- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 25 September 2014 10:51
- Hits: 4435
วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8702 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กตู่เลิกจัด คืนความสุข-ลาจอ แจงทุ่มโพเดียม-แค่พูดเล่นกับสื่อ ประชาคมม.มหิดลแถลงบี้'รัชตะ'อีก อจ.มช.ยันลุยจัดแน่-เวทีเสวนา'ปี๊บ'
เทิดเกียรติ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และร่วมพิธีเทิดเกียรตินายทหารที่เกษียณอายุราชการประจำปี 2557 รวมทั้งสิ้น 89 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ย. |
'บิ๊กตู่'งดจัดรายการคืนความสุขฯ ออกอากาศศุกร์นี้ครั้งสุดท้าย ขอสื่อพูดเล่น พูดแหย่อย่าให้เป็นข่าว วอนนักวิชาการ-กลุ่มต้าน ลดระดับการเคลื่อนไหว คสช.ยันไม่ได้ห้ามจัดเสวนา แต่ให้ขออนุญาตก่อน อาจารย์มช.ชี้แค่เลื่อน เดินหน้าจัดต่อ ประชาคม 'มหิดล'นัดแถลงปม'รัชตะ'นั่งควบวันนี้ รองฯ ยงยุทธอ้างกฎหมายควบได้ นายกฯ สั่งเกษตร-พาณิชย์ เคลียร์ม็อบยางก่อนเข้ากรุง 8 ต.ค. 'วิชา'โวขรก.พาณิชย์ มอบหลักฐานเด็ดคดีขายข้าว เร่งให้จบต.ค.
'ประยุทธ์'ร่วมพิธีอำลาทหารราบ
เวลา 09.20 น. วันที่ 24 ก.ย. ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบ คีรีขันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผบ.ทบ. เป็นประธานพิธีวันทหารราบและพิธีเทิดเกียรตินายทหารชั้นนายพลเหล่าทหารราบประจำปี 2557 ที่จะเกษียณ 89 นาย โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ที่จะเกษียณสิ้นเดือนก.ย.นี้เข้าร่วมพิธีด้วย
นอกจากนี้ ยังมีคณะนายทหารระดับสูงและอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและรองผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมและผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผบ.ทบ. มาร่วมพิธีด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
เหน็บสื่อพูดเล่นๆ ก็เขียน
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีสงฆ์และมอบสัญลักษณ์เชิดชูเกียรติให้แก่นายทหารราบดีเด่น 24 นาย เพื่อยกย่องบุคคลที่ประพฤติดี มีความขยันหมั่นเพียร และเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ โดยกล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนไม่ถือเป็นวันอำลาอาลัย เสียใจ ร้องไห้ แต่เป็นวันที่ภูมิใจที่รับราชการจนเกษียณ ช่วง 4 ปีที่เป็นผบ.ทบ.ถือว่าได้ทำงานเต็มที่ มีทั้งผิดและถูก รวมถึงการลองทำด้วย มีบางเรื่องที่ลูกน้องนำไปปฏิบัติจนเกิดความสำเร็จ บางอย่างเราคิดว่าเป็นไปไม่ได้แต่วันหนึ่งก็สำเร็จจนได้ หากไม่คิดเลยก็เกิดขึ้นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนได้ศึกษาแนวทางของอดีตผบ.ทบ.ทั้ง 36 คนมาเป็นแบบอย่างในการทำงาน หวังว่าน้องๆ ในกองทัพบกจะทำหน้าที่ต่อไปได้ เพราะทุกคนมีความสามารถ
"ถือเป็นโอกาสดีที่ทุกคนจะได้กลับไปดูแลครอบครัว อยู่ในสนามอาจเกเรบ้าง บางคนชอบบอกภรรยาว่ามีประชุม 3 วัน ทั้งที่ประชุมวันเดียว นี่ผมพูดเล่น แต่นักข่าวชอบนำไปเขียนเรื่อยเปื่อย ผมต้องตามแก้ทุกครั้ง เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้อย่าเขียนแหย่เลยเดี๋ยวคนจะไม่เข้าใจ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ อย่าปล่อยให้ทรุดโทรม เป็นอัลไซเมอร์ ขอให้คิดบ่อยๆ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เพราะอ่านแล้วจะเร้าอารมณ์และบิลด์ให้ขึ้น อย่างผมก็ดูว่าวันนี้จะว่าอะไรผมบ้าง ขอร้องให้เข้าใจว่าผมอาจแหย่ พูดเล่นบ้าง อย่านำไปเป็นอารมณ์และอย่านำไปเขียน ต้องให้เกียรติกัน ผมจะร้องไห้เสียใจต่อเมื่อสูญเสียลูกน้อง ไม่ใช่วันอำลาตำแหน่ง แม้จะอำลาการเป็นทหารราบในวันนี้ แต่ตัวก็เป็นทหารราบตลอดชีวิต ความเป็นเพื่อน พี่น้องของทหารจะเป็นไปตลอดชีวิตไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ทุกคนรักและผูกพันกันมากๆ มีปัญหาขอให้พูดกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
งานมากและยากแต่ก็สู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทหารต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี อะไรที่คาบเกี่ยวพาดพิงกองทัพให้เสื่อมเสียตนยอมไม่ได้เหมือนกัน แต่กรณีหนักนิดเบาหน่อยก็ยอมกัน วันนี้สถานการณ์ของประเทศเดินหน้าไปตามลำดับ มีปัญหาต้องแก้ไข และต้องการกำลังใจจากทุกคน ตนจะเฝ้าดูความเจริญเติบโตของกองทัพและขอให้กำลังใจกับรัฐบาลด้วย เพราะวันนี้รัฐบาลอาการหนักเนื่องจากงานมีจำนวนมากแต่สู้ไหว เพราะได้ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว ดังนั้นจะทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองให้ได้ โดยไม่มุ่งหวังผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่การทำงานก็ยากเพราะมีกระแสต่อต้านมาก จะทำให้ดีที่สุดและดูแลประเทศชาติ รวมถึงกองทัพบกและเหล่าทัพ
จากนั้นมีพิธีสวนสนามเทิดเกียรติโดยใช้กำลังพล 930 นาย ก่อนร่วมร้องเพลง'คืนความสุขให้ประเทศไทย'และเพลง'มาร์ชทหารราบ' ซึ่งพิธีเป็นไปอย่างสมเกียรติและเป็นที่ประทับใจแก่พล.อ.ประยุทธ์ โดยได้ร้องเพลงคลอตามด้วย ทั้งนี้ หลังเสร็จพิธี พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับกทม.ด้วยเฮลิคอปเตอร์ทันที โดยไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน เนื่อง จากช่วงบ่ายติดภารกิจ
ฮึ่มขรก.โกง-ยันรบ.ไม่ทุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนกลับกรุงเทพฯ ถึงการดูแลไม่ให้รัฐบาลมีการทุจริตว่า ตนคุมรัฐบาลและคุมรัฐมนตรีได้เพราะเป็นหน้าที่ของตน การทำงานก็เหมือนทหาร ผบ.ทบ.บังคับบัญชาแม่ทัพ และแม่ทัพก็บังคับบัญชาระดับกองพลและระดับล่าง ตนเป็นนายกฯต้องคุมรองนายกฯ รัฐมนตรี และคณะทำงานที่เป็นฝ่ายการเมืองให้ได้ ส่วนระดับราชการต้องไปควบคุมตามลำดับ ทุกอย่างรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อตนมีนโยบายชัดเจนก็ต้องปฏิบัติ ถ้าทำทุจริตและผิดกฎหมายถือว่าผิดนโยบาย เรื่องใดที่ดูแล้วไม่ถูกต้องก็ต้องไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง เพื่อสืบสวนสอบสวนตั้งคณะกรรมการ ไม่ใช่สอบสวนกันแค่ 2-3 วันแล้วจบ เป็นไปไม่ได้ ต้องใช้เวลา โทษมีจากเบาไปหาหนัก ทหารมีภาคทัณฑ์ กักขัง จำขัง ข้าราชการก็เหมือนกัน คงไม่ขังแบบทหารแต่จะถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่ง
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอยรัฐบาลชุดที่เเล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะซ้ำได้อย่างไร ในเมื่อตนไม่ทำ เจตนาของรัฐบาลคือตนไม่ต้องการผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว และรัฐมนตรีทุกคนก็ไม่ต้องการ ถามว่าจะซ้ำตรงไหน วันนี้ทำทุกอย่างตั้งแต่จัดทำนโยบาย จัดทำงบประมาณ รวมถึงการบริหารจัดการต่างๆ ตนสั่งอย่างละเอียดและการประชุมครม.ก็สั่งการ 20-30 เรื่อง ไม่ได้ประชุมเเค่นำเรื่องเข้าแล้วอนุมัติ ตนสั่งการว่าจะทำงานอย่างไรด้วย ซึ่งทุกครั้งที่ประชุมครม.จะใช้เวลามากพอควร เราป้องกันการใช้จ่ายงบประมาณอย่างถูกต้อง ไม่มีทุจริตและให้เกิดผลประโยชน์โดยตรงกับประเทศชาติ ไม่อย่างนั้นงบจะสูญเปล่า ถ้าสื่อหรือใครได้ข่าวทุจริตทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ก็แจ้งมา จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าผู้บริหารไม่ต้องการผลประโยชน์ มันจบแล้วแต่อย่างอื่นต้องว่าตามระบบ เนื่องจากมีกฎกติกาอยู่
วอนนักวิชาการ-กลุ่มต้าน
เมื่อถามว่า กดดันหรือไม่กับการถูกจับตามองโดยเฉพาะเรื่องทุจริต พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยกดดัน ในเมื่อตนทำในสิ่งที่บริสุทธิ์ใจและจริงใจกับประเทศชาติ ถ้ากดดันก็ทำงานลำบาก ตนฟังความคิดเห็นของทุกคนเพื่อนำมาวิเคราะห์ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ตนฟังความคิดเห็นทุกคนแม้กระทั่งกลุ่มต่อต้าน อยากขอให้ดูสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ไปก่อนได้หรือไม่ ให้ประเทศชาติผ่านวันเวลาที่ยากลำบากไปก่อน เราต้องการแก้ปัญหาที่จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
นายกฯ กล่าวว่า บางคนบอกว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาก็ไม่เห็นมีอะไร แต่ที่ผ่านมามีเหตุการณ์มาตลอด การดำเนินคดี การบังคับใช้กฎหมายทำได้ไม่เต็มที่ แต่ตอนนี้เราใช้เต็มที่ อาจดูว่ารุนแรงไปหน่อยแต่อยากถามว่าถ้าเราไม่ใช้กฎหมายที่เหมาะสม เป็นธรรม มันจะเกิดคดีความอย่างนั้นไปเรื่อยๆ บุกรุกป่า ปัญหายาเสพติดหรืออาชญากรรมต่างๆ และอาวุธสงคราม
"ที่ผมทำนั้น ไม่ใช่ทำเพื่อช่วยใครแต่ช่วยประเทศชาติ ช่วยคนไทยทุกคน วันนี้ดีขึ้นส่วนน้อย ส่วนที่ไม่ดียังมากอยู่ ดังนั้น ขอให้ช่วยกันทั้งนักวิชาการหรือใครก็ตาม ช่วยกันให้ลดระดับไปก่อนได้หรือไม่ อย่าเพิ่งมาเรียกร้องกันมากเพราะเรียกมาก็ตีกันอีก มันจะวุ่นวาย ตนไม่ใช่คนไม่รักประชาธิปไตยแต่ประชาธิปไตยมันต้องพร้อมก่อน ต้องแก้ไขประชาธิปไตยของเราให้ได้ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ยันไม่มีล็อกสเป๊กสปช.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ จะเดินทางเยือนสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อชี้แจงรายละเอียดในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งหลายประเทศเป็นห่วง เราเป็นประเทศไทยต้องทำเพื่อคนไทยก่อน ส่วนต่างชาติก็ต้องใช้เวลา เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ส่วนตนจะไปประเทศไหนเป็นประเทศแรกยังไม่บอก
เมื่อถามว่าชินกับการไปนั่งทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะชินได้อย่างไรตนเป็นทหารมาทั้งชีวิต ชินกับปัญหาที่มีมายาวนานแล้ว เมื่อเรามีโอกาสทำงานก็ต้องแก้ปัญหาเหล่านั้นให้ได้ อาจมากบ้างน้อยบ้างก็ต้องเร่งดำเนินการ ส่วนการทำงานปฏิรูป 1 ปีตามที่วางไว้เป็นเรื่องของสภาปฏิรูปจะดำเนินการ ตนให้แนวทางตามโรดแม็ปไว้แล้ว เพราะเราต้องสร้างการรับรู้จากต่างประเทศด้วย
"ผมแฟร์กับทุกคน ดังนั้นขึ้นอยู่กับพวกเราจะให้เวลารัฐบาลทำงานแค่ไหน รัฐบาลประกาศเจตนารมณ์แล้วว่าจะทำงานให้ดีและเร็วที่สุด ดังนั้นอย่ากังวลเรื่องการปฏิรูป ไม่มีการล็อกสเป๊กเพราะผมไม่ได้ไปล็อกกับใคร ผมจะไปล็อกสเป๊กทำไม ถ้าล็อกมันก็ได้คนไม่มีความรู้หลากหลายที่จะมาทำงานทั้ง 11 กลุ่ม ซึ่งมันทำไม่ได้ แต่ปัญหาขณะนี้บางกลุ่มมีเยอะโดยเฉพาะการศึกษา 700-800 คน ขณะที่ด้านสื่อมวลชนมีเพียง 100 กว่าคน ทั้งนี้ เมื่อคัดเลือกมาแล้ว 250 คนก็ต้องมาจัดกันใหม่ว่าใครจะอยู่กลุ่มไหนใน 11 กลุ่ม ไม่ใช่สมัครกลุ่มไหนแล้วได้กลุ่มนั้น จากนั้นจะเลือกประธานสปช. ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินการจะคล้ายกับสนช. ยืนยันว่าตนไม่ได้มีแนวทางให้กับสปช. ให้เขาคิดกันเอง ปัญหาเขารู้อยู่แล้วเพราะเราทำปฏิรูปครั้งที่ 1 ไปแล้ว มีคณะที่ศึกษามาแล้ว ทั้งนพ.ประเวศ วะสี นายคณิต ณ นคร ถ้าจะทำให้เร็วก็เอาคนพวกนี้มาดู หากมีความเห็นต่างก็เสนอเข้ามา ก่อนนำเข้าสู่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ อีกส่วนหนึ่งจะเข้าไปที่สนช. เพื่อออกเป็นกฎหมาย ตนสั่งเขาไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของสปช. ที่จะโหวตยกมือกันว่าเห็นด้วยหรือไม่
แนะเปิดชื่อสปช.จังหวัด
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการสรรหา สมาชิกสปช.ว่า หากการสรรหาสปช.ระดับจังหวัดมีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การเป็นเครือญาติระหว่างผู้สมัครกับกรรมการสรรหาจริง คสช.ต้องใช้ดุลพินิจพิจารณา เพราะ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสปช.มีความยืดหยุ่น แต่คงไม่ถึงขั้นต้องสรรหาใหม่ทั้งหมด ส่วนที่เรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาเพื่อให้สังคมช่วยตรวจสอบนั้น ขึ้นอยู่กับคสช.
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช. คนที่ 1 กล่าวถึงการสรรหาสปช.บางจังหวัดมีปัญหาว่า เป็นดุลพินิจที่คสช.จะพิจารณา ส่วนจังหวัดที่มีปัญหาจะรื้อการสรรหาใหม่ได้หรือไม่นั้น รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 28 ระบุว่าสปช.มีได้ไม่เกิน 250 คน ดังนั้น คสช.อาจพิจารณาแต่งตั้งในส่วนที่ไม่มีปัญหาไปก่อนได้ ส่วนคสช.จะใช้วิธีไหนนั้นตนตอบไม่ได้ ต้องสอบถามคสช. และให้คสช.พิจารณา
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 กล่าวการล็อกสเป๊กสปช.ในบางจังหวัดว่า ได้รับข้อมูลจากอดีตส.ว.หลายจังหวัดว่าการสรรหาสปช.มีปัญหาไม่โปร่งใส เช่น จ.พัทลุง พังงา สุรินทร์ ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติ รวมถึงอดีตส.ว.ที่เป็นคนละขั้วกับกรรมการสรรหาที่ส่วนใหญ่เป็นอบจ. อบต. หรือคนที่ใกล้ชิดกับคนเหล่านี้ หรือบางคนมีปัญหากับกกต.จังหวัด จะรู้ตัวล่วงหน้าว่าไม่รับการ คัดเลือกจึงหลีกมาลงสมัครสปช.ใน 11 ด้านแทน หากจังหวัดใดมีปัญหาจริงๆ ก็ร้องต่อคสช.ได้ และยังเห็นว่าคสช.ควรเปิดเผยรายชื่อสปช.ที่ได้รับการสรรหาของแต่ละจังหวัดให้สังคมรับทราบ เพื่อช่วยกันตรวจสอบ
คสช.แจงคุมเวทีเสวนาวิชาการ
ที่สำนักงานป.ป.ช. พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช. กล่าวกรณีทหารเข้าควบคุมและห้ามจัดประชุมเสวนาต่างๆ ของนักวิชาการว่า ตอนนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเวลาพิเศษจึงอยากให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ส่งผลในเชิงบวก การดำเนินการทางวิชาการในหน่วยงานอื่นก็เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่บางองค์กรอาจแตกต่างกันจึงอยากทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเสวนา สังคมจะได้อะไร ผู้เข้าร่วมและวิทยากรคือใคร เพื่อมีรายละเอียดที่ชัดเจน เวลาคนที่กังวลมองเข้ามาจะได้ไม่มองว่ากลุ่มนี้จัดเรื่องการเมืองอีกแล้ว ซึ่งมันไม่จบสิ้น จึงอยากให้แลกเปลี่ยนรายละเอียดให้มากที่สุด โดยให้คสช.พิจารณาถึงเนื้อหามีความเหมาะสมหรือไม่
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เกณฑ์พิจารณาเนื้อหาหรือหัวข้อเสวนานั้น เราไม่อยากให้เกิดการ กระทบกระทั่งของฝ่ายต่างๆ แต่ให้เกิดการ นำเสนอและแลกเปลี่ยนในเชิงวิชาการในทางสร้างสรรค์ ตนมองว่านักวิชาการและผู้มีวุฒิภาวะจะเข้าใจเหมือนกับสื่อที่ขอความร่วมมือในการนำเสนออย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้ง วันนี้เห็นว่าสื่อไม่มีอาการเกร็งเหมือนวันแรกที่คสช.ออกระเบียบ สื่อยังนำเสนอได้ปกติ ไม่มีปัญหา แสดงว่าสื่อเป็นองค์กรที่มีวุฒิภาวะ เข้าใจเจตนารมณ์ของคสช.
ยันไม่ได้ห้ามจัดเสวนา
เมื่อถามว่าการที่ยังมีงานเสวนาเช่นนี้ แสดงว่านักวิชาการยังไม่เข้าใจหรือไม่มีวุฒิภาวะหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ไม่ใช่ว่านักวิชาการไม่เข้าใจ ถ้ามองตามความเข้าใจของนักวิชาการเหล่านั้นคือ ห้ามมีการเสวนาเลยซึ่งไม่ถูกต้อง แสดงว่ายังได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน หากติดตามให้ดีนักวิชาการกลุ่มที่ถูกเชิญตัวไป มีบันทึกข้อตกลงคือ 1.อยากมีการแลกเปลี่ยนที่มากกว่านี้ 2.ถ้าจัดเสวนาอยากให้กำหนดจำนวน ผู้มีส่วนร่วมเข้าฟังหรืออยู่ในวงเสวนาด้วย เนื่องจากหากมีผู้ไม่หวังดีตั้งคำถามพาดพิงกับบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น ตนมองว่าไม่เหมาะสม อาจเข้าข่ายการเสวนาทางการเมือง เมื่อรู้เช่นนั้นเจ้าหน้าที่อาจระงับ บุคคลที่จะตั้งคำถามอาจเข้าใจผิดในการเสวนาด้วย ซึ่งคนภายนอกที่ไม่ได้รับการประสานโดยตรงอาจเข้าใจว่าคสช.ห้าม
เมื่อถามว่า สื่อสามารถสัมภาษณ์นักวิชาการได้หรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ทุกวันนี้สื่อยังสัมภาษณ์นักวิชาการในลักษณะเดิมอยู่แล้ว แต่ต้องใช้ดุลยพินิจว่าคำถามนั้นนำไปสู่อะไร เพราะทุกคำถามมีความหมายจึงต้องมองจากองค์ประกอบที่แท้จริง
ปัดหมายหัวนักวิชาการ
เมื่อถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนำเข้าที่ประชุมคสช.หรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่าต้องรอดูการประชุมคสช.วันที่ 7 ต.ค. ทั้งนี้ ขั้นตอนการขอจัดเสวนาหรือยุติการเสวนา อยากให้เป็นดุลยพินิจในพื้นที่มากกว่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจและทหารในพื้นที่นั้น ช่วงนี้เป็นช่วงละเอียดอ่อนจริงๆ เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไปสะกิดประเด็นก่อนเดี๋ยวสังคมจะมองว่าจุกจิก นอกจากนี้คสช.ไม่มีการหมายหัวนักวิชาการกลุ่มใดทั้งสิ้น รวมถึงการเรียกตัวไปปรับทัศนคติ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ต้องดูแล จะไม่เหมือนกับช่วงแรกที่ส่วนกลางเข้ามาดูแล
กินเจ - น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลือกซื้ออาหารเจ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนทานเจ เพื่อสุขภาพในช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ที่ห้างสรรพสินค้า เดอะ มอลล์ บางกะปิ กทม. เมื่อวันที่ 24 ก.ย. |
เมื่อถามว่า ขณะนี้คสช.ลดบาทลงหรือไม่หลังจากมีรัฐบาล พ.อ.วินธัยกล่าวว่า เมื่อมีรัฐบาลบทบาทของคสช.ก็ลดลงตามลำดับอยู่แล้ว หน้าที่คสช.ตอนนี้ดูเรื่องที่กระทบความมั่นคง ส่วนงานอื่นๆ เป็นการติดตามและแนะนำคล้ายที่ปรึกษารัฐบาล เชื่อว่าการที่มีข้อมูลหลากหลายเป็นผลดีกับฝ่ายบริหาร
อาจารย์มช.เดินหน้าจัดเสวนา
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวกรณีถูกเจ้าหน้าที่ทหารสั่งไม่ให้จัดเสวนาว่าด้วยเรื่องปี๊บ ว่าเจ้าหน้าที่ทหารขอความร่วมมือให้งดการจัดเสวนาดังกล่าว ให้เหตุผลว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่สงบ เกรงว่าหากจัดเสวนาวิชาการแล้วจะทำให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองและนำไปสู่ความแตกแยกของสังคม เราได้ชี้แจงว่าการเสวนาเรื่องปี๊บมีจุดประสงค์อะไร ทำไมจึงเป็นประเด็นในขณะนี้ ผู้ที่นำปี๊บมาคลุมหัวแสดงนัยยะและสัญลักษณ์เพื่ออะไร เราไม่ปฏิเสธว่าหัวข้อ ดังกล่าวไม่เชื่อมโยงกับการเมือง แต่ไม่คิดว่าประเด็นนี้จะนำไปสู่การแตกแยกของสังคม
"ยืนยันว่า เสรีภาพทางวิชาการไม่เป็นอันตรายต่อสังคม ยิ่งเป็นสถาบันการศึกษาต้องมีหน้าที่ให้ความรู้ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของเสรีภาพเพื่อทำให้สังคมเดินหน้าต่อไปได้" นายสมชายกล่าว และว่าหลังจากนี้จะพยายามเดินหน้าต่อ แต่ต้องปรึกษากับผู้จัดอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ขอเน้นย้ำว่างานวิชาการเป็นสิทธิเสรีภาพที่แสดงออกได้ เมื่อถามว่าสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้จัดเสวนาเพราะเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีความเข้มข้นทางการเมืองหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่าประเด็นนี้ไม่น่าเกี่ยว เพราะหลายจังหวัดแม้แต่กรุงเทพฯ ก็โดนแบบนี้
ดำเนินการ 2 แนวทาง
ด้านนายอรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่าการจัดเสวนาดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิก แต่เลื่อนการจัดงานไปก่อน รอดูสถานการณ์ของสังคมว่ามีความคิดในเรื่องเสรีภาพทางวิชาการมากขึ้นหรือไม่ และจะหารือกันในอีกครั้ง ส่วนการทำหนังสือถึงคสช.เพื่อขออนุญาตยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องให้มาอนุมัติก่อน ถ้าทำอย่างนั้นเราคงสอนหนังสือกันไม่ได้
นายอรรถจักร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้วางแนวทางดำเนินการไว้ 2 อย่างคือ 1.จะปฏิบัติตามพันธกิจของนักวิชาการ ทำให้สังคมเห็นแง่มุมที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งคิดว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของอำนาจ แต่เป็นเรื่องของพันธกิจทางวิชาการ 2.แต่ละคนจะร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อสังคมในรูปแบบอื่นๆ ด้วย เช่น บทความ ส่วนที่มี 60 นักวิชาการจาก 16 มหาวิทยาลัย ร่วมออกจดหมายเปิดผนึกแสดงความไม่เห็นด้วยในการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการนั้น เป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็นนิมิตหมายที่ดีมากสำหรับนักวิชาการรุ่นใหม่
'อ.เอกชัย'แท็กทีมคลุมปี๊บ
วันเดียวกัน ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ท่าพระจันทร์ นายเอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม นำการ์ดให้กำลังใจมามอบให้แก่นายวิโรจน์ อาลี รองคณบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ มธ. หลังนำปี๊บคลุมหัวแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมธ. เลือกดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ระหว่างสมาชิก สนช.กับอธิการบดี และเสรีภาพทางวิชาการ กรณีเจ้าหน้าที่ยุติกิจกรรมเสวนาที่ มธ.ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 ก.ย.
การ์ดดังกล่าวเป็นการ์ดที่นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนให้กำลังใจนายวิโรจน์ พร้อมเสื้อสามัญสำนึกที่นายสุกรีฝากมาให้ ซึ่งเสื้อนี้จัดทำขึ้นโดยนายสุชาติ วงษ์ทอง ศิลปินสีน้ำ และนายเอกชัยยังนำปี๊บของนายวิโรจน์มาสวมศีรษะด้วย
นายเอกชัย กล่าวว่า ในฐานะศิษย์เก่ามธ. 1 เสียง ขอนำดอกไม้มอบให้นายวิโรจน์เพื่อให้กำลังใจ และขอเรียกร้องให้นายสมคิด เลือกดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เสรีภาพในความเห็นต่างเป็นเรื่องสำคัญ การเปิดให้มีความคิดเห็นที่แตกต่างจะทำให้สังคมเจริญขึ้น การแสดงออกโดยการใส่ปี๊บ ไม่ได้เกี่ยวข้อง กับคสช. แต่เกี่ยวกับตำแหน่งอธิการบดี มธ. ควบสนช.
ประชาคมมหิดลนัดแถลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 25 ก.ย. เวลา 11.00 น. ประชาคมมหาวิทยาลัยมหิดล จะแถลงถึงท่าทีกรณีนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุขและอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนหลังสภามหาวิทยาลัยมหิดลมีมติให้ตัดสินใจเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ที่ห้องกระจกชั้น 1 ตึกอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา อย่างไรก็ตาม เดิมนพ.รัชตะได้นัดหารือ เพื่อชี้แจงต่อประชาคมมหาวิทยาลัยมหิดลในวันดังกล่าว แต่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ได้แจ้งยกเลิก
'ยงยุทธ'ชี้'รัชตะ'มีสิทธิ์ควบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯด้านสังคม กล่าวกรณีสภามหาวิทยาลัยมหิดลมีมติให้นพ.รัชตะเลือกดำรงตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียวว่า รมว.สาธารณสุขรับเรื่องนี้ไปพิจารณาแล้วและยังมีเวลาก่อนจะออกมาชี้แจงต่อไป เมื่อถามว่าแสดงว่าได้ข้อสรุปแล้วใช่หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่านพ.รัชตะคงจะออกมาชี้แจงต่อไป ตนพูดแทนไม่ได้ เมื่อถามว่าหากยืนยันจะคงสถานภาพทั้ง 2 ตำแหน่งก็จะออกมาชี้แจงใช่หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ที่จริงนพ.รัชตะมีสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่อยู่ที่นพ.รัชตะจะตัดสินใจอย่างไร
ส่วนที่นักวิชาการเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการ นายยงยุทธกล่าวว่าสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ยังไม่ปกติดี แต่ละคนต้องช่วยกันพยุงให้ดีขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิทธิ์แสดงความเห็น ต้องดูว่าความพอดีอยู่ตรงไหนโดยดูช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย ขอย้ำว่าต้องช่วยกันประคองสถานการณ์ให้กลับสู่สภาพปกติ ขณะนี้เรามองแง่ความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนที่นักวิชาการระบุรัฐบาลอย่าล้ำเส้นทางนักวิชาการเช่นเดียวกันนั้น นายยงยุทธกล่าวว่าต่างคนต่างมองซึ่งต้องมาพูดคุยกัน ที่ผ่านมาก็มีการแสดงความเห็นผ่านสื่อพอสมควร
เสนอตรวจสอบสปช.หลังตั้ง
นายยงยุทธ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ขั้นตอนการสรรหาสปช. ที่ต้องการให้เปิดเผยต่อสาธารณะว่า ขึ้นอยู่กับคสช. ซึ่งตนเห็นว่าการพิจารณาส่วนหนึ่งจำเป็นต้องเป็นความลับบ้าง เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะประกาศรายชื่อสปช.ไม่ทันตามกรอบเวลาวันที่ 2 ต.ค. เนื่องจากมีการร้องเรียนในหลายเรื่อง นายยงยุทธกล่าวว่าไม่น่ามีปัญหา ที่ผ่านมาเราคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีการร้องเรียน เช่น การเลือกบุคคลรู้จักกันเข้ามา หรือสามีเลือกภรรยา แต่เราต้องดูว่ามีการกระทำที่ละเมิดกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ หากไม่ก็ไม่มีปัญหา ส่วนที่หลายฝ่ายเสนอให้ตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดก่อนเลือกให้เหลือเพียง 250 คนนั้นก็ดี แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าจะตรวจสอบทันหรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาแล้วมาตรวจสอบพบความผิดปกติก็ยังเล่นงานได้
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่คสช.จะถูกครหาเรื่องความโปร่งใสในการคัดเลือกสปช. นายยงยุทธกล่าวว่าขั้นตอนเป็นไปตามที่ระบุไว้ แต่ผลอาจไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ตามที่ตั้งใจเพราะมีเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมอยู่บ้าง ขอให้ดูที่ความพยายาม
หม่อมอุ๋ยถกนายกฯ-กระตุ้นศก.
เวลา 14.55 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ และนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เดินทางเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า
หลังหารือนาน 2 ชั่วโมง ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเผยว่าได้หารือภาพรวมงานด้านเศรษฐกิจในทุกเรื่อง แต่นายกฯขอไว้ว่าให้เรื่องผ่านการพิจารณาของที่ประชุมครม.ก่อน ส่วนเรื่องยางพาราที่เกษตรกรยังไม่พอใจมาตรการช่วยเหลือนั้นไม่กังวล ได้ประชุมและหารือกันในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.)ไปแล้ว อีกทั้งนายกฯดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง สำหรับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 นั้น รอประชุมครม.ก่อน วันนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ยืนยันว่ามาตรการที่วางไว้จะออกมาเป็นชุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ และจะออกมาดีมากอย่างแน่นอน
สั่งเกษตรฯ-พาณิชย์คุยม็อบยาง
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ เตรียมรวมตัวเคลื่อนเข้ากทม.ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ เพื่อขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องราคายางพาราตกต่ำว่า พล.อ.ประยุทธ์กำชับให้ ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานในพื้นที่ พูดคุยทำความเข้าใจกับชาวสวนยางให้ได้ข้อสรุปในพื้นที่ก่อน และขอความร่วมมืออย่าเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรและบรรยากาศการรักษาความสงบเรียบร้อย อีกทั้งชาวสวนยางก็ไม่ต้องลำบากเรื่องสถานที่พักอาศัยและการเดินทาง
เมื่อถามว่า หากชาวสวนยางยืนยันจะเข้ากทม. รัฐบาลจะมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายหรือไม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า รัฐบาลมอบให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแต่ละจังหวัดชี้แจงชาวสวนยางในแต่ละจังหวัด ขอให้เกษตรกรยื่นเรื่องผ่านศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด เพื่อแยกประเด็นปัญหาก่อนส่งข้อร้องเรียนมาถึงส่วนกลางเพื่อแก้ปัญหา แต่ถ้าในพื้นที่ตกลงกันไม่ได้ก็ต้องมาหารือกันอีกครั้งว่าจะส่งเพียงตัวแทนเข้ามาพูดคุยกับรัฐบาลได้หรือไม่
ปปช.-อสส.ถกคดีข้าว 10 ต.ค.
เวลา 13.45 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าการแสวงหาข้อเท็จจริงไมโครโฟนห้องประชุมครม.แพงเกินจริง ว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนเรื่องนี้มาจึงนำเข้าหารือในที่ประชุมป.ป.ช. และให้สำนักงานเลขาธิการป.ป.ช.แสวงหาข้อเท็จจริง ทราบว่ามีความคืบหน้าพอสมควร เชื่อว่าอีกไม่นานคงรายงานให้ที่ประชุมป.ป.ช.ทราบเพื่อพิจารณาว่ามีมูลเหตุเพียงพอจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่
นายปานเทพ กล่าวถึงการประชุมของคณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด (อสส.) คดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า เลขาธิการป.ป.ช.รายงานผลการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ให้ทราบแล้ว โดยพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ที่อสส.ตั้งข้อสังเกต และป.ป.ช.ได้ชี้แนะข้อมูลเพิ่มเติมว่าพยานเอกสารนั้นมีอยู่ในจุดใดบ้าง ส่วนพยานที่อสส.ต้องการให้เพิ่มนั้น ป.ป.ช.ย้ำไปแล้วว่าพยานบางอย่างที่ป.ป.ช.ไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมนั้นเพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ฟ้อง แต่ถ้าอสส.ยังยืนยันก็ต้องกลับไปคุยกันก่อน แล้ววันที่ 10 ต.ค.จะนัดหารือกันอีกครั้ง
ถกอีก 2 นัดสรุปได้
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า คณะทำงานร่วมได้พูดคุยในกรอบทั้ง 4 ประเด็นแล้ว ป.ป.ช. ยืนยันข้อไม่สมบูรณ์ไปว่าในสำนวนนั้นมีพยานหลักฐานหมดแล้วและอยู่ในเอกสารแฟ้มที่หน้าที่เท่าใด ฝ่ายอสส.ต้องกลับไปดูว่าข้อที่ป.ป.ช.ระบุว่าสอบแล้ว รวบรวมไว้แล้วนั้นพอฟังได้หรือไม่ แล้วกลับมาบอกในที่ประชุมวันที่ 10 ต.ค. เวลา 10.00 น. ว่า อสส.รับได้หรือไม่ได้แล้วป.ป.ช.รับได้หรือไม่ ถ้าตกลงกันไม่ได้ จะถือว่ายังไม่สามารถตกลงกันในเรื่องการดำเนินคดีได้ แต่ถ้ารับได้ ทำร่วมกันได้ก็ต้องไปดำเนินการร่วมกัน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า คณะทำงานตั้งปฏิทินไว้ว่าจะประชุมอีก 2 ครั้งจึงจะสรุปได้ ยกเว้นหากต้องมีการไต่สวนเพิ่มเติมก็ต้องเพิ่มเวลา ซึ่งต้องดูก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากนัดประชุมวันที่ 10 ต.ค.แล้วไม่มีอะไร ก็นัดกันได้อีกภายในไม่เกิน 10 วัน เรื่องนี้ต้องทำให้กระจ่างเพื่อสังคมจะได้กระจ่างด้วย ดังนั้นตามกรอบปกติก็เชื่อว่าสามารถสรุปได้ไม่เกิดสิ้นเดือนต.ค.ว่าอสส.จะส่งฟ้องหรือไม่ หรือป.ป.ช.จะส่งฟ้องเอง
'วิชา'โวมีหลักฐานเด็ด
นายวิชา มหาคุณ กรรมการและโฆษกป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวก ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและ ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐว่า ยังดำเนินการอยู่ เนื่องจากมีผู้ถูกกล่าวหาต้องการมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมอีก ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์ โดยระบุมีข้อมูลหลักฐานสำคัญจะนำมาให้ใน 1-2 วันนี้ จึงต้องรอไต่สวนพยานส่วนนี้เพื่อดูว่าจะมีข้อมูลส่วนใดเสริมได้บ้าง ทั้งนี้ ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นข้าราชการระดับใด กรมใดเพราะถือเป็นพยานลับที่ป.ป.ช.ต้องปกปิด
"มีข้อหาบางอย่างที่ต้องเพิ่มความชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากมีกฎหมายอื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ กฎหมายการค้าข้าว ที่เกี่ยวข้องในการไต่สวนด้วย เราต้องทำให้ครบถ้วนก่อนส่งสำนวนไปสำนักงานอัยการสูงสุด" นายวิชากล่าวและว่า ส่วนบริษัทสยามอินดิก้า ผู้ค้าข้าวนั้น ได้ส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามาให้ป.ป.ช.แล้ว และยังมีตัวบุคคลของบริษัทเอกชนซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วที่เข้ามาชี้แจงด้วย
เมื่อถามว่า เดิมระบุจะสรุปสำนวนเพื่อรายงานให้ที่ประชุมป.ป.ช.พิจารณาก.ย.นี้ นายวิชากล่าวว่าอาจเป็นบางคนที่สรุปได้ก่อน บางคนยังไม่เสร็จก็ไต่สวนต่อไป ไม่ได้รอพร้อมกันทั้งยวง ไม่ต้องพ่วงกันทั้งหมด อันไหนเสร็จก็ส่งเข้ากรรมการก่อน ส่วนจะเป็นคดีของใครที่สรุปเข้ากรรมการได้ก่อนนั้นคงบอกไม่ได้ รอให้สรุปก่อน ป.ป.ช. จะพยายามให้จบภายในเดือนต.ค.นี้ เพราะ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการไต่สวนล้ากันแล้ว
รายการบิ๊กตู่อำลาจอ
รายงานข่าวแจ้งว่า รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยทุกคืนวันศุกร์ ในเวลา 20.15 น. ซึ่งเป็นการชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ของพล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังมีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจจะออกอากาศรายการคืนความสุขฯเทปสุดท้ายในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 20.15 น. อาจใช้เวลา 30-40 นาที ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เตรียมอัดเทปชี้แจงรายละเอียดวันที่ 25 ก.ย. ที่บก.ทบ. ส่วนจะมีรายการใหม่มาแทนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถ้ามีอาจปรับเปลี่ยนเวลาพบประชาชน โดยอาจออกอากาศทางช่องเอ็นบีทีหรือช่อง 11 เพียงช่องเดียวเท่านั้น
"ปู"ซื้ออาหารเจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลถือศีลกินเจ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้เวลาว่างไปเยี่ยมเยียนและจับจ่ายซื้อสินค้าและอาหารเจ และรับประทานอาหารเจที่ห้างดังย่านบางกะปิ พร้อมให้กำลังใจผู้ค้า ก่อนเชิญชวนคนไทยให้รับประทานอาหารเจ ซึ่งเป็นอาหารสุขภาพมีผลดีต่อร่างกาย โดยมีประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าให้ความสนใจสอบถามสารทุกข์สุกดิบ ให้กำลังใจพร้อมขอถ่ายรูปจำนวนมาก
'บิ๊กตู่'โอดรบ.งานหนัก ลากองทัพ ขอกำลังใจ-ลั่นยังสู้ต่อบิ๊กกี่ชี้จัดเสวนารอสปช. 'เอกชัย'คลุมปิ๊บจี้สมคิด เลือก'อธิการ'หรือ"สนช.''ปลัดแอ๊ด'ปธ.สภากทม. ขอสื่อทำเนียบชุดสุภาพ
'บิ๊กกี่'แนะวงเสวนาให้รอ สปช. คสช.แจงขอดูเนื้อหาก่อนให้สัมมนาวิชาการ ปัดหมายหัวนักวิชาการ ปี๊บคลุมหัวระบาด 'นักวิชาการ-แท็กซี่'เอาบ้าง บิ๊กตู่'ฝากกองทัพให้กำลังใจ รบ.อาการหนัก 'ปลัดแอ๊ด'นั่ง ปธ.สภา กทม.
@ 'ประยุทธ์'ร่วมพิธีวันทหารราบ
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานพิธีวันทหารราบและพิธีสวนสนามเทิดเกียรติยศนายพลเหล่าทหารราบ ประจำปี 2557 จะเกษียณอายุราชการจำนวน 89 นาย อาทิ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายน นอกจากนี้ ยังมีคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบกและอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรอง ผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ. มาร่วมพิธี
@ ขอกำลังใจรบ.อาการหนักด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลตอนหนึ่งว่า ยินดีที่ได้มาร่วมพิธีในวันนี้ รวมถึงได้มีโอกาสรำลึกถึงเกียรติประวัติ วีรกรรม ความกตัญญูของเหล่าทหารราบ ช่วง 4 ปีที่เป็น ผบ.ทบ. ถือว่าได้ทำงานเต็มที่ มีทั้งผิดและถูก รวมถึงการลองทำด้วย ได้ศึกษาแนวทางของอดีต ผบ.ทบ. ทั้ง 36 คนมาเป็นแบบอย่างในการทำงานของตน หวังว่าน้องๆ ในกองทัพบกจะสามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ เพราะทุกคนมีความสามารถ
"ผมจะร้องไห้เสียใจก็ต่อเมื่อสูญเสียลูกน้อง ไม่ใช่วันอำลาตำแหน่ง เนื่องจากตั้งแต่รับราชการวันแรกก็รู้วันเกษียณ แม้จะอำลาการเป็นทหารราบในวันนี้ แต่ตัวก็เป็นทหารราบตลอดชีวิต ความเป็นเพื่อนพี่น้องของทหาร จะเป็นไปจนตลอดชีวิตไม่มีวันจบสิ้น ขอให้ทุกคนรักและผูกพันกันมากๆ มีปัญหาขอให้พูดกัน ทหารต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี เชื่อมั่นว่าผู้บังคับบัญชาทุกคนมาทำหน้าที่ในวันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไปที่กองทัพบก จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทหารเกษียณจะถอยออกมาให้กำลังใจ ผมจะเฝ้าดูความเจริญเติบโตของกองทัพในวันข้างหน้า และขอให้กำลังใจกับรัฐบาลด้วย เพราะวันนี้รัฐบาลก็อาการหนัก เนื่องจากงานมีจำนวนมาก แต่สู้ไหว เพราะผ่านวันเวลายากลำบากมาแล้ว ดังนั้น จะทำเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองให้ได้ โดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่การทำงานที่ไม่มุ่งหวังอะไรเป็นสิ่งยาก เพราะกระแสต่อต้านก็จะมาก แต่ก็จะทำให้ดีที่สุดและดูแลประเทศชาติ รวมถึงกองทัพบกและเหล่าทัพ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ มั่นใจคุมทุจริตในรัฐบาลได้
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการป้องกันการทุจริตในรัฐบาลว่า ตนคุมรัฐบาลและคุมรัฐมนตรีได้ เพราะมีหน้าที่ต้องบังคับบัญชา การทำงานก็เหมือนกับทหาร เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องคุมรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคณะทำงานฝ่ายการเมืองให้ได้ ส่วนระดับราชการก็ต้องไปควบคุมตามลำดับ ทุกอย่างมีความรับผิดชอบตามกฎหมายอยู่แล้ว ในเมื่อมีนโยบายชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะต้องปฏิบัติ ถ้าไปทำทุจริตและผิดกฎหมาย ถือว่าผิดนโยบาย เรื่องใดก็ตามดูแล้วไม่ถูกต้อง ก็ต้องไปร้องเรียนหรือฟ้องร้อง เพื่อให้โอกาสสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะการตั้งคณะกรรมการ ถูกดำเนินคดีอาญาและแพ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจว่าจะไม่ให้ทุจริตซ้ำรอยรัฐบาลชุดที่เเล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะซ้ำได้อย่างไร ในเมื่อเจตนาตนไม่ทำ เจตนาของรัฐบาลไม่ต้องการผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว เท่าไรก็ไม่ต้องการ และรัฐมนตรีทุกคนก็ไม่ต้องการ อยากจะถามว่า จะซ้ำตรงไหน ถ้าสื่อหรือใครได้ข่าวการทุจริต ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และประชาชนต้องช่วยกันเฝ้าระวังเพื่อแจ้งขึ้นมา จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นตามขั้นตอนทุกอย่าง ถ้าผู้บริหารไม่ต้องการผลประโยชน์ ก็จบแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่เคยกดดัน ใครจะจับตามองก็จับตามองมา จะมากดดันด้วยเรื่องอะไร ในเมื่อทำในสิ่งบริสุทธิ์ใจและจริงใจกับประเทศชาติ รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหา จะต้องไม่เกิดขึ้นในอนาคต ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรี "ผมไม่ใช่คนไม่รักประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยต้องพร้อมก่อน ต้องแก้ไขประชาธิปไตยของเราให้ได้ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ยันเลือกสปช.ไม่มีล็อกสเปก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการคัดสรรสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่าอย่ากังวลในเรื่องของการปฏิรูป ไม่มีการล็อกสเปก เพราะไม่ได้ไปล็อกกับใคร และเขาจะมาช่วยอะไรได้ เพราะหน้าที่ของตนคือการดูแลประเทศชาติ จะต้องระดมสติปัญญามาอยู่ในคณะทำงานของแต่ละกลุ่ม เมื่อคัดเลือกมาแล้ว 250 คน ก็จะคัดเลือกให้เหลือ 173 คน บวก 77 คน ก็จะต้องมาจัดกันใหม่ ว่าใครจะอยู่กลุ่มไหนใน 11 กลุ่ม ไม่ใช่ว่าสมัครกลุ่มไหนแล้วได้กลุ่มนั้น หลังจากนั้นจะเลือกประธาน สปช. ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ จะคล้ายกับ สนช. ยืนยันว่าไม่ได้มีแนวทางให้กับ สปช. ให้เขาไปคิดกันเอาเอง ปัญหาเขารู้อยู่แล้ว เพราะมีการทำปฏิรูปครั้งที่ 1 ไปแล้ว มีคณะไปศึกษามาแล้ว ทั้งนายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส รวมทั้งนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
"ถ้าจะทำให้เร็ว ก็เอาคนพวกนี้มาดู หากมีความเห็นก็เสนอเข้ามา ก่อนจะนำเข้าไปสู่คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ อีกส่วนหนึ่งจะเข้าไปที่ สนช. เพื่อให้ออกมาเป็นกฎหมาย เพื่อปฏิบัติ ผมสั่งเขาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของ สปช. ต้องโหวตยกมือกันว่าเห็นด้วยหรือไม่ จะไปล็อกสเปกทำไม ถ้าล็อกสเปกมาทั้งหมด ก็ได้คนไม่มีความรู้หลากหลาย จะลงมาทำงานทั้ง 11 กลุ่ม ทำไม่ได้ แต่ปัญหาขณะนี้บางกลุ่มมีเยอะ โดยเฉพาะการศึกษามีประมาณ 700-800 คน ขณะที่ด้านสื่อมวลชนมีเพียง 100 กว่าคน ถือว่าน้อยมาก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ จ่อเลิกจ้อรายการ'คืนความสุข'
รายงานข่าวแจ้งว่า รายการคืนความสุขให้คนในชาติที่ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งชาติ ทุกคืนวันศุกร์ เวลาประมาณ 20.15 น.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ออกมาชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจจะออกอากาศรายการคืนความสุขเทปสุดท้ายวันศุกร์ที่ 26 กันยายนนี้ เวลา 20.15 น. อาจจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที พล.อ.ประยุทธ์เตรียมอัดเทปวันที่ 25 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ส่วนรายการใหม่จะมาแทนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีรายการใหม่ขึ้นมาทดแทนหรือไม่ แต่ถ้ามีอาจปรับเปลี่ยนเวลาออกอากาศทางช่องเอ็นบีทีเพียงช่องเดียวเท่านั้น
@ ขอนักข่าวทำเนียบไม่ใส่ยีนส์ซีด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล และสั่งปรับภูมิทัศน์สถานที่ต่างๆ รวมถึงห้องปฏิบัติการผู้สื่อข่าวหรือรังนกกระจอก ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้แจ้งไปยังผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ขอความร่วมมือการแต่งกายให้เรียบร้อย ให้ผู้สื่อข่าวหญิงสวมกระโปรงหรือกางเกงผ้า งดสวมกางเกงยีนส์สีซีด ส่วนผู้สื่อข่าวชายงดใส่กางเกงยีนส์สีซีด ให้ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินหรือสีดำได้ และขอให้งดการใส่รองเท้าผ้าใบสีฉูดฉาด งดใส่เสื้อยืดคอกลม และให้โกนหนวดเครา ไม่ให้ไว้รุงรัง อย่างไรก็ตาม สื่อประจำทำเนียบรัฐบาลได้ให้ความร่วมมือและยอมรับว่าทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ที่สำคัญระดับประเทศ จึงควรที่จะแต่งกายให้เหมาะสม
@ 'ไก่อู'แจงเลิกกม.หมิ่นต้องมีกรอบ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีองค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้) อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ปล่อยตัว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสารวอยซ์ ออฟทักษิณ และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ในคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยแอมเนสตี้เห็นว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายสากลว่า ขอชี้แจงว่ารัฐบาลไทยเข้าใจว่าจะต้องเคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชนและสิทธิเสรีภาพ แต่ในเรื่องดังกล่าวก็จำเป็นต้องมีกรอบ ขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศนั้นๆ ด้วย คนในสังคมไทยเห็นควรและยินยอมกับกฎหมายฉบับนี้ และยอมไม่ได้จะให้ใครมาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่นายสมยศกระทำ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานกรณีนายถนอม อานามวัฒน์ ผู้เขียนแบบเรียนประวัติศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ของกระทรวงศึกษาธิการลบชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากแบบเรียนว่า การที่นิวยอร์กไทมส์ลงเว็บไซต์ถึง 2 ครั้งแสดงว่ามีนัยยะสำคัญ และข้อความลงในเว็บไซต์เป็นข้อความเดิมๆ ระบุว่ารัฐบาลไทยกับ คสช.ออกคำสั่งให้ลบชื่อออกจากตำราเรียน เพื่อไม่ให้อยู่หน้าประวัติศาสตร์ชาติ ขอยืนยันว่าไม่มีคำสั่งดังกล่าว หรือให้ไปดำเนินการใดๆ เพราะเราตระหนักดีว่าประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเป็นเรื่องจริงก็ไม่สามารถลบได้
@ 'บิ๊กป๊อก'แจงเปิดชื่อสปช.ยิ่งวุ่น
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการคัดเลือก สปช.รอบสุดท้ายว่า ในฐานะกลุ่มที่ปรึกษา ใน 11 ด้าน จะมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับในเรื่องนั้นๆ ในทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ผลมาให้กรรมาธิการสามารถเขียนเป็นกฎหมายได้ คงไม่มีการล็อกสเปก เพราะแต่ละคณะต้องทำงานหนักและยาก ต้องมีผลงานออกมา ส่วนสาเหตุไม่เปิดเผยรายชื่อ อาจทำให้หลายฝ่ายมองไปในเรื่องของการล็อกสเปกนั้น หากเปิดรายชื่อมาก็วุ่นนะ เดี๋ยวจะวิ่งเต้นกัน ท่านจะต้องเชื่อใจใครสักคน หากเปิดรายชื่อมาก็คงจะระส่ำระสาย เขาคงมีวุฒิภาวะจะคัดคนมาทำงานตามระบบคุณธรรม คิดว่าต้องเชื่อใจกันว่า คสช.จะคัดคนดีคนมีความสามารถ
@ 'ยงยุทธ'แย้มสปช.ด้านการศึกษา
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคม กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การสรรหาสมาชิก สปช. ว่า มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการศึกษา มั่นใจว่าบุคคลที่จะเข้าไปทำหน้าที่ด้านการศึกษา บางคนมีชื่อเป็นที่รู้จักของสังคม มีบุคคลที่มาจากด้านอุดมศึกษา พื้นฐานการศึกษานอกโรงเรียน การศึกษาทางเลือก อาชีวศึกษา ส่วนจะประกาศรายชื่อ สปช.ทันตามกรอบเวลาวันที่ 2 ตุลาคมหรือไม่นั้น ไม่น่ามีปัญหา ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าจะมีการร้องเรียน เช่น การเลือกบุคคลรู้จักกันเข้ามา เช่น สามีเลือกภรรยา เป็นต้น แต่ต้องดูว่ามีการกระทำอะไรที่ละเมิดกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ หากไม่ทำอะไรผิดก็ไม่มีปัญหา ส่วนที่หลายฝ่ายเสนอให้มีการตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดก่อนเลือกให้เหลือเพียง 250 คน ก็เป็นเรื่องดี แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าจะตรวจสอบทันหรือไม่ หากพบว่ามีปัญหาแล้วมาตรวจสอบพบความผิดปกติภายหลังก็สามารถเล่นงานได้ อย่างไรก็ตาม ผลอาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่ตั้งใจ เพราะมีเรื่องนอกเหนือการควบคุมอยู่บ้าง ขอให้ดูที่ความพยายาม
@ สนช.แนะเปิดชื่อสรรหาจว.
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีการสรรหาสมาชิก สปช.ถูกครหาเรื่องการล็อกสเปกว่า หากการสรรหา สปช.ระดับจังหวัดมีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การเป็นเครือญาติระหว่างผู้สมัครกับกรรมการสรรหาจริง คสช.ก็ต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณา เพราะพระราชกฤษฎีกาเรื่องการสรรหา สปช.มีความยืดหยุ่น แต่คงไม่ถึงขั้นต้องสรรหาใหม่ทั้งหมด ส่วนข้อเรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับการสรรหาให้สังคมช่วยตรวจสอบนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คสช.
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 28 ระบุว่า สปช.มีได้ไม่เกิน 250 คน ดังนั้น คสช.อาจแต่งตั้งส่วนที่ไม่มีปัญหาก่อนได้
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากอดีต ส.ว.หลายจังหวัดว่าการสรรหา สปช.มีปัญหาความไม่โปร่งใส เช่น พัทลุง พังงา สุรินทร์ ผู้มีคุณสมบัติได้รับการสรรหา รวมถึงอดีต ส.ว.เป็นคนละขั้วกับกรรมการสรรหา ส่วนใหญ่เป็น อบจ. อบต. หรือคนใกล้ชิดกับคนเหล่านี้ บางคนมีปัญหากับ กกต.จังหวัด ทำให้รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะไม่ได้รับการคัดเลือก จึงหลีกมาลงสมัคร สปช.ใน 11 ด้านแทน หากจังหวัดใดมีปัญหาจริง ก็สามารถร้อง คสช.ได้ และรายชื่อ สปช.ได้รับการสรรหาแต่ละจังหวัดนั้น คสช.ควรเปิดเผยให้สังคมรับทราบ เพื่อช่วยกันตรวจสอบ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ
@ สรรหาสปช.สุรินทร์แจงร้องเรียน
ที่ จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีการร้องเรียนการสรรหา สปช.สุรินทร์ ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดตามสอบถามคณะกรรมการสรรหา สปช.สุรินทร์ทั้ง 5 ราย ปรากฏว่า นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประธานกรรมการสรรหาฯ เดินทางไปประเทศเกาหลี ส่วนนายยุทธนา วิริยะกิตติ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สุรินทร์ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งนายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ ไม่อยู่ในพื้นที่ เดินทางไปราชการที่กรุงเทพฯ จากการโทรศัพท์สอบถามทั้ง 3 ราย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องการสรรหา สปช.เป็นเรื่องความลับ เปิดเผยไม่ได้ ผู้ผ่านการสรรหาจาก จ.สุรินทร์ ทั้ง 5 คน อยู่ในขั้นตอนที่ คสช.เป็นผู้คัดเลือก ส่วนกรณีร้องเรียนถือเป็นสิทธิของแต่ละคนสามารถทำได้ แต่ยืนยันว่ากรรมการสรรหาแต่ละคนมีวุฒิภาวะมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงพอ ไม่มีใครสามารถชี้นิ้วบงการได้
@ 'อภิสิทธิ์'จี้สอบล็อกสเปกสปช.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงปัญหาข่าวการล็อกสเปก สปช.ว่า จังหวัดที่ถูกวิจารณ์หนักว่ามีการให้ญาติเข้ามานั้น ถ้าไม่เปิดเผยรายชื่อ คสช.ต้องให้ความมั่นใจว่าจะตรวจสอบว่าล็อกสเปกอย่างที่กล่าวหาหรือไม่ เพราะส่วนจังหวัดเลือกโดยคณะกรรมการกระจายอยู่แต่ละจังหวัด ถ้าคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ อาจไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างกรรมการกับคนที่ได้รับการสรรหา จะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบ สำหรับส่วนกลางคงล็อกสเปกไม่ง่าย แต่สุดท้ายทั้ง 250 คน ถ้าตอบได้ว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถและหลากหลาย กระจายเป็นตัวแทนของกลุ่มต่างๆ ก็เกิดความยอมรับเอง
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการเสวนาของนักวิชาการว่า การแสดงความคิดเห็น ไปปิดกั้นทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งหมดเป็นแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะไปบอกว่าไม่ให้มีเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องแสดงความคิดเห็นสุจริต แสดงออกเพื่อบอกว่า การเดินหน้าประเทศไปในทางที่ดีนั้นทำอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำ
@ คสช.แจงขอดูเนื้อหาจัดเสวนา
พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีทหารเข้าควบคุมและห้ามจัดประชุมเสวนาทางวิชาการว่า เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเวลาพิเศษ เลยอยากให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ส่งผลในเชิงบวก การดำเนินการทางวิชาการในหน่วยงานอื่นก็เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่บางองค์กรอาจแตกต่างกัน จึงอยากทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเสวนาเป็นเรื่องอะไร สังคมจะได้อะไร ผู้เข้าร่วมจะได้อะไร และผู้เข้าร่วมและวิทยากรคือใคร เพื่อจะได้มีรายละเอียดชัดเจน เวลา คน จะได้ไม่มองว่าเป็นกลุ่มนี้จัดเรื่องของการเมืองอีกแล้ว จะไม่จบสิ้น อยากให้แลกเปลี่ยนรายละเอียดกันให้เยอะที่สุด ให้ คสช.พิจารณาถึงเนื้อหามีความเหมาะสมหรือไม่
"เกณฑ์พิจารณาเนื้อหาหรือหัวข้อของการเสวนานั้น ในภาพรวมไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งของฝ่ายต่างๆ แต่ต้องการให้เกิดการนำเสนอและแลกเปลี่ยนในเชิงวิชาการออกมาในทางสร้างสรรค์ นักวิชาการและผู้มีวุฒิภาวะจะเข้าใจ เหมือนกับสื่อ ขอความร่วมมือในการนำเสนออย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้ง วันนี้สื่อไม่มีอาการเกร็งเหมือนวันแรกที่ คสช.ออกระเบียบ สื่อยังนำเสนอปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ แสดงว่าสื่อเองเป็นองค์กรที่มีวุฒิภาวะเข้าใจเจตนารมณ์ของ คสช." พ.อ.วินธัยกล่าว
@ ยันไม่ได้หมายหัวนักวิชาการ
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า นักวิชาการกลุ่มที่ถูกเชิญตัวไปบันทึกข้อตกลงคือ 1.อยากมีการแลกเปลี่ยนมากกว่านี้ 2.ถ้าจัดเสวนาอยากให้กำหนดจำนวนผู้เข้าไปฟังหรืออยู่ในวงเสวนา เนื่องจากหากผู้เข้าร่วมเสวนาหรือผู้ไม่หวังดีตั้งคำถามพาดพิงกับบุคคลอื่นหรือองค์กรอื่น ไม่เหมาะสม อาจจะเข้าข่ายเสวนาทางการเมือง เจ้าหน้าที่อาจจะระงับบุคคลที่จะตั้งคำถาม อาจจะเกิดความเข้าใจผิดในการเสวนาด้วย คนภายนอกที่ไม่ได้รับการประสานโดยตรงอาจจะเข้าใจว่า คสช.ห้าม
เมื่อถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะนำเข้าที่ประชุม คสช.หรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า คงต้องรอการประชุม คสช.วันที่ 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนขอจัดงานเสวนาหรือยุติการเสวนานั้น อยากให้เป็นดุลพินิจในพื้นที่มากกว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจและทหารในพื้นที่นั้น ช่วงนี้เป็นช่วงละเอียดอ่อน เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไปสะกิดประเด็นก่อน เดี๋ยวสังคมจะมองว่าจุกจิก นอกจากนี้ คสช.ไม่ได้หมายหัวนักวิชาการกลุ่มใดทั้งสิ้น รวมถึงการเรียกตัวไปปรับทัศนคติ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ต้องดูแล จะไม่เหมือนกับช่วงแรกที่ส่วนกลางเข้ามาดูแล
@ 'บิ๊กกี่'แนะเสวนาให้รอสปช.
พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิก สนช. และประธานกรรมการสรรหา สปช. ด้านสื่อมวลชน กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ออกมาว่า คสช.ห้ามจัดกิจกรรมสัมมนาและเสวนาทางวิชาการ ในสถาบันการศึกษาต่างๆ ว่า ได้ปรึกษากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานที่ปรึกษา คสช. ในส่วนการจัดกิจกรรมทางวิชาการนั้น ทาง คสช.ไม่ได้ห้าม เพียงแต่ขอความร่วมมือ อย่านำเรื่องการเมืองหรือประเด็นความขัดแย้งเข้ามาเป็นหัวข้อในการสัมมนา เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงความปรองดอง หากนักวิชาการต้องการแสดงความเห็นเรื่องการเมือง ขอให้รอเวลาอีกไม่กี่วันก็จะมี สปช.แล้ว หากมี สปช.เกิดขึ้น อยากแสดงความเห็นอย่างไรก็ทำได้ตามสะดวก
"ใครอยากพูดอะไร รอไม่กี่วันก็พูดได้เลยใน สปช. พูดได้เต็มที่ ส่วนตอนนี้ก็ไม่ได้ห้ามจัดกิจกรรม ขอเพียงเป็นวิชาการจริงๆ แล้วยกหูบอก คสช.สักหน่อย เพราะหากจัดเลย ไม่ใช่วิชาการแล้วเกิดความแตกแยกใครรับผิดชอบ คสช.อาจถูกตำหนิได้ที่ไม่ได้เข้าไปดูแล" พล.อ.นพดลกล่าว
@ รมช.ศธ.ให้อจ.เคลียร์กันเอง
นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า เสรีภาพทางวิชาการ ต้องมีความสมดุลกับความรับผิดชอบตามกฎหมาย หากดูข้อกฎหมาย ขณะนี้การจัดเสวนาสุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความแตกแยกทางการเมือง คงไม่สามารถทำได้ คงต้องขอให้อาจารย์ทุกคนทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนคงไม่ไปทำอะไร และในแวดวงวิชาการ ใช้วิธีพูดคุยทำความเข้าใจมากกว่าการสั่งการ คิดว่าคนในมหาวิทยาลัยพูดคุยกันเองน่าจะเข้าใจกันได้ดีกว่า
@ กกต.เชิญพท.-ปชป.ร่วมอภิปราย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กกต.ได้ทำหนังสือส่งมาถึงเลขาธิการพรรค พท. ขอเชิญกรรมการบริหารพรรค หรือบุคคลที่มีความเหมาะสมเข้าร่วมการอภิปราย เรื่อง แนวทางการเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคการเมือง โดยอภิปรายร่วมกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีตัวแทนนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 5 เป็น
ผู้ดำเนินรายการ ในวันศุกร์ที่ 26 กันยายน เวลา 13.00-16.00 น. พรรคคุยกันว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะหมิ่นเหม่กับสิ่งที่ คสช.สั่งห้ามในเรื่องการแสดงออกทางวิชาการ อย่างเช่นที่ มธ. ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่หรือไม่ ได้กำชับให้ตนอภิปรายอยู่ในกรอบ ไม่สร้างความขัดแย้ง
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท. กล่าวว่า คสช.มุ่งหมายเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความคืบหน้า ซ้ำร้ายยังห้ามนักวิชาการจัดวงเสวนา ส่งทหาร ตำรวจเข้าไปควบคุม จำกัดสิทธิเสรีภาพ จนประเด็นกำลังจะขยายลุกลามไปเรื่อยๆ นักวิชาการออกมาคลุมปี๊บ ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ทบทวนท่าทีเสียใหม่และเลิกใช้กฎอัยการศึกได้แล้ว
"พล.อ.ประวิตรลุอำนาจมากไปหรือเปล่า ออกมาบอกว่าอาจารย์อย่าล้ำเส้น การบริหารประเทศ ต้องเอาการเมืองนำการทหาร อย่าไปบริหารแบบกองทัพ ต้องมีลักษณะเป็นมิตร สร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วม การไปปิดกั้นมีเจตนาอย่างไร ต้องการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ทำแบบนี้เหตุการณ์อาจจะบานปลาย อาจนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ คนจะออกมาต่อต้าน คสช. เพราะทำตัวเอง วันนี้ต้องเปิดโอกาสให้นักวิชาการเสวนาหาทางออกจากความขัดแย้ง ช่วยกันตกแต่งรัฐธรรมนูญ" นายวรชัยกล่าว
@ อจ.คลุมปี๊บประท้วง'สมคิด'
นายเอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม เดินทางไปยังคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ เพื่อนำการ์ดให้กำลังใจมามอบให้แก่นายวิโรจน์ อาลี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มธ. ภายหลังนำปี๊บคลุมหัว เพื่อเรียกร้องสามัญสำนึกของอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการ กรณีเจ้าหน้าที่ยุติกิจกรรมเสวนาที่ มธ. ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 กันยายนการ์ดดังกล่าวเป็นการ์ดที่นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ฝากมาให้นายวิโรจน์ พร้อมเซ็นข้อความว่า "ให้กำลังใจ อ.วิโรจน์ ด้วยความเคารพ" ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
นายเอกชัยกล่าวว่า นำการ์ดจากนายสุกรีมามอบให้นายวิโรจน์ พร้อมเสื้อสามัญสำนึก นายสุกรีฝากมาให้ด้วย จัดทำขึ้นโดยนายสุชาติ วงษ์ทอง ศิลปินสีน้ำ ในฐานะศิษย์เก่า มธ. ขอมอบดอกไม้ให้นายวิโรจน์เป็นกำลังใจ และขอเรียกร้องให้นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. เลือกดำรงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กับอธิการบดี เพราะตำแหน่งอธิการบดี มธ. มีความพิเศษ เป็นมหาวิทยาลัยของประชาชนทั่วไป อยากเรียกร้องนายสมคิดให้รักษาเกียรติภูมินี้ไว้
"เสรีภาพในความเห็นต่างเป็นเรื่องสำคัญ ทุกสังคมยินดีจะถูกมองว่าเป็นไอ้งั่ง และคิดว่าคนที่คิดว่าคนอื่นเป็นไอ้งั่ง ก็มีสิทธิคิดแบบนั้น ผมภูมิใจที่มีคนคิดเห็นแตกต่าง แม้บางคนในสังคมอาจจะไม่อยากให้มีความคิดเห็นแตกต่าง แต่จะทำให้สังคมเจริญขึ้น และผู้ที่เป็นบุคคลสาธารณะก็ควรจะยอมรับความคิดเห็นแตกต่าง" นายเอกชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 25 กันยายน เวลา 11.00 น. ประชาคมมหิดล นัดแถลงข่าวความคิดเห็น กรณี นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
ส่วนรายการอธิการบดี มม. พบประชาคม เดิม นพ.รัชตะมีกำหนดการพูดคุยเปิดใจกับประชาคม ในวันที่ 1 ตุลาคมนั้น ได้มีการยกเลิก เนื่องจาก นพ.รัชตะติดภารกิจไปต่างประเทศ
@ แท็กซี่ก็คลุมปี๊บหนุน'สุกรี'
ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ได้มีรถแท็กซี่คันหนึ่งขับเข้ามาในมหาวิทยาลัย จากนั้นผู้ขับจอดรถลงมายังด้านหน้าตึกวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และนำปี๊บมาคลุมหัว ผู้สื่อข่าวตรวจสอบทราบชื่อนายสมพงษ์ ขำต้นวงษ์ อดีตครู ปัจจุบันประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ โดยระบุว่ามาวันนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจ รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เอาปี๊บคลุมหัว เพื่อคัดค้านการควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รวมทั้งเรียกร้องให้มีการตรวจสอบกรณีไมค์แพงด้วย จากนั้นนายสมพงษ์นั่งรถรางของมหาวิทยาลัยพร้อมปี๊บคลุมหัวไปรอบมหาวิทยาลัย สร้างความสนใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง
@ เล็งลดเงินกองทุนอดีตส.ส.-ส.ว.
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายพรเพชรกล่าวก่อนเข้าประชุมว่า การมอบนโยบายในครั้งนี้มีเรื่องสำคัญจะให้สำนักงานเลขาธิการสภาไปดำเนินการใน 3 เรื่อง 1.การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทราบว่าหยุดชะงัก คืบหน้าไปเพียง 6-7% ฉะนั้นเวลาในการก่อสร้างก็จะยืดเวลาออกไปอีก 2.ค่าตอบแทนของอดีต ส.ส.และ ส.ว.ตาม พ.ร.บ.กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา หลังจากได้รับร้องเรียนจากอดีตสมาชิกว่าถูกระงับการเบิกจ่าย ต่อไป
จะดูแลให้อดีตสมาชิกได้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตจะปรับแก้ระเบียบเพื่อลดจำนวนอัตราเงินบางส่วนให้มีความเหมาะสมต่อไป
นายพรเพชรกล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาอยู่ตามนโยบายของ คสช. แต่ยืนยันว่าในชั้นนี้จะไม่มีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อให้ สนช.ในฐานะสมาชิกรัฐสภาได้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย จากเดิมกฎหมายปัจจุบันไม่ได้ครอบคลุม สนช. เนื่องจากจะเป็นการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตัวเองและ 3.เรื่องการทุจริต
จัดซื้อจัดจ้างภายในรัฐสภา เป็นปัญหาร้องเรียนและมีสมาชิก สนช.ได้อภิปรายระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เป็นจำนวนมาก ครั้งนี้จะมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาไปดูแลให้เรียบร้อยต่อไป
@ เปิดประชุมสภากทม.นัดแรก
ที่ศาลาว่าการ กทม. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) นัดแรก หลังจากมีการแต่งตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สรรหา 30 คน ตามประกาศ คสช. การประชุมนัดดังกล่าวมีสมาชิกทั้งฝ่ายบริหาร นำโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายข้าราชการประจำ นำโดยนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม. และฝ่ายนิติบัญญัติ คือ ส.ก.เข้าร่วม 29 คน ขาดเพียงนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ขอลาประชุมเนื่องจากติดราชการ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวรายงานต่อที่ประชุมว่า ตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 86 กำหนดให้มีการสรรหา ส.ก. 30 คน แทนที่ ส.ก.หมดวาระ จึงได้คัดเลือกและแต่งตั้ง ส.ก.ชุดนี้ เป็น ส.ก.ชาย 26 คน และ ส.ก.หญิง 4 คน ได้รายงานตัวแล้ว ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหาราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้เรียก ส.ก.ประชุมและเปิดการประชุมนัดแรก หลังจากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ได้กล่าวเปิดการประชุมและพบปะทักทาย ส.ก. พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกันก่อนจะเดินทางกลับ
@ บิ๊กป๊อกยันส.ก.แต่งตั้งโปร่งใส
พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงสถานการณ์ที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง หวังว่าทุกคนจะทำหน้าที่พัฒนางาน กทม.ให้มีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์ของคน กทม.อย่างแท้จริง ส.ก.ชุดนี้มาในช่วงเวลาและวาระไม่ปกติ แต่เชื่อว่าคงไม่มีอะไรต้องสั่งการเป็นพิเศษ เพราะทุกคนมีประสบการณ์ ความรู้และความสามารถ คงจะไม่ขอเปรียบเทียบที่มาระหว่าง ส.ก.ที่มาจากการเลือกตั้ง และคัดเลือกหรือแต่งตั้ง ส.ก.ชุดปกติมาจากความต้องการของประชาชน และใกล้ชิดกับประชาชน แต่ ส.ก.คัดสรรมาเต็มไปด้วยความรู้ ความสามารถ เชื่อในความโปร่งใสของทุกคน ส่วนการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร คงจะไม่ต้องแนะนำอะไรแก่ผู้ว่าฯ กทม. เนื่องจาก กทม.ถือเป็นองค์กรปกครองที่มีแนวทางเป็นของตัวเองชัดเจน และผู้ว่าฯ กทม.ก็มีประสบการณ์ในการบริหารงาน ทราบดีว่าควรจะต้องทำอะไรเพื่อประโยชน์ของคน กทม.
@ 'ปลัดแอ๊ด'นั่งปธ.สภาตามโผ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเลขานุการสภา กทม. ได้เชิญนายคำรณ โกมลศุภกิจ ส.ก.อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราวกล่าวนำ ส.ก.ปฏิญาณตน และเข้าสู่ระเบียบวาระเลือกประธานสภา กทม. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ได้เสนอชื่อ ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ เป็นประธานสภา กทม. ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบ และไม่มีผู้ใดเสนอชื่อบุคคลอื่น ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์จึงได้รับเลือกเป็นประธานสภา กทม.คนที่ 20 จากนั้น ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ได้ทำหน้าที่ประธานสภา กทม. เพื่อนำเข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสภา กทม. ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ขอความเห็นต่อที่ประชุมว่า ควรจะมีรองประธานกี่คน ตามกฎหมายกำหนดให้มีไม่เกิน 2 คน