- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 19 September 2014 09:37
- Hits: 3941
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8696 ข่าวสดรายวัน
คุมตัวนิธิ ล้มเวทีเสวนามธ.แต่งตั้ง 14 นายพล คัดตัว '250 สปช.'นปช.บุกจี้'สมยศ'ทำคดีให้เท่าเทียม'บิ๊กป๊อก'ติวผู้ว่าฯ
ล็อก"นิธิ" - ตำรวจ-ทหารนำตัวนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ พร้อมอาจารย์และน.ศ.ธรรมศาสตร์ รวม 7 คน ไปพูดคุยที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังสั่งระงับการจัดกิจกรรมห้องเรียนประชาธิปไตยภายใน มธ.ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 18 ก.ย. |
ตร.-ทหารบุกธรรม ศาสตร์ ศูนย์รังสิตล้มห้องเรียนประชาธิปไตย สั่งห้ามจัดเสวนาทางการเมือง พร้อมคุมตัวอาจารย์นิธิ-อาจารย์ประจักษ์และนักศึกษาอีก 3 คนไปปรับความเข้าใจ-สอบเครียดที่สภ.คลองหลวง ก่อนจะปล่อยตัวออกมาโดยไม่ตั้งข้อหา ด้านบิ๊กป๊อกประชุมมอบนโยบายผู้ว่าฯทั่วประเทศสั่งห้ามทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย บริการประชาชนด้วยใจ เหมือนเป็นลูกหลาน ลั่นประเมินผลงานทุกเดือน เผยจะไม่ปรับย้ายใคร แต่ให้อำนาจปลัดกระทรวงดำเนินการ กกต.คัดแล้ว 50 ชื่อสปช.ทั้ง 11 ด้านส่งให้คสช.เคาะเอง ขณะที่บิ๊กตู่เซ็นแต่งตั้ง 14 กรรมการคัดเลือก ล้วนแต่บิ๊กทหาร-ตำรวจ ด้าน"จตุพร"ประธานนปช. บุกพบ "บิ๊กอ๊อด" ว่าที่ผบ.ตร. ยื่นจดหมายจี้ดำเนินคดี "ชายชุดดำ" 10 เม.ย.53 อย่างตรงไปตรงมา ติดใจการแถลงผลจับกุม พยายามเชื่อมโยงเป็นคนฆ่า"พล.อ.ร่มเกล้า"
"ประยุทธ์"ยกเลิกประชุมคสช.
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 18 ก.ย. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ผบ.ทบ.และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเดิมมีภารกิจเป็นประธานประชุมคสช.เต็มคณะชุดใหญ่ หลังจากมี คำสั่งแต่งตั้งสมาชิกคสช.เพิ่มเติมที่กองบัญชาการกองทัพบก แต่ได้สั่งให้เลื่อนการประชุมออกไปก่อน เพื่อรอการจัดระบบใหม่ที่จะมีการประชุมคสช.ชุดใหญ่ทุกวันพฤหัสบดี ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประชุมสรุปสถาน การณ์ประจำวัน รวมถึงติดตามความคืบหน้าการทำงานในด้านต่างๆ รวมถึงการแก้ปัญหาของประชาชน มีพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการ นายกฯร่วมหารือด้วย
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าก็ยังไม่มีการประชุมคสช.ชุดใหญ่ เนื่องจากพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และรองหัวหน้าคสช. ติดภารกิจเดินทางไปประเทศพม่า เพื่อประชุมผบ.ทอ.อาเซียน และจะเดินทางกลับในวันที่ 25 ก.ย.
เปิดตัว-พบผู้ประกอบการดีเด่น
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานมอบประกาศเกียรติคุณ และมอบรางวัลผู้ประกอบการธุรกิจดีเด่น 2557 จำนวน 21 บริษัท
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีความสุขที่มาร่วมงานในวันนี้ ถือเป็นเกียรติ เป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการ เพราะเศรษฐกิจเป็นตัวสำคัญของการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ อยากเห็นภาคธุรกิจยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีภูมิคุ้มกันที่ดี รู้จักตัวเอง ทำงานธุรกิจคู่คุณธรรมคือนำสินค้าเหลือไปจำหน่ายต่างประเทศและนำมาจำหน่ายให้ผู้มีรายได้น้อย แต่ต้องเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ ตนอยากให้มีแบรนด์ไทยเพิ่มมากขึ้น โดยใช้ผลิตผลทางการเกษตรของไทยเป็นส่วนประกอบ เพิ่มมูลค่าสินค้า ช่วยระบายพืชผลเกษตรและสร้างความดึงดูดใจในการซื้อ และต้องปรับปรุงพัฒนา เพื่อส่งออกไปขายต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้นำภูมิ ปัญญาไทยมาใช้แก้ปัญหาบ้านเมือง อย่าเอาสิ่งที่ทำให้บ้านเมืองมีปัญหากลับมาอีกเลย อยากให้คำนึงถือความเสียหายของประเทศที่ผ่านมา ทุกคนต้องช่วยกัน ยึดหลักธรรมาภิบาลคุณธรรม จริยธรรม รัฐบาลพร้อมเป็นผู้สนับสนุนในการทำธุรกิจ แต่ตนจะอยู่ถึงเมื่อใด แต่ต้องการสร้างพื้นฐานที่ดีของประเทศ รองรับการแข่งขันกับต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานนี้ถือเป็นงานแรกที่พล.อ.ประยุทธ์เปิดตัวกับภาคเอกชน จากนั้นเปิดงานไทยแลนด์ อินโนเวชั่น แอนด์ ดีไซน์ เอ็กซ์โป 2557
"ยงยุทธ"ให้"รัชตะ"ตัดสินใจเอง
เมื่อเวลา 17.35 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสภามหาวิทยาลัยมหิดลมีมติให้นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข เลือกจะดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข หรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เพียงตำแหน่งเดียวว่า เชื่อว่านพ.รัชตะจะตัดสินใจเลือกได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ ทั้ง 2 ตำแหน่งนี้มีความสำคัญและมีภารกิจมากเท่ากัน ขอย้ำว่าอยู่ที่ตัวนพ.รัชตะพิจารณาเอง ตนคงไม่ไปก้าวล่วงการตัดสินใจ แต่ถ้าถามตน ก็หนักใจแทนเหมือนกัน
นายยงยุทธ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สรรหาสปช.ด้านการศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งบัญชีรายชื่อด้านการศึกษา 50 คน ให้คสช. พิจารณาเรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่ามีความหลากหลาย เราทำเต็มที่ ไม่มีการล็อกสเป๊ก ขั้นตอนจากนี้คณะกรรมการคัดเลือกสปช. 14 คนจะเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นสปช.ต่อไป ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่ากรรม การส่วนใหญ่เป็นทหาร อาจจะไม่ได้คนที่หลากหลายนั้น ต้องรอดูผลก่อน ดีไม่ดีค่อยว่ากัน
สพศท.แนะให้"สมศักดิ์"ดูแลแทน
ด้านพญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (สพศท.) ในฐานะตัวแทนประชาคมสาธารณสุข กล่าวถึงการควบ 2 ตำแหน่งของนพ.รัชตะว่า ไม่น่ามีผล กระทบต่อการดำเนินนโยบายต่างๆ ของ สธ. เชื่อว่าอีกไม่นานจะชัดเจนขึ้น เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยมหิดลขีดเส้นให้นพ.รัชตะ ตัดสินใจเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งภายในวันที่ 8 ต.ต. เมื่อเลือกแล้วทุกอย่างก็จบ ส่วนงานที่สธ.ไม่น่ามีปัญหา ระหว่างนี้ก็เดินหน้าปฏิรูปกระทรวงได้ แต่หากไม่สบายใจ มอบให้นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธ. ทำงานก่อน
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ กรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ตนไม่อยากก้าวล่วงการตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องที่นพ.รัชตะ จะตอบได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร แต่งานทั้งกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยมหิดล ถือเป็นงานบริหาร หากแบ่งเวลาได้ก็ทำงานได้ ไม่น่ามีปัญหา แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือกระแสที่เกิดขึ้นอาจทำให้ลำบากในการตัดสินใจ และไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร นพ.รัชตะ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจนั้น
บิ๊กป๊อกประชุมมอบนโยบายผู้ว่าฯ
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบาย และแนวทางการปฏิบัติราชการแก่ ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯทั่วประเทศ
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้การบริหารจัดการประเทศเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 2 ซึ่งคสช.และรัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศควบคู่กัน รวมถึงสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เข้ามาทำหน้าที่ปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อวางรากฐานพัฒนาประเทศ ดังนั้น กระทรวง มหาดไทยจึงต้องเตรียมรองรับการทำงานภายใต้สถานการณ์ที่มีเวลาจำกัด ต้องดำเนินการทั้ง 3 มิติคือ 1.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ให้มีการปฏิรูป ส่งเสริมความสามัคคีและสมานฉันท์ของคนในชาติ 2.สานต่องานตามนโยบายของ คสช.และ 3.การขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล นำนโยบายที่เกี่ยวข้องมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติงานระยะเวลา 1 ปี เพื่อดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เน้นย้ำเป็นพิเศษในเรื่องสำคัญคือ การเทิดทูนและธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ
สั่งให้ดูแลประชาชนเหมือนลูก
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติในการทำงานนั้น 1.ขอให้ผู้ว่าฯทำตัวให้ง่ายๆ ไปไหนมาไหนให้เรียบง่าย ไม่ให้มีระบบเจ้าขุนมูลนาย 2.ให้ผู้ว่าฯเป็นศูนย์กลางแก้ปัญหาของจังหวัด ให้เข้าถึงพื้นที่อย่างแท้จริง 3.ขอให้การบริหารงานอย่างโปร่งใส 4.ให้ทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดผลดีต่อจังหวัดอย่างสูงสุด 5.ให้ทำงานตอบรับความคาดหวังของสังคม เช่น โปร่งใส เป็นธรรม โดยเฉพาะการบริการประชาชน เช่น สาธารณูปโภค น้ำ ไฟ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือปัญหายาเสพติด ปัญหาเยาวชน สังคมขาดภูมิคุ้มกัน จึงขอให้ดูแลประชาชนเหมือนเลี้ยงลูกของตนเอง และเนื่องจากรัฐบาลมีเวลา 1 ปีจึงขอประเมินการทำงานขอผู้ว่าฯทุก 1 เดือน การเป็นผู้ว่าฯเป็นอำนาจที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ภูมิใจที่เรามีส่วนช่วยทำแผ่นดินนี้ให้ดี ให้ภูมิใจในเกียรติยศ ซึ่งการทำงาน ตนจะไม่ทำตัวเป็นอุปสรรคของทุกคน ยืนยันว่าตนพูดภาษามนุษย์รู้เรื่อง
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า สังคมที่เจริญต้องอยู่บนพื้นฐานความสงบ เป็นธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้ว่าฯ สังคมเดี๋ยวนี้มีการใช้อาวุธกัน พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เป็นลูกน้องในไส้ของตน วันหนึ่งต้องมาเสียชีวิตเพราะคนไทยด้วยกัน ไปรบไม่ตาย แต่มาตายด้วยน้ำมือคนไทย ดังนั้น อย่าแบ่งแยก ต้องสร้างความเข้าใจให้ปรองดอง คนเราชอบไม่เหมือนกันได้ แต่อย่าตีอย่าฆ่ากัน ซึ่งหลังจากเกษียณ ตนรู้สึกเบื่อ จะให้สวมหัวโขนอะไรก็ไม่เอา แต่ไปต่างประเทศ เห็นบ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบ จึงคิดว่าทำอย่างไรให้ประเทศไทยสะอาด อยากให้ผู้ว่าฯดูแลความสะอาดของบ้านเมือง ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น ตนจะไม่ปรับย้ายใคร ให้ไปคุยกับปลัดกระทรวงเองแล้วกัน
เผยประเมินผลการทำงานทุกเดือน
รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงมหาดไทยจะประเมินผลการทำงานทุกเดือน เพื่อเร่งให้มีผลงานออกมา ระหว่างนี้กำลังพิจารณาเรื่องตัวชี้วัดอยู่ เมื่อถามถึงนโยบายเดินสายประชุมครม.พเนจร พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ให้นายกฯ เป็นผู้กำหนดว่าจะลงพื้นที่ไหน ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งว่าจะลงพื้นที่ใด กระทรวงมหาดไทยมีความพร้อมทุกพื้นที่ที่นายกฯจะไป
อ้างมั่ว - เจ้าหน้าที่สั่งขนย้ายเสาไฟฟ้าสเตนเลสออกจากทำเนียบรัฐบาล หลังมีตัวแทนบริษัท เอ็นจี ไลท์ จำกัด แอบอ้างชื่อพ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. นำมาติดตั้งรอบทำเนียบ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. |
เมื่อถามว่านายกฯมีดำริจะยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า นายกฯ คงจะพิจารณามาตรการที่จะควบคุมสถานการณ์ให้เรียบร้อยก่อนจึงจะยกเลิกโดยเร็ว
พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวถึงการสรรหา สปช.ว่า ตอนนี้เอาชื่อใส่ซองแล้ว 50 คน ส่วนที่นายกฯต้องการให้คนที่พลาดจากสปช.มาช่วยงานด้วยนั้น ตนเห็นด้วยกับกรอบแนวทางของนายกฯที่อยากให้เอาข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะของทุกคนมาประเมินเพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ต้องดูว่าจะอย่างไร ยืนยันว่าด้านส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีเกณฑ์สรรหาให้ได้ผู้มีประสบการณ์หลากหลาย เช่น สายวิชาการ อดีตผู้ปฏิบัติงานในท้องถิ่นทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นและเอกชน เลือกครอบคลุมหมดทุกภาค ยืนยันว่าไม่มีล็อก สเป๊กเพราะการทำงานของท้องถิ่นไม่ง่าย ต้องเอาคนที่มีความรู้มาทำ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ พอเห็นรายชื่อแล้วจะรู้เองว่าใครมาจากไหน
มท.2 แนะอย่าใช้ความรู้สึกทำงาน
ด้านนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ความสำเร็จของพวกเราต้องร่วมมือกันทำงานเป็นทีม ตนอยากให้ยึด 5 แนวทาง 3 ประสาน คือ 1.พฤติกรรมต้องปรับเปลี่ยนตามนโยบายรัฐบาล คสช. และรมว.มหาดไทย จากนั้นขยายผลต่อไปส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น และต้องเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถให้ดีที่สุด 2.ต้องศึกษาตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อ สนช. และนโยบายของรมว.มหาดไทย
นายสุธีกล่าวว่า 3.ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเป็นธรรม 4.ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลในการทำงาน ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าโครงการต่างๆ โปร่งใสและคุ้มค่า รวมถึงปรับตัวเองในเรื่องจริยธรรม และ 5.การบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์มุ่งในผลสัมฤทธิ์ โดยประสาน 3 อย่าง คือ ใจ งาน และการปฏิบัติ ตนขอให้ประสานงานแบบพลเรือน และตัดสินใจแบบทหารโดยอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าเอาความรู้สึกมาใช้ทำงาน
บุกวางเสาไฟสเตนเลสทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 03.00 น. มีขบวนรถขนเสาไฟฟ้า ทั้งรถยกและรถ 6 ล้อขนอุปกรณ์เสาไฟฟ้าสเตนเลส มาตั้งข้างรั้วประตู 1 และสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า มีน.ส.สุทธิรัตน์ ไม่แจ้งนามสกุล ตัวแทนบริษัทเอ็นจี ไลท์ จำกัด พร้อมลูกน้องมาดูแลวางเสาไฟฟ้าและพยายามจะนำเข้ามาวางที่สนามหน้าตึกไทยและด้านข้าง โดยนำรถและอุปกรณ์เข้ามาทางเข้าสะพานมัฆวานฯ อ้างชื่อพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และผอ.กองการสถานที่ พร้อมโชว์เอกสารจากศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์) ทำเนียบรัฐบาล
ต่อมา เจ้าหน้าที่ประจำจุดจึงสอบถามไปยังศูนย์มัฆวานฯซึ่งเป็นศูนย์รักษาความปลอดภัยซึ่งได้อนุญาตให้เข้ามาก่อน กระทั่งเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ประสานและ ติดต่อผอ.ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและฝ่ายสถานที่ แต่ไม่ได้คำตอบว่ามีการสั่งซื้อเสาไฟฟ้า หรือประสานเพื่อนำมาโชว์ ต่อมาเวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้เก็บของทั้งหมดออกไป ก่อนที่นายกฯจะเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบในเวลา 08.30 น.
อ้างเอกสาร"วินธัย"ให้นำมาติดตั้ง
ก่อนหน้าที่บริษัทเอ็นจีไลท์ฯ จะยอมขนย้ายอุปกรณ์กลับออกไป น.ส.สุทธิรัตน์ พยายามโชว์เอกสารหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์บริการประชาชน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. เลขที่รับ 10168 ที่ขอให้ทำเนียบเปลี่ยนมาใช้เสาไฟฟ้าสเตนเลสที่เจ้าของเป็นคนไทยก่อนประเทศอื่นเพื่อให้เกิดความมั่นคง มีนายยงยุทธ งามไกวัล ประธานบริษัทลงชื่อ พร้อมกล่าวว่า ได้ประสานผอ.กลุ่มงานหนึ่งในทำเนียบแล้ว และแค่มาติดตั้งให้นายกฯดูเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างอื่น รวมถึงได้กล่าวขอโทษตำรวจและ เจ้าหน้าที่ รปภ.ในทำเนียบที่ทำให้เดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทนี้แอบอ้างและแจ้งความเท็จต่อตำรวจที่ดูแลทำเนียบ โดยโชว์เอกสารที่ทำถึงนายกฯ ถึงเลขาธิการนายกฯและพ.อ.วินธัย ให้นำเสาไฟฟ้าเข้ามาตั้งได้ แต่เมื่อประสานอีกครั้ง ปรากฏชัดเจนว่าไม่มีการอนุญาตให้เข้ามาติดตั้งเสาไฟฟ้าดังกล่าว ทางตำรวจจึงให้บริษัทดังกล่าวเก็บสินค้ากลับไปทันที โดยที่น.ส.สุทธิรัตน์ยอมเก็บของไปโดยดี และไม่ให้เหตุผลว่าใครอนุญาตให้เข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้น.ส.สุทธิรัตน์ ได้เข้ามาในทำเนียบรัฐบาลและห้องผู้สื่อข่าว เพื่อยื่นหนังสือให้เห็นถึงสินค้ามีคุณภาพ และต้องการให้ทำเนียบจัดซื้อถึง 4 ครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับความสนใจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวออกไป แต่ยังไม่ละความพยายาม ยังคงนำเสาไฟฟ้าไปตั้งที่หน้าบก.ทบ.ซึ่งทหารก็เชิญให้เก็บออกไปเช่นกัน
สั่งรายงานด่วน-บกพร่องต่อหน้าที่
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดชี้แจงและรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นความบกพร่องที่ปล่อยให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามา กระทำการ หากเป็นกรณีอื่นอาจก่อให้เกิดความเสียหายเดือดร้อนได้
เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีการจัดสรรเวลาเพื่อออกอากาศรายการนายกฯพบประชาชน ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศ ไทย ช่อง 11 ว่า รายการดังกล่าวยังมีอยู่แต่จะปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้นยังไม่ทราบรายละเอียด ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการอยู่เพื่อให้ประชาชนสนใจมากขึ้น ในฐานะดูแลช่อง 11 และอสมท อยากเห็นการพัฒนาไปสู่ความเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ประชาชนมีความสุขและสนใจติดตามข่าวสาร
ม.ล.ปนัดดากล่าวกรณีมีตัวแทนบริษัทเอกชน นำอุปกรณ์เสาไฟฟ้าสเตนเลสเข้ามาภายในทำเนียบโดยไม่ได้ประสานงานอย่างถูกต้องว่า บริษัทคงเข้าใจว่าสามารถเข้ามาขายได้โดยตรง ซึ่งการจะส่งสินค้าขนาดใหญ่ต้องประสานกันทั้งเรื่องงบประมาณและการบริหารจัดการ ส่วนที่อ้างเอกสารราชการกับ คสช. เพื่อขอนำอุปกรณ์เข้ามาภายในทำเนียบนั้น ตนทราบจากสื่อเท่านั้น แต่หากมาขายของ ถือว่าผิดช่องทาง จึงต้องส่งเอกสารที่นำมาอ้างอิงกลับคืนไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่ามีฝ่ายทำเนียบไปประสานให้ตัวแทนบริษัทให้เข้ามาหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่ใช่ เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่เขาคิดว่าจะนำสินค้าไปขายที่โน่นที่นี่ได้ตามที่ต้องการ
รปภ.เข้มงวด-ชง"พล.อ.วิลาศ"ฟัน
ส่วนที่ปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาภายในทำเนียบ ถือว่ามีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยหรือไม่ ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องประสานให้เข้าใจ ไม่ใช่แค่ทำเนียบ หากไปกระทรวงอื่นด้วย ไม่ใช่จู่ๆ จะไปขายสินค้าได้เช่นกัน เมื่อถามย้ำว่าการแอบอ้างชื่อนายกฯ เลขาธิการนายกฯ พ.อ. วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก จะตรวจสอบอย่างไร ม.ล.ปนัดดากล่าวว่า เป็นการอ้างที่เลื่อนลอย ไม่ใช่เรื่องจริง ยอมรับว่าไทยมีเรื่องการแอบอ้างชื่อบุคคล ฉะนั้นอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ ต้องตรวจสอบให้ดี
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดูแลความปลอดภัย ทั้งสำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการนายกฯ(สลน.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล 3 ที่ประจำการทำเนียบต้อง เขียนรายงานชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ ส่งพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ เพื่อดำเนินการ
ขณะที่การรักษาความปลอดภัยในทำเนียบ ยังคงเข้มงวดตามปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะบริษัทนำเอกสารราชการมาอ้างว่าได้ติดต่อประสานกับผอ.กลุ่มบริหารสถานที่ไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ กับบริษัทนี้ เพราะไม่ถือว่าบุกรุก อีกทั้งไม่ต้องการสร้างปัญหาวุ่นวายในช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่เพิ่งเข้ามาทำงาน
กกต.คัดตัวเสร็จแล้ว50ชื่อ11ด้าน
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านได้คัดเลือกบุคคลเป็นสปช.ด้านละ 50 รายชื่อเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่ระดับจังหวัดมี 60 จังหวัดที่สรรหาเสร็จแล้วและได้ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด(ผอ.กต.จว.)ในฐานะเลขานุการ นำรายงานผลการคัดเลือกส่งมายังสำนักงานกกต.ด้วยตนเองแล้ว 27 จังหวัด ส่วนที่เหลืออีก 17 จังหวัด จะทยอยประชุมคัดเลือกบุคคลโดยวันสุดท้ายที่นัดประชุมคือวันที่ 22 ก.ย. สำหรับผลการสรรหาทั้ง 11 ด้านและอีก 27 จังหวัด กกต.จะทำเอกสารนำส่งมอบให้กับคสช.ภายในบ่ายวันนี้หรืออย่างช้าคือเช้าวันที่ 19 ก.ย. ส่วนระดับจังหวัดที่ยังไม่เสร็จอีก 17 จังหวัดจะทยอยส่งในภายหลัง คาดว่าวันที่ 23 ก.ย. ส่งรายชื่อผลการสรรหาได้ครบทุกจังหวัด
นายภุชงค์กล่าวว่า ผลการคัดเลือกทั้ง 2 ส่วน กกต.ได้รับการกำชับมาจากคสช.ว่าให้เป็นความลับ เพราะคสช.เกรงว่าหากรายชื่อรั่วไหลออกไปก่อนอาจเกิดปัญหาวิ่งเต้น หรือมีความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น ซึ่งตนกำชับผอ.กต.จว.เช่นกัน เชื่อว่าทั้ง 77 จังหวัดจะดำเนินการอย่างรอบคอบ แต่หากมีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องสอบสวนกันและเพื่อให้การรักษาความลับเป็นไปตามที่คสช.ต้องการ ทางกกต.จะไม่มีการเปิดซอง จะตรวจเพียงความเรียบร้อยของซองเอกสารว่าชำรุดหรือไม่ หากพบว่าเรียบร้อยจะนำส่งไปยังคสช.เลย
บุกตร. - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. พร้อมแกนนำนปช. เข้าพบพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผบ.ตร. เพื่อขอให้ดำเนินคดีชายชุดดำอย่างเป็นธรรม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 ก.ย. |
เมื่อถามว่าหากคสช.ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นสปช.ทั้ง 250 คนแล้ว จะเปิดเผยรายชื่อได้หรือไม่ นายภุชงค์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายคสช.ว่าจะให้เปิดเผยได้หรือไม่ กกต.คงไม่เกี่ยว
ชี้สนช.อภิปรายน้อยเพราะยังใหม่
ที่รัฐสภา นายนรนิติ เศรษฐบุตร สมาชิกสนช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านการเมือง กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายชื่อของคณะกรรมการสรรหาสปช.ที่คสช.แต่งตั้งขึ้น แต่เชื่อว่าคณะกรรมการจะเลือกสปช.รอบสุดท้ายทั้ง 250 คนในภาพกว้าง ยืนยันว่าการพิจารณาเลือกผู้สมัครสปช.รอบแรก ล้วนเป็นบุคคลที่เหมาะสม มีการกระจายไม่กระจุกตัว แต่ผลจะออกมาอย่างไรต้องรอดูผลรอบสุดท้าย ส่วนการตรวจสอบการคัดเลือกภายหลังจากได้สปช.แล้วนั้น คงไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีการบันทึกไว้
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสปช. ด้านสาธารณ สุขและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การที่คณะกรรมการสรรหารอบสุดท้ายเป็นนายทหารทั้งหมดนั้น ไม่เป็นปัญหา เพราะคณะกรรมการสรรหารอบแรกนำเสนอชื่อด้านละ 50 คน ได้พิจารณาอย่างรอบด้าน
นพ.เจตน์ ในฐานะโฆษกวิปสนช. ชั่วคราว กล่าวถึงการพิจารณาร่างกฎหมายของสนช.ที่ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการพิจารณาวาระแรกว่า เบื้องต้นสนช.ที่เป็นมือใหม่ยังไม่กล้าอภิปราย ทำให้มีผู้อภิปรายน้อย เชื่อว่าในอนาคต ถ้าสนช.คุ้นเคยกับการทำงานในสภาจะได้เห็นบทบาทของสนช.มากขึ้น ทั้งนี้ ตนเป็นห่วงการพิจารณาร่างกฎหมายอาจไม่รอบคอบ เนื่องจากมีกฎหมายหลายฉบับ และมีผู้แสดงความเห็นน้อย แต่เชื่อว่าในชั้นกรรมาธิการจะพิจารณาละเอียด รอบคอบ เพื่อให้ร่างกฎหมายมีประสิทธิภาพ
ทหาร-ตร.บุกล้มเสวนาที่มธ.รังสิต
วันเดียวกัน กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) จัดกิจกรรม"ห้องเรียนประชาธิปไตย : บทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ" โดยมีวิทยากร ได้แก่ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายเชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ น.ส.จันจิรา สมบัติพูนศิริ นายภาณุ ตรัยเวช และดำเนินรายการโดย นายประจักษ์ ก้องกีรติ ที่ห้อง 206 อาคารบรรยายรวม 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ทั้งนี้ พ.อ.พัลลภ เฟื่องฟู ผบ.กองบังคับการควบคุม กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 ได้ทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้งดจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยอ้างถึงคำสั่งคสช.ที่ต้องการให้ประเทศสงบ ไม่สร้างความแตกแยก แต่คณะผู้จัดงานยืนยันจะจัดกิจกรรมต่อไป เนื่องจากเป็นกิจกรรมมุ่งให้ความรู้ประชาชนและนักศึกษาทั่วไป ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ จึงล็อกห้องที่จะจัดงานในครั้งแรก ห้ามเข้าไปใช้เด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้จัดงานจึงย้ายมาจัดบริเวณโถง บร.1 ด้านล่างอาคารดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศคึกคัก มีประชาชนและสื่อมวลชน นักศึกษามาร่วมฟังจำนวนมาก ซึ่งระหว่างการจัดกิจกรรม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารนอกเครื่องแบบเรียกผู้จัดงานไป พูดคุย เพื่อขอความร่วมมือให้เลิกกิจกรรมดังกล่าว ต่อมางานเสวนาถูกสั่งยกเลิกขณะที่นายนิธิกำลังพูดอยู่ โดยตำรวจเชิญนักศึกษา อาจารย์ซึ่งเป็นวิทยากร ไปยังสภ.คลองหลวง
คุมตัว"นิธิ-3 อจ.วิทยากร"ไปสอบ
นายนิธิให้สัมภาษณ์ระหว่างที่อยู่ในรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งนำตัวไปยังสภ. คลองหลวงว่า การเสวนาครั้งนี้ตนเป็นผู้กล่าวเริ่มต้นว่าการกระทำที่เป็นเผด็จการนั้นต้องมีเครื่องมือ 2 สิ่งคือการทำให้คนกลัว กับการมีอุดมการณ์ซึ่งไม่ใช่การย้อนกลับไปหาอดีต แต่เพื่อสร้างอนาคต หากขาดอุดมการณ์ดังกล่าวและมีเพียงความกลัว นั่นหมายความว่าฝ่ายเผด็จการเป็นผู้เกรงกลัว ไม่ใช่ฝ่ายผู้ถูกกระทำที่จะกลัว ซึ่งจะกลัวทุกอย่าง เพราะอุดมการณ์ของเขาคือชาตินิยม เวลาพูดถึงชาติ พูดถึงคน นั่นหมายความว่ากลัวคน และตกใจกลัวไปหมด คนทำอะไรก็กลัวไปหมด
นายนิธิกล่าวว่า เหตุรัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมีเพียง 2 ครั้งสุดท้าย ที่พยายามจะยึดทั้งรัฐและยึดทั้งชาติ ซึ่งครั้งที่แล้วกระทำไม่สำเร็จ สำหรับครั้งนี้ชาติยังไม่ได้ถูกยึดเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยึดชาติ
น.ศ.ฮือให้กำลังใจ-ทหารคุมเข้ม
ด้านนายประจักษ์กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย นายนิธิ น.ส.จันจิรา และนักศึกษาอีก 3 คน ถูกนำตัวไปยังสภ.คลองหลวง เพื่อปรับความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ในอนาคตว่าจะทำได้หรือไม่ได้ งานนี้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าของงาน วิทยากรได้รับเชิญไปบรรยาย และนักศึกษาได้ทำโครงการขอจัดงานกับมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจัดงาน ห้องที่ขอไว้กลับถูกปิดไม่ให้ใช้ เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้รับจดหมายขอให้งดจัดกิจกรรม ซึ่งเข้าใจได้ว่ามหาวิทยาลัยคงถูกบีบ
"ผมเห็นว่าการทำโรดแม็ปเพื่อสร้างประชา ธิปไตยที่สมบูรณ์ ถ้าไม่ได้เริ่มจากการให้สื่อ ให้ประชาชนและนักวิชาการ ได้มีเสรีภาพ คงไปถึงจุดนั้นไม่ได้" นายประจักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มนักศึกษามธ.กว่า 50 คน ซึ่งไม่พอใจการทำหน้าที่ของตำรวจทหารได้รวมตัวกันมาที่สภ.คลองหลวง เพื่อให้กำลังใจอาจารย์และนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัว บรรยากาศที่หน้าสภ.มีกำลังตำรวจและทหารกว่า 100 นายมาดูแลความสงบเรียบร้อย
เตรียมเล่นงานซ่องสุมต้านคสช.
ต่อมาเวลา 20.00 น. น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ขอเข้าพบอาจารย์และนักศึกษาที่ถูกคุมตัวมา แต่เจ้าหน้าที่ทหารปิดประตูกั้นไว้ ยังไม่ให้เข้าพบ
น.ส.ภาวิณี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับการประสานจากกลุ่มนักศึกษาว่ามีการเชิญตัวอาจารย์และนักศึกษามาสอบสวน ซึ่งขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวมาดำเนินคดีตามข้อหาอะไร และดูว่าการคุมตัวมาเข้าข่ายการคุมตัวตามกฎอัยการศึกหรือไม่ หากไม่เข้าข่ายทางตำรวจไม่สามารถคุมตัวไว้ได้ ต้องปล่อยตัวเพื่อให้เป็นอิสรภาพตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์และนักศึกษาที่ถูกเชิญมาที่สภ.คลองหลวง ประกอบด้วย นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายเชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ อาจารย์คณะศิลปกรรมศาสตร์ น.ส.จันจิรา สมบัติพูนศิริ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ และนักศึกษา 3 ราย คือนายวรวุฒิ บุตรมาตร นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายรัฐพล ศุภโสภณ เมื่อมาถึงสภ.คลองหลวง ถูกคุมตัวเข้าไปภายในห้องสอบสวน ที่ชั้น 2 มีพล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.อ.พัลลภ เฟื่องฟู และตำรวจชุดสอบสวน เข้าร่วมสอบสวนว่าเข้าข่ายการชักชวน ซ่องสุม ให้รวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคสช.หรือไม่ หรือเข้าข่ายตามข้อเท็จจริงข้อใด ตามประกาศคสช.
ปล่อยตัวทั้งหมด-ไม่ตั้งข้อหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.20 น. เพจเฟซบุ๊กกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวนักศึกษาและวิทยากรทั้งหมดแล้ว ซึ่งก่อนนี้เวลา 20.30 น. นายอำเภอคลองหลวง ได้ออกมาจากห้องสอบสวนและแจ้งกับผู้รอติดตามความคืบหน้าว่า อีก 10 นาที จะปล่อยตัวทุกคนกลับบ้านโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ และครั้งนี้เป็นเพียงการเรียกมาพูดคุยกันเท่านั้น
"ธิดา-จตุพร"ยื่นสมยศใช้นิติธรรม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิป ไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนางธิดา โตจิราการ นพ.เหวง โตจิราการ และนายอารี ไกรนรา แกนนำนปช. เข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผบ.ตร. ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ตำรวจดำเนินการตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรมอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับคดีจับกุมกลุ่มชายชุดดำ ในเหตุการณ์สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย เมื่อคืนวันที่ 10 เม.ย.2553
ประธานนปช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบยื่นหนังสือว่า นปช.มีจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่า การตายของทหารและประชาชน ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นชายชุดใดก็ตาม จะต้องถูกดำเนินคดีฐานฆ่าคนตายตามกฎหมาย และเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 จนถึงปัจจุบัน ศาลได้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพเกี่ยวกับความตายที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นความตายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และมีอีกหลายคดีที่อยู่ในระหว่างการทำสำนวน
ติงตร.ทำให้เขวชุดดำฆ่า"ร่มเกล้า"
นายจตุพรกล่าวว่า กลุ่มนปช.ยังติดใจและสงสัยต่อการแถลงข่าวกลุ่มชายชุดดำ เนื่องจากเห็นว่าทางตำรวจพยายามทำให้สังคมเข้าใจว่า กลุ่มชายชุดดำเป็นผู้ก่อเหตุทำให้ พล.อ.ร่มเกล้าเสียชีวิตระหว่างการเข้าสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 และการแถลงข่าวพยายามทำให้สังคมเข้าใจว่าการชุมนุมเมื่อปี 2553 เชื่อมโยงถึงปี 2557 จึงเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำคดีผู้เสียชีวิตในปี 2553 ทั้งทหารและประชาชนเข้าสู่กระบวน การสอบสวน โดยดีเอสไอและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน คุกคามผู้ถูกกล่าวหาให้รับสารภาพ โดยการแถลงข่าวผลการจับกุมและการทำแผนฯ ต้องกระทำโดยมีหลักฐานและข้อมูลชัดเจน ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มการเมืองใด
ประธานนปช.กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากลุ่มนปช.ยินดีให้ความร่วมมือในการสืบสวนคดีทางการเมือง ให้เป็นไปตามหลักฐานและกฎหมาย โดยย้ำว่าการเคลื่อนไหวของนปช.เป็นไปอย่างสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ อีกทั้งยังได้ถือประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 63 เรื่องการสร้างความยุติธรรมของหน่วยงานที่มีหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้ปัญหานำไปสู่ความแตกแยก และความขัดแย้งของบ้านเมืองอีกครั้ง เพราะฉะนั้นการอธิบายความในการทำหน้าที่ระหว่างกันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ต้องขอขอบคุณพล.ต.อ.สมยศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
จี้ต้องดำเนินคดีอย่างเท่าเทียมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นปช.ออกมาแบบนี้ ไม่กลัวสังคมจะมองว่าออกมาปกป้องชายชุดดำและเป็นพวกเดียวกันหรือ นายจตุพรกล่าวว่าไม่มีการปกป้อง ประกาศมาตั้งแต่ต้นว่าความตายของทหารและประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของชายชุดใด สีเสื้อใด หากเป็นการทำให้ผู้อื่นตาย จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และภาพชายชุดดำที่เกิดขึ้นนั้น มีปรากฏเพียงเหตุการณ์เดียวคือเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 และความตายหลังจากนั้นก็เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก
"เราไม่มีภาระหน้าที่ที่จะปกป้องชายชุดดำ เพราะไม่ว่าชายชุดใดก็ไม่มีสิทธิที่จะฆ่าคน ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือประชาชน หากกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน ยืนยันว่าแกนนำและกลุ่มนปช.ไม่เคยรู้จัก หรือเกี่ยวข้องกับชายชุดดำแต่อย่างใด เพราะมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าเราเป็นองค์กรที่ต่อสู้ทางการเมือง ต่อสู้ทางความคิด ไม่ใช่เป็นองค์กรที่ต่อสู้ทางการทหาร และขอเรียกร้องให้ตำรวจสืบหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริงมาลงโทษให้ได้" ประธานนปช.กล่าว และว่ายืนยันว่าเราไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวปกป้อง และไม่รู้จักกับกลุ่มชายชุดดำ อีกทั้งมั่นใจว่าการออกมาครั้งนี้ไม่ได้สร้างความขัดแย้ง แต่ออกมาตามกรอบกติกา ไม่ใช่การยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง
ว่าที่ผบ.ตร.แจง-โต้บีบคั้นผู้ต้องหา
ด้านพล.ต.อ.สมยศกล่าวว่าตนชี้แจงนายจตุพรว่าตำรวจและพนักงานสอบสวนทุกนายยึดหลัก และแนวนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าการดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยว ข้องกับบุคคลต่างๆ และทุกฝ่าย ให้ทำด้วยความเสมอภาค ยึดถือหลักยุติธรรม ความ ถูกต้อง ไม่ใส่ร้ายป้ายสี หรือกลั่นแกล้งอย่าง เด็ดขาด โดยชี้แจงว่าหลายคดีที่มีความสงสัยกัน เป็นคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ดีเอสไอ ไม่เกี่ยวกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ว่าที่ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า การดำเนินการคดีชายชุดดำ ไม่เคยพาดพิงถึงกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง และไม่เคยกล่าวว่ากลุ่มชายชุดดำเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า เพียงแต่จับกุมในข้อหาครอบครองอาวุธสงครามเท่านั้น อีกทั้งจุดเกิดเหตุก็อยู่คนละจุดกับที่ พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิต แต่ถ้าหากการสอบสวนขยายผลว่ามีความเชื่อมโยง เจ้าหน้าที่จะดำเนินการโดยเด็ดขาด และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่เคยคุกคามบีบคั้น หรือทำร้ายร่างกายผู้ถูกกล่าวหาให้รับสารภาพ และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า คดีทางการเมืองส่วนใหญ่เป็นความรับผิดชอบของดีเอสไอ รวมถึงคดีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ด้วย ส่วนคดีชายชุดดำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ซึ่งนายจตุพรก็พอใจการชี้แจงของตำรวจ
คสช.ตั้ง14บิ๊ก-เลือก250สปช.
วันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งคสช. ที่ 117/2557 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือก สปช. ดังนี้ 1.คณะกรรมการคัดเลือกสปช. รวม 14 คน ประกอบด้วย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะผบ.สส. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และผบ.ทอ. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และรองผบ.ทบ. พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผบ.สส. พล.ร.อ.ชุมนุม อาจวงษ์ สมาชิกสนช. และหัวหน้าคณะทำงานเตรียมการปฏิรูป กระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ รองผบ.ทร. พล.อ.อ.สฤษดิ์พงษ์ โกมุทานนท์ รองผบ.ทอ. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. และพล.อ.อุทิศ สุนทร หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายและสั่งการของผู้บังคับบัญชาในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
2.ให้คณะกรรมการคัดเลือกสปช. มีอำนาจหน้าที่ พิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งสมควรเป็นสมาชิกสปช. จากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดเสนอ จังหวัดละ 1 คน และจากบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้านเสนอตามจำนวนที่เห็นสมควร และให้นำรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกแต่ต้องไม่เกิน 250 คนเสนอต่อหัวหน้าคสช. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อทรงแต่งตั้งสปช.ต่อไป
โปรดเกล้าฯ"นุรักษ์"ปธ.ศาลรธน.
วันที่ 18 ก.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายจรูญ อินทจาร เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตามประกาศลงวันที่ 21 ต.ค. 2556 แล้วนั้น บัดนี้ นายจรูญ ได้ขอลาออกจากประธานศาลรัฐธรรมนูญและได้พ้นจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 209(2) ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2557 มีมติเลือก นายวรวิทย์ กังศศิเทียม เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 ประกอบมาตรา 24 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งประธานและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังนี้ 1.นายนุรักษ์ มาประณีต เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ 2.นายวรวิทย์ กังศศิเทียม เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 9 ก.ย.2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
สวนยางใต้ฮึ่มเคลื่อนม็อบ8ตค.
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ นำโดยนายทศพล ขวัญรอด และตัวแทนชาวสวนยางในแต่ละจังหวัด เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดมาตรการและข้อเสนอรัฐบาล เพื่อเร่งแก้ไขปัญหายางพาราที่มีราคาตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปมีแนวโน้มว่ายางพาราอาจตกต่ำหลุดแนวราคา 40 บาท พร้อมกันนั้นได้เชิญ ดร.เลิศชาย ศิริชัย คณบดีสำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ บรรยายเพื่อกำหนดกรอบแนวคิดการแก้ไขปัญหา
ดร.เลิศชายระบุว่าการเคลื่อนไหวของชาวสวนยางนั้นถือเป็นบทเรียน หลังจากนี้ต้องกำหนดทิศทางของการเคลื่อนไหวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด สะท้อนให้ทุกฝ่ายเห็นว่ามีความเดือดร้อนเกิดขึ้นอย่างไร
นายทศพลกล่าวว่า ผลจากการหารือกว่า 2 ช.ม. มติในที่ประชุม ยืนยันที่จะให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องราคายางพาราตกต่ำ โดยในวันที่ 8 ต.ค. ภาคีเครือข่ายฯ 16 จว.ภาคใต้ จะนัดรวมตัวเพื่อเคลื่อนพลโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อกดดันรัฐบาลในการแก้ปัญหา ในวันนั้นเราจะไม่บอกว่าจะเคลื่อนพลในรูปแบบใด แต่รับรองไม่ซ้ำแบบเดิมอย่างแน่นอน วันนี้ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ยืนยันว่าการเคลื่อนพลในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด
"แนวทางการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน มี 4 ข้อด้วยกัน คือ 1.ให้รัฐบาลต้องสนับสนุนงบประมาณให้กับสหกรณ์กองทุนยางพาราทุกสหกรณ์ที่ดำเนินการหรือสหกรณ์การเกษตร เพื่อนำงบประมาณมาซื้อยางพาราของเกษตรกร 2.ให้สหกรณ์รับซื้อผลผลิตการเกษตรของเกษตรกรโดยรับซื้อน้ำยางสดเพื่อเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นยางพารารมควัน 3.ให้ สกย.ผลิตยางรมควันเพื่อเก็บเข้าสต๊อกไว้เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อออกจำหน่ายราคาที่สูงกว่า และ 4.ให้สหกรณ์ทุกสหกรณ์คืนงบประมาณให้กับรัฐบาลตามจำนวนที่ได้รับหลังจำหน่ายผลผลิตทั้งหมด" นายทศพลกล่าว