- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 20 September 2014 16:49
- Hits: 5529
วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8697 ข่าวสดรายวัน
บิ๊กตู่ รับพูดแรง'กริชสุดา'ขอโทษอีก ยันไม่ได้ทำชาติเสียหาย ชู4มาตรการแก้ราคายาง คุมเข้มอนุสาวรีย์ปชต. ห้ามกิจกรรม'8 ปี-19 กย.'
4 มาตรการ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แถลงข่าว 4 มาตรการในการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ หลังประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/2557 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ก.ย. |
ตร.คุมเข้มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ปรามแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในโอกาสครบ 8 ปีรัฐประหาร19 ก.ย. ด้านเครือข่ายนักศึกษาติดป้ายผ้าพรึบทั้งสะพานลอยหน้าจุฬาฯ กับบริเวณที่ลุงนวมทองปลิดชีพสะพานถนนวิภาวดี "บิ๊กตู่" ฉุนนักข่าวทำเนียบถามกรณีอาจารย์นิธิ-อจ.ธรรม ศาสตร์ที่จัดเสวนาถูกควบคุมตัว โวยตั้งแต่เข้ามาทำชาติเสียหายหรือยัง ยันประกาศคสช.ห้ามชุมนุมทางการเมืองยังบังคับใช้อยู่ รู้ตัวดีไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เผยพูดคุยเคลียร์กับชาว สวนยางแล้ว ไม่มาชุมนุมแน่วันที่ 8 ต.ค.นี้ ส่วนรายการคืนความสุขทางทีวีเที่ยวนี้ใส่สูทแทนเครื่องแบบ พร้อมขอโทษที่พูดจารุนแรง ไม่สุภาพ โดยเฉพาะกับ "เปิ้ล-กริชสุดา" อ้างอยากให้รู้ว่าตนเจ็บปวด
"บิ๊กตู่"อารมณ์ดีทักนักข่าว"นะจ๊ะ"
เมื่อเวลา 08.07 น. วันที่ 19 ก.ย. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาปฏิบัติภารกิจ ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ(กนย.) ครั้งที่ 2 /2557 ซึ่งถือเป็นการประชุมในฐานะประธานบอร์ด ครั้งแรกของนายกฯ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ทักทายผู้สื่อข่าวทันทีว่า "สวัสดีเช้าวันศุกร์นะจ๊ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าอารมณ์ดีแต่เช้า พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มก่อนกล่าวว่า อารมณ์ดีทุกวันนั่นแหละ ยังยิ้มได้ ก็ยังโอเค
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการปรับเปลี่ยนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็น กระทรวงดิจิตอล อีโคโนมีว่า ขอให้รออีกนิด เรื่องนี้นายพรชัย รุจิประภา รมว. ไอซีที เป็นหัวหน้าดำเนินการ แต่หากจะพูดง่ายๆ คือการทำงานที่เป็นเอกภาพ บริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรม รัฐต้องได้ประโยชน์ และการบริการประชาชนต้องเป็นอันดับหนึ่ง อย่ามองเรื่องธุรกิจอย่างเดียว ทั้งนี้ เมื่อมีปรับโครงสร้างของกระทรวงเสร็จ จะนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ต่อไป
เริ่มหงุดหงิด-ถูกถามกรณีจับนิธิ
เมื่อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอาวุโสและคณะอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังร่วมงานปาฐกถาเรื่องการล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกันนานแล้ว เราไม่ได้จับ แต่ไปเชิญตัวมาและปล่อยตัวไปแล้ว เราเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าขอร้อง อย่าไปพูดแรงเลยหรือไปขยายความเลยก็จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ขอร้องอย่าเพิ่งพูดตอนนี้เลย บ้านเมืองเรากำลังเดินอยู่ วันนี้เราบริหารประเทศ เราปฏิรูป เราปรองดอง 3 เรื่องแล้ว ขอร้องว่าอย่าไปขยายความ
"กรณีนี้ไม่อยากให้ขยายความต่อ เรื่องจะได้จบ ไม่อยากให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พอไปขยายต่อก็เป็นเรื่องหมด พอพูดหนึ่งได้ สองพูด สามก็พูด สี่พูด ผมก็ไม่ต้องทำงาน แล้วผมจะเข้ามาทำไม ต้องเข้าใจผม ผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ผมรู้ตัวดี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวและว่า ส่วนที่กลัวว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าใจในการกระทำนั้น ตนก็กลัวเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าต้องปฏิบัติต่อกรณีนี้อย่างไร เขาทราบมาตลอดว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะเดินไปล็อกคอ ซึ่งได้ให้แนวทางไว้หมดแล้วจะซ้ายหรือขวาก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปล็อกคอนั้นไม่ใช่ เราขอร้องไปแล้วแต่การจัดงานดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาต และหากขออนุญาตมาจะเห็นว่าเป็นการพูดเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ต้องบอกว่าอย่าเพิ่งพูด
โต้วันนี้ทำประเทศเสียหายตรงไหน
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เปิดโอกาสให้พูดเรื่องที่ล่อแหลมทางการเมืองใช่หรือไม่ นายกฯ ย้อนถามว่า คำสั่งเดิมมีการเปลี่ยนแปลงหรือยัง ทุกอย่างคำสั่งเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีอะไรเลิกสักอย่าง
เมื่อถามว่าทำไมจึงไม่เปิดช่องทางให้แสดงออกทางการเมืองบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเปิดอยู่นี่ไง ให้สื่อมวลชนได้พูดได้ถาม ไม่เคยห้าม ส่วนเวทีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาพูดเรื่องประชาธิปไตย หากส่งโครงร่างจัดงานมาก่อนจะมีคณะกรรมการร่วมกันตรวจ ตนไม่ได้ตรวจคนเดียว ว่าพูดได้หรือไม่ ถ้าพูดเรื่องประชาธิปไตย การเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตรงนี้พูดไม่ได้ ถามว่าวันนี้ตนทำให้ประเทศชาติเสียหายตรงไหนบ้าง ตอบมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่ายังไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ถือโอกาสปิดการให้สัมภาษณ์ทันทีโดยโบกมือลาผู้สื่อข่าวพร้อมกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ ว่า "จบ โอเค สวัสดี"
มธ.ติดป้ายเรียกร้องเสรีภาพวิชาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตั้งแต่ช่วงเช้า มีการขึ้นป้ายโดยรอบบริเวณอาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ซึ่งกลุ่มผู้จัดงานห้องเรียนประชาธิปไตยครั้งที่ 2 ได้ถูกสั่งให้ระงับการจัดกิจกรรม และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนักศึกษา และอาจารย์ผู้เป็นวิทยากรประกอบด้วย นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอาวุโส น.ส.จันจิรา สมบัติพูนศิริ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ นายเชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ และนายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักศึกษาอีก 3 คนคือ นายรัฐพล ศุภโสภณ คณะเศษฐศาสตร์ ปี 4 นายศิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ คณะรัฐศาสตร์ ปี 4 นายวรวุฒิ บุตรมาตร คณะนิติศาสตร์ ปี 4 ไปยังสภ.คลองหลวง เพื่อพูดคุยปรับทัศนคติทำความเข้าใจ ก่อนปล่อยตัว
ทั้งนี้ ป้ายที่ถูกติดดังกล่าวมีเนื้อหาเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการ และต้องการให้มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่เพื่อสร้างปัญญาแก่ประชาชนและนักศึกษาทั่วไป
ป้ายรำลึก 8 ปี 19 ก.ย.-ปชต.ถูกฆ่า
เมื่อเวลา 08.00 น. ที่หน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บนสะพานลอยข้ามถนนพญาไท ระหว่างคณะวิทยาศาสตร์กับคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กลุ่มศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) นำป้ายสีดำมาติดที่สะพานลอยฝั่งพญาไท มีข้อความว่า "8 ปี 19 กันยาฯ ประชาธิปไตยที่ถูกฆ่ายังคงนอนตาย"
จากนั้นเวลา 09.30 น. ศนปท.นำป้ายสีดำมาติดที่สะพานลอยทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกบริเวณสะพานลอย หน้าสำนักงานหนังสือ พิมพ์ไทยรัฐ มีข้อความว่า "นายประชาธิปไตยของไทย ชาตะ 24 มิ.ย.2475 มรณะ 19 ก.ย.2549 และล่าสุด" ซึ่งใกล้เคียงกับจุดที่นายนวมทอง ไพรวัลย์ ผูกคอเสียชีวิตเพื่อประท้วงรัฐประหารปี 2549 ต่อมามีตำรวจมาปลดป้ายออกหลังกลุ่มนักศึกษาแยกย้ายกันกลับแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ของ ศนปท.เขียนข้อความแสดงการรำลึกถึงเหตุการณ์รัฐประหารวันที่ 19 ก.ย.2549 นำโดยพล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นเหตุให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง และประกาศเลิกใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดอีกฉบับหนึ่ง และการรัฐประหารปี 2549 นำมาสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของคนไทยและส่งผลมายังทุกวันนี้
สดุดี"นวมทอง"-เหยื่อรัฐประหาร
ข้อเขียนยังระบุด้วยว่า ทุกคนต้องตระหนักถึงผลของการทำรัฐประหารที่ไม่ได้หมายถึงทางออกเดียวเสมอไป ที่สำคัญการรัฐประหารวันที่ 19 ก.ย. 2549 ยังเป็นต้นเหตุให้ชายชราผู้มีอาชีพขับรถแท็กซี่ตัดสินใจขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทำรัฐประหาร ในวันที่ 30 ก.ย.2549 แต่การฆ่าตัวตายครั้งนั้นไม่ประสบผล จนมีทหารนายหนึ่งกล่าวเยาะเย้ยผ่านสื่อ ทำให้ลุงนวมทองตัดสินใจผูกคอตายเมื่อตอนดึกวันที่ 31 ต.ค.2549 ที่สะพานลอย หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ตรึงเข้ม - ตำรวจลงพื้นที่เฝ้าระวังรอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังมีข่าวประชาชนจะมาร่วมจุดเทียนอาลัยเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ทำให้ประชาชนต้องงดจัดกิจกรรมไปโดยปริยาย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. |
"วันนี้ครบ 8 ปี วันรัฐประหาร วันที่คนไทยต้องสูญเสียชีวิตแรกให้กับผลพวงรัฐประหาร และยังมีอีกหลายชีวิตที่ถูกสังเวยภายใต้ปัญหาสะสมที่ทวีความรุนแรงหลังรัฐประหาร ศนปท.จึงถือโอกาสในวันครบรอบ 8 ปีรัฐประหาร 19 ก.ย.นี้ เตือนสติ คนไทยทุกคนให้เห็นถึงผลร้ายของการรัฐประหารที่ยากจะปฏิเสธ" ศนปท.ระบุ
จี้คสช.ยุติการคุกคามนักวิชาการ
นอกจากนี้ เว็บไซต์ ศนปท.ยังออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่บังคับให้ยกเลิกการจัดงานเสวนา และการควบคุมตัวอาจารย์ และนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา มีเนื้อหาระบุว่า ศนปท. ขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในครั้งนี้ ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการของนักศึกษา คณาจารย์ และประชาชนที่ต้องการแสวงหาความรู้ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย โดย ศนปท.ขอยืนยันว่าการจัดเสวนาเชิงวิชาการในมหาวิทยาลัยย่อมทำได้ แม้จะอยู่ระหว่างการประกาศกฎอัยการศึก และขอเรียกร้องให้ยุติการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการภายในมหาวิทยาลัย และเปิดพื้นที่ให้ใช้เสรีภาพทางวิชาการอย่างเต็มที่ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนสากล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย ฐานะเลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ทาง เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความว่า "รัฐประหารคือการล้มอำนาจประชาชน 8 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 4 เดือนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม" โดยมีรูปรถถังและมีพล.อ.สนธิและพล.อ. ประยุทธ์นั่งอยู่บนรถถัง พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนประชาชนเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ทั้งเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อแสดงจุดยืนและยืนยันว่าไม่ยอมรับและไม่สนับสนุนการรัฐประหารในไทย
กกต.พร้อมสนับสนุนข้อมูล 14 กก.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ผลการสรรหาผู้เหมาะสมเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ของคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน กกต.นำส่ง คสช.ครบถ้วนตั้งแต่เย็นวันที่ 18 ก.ย.แล้ว ส่วนระดับจังหวัดขณะนี้นำส่งแล้ว 41 จังหวัด ส่วนที่เหลือหากจังหวัดใดนำผลมาส่งแล้ว กกต.จะนำส่ง คสช.ต่อไป โดยวันที่ 22 ก.ย.มีคณะกรรมการสรรหาอีก 7 จังหวัดนัดประชุมเพื่อคัดเลือก จึงคาดว่าผลการสรรหาระดับจังหวัดจะส่งให้ คสช.ได้ครบทั้ง 77 จังหวัดภายในวันที่ 23 ก.ย. ทั้งนี้ กกต.พร้อมสนับสนุนข้อมูลคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 11 ด้านและระดับจังหวัดแก่คณะกรรมการคัดเลือกสปช. 14 คนหากมีข้อติดใจสงสัย
นายภุชงค์ กล่าวว่า วันนี้เวลา 13.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตส.ส.พรรคจะเข้าให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต. กรณีพ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ อดีตประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ร้องขอให้ กกต.สั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของกลุ่มกปปส. ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 2 คนยื่นเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แต่อนุกรรม การขอให้มาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เป็นการเข้าให้ถ้อยคำครั้งแรกของผู้ถูกร้อง การสอบสวนจึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าการเสร็จสิ้นเพราะต้องสอบพยานปากอื่นด้วย
"บิ๊กป๊อก"ประชุมหน่วยความมั่นคง
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุม 4 กระทรวง ประกอบด้วยกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) สำนักงานข่าวกรอง กรมประชาสัมพันธ์ กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และตัวแทนผบ.เหล่าทัพ มีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทส. พล.อ.ศิริชัย ดิศฐกุล เสธ.ทหาร พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ ผช.ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสธ.ทอ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อวางแนวทางด้านความมั่นคง เน้นการป้องกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ ถ้าสิ่งใดที่เกิดปัญหาไปแล้วต้องรีบแก้ไขนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว ทั้งนี้ เรื่องความมั่นคงต้องหารือในชั้นความลับ หารือเป็นรายบุคคล และทำความเข้าใจและประสานกับทุกหน่วยที่เกี่ยวกับความมั่นคง เราจะวางโรด แม็ปดำเนินและประเมินงานทุก 3 เดือนว่าจะได้ผลอย่างไร เพราะรัฐบาลชุดนี้อยู่เพียง 1 ปี จะทำให้ดีที่สุด ทั้งการปฏิรูปประเทศ และประสานกับทุกหน่วยงานเพื่อวางแผนให้ครอบคลุมในการทำงานทุกด้านของประเทศ
ผุด"แอ๊กชั่น แพลน"บูรณาการ
ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมว่า พล.อ.ประวิตรได้มอบนโยบายให้น้อมนำพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งงานด้านความมั่นคงเป็นเรื่องของทุกส่วนราชการ ไม่เฉพาะทหารหรือตำรวจ แต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วม
พ.อ.คงชีพกล่าวว่า การทำงานจะใช้รูปแบบ "แอ๊กชั่นแพลน" จัดตั้งศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการจาก 4 กระทรวงหลัก และ 1 กรม ไว้ที่กระทรวงกลาโหม มีพล.อ.ประวิตร เป็นผอ.ศูนย์ ทำหน้าที่แบบวันสต๊อปเซอร์วิส ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เปิดทำการตลอด 24 ช.ม. คาดว่าจะเริ่มทำงานได้ในสัปดาห์หน้า เน้นความรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ยึดตามโรดแม็ปของคสช.และรัฐบาล พร้อมทั้งประเมินผลงานทุก 3 เดือน ส่วนการปกป้องและเทิดทูนสถาบันต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และทำให้สถาบันเป็นศูนย์รวมของคนไทยตลอดไป
พ.อ.คงชีพกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรห่วงใยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กทม. ตร. การไฟฟ้า เพื่อติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มแสงสว่างให้ครอบคลุมพื้นที่กทม. เน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข โดยเตรียมติดตั้งกล้องซีซีทีวี 283 จุดทั่วประเทศในเวลา 2 เดือน ส่วนงบประมาณได้เตรียมการไว้แล้ว สำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจนั้น จะพิจารณาตามความเร่งด่วน
พท.เตือนสติ"บิ๊กตู่"แนะระวังคำพูด
วันเดียวกัน นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกสปช.ว่า มีแต่คนหน้าเดิม คนที่ได้รับคัดเลือก คงไม่ต่างจากสนช.มากนัก ตนกังวลว่าจะมีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ขอฟันธงไว้เลย ตรงข้ามกับนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ ที่เร่งสร้างความปรองดอง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์อาจไม่รู้ แต่คนใน สนช.และสปช.ต้องมีอะไรอยู่ในใจ ดังนั้นอยากให้นายกฯตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี อย่านำคู่ขัดแย้งทางการเมืองเข้ามาทำงาน อยากได้คนกลางหรือนักวิชาการที่มีความรู้เฉพาะด้านมาทำงานจะดีกว่า
พิพากษายืน - นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เข้ารับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมิ่นเบื้องสูง โดยศาลพิพากษายืนจำคุก 11 ปีตามศาลชั้นต้น ที่ศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อวันที่ 19 ก.ย. |
นายอำนวย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีบุคลิกตรงไปตรงมา พูดตามความคิดเห็น อย่างประเด็นการใส่ชุดบิกินีของชาวต่างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าผิดก็ออกมาขอโทษ ถือว่ามีความรับผิดชอบสูง ขอเป็นกำลังใจให้ แต่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ระวังเรื่องคำพูดมากขึ้นด้วย เพราะขณะนี้เป็นผู้นำประเทศแล้ว ต้องคิดดี ทำดี และพูดดี
"บิ๊กป๊อก"เตือนอย่าระดมม็อบ
เมื่อเวลา 17.20 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ มอบให้กระ ทรวงมหาดไทยเป็นตัวหลักในการสกัดม็อบไม่ให้เข้ามาที่ทำเนียบหรือกระทรวงต่างๆ ว่า อย่าใช้คำว่าม็อบ ความหมายของนายกฯ หมายถึง หากประชาชนมีปัญหาเรื่องการดำรงชีวิตอยู่หรือปัญหาใด ขอให้หน่วยงานในพื้นที่แก้ไข ไม่ใช่การเข้าไปสกัดม็อบ โดยศูนย์ดำรงธรรมเป็นช่องทางหนึ่งที่จะรับปัญหา ถ้าแก้ได้ก็แก้ในพื้นที่ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็รับปัญหาส่งขึ้นมาให้ เราจะหาทางแก้ไขให้
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ดูแลประชาชน เราต้องเป็นธรรม ในพื้นที่มีความคิดแตกต่างกันได้แต่ต้องอยู่ร่วมกันได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ชอบคนละพรรค แต่เขาอยู่ร่วมกันได้ ดังนั้น การไประดมม็อบมา ไม่ใช่แนวทางที่ทำให้ประเทศชาติเจริญ โดยเฉพาะเมื่อมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ยุยงกะเกณฑ์กันมาเพื่อเอามาเป็นพลังต่อรอง เราต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งขณะนี้ประชาชนมีความเข้าใจสูงทีเดียว
จัดกองร้อยตร.เฝ้าอนุสาวรีย์ปชต.
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 1 กองร้อย ประจำอยู่บริเวณถนนดินสอและร้านแมคโดนัลด์ ราชดำเนิน พร้อมนำรถควบคุม ผู้ต้องหามาจอดไว้ริมถนน 1 คัน หลังจากทราบข่าวว่า จะมีประชาชนนัดรวมตัวกันรำลึก 8 ปี รัฐประหาร เบื้องต้นพบผู้ที่จะมาทำกิจกรรมจำนวนหนึ่งกระจายตัวกันอยู่ตามจุดต่างๆ แต่ยังไม่ได้รวมตัวกัน
พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 กล่าวว่า ประชาชนสามารถทำกิจกรรมรำลึกรัฐประหารได้ แต่ไม่ใช่มาชุมนุมกันในลักษณะต่อต้านหรือสร้างความเดือดร้อนให้ ผู้อื่น ทาง บก.น.1 ได้จัดเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกัน เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย และ คุมไม่ให้ประชาชนกระทำการเกินกว่าเหตุที่กฎหมายกำหนด
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.สำราญราษฎร์ กล่าวว่า ตนจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจประมาณ 20 นาย สายสืบประมาณ 20 นาย ตำรวจจราจรประมาณ 5-6 นาย และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่ง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ประชาชนสามารถทำกิจกรรมจุดเทียนหรือวางดอกไม้ได้ แต่ต้องไม่ทำอะไรที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และทำกิจกรรมปราศรัยด้านการเมือง หรือใช้คำพูดที่รุนแรง หากพบจะมีการเชิญตัวไปให้เจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการตามกฎอัยการศึก
"บิ๊กตู่"ฮึ่มสื่ออย่าให้ใช้กม.บังคับ
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนไทยในชาติ" ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย ตอนหนึ่งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นสัปดาห์แรกที่รัฐบาลและครม.ได้ทำงานบริหารประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และตนได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารของส่วนราชการต่างๆ จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบาย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม โปร่งใสและเป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าการใช้สื่อต่างๆ นั้น พบว่าสื่อมวลชนบางฉบับหรือบางสำนักยังปรับปรุงน้อย ยังคงเขียนให้ร้ายกันในบางคอลัมน์ จึงขอให้ย้อนไปดูว่าที่ผ่านมา อะไรเป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าหนังสือพิมพ์ วารสาร โทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิล โซเชี่ยลมีเดีย วิทยุชุมชน บางช่องบางคนอ้างว่าด้วยความรักชาติ เป็นธรรม เพื่อประชาธิปไตย ดังนั้น หากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก มีความขัดแย้งเกิดขึ้นปฏิรูปไม่ได้ ก็ต้องมาร่วมกับเรารับผิดชอบด้วย จึงต้องขอร้องกัน อย่าให้เราต้องบังคับใช้กฎหมายมากนัก จะเดือดร้อนทั้งพนักงาน สำนักพิมพ์ สถานีทั้งวิทยุ โทรทัศน์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็เดือดร้อนกันหมดกรณีทำผิดกติกาที่ตกลงกันไว้กับหน่วยงานที่ควบคุมอยู่ในปัจจุบัน
"การที่สื่อบางสื่อมีการกล่าวให้ร้าย บิดเบือน ซึ่งข้อเท็จจริงบางอย่างเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็ขยายความโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ บางอย่างยังไม่ดำเนินคดีหรือตัดสินให้ถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม หากไม่ได้กลั่นกรองแล้วออกไปทำให้คนเข้าใจผิด ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างหรือกล่าวหานั้นเสียหาย ยังไม่จบขั้นตอน ขอให้ใจเย็นๆ รอเวลา รอ กระบวนการยุติธรรมเขาทำงานให้เรียบร้อยก่อน พวกเราและรัฐบาลไม่ได้หวั่นไหว แต่บางครั้งก็รำคาญใจเหมือนกัน เพราะทำให้เราคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนได้ ติดๆ ขัดๆ ไปหมด พอจะเริ่มทำเริ่มคิดก็ติดแล้ว ก็ฝากดูแลกันด้วยว่าใครบ้างที่ยังมีพฤติกรรมซึ่งไม่ร่วมกันสร้างบ้านเมือง ไม่ร่วมกันปฏิรูปปรองดอง" นายกฯ กล่าว
ต้องดุดันเพราะอยากให้รู้ว่าเจ็บปวด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าตามหลักนิยมทางทหารต้องทำก่อนแล้วค่อยพูด ซึ่งดีกว่าบางคนพูดแล้วไม่ทำ หลายคนชอบพูดหรือกล่าวให้ร้ายในหลายประเด็น ทั้งนี้ คำว่าประชานิยมนั้นไม่มีปัญหา ถ้าไม่สร้างปัญหาในอนาคต ตนไม่อาจกล่าวว่าดีหรือไม่ดี หากทำแล้วรัฐบาลต้องมาหาเงินใช้หนี้ มีเงินกู้เพิ่มหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็นหรือมีผู้ที่ได้ประ โยชน์มากกว่าประชาชนที่แท้จริงจากการทุจริต ไม่โปร่งใสในขั้นตอนต่างๆ ประชาชนได้แต่เพียงส่วนน้อย จึงต้องดูว่าสิ่งที่เราทำไปแล้วนั้นเป็นปัญหาในระยะยาวหรือไม่ เราถูกเป็นเครื่องมือหรือเปล่า
"บางคนกล่าวว่าผมคิดแบบนักการเมือง เรียนว่าผมคิดแบบทหาร ทหารทำอะไรต้องมีผลสัมฤทธิ์ เพราะเรามีเวลา มีงบประมาณจำกัด อีกอย่างหนึ่งที่มาเติมในขณะนี้คือคิดแบบประชาชน ต้องไม่มีผลประโยชน์ ไม่ต้องนึกถึงพรรค ไม่ต้องหาเงินเข้าพรรค ไม่ต้องรักษาฐานเสียง" นายกฯ กล่าว
"บางครั้งผมอาจใช้คำพูดไม่สุภาพบ้างหรือแรงไปบ้าง เพียงต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของผม ของทุกคนในชาติ แล้วมาร่วมมือกันแก้ปัญหาที่สำคัญทุกๆ เรื่อง ผมพยายามปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ ผมเป็นทหารมาเกือบทั้งชีวิต 38 ปีในกองทัพบก อยู่กับลูกน้องส่วนใหญ่เป็นทหาร เป็นผู้ชาย ต้องขอโทษ ถ้าพูดไม่สุภาพบ้าง ผมให้เกียรติทุกคนเสมอ กรณีน.ส.กริชสุดา คุณะแสน ขอร้องว่าอย่าพูดอะไรที่ให้ร้ายเจ้าหน้าที่เลย เพราะเกือบทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้น ซึ่งคุณเป็นสุภาพสตรี ผมต้องขอโทษบางครั้งพูดแรงไป ก็มีอารมณ์เหมือนกัน เพราะให้ร้ายกองทัพให้ร้ายอะไรต่างๆ มาตลอดโดยไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องขอโทษด้วย ผมเป็นนายกฯ ต้องสุภาพเรียบร้อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โวยรูปตัดต่อ-ระบุให้เสียหาย
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการทำร้ายนักท่องเที่ยว เรื่องการตีกันของเด็กนักเรียน นักศึกษา คิดว่าต้องไม่มีอีกแล้ว ทุกคนต้องช่วยกันดูแล วันนี้เราใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ทุกคนทราบดี แต่เหตุการณ์เหล่านี้ทำไมยังเกิดขึ้นอีก สิ่งนี้น่าสงสัย น่าแปลกใจ ไปคิดดูว่าถ้ากฎหมายแรงอย่างนี้แล้วยังเกิดอย่างนี้ แสดงว่าคนเหล่านี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย จะทำอย่างไรต่อไป เมื่อใช้กฎหมายปกติอย่างเดียวจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ตนไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีก ทุกคนในชาติก็ไม่ต้องการให้เกิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ขอโทษจริงๆ ที่พูดจาอาจจะเร็วไปบ้างหรือพูดแรงไปบ้างก็ขอโทษไปแล้ว เพียงแต่ขอความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย ตนขอโทษและให้เกียรติท่าน ท่านก็ให้เกียรติตนบ้าง การที่สื่อช่วยระมัด ระวังเรื่องการนำรูปตนไปดัดแปลง บางรูปดูไม่ได้เลย ไม่ใช่ดัดแปลงตนเสียหาย นำรูปประชาชนมาประกอบกับตนโดยแกล้งนำรูปจริงๆ มา แล้วใส่เข้าไป บิดเบือน ทำให้เสียหายไปถึงสถาบันเบื้องสูงด้วย ตนว่าไม่สมควร
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนเรื่องภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ยังไม่เกิดขึ้น กำลังพิจารณาอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ เป็นเรื่องของสนช. ตนก็เพียงคิดริเริ่ม ศึกษา จับข้อมูลที่ส่วนราชการทำมา ตนให้แนวทางไปว่าจะเกิดอย่างไร ทั้งหมดต้องเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อยอย่าเพิ่งกลัวว่าต้องไปขายที่ดินมาเสียภาษี ซึ่งไม่ใช่แบบนั้น แสดงว่ามีคนปลุกปั่นในเรื่องเหล่านี้อยู่ ไม่เข้าใจ ขอให้รอฟังก่อน เมื่อถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน พอเริ่มพูดก็มีปัญหามาตลอด ทำงานไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น่าสังเกตว่า นายกฯใส่ชุดสูททางการแทนเครื่องแบบทหาร ส่วนฉากพื้นหลังที่เคยใช้ฉากของคณะคสช. จะเป็นฉากรูปรัฐบาลแทน ใช้เวลาออกอากาศ 28 นาที
อุทธรณ์ยืนจำคุก"สมยศ"11 ปี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2962/54 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 53 ปี อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีวันที่ 15 ก.พ.-15 มี.ค. 2553 เผยแพร่นิตยสารดังกล่าวหลายฉบับ มีเนื้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58, 91, 112
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2556 ให้จำคุก 2 กระทง กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี และให้นับโทษเพิ่มอีก 1 ปี คดีหมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม รวมจำคุก 11 ปี ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี โดยนำแบบเรียนประวัติศาสตร์และเอกสารที่อ้างอิงเนื้อหาจากพงศาวดารมายื่นประกอบการพิจารณานั้น เห็นว่าเป็นการอ้างเอกสารขึ้นมาใหม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้พิจารณาในศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับพิจารณา
ส่วนการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีพยาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกอ.รมน. นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้าราชการสังกัดสำนักปลัดนายกฯ รวมทั้งข้าราชการบำนาญของหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งพยานต่างเบิกความสอดคล้องกันว่า เมื่ออ่านบทประพันธ์ทั้งหมดแล้วมีเนื้อหาที่ไม่เชิดชูและเสียดสีสถาบัน ขัดกับหลักพื้นฐานความรู้และเหตุผลตามประวัติศาสตร์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมยศ ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษาเพียงลำพัง ซึ่งไม่มีญาติและครอบครัวมาให้กำลังใจ ซึ่งหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายสมยศกล่าวว่าตนถูกคุมขังในเรือนจำมานาน 3 ปี 6 เดือนแล้ว โดยจะยื่นฎีกาต่อสู้คดีทั้งในข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมายเรื่องหนังสือแบบเรียนด้านประวัติศาสตร์ต่อไป
"บิ๊กตู่"ถกยาง-เผยม็อบไม่มาแล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ หรือ กนย. ครั้งที่ 2/2557 ถือเป็นการประชุมในฐานะประธานบอร์ดครั้งแรกของนายกฯ โดยมีผู้แทนส่วนราชการต่างๆ และภาคเอกชนร่วมหารือ ทั้งนี้ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอ 4 แนวทางแก้ปัญหาราคายางตกต่ำต่อที่ประชุม ประกอบด้วย 1.เร่งรัดการใช้ยางภายในประเทศให้มากขึ้น นำยางมาใช้สร้างถนน ทำอิฐบล็อก ทำพื้น ฝายหรือผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมเร่งโค่นต้นยางเก่า เพื่อลดอุปทานภายในประเทศ ทำให้ลดผลผลิตยาวในอนาคต
2.ผลักดันและเร่งรัดโครงการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้สถาบันเกษตรกรรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาที่สูงขึ้น และการปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการ นำเงินเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อใช้แปรรูปยาง อีกทั้งสนับสนุนการปล่อยเงินกู้ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อเข้าถึงเกษตรกรมากขึ้น 3.สร้างตลาดการซื้อขายยางธรรมชาติ เชื่อมโยงให้ทำสัญญาซื้อขายและส่งมอบสินค้าจริงระหว่างชาวสวนยางกับผู้ซื้อ และ 4.ร่วมมือกับต่างประเทศ กำหนดแนวทางจัดการเก็บสต๊อกยางร่วมกัน
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่าความจริงรัฐบาลมีคณะทำงานรับผิดชอบโดยตรง มีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ เป็นประธานกลั่นกรองมาชั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งตนกำหนดให้เรื่องยางพาราเป็นวาระแห่งชาติ เพราะปัญหายางคงจะอยู่ต่อไปอีก 2-3 ปีกว่าจะแก้ได้หมดเพราะหมักหมมมานาน สัปดาห์หน้าปลัดกระทรวงเกษตรฯ จะไปหารือกับประเทศผู้ผลิตยางที่เรียกว่าไตรภาคีว่าจะทำอย่างไรให้ราคายางดีขึ้น
เมื่อถามว่ามาตรการเฉพาะหน้าคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แก้ปัญหาที่ค้างมาคือ 1.กองทุนช่วยเหลือยางเกษตรกรไร่ละ 2,520 บาทที่ประชุมอนุมัติให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ได้ตรวจเช็กและขึ้นทะเบียนด้วย ซึ่งเกษตรกรพอใจ 2.การอนุมัติเงินกู้ 5,000 ล้านบาท ให้สหกรณ์ยางปล่อยกู้แล้วนำไปรับซื้อยาง และ 3.การขยายประเภทสหกรณ์ให้มีมากขึ้น เพิ่มส่วนนิติบุคคลด้วย ซึ่งต้องมาคุยกันในเรื่องภาษี ซึ่งกระทรวงการคลังต้องหารือต่อในเรื่องนี้ ส่วนยางที่ค้างอยู่ในสต๊อกจะดูว่า
จ่ายในราคาเท่าไร ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาตลาด ต้องทำอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้องทำให้ได้เรื่องการควบคุมพื้นที่ปลูกยาง ต้องเช็กว่ามีการปลูกยางจริงเท่าไรโดยจะใช้ดาวเทียมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตรวจว่าใครอยู่พื้นที่กำหนดหรือใครบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ต้องทำทั้งหมด จะได้คำนวณได้เสียที ปัญหาของประเทศไทยคือข้อมูลไม่ตรงกัน
นายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนจะทำให้ราคายางขึ้นให้ได้ แต่เป้าหมายว่าอยู่ที่เท่าใดคงพูดไม่ได้ แต่ราคายางต้องขึ้น วันนี้ราคายางในตลาดโลกถ้าอยู่ที่ 50 กว่าบาทก็จะทำให้ได้ในประมาณนี้ก่อนแล้วค่อยขึ้นอีกทีภายหลัง อย่างน้อยจะไม่ให้มีรับซื้อต่ำกว่านี้มากนัก แต่เรื่องนี้อ่อนไหว อย่าเพิ่งไปพูดอะไรและไม่ต้องห่วง ทุกอย่างต้องทำให้เกิดความเข้มแข็งเพราะรมว.เกษตรฯ ที่ยืนอยู่ข้างตนมีความเข้มแข็ง จะต้องทำใหม่ต้องมีความเชื่อมั่น
ส่วนที่เกษตรกรที่ปลูกยางพารา 16 จังหวัดจะเข้ามากดดันรัฐบาลในวันที่ 8 ต.ค.นั้น พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ไม่มาแล้ว เพราะพูดคุยกันแล้ว จะไม่มาและไม่มีการชุมนุม โดยเกษตรกรให้เวลากับรัฐบาล ซึ่งจากการพูดคุยในวันนี้ เขาพอใจเนื่องจากพูดคุยกันทั้งระบบ ขณะนี้ทำแผนไว้หมดแล้ว แต่ไม่อยากให้พูดว่าราคาต้องเป็นเท่าไรเพราะเป็นเรื่องวันข้างหน้า
'บิ๊กตู่'แจงเบรกเวทีมธ. ผวาป่วน อจ.ขอเสรีภาพวิชาการ ชี้ยิ่งห้ามจัด-บานปลาย นายกฯออกจอเตือนสื่อ ใส่ร้ายระวังจะเดือดร้อน อุทธรณ์คุก 11 ปี'สมยศ'
นายกฯหวั่นเวทีเสวนาการเมืองขยายวง ขอร้องอย่าเพิ่งจัด อาจารย์ มธ.จี้มหาวิทยาลัยแสดงจุดยืนปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ชี้รัฐห้ามจะเป็นผลเสียกับรัฐเอง
'บิ๊กตู่'ของดเสวนาการเมือง
เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 19 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทักทายกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า "สวัสดีเช้าวันศุกร์นะจ๊ะ" เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่าอารมณ์ดีแต่เช้า พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า "อารมณ์ดีทุกวันนั่นแหละ ยังยิ้มได้ ก็ยังโอเคนะ"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัววิทยากรและนักศึกษากลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตยไป สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ขณะจัดเสวนาเรื่อง "ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 กันยายน ว่า เรื่องนี้เชิญมาพูดหลายครั้งแล้ว และขอร้องแล้วว่า อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เพราะบ้านเมืองกำลังเดินอยู่ วันนี้กำลังทำ 3 เรื่อง คือ บริหารประเทศ ปฏิรูป และการปรองดอง เพราะฉะนั้นนำเรื่องไปพูดพอขยายก็จะเป็นเรื่อง เมื่อคนที่หนึ่งพูดได้ คนที่สองสามสี่ ก็จะตามมา ก็ไม่ต้องทำงานกันพอดี แล้วจะเข้ามาทำไม
"ผมรู้ตัวดีว่าผมไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องเข้าใจผมด้วย ที่ผ่านมาได้ขอกันมานานแล้ว เราไม่ได้จับกุมตัว เพียงแต่เชิญตัวมา ตอนนี้ก็ได้ปล่อยตัวกลับไปหมดแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ย้ำคำสั่งคสช.ยังห้ามวิจารณ์
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่รู้ขั้นตอนการปฏิบัติแล้วจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมกลัวกว่าคนอื่นอีก แต่เจ้าหน้าที่ทุกคนรู้วิธีปฏิบัติกันดีอยู่แล้ว เพราะทำมาตลอด แทบจะบอกได้เลยว่าเดินซ้ายหรือขวาก่อน ทุกคนรู้ดี ไม่ใช่อยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่เข้าไปล็อกคอ ขอร้องไปแล้ว ขออนุญาตก็ไม่ขอ สิ่งที่พูดเป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น ไม่ได้ห้ามแต่ขอว่าอย่าเพิ่งพูดในตอนนี้"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่เปิดให้มีการแสดงความเห็นด้านการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ทุกอย่างยังมีเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และไม่มีอะไรยกเลิกสักอย่าง เมื่อถามต่อว่าทำไมไม่เปิดช่องให้บางกลุ่มได้แสดงความคิดเห็น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นี่ก็เปิดอยู่ ไม่เคยปิด เปิดให้สื่อถามอยู่ตลอด ต้องดูว่าเขาพูดเรื่องอะไร เช่น เรื่องประชาธิปไตย ก็อย่าไปขยายความ
เมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการส่งเค้าโครงเรื่องการเสวนาก่อนจะมีการตรวจสอบแล้วเปิดเวทีให้พูดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ก็มีคณะกรรมการตรวจอยู่แล้ว ไม่ได้ตรวจคนเดียว แต่ต้องดูว่าเรื่องไหนพูดได้หรือไม่ หากพูดเรื่องประชาธิปไตยการเลือกตั้ง รัฐบาลเป็นอย่างไรนั้น ยังพูดไม่ได้ตอนนี้
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "ขอถามหน่อยว่า ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่ง ได้ทำอะไรให้ประเทศชาติเสียหายบ้างแล้วหรือไม่" เมื่อผู้สื่อข่าวตอบว่า ยังไม่มี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ ว่า "งั้นจบ สวัสดีครับ"
อจ.ชี้เสรีภาพวิชาการน่าห่วง
นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) หนึ่งในวิทยากรเสวนาดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ "มติชน" ว่า สถานการณ์เสรีภาพทางวิชาการขณะนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกดดันจนเกือบจะไม่มีเสรีภาพทางวิชาการ เจ้าหน้าที่บอกว่าต่อไปถ้าจะจัดเสวนาวิชาการ ต้องทำเรื่องให้ทหารพิจารณาก่อน หมายความว่าเขาอาจจะไม่อนุมัติก็ได้ ในแง่นี้คงกระทบกับเสรีภาพทางวิชาการ
"มหาวิทยาลัยต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องเสรีภาพทางวิชาการเอาไว้ โครงการนี้นักศึกษาก็ได้รับอนุมัติจากมหาวิทยาลัยก่อนแล้ว แต่ทหารบอกว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้แจ้งไปยังทางทหารให้รับทราบ ต่อไปนี้มหาวิทยาลัยต้องแจ้งทุกโครงการทางวิชาการให้รับทราบ กลายเป็นว่าการจัดกิจกรรมทางวิชาการจะไม่ถูกตัดสินจากเกณฑ์ทางวิชาการอีกต่อไป ในแง่นี้เสรีภาพก็หายไป" นายประจักษ์กล่าว และว่า หน้าที่ของมหาวิทยาลัยคือ ให้ความรู้ ให้สติปัญญา ทั้งนักศึกษาและสังคมในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ให้ความรู้กับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยตัวเองเท่านั้น ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยถูกคาดหวังให้มีบทบาทกับสังคม ให้ความรู้กับสังคม แต่ตอนนี้แค่บทบาทในแง่การจะให้ความรู้กับสังคมก็ทำได้ลำบากแล้ว คำถามก็คือแล้วเราจะสร้างประชาธิปไตยได้อย่างไร ถ้าเราไม่ให้เสรีภาพกับประชาชนก่อน
เชื่อเป็นผลเสียกับรัฐเอง
นายเชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในวิทยากรเสวนา กล่าวว่า ตอนนี้พูดอะไรไป ก็ไม่มีใครฟัง เหตุผลอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เสรีภาพทางวิชาการเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ แต่ภายใต้ระบบปัจจุบัน อย่าหวังว่าเขาจะฟังเหตุผล
"ในฐานะอาจารย์ประวัติศาสตร์ เสวนาเมื่อวันที่ 18 กันยายน เราเพียงต้องการอธิบายให้ความรู้ถึงประสบการณ์ในการมีรัฐประหารของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มันสอนว่าท้ายที่สุดจะล่มสลายอย่างไร มันไม่น่าจะผิดอะไรที่เราจัดงานเสวนาแบบนี้" นายเชาวฤทธิ์บอก เเละว่า ผลจากเหตุดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นผลเสียกับทางฝ่ายผู้ปฏิบัติการ เนื่องจากเสรีภาพทางวิชาการได้ถูกละเมิด เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มที่เจ้าหน้าที่ทำเเบบนี้ ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ตอบโต้จากทางนักวิชาการหลายรายเเล้วด้วย
บิ๊กตู่ให้นักการเมืองรอรับไม้ต่อ
ต่อมาเมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทุกด้านหารือกันวางแนวทาง หลักเกณฑ์ คัดเลือก สปช.แต่ละด้านไปแล้ว ก่อนจะเสนอต่อ คสช.พิจารณาคัดเลือกขั้นตอนสุดท้าย จากที่คณะกรรมการสรรหาเสนอมาทั้ง 11 ด้าน จำนวน 550 คน และจากจังหวัด จังหวัดละ 5 คน จำนวน 385 คน โดยจะคัดสรรให้ได้ผู้แทน ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ จากทุกภาคส่วน และทุกภาคของประเทศไทย จนเหลือ 250 คน ประกอบไปด้วยด้านต่างๆ 173 คน จากจังหวัด 77 คน จากนั้น สปช.จะขับเคลื่อนการปฏิรูปทั้ง 11 เรื่องต่อไป
"รัฐบาลนี้จะจัดลำดับงานตามลำดับความเร่งด่วน อะไรทำก่อน ทำจริง ทำทันที มีผลสัมฤทธิ์ และจะส่งต่อให้กับรัฐบาลต่อไปอย่างยั่งยืน ขอให้นักการเมืองในอนาคตเตรียมการให้ดี อะไรที่เราทำไม่เสร็จในระยะสั้น ท่านก็ต้องทำต่อ ประชาชนต้องช่วยกันตัดสิน ดูแล เฝ้าระวัง ช่วยกันประเมินผลสัมฤทธิ์ที่จะตามมาในภายหลัง ที่สำคัญถ้าหากใครเตรียมการไม่ดี ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง หากได้รับเลือกเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ก็จะเป็นปัญหาอีกต่อไปในอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เตือนสื่อระวังจะเดือดร้อน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการใช้สื่อต่างๆ เรื่องนี้สำคัญ พบว่าสื่อมวลชนบางฉบับหรือบางสำนัก ยังปรับปรุงน้อย ยังคงมีการเขียนให้ร้ายกันในบางคอลัมน์ ก็ขอย้อนกลับไปดูที่ผ่านมาว่าอะไรเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วารสาร โทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิล โซเชียลมีเดีย วิทยุชุมชน บางช่อง บางคน บางท่านก็อ้างว่าด้วยความรักชาติ ด้วยความเป็นธรรม เพื่อประชาธิปไตยหรืออะไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอีก มีความขัดแย้งเกิดขึ้นปฏิรูปไม่ได้ ท่านก็ต้องร่วมกับเราในการรับผิดชอบด้วย เพราะว่าหากเป็นสาเหตุในความขัดแย้งต่อไปด้วยการสร้างข้อมูลเท็จ
"ต้องขอร้องกัน กรุณาอย่าให้เราต้องบังคับใช้กฎหมายกันมากนัก จะมีความเดือดร้อนไปทั้งพนักงานของสำนักพิมพ์ สถานีทั้งวิทยุ โทรทัศน์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็เดือดร้อนกันหมดในกรณีที่ท่านทำผิดกติกาที่ตกลงกันไว้กับหน่วยงานที่ควบคุมอยู่ในปัจจุบัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขอโทษพูดแรงถึง"เปิ้ล"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่าการที่สื่อต่างๆ บางสื่อนั้น มีการกล่าวให้ร้ายนี้ จะบิดเบือนข้อเท็จจริงบางอย่างก็เป็นเรื่องเล็กน้อย บางอย่างก็ขยายความไปโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่สมบูรณ์ บางอย่างยังไม่มีการดำเนินคดีหรือตัดสินให้ถูกต่อกระบวนการยุติธรรม หากไม่ได้กลั่นกรองแล้วออกไป ทำให้คนเข้าใจผิด ทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวอ้างหรือกล่าวหานั้นเสียหาย ยังไม่จบขั้นตอนก็ขอให้ใจเย็นๆ รอเวลา รอกระบวนการยุติธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลยังไม่ได้หวั่นไหวอะไร เพียงแต่บางครั้งก็รำคาญใจเหมือนกัน เพราะทำให้คิดอะไรไม่ออกว่าจะทำอะไรให้กับประชาชนได้ ก็ติดๆ ขัดๆ ไปทั้งหมด พอจะเริ่มทำ เริ่มคิดก็ติดแล้ว ก็ฟังก่อนว่าเขาไปถึงไหนอย่างไร เขาจะแก้ไขปัญหาอย่างไรและค่อยไปดูว่าในขบวนการขั้นตอนเหล่านั้น ถูกต้องไหม พอใจกันไหม ถ้าเริ่มก็ติดหมด ไปไม่ได้ก็จะอยู่เหมือนเก่าเหมือนเดิม ปัญหาแก้ก็ไม่ได้
"เรื่อง น.ส.กริชสุดา คุณะเสน (เปิ้ล) ขอร้องอีกที อย่าพูดอะไรที่เป็นการให้ร้ายเจ้าหน้าที่เลย เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องไม่จริงทั้งนั้น ไม่ใช่ส่วนใหญ่ เกือบทั้งหมด ฉะนั้นคุณเป็นสุภาพสตรี ต้องขอโทษบางครั้งพูดแรงไป ก็มีอารมณ์เหมือนกัน เพราะว่าท่านให้ร้ายกองทัพ ให้ร้ายอะไรต่างๆ มาโดยตลอด โดยที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ต้องขอโทษด้วย ผมเป็นนายกฯ ต้องสุภาพเรียบร้อย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่นทหารทำก่อนแล้วพูด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลสำรวจดุสิตโพลหรือโพลต่างๆ ออกมาแล้วว่าประชาชนไม่อยากให้มีความขัดแย้งอีกต่อไป และพอใจกับการปรองดองสมานฉันท์ การรณรงค์ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมและพร้อมร่วมสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเหมาะสมกับประเทศไทย บางคนนั้นบอกว่าทหารเดี๋ยวนี้ประชาสัมพันธ์เก่ง เรียนว่าตามหลักนิยมทางทหารต้องทำก่อนแล้วค่อยพูด ก็ดีกว่าบางคนพูดแล้วไม่ทำ
"คำว่าประชานิยมนั้น ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าหากว่าไม่สร้างปัญหาในอนาคต ผมไม่อาจไปกล่าวว่าดีหรือไม่ดี หากทำแล้วรัฐบาลต้องมาหาเงินใช้หนี้ เพิ่มหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็น หรือมีผู้ที่ได้ประโยชน์มากกว่าประชาชนที่แท้จริง จากการทุจริต ไม่โปร่งใสในขั้นตอนต่างๆ ต้องไปดูด้วยว่าประชาชนได้จริงๆ เท่าไร ต้องไปดูว่าสิ่งที่เราทำไปแล้วนั้น เป็นปัญหาต่อไปในระยะยาวหรือไม่" นายกฯกล่าว
มท.1ย้ำพื้นที่แก้ปัญหาปชช.
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกฯมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นตัวหลักในการสกัดม็อบไม่ให้เข้ามาที่ทำเนียบ หรือกระทรวงต่างๆ ว่า อย่าใช้คำว่าม็อบอย่างนั้นเลย ความหมายของท่านนายกฯ ท่านหมายถึงหากประชาชนมีปัญหาการดำรงชีวิตไม่ว่าจะปัญหาใดก็แล้วแต่ ขอให้หน่วยงานแก้ไขในพื้นที่ ไม่ใช่เข้าไปสกัดม็อบ แต่หากเขามีทุกข์อะไรให้แก้ปัญหาในพื้นที่ให้ได้ ศูนย์ดำรงธรรมเป็นช่องทางหนึ่งที่จะรับปัญหา ถ้าแก้ได้ก็แก้ในพื้นที่ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็รับปัญหาส่งขึ้นมาให้เราหาทางแก้ไขให้
"กระทรวงที่มีหน้าที่ดูแลประชาชนคือกระทรวงมหาดไทย เราต้องมีความเป็นธรรม สังคมจะมีความเจริญด้านเศรษฐกิจ สังคม ได้ จะต้องอยู่บนพื้นฐานความสงบเรียบร้อยและมั่นคง เพราะฉะนั้น พื้นที่ใดก็แล้วแต่สามารถมีความคิดเห็นที่แตกต่างได้ แต่ต้องอยู่ร่วมกันได้ เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ชอบกันคนละพรรค แต่เขาก็อยู่ร่วมกันได้ ดังนั้น การที่จะไประดมม็อบมาไม่ใช่แนวทางที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด มีการยุยง กะเกณฑ์กันมา เพื่อเอามาเป็นพลังต่อรอง เราต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผมเชื่อว่าประชาชน ณ ขณะนี้มีความเข้าใจสูงทีเดียว" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
"รัชตะ"ยังไม่เคาะนั่งเก้าอี้ไหน
สำหรับ กรณีสภามหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) มีมติให้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และอธิการบดี มม. เลือกนั่งตำแหน่งเดียว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ นพ.รัชตะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ที่ประเทศเวียดนาม
ผู้สื่อข่าวสอบถามบุคคลใกล้ชิดหลายคนถึงท่าทีของ นพ.รัชตะว่าจะตัดสินใจอย่างไร ได้รับคำตอบในทางเดียวกันว่า ไม่มีใครทราบ อยู่ที่การตัดสินใจของ นพ.รัชตะ แต่กำหนดการทำงานทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ วันที่ 22 กันยายน เวลา 10.00 น. นพ.รัชตะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ สธ.จะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จากนั้น เวลา 13.00 น. ร่วมงานแถลงข่าว "มหิดลคนรุ่นใหม่ หัวใจไร้ควัน" ในฐานะอธิการบดี มม. ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และวันที่ 25 กันยายน เวลา 12.00 น. นพ.รัชตะในฐานะอธิการบดี มม. ร่วมลงนามในสัญญาความร่วมมือด้านการวิจัยการนำนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญขององค์กร มาพัฒนาการผลิตขาเทียมที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล ที่มหาวิทยาลัยมหิดล
"บิ๊กป้อม"ถกหน่วยมั่นคง
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า เป็นการวางแนวทางด้านความมั่นคง เน้นการป้องกันเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ ถ้าสิ่งใดที่เกิดปัญหาไปแล้ว ต้องรีบแก้ไขนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เหตุด้านความมั่นคงมีหลายรูปแบบ ต้องหามาตรการป้องกันให้ได้ เราจะวางโรดแมปในการดำเนินและประเมินงานทุก 3 เดือน ว่าจะได้ผลอย่างไร เพราะรัฐบาลชุดนี้อยู่เพียง 1 ปี จะทำให้ดีที่สุด ส่วนการสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน คงจะมีการพบปะหารือในที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหม ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้
ตั้ง"วอร์รูม"งานด้านมั่นคง
ต่อมา พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมว่า การทำงานเรื่องความมั่นคงจะใช้รูปแบบ "แอ๊กชั่น แพลน" โดยจัดตั้งศูนย์การแก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ จาก 4 กระทรวงหลัก และ 1 กรม ไว้ที่กระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ประวิตร เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ทำหน้าที่แบบ "วันสต๊อปเซอร์วิส" ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการวิเคราะห์ เสนอแนะการแก้ไขปัญหาโดยจะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะเริ่มทำงานได้ในสัปดาห์หน้า
พ.อ.คงชีพกล่าวว่า เรื่องการสร้างความปรองดองขอให้หน่วยงานปฏิบัติงานให้เกิดความเป็นธรรม สร้างความศรัทธา สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชน เรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับการตัดไม้ทำลายป่า ต้องบูรณาการอย่างเป็นระบบ พล.อ.ประวิตรแสดงความห่วงใยถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพิ่มแสงสว่างให้ครอบคลุมพื้นที่ กทม.เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม โดยเตรียมจะติดตั้งกล้องซีซีทีวี 283 จุด ภายใน 2 เดือน
คสช.ปลื้มคนหนุน 12 ค่านิยม
พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. รู้สึกชื่นชมกรณีที่มีบุคคลนำนโยบายค่านิยมคนไทย 12 ประการ ที่ คสช.เสนอให้ไว้กับสังคม มาปรับเป็นกลอนเพื่อให้ง่ายในการจดจำเพื่อปลูกฝังซึมซับให้กับคนไทย ในภาพรวมขณะนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะสังคมส่วนใหญ่มีความตื่นตัวกับสิ่งนี้ ด้วยมีผู้ปรารถนาดีจำนวนมากหยิบยกไปขยายผลกันมากในวงกว้าง พล.อ.ประยุทธ์คาดหวังว่าในอนาคตคนไทยทุกคนจะได้ยึดถือแนวทางนี้ไปเพิ่มเติมเสริมเป็นกรอบการดำเนินชีวิตในสังคม และสิ่งสำคัญที่อยากให้เกิดขึ้นมากกว่าการจดจำในเนื้อหา ก็คือการนำค่านิยมดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง
"มาร์ค"หวัง 250 สปช.ไม่ยี้
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า สำนักงาน กกต.นำรายชื่อจากคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) 11 ด้าน จำนวน 550 รายชื่อ เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ส่วนผลการสรรหาระดับจังหวัด ส่งไปแล้ว 41 จังหวัด เหลืออีก 36 จังหวัด จะทยอยส่ง คสช. คาดว่าจะส่งให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ภายในวันที่ 23 กันยายน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการสรรหา สปช. 250 คน ว่าอยากให้รายชื่อที่ออกมาได้รับการยอมรับ เพราะคือหัวใจ จะช่วยให้กระบวนการปฏิรูปมีโอกาสประสบความสำเร็จ ฉะนั้น ความรู้ ความสามารถ และความหลากหลาย จึงเป็นเกณฑ์การคัดเลือกที่ดีที่สุด ต้องยอมรับว่าการวิ่งเต้นมีมาก
เมื่อถามว่า จะมีการล็อกสเปกหรือไม่หากไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ากระบวนการสรรหา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระบวนการแบบนี้จะมีปัญหาอยู่แล้ว เพราะในที่สุดเป็นเรื่องดุลพินิจของผู้มีอำนาจในการเลือก ถึงจะเปิดเผยรายชื่อออกมาก่อนก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากเปิดเผยรายชื่อก่อนสังคมจะตรวจสอบได้ ไม่ทราบว่าหลังจากนี้ผู้ที่จะคัดเลือก สปช.จะเปิดเผยอะไรบ้าง ต้องไปดูทั้ง 250 รายชื่อว่ามีความเหมาะสมแค่ไหน หากรายชื่อออกมาแล้วสังคมไม่ยอมรับก็จะทำให้การปฏิรูปเดินไปได้ยาก
'มาร์ค'ไม่กังวลปมยุบ'ปชป.'
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรค ปชป.เดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อเข้าให้ถ้อยคำต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.กรณีที่ พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ อดีตข้าราชการการเมืองประจำสำนักนายกฯ ยื่นคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคปชป.ฐานรู้เห็นเป็นใจให้สมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังให้ถ้อยคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ประเด็นที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯซักถามนั้นส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่อยู่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ก็ได้ชี้แจงให้ทราบว่าพรรค ปชป.มีจุดยืนว่าต้องยึดหลักรัฐธรรมนูญ และได้แจ้งต่อกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคว่าการปฏิรูปประเทศต้องปฏิรูปภายใต้หลักรัฐธรรมนูญเท่านั้น พร้อมกำชับไม่ให้ดำเนินการใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ยืนยันว่าพรรค ปชป.พยายามเต็มที่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าสมาชิกพรรค ปชป.มีเป็นล้านคนทั่วประเทศ จึงต้องแยกให้ออกกับคำว่าสมาชิกพรรคด้วย ว่าไม่ใช่กับ ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และอดีต ส.ส.ที่ลาออกไปทั้งหมดด้วย คิดว่าการชี้แจงครั้งนี้น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่รู้สึกมีความกังวลอะไร และคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องเข้าให้ถ้อยคำอีก
'สมยศ'ยัน'เปิ้ล'เอี่ยวชายชุดดำ
ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามหลักนิติรัฐ นิติธรรมเกี่ยวกับคดีชายชุดดำว่า ชี้แจงให้ผู้เข้าพบเข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่แล้วว่าเราตรวจสอบเรื่องใดได้บ้าง บางเรื่องไม่สามารถก้าวล่วงได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ชี้แจงไปแล้วว่าการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ยังไม่เกี่ยวข้องกับการจับกุมทำแผนชายชุดดำ
"ไม่เคยพูดว่า กลุ่ม นปช.เป็นผู้ก่อความรุนแรง แต่หากการสอบสวนพบว่าเชื่อมโยงไปที่ใครต้องจับกุมแน่นอน โดยเฉพาะกรณี น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล สหายสุดซอย จะพูดว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับชายชุดดำไม่ได้ เพราะจากการเข้าไปตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน ที่พัทยา พบหลักฐานจำนวนมาก อาทิ หลักฐานการโอนเงินให้กับผู้ต้องขังที่เป็นแนวร่วม นปช. และถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม หลักฐานการฝากเงินให้กับผู้ต้องหาภายในเรือนจำ หลักฐานการสั่งซื้ออาวุธสงคราม ทั้งปืนอาก้า เครื่องยิงระเบิดเอ็ม 79 เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี รวมถึงบัญชีรายจ่ายและรายรับ ที่โอนให้บุคคลจำนวนมาก ตั้งแต่หลักพันบาทจนถึงหลักแสนบาท และยังมีจดหมายจากผู้ต้องขังในเรือนจำที่ระบุขอบคุณเปิ้ล กริชสุดา ที่โอนเงิน 50,000 บาทให้" พล.ต.อ.สมยศกล่าว และว่า การดำเนินคดีกับ น.ส.กริชสุดา เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆ หรือดิสเครดิตใคร หาก น.ส.กริชสุดาตั้งข้อสงสัยอีก ตนก็พร้อมนำหลักฐานมายืนยัน
ผู้ตรวจฯยกคำร้องตีความ"บิ๊กตู่"
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยไม่มีความหลากหลาย และเอื้อประโยชน์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 และกรณีที่ขอให้ตรวจสอบ สนช.ที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ รวมถึงกรณีที่องค์กรตามรัฐธรรมนูญเข้าร่วมเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิก สปช. เนื่องจากเห็นว่าเข้าข่ายเป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน และขัดต่อประมวลจริยธรรมขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ
นายเฉลิมศักดิ์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ถูกยกเลิกไปแล้วและมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวบังคับใช้แทน ดังนั้น การพิจารณาต้องยึดตามที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตาม พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่แต่งตั้ง สนช. เป็นหัวหน้า คสช. นั้นไม่ได้มีสถานะเป็นข้าราชการ หรือบุคคลตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ยันสนช.เลือกนายกฯไม่ขัดรธน.
นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ สนช.มีมติเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯนั้น ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอำนาจยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเฉพาะกรณีบทบัญญัติของกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่การแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯของ สนช.ถือเป็นเรื่องการกระทำของ สนช.ไม่เกี่ยวกับบทบัญญัติกฎหมาย จึงไม่อยู่ในอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาได้
นายเฉลิมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะที่ในประเด็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.นั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าการเสนอชื่อดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. ที่กำหนดให้นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน และองค์กรภาครัฐมีสิทธิที่จะเสนอบุคคลเข้ารับการสรรหา ดังนั้น กรณีนี้การที่องค์กรตามรัฐธรรมนูญเข้าเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับการสรรหานั้นเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย และไม่ได้เป็นปัญหาต่อความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ