WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8701 ข่าวสดรายวัน

ทหารสั่ง เบรกเสวนา'ปี๊บ'
สุกรีแต่งกลอน หนุนอาจารย์มธ. ครม.ตั้งบิ๊กขรก. บิ๊กตู่มุขกระจาย จะทุ่มโพเดียม


โพเดียม - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังประชุมครม. โดยช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีทำท่ายกโพเดียม แล้วกล่าวติดตลกว่า "เดี๋ยวจะทุ่มด้วยไอ้นี่สักที" เมื่อถูกถามเรื่องรัฐประหาร เมื่อวันที่ 23 ก.ย.

         'นายกฯ ตู่'ปล่อยมุข 'ทุ่มโพเดียม' โวย 60 นักวิชาการโฆษกคสช.วอนอย่าแปลเจตนาผิด กลาโหมยันไม่คิดปิดกั้นเสรีภาพ ด้านม.เชียงใหม่ชวดเสวนา"ปี๊บ"แล้ว หลังน้องบิ๊กตู่สั่งเลื่อน อ.สุกรีแต่งกลอนหนุน มธ.คลุมปี๊บ ครม.ไฟเขียว แต่งตั้งขรก.ระดับสูง-ขรก.การเมือง'นคร ศิลปอาชา'นั่งปลัดแรงงาน'อรรชกา สีบุญเรือง'ปลัดอุตฯ ต่ออายุเลขาฯ ครม.อีกปี 

อ.สุกรีส่งกลอนหนุน'อจ.มธ.'
      วันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายวิโรจน์ อาลี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ โดยนำปี๊บคลุมหัว เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ และแนะนำนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ที่ยังสับสนต่อการทำหน้าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะบทบาทขัดแย้งกัน โดยแนะให้นายสมคิดตัดสินใจเลือกสักตำแหน่ง นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แต่งบทกวีเป็นกำลังใจให้นายวิโรจน์ 
      โดยบทกลอน ระบุว่า "ควรไปอย่างสง่าอย่าต้องไล่ จะเสียหายวงศ์ตระกูลประยูรญาติ เก้าอี้หกตกคะมำคว่ำกระจาด บ้าอำนาจนึกว่ามีหลงดีใจ มวลประชาต่างพาประจานร่วม จะโดนน่วมรวมบาทาไปไม่ไหว ไปดีๆ ลงงามๆ เถิดทรามวัย ส่งหัวใจมาบอกทางให้วางลง" 
       สำหรับ นายสุกรีเป็นผู้ริเริ่มเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์นำปี๊บคลุมหัว จนในที่สุดสภามหาวิทยาลัยมหิดลมีมติให้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและรมว.สาธารณสุข เลิกควบตำแหน่งและต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งภายในวันที่ 8 ต.ค.นี้ 

มช.ยันลุยถก'ปี๊บคลุมหัวหรือยัง'
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นัดหมายจัดงานเสวนาวิชาการว่าด้วยเรื่องปี๊บ'วันนี้คุณเอาปี๊บคลุมหัวแล้วหรือยัง???'โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ นายชำนาญ จันทร์เรือง นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล นายพรชัย วิสุทธิศักดิ์ และ นายกฤษพชร โสมณวัตร 
       นายสมชายเผยว่า เราจัดงานเสวนาเพื่อยืนยันถึงความสำคัญของสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น ที่ไม่เฉพาะนักวิชาการแต่หมายรวมถึงประชาชนทุกคน และก็อยากให้รัฐบาลมีความอดทนรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย ขณะนี้ยังไม่มีการขอความร่วมมืองดจัดงานเสวนาวิชาการมาจากทาง เจ้าหน้าที่ 

ลั่นถ้าห้ามต้องออกคำสั่งให้ชัด
       นายสมชาย กล่าวด้วยว่า หากเจ้าหน้าที่เพียงแค่ขอความร่วมมือให้งดการเสวนาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ขอยืนยันว่าจะจัดงานเสวนาต่อไป เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่หากต้องการจะให้งานทางวิชาการต้องยุติลงก็จะต้องทำหนังสือออกคำสั่งอย่างเป็นทางการออกมาให้ชัดเจน แต่ก็ต้องตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ว่าในเมื่อเรายังไม่ได้พูดอะไร แล้วมารู้ได้อย่างไรว่ามีการทำผิดอะไร 
      "งานเสวนาทางวิชาการไม่ใช่เป็นการ ใส่ร้ายบุคคลใด ผู้ร่วมการเสวนาทุกคนพร้อมจะรับผิดชอบต่อคำพูดตามกฎหมายที่มีความเป็นธรรม แต่ไม่ใช่กฎหมายที่กินความกว้างอย่างกฎอัยการศึก ผมหวังว่าหากเราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไปก็จะต้องมีพื้นที่ที่สามารถแสดงความ คิดเห็นได้ด้วย" นายสมชายกล่าว

มทบ.33 ขวางถก'ปี๊บ'แล้ว
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอแจ้งเลื่อนการจัดงานเสวนาวิชาการ ว่าด้วยเรื่องปี๊บ ในวันที่ 24 ก.ย. เวลา 16.00 น. ที่ตึกใหม่คณะนิติศาสตร์ อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 33 ขอความร่วมมือคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เลื่อนกำหนดการจัดงานดังกล่าวไปก่อน 
        ก่อนหน้านี้ทางคณะนิติศาสตร์ มช. ก็ต้องยกเลิกการจัดเสวนา เรื่อง "ความสุขและความปรองดองภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557"ในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 09.30-12.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากได้รับการประสานจากมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ แจ้งให้ยกเลิก

น้องบิ๊กตู่สั่งเอง-ให้เลื่อน
       พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงการเสวนาวิชาการว่าด้วยเรื่องปี๊บว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ในกองทัพภาค 3 ลงไปเจรจาเพื่อขอให้เลื่อนการจัดงานไปก่อนแล้ว ซึ่ง ผู้จัดงานแจ้งว่าจะยกเลิกงานดังกล่าว อีกทั้งจะทำหนังสือขออนุญาตจัดงานถึงคสช. เพื่อให้พิจารณาอนุมัติก่อน 
      "ขณะนี้มีการจัดกำลังชุดเจ้าหน้าที่ประชา สัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือเรื่องการจัดกิจกรรมทางการเมือง เพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง" พล.ท.ปรีชากล่าว

บิ๊กป๊อกชี้ต้องพูดบนความจริง
       วันเดียวกัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงข้อกังวลการแสดงความเห็นของนักวิชาการต่อสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ว่า ขอขยายความที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมให้ความเห็นไปแล้วว่าเรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุดขณะนี้ ภายใต้บริบทของสังคมขณะนี้มีปัญหาความวุ่นวาย ไม่ปรองดอง ความไม่สมานฉันท์ ถ้าจะพูดอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ต้องพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง หากนักวิชาการจัดเสวนาทางวิชาการและเป็นเรื่องบริสุทธิ์ทางวิชาการคงไม่มีใครมีปัญหาหรือกังขา แต่ต้องถามว่าเป็นความบริสุทธิ์ทางวิชาการจริงหรือไม่ หากเป็นนักวิชาการแล้วคิดจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็ควรประเมินว่าสิ่งที่ทำจะเกิดผลกระทบกับส่วนรวมหรือไม่ จะทำให้บ้านเมืองวนกลับไปที่ความขัดแย้งก็ไม่ควร ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่คุ้มค่าที่จะทำ 
       "นักวิชาการอ้างว่า เป็นความบริสุทธิ์ทางวิชาการก็ต้องไปทบทวนว่าเป็นวิชาการจริงไหม ต้องดูคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องว่าเป็นอย่างไร ถ้าพูดแล้วกระทบกระเทือนความสงบสุข แล้วเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก บ้านเมืองหรือเศรษฐกิจมีปัญหาก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว 

กลาโหมอ้างไม่คิดปิดกั้น
       พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเห็นว่าการเสวนาทางวิชาการของสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมทำได้เป็นปกติ เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจกับผู้เข้ารับการศึกษาและชุมชนในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์กับสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่คสช.และรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริม และไม่ประสงค์จะปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพการจัดงานเสวนาทางวิชาการของแต่ละสถาบัน 
       "เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงขอให้สถาบันการศึกษาและผู้จัดการเสวนาทางวิชาการเข้าใจถึงความตั้งใจของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ตระหนักถึงปัญหาที่มีผลกระทบต่อส่วนรวมและประเทศชาติในสถานการณ์ที่เราต้องการความปรองดอง ขอความร่วมมือสถาบันการศึกษาและนักวิชาการใช้ดุลพินิจในการจัดเสวนาหรือการแสดงความเห็นทางวิชาการอย่างสร้างสรรค์ ระวังไม่เชื่อมโยงประเด็นที่อ่อนไหวหรือสุ่มเสี่ยงให้เกิดความแตกแยก รวมถึงพาดพิงบุคคลและให้เป็นไปตามเงื่อนไขของคสช. โดยเฉพาะเนื้อหาไม่กระตุ้นหรือขยายความขัดแย้งของสังคม เรื่องนี้เมื่อทำความเข้าใจร่วมกันแล้วก็ไม่น่าเป็นอุปสรรคกับเสรีภาพทางวิชาการ" พ.อ.คงชีพกล่าว

คสช.วอนอย่าแปลงเจตนาผิด
        พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารขอความร่วมมือให้กลุ่มธรรม ศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยหยุดจัดกิจกรรมเสวนา เนื่องจากมีหลายฝ่ายเกรงว่าบางกิจกรรมจะถูกนำไปเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ว่า เจ้าหน้าที่พิจารณาอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดบรรยากาศในเชิงบวกและสอดคล้องแนวทางความสงบเรียบร้อย จึงต้องขอทราบรายละเอียดของประเด็นเนื้อหา รวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อประกอบการพิจารณา เพื่อให้กิจกรรมนั้นเรียบร้อย เสริมบรรยากาศการพัฒนาที่ดีและระวังไม่ให้บางบุคคลแฝงเข้ามาเคลื่อนไหว ขัดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม
       พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนความเห็นควรเน้นเชิงสร้างสรรค์นำไปสู่การแก้ไขหรือพัฒนาสังคม ไม่ใช่ความโกรธแค้นหรือเกลียดชังกัน รวมทั้งขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการว่ากล่าวให้ร้าย หรือพาดพิงบุคคลอื่น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดกั้นหรือคุกคามเสรีภาพทางวิชาการใดๆ กรณีเสนอแนะหรือสะท้อนปัญหา สามารถทำได้ในช่องทางที่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่อยากให้แปลงเจตนาของ คสช.คลาดเคลื่อน ซึ่งการแก้ไขปัญหา เดินหน้าปฏิรูปประเทศและสร้างความปรองดองของคนในชาติตามโรดแม็ป ระยะที่ 2 และ 3 ยังจำเป็นที่ คสช.ต้องขอความร่วมมือจากทุกส่วน ละเว้น ชะลอการจัดกิจกรรมใดๆ ในเชิงการเมืองที่หมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อการสร้าง ปมขัดแย้ง เกิดความอ่อนไหวต่อการรับรู้ของสังคม ส่งผลให้สถานการณ์ไม่นิ่ง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาประเทศในภาพรวม หากภาควิชาการจะมีข้อเสนอแนะเชิงวิชาการต่อการแก้ปัญหาและขับเคลื่อนประเทศ น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศในขณะนี้

บิ๊กตู่ถกครม.-วาระโยกย้ายขรก.
        วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยังคงใช้ตึกสันติไมตรีหลังใน เป็นที่ประชุมเนื่องจากห้องประชุม 501 ตึกบัญชา การ 1 อยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่ หลังจากนายกฯ สั่งการให้คืนไมโครโฟนและทีวีที่มีปัญหาในการจัดซื้อ จัดจ้าง และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาครัฐ (คตร.)
      พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.ว่า การประชุมครม.วันนี้ไม่มีโยกย้ายข้าราชการกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าการโยกย้ายข้าราชการมีการกลั่นกรองโดยคณะกรรมการผ่านรัฐมนตรี ผ่านรองนายกฯ ขึ้นมาและตรวจสอบอีกครั้ง เชื่อว่าเป็นธรรมกับข้าราชการ เราพิจารณาอย่างดีที่สุด ส่วนข้าราชการฝ่ายมั่นคงนั้น ไม่ได้ยึดความอาวุโสอย่างเดียวแต่ดูที่การทำงานเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ความเร่งด่วนในการดำเนินการ ความรู้ความสามารถและต้องไม่ข้ามรุ่นมากเกินไป แต่อาจมีฟาสต์แทร็ก บ้างเป็นธรรมดา

ให้อจ.สอนค่านิยม 12 ประการ
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวประเทศอังกฤษไม่ยอมรับพิจารณาชื่อเอก อัคราชทูตไทยนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงาน ถ้าเขาไม่รับก็ไม่รับ ก็ตั้งใหม่ ทั้งนี้ขอให้ต่างประเทศยอมรับก่อน ที่ผ่านมาในหลายประเทศ ก็มีกรณีไม่ยอมรับบ้างเช่นกัน ตนมองว่าไม่ใช่ไม่ยอมรับในรัฐบาล แต่เป็นเรื่องต้องการคนนั้นคนนี้มากกว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับอย่างเป็นทางการและจะเร่งรัดให้รมว.ต่างประเทศดำเนินการ
     เมื่อถามถึงนักวิชาการ 60 คนยื่นขอแสดงความคิดเห็นเสรีภาพในการจัดเสวนาวิชาการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สามารถแสดงความคิดเห็นได้หมด หากไม่ใช่ในทางการเมือง วิชาการมันเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรตนไม่รู้ แต่พูดเรื่องนี้ทีไรกลายเป็นการเมืองทุกครั้ง และตนไม่เคยห้ามใคร แต่บอกว่าหากจะจัดประชุมเสวนาใดๆ ให้ทำเรื่องขออนุมัติมาแล้วจะพิจารณา ซึ่งบางทีขออนุมัติมา แต่พอไปฟังมันคนละเรื่องกัน บางคนบอกว่าหากห้ามแล้วเขาจะสอนอะไรเด็ก ก็มีเรื่องให้สอน ตั้งเยอะ เช่น ค่านิยม 12 ประการ สอนประชาธิป ไตยที่ถูกต้อง แต่ที่เกิดขึ้นคือพูดให้ร้ายรัฐบาลกับคสช.หมด อีกทั้งนักวิชาการทั้ง 60 คนก็รู้อยู่ว่าเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอด

ลั่นห้ามพูดนอกกรอบ
       เมื่อถามว่า หวั่นใจหรือไม่ว่าจะบานปลาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่หวั่น การทำความดีหากกลัวก็ทำไม่ได้ ต้องเด็ดขาด ส่วนที่มีคนเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในสมัย 14 ตุลาคม 2516 นั้น มันเป็นคนละสถานการณ์กัน หากใครจะจัดเสวนาใดๆ ขออนุมัติมา หากพูดนอกกรอบที่บอกมาก็ปิดเมื่อนั้น
      เมื่อถามว่า การห้ามจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องช่วยกันอธิบายว่าวันนี้ต้องการอะไร ต้องการให้ประเทศชาติสงบ ต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้องหรือไม่ หรือต้องการความขัดแย้งอย่างในอดีต การห้ามแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ จะเอาอะไรมาวัดว่าอะไรดีไม่ดี หรือถ้าต้องการเช่นนั้นก็ได้ ให้เขาตีรวนรัฐบาลไปเรื่อยๆ ทำอะไรก็ไม่ได้ แล้วงานที่ทำอยู่ขณะนี้ใครจะมาทำ วันหน้าจะหากินกับเรื่องอย่างนี้ต่อไปหรือ เดี๋ยวตีกัน มาเดินขบวนกันอีก ตนก็พร้อมหากต้องการเช่นนั้น 
       "ยืนยันว่า พวกเราตั้งใจทำงาน ทุกวันนี้ไม่ได้สบาย เมื่อเราบอกว่าเราไม่ต้องการอะไรเลยแล้วทำแบบนี้ทำไม ทำไมไม่เห็นในความเสียสละของพวกเราบ้าง ไม่ใช่ผมดีใจที่มาเป็นนายกฯ แทนที่จะพักผ่อนก็ต้องมาทำงาน 60 ปีก็แก่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

โต้ข่าวไปหาหมอดู
        เมื่อถามว่า ที่พูดว่าพร้อมให้เสนอมาถ้าคิดจะเลือกใช้วิธีแบบเดิมนั้น ถือเป็นการท้าทายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ก็คุณเขียนแบบนี้มันอย่างนี้ คุณเป็นสื่อฉบับไหน คุณชอบเขียนแบบนี้ ผมไปท้าทายใคร ผมบอกว่าให้ประชาชนคิดเอา ไม่อย่างนั้นก็บังคับให้ผมใช้อำนาจใช้กฎหมาย มันไม่เป็นผลดีกับใครสักคน ผมถามว่าเขาต้องการอะไรกัน ต้องการให้ประเทศเป็นอย่างไร หรือพวกคุณต้องการให้ประเทศเป็นแบบที่ผ่านมา หาเงินง่ายดี มีข่าวทุกวันจะเอาแบบนั้นหรือ ถ้าต้องการเช่นนั้นก็ให้บอกมา แต่ที่คุณถามนั้นไม่ค่อยดี"
       เมื่อถามถึงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เช่น การใช้ปี๊บคลุมศีรษะ สามารถแสดงออกได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ไม่ทราบว่าควรไม่ควร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับตน
       พล.อ.ประยุทธ์ ยังปฏิเสธข่าวเดินทางไปหาหมอดูอีทีว่า ไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยไปให้ตายดับเลย สำหรับหมอดูฟังไว้ไม่เสียหาย การดูของตนเป็นเพียงการนำมาประกอบเฉยๆ อย่างมงาย ส่วนใหญ่จะเตือนเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งเขาบอกว่าอุบัติเหตุตนมีอย่างเดียวคือปะทะกับนักข่าว นอกนั้นไม่มีอะไร เป็นเรื่องตบตีด้วยวาจา ตนไม่ได้โหดแต่เป็นคนดุ

ปัดยุบอปท.-แค่คิดปรับปรุง
        เมื่อถามถึงการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งมีข่าวว่าม็อบสวนยางบางส่วนยังจะชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้เราเดินหน้าแก้ปัญหาอยู่โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งตนจะเชิญสมาคมเกษตรกรมาพูดคุยอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจกัน เมื่อเช้าได้รับฟังในหลักการว่าเขายอมรับแนวทางของรัฐบาลได้ แต่ความเดือดร้อนนั้นเป็นอีกเรื่องว่าจะทำอย่างไร ถ้าเราแก้ปัญหาในระยะยาวเกินไปเขาก็เดือดร้อน ต้องหาทางออกให้ได้
        เมื่อถามถึงแนวคิดยุบองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่มีแนวคิดยุบอปท. เรื่องนี้อยู่ในส่วนการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการของสภาปฏิรูป ไม่เคยคิด เพียงแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดคุณภาพและใช้งบประมาณโปร่งใส ทั่วถึง เป็นธรรม มอบนโยบายไปแล้วว่าต้องสอดคล้องกัน รัฐบาลพยายามทำให้คนไทยทั้งหมดได้รับประโยชน์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากเพราะพื้นที่มีมาก
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการคิดและพิจารณาว่าจะให้คู่สมรส ครม. รวมทั้งภริยาของตนเข้ามาช่วยงานหรือไม่ ถ้าในด้านการสงเคราะห์การช่วยเหลือต่างๆ งานที่ทำประโยชน์เพื่อสังคมก็อาจให้เข้ามาช่วยบ้าง แต่ภริยาของตนไม่ต้องการทำให้ตนเป็นห่วง หรือเสียหาย 

ย้อนถามคนโวยล็อกสเป๊กสปช.
        เมื่อถามถึงการเข้ามาทำหน้าที่ทั้งหัวหน้า คสช.และนายกฯ จะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาและสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพูดไว้เยอะ ทั้งหมดยังดำเนินการได้ตามโรดแม็ป โดย สปช.จะคัดเลือกเสร็จในวันที่ 2 ต.ค. วันนี้รายชื่อที่ผ่านการคัดเลือก 550 คนก็มาถึงตนแล้ว ยืนยันตนไม่รู้จักใครสักคน ส่วนอีก 358 คนต้องคัดเลือกให้เหลือ 77 คนนั้นก็ส่งมาแล้ว 36 จังหวัด
       ผู้สื่อข่าวถามว่าจะลบข้อครหาล็อกสเป๊กได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า "มันล็อกอย่างไร มาบอกว่าคนนั้นเป็นพวกใครก็อยากถามว่าพวกใคร ตัวแทนของแต่ละจังหวัด ทางจังหวัดก็เลือกเข้ามาผ่านคณะกรรมการหลายคน ส่วนคณะกรรมการคัดสรรมีถึง 70 กว่าคน เท่าที่ทราบไม่ใช่ว่าผ่านการคัดเลือกเข้ามาเพราะรู้จักกัน เขาใช้วิธีโหวตคะแนน" 

ยันรู้ดีต้องใช้คนทำงานอย่างไร
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมระหว่าง คสช.และรัฐบาลจะมีขึ้นอย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงคณะที่ปรึกษาต่างๆ ด้วย ครั้งแรกจะประชุมวันที่ 7 ต.ค.นี้ โดยนาย มีชัย ฤชุพันธุ์ จะดูงานด้านกฎหมาย ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะดูงานด้านเศรษฐกิจ วันนี้รัฐบาลมี 5 กลุ่ม ซึ่ง คสช.ก็ตั้งกลุ่มงานไว้ 5 กลุ่ม ทุกอย่างจะประสานงานกัน
      "ขอให้ชื่อหัวผมเถอะ ผมทำเรื่องพวกนี้ให้ได้เลย เรื่องนี้คิดเองว่าจะต้องบริหารอย่างไร เพราะอยู่ที่กองทัพบกมา 4 ปีก็นานมาก รู้ว่าจะทำอย่างไรให้คนทำงานได้ ทำงานให้ต่อเนื่อง ให้ทุกคนได้แสดงความรู้ความสามารถออกมา ซึ่งไม่ใช่จะเก่งคนเดียว ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจ หากมีหลายหนทางก็ต้องตัดสิน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ขู่ทุ่มด้วย"โพเดียม"
       ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อคิดว่าทำดีแล้วอนาคตจะยังอยากเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า คนเรามันมีชะตาชีวิตอยู่แล้ว มีชะตากรรม ชะตาบ้านเมืองมันมีอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้นฟ้าดินก็จะเห็นเอง พระสยามเทวาธิราชดูอยู่ พระพรหมก็ดูอยู่ เมื่อถามว่าหมอดูทำนายหรือไม่ว่าจะเป็นนายกฯ นานแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ บางคนบอกว่าเป็นนายกฯ ให้น้อย บางคนก็บอกเป็นให้มาก ก็ไม่รู้ 
       ผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตข้างหน้าคิดบ้างหรือไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธทันทีว่า "ไม่เอา ไม่เอา" เมื่อถามว่าจะรอมาจากรัฐประหารอย่างเดียวหรือ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าจะยกโพเดียมที่ยืนแถลงข่าวอยู่ พร้อมกล่าวว่า "เดี๋ยวจะทุ่มด้วยไอ้นี่สักที" จากนั้นโบกมือให้ผู้สื่อข่าวและเดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที
      พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์แจ้งที่ประชุม ครม.ว่าจะขอเลื่อนวันประชุมครม. จากวันอังคารที่ 30 ก.ย.ไปเป็นวันพุธที่ 1 ต.ค. เนื่องจากติดภารกิจส่งมอบหน้าที่ผบ.ทบ. ที่กองบัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) และยังแจ้งด้วยว่ามีนโยบายให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง ครม.กับคสช. เดือนละ 1 ครั้ง เริ่มครั้งแรกในวันที่ 7 ต.ค. เวลา 09.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต เพื่อติดตามความคืบหน้าหลังจาก คสช.ส่งมอบงานที่คั่งค้างให้ ครม.และมอบให้รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านต่างๆ รับไปดำเนินการว่ามีความก้าวหน้าอย่างไร เพื่อ คสช.จะได้ติดตามงานที่สัญญากับประชาชนไว้และให้ข้อเสนอแนะกับ ครม.ต่อไป

ตั้ง"นคร"ปลัดแรงงาน
      ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม. มีมติอนุมัติการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวง ให้มีผลวันที่ 1 ต.ค.นี้ ดังนี้ นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน
      กระทรวงอุตสาหกรรม 1.นางอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นปลัดกระทรวง ซึ่งถือเป็นผู้หญิงคนแรก ที่เป็นปลัดกระทรวงดังกล่าว 2.นายธวัช ผลความดี รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน เป็นผู้ตรวจราชการ 3.นายวิรัตน์ อาชาอภิสิทธิ์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นผู้ตรวจราชการ 4.นายชุมพล ชีวะประภานันท์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้ตรวจราชการ 5.นายพิชัย ตั้งชนะชัยอนันต์ รองผอ.สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นผู้ตรวจราชการ ทั้งนี้ ตำแหน่งลำดับที่ 2-5 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.2557 ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว



"อัมพวัน"รองปลัดพาณิชย์
        กระทรวงพาณิชย์ 1.นางอัมพวัน พิชาลัย ที่ปรึกษาการพาณิชย์ เป็นรองปลัดกระทรวง 2.นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน 3.นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์ ผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ 4.นางมาลี โชคล้ำเลิศ ผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา 
      กระทรวงคมนาคม 1.นายชาติชาย ทิพย์ สุนาวี อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เป็นรองปลัดกระทรวง 2.นายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ ผู้ตรวจราชการ เป็นรองปลัดกระทรวง 3.นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เป็นรองปลัดกระทรวง 4.นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมการขนส่งทางบก 5.นายสมชาย พิพุธวัฒน์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ เป็นอธิบดีกรมการบินพลเรือน 6.นายชูศักดิ์ เกวี รองปลัดกระทรวง เป็นอธิบดีกรมทางหลวง 
        กระทรวงพลังงาน นายคุรุจิต นาครทรรพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นรองปลัดกระทรวงพลังงาน 
       สำนักงบประมาณเสนอ นายธวัชชัย กิจรัตนะกุล ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ เป็นรองผอ.สำนักงบประมาณ 

มีผลหลังโปรดเกล้าฯ
      กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) 1.ว่าที่ร.ต.ศรัณย์ สมานพันธ์ ผู้ตรวจราชการ เป็นรองปลัดกระทรวงพม. และ 2.นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ผู้ตรวจราชการ เป็นอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป 3.นายชินชัย ชี้เจริญ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาตรการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักมาตรฐานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นที่ปรึกษาวิชาการพัฒนาสังคม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงพม. ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.2557 
      กระทรวงการคลัง 1.นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการ เป็นรองปลัดกระทรวง 2.นายอำนวย ปรีมนวงศ์ ผู้ตรวจราชการ เป็นรองปลัดกระทรวง 3.นายจุมพล ริมสาคร ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมสรรพสามิต เป็นผู้ตรวจราชการ 4.นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร กรมศุลกากร เป็นผู้ตรวจราชการ 5.นายสุวิชญ โรจนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นผู้ตรวจราชการ 6.น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง เป็นผู้ตรวจราชการ 7.นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้ตรวจราชการ เป็นผอ.สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ 
        ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งเป็นต้นไป

อนุมัติตั้งตามหน่วยงานเสนอ
       ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีมติแต่งตั้ง ม.ล.จิรพันธุ์ ทวีวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครง การอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นเลขาธิการ กปร. แทนนายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ ซึ่งจะเกษียณในวันที่ 1 ต.ค.นี้ตามที่นายกฯ เสนอ และอนุมัติตามที่สำนักข่าวกรอง แห่งชาติ (สขช.) เสนอแต่งตั้งนายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม รอง ผอ.สขช. เป็น ผอ.สขช. และนายเชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ ที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก เป็นรอง ผอ.สขช. และแต่งตั้งน.ส.ปราณี ศรีประเสริฐ ที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายบริหาร (นักบริหาร ระดับสูง) 
      ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอแต่งตั้งนางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน เป็นรองเลขาธิการ สศช. 

ต่ออายุเลขาฯครม.อีก 1 ปี
        นอกจากนี้ที่ประชุม ครม.มีมติให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ ครม.ต่อไปอีก 1 ปี เป็นครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2557-30 ก.ย.2558 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ และต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สศช. ซึ่งดำรงตำแหน่งเดียวติดต่อกันครบ 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.2557 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2557-30 ก.ย.2558 ตามที่ สศช.เสนอ และอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งจะครบ 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.2557 ต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งเป็นการขอต่อเวลาครั้งแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2557-30 ก.ย.2558 ตามที่สำนักงานก.พ.เสนอ
       รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำหรับการแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่แทนนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่จะเกษียณอายุราชการ ยังไม่มีการเสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันนี้ โดยจะเข้า ครม.ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายในหลายกระทรวงที่คาดว่าจะนำเข้า ครม.เห็นชอบ อาทิ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังไม่เสนอเรื่องเข้า ครม.แต่อย่างใด

แต่งตั้งขรก.การเมืองพรึ่บ
        ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ดังนี้ 1.นายอดุลย์ ขันทอง ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม 2.นายธนวีร์ ประวัติ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม มีผลตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.2557 และเห็นชอบตามที่พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เสนอแต่งตั้ง 1.นางประภาภัทร นิยม ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ 2.พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ (พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) 3.พล.ร.ท.เรืองทิพย์ เทียนทอง เลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ 4.นายอมรวิชช์ นาครทรรพ เลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ (นายกฤษณพงศ์ กีรติกร) 5.พ.อ.ดำรงค์ สิมะขจรบุญ เลขานุการ รมช.ศึกษาธิการ (พล.ท.สุรเชษฐ์) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.เป็นต้นไป 
       ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบตามที่พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. เสนอแต่งตั้งนางจิราภา งามลักษณ์ เป็นที่ปรึกษา รมว.พม. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.2557 และแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ดังนี้ 1.นายพิษณุ เดชศรี (กระทรวงพลังงาน) 2.น.ต.ผรณเดช พัฒนาวิจารย์ (กระทรวงศึกษาธิการ) 3.นางสะไบทิพย์ ปานรัตน์ (กระทรวงสาธารณสุข) 4.พล.ต.หญิงดวงสุดา ขยันระงับพาล (กระทรวงการต่างประเทศ) 5.น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ (กระทรวงพม.)

ไพบูลย์ แจงยังไม่ตั้งปลัดยธ.
      ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งปลัดกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ขณะนี้จัดทำโผแต่งตั้งปลัดกระทรวงเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้เสนอเข้า ครม.สัปดาห์นี้ เพราะมีหลายกระทรวงเสนอแต่งตั้งโยกย้าย เมื่อถามว่าอธิบดีดีเอสไอคนใหม่จะเป็นนายตำรวจยศพล.ต.อ.คนใด พล.อ.ไพบูลย์ย้อนถามว่า ทำไมต้องเป็นตำรวจ คนอื่นไม่ได้หรือ
      เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวทาบทามพล.ต.อ.มาเป็นอธิบดีดีเอสไอ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่รองผบ.ตร. ที่อยู่ใกล้กับ รมว.ยุติธรรม พูดแทรกขึ้นว่า "ไม่ให้"

สมชัย บรรยายประชามติ'สกอต'
     ที่สถาบันพระปกเกล้า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษหัวข้อ "ประสบ การณ์ประชาธิปไตยกับกระบวนการเลือกตั้งและลงประชามติ" ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิป ไตยระดับสูง (ปปร.) รุ่นที่ 18 ของสถาบันพระปกเกล้า โดยนายสมชัยกล่าวว่า การไปดูงานการลงประชามติสกอตแลนด์ขอแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 18 ก.ย. มีจุดเด่นคือก่อนทำประชามตินั้น รัฐบาลและกกต.สกอตแลนด์ได้ให้ความรู้แก่ประชาชนก่อนตัดสินใจ และเปิดให้เข้าถึงข้อมูลรอบด้านเป็นเวลา 2 ปี ให้ถกเถียงในทุกมิติ ประเด็นต่างๆ ว่าหากแยกแล้วมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และยังได้เห็นมุมมองการทำงานของ กกต.สกอตแลนด์ ว่ามีวิธีจัดทำประชามติอย่างไร 
        "สุดท้าย ฝ่ายที่ไม่ต้องการแยกเอกราชเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ได้ยอมรับความพ่ายแพ้และระบุว่าจากนี้จะร่วมกันพัฒนาประเทศในฐานะชาติเดียวกัน ไม่มีการประท้วงคัดค้าน ส่วนผู้ชนะได้ขอบคุณชาวสกอตแลนด์ที่ยังอยู่กับอังกฤษต่อไปและขอให้รับรู้ว่าเราได้ยินเสียงแล้ว หมายความว่าถึงแม้จะแพ้แต่ข้อเรียกร้องต่างๆ ของชาวสกอตแลนด์เป็นรับทราบของรัฐบาลอังกฤษแล้ว ซึ่งต้องแยกให้ออกระหว่างคำว่าฟังกับคำว่าได้ยิน มันแตกต่างกัน ไม่รู้นายพานทองแท้ ฟังแล้วได้ยินหรือไม่" นายสมชัยกล่าว

ชี้ไทยแตกต่างแล้วแตกแยก
         จากนั้นได้เปิดให้ถามตอบ โดยนักศึกษาปปร.ถามว่าการไปดูงานครั้งนี้จะนำอะไรมาพัฒนาในประเทศไทยได้บ้าง นายสมชัยกล่าวว่า เราได้โมเดลที่น่าสนใจจากประเทศต้นแบบประชาธิปไตยหลายเรื่อง อาจมาใช้ทำประชามติแยกจังหวัดหรือประเด็นทางการเมืองที่ต้องฟังความเห็นจากประชาชน การลงประชามติในไทยมีแต่ความขัดแย้ง หากจะลงประชามติสักเรื่องต้องให้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ให้คนได้ศึกษาเรื่องที่จะลงประชามติ เพื่อให้ถกเถียงแสดงความคิดเห็น ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้ประชามติปิดปากประชาชน ที่สำคัญคือเราแตกต่างแล้วแตกแยก แต่อังกฤษแตกต่างแต่ไม่แตกแยก
       เมื่อถามว่า หากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จำเป็นต้องทำประชามติหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ต้องให้เวลาประชาชนอย่างน้อย 1 ปีเพื่อรณรงค์ถกเถียงกัน ให้ประชาชนรู้ถึงเนื้อหาสาระการลงประชามติ หากให้เวลาแค่ 2 เดือนก็อย่าทำ เพราะงบฯ 3 พันล้านบาทจะสูญเปล่า และทำให้แตกแยกมากกว่าเดิม หากอยากเลือกตั้งเร็วก็ไม่ต้องทำประชามติ หากจะทำประชามติรัฐบาลปัจจุบันต้องอยู่ในอำนาจต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง 
       เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับประกาศ คสช.ฉบับที่ 85/2557 ให้มีปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่แทนผู้บริหารที่หมดวาระลง นายสมชัยกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าการเลือกตั้งดีกว่าสรรหา การตั้งปลัดทำให้อปท.กลายเป็นรัฐราชการ แต่การเลือกตั้ง ผู้นำอปท.ยังมีปัญหาโดยเฉพาะการซื้อเสียง ต้องปรับปรุงการเลือกตั้งและการบริหารท้องถิ่นให้ดีก่อน หากยังเป็นรูปแบบเดิมแช่แข็งไว้ก่อนก็ดี

อดีตสว.โวยล็อกสเป๊กสปช.
       นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวภายหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุม กกต.รับทราบกรณีนายสมชัยเดินทางไปดูงานที่สกอตแลนด์แล้ว และขณะนี้สำนักงานกกต.ได้ส่งรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ครบแล้วทั้ง 77 จังหวัด ให้กับเลขาธิการคสช.แล้ว ถือว่าการทำงานในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาสปช. เสร็จเรียบร้อย ส่วนที่มีการยื่นร้องเรียนว่าการสรรหาสปช.ในระดับจังหวัดไม่โปร่งใสนั้น หากมายื่น สำนักงานกกต.ทำได้เพียงเสนอเรื่องไปยังคสช. ยกเว้นคสช. จะมอบอำนาจให้สอบสวนข้อเท็จจริงก็พร้อมดำเนินการ 
       ที่รัฐสภา นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า ในภาคสรรหา 11 คณะ ไม่มีปัญหา ขณะที่รายจังหวัด บางจังหวัดก็พอใจแต่มีบางจังหวัดมีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งได้รับแจ้งจากอดีตส.ว.บางคนว่าสงสัยในกระบวนการสรรหา เพราะไม่ติดรายชื่อ 1 ใน 5 ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วก่อนหน้านี้ และอยากเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปด้วย จึงไม่ทราบว่าจังหวัดใช้หลักเกณฑ์อะไรพิจารณา เห็นว่าอดีตส.ว.น่าจะได้รับเลือก หากผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยื่นเรื่องมายังคสช.ได้
      นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสนช. กล่าวถึงข่าวล็อกสเป๊กการสรรหาสปช. ว่า การสรรหาในส่วนของจังหวัดมีการร้องเรียนกันมากถึงความไม่โปร่งใส ก็ควรหยุดการสรรหาและตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน

วิษณุชี้ตั้ง 14 กก.กรอง 77 จว.เสนอ
       ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวถึงยกเลิกคำสั่งคสช.ตั้ง 14 คณะกรรมการคัดเลือกสมาชิกสปช.ว่า ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งตอนตั้งและยกเลิก เท่าที่ทราบคณะกรรมการคัดเลือกสปช.ตั้งไว้นานแล้วแต่รีบประกาศไม่ได้ เพราะเมื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้วต้องคัดเลือกในวันรุ่งขึ้นทันที ตามที่กำหนดไว้ในราชกิจจานุเบกษา 
       เมื่อถามว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวให้อำนาจคสช.คัดเลือกอยู่แล้ว ทำไมต้องตั้ง 14 คนดังกล่าว นายวิษณุกล่าวว่า ในส่วนของ 173 คนมีคณะกรรมการกลั่นกรองให้ก่อนส่งให้คสช.ทั้ง 11 ด้าน แต่ 77 คนส่วนจากจังหวัด ไม่มีคนคัดกรองให้ เลยคิดว่าตั้ง 14 นายพลขึ้นมาเพื่อคัดกรองในส่วนของจังหวัด เพราะคสช.รับชื่อมาคงไม่รู้เรื่อง เช็กเองไม่ได้ และก่อนหน้านี้มีร้องเรียนหลายจังหวัดว่าเอาลูกเอาเมีย น้องเขย สะใภ้มาเป็น ต้องเขียนคำสั่งให้ดีว่าตั้งมาเพื่อคัดเลือก 77 คนส่วนจังหวัด

เล็งตั้งเวทีปฏิรูป 2
      เมื่อถามว่า ในส่วนของตัวแทนจังหวัด หากไม่มีคณะกรรมการคัดเลือก 14 คนแล้ว จะกลั่นกรองอย่างไรก่อนถึงคสช. นายวิษณุกล่าวว่า ต่อจากนี้ไปเมื่อยกเลิกเป็นทางการแล้วก็ต้องตั้งขึ้นมาเงียบๆ กรองกันเอง โดยไม่ต้องบอกให้ใครรู้ว่ามีใคร มีคณะกรรมการคัดเลือกได้แต่ไม่ต้องประกาศก็ได้ เพราะประกาศไปแล้วคนตกใจ 
       เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่จะเปิดเผยชื่อก่อน นายวิษณุกล่าวว่า แล้วแต่คสช.พิจารณา คนที่เข้ารอบสุดท้าย 50 คนใน 11 ด้าน ติดจริงๆ มีประมาณด้านละ 15-17 คน ถือว่าผ่านด่านมาแล้ว ควรมาตั้งเวทีใช้งาน นอกจากนี้ในส่วนที่เหลือจาก 7 พันคนที่สมัคร จะไปอยู่ในเวทีปฏิรูปที่มีพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้างานกลุ่มงานสร้างความปรองดองและการปฏิรูป ส่วนอีกเวทีที่จะตั้ง ตนตั้งใจใช้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็น ฐาน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นเวทีปฏิรูป 2 มีค่าตอบแทนด้วย

ห่วงไม่'ดี-เด่น-ดัง'ร่วมสปช.
    เมื่อถามว่าส่วนที่จังหวัดที่มีร้องเรียนเรื่องของเครือญาติ แสดงว่ามีการล็อกสเป๊กได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เห็นร้องเรียนกันมา จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเรียกว่าล็อกสเป๊ก รายชื่อทั้งหมด 550 คนส่งครบแล้วและเห็นหมดแล้ว คนดี คนเด่น คนดัง เข้ามามาก ห่วงก็แต่คนไม่ดี ไม่เด่น ไม่ดัง ที่น่าจะมีโอกาสบ้าง เชื่อว่าเมื่อรายชื่อออกมาจะเป็นที่พอใจของสังคม อาจมีชื่อที่ไม่คุ้นบ้างเราต้องให้โอกาส แต่จะให้พอใจทั้งหมดคงยาก
       เมื่อถามว่า หากรายชื่อออกมามีบางคนถูกร้องเรียนจะปรับเปลี่ยนได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่น่าจะทำอย่างนั้น ประกาศไปแล้ว มีคนไปร้อง จะไปปรับเขาออกได้อย่างไร แต่คิดว่าเขาไม่คัดคนมีปัญหาเข้ามา บางคนอาจเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมแต่เขาอาจเป็นคนดีก็ได้

สื่อเฮ-'บิ๊กตู่'ไม่รื้อรังนกกระจอก
       วันที่ 23 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงโครงการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะรังนกกระจอกเก่าที่จะรื้อและสร้างออกแบบใหม่ว่า ตนไม่ได้ไปยุ่งกับผู้สื่อข่าว แต่นิสัยตนเวลาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา สิ่งที่ตนพัฒนาไม่ใช่เฉพาะห้องทำงานผบ.ทบ.ให้โก้หรู หรือห้องน้ำห้องส้วมผบ.หรือนายทหารระดับสูง เพราะห้องผู้ใหญ่อย่างไรมันต้องดี แต่ไปดูห้องน้ำพลทหาร ห้องน้ำกองรักษามันดีหรือไม่ มาที่นี่ตนเห็นนักข่าวอยู่กันแน่น ไม่มีที่ก็ต้องเอาใจ พอดีคนชี้แจงเขาชี้แจงไม่ถูกประเด็น ผิดพลาด ตนต้องการถามว่าให้ทำให้หรือไม่ ถ้าทำใหม่จะทำให้ดีออกแบบสวยๆ หรือต่อเติมกั้นกระจกให้ข้างนอกตามทรงเดิม แต่ถ้าผู้สื่อข่าวบอกว่าอยู่อย่างเดิมดีแล้ว ก็ไม่ต้องทำ ไม่เสียตังค์ด้วย
        เมื่อถามว่าแสดงว่า จะไม่มีการย้ายห้องผู้สื่อข่าวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมจะย้ายท่านไปไหนเพราะเป็นบุคลากรสำคัญที่สุดในทำเนียบ ผมไม่อยู่ ท่านบริหารราชการแทนได้อยู่แล้ว เพราะบริหารด้วยการเขียนหนังสือ คนเขาก็ฟังจากท่าน ฟังจากผมรองจากท่าน อ่านหนังสือจากท่าน ฉะนั้นเขาจะคิดเชื่ออย่างไร เขาประลองท่านก่อนแล้วค่อยมาสู้มาตอบโต้แย้งกับผม ฉะนั้นเขียนให้ดี บางทีเขียนขยายไปมันไม่ดี"
       เมื่อถามว่า สรุปไม่ต้องสร้างใหม่เพราะนักข่าวปฏิบัติงานกันได้อยู่แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้อยู่แล้วก็โอเค ก็ไม่ต้องทำ รั่วก็ปล่อยไป คืออาจมีการปรับปรุงตีเป็นขอบให้มันสวย รูปทรงเข้ากัน เหมือนที่จอดรถตน

ยกเลิกคำสั่งสอบวินัยปลัดสธ.
       วันที่ 23 ก.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับเรื่องราวร้องทุกข์หากข้าราชการได้รับความคับข้องใจ ได้ส่งหนังสือเลขที่ นร.1010.3.2.6/83 ลงวันที่ 19 ก.ย.2557 ถึงตน โดยระบุว่า ก.พ.ค.ได้พิจารณาตามคำร้องและมีมติว่า คำสั่งของนพ.ประดิษฐ สินธณรงค์ รมว.สาธารณสุขขณะนั้น ที่ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงตน กรณีมีพฤติกรรมสั่งการหรือเรียกประชุมข้าราชการเป็นกิจกรรมทางการเมืองและออกแถลงการณ์ในนามประชาคมสาธารณสุขวิจารณ์การกระทำของรัฐบาลนั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง วินิจฉัยให้ยกเลิกคำสั่ง ซึ่งตามกระบวนการจะต้องให้คู่กรณีที่เป็นผู้ออกคำสั่งต้องออกคำสั่งยกเลิก แต่เมื่อบุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จึงเท่ากับตนไม่ได้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแต่อย่างใด 

 

มุขบิ๊กตู่หยอกสื่อทำเนียบ ทุ่มโพเดียม โดนถามนั่งนายกฯปว.อีก ครูหยุยจี้เปิดโผชิงสปช. กดดันมช.เลิกเวที'ปี๊บ' 'เจ๊ยุ'ต้านรื้อรังกระจอก ซาอุยังขุ่นคดี'อัลรูไวลี่' จ่อชูประเด็นนานาชาติ

เดี๋ยวทุ่ม? - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แถลงข่าวหลังการประชุม ครม. และหยอกกับผู้สื่อข่าวว่าจะทุ่มโพเดียมใส่ หลังยืนยันไม่สนใจเป็นนายกฯจากการเลือกตั้ง แล้วถูกแซวกลับว่าจะรอปฏิวัติอีกครั้งหรือ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 กันยายน



     'บิ๊กตู่'เล่นมุขจะยกโพเดียมใส่สื่อ โดนถามปมเป็นนายกฯ ลั่นจัดเสวนาวิชาการต้องขออนุมัติ ฮึ่มหากพูดนอกกรอบสั่งเลิก แนะ อจ.ให้ไปสอนค่านิยม 12 ประการ

@ บิ๊กตู่ยันย้ายขรก.เป็นธรรม

       เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าการประชุม ซึ่งอยู่ในช่วงของการโยกย้ายข้าราชการระดับปลัดกระทรวงประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม มีการเสนอเรื่องกลั่นกรองโดยคณะกรรมการ ผ่านรัฐมนตรี ผ่านรองนายกฯขึ้นมา และจะตรวจสอบอีกครั้ง คิดว่าจะสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการพอสมควรและจะพิจารณาให้ดีที่สุด 

      "หลักการพิจารณาหลายอย่าง ทั้งความอาวุโส ความรู้ความสามารถ และต้องสอดคล้องกับการดำเนินการในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย บางอย่างถ้ามองที่อาวุโสอย่างเดียวคงไม่ใช่ นั่นเป็นเพียงหลักการอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ต้องดูในหัวข้อการทำงานที่ผ่านมา เหมาะสมกับการทำงานในปัจจุบันหรือไม่ รวมถึงความเร่งด่วนในการดำเนินการ ความรู้ความสามารถ และต้องไม่ข้ามรุ่นกันมากเกินไป แต่อาจจะมีฟาสต์แทร็กบ้างเป็นธรรมดา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ยังไม่มีการโยกย้ายข้าราชการในส่วนของกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ

@ แนะให้สอนค่านิยม12ประการ

    ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นักวิชาการ 60 คนทำจดหมายเปิดผนึกทวงคืนเสรีภาพทางวิชาการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สามารถแสดงความคิดเห็นได้หมด หากไม่ใช่ในทางการเมือง วิชาการเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรตนก็ไม่รู้ แต่พูดเรื่องนี้ทีไรกลายเป็นการเมืองทุกครั้ง 

    "ผมไม่เคยไปห้ามใคร เพียงแต่บอกว่าหากจะจัดประชุม เสวนาใดๆ ให้ทำเรื่องขออนุมัติขึ้นมา แล้วจะนำมาพิจารณา บางทีขออนุมัติมา แต่พอไปฟังก็คนละเรื่องกัน บางคนบอกว่าหากห้ามแล้วเขาจะสอนอะไรเด็ก ก็มีเรื่องให้สอนตั้งเยอะ เช่น ค่านิยม 12 ประการ สอนประชาธิปไตยที่ถูกต้อง แต่ที่เกิดขึ้นคือพูดให้ร้ายรัฐบาลกับ คสช.หมด อีกทั้งนักวิชาการ 60 คนที่ออกมาก็รู้อยู่ว่าเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ ฮึ่ม!ปิดหากพูดนอกกรอบ

      ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นใจไหมว่าการห้ามจัดเสวนาจะบานปลาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่หวั่น การทำความดีหากกลัวก็ทำไม่ได้ ต้องเด็ดขาด ที่มีคนเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในสมัย 14 ตุลาคม 2516 นั้น สถานการณ์คนละสถานการณ์กัน หากใครจะจัดเสวนาใดๆ ขออนุมัติมา หากพูดนอกกรอบที่บอกมาก็ปิดเมื่อนั้น

      เมื่อถามว่า การห้ามการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์จะทำให้บานปลายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องช่วยกันอธิบายสังคมว่าเราต้องการอะไร "ต้องการประเทศชาติสงบกันหรือเปล่า ท่านต้องการประชาธิปไตยที่ถูกต้องไหม ท่านต้องการความขัดแย้งอย่างในอดีตหรือไม่ ท่านต้องการให้มีการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติอีกหรือเปล่า หรือต้องการให้มีการทุจริต ไม่โปร่งใสต่อไปหรือไม่ กับการห้ามแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ท่านจะเอาอะไรมาวัดว่าอะไรดีไม่ดี หรือถ้าต้องการเช่นนั้นก็ได้ ให้เขาตีรวนรัฐบาลไปเรื่อยๆ ทำงานก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ แล้วงานที่ทำอยู่ในขณะนี้ใครจะมาทำ แล้ววันหน้าท่านจะหากินกับเรื่องอย่างนี้ต่อไปหรือ เดี๋ยวก็ตีกัน มาเดินขบวนกันอีก ตนก็พร้อมหากต้องการเช่นนั้น"

@ ปัดล็อกสเปกคัดสปช.

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะดำเนินการคัดเลือกเสร็จสิ้นได้ในวันที่ 2 ตุลาคม รายชื่อที่ผ่านการคัดเลือก 550 คนมาถึงตนแล้ว ขอยืนยันว่าไม่รู้จักใครสักคน ในส่วนอีก 358 คนที่ต้องคัดเลือกให้เหลือ 77 คนนั้น ส่งมาแล้ว 36 จังหวัด

      เมื่อถามว่า จะลบข้อครหาเรื่องการล็อกสเปกได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า "ล็อกอย่างไร ผมไม่รู้ว่าจะล็อกอย่างไรเหมือนกัน จะมาบอกว่าคนนั้นเป็นพวกใคร ก็อยากถามว่าพวกใครล่ะ ในส่วนตัวแทนของแต่ละจังหวัด ทางจังหวัดก็เลือกเข้ามาโดยผ่านคณะกรรมการหลายคน ในส่วนของคณะกรรมการคัดสรรมีถึง 70 กว่าคน เท่าที่ทราบไม่ใช่ว่าผ่านการคัดเลือกเข้ามาเพราะรู้จักกัน เขาใช้วิธีการโหวตคะแนน และผมไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องขอให้คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รอความชัดเจนก่อน ทำไมต้องขอด้วย"

@ ครบ 250 พร้อมเปิดเผยชื่อ 

      เมื่อถามว่า คุณสมบัติที่ใช้ในการคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาเป็น สปช.นั้นมีอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คุณสมบัติคือต้องมีความรู้ความสามารถ ต้องมีประสบการณ์ในงานที่สมัครเข้ามา ต้องไม่มีคดีความฟ้องร้องต่างๆ บางคนวิจารณ์ว่ามีการไปล็อกสเปกเพราะยังมีคดีความอยู่ไม่สิ้นสุดอยู่นั้นเป็นคนละเรื่อง และเมื่อได้รายชื่อทั้งหมดแล้วก็ต้องเปิดเผย และต้องนำรายชื่อทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯเหมือนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

@ หยอกสื่อเล่นมุขทุ่มโพเดียม 

      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงโครงการปรับปรุงห้องผู้สื่อข่าวว่า "ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับผู้สื่อข่าว เพียงแต่นิสัยผม เวลาดูแลลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชา อยู่ที่กองทัพบก สิ่งที่ผมพัฒนาไม่ใช่เฉพาะห้องทำงาน ผบ.ทบ. หากห้องน้ำพลทหาร ห้องน้ำกองรักษาการณ์มันดีหรือเปล่า มาที่นี่ผมเห็นน้องๆ อยู่กันไม่มีที่ ต้องเอาใจหน่อย พอดีคนชี้แจง ไปชี้แจงไม่ถูกประเด็น ผิดพลาด พี่ยุ (นางยุวดี ธัญสิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบ) ก็อยู่มานานแล้ว เป็นประวัติศาสตร์รังนกกระจอกต้องเป็นรังนกกระจอกต่อไป เพียงแต่ผมต้องการถามว่า ต้องการให้ผมทำให้หน่อยไหม ถ้าทำใหม่จะทำให้อย่างดี ออกแบบสวยๆ หรือไม่ก็ต่อเติมกั้นกระจกให้ข้างนอกตามทรงเดิมได้ไหม แล้วแต่ ถ้าผู้สื่อข่าวบอกว่าอยู่อย่างเดิมดีแล้ว ไม่ต้องทำ ไม่ต้องไปเสียตังค์ด้วย"

      เมื่อถามว่า ในอนาคตข้างหน้าคิดบ้างหรือไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธทันทีว่า "ไม่เอาหรอก ไม่เอา" เมื่อถามว่าจะรอมาจากการรัฐประหารอย่างเดียวหรือ พล.อ.ประยุทธ์ทำท่าจะยกโพเดียมที่ยืนแถลงข่าวอยู่ พร้อมกล่าวว่า "เดี๋ยวจะทุ่มด้วยไอ้นี่สักที" จากนั้นโบกมือให้กลุ่มผู้สื่อข่าวและเดินกลับขึ้นห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้าทันที

@ "ประวิตร"ให้เสวนาสร้างสรรค์

      พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ รองเลขานุการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นว่าการเสวนาแสดงความคิดเห็นทางวิชาการของสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมสามารถกระทำได้เป็นปกติ เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจกับผู้เข้ารับการศึกษาและชุมชนในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์กับสังคม การศึกษาในเชิงสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ คสช.และรัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริม ซึ่งไม่มีความประสงค์ที่จะปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพการจัดงานเสวนาทางวิชาการของแต่ละสถาบันการศึกษา 

      "เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงขอให้สถาบันการศึกษาและผู้จัดการเสวนาทางวิชาการได้มีความเข้าใจถึงความตั้งใจของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันตระหนักถึงปัญหาที่มีผลกระทบต่อส่วนรวมและประเทศชาติในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเรากำลังต้องการความปรองดอง ขอความร่วมมือสถาบันการศึกษาและนักวิชาการใช้ดุลพินิจในการจัดเสวนาหรือการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการอย่างสร้างสรรค์ ระมัดระวังไม่พยายามเชื่อมโยงประเด็นที่อ่อนไหวหรือสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความแตกแยก รวมถึงการพาดพิงบุคคลและให้เป็นไปตามเงื่อนไขของ คสช. โดยเฉพาะเนื้อหาไม่เป็นการกระตุ้นหรือขยายความขัดแย้งของสังคม เมื่อทำความเข้าใจร่วมกันแล้วก็ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคกับเสรีภาพทางวิชาการ" พ.อ.คงชีพกล่าว

@ "คสช."แจงห้ามจัดเสวนาวิชาการ

       พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่ทหารและตำรวจ ขอความร่วมมือไม่ให้กลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์เสรีประชาธิปไตยเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมว่า มีหลายฝ่ายกังวลว่าบางกิจกรรมสามารถถูกนำไปเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ เพื่อบรรยากาศในเชิงบวก สอดคล้องแนวทางความสงบเรียบร้อย รวมถึงทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องขอทราบในรายละเอียดของประเด็นเนื้อหา รายละเอียดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ชัดเจน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาให้กิจกรรมนั้นๆ มีความเรียบร้อย เสริมสร้างบรรยากาศการพัฒนาที่ดี ทว่าต้องคอยระมัดระวังไม่ให้บางบุคคลแฝงเข้ามาเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ ที่อาจขัดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม

       "กรณีที่ผ่านมาเป็นเพียงการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลรายละเอียดกิจกรรม รวมถึงได้พูดคุยทำความเข้าใจถึงแนวทางที่เหมาะสม กรณีที่ทางกลุ่มมีความประสงค์จะจัดกิจกรรมในช่วงเวลานี้ว่าควรมีขั้นตอนอย่างไร เช่น อาจต้องกำหนดรายละเอียดรูปแบบเนื้อหาที่ชัดเจน ป้องกันแอบแฝงออกนอกประเด็นผิดไปจากเจตนารมณ์ และวัตถุประสงค์ การแลกเปลี่ยนความเห็นควรเน้นเชิงสร้างสรรค์ นำไปสู่การแก้ไขหรือพัฒนาสังคม ไม่ใช่นำไปสู่ความโกรธแค้น หรือเกลียดชังกัน" พ.อ.วินธัยกล่าว และว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดกั้นหรือคุกคามเสรีภาพทางวิชาการใดๆ กรณีเสนอแนะ หรือสะท้อนปัญหาสามารถดำเนินการได้ในช่องทางที่เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่อยากให้นำกรณีดังกล่าวไปแปลงเจตนา คสช.ให้คลาดเคลื่อนไป

@ "บิ๊กป๊อก"หวั่นเพิ่มความขัดแย้ง 

      พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลในเรื่องของการแสดงความเห็นและเสรีภาพทางวิชาการ ว่ารองนายกฯคงได้พูดไปแล้ว ตนขอขยายความว่า เรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุดในขณะนี้ ภายใต้บริบทของสังคมตอนนี้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นเรื่องความไม่ปรองดอง ความไม่สมานฉันท์กันอยู่แล้ว ถ้าจะต้องพูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ในด้านการแสดงความคิดเห็นก็ควรพูดกันบนพื้นฐานของความเป็นจริง

      "สมมุติว่า นักวิชาการพูดว่าจะเสวนา หรือสัมมนากันทางด้านวิชาการ ถ้าเป็นเรื่องที่บริสุทธิ์ทางวิชาการก็คงไม่มีใครไปมีปัญหา ประเด็นคือถูกต้องจริงหรือไม่ ถ้ามาอ้างเพียงแต่เป็นวิชาการอย่างเดียวผมไม่เห็นด้วย" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว และว่า เมื่อเป็นนักวิชาการแล้วคิดว่าจะทำในเรื่องใดก็แล้วแต่ ประเมินผลกระทบแล้วว่าจะกระทบต่อสังคมส่วนรวม จะวนกลับไปในเรื่องของความขัดแย้งก็ไม่น่าจะคุ้มค่าในความคิดตน จะถูกผิดอย่างไรในเรื่องที่จะอ้างนักวิชาการก็จะอ้างว่าเป็นเรื่องบริสุทธิ์ทางวิชาการต้องสามารถทำได้ ก็ต้องไปทวนใหม่ว่าเป็นวิชาการจริงหรือไม่ ต้องไปดูว่าคนที่จะไปร่วมเป็นอย่างไร หากเขาไปพูดแล้วจะมีปัญหากลับมา มีความขัดแย้ง เดี๋ยวเศรษฐกิจก็เดินไปไม่ได้

@ อจ.ชี้ขออนุญาตก่อนทำล่าช้า

       นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ในฐานะรองประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรระบุว่า การจัดเสวนาทางวิชาการของอาจารย์ จะต้องทำเรื่องขอความเห็นชอบจาก คสช.ก่อนถึงจะจัดได้ ว่าถ้าจัดเสวนาทางวิชาการไม่มีอะไรแอบแฝงหรือซ่อนเร้น แต่มีเจตนาดีเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เดินหน้าไปได้ ก็ไม่ควรที่จะต้องทำเรื่องเสนอให้ คสช.พิจารณา โดยเฉพาะกรณีผู้จัดงานอยู่ต่างจังหวัด กว่าจะรอหนังสือตอบกลับ จะใช้เวลาเป็นเดือน ขณะที่บางเรื่องต้องทำทันที ถ้ารอเป็นเดือน อาจจะล่าช้าไม่ทันการณ์ อย่างกรณีที่ตนจัดงานเสวนาปฏิรูปการศึกษาในวันนี้ (23 กันยายน) ไม่ได้ทำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจาก คสช.ก่อน ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ต่างช่วยกันระดมความคิดเห็น แต่ถ้าต้องทำเรื่องเสนอก่อน ขั้นตอนจะเพิ่มขึ้น งานจะเดินไม่ได้

        "ต้องเข้าใจว่าปัญหาบางอย่าง ต้องทำทันที ถ้าต้องรอการตอบกลับมา ก็อาจจะล่าช้า การที่ พล.อ.ประวิตรระบุว่าจะต้องทำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจาก คสช.ก่อน จึงจะจัดงานได้นั้น ผมเข้าใจว่าเกิดจากความไม่ไว้ใจกันและกันซึ่งไม่อยากให้เกิดบรรยากาศเช่นนั้น แต่อยากให้ท่านออกมาพูดว่าถ้าการเสวนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เกิดจากเจตนาดี ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต" นายกิตติชัยกล่าว

@ "วิโรจน์"เมิน"สมคิด"โพสต์ภาพปี๊บ

     กรณีนายวิโรจน์ อาลี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำ "ปี๊บ" คลุมหัว เพื่อแสดงออกถึงเสรีภาพทางวิชาการที่ถูกคุกคาม และเรียกร้องถึงความรับผิดชอบของนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ควรจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาควบคุมตัวอาจารย์ และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ในงานเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมานั้น 

      นายสมคิดโพสต์ภาพที่นายวิโรจน์ คลุมหัวด้วยปี๊บ พร้อมบทความที่ชื่อว่า "เสรีภาพของนักวิชาการหางว่าว" ของคอลัมนิสต์คนหนึ่ง มีเนื้อหา วิจารณ์การคลุมปี๊บของนายวิโรจน์ ที่เปรียบเปรยเหมือนการทำตัวลักษณะเป็น "คนงั่ง" และอธิบายด้วยว่า นักวิชาการที่ทำอะไรแบบนี้ เป็นลักษณะที่ต้อง "ดิ้น" ด้วยลีลา ยั่ว-ยุ-หลอก-ล่อ

     ขณะที่ นายวิโรจน์ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์สิ่งใด ด้วยเหตุด้วยผลก็น้อมรับ ก็เป็นอีกความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง และต้องกลับไปพิจารณาตัวเองว่าสิ่งที่แสดงออกเป็นอย่างที่เขาวิจารณ์หรือไม่ "แต่ถ้าผู้เขียนเคยเปิดทีวีดูผมจัดรายการบ้าง จะทราบว่าที่เขียนมาทั้งหมดผมได้เคยแสดงความคิดเห็นไว้แล้ว นี่แหละคือประชาธิปไตย ที่ให้เสรีภาพในการแสดงออกได้อย่างเสรี และ เสรีภาพในทางวิชาการเป็นเรื่องสำคัญมากต่ออนาคตประเทศไทย และอนาคตที่จะปฏิรูป" นายวิโรจน์กล่าว

@ "สุกรี"ส่งการ์ดให้กำลังใจ"วิโรจน์"

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายวิโรจน์ คลุมปี๊บเป็นสัญลักษณ์เพื่อทวงถามจุดยืนจากนายสมคิด เกี่ยวกับดูแลสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ หลังจากเสวนาห้องเรียนประชาธิปไตย บทที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ที่ถูกทหารสั่งให้ยกเลิกการจัดงาน พร้อมทั้งควบคุมตัว อาจารย์ และนักศึกษา ก่อนที่จะปล่อยตัวภายหลังเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมานั้น 

      ทางนายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เคยคลุมปี๊บประท้วง นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เลือกดำรงตำแหน่งเพียงตำแหน่งเดียว กระทั่งที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล มีมติให้เลือกดำรงเพียงตำแหน่งเดียว ได้ส่งการ์ดให้กำลังใจนายวิโรจน์ โดยระบุว่า "ให้กำลังใจ อ.วิโรจน์ ด้วยความเคารพ สุกรี" พร้อมบทกลอนว่า "ควรไปอย่างสง่าอย่าต้องไล่ จะเสียหายวงศ์ตระกูลประยูรญาติ เก้าอี้หกตกคะมำคว่ำกระจาด บ้าอำนาจนึกว่ามีหลงดีใจ มวลประชาต่างพาประจานร่วม จะโดนน่วมรวมบาทาไปไม่ไหว ไปดีๆ ลงงามๆ เถิดทรามวัย ส่งหัวใจมาบอกทางให้วางลง"

@ มช.นัดเสวนา"ปี๊บ"24 ก.ย. 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดเสวนาวิชาการว่าด้วยเรื่องปี๊บ "วันนี้คุณเอาปี๊บคลุมหัวแล้วหรือยัง???" มีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายอรรถจักร สัตยานุรักษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ นายพรชัย วิสุทธิศักดิ์ คณะนิติศาสตร์ นายกฤษณ์พชร โสมณวัตร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการด้านกฎหมาย 

      นายสมชาย เปิดเผยว่า จัดงานเสวนาเพื่อยืนยันถึงความสำคัญของสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็น ที่ไม่เฉพาะนักวิชาการแต่หมายรวมถึงประชาชนทุกคน และอยากให้รัฐบาลมีความอดทนรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างด้วย

@ ยันแสดงเสรีภาพทางความคิด 

      นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการขอความร่วมมืองดจัดงานเสวนาวิชาการมาจากทางเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่เพียงแค่ขอความร่วมมือให้งดการเสวนาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ขอยืนยันว่าจะจัดงานเสวนาต่อไป เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่ได้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่หากต้องการจะให้งานทางวิชาการต้องยุติลง จะต้องทำหนังสือออกคำสั่งอย่างเป็นทางการออกมาให้ชัดเจน แต่ต้องตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ว่า ในเมื่อยังไม่ได้พูดอะไร แล้วมารู้ได้ยังไงว่ามีการทำผิดอะไร

      "งานเสวนาทางวิชาการไม่ใช่เป็นการใส่ร้ายบุคคลใด ผู้ร่วมการเสวนาทุกคนพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อคำพูดตามกฎหมายที่มีความเป็นธรรม แต่ไม่ใช่กฎหมายที่กินความกว้างอย่างกฎอัยการศึก ซึ่งผมหวังว่าหากสามารถแสดงความคิดเห็นได้ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ตลอดจนถึงประชาชนทั่วไป ก็จะต้องมีพื้นที่ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ด้วย" นายสมชายกล่าว

@ "มทภ.3"เบรกมช.จัดเสวนา 

     พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า เข้าใจว่าในพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวมานานแล้วเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง เพียงแต่ว่าทางกองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการไปยังมณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ ให้ไปเจรจาว่าอย่าจัดกิจกรรมเสวนาการเมืองในช่วงนี้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าในสถานการณ์ช่วงนี้ยังไม่เหมาะสมต่อการจัดกิจกรรมทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ถ้ากลุ่มคณาจารย์กลุ่มนี้ยืนยันจะจัดกิจกรรมเสวนาดังกล่าวจริง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะขอความร่วมมืออย่าจัดเสวนาเลย

@ มช.แจ้งขอเลื่อนงานเสวนา

      เวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แจ้งเลื่อนจัดการเสวนาวิชาการ เรื่อง "ปี๊บ" อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยมณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ขอความร่วมมือมาเพื่อขอให้เลื่อนการจัดงานไปก่อน

       พล.ต.ศรายุท รังษี ผบ.มทบ.33 กล่าวว่า ได้พูดคุยกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในเรื่องการจัดเสวนาซึ่งทางเราได้ขอความร่วมมือให้การจัดเสวนานั้นเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน เนื่องจากสภาพของบ้านเมืองต้องการความปรองดองสมานฉันท์และความสงบสุข ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้ความร่วมมือ

@ รมว.ศธ.ชี้สุจริตใจจัดได้

      พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า สิทธิเสรีภาพทางวิชาการเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพียงแต่ปัจจุบันยังถือว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ ยังอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก ดังนั้น การไปพูดหรือวิจารณ์ทางการเมือง อาจจะต้องปรามบ้าง ถือเป็นเรื่องที่ต้องขอร้องกันว่าอะไรที่ไปกระทบกับการเมือง ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี ต้องขอร้องให้ระมัดระวัง ส่วนที่รัฐบาลขอให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งยื่นเรื่องต่อ คสช. ก่อนการจัดเสวนาทุกครั้ง จะถือเป็นการปิดกั้นการแสดงออกทางวิชาการหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ใครจะคิด ถ้าสุจริตใจว่าเป็นการเสวนาทางวิชาการอย่างแท้จริง รัฐบาลก็ไม่ได้ห้ามส่วนตัว ก็คงไม่ทำอะไรมากกว่านี้ เชื่อว่าทุกมหาวิทยาลัยคงเข้าใจสถานการณ์ดี 

@ เลขาฯกกอ.ชี้เชิญคนนอกไม่เหมาะ

      นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า เสรีภาพทางวิชาการกับนักวิชาการเป็นสิ่งที่คู่กัน เป็นเรื่องของส่วนบุคคล ที่สามารถคิดและแสดงออกได้ แต่เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะที่มีกฎอัยการศึกควบคุมการแสดงออกทางเสรีภาพจึงถูกจำกัดอยู่เฉพาะในสถาบันการศึกษา หรือเฉพาะในห้องเรียน หากทุกคนเข้าใจสถานการณ์ก็ไม่น่าเป็นปัญหา อาจารย์และนักวิชาการก็สามารถแสดงออกได้ในห้องเรียน เป็นการพูดคุยกันระหว่างนิสิตนักศึกษาและอาจารย์ ส่วนที่วิพากษ์วิจารณ์กันถึงกรณีทหารและตำรวจเข้าควบคุมตัวนักวิชาการ นักศึกษาในสถาบันการศึกษา เป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่แน่ใจ เพราะที่ผ่านมาก็เคยอ้างถึงเสรีภาพทางวิชาการ และจัดการเสวนาขึ้นมาและนำไปสู่การชุมนุมบนถนน กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น ดังนั้น จึงควรป้องปรามไว้ก่อนหรือไม่

       "ถ้านักศึกษาและอาจารย์พูดคุยกันในห้องเรียน ไม่มีบุคคลภายนอก หรือจะเชิญวิทยากรจากที่อื่นมาคุยก็ไม่เป็นปัญหา แต่การประกาศเชิญชวนต่อสาธารณะ อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะสังคมต้องการความสงบ ฝ่ายความมั่นคงกลัวจะเกิดข้อขัดแย้ง เพราะในอดีตเคยเกิดปัญหาทำนองนี้มาแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อยากให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นให้พ้นจากช่วงระยะเวลานี้ไปก่อน ให้สังคมกลับมาสู่ความสงบ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะนานแค่ไหน" นพ.กำจรกล่าว และว่า สำหรับการนำปี๊บคลุมหัวของนักวิชาการ และอ้างว่าเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเสรีภาพส่วนบุคคลเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ทำให้ใครเสียหายหรือส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้อื่น แต่ผู้สวมปี๊บจะต้องรับผิดชอบตนเองต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากจะทำให้ลูกศิษย์ไม่นับถือ ผู้บังคับบัญชาตั้งข้อสงสัย ต้องรับผิดชอบตนเอง หรือจะโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ และทำตามกันจนปี๊บขาดตลาด ก็ถือเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่อย่าทำเกินเลย เช่น ใช้คำพูดที่ไม่สุภาพก็พอ 

@ "วิษณุ"ไม่รู้คำสั่งยกเลิก14กก.

      นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช. ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวถึงการยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ตั้ง 14 คณะกรรมการคัดเลือกสมาชิก สปช. ว่าไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เท่าที่ทราบคณะกรรมการคัดเลือก สปช.ตั้งไว้นานแล้ว แต่รีบประกาศไม่ได้ เพราะหากประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้วต้องคัดเลือกในวันรุ่งขึ้นทันที อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 173 คน มีคณะกรรมการกลั่นกรองก่อนส่งให้ คสช.ทั้ง 11 ด้าน แต่ 77 คน จากส่วนจังหวัด ไม่มีคนคัดกรองให้ จึงคิดว่าการตั้ง 14 กรรมการขึ้นมาเพื่อคัดกรองในส่วนของจังหวัด เพราะ คสช.รับชื่อมาคงไม่รู้เรื่อง เช็กเองไม่ได้ 

      "มีร้องเรียนหลายจังหวัดว่าเอาลูกเอาเมีย น้องเขย สะใภ้มาเป็น ต้องเขียนคำสั่งให้ดีว่าตั้งมาเพื่อคัดเลือก 77 คนส่วนจังหวัด ซึ่งในส่วนของตัวแทนจังหวัด หากไม่มีคณะกรรมการคัดเลือก 14 คนแล้ว จะกลั่นกรองอย่างไรนั้น ต่อจากนี้ไปเมื่อยกเลิกเป็นทางการแล้ว ต้องตั้งขึ้นมาเงียบๆ กรองกันเอง โดยไม่ต้องบอกให้ใครรู้ว่ามีใคร มีคณะกรรมการคัดเลือกได้ แต่ไม่ต้องประกาศก็ได้ เพราะประกาศไปแล้วคนตกใจ ทำคนเดียวยังได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปกำหนดหลักเกณฑ์อะไร เพราะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว และยิ่งกรองผู้มีอิทธิพล ยิ่งไม่สมควรไปประกาศชื่อใหญ่ว่าใครเป็นคนกรอง ซึ่งมีการร้องเรียนกันมา แต่ไม่น่าจะเป็นการล็อกสเปก เชื่อว่าเมื่อรายชื่อออกมาจะเป็นที่พอใจของสังคม อาจจะมีชื่อที่ไม่คุ้นบ้าง ต้องให้โอกาส" นายวิษณุกล่าว

@ โยนคสช.เปิดเผยชื่อ

      เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่จะเปิดเผยชื่อก่อน นายวิษณุกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คสช. แต่ในที่สุดแล้วก็ต้องรู้อยู่ดี แต่อาจจะรู้ภายหลัง ซึ่งสิ่งที่นายกฯมอบหมายให้ตนทำคือ คนที่เข้ารอบสุดท้าย 50 คนใน 11 ด้าน ติดจริงๆ มีประมาณด้านละ 15-17 คน ถือว่าผ่านด่านมาแล้ว ควรมาตั้งเวทีใช้งาน ซึ่งตอนนั้นเขาจะรู้ว่าติดหนึ่งใน 50 คน แต่ไม่ติดใน 15 คน เพราะจะไม่เอาคนนอก นอกจากนี้ ในส่วนที่เหลือจาก 7 พันคน ที่สมัคร จะไปอยู่ในเวทีปฏิรูปที่มี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้างานกลุ่มงานสร้างความปรองดองและการปฏิรูป ส่วนอีกเวทีที่จะตั้ง ตนตั้งใจให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นฐาน ซึ่งอาจเรียกว่าเวทีปฏิรูป 2 

@ "ครูหยุย"จี้เปิดชื่อสปช.

     นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช. กล่าวถึงกระแสข่าวการล็อกสเปกการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่าการสรรหาในส่วนของจังหวัดมีการร้องเรียนกันมากถึงความไม่โปร่งใส ก็ควรจะหยุดการสรรหาและตรวจสอบให้มีความชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตาม ทราบว่าการสรรหารายชื่อ 11 ด้าน ด้านละ 50 ชื่อนั้น น่าจะครบและใกล้เสร็จแล้ว

      "ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสควรจะเปิดเผยรายชื่อเบื้องต้นทั้งหมด ให้ประชาชนได้ตรวจสอบว่ามีความคืบหน้าไปถึงไหน เพื่อให้เกิดความสบายใจก็น่าจะเปิดเผยได้ ว่ามีใครบ้างให้ประชาชนได้เห็นได้ตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส เชื่อว่า คสช.คงไม่ขัดข้องที่จะเปิดเผยรายชื่อดังกล่าว" นายวัลลภกล่าว

      นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่ 2 กล่าวว่า ในส่วนภาคสรรหา 11 คณะ ไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่การสรรหารายจังหวัด บางจังหวัดก็พอใจ แต่มีบางจังหวัดมีปัญหาเกิดขึ้น เพราะมีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เป็นกรรมการสรรหาซึ่งได้รับแจ้งจากอดีต ส.ว.บางคนมีความสงสัยในการกระบวนการสรรหา เพราะไม่ติดรายชื่อ 1 ใน 5 ทั้งที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วก่อนหน้านี้ และอยากเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปด้วย จึงไม่ทราบว่าจังหวัดใช้หลักเกณฑ์อะไร ในการพิจารณา ส่วนตัวเห็นว่าอดีต ส.ว.น่าจะได้รับเลือก ทั้งนี้ หากผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรม

@ ยื่นเรื่องมายัง คสช.ได้

ปูด"สุรินทร์"สรรหาไม่โปร่งใส

      นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภา และอดีต ส.ว.สุรินทร์ กล่าวว่า การสรรหา สปช.ที่จ.สุรินทร์ มีความไม่โปร่งใส เพราะ กรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็น นายก อบจ. แต่ผู้เข้ารับการสรรหารายหนึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นลูกเขย ตนทราบว่า ยังมีอีกจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน ที่กรรมการสรรหาเป็นสามี ส่วนผู้รับการสรรหาเป็นภรรยา ลักษณะแบบนี้เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 

      "ผมเห็นว่า การสรรหา สปช.ในบางจังหวัดต้องมีการทบทวน หรือหากบอกว่ากระบวนการสรรหาเสร็จสิ้นแล้ว ก็ขอเรียกร้องไปยัง คสช.ให้ดำเนินการคัดเลือกเอง โดยในจังหวัดที่มีปัญหาความไม่โปร่งใสในการสรรหาก็ให้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้ คสช. เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกเอง" นพ.อนันต์กล่าว

@ พท.แนะเชิญคู่ขัดแย้งมาคุย

      นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เชิญคู่ขัดแย้งในอดีตมาพูดคุยกันถึงปัญหาความแตกแยกในบ้านเมือง และสิ่งที่ควรแก้ไข เพื่อเป็นแนวทางให้กับ สปช. ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะถ้ายังไม่รู้ว่าจะปฏิรูปอะไร สปช.จะยกร่างไปคนละทิศละทาง ที่สำคัญวันนี้องค์กรกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนองค์กรอิสระทั้งหลาย ต้องตั้งสติ วางตัวให้อยู่บนความเที่ยงธรรม มีมาตรฐานที่ทุกฝ่ายยอมรับ

      "ส่วนการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น อยากเสนอให้โครงการใดๆ ที่มีการใช้งบเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ให้มาขออนุมัติจากส่วนกลาง โดยกำหนดให้สำนักนายกฯเป็นผู้รับผิดชอบ ให้นายกฯเป็นประธานพิจารณาจุดเดียวไปเลย เชื่อว่าจะป้องกันการทุจริตได้" นายอำนวยกล่าว

@ กกต.ส่งเรื่องร้องเรียนให้คสช.

      ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ทางสำนักงาน กกต.ได้สรุปผลการดำเนินการการทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช. ให้ที่ประชุม กกต.ได้รับทราบว่าได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว และส่งบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาทั้งส่วนกลาง 11 ด้านและส่วนจังหวัด 77 จังหวัด ให้ คสช.ได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีการยื่นร้องเรียนว่าการสรรหา สปช.ในระดับจังหวัดมีความไม่โปร่งใส ยังไม่เห็นรายละเอียดอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ หากมีการยื่นร้องเรียนเข้ามา ทาง กกต.จะเสนอเรื่องให้ คสช.พิจารณาวินิจฉัย 

       วันเดียวกัน นายวระชาติ ทนังผล อดีต ส.ว.จังหวัดพังงา และผู้เข้ารับการสรรหา สปช.จังหวัดพังงา ได้เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบกระบวนการสรรหา สปช.จังหวัดพังงาว่ามีความโปร่งใส เป็นธรรมหรือไม่ เพราะเท่าที่ติดตามข่าวสารพบว่าการสรรหามีแนวโน้มว่าจะมีการบล็อกโหวต 

@ "สุรชัย"ชี้ร่างข้อบังคับต้องมีถอดถอน

       ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวหลังการประชุมวิป สนช. ว่าในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 25 กันยายน จะพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช. ซึ่งมีสมาชิก สนช.จำนวน 5-6 คน ขอแปรญัตติข้อบังคับ 48 ข้อ จะให้สิทธิอภิปรายอย่างเต็มที่ไม่จำกัดเวลา ซึ่งจะเสร็จภายในวันเดียวกัน เมื่อผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมข้อบังคับก็ใช้ได้ทันที สามารถตั้งคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 16 คณะ 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!