหล่านี้จะทำอย่างไรกันต่อไป
เรื่องการขอความร่วมมือ / เรื่องอื่น ๆ เช่น การปฏิบัติตนเอง สื่อ ขององค์กรต่าง ๆ ทุกภาคส่วน ขอร้องช่วยกันปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ บางคนบอกว่า ปลูกฝังแล้วจะเกิดอะไร จะเกิดขึ้นได้ไหม ประเทศชาติสงบไหม ท่านถามอย่างนี้ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วทำอย่างนี้ และท่องไว้ เตือนใจตัวเองไว้ มันก็น่าจะได้ประโยชน์กว่าไม่มีอะไรอยู่ในหัวสมองเลย ผมไม่เข้าใจคิดอะไรกัน บางคนขอให้ได้ต่อต้านทุกอย่าง ผมไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร คนดี ๆ ก็มี คนที่เขาต้องการจะทำก็มีมากมาย ทำอย่างไรจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน สามัคคีกัน ให้มีความรู้ความสามารถ แข่งขันการประกอบอาชีพ มีความทัดเทียมอารยประเทศ ไม่ละเมิดสถาบัน จะสอนเรื่องการเมืองอะไรต่าง ๆ ก็ตาม ก็อย่าให้เกิดความวุ่นวาย คัดค้าน เลือกข้าง โต้แย้งกับรัฐบาลในทำนองนี้ เรากำลังปฏิรูปประเทศอยู่ เพื่อไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่น โกงกิน เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ทั่วถึง และเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่เลือกตั้งอย่างเดียว แล้วได้นักการเมืองที่ไม่มีคุณภาพเข้ามาบริหารประเทศ อย่างนี้ไม่ใช่ เราถึงต้องทำวันนี้
สำหรับท่านอาจารย์ กี่ท่านไม่ทราบ หลายสิบท่าน ผมคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจที่ผมพูด ถ้าท่านไม่มีอคติเป็นอย่างอื่น ท่านก็จะอ้างเรื่องความเป็นประชาธิปไตยบ้าง ท่านต้องการสอนการเมืองบ้าง ท่านบอกว่าไม่สอนบ้านเมืองแล้วคนจะเรียนการเมืองอย่างไร ก็มีวิธีการสอนตั้งหลายหมื่น หลายแสนวิธี ที่จะเข้าใจเรื่องการเมืองที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ทำไมท่านไม่สอนว่า การเมือง นักการเมือง ต้องทำตัวอย่างไร ผู้เลือก ประชาชนต้องเลือกอย่างไร การเป็นประชานิยมที่สร้างปัญหาเป็นอย่างไร ท่านสอนอย่างนั้นกันบ้างหรือเปล่า ผมถามหน่อย ผมไม่เคยเห็นท่านพูดเรื่องเหล่านี้ ท่านพูดแต่เพียงว่า นี้จะต้องเลือกตั้ง จะต้องเป็นประชาธิปไตย แล้วที่ขัดแย้งที่ผ่านมา ท่านก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้เราเลย ไม่ได้แก้ปัญหาให้คนทั้งประเทศเลย เพราะฉะนั้นท่านหยุดสักที ไปหาวิธีการสอนอย่างอื่น ไปสอนลูกศิษย์มาอีกวิธีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าสถาบันนี้ต้องสอนเรื่องการเมือง ก็ต้องเด่นดังการเมืองอย่างเดียว ไม่ใช่ ผมว่าสอนอย่างไรให้คนประกอบอาชีพได้ สอนอย่างไรให้เป็นคนดี สอนอย่างไรให้มีงานทำ ไปหาวิธีการอย่างโน้น ถ้าสอนให้เป็นการเมืองอย่างเดียวแล้วตีกัน ผมว่าเหนื่อยเปล่า ไม่รู้จะสอนไปทำไม
สื่อก็ต้องระมัดระวังการขยายความขัดแย้ง ขยายคำพูดที่ผมไม่ได้เจตนาร้ายไปสู่เจตนาร้าย และบางครั้งท่านไม่เข้าใจ บางทีท่านก็ลืมไป สื่อต่างประเทศเขาก็นำคำพูดของท่านไปเขียนว่าพวกเรากันเอง คนไทยเขียนว่าคนไทย คนต่างชาติก็นำสิ่งที่คนไทยว่าคนไทย ไปว่าต่อ ก็เท่ากับเหมือนกับเราไปชี้โพรงให้กระรอก อะไรสักอย่างทำนองนั้น ถ้าผิดจริง ถ้าไม่ดีจริง ผมไม่ได้ปิดกั้นท่านเลย แต่ถ้าไม่ใช่แล้วท่านพูด มันเสียหาย เสียหายกับองค์กร เสียหายกับประเทศชาติ ความเชื่อมั่นเขาก็ลดลง ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ไม่ได้เจตนา ผมรู้ว่าท่านเป็นห่วงประเทศชาติเหมือนกัน ท่านเตือนผม ผมก็รับฟัง แต่ผมเตือนท่าน ท่านไม่ฟังผม อย่างนี้ไม่ใช่ ต้องช่วยกัน ผมโกรธท่านไม่ได้ ท่านก็โกรธผมไม่ได้เหมือนกัน วันนี้เราเข้ามาด้วยวิถีทางของเราแบบนี้ ท่านก็จะจี้เราตรงนี้ ตรงโน้นอยู่ตลอดเวลา แล้วมันได้อะไรขึ้นมา มีอะไรดีขึ้นมาไหม ถ้าเป็นอย่างที่ท่านต้องการ จะเป็นไปได้ไหม คนส่วนใหญ่เขาก็เข้าใจ เพราะฉะนั้นผมว่าต้องขอร้องอีกครั้ง ฉะนั้นให้เสนอข่าวให้ตรงตามข้อเท็จจริง อะไรที่เสียหายกับประเทศก็เพลาๆ บ้าง หยุด พอเสนอเสร็จแล้วก็จบ เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของการสอบสวนสืบสวน พอสืบสวนสอบสวน ท่านก็ไปว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดี ทุจริต ทำไม่เรียบร้อย ไม่มีฝีมือ พูดอย่างนี้ มันขยายความขัดแย้งนะผมว่า ต่างชาติเขาบอกในประเทศยังไม่รับกันเลย แล้วต่างประเทศจะรับทำไม เพราะฉะนั้นต่างประเทศอย่ามาเลย อย่ามาเที่ยวประเทศไทย แล้วท่านก็มาโทษผมว่า รัฐบาลทำให้การท่องเที่ยวลดลง ต้องร่วมมือกันทั้งสองส่วน ที่ผมพยายามทำสร้างความเข้าใจกับเขา ส่งคนไปประชุมกับเขา ส่งรองนายกรัฐมนตรี ส่งรัฐมนตรี ส่งใครไปประชุม เขาก็ให้เกียรติอยู่ทุกประเทศตอนนี้ ก็กลายเป็นเราไม่ให้เกียรติกันเอง ผมว่าไม่ใช่ เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ดีอยู่แล้ว ผมชมเชย มีส่วนน้อยบางสื่อ บางสำนัก เรารู้อยู่ว่าท่านเป็นอย่างไรมาโดยตลอด ท่านสนับสนุนฝ่ายใดอยู่ ผมว่าวันนี้เราอย่ามีฝ่ายเลยได้ไหม วันนี้เอาประเทศไทย เอาคนไทย เอาประชาชนคนไทยที่ยากจน ที่มีรายได้น้อยไม่ดีกว่าหรือ เราจะได้แก้ปัญหาให้ได้
เรื่องการเยือนต่างประเทศ ของผมเอง หรือของรัฐมนตรีอะไรก็แล้วแต่ หลายท่านให้ความสนใจ จับตามองดูอยู่ว่า เราจะไปไหน ประเทศไหนก่อนประเทศไหนหลัง วันนี้เราก็อยู่ในการพิจารณา ผมยังไม่ตัดสินใจอะไรเลย อย่าพึ่งไปพูดจาอะไรต่าง ๆ ก่อน ผมต้องใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม มีข้อมูลจากกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องว่าไปเยือนใครก่อน – หลัง จะมีผลดีผลเสียอย่างไร เกิดประโยชน์กับประเทศอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศก็ไปเตรียมข้อมูลต่าง ๆ มา กระทรวงอื่น ๆ ก็จะมีข้อพิจารณาเพิ่มเติมเข้ามา ถ้าไปแล้วเกิดผลดีตรงนั้น ตรงนี้ เราก็ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะไปที่ไหน ให้เกียรติทุกประเทศ ทุกประเทศคือมิตรประเทศเราทั้งหมด ไม่ว่าเขาจะไม่เห็นชอบกับเราหรืออะไรต่าง ๆ เพราะเราเป็นโลกใบเดียวกัน ผมยังทำใจได้เลย เพราะฉะนั้นทุกคนก็น่าจะทำใจได้แบบผม แบ่งกลุ่มประเทศ วันนี้เราแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มมิตรประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านของเรารอบ ๆ บ้านในเอเชีย ใกล้ ๆ กันก่อน 5 – 6 ประเทศ กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 ก็เอเชียที่ไกลออกไป กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มมิตรประเทศยุโรป และประชาคมตะวันตก ทั้ง 3 กลุ่มนี้ ผมต้องไปลำดับว่า ใน 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะไปอันไหนก่อน - หลัง ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ แต่เป็นไปด้วยกติกา เป็นไปด้วยการประชุมที่มีอยู่แล้ว อะไรทำนองนี้ เราต้องให้เกียรติทุกประเทศ แต่ผมไม่สามารถจะไปหลายประเทศในเวลาเดียวกันได้ ทุกประเทศก็ต้องการให้นายกรัฐมนตรีไป บางทีก็ไปไม่ได้ ผมได้ย้ำให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานได้พิจารณามาให้ชัดเจน ทั้งสถานการณ์ความมั่นคงด้วย สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ ความร่วมมือระหว่างกัน ต้องช่วยกันหารือกันว่า เราควรจะไปที่ไหนก่อน – หลัง ค่อยมาว่ากันอีกที เดือนหน้าเป็นต้นไปคงต้องคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งหนึ่งให้เร็วที่สุด เพราะใกล้ระยะเวลาการประชุม ทั้งในอาเซียน แล้วก็มีในต่างประเทศที่ไกล ๆ ด้วย ก็ให้ความสำคัญทุกประเทศ เพราะว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกันของไทย ของเขาด้วย ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า เราไปแล้วคนไทยจะได้อะไรขึ้นมา เพราะว่าเราเป็นรัฐบาลที่ต้องการปฏิรูป เพราะฉะนั้นตระหนักดีว่า เราเข้ามารับหน้าที่ที่สำคัญ ในช่วงสถานการณ์พิเศษ เราอาจจะมีเวลาในการที่จะไปเดินสายเยี่ยมเยียนทุกประเทศบ่อย ๆ คงเป็นไปไม่ได้มากนัก ผมไม่ได้เป็นห่วงเพราะอย่างอื่น การไปก็ดี แต่ถ้าไปเวลาก็น้อยลง ก็อยู่ในประเทศให้มาก เยี่ยมเยียนคนในทุกจังหวัดให้ได้ ทุกภาคให้ได้ก่อน ฉะนั้นไปต้องได้ประโยชน์ แล้วต้องคุ้มค่ากับเงินภาษีของพี่น้องประชาชน
ขณะนี้ได้มีหลายประเทศที่ได้ส่งคำเชิญให้ผมเดินทางไปเยี่ยมเยือน ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ไว้ก่อน การที่เขาเชิญเรามาไม่ใช่เพราะผม เขาเชิญมาเพราะเขาให้ความสำคัญกับประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นมิตรประเทศ บางประเทศก็ยาวนานที่สุด บางประเทศก็หลาย 10 ปี เกือบ 100 ปีมาแล้ว อะไรทำนองนี้ บางประเทศก็กำลังเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมที่สำคัญ เช่น การประชุมผู้นำเอเปค การประชุมผู้นำอาเซียน ผมจะต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะหารือในการดำเนินการ และก็จะถือโอกาสแนะนำตัว กับประเทศอื่น ๆ ที่มาร่วมประชุม มีผู้นำหลายประเทศมีร่วมกัน ผมคิดว่าเขาเข้าใจเรา ในขณะนี้เข้าใจเรามากขึ้นกว่าเดิมมากนัก มากกว่าที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นผมและคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จะพยายามเดินทางไปเยือนประเทศให้น้อยที่สุด เพราะว่า ไปตามความจำเป็นเท่านั้น เราพยายามจะใช้จ่ายงบประมาณให้น้อยที่สุด ไม่สิ้นเปลือง ให้ได้ประโยชน์ ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ไป ฉะนั้นจะทำอย่างไรก็เดี๋ยวว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่ง ในขณะนี้มีการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมกันส่งแรงใจให้นักกีฬาทุกคนทุกชาติด้วย ได้แสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ตามได้ตั้งใจฝึกซ้อมมา ทั้งเหรียญรางวัลก็ถือว่าเป็นเครื่องหมายของชัยชนะ แต่หากว่าเราได้แสดงความมีน้ำใจของนักกีฬา แสดงความรักความสามัคคี ความมุ่งมั่น มีระเบียบวินัย เคารพระเบียบกติกา จะเป็นเครื่องหมายของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าชนะมาอีก เพราะฉะนั้นต้องการให้ทุกคนมีจิตใจเป็นนักกีฬา ใครแพ้ใครชนะก็เป็นเพื่อนกัน เป็นมิตรกัน แต่เราก็ต้องการให้ของเราชนะเหมือนกัน นั้นเป็นเรื่องของกีฬา ทางรัฐบาลได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว จัดตั้งงบประมาณไว้ 300 กว่าล้านบาท เพื่อจะเป็นรางวัล รางวัลนักกีฬา เดี๋ยวจะดูว่าพอไม่พออย่างไร ขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญที่ได้มาด้วย บอกนักกีฬาไปเลยว่า อย่างน้อยเราก็มีไม่ต่ำไปกว่าในช่วงที่ผ่านมา ที่จะให้กับนักกีฬาเป็นรางวัลต่าง ๆ ทั้งผู้ฝึกซ้อม – ฝึกสอน มีอยู่แล้วระเบียบ มีอยู่แล้ว อย่างกังวล วันนี้มีเรื่องพูดคุยเพียงเท่านี้ ต้องขอบคุณอีกครั้งหนึ่งในการที่รับฟัง รับชม ผมพูดมาตลอดระยะเวลา 4 เดือนเต็ม ๆ ก็มีเรื่องหนักใจมากมายหลายประการ หนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยกัน คืออย่าคิดว่าเรื่องเล็กเรื่องน้อย เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ผมทำไมต้องมาพูดบ่อยอยู่เรื่อย ๆ ก็พูดเพราะความห่วงใย แล้วก็คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะแก้ปัญหากันอย่างไร จะเดินหน้าปฏิรูปกันได้ไหม และความกระทบกระทั่งกัน ความขัดแย้งซึ่งมีอยู่จะทำกันอย่างไร กฎหมายที่ยังไม่เรียบร้อย ยังดำเนินการไม่ได้ ที่ยังออกไม่ได้ บังคับใช้เป็นกฎหมายไม่ได้ ทำให้บ้านเมืองเราหยุดชะงักมาเป็นเวลานานมาก ผมว่าอยากให้ลดลงหน่อย ต่างฝ่ายต่างลดกัน ผมก็ยอม จะให้ผมลดอะไรลง ผมก็ลดลง อะไรที่ยังลดไม่ได้ ก็ลดไม่ได้ ก็คงเข้าใจ ผมคิดว่าผมอยากได้แรงใจจากคนทั้งประเทศ ในการที่จะนำพาประเทศชาติให้มีความสุขอย่างถาวร เหมือนอดีตที่ผ่านมานานแล้ว เคยมีความสุขกันมาก ๆ ฉะนั้นต่อไปก็ต้องมีความสุขมาก ๆ กว่าอดีต ประวัติศาสตร์คือปัจจุบันและอนาคต เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์อะไรที่ไม่ดี อย่าให้เกิดขึ้นอีก นำสิ่งที่ดี ๆ มา แล้วทำให้ดีขึ้นไปอีก ก็จะเป็นประวัติศาสตร์ที่ดีวันนี้ต่อไปวันข้างหน้า ขอบคุณทุกคน ขอบคุณพ่อแม่พี่น้องอีกครั้งหนึ่ง สวัสดี