WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8695 ข่าวสดรายวัน


ม.มหิดลสั่ง'รัชตะ'เลิกควบ พลังปี๊บ'สุกรี'ได้ผล 
นายกฯตู่ประชุมบิ๊กขรก. ลั่น 3 เดือน-เห็นผลงาน ครม.ทัวร์พเนจรทุกภาค เริ่มส่งชื่อสปช.ให้คสช. 


คลุมปี๊บอีก - นายสุกรี เจริญสุข คณบดีคณะดุริยางค ศิลป์ ม.มหิดล ใช้ปี๊บคลุมหัวอีกครั้ง ประท้วงนายรัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีที่นั่งควบ เก้าอี้รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 17 ก.ย.

         'ประยุทธ์'ติวเข้มบิ๊กข้าราชการ สั่งยิ้มสู้ ทำตัวให้เล็กลง ออกพบประชาชน ต้องเห็นผลงานใน 3 เดือน เตรียมนำครม.เดินสายทัวร์ทุกภาค สอบไมค์แพงไม่เข้าข้างใคร 'เรืองไกร'จี้ป.ป.ช.สอบ'ปนัดดา''สุกรี'ปี๊บคลุมหัวได้ผล มติสภาม.มหิดลสั่ง'รัชตะ'เลิกควบ ขีดเส้นตัดสินใจภายใน 8 ต.ค. เลือกนั่งรมต.หรืออธิการบดี คนเขียนตำราประวัติศาสตร์แจงปมชื่อ"ทักษิณ" กรรมการตรวจเนื้อหาลบเพราะเนื้อหายาว มติวิปสนช. รับหลักการร่างกฎหมายศาลปกครอง ตั้งตัวแทนฝ่ายหนุน-ค้านนั่งกมธ. 

'สุกรี'คลุมปี๊บจี้'รัชตะ'อีก

       เวลา 12.45 น. วันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นคร ปฐม นายสุกรี เจริญสุข คณบดีคณะดุริยางค ศิลป์ นัดเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการสวมปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมการประชุมสภามหา วิทยาลัย เป็นครั้งที่ 2 เพื่อเรียกร้องให้ปลด นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล 

      นายสุกรี กล่าวว่า ตนใช้ปี๊บคลุมหัวครั้งนี้เพราะทนไม่ได้กับการควบสองตำแหน่ง ในฐานะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ต้องการให้สังคมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการแต่งตั้งอธิการบดี จึงหวังให้สภามหา วิทยาลัยพิจารณาถอดถอนอธิการบดี ที่ผ่านมาได้ขอร้องไปยังนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล ให้ตักเตือนและห้ามปรามแล้ว เพราะการทำเรื่องดังกล่าวจะทำให้มหาวิทยาลัยเสียหายมากขึ้น แต่ตัวนายกสภามหาวิทยาลัย ก็มีกระแสว่าอาจเข้าไปเป็นหนึ่งในที่ปรึกษารัฐมนตรี ด้วย จึงไม่ได้คาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่อยากจุดประกายให้คนเห็นความไม่ถูกต้องมากกว่า 

        "หากใครจะร่วมกับผมในการประท้วง ก็ยินดี เพราะเป็นการสร้างมาตรฐานเสรีภาพทางวิชาการในมหาวิทยาลัยไทย ที่ต้องปลอดการเมืองและเป็นพื้นที่ในการวิจัยและให้ สติปัญญากับสังคม ยืนยันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว แต่อยากให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลทำงานเต็มเวลาให้กับมหาวิทยาลัย" นายสุกรีกล่าว 

จนท.-นักเรียนร่วมเคลื่อนไหว 

       จากนั้นจึงเดินออกจากคณะดุริยางคศิลป์ ไปยังสำนักงานอธิการบดี โดยมีเจ้าหน้าที่จากคณะดุริยางคศิลป์ แต่งกายด้วยชุดดำร่วมชูป้ายสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวด้วยข้อความเรียกร้องต่างๆ อาทิ "อธิการฯ ต้องทำงานเต็มเวลา" "สามัญสำนึกต้องมาก่อนกฎหมาย" "ธรรมาภิบาลอยู่ไหน?" "มหาวิทยาลัยปลอดการเมือง" เป็นต้น ทำให้ตลอดทางการเดินได้รับความสนใจจากอาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาและสื่อมวลชน เข้ามาสอบถามและขอถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก 

       เมื่อมาถึงยังโถงสำนักงาน นายสุกรีโบกมือทักทายนักเรียนดุริยางคศิลป์ ชั้น ม.4-ม.6 กว่า 200 คน ที่ยืนจัดแถวร้องประสานเสียงเพลงเทิดพระนามมหิดลเพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจ ก่อนที่นายสุกรีจะถอดปี๊บคลุมหัวเพื่อนำพวงมาลัยสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรฯ และนำปี๊บกลับมาสวม อีกครั้งเมื่อเดินทางเข้าสู่ที่ประชุมสภามหา วิทยาลัยมหิดล

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวันนี้ นพ. รัชตะเดินทางเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัย ตั้งแต่ช่วงเช้า และช่วงบ่ายจะเข้าร่วมพิจารณาเรื่องการนั่งควบตำแหน่งของตัวเองด้วย 

มติมหา"ลัยให้เลิกควบ

      ต่อมาเวลา 17.00 น. นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล แถลงหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งว่า ที่ประชุมมีมติต่อกรณีการนั่งควบตำแหน่งรมว.สาธารณสุขและอธิการบดีของนพ.รัชตะ ว่าจะให้นพ.รัชตะใช้ดุลพินิจเองว่าจะเลือกดำรงตำแหน่งใด ซึ่งนพ.รัชตะขอเวลา 3 สัปดาห์เพื่อศึกษาดูงานในกระทรวงสาธารณสุขก่อนว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยจะแจ้งต่อสภามหาวิทยาลัยภายในวันที่ 8 ต.ค. และที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยจะนำเข้าประชุมในวันที่ 15 ต.ค.ต่อไป 

     เมื่อถามถึงการถูกทาบทามให้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข นพ.วิจารณ์ปฏิเสธทันทีว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เหมาะสมกับตำแหน่งทางการเมือง 

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.รัชตะเลี่ยงการสัมภาษณ์โดยออกจากที่ประชุมก่อนเวลา รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขแจ้ง ว่า นพ.รัชตะเดินทางไปประชุมที่ประเทศเวียดนามในคืนวันเดียวกัน และกลับวันที่ 19 ก.ย. ขณะที่นายสุกรี ของดแสดงความคิดเห็นเนื่องจากได้ตกลงให้นพ.วิจารณ์ เป็นผู้แถลงข่าวแล้ว

โยธาฯ เก็บไมค์รอผลสอบ 

      รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้ถอดชุดไมโครโฟน ยี่ห้อ Bosch รุ่น DCNM-MMD ออกจากห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมครม. และให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง มีข่าวว่ากรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ประสานเจ้าหน้าที่ถอดไมค์ออกและจัดเก็บไว้ภายในห้อง โดยปิดห้องไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป โดยปิดล็อกห้อง มีการถอดและแยกส่วนไมโครโฟนออกจากหน้าจอและบรรจุด้วยพลาสติกมาเรียงไว้ ทำให้บนโต๊ะในห้องประชุมเหลือเพียงการเดินสายไฟและหัวต่อเพื่อรอการสวมไมโครโฟน แต่จนถึงช่วงเย็นวันนี้ (วันที่ 17 ก.ย.) ก็ยังไม่มีการนำไมโครโฟนชุดเก่ามาสวมแทน คาดต้องรอการตรวจสอบจากคตร.ก่อน

      วันเดียวกันนี้ตัวแทนจากกรมโยธาฯ ได้เข้ามาตรวจสอบ พร้อมยืนยันถอดชุดไมโครโฟนทั้งในห้องประชุม 501 รวมถึงห้อง 301 และ 302 ชั้น 3 ออกไปเก็บไว้จนกว่า คตร.จะสอบสวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ข้อยุติ คาดใช้เวลาไม่นานจะทราบผลที่ชัดเจน กรมโยธาฯพร้อมให้ตรวจสอบและคิดว่าไม่มีอะไรน่าหนักใจเพราะเราไม่มีอะไรตุกติก เมื่อมีความชัดเจนเรื่องราคาแล้วจะเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบต่อไป หากการจัดซื้อรายการนี้ผ่านการตรวจสอบและได้รับอนุมัติให้ใช้งาน เราจะนำชุดไมโครโฟนรุ่นนี้กลับไปติดตั้งในห้องประชุมทั้ง 3 ห้องตามเดิม 

"เรืองไกร"จี้ปปช.สอบปนัดดา

       นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อเช้าตนทำหนังสือส่งอีเอ็มเอส ถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบไมโครโฟนราคาสูงโดยด่วน ขณะนี้นายกฯ สั่งระงับการติดตั้งป.ป.ช.จึงต้องรีบทำงานและเห็นชัดแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง แต่น่าจะเป็นเรื่องทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ป.ป.ช.ไม่ควรนิ่งเฉย ขอเสนอแนวทางตรวจสอบ 1.ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ควรมีส่วนรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเป็นปลัดสำนักนายกฯ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 27/2557

       2.ราคากลางกำหนดวันที่ 22 ส.ค. โดยงานทั้งหมดเสร็จประมาณวันที่ 4 ก.ย.แสดงว่ามีเวลาทำงานเพียง 2 สัปดาห์ มีพิรุธน่าสงสัยว่าทำไมถึงดำเนินงานได้รวดเร็วเพราะของต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ มีการทำงานก่อนประกาศราคากลางหรือไม่ 3.ควรตรวจสอบว่าไมโครโฟนนำเข้ามาวันที่เท่าใด ดูได้จากใบขนสินค้าขาเข้าและควรดูรายการอื่นด้วยว่านำเข้ามาเมื่อใด หรือนำของตกรุ่นมาขายโดยตั้งราคาที่สูงมากๆ หรือไม่ 4.เมื่อจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ก็ต้องดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ตามข้อ 23 และข้ออื่นที่เกี่ยวข้อง

ชี้ยังไม่ควรเก็บหลักฐาน 

       5.งบประมาณของงานนี้มีมูลค่า 67,988,000 บาท อำนาจสั่งซื้อจึงควรเป็นของปลัดสำนักนายกฯ ตามระเบียบ ข้อ 65 การสั่งซื้อโดยวิธีพิเศษต้องทำสัญญา มีการเรียกหนังสือค้ำประกัน จ่ายเงินล่วงหน้า ตั้งคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ คณะกรรมการตรวจรับพัสดุตามระเบียบ ข้อ 34 ควรตรวจสอบรายงานการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของเอกชนด้วยว่าเมื่อนำมาส่งมอบแล้ว แม้จะยังไม่ตรวจรับเพราะยังไม่มีสัญญาก็ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มก่อน ถ้าการส่งมอบเกิดขึ้นเดือนส.ค. ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มภายในวันที่ 15 ก.ย. ดังนั้น ควรขอให้กรมสรรพากรตรวจสอบด้วยว่ามีการนำส่งภาษีหรือไม่ ด้วยมูลค่าฐานภาษีเท่าใด 


บิ๊กตู่ร้องเพลง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนถูกกลุ่มนักข่าวรบเร้าให้ร้องเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 

       นายเรืองไกร กล่าวว่า การที่นายกฯ สั่งให้ระงับการใช้ไมโครโฟนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องโดยให้รื้อถอนออกไปก่อน ป.ป.ช.ควรเข้าไปตรวจดูสถานที่จริงก่อนรื้อถอน เก็บรวมรวมพยานหลักฐานต่างๆ ถ้าเป็นไปได้ควรระงับไม่ให้ส่งมอบคืนไว้ก่อนจนกว่าการตรวจสอบแล้วเสร็จ เรื่องนี้น่าเชื่อว่ามีการกระทำเข้าข่ายทุจริตและประพฤติมิชอบเกิดขึ้นแล้ว แต่บังเอิญโดนประชาชนจับได้ก่อน ป.ป.ช.จึงไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป

"บิ๊กตู่"ชี้ถือฤกษ์อย่าว่ากัน

       เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อ ผู้บริหารระดับสูง โดยมีรองนายกฯและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชี้แจงนโยบายแต่ละด้าน มีผู้เข้าร่วมรับฟังประมาณ 600 คน อาทิ หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ผู้ว่าฯ รวมถึงผบ.เหล่าทัพ 

      นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 2 ของโรดแม็ป รัฐบาลเริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนสงสัยว่าทำไมไม่เข้าทำเนียบสักที ไม่ใช่รอฤกษ์ แต่รอเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมตามจารีตประเพณี ต้องเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน จริงๆ แล้วฤกษ์ดีทั้งนั้นในหลวงพระราชทานถือเป็นราชาฤกษ์อยู่แล้ว เมื่อพระราชทานลงมาก็ถือเป็นวันดีของทุกคน แต่เรื่องนับถือศาสนาก็ต้องมีบ้าง อย่างเวลา 09.09 น. ไม่มีใครไม่เชื่อมั่นในโชคลางเพราะคนไทยก็ยังเป็นคนไทย อย่าว่ากัน 

สอบไมค์ไม่เข้าข้างใคร 

        พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีรัฐบาล มีการประชุม ครม.นัดแรกวันที่ 16 ก.ย. ก่อนประชุมก็มีปัญหามาตลอดทั้งเรื่องไมโครโฟน ซึ่งไม่น่าเป็นเรื่องก็ต้องสอบสวนกัน ตนจะไม่ว่าใครผิดหรือถูกอยู่ที่เจตนาและขั้นตอน ต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง 

        "ไม่ว่าจะมีปัญหาไมโครโฟนอย่างไร เสียงผมก็ยังดังอยู่เพียงแต่ไม่มีจอ เจ้าหน้าที่คงปรารถนาดีจะได้เห็นหน้ากันเวลามีประชุมระหว่างประเทศ หรือประชุมกับผู้ว่าฯจะได้เห็นหน้ากัน ต้องดูเรื่องราคาว่าเหมาะสมหรือไม่ วันนี้ผมไม่เข้าข้างใครอยู่แล้ว ต้องทำหน้าที่โดยสั่งการให้สอบสวน โดย คตร.จะสรุปแจ้งมาให้ทราบ" นายกฯ กล่าว

สั่งรับม็อบอย่าให้ถึงนายกฯ

       นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งจะทำงานใน 3 ระดับ คือ ระดับนโยบายขับเคลื่อนโดยรองนายกฯ และรัฐมนตรี และนำไปสู่การปฏิบัติคือกระทรวง ทบวง กรม ร่วมกับประชาชนทุกกลุ่ม รัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มีนโยบายพรรค มีแต่นโยบายชาติและการรักษาผลประโยชน์ของชาติ ที่ผ่านมาเราอยู่ในฐานะที่ไร้อนาคต ทั้งการหยุดชะงักด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาไม่มีประสิทธิภาพ วันนี้จึงต้องมาสร้างอนาคตกันใหม่

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อุปสรรคการทำงานมีหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องเวลาและสถานการณ์ภายในยังมีความขัดแย้งอยู่ มีความเคลื่อนไหวทั้งบนดิน ใต้ดิน ใต้น้ำ โดยเฉพาะทางโซเชี่ยลมีเดีย แต่รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ทุกคนคงไม่ต้องการให้ปัญหาเดิมกลับมาอีกจึงต้องช่วยกัน ข้าราชการต้องปรับตัว ต้องเปิดใจ ขอให้ทำแบบตนคือยิ้มอารมณ์ดี แม้ในใจร้อนระอุแต่ต้องยิ้ม นักข่าวเลิกทะเลาะเพราะเห็นตนยิ้มทุกวัน แต่พอเห็นหน้างอก็ถามมาก ยั่วอารมณ์ก็ต้องอดทน ข้าราชการต้องเปิดใจยิ้มแย้ม อย่าหงุดหงิด ให้ความสำคัญกับประชาชนที่ลำบาก ทุกกระทรวงต้องจัดศูนย์ประสานงานระหว่างกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต้องตั้งคนที่จะเผชิญม็อบให้ได้อย่าปล่อยให้มาหาตน มาจากกระทรวงไหนเอากลับกระทรวงนั้น เรื่องยางพาราที่ ออกมากันเต็มไปหมด วันนี้ขอให้กระทรวงพาณิชย์เชิญตัวแทน 4 สมาคมมาชี้แจงแล้ว

ย้ำห้ามขึ้นป้ายรับรมต. 

       พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องทำตัวให้เล็กลง เวลาตนลงไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ต้องเกณฑ์คนมาต้อนรับมากมาย ขอร้องว่าอย่าจัดฉาก อย่างวันที่ตนลงพื้นที่น้ำท่วม จ.สุโขทัย อากาศร้อน นั่งเรือก็วนอยู่ ไม่ไปไหนไกล ถ่ายรูปจนหน้าบาง ขอร้องว่าถ้าจะสรุปรายงานขอให้ทำให้เสร็จที่สนามบินและรายงานเพียงสั้นๆ ตนอ่านมาบ้างแล้ว รู้อยู่แล้วตรงไหนเป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดต่อหน้าประชาชนให้เสียเวลา ให้เวลาตนไปคุยช่วยเหลือประชาชน นั่งเรือขอไปให้ไกลกว่านั้น เดี่ยวจะถูกคำครหาว่าทหารประชาสัมพันธ์เก่ง

      "เรื่องป้ายต้อนรับผมและรัฐมนตรีข้างถนน อย่าทำเลย ขอร้อง ใช้เงินหลวงไปทำอย่างอื่นดีกว่า บางที่เอาชาวบ้านชาวนามาถือป้ายให้เมื่อย ถ้าเราไม่ให้เขาถือวันนี้ วันหน้าเขาจะไม่ถือให้ใคร ขอให้เปลี่ยนค่านิยมกันใหม่ ถ้าจะขึ้นป้ายให้ขึ้นเรื่องค่านิยม 12 ประการจะน่าชื่นใจกว่า" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

ไม่เคยคิดตั้งพรรคการเมือง 

       นายกฯ กล่าวว่า การเดินหน้าปฏิรูปและสร้างความปรองดองรัฐบาลทำอยู่ การลดการประท้วงร้องเรียนกำลังแก้ไข จึงขอให้สบายใจว่าเข้ามาแก้ปัญหา เดินหน้าประเทศ ไม่ได้มาเพื่อการเมือง จะไปตั้งพรรคอะไรตนไม่เคยคิด แค่ทุกวันนี้ก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ฉะนั้นเราต้องแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว เราเดินคนเดียวไม่ได้ ข้าราชการต้องสนับสนุน วันนี้เราได้รับการสนับสนุนพอสมควร ไม่ได้หมายความว่าโพลออกมาดีแล้วตนดีใจ 

      "ช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาผมไม่มีความสุข วันนี้รัฐมนตรีมาร่วมความทุกข์กับผมแล้ว อย่าคิดว่ารัฐมนตรีเป็นง่าย ต้องงอนง้อ ไม่งั้นไม่มีใครมาเพราะกลัว ผมปากแบบนี้ด้วยเดี๋ยวศัตรูเยอะ แต่ท่านเสียสละยอมมา ฉะนั้นต้องช่วยกันสร้างประเทศที่กำลังยุบให้ขึ้นมา สร้างอนาคตให้ลูกหลาน อย่าขัดแย้งต่อไปเลย ผมไม่ใช่พวกใครทั้งนั้น"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การบริหารภายใต้การนำของคสช. ไม่ได้เอาแนวทางใหม่ๆ มามากแต่ดูแลให้เป็นไปตามระเบียบบริหารปกติ เปรียบเสมือนบ้านเราหรือร่างกายเรามีเลือดออก ต้องหยุดเลือดให้ได้ก่อนจากนั้นค่อยซ่อมแซม จะผ่าตัดหรือเย็บตรงไหนก็ว่ากันไป วันนี้หยุดความขัดแย้ง แตกแยกได้ระดับหนึ่งแต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ น่าจะได้ 90 เปอร์เซ็นต์ การทำงานที่ผ่านมาถือว่าไร้แรงกดทับ ไม่ว่าจาก คสช.หรือรัฐบาล ข้าราชการมีศักดิ์ศรีในการทำงาน ตนพอใจที่ไม่มีพวกหรือแบ่งฝ่าย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี

สั่งบิ๊กขรก.เข้าถึงประชาชน 

      นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่มีทหารเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่าต่อว่าเลย เพราะมีทหารเข้าไปจะได้ไม่โกง แต่ถ้าทำไม่ดีก็ปรับออกได้ ถือเป็นความจำเป็นในช่วงนี้ ต้องเห็นใจ ยืนยันไม่ใช่เรื่องการตอบแทนหรือให้ เพราะลูกน้องตนไม่มีใครอยากไป ส่วนปัญหาทุจริตซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ ต้องระวังที่สุดตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. ซึ่งตนระวังมาก และคิดว่ารัฐมนตรีทุกกระทรวง รองนายกฯ หรือข้าราชการทุกคนต้องระวังเรื่องนี้ ถ้าพลาดเมื่อไรก็เมื่อนั้น จึงต้องระวังที่สุด 

       นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่บริหารแล้วยังมีหน้าที่ปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน และยังมีงานสร้างความปรองดองของคนในชาติ เชื่อว่าถ้าไม่มีใครมาเป่าหูคนไทยรักกันอยู่แล้ว ดังนั้น ข้าราชการต้องช่วยกันลดความขัดแย้งให้ได้ ปัญหาส่วนใหญ่เริ่มจากการเมืองทั้งสิ้น เราจึงต้องสร้างการเมืองใหม่โดยสติปัญญาของคนไทย ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตยให้เป็นแบบไทยๆ แต่สากลยอมรับ

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คนในชาติขาดสามัคคีเพราะความยากจน ความรู้พื้นฐานไม่เท่ากัน จึงขอให้อดทนพูดกับชาวบ้าน ถ้าเขาไม่เดือดร้อนคงไม่มาเรียกร้อง อย่ามองว่าถูกจ้างมา ถือเป็นหน้าที่ทุกคนต้องแก้ปัญหา อย่าให้ชาวบ้านกลับมาอีก ถ้าเราทำให้คนมีรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำก็จะเข้าใจมากขึ้น จากนี้ข้าราชการทุกกระทรวงต้องเดินลงไปหาชาวบ้าน แต่งตัวไม่ต้องสวยมาก ลดความเป็นข้าราชการระดับสูงลงไปให้ถึงพื้น 

สัมมนาในปท.-ห้ามอัพเกรดตั๋วบิน 

        พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้เรามีเงิน 2.5 ล้านล้านบาท แต่ต้องใช้หนี้ 4 หมื่นกว่าล้าน โครงการประชานิยมตนไม่ได้ว่าดีหรือเลว ทำอะไรก็ได้แต่ต้องไม่เกิดปัญหาในอนาคต ไม่เกิดหนี้สาธารณะ ส่วนเรื่องทุจริตเป็นเรื่องต้องห้ามเด็ดขาด ต้องบูรณาการและใช้จ่ายงบฯ อย่างมีคุณภาพ ขอให้ทุกหน่วยงานจัดสัมมนาในประเทศเป็นหลักและต่างประเทศเท่าที่จำเป็น ต้องสรุปล่วงหน้าว่าไปแล้วได้อะไรกลับมา สรุปให้รัฐมนตรีทราบและการขออัพเกรดตั๋วเครื่องบินไม่ควรทำ ถ้ามี ตนจะนำข้อมูลรายชื่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและลงโทษ 

ขอดูผลงานทุกๆ 3 เดือน 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบทุก 3 เดือน ให้ทุกกระทรวงรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อครม. และตรวจสอบด้านงบประมาณ โดยจะไม่จ่ายงบฯ ให้กับแผนงานที่ไม่พร้อม ไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ แผนงานต้องทำได้และภายในปีงบประมาณนี้ เพื่อไม่ให้มีการกองและโยกงบฯ ในช่วงสิ้นปี นอกจากนี้จะตรวจสอบโดย คสช. คตร. ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงต้องตรวจหาความถูกต้องและเสริมด้วยภาคประชาชนซึ่งจับตาดูการทำงานอยู่ ด้านงบประมาณต้องวางแผนร่วมกัน ไม่ซ้ำซ้อน เชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้และย้ำว่า สิ่งที่ต้องทำ คือทำก่อน ทำทันที มีผลสัมฤทธิ์ จับต้องได้ภายใน 3 เดือน และมีผลยั่งยืนสู่อนาคตส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ได้ ทุกปัญหาที่เกี่ยวพันกันต้องดูว่าจะแก้อะไรก่อน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างน้อย 15 ปี 

        นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการจัดระเบียบสังคม อาวุธสงครามยังมีอยู่และยังเดินหน้าจับกุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาตลอด ทั้งนี้ อย่าไปมองว่านักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวประเทศไทยเพราะกฎอัยการศึก ตรงนี้นักท่องเที่ยวไม่ได้สนใจเท่าไรแล้ว เราประกาศใช้กฎอัยการศึกเพียงมาตราเดียวจาก 10 มาตราในการเข้าจับกุมตรวจค้น ไม่มีฆ่าใครสักคน 

ซัด"กริชสุดา"โกหก

        พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีน.ส. กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล อย่าไปเชื่อเป็นเรื่องโกหก มีอย่างหรือเป็นผู้หญิงหน้าตาดี บอกว่าถูกควบคุมตัว 7 วัน โดนจับหัวกดน้ำ "มันดูหนังมากไปหรือเปล่า ใครจะไปทำ ผู้ชายด้วยกันยังไม่ทำเลย ทำไม่ได้เพราะเราเป็นคนไทย ใครจะไปทำกับคุณ มาบอกว่าถูกควบคุมตัวให้อดข้าว อดน้ำ วันนั้นมันออกทีวีหน้ามันผ่องจะตาย สามีมันก็ไปอยู่ด้วย สั่งมันกลับบ้านมันก็ไม่กลับ บอกว่าขออยู่ต่อ ข้างนอกอันตราย มันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว บอกว่าถูกทรมานถูกทำร้ายตอกเล็บ ไอ้บ้า ใครจะไปตอกเล็บมัน สิ่งที่มันพูดไม่จริง แต่สังคมมันรับ ต่างชาติรับ ผมก็เบื่อเหมือนกัน" 

ตามติดขบวนการต้านคสช.

       พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ถึงการติดตามความเคลื่อนไหวของน.ส.กริชสุดา และกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่นอกประเทศ ว่า ติดตามอยู่ เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการ เท่าที่ตำรวจสรุปรายงานมาเขาอยู่ในกระบวนการแต่จะสนับสนุนในเรื่องใดอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ 

      เมื่อถามว่าจะเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังประสานกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ เมื่อถามย้ำว่าเหตุใดยังไม่มีความคืบหน้าการติดตามตัวนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.มหาดไทย เพราะมีข่าวเคลื่อนไหวอยู่ที่สหรัฐ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วเขาอยู่ประเทศไหน สื่อบอกว่าไม่ไกลจากไทย ถามว่าประเทศนั้นเขาส่งตัวให้เราหรือไม่ เมื่อถามว่าเราได้ขอความร่วมมือไปแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอความร่วมมือไปแล้วเขากำลังติดต่อกันอยู่ ที่ผ่านมาต่างชาติให้ความร่วมมือทุกอย่างแต่ยังไม่ได้ตัวและต้องใช้เวลาดำเนินการ 

      เมื่อถามว่า เหตุใดไม่คุยกับหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มที่เคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า "ใครหัวหน้าใหญ่ ตอบมา ผมไม่รู้ ใครเป็นหัวหน้า" เมื่อถามว่าจะสั่งปิดเฟซบุ๊กขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติที่ยังเผยแพร่ความเคลื่อนไหวผ่านหน้าเพจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราทำอยู่ ต้องใช้กฎหมายสั่งปิด ไม่อยากใช้ความรุนแรงและอยากให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวกลับเข้ามาในประเทศ จะเห็นต่างอย่างไรตนรับได้ แต่ขอให้มาคุยกันเพราะประเทศชาติจะเสียหาย ส่วนสื่อหากไม่ไปขยายความให้เขา เดี๋ยวก็จบเพราะจุดไม่ติด

เล็งปรับรายการคืนความสุข 

      ส่วนที่มีการตัดต่อภาพนายกฯอยู่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าและมีประชาชนนั่งกราบไหว้นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังตามอยู่ ต้องทำ ตามกระบวนการ ไม่ใช่เอารูปมาดูแล้วตามตัวได้เลย เพราะคนทำเปิดเฟซบุ๊กอยู่ต่างประเทศ

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์การจัดรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ" ช่วงค่ำวันศุกร์นานเกินไป ว่า เดี๋ยวครั้งหน้าพูด 3 คำ เมื่อถามว่าจะปรับรูปแบบการพูดคุยหลังมาเป็นนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังคิดอยู่หรือจะให้พูดแบบละคร ขอให้รอดู พูดไปก่อนไม่ตื่นเต้น 

     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเยือนต่างประเทศในโอกาสรับตำแหน่งนายกฯว่า คาดว่าจะเป็นในเดือนพ.ย. เพราะรอบบ้านอยากให้ตนไปเป็นประเทศแรกหมด ตอนนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังเสนอมา ตนสนใจไปทุกประเทศโดยต้องแยกเป็นกลุ่มๆ เมื่อถามว่ามีแผนไปสหรัฐด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ถ้าเขาให้ไปก็ไป อเมริกา ยุโรป เวลามีประชุม เขาเชิญมาเดี๋ยวก็ไป" 

ยันมีประชุมครม.ทุกภาค 

     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การลงพื้นที่ต่างจังหวัดจะเชิญครม.ไปตรวจงานและประชุมต่างๆ ส่วนการประชุมครม.ก็มีแผนอยู่ คงเรียกครม.พเนจร เพราะต้องไปเยี่ยมประชาชน ต้องไปทุกภาคอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกคนอยากให้ตนไปดูแล วันนี้ให้รัฐมนตรี ปลัดทุกกระทรวงไปดูแลแก้ปัญหาก่อนเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนมาลำบากที่กรุงเทพ ตนจะไปหมดไม่ว่าเหนือ อีสาน กลาง ใต้ เพราะเป็นคนไทยและตนไม่ได้เป็นศัตรูกับคนไทย อย่ามองว่าตนเป็นข้างโน้นข้างนี้เพราะไม่มี ถ้าคนไทยใจร้ายกับตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร 

     เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ศัตรูของนายกฯยังมีอยู่เยอะหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มี หากมีก็ให้รปภ.รับผิดชอบ เมื่อถามย้ำว่าจะเรียกประชุมครม.นอกพื้นที่ว่าครม.พเนจร จริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่เอา พูดเล่น" 

โชว์ลูกคอ-ร้องเพลงคืนความสุข

      เมื่อถามว่ารัฐบาลจะปิดกั้นการทำงานของสื่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ปิดกั้นตรงไหน สื่อต้องเขียน 2 ด้าน หากเป็นเหตุการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริง ตนไม่ว่าเพราะเป็นข้อเท็จจริงไปแย้งไม่ได้ แต่ถ้าเป็นมาตรการที่รัฐจะทำหลังเกิดเหตุมีอะไรบ้าง เช่น วันที่ 16 ก.ย.เขียนดีว่านายกฯสั่งการอะไรบ้างหลังเกิดเหตุเรื่องนักท่องเที่ยว เพราะจะไปตามเรื่องต่อ หากตำรวจไม่ทำก็จะได้ถามต่อว่าทำไมไม่ทำ หากเขียนแค่ด้านเดียว ตีเพียงอย่างเดียว ของเก่ายังไม่ทันจะแก้ไขปัญหาใหม่ก็โดนซ้ำ ก็ไม่มีใครอยากทำงาน ทุกวันนี้เดินหน้าทำงาน สั่งทุกวัน พูดทุกวัน วันนี้มีรองนายกฯมาช่วยก็สบายใจ

      ภายหลังให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถามนายกฯว่าร้องเพลง"คืนความสุขให้ประเทศไทย"ได้หมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบทันทีว่าได้อยู่แล้ว แต่ไม่มีดนตรี ก่อนหันมาถามผู้สื่อข่าวว่า "พวกคุณร้องได้หรือไม่ ถ้าได้มาร้องกัน ร้องนำผมก่อน" เมื่อผู้สื่อข่าวร้องนำ นายกฯจึงหยุดและร้องคลอไปด้วย และโบกมือทักทายอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้า

"วิษณุ"เร่งออกกฎหมาย

      ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวมอบนโยบายต่อข้าราชการ ต่อจากนายกฯว่า นโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนได้ด้วยพลังของงบประมาณ พลังคน และพลังกฎหมาย สมัยรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ที่ใช้เวลา 1 ปีออกกฎหมาย 240 ฉบับ บางฉบับอาจถูกวิจารณ์ว่าเร่งรีบ รีบร้อน แต่อีกหลายฉบับก็อยู่คงยาวนานจนทุกวันนี้ ทำให้รัฐบาลชุดนี้ฉุกคิดว่าเรามีเวลา 1 ปี ต้องพยายามออกกฎหมายมารองรับรัฐธรรมนูญและไปสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น ในช่วง 1 ปีบวก-ลบ จากนี้ต้องดูว่าเราจะออกกฎหมายได้มากน้อยเพียงใดและเพื่อแก้ปัญหาใดในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดระเบียบการเสนอกฎหมายเข้าสนช. สิ่งที่ต้องคำนึงอันดับแรกคือกฎหมายที่เป็นพันธะระหว่างประเทศที่มีอยู่กว่า 100 ฉบับ ตามด้วยกฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการ แก้ปัญหาทุจริต และเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาล 

แจงปฏิรูป 3 จุดหลัก

      นายวิษณุ กล่าวว่า หลักการปฏิรูปจะเน้น 3 จุดหลักคือ 1.ปฏิรูปโครงสร้างภาครัฐ ที่มีอยู่ 20 กระทรวง 150 กรม 40 องค์การมหาชน 60 รัฐวิสาหกิจ ต้องทบทวนแล้วว่าใหญ่ไปหรือไม่ การจัดกระทรวงนั้นถูกฝาถูกตัว หรือผิดฝาผิดตัว ถึงเวลาที่ต้องประเมินแล้ว อาทิ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นวาระแห่งชาติวาระหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้าง กระทรวงศึกษาธิการต้องดูว่าอุดมศึกษาควรอยู่หรือแยกออกมา เรื่องตั้งกระทรวงน้ำควรมาพูดกันจริงจังว่าควรตั้งหรือไม่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรมจะอยู่อย่างนี้ได้หรือไม่

      2.ปฏิรูปวิธีการทำงาน เป็นการจัดเรื่องความประพฤติของคนในบ้าน ปรับเรื่องการให้บริการแก่ประชาชน รวมถึงการปราบทุจริต 3.ปฏิรูปอัตรากำลังภาครัฐ ต้องมาดูว่ามีมากไปหรือไม่ และยังมีค่าตอบแทนที่อยู่ในหมวดเดียวกันด้วย ถึงเวลาแล้วที่ต้องนำมาพูดกันอย่างจริงจัง

ใช้งบไทยเข้มแข็งกระตุ้นศก.

       ด้านนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ได้หารือกับนายกฯ เบื้องต้นว่าการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนและการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเตรียมนำงบประมาณในโครงการที่อยู่ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีเงินเหลืออยู่ 15,000 ล้านบาท ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำโครงการขนาดเล็กที่เงินไหลลงไปได้เร็ว เช่น โครงการซ่อมแซมโรงพยาบาล ซ่อมแซมถนนที่ชำรุด หวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 

ถกคสช.ชุดใหม่ 18 ก.ย.

       ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ(บก.ทอ.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. ในฐานะรองหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการแต่งตั้ง คสช.เพิ่มเติมว่า แม้จะมีการปรับเพิ่มตำแหน่งแต่ยังคงโครงสร้างส่วนต่างๆ ตามเดิม อาทิ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และกองกำลังรักษาความสงบ ส่วนงานขึ้นตรงหัวหน้า คสช.และฝ่ายกิจการพิเศษ ซึ่งแต่ละคนรับผิดชอบงานในด้านที่สอดคล้องกับส่วนงานที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะประชุม คสช.นัดแรกจากที่ปรับเพิ่มบุคลากรเข้ามาในวันที่ 18 ก.ย.นี้ที่บก.ทบ. 

      พล.อ.อ.ประจิน กล่าวถึงการทำหน้าที่รมว.คมนาคมว่า จะขอพบผู้บริหารและข้าราชการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น พร้อมนำนโยบายของนายกฯมาทำความเข้าใจ และเปิดให้ ผู้บริหารเสนองานเร่งด่วนเพื่อบูรณาการจัดทำเป็นแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง (Action Plan)ในแต่ละด้าน จัดลำดับขับเคลื่อนงานสำคัญเร่งด่วน ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบทั้งแผนงาน เงินทุน งบประมาณ จะทำเวิร์กช็อปเพื่อให้เห็นปัญหาและกำหนดกลยุทธ์ขับเคลื่อน ทั้งทางถนน ทางราง รถไฟฟ้าในกทม. ทางเรือ ทางอากาศ ซึ่งจะมีรายละเอียดชัดเจน ยืนยันว่าภายใน 3 สัปดาห์ แผนจะเสร็จเรียบร้อย

สรรหาสปช.เคาะชื่อ 11 ด้าน

      ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 11 ด้าน และคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 77 จังหวัด ซึ่งคณะกรรมการสรรหาสปช.ที่เหลืออีก 7 ด้าน หารือกันที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร1 พัน4 รอ.) ว่า แต่ละด้านได้ส่งรายชื่อเข้ามาครบแล้ว กกต.จะพิจารณารายละเอียดก่อนส่งให้กับคสช.ต่อไป จะพยายามป้องกันไม่ให้นำรายชื่อผู้รับการคัดเลือกไปเผยแพร่ก่อนประกาศรายชื่อสมาชิกสปช. 250 คนในวันที่ 2 ต.ค.นี้ 

       นายภุชงค์ แถลงที่สำนักงาน กกต.ช่วงเช้าด้วยว่า คาดว่าวันที่ 19 ก.ย. จะนำรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นสปช.ด้านละ 50 รายชื่อ เสนอ คสช.ได้ ส่วนระดับจังหวัดขณะนี้มีจังหวัดที่คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.จังหวัดละ 5 คนได้แล้ว 49 จังหวัด ที่เหลืออีก 28 จังหวัดจะทยอยประชุมจนถึงวันที่ 22 ก.ย. ดังนั้น คาดว่าวันที่ 23 ก.ย.จะนำรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นสปช.ในระดับจังหวัดเสนอให้คสช.พิจารณาได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด

ปิดผนึกส่งคสช. 18 ก.ย.

      รายงานข่าวแจ้งว่า การนำหนังสือเพื่อส่งรายชื่อต่อ คสช.นั้น 5 ด้านคือด้านการเมือง ด้านสังคม ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ด้านการปกครองท้องถิ่น และด้านอื่นๆ ประธานแต่ละด้านจะเป็นผู้ส่งรายชื่อให้คสช.ด้วยตนเอง อีก 6 ด้าน มอบให้สำนักงานกกต.เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนระดับจังหวัด มีเพียง 26 จังหวัด ที่ผอ.กต.จว.มายื่นรายชื่อจังหวัดละ 5 รายชื่อ ที่สำนักงานกกต.ด้วยตนเอง

     รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 18 ก.ย.นี้ สำนักงานกกต.จะจัดส่งเอกสารที่ส่วนกลาง 6 ด้านและ 26 จังหวัด ปิดผนึกรายชื่อส่งให้คสช. โดยไม่มีการเปิดซองเพื่อนำรายชื่อมาจัดทำเป็นบัญชี ส่วนจังหวัดที่เหลือคาดจะทยอยนำส่งรายชื่อมายังสำนักงานกกต.ไม่เกินวันที่ 22 ก.ย.นี้ ซึ่งสำนักงานกกต.จะจัดทำหนังสือนำส่งคสช.ได้ในวันที่ 23 ก.ย.

      นายสุรพล นิติไกรพจน์ กรรมการสรรหาสปช. ด้านการเมือง กล่าวภายหลังการประชุมว่า ตรวจสอบพบว่าในด้านการเมืองมีผู้ขาดคุณสมบัติ 20 คน จาก 261 คน หลังจากพิจารณาเสนอชื่อกันหลายรอบจนได้ ผู้เหมาะสมที่จะเสนอทั้ง 50 คนแล้ว เชื่อมั่นว่าบุคคลที่ถูกคัดเลือกนั้นเหมาะสม ซึ่งไม่ใช่ทั้ง 50 คนจะเป็นที่รู้จักของสังคม เพราะต้องคำนึงถึงความหลากหลาย

สภามหิดลขีดเส้นรัชตะ พิษปิ๊บสุกรี 8 ต.ค.เลิกควบอธิการฯ'ประยุทธ์'ติวเข้มขรก. สั่งสกัดม็อบเข้าถึงตัว โยธาไม่หวั่นสอบไมค์ สปช.11 กลุ่มส่ง'คสช.'

ร้องโชว์ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ เป็นต้นเสียงร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย ที่เป็นผู้เขียนเนื้อร้องเอง แล้วให้สื่อมวลชนร้องตามอย่างอารมณ์ดี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 กันยายน



ค้านควบ - นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) ใช้ปี๊บคลุมหัวเพื่อประท้วงการควบ 2 ตำแหน่งของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. และ รมว.สาธารณสุข ได้รับกำลังใจจากนักเรียนวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่ร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัย ก่อนเข้าประชุมสภา มม. เมื่อวันที่ 17 กันยายน


       'สุกรี'เอาปี๊บคลุมหัวต้านหมอรัชตะควบเก้าอี้อีก สภา มม.มีมติให้ รมว.สธ.เลือกนั่งเก้าอี้ภายใน 8 ต.ค.นี้ บิ๊กตู่อารมณ์ดีร่วมร้องเพลงนักข่าวทำเนียบ เผยเริ่มเยือน ตปท.พฤศจิกายนนี้ ย้ำบิ๊ก ขรก.ห้ามทุจริต ตรวจการบ้านทุก 3 เดือน

@ ติว'ยื่นบช.-ระเบียบ'ให้ครม.ใหม่

       นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมชี้แจงการบริหารงานของคณะรัฐมนตรี ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 กันยายน โดยนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ชี้แจงการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี นายวิษณุชี้แจงข้อพึงปฏิบัติของรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกระทรวงการคลังบรรยายวิธีการข้อกำหนดประชุม ครม.ให้แก่รัฐมนตรีรับทราบ พร้อมบรรยายสิทธิประโยชน์ เรื่องเงินเดือนและค่าตอบแทนของรัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง และรายละเอียดการแต่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในโอกาสเข้าร่วมงานพระราชพิธี หรือรัฐพิธี 

      นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามขั้นตอนของกฎหมายคณะรัฐมนตรีจะต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน หลังจากวันเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง ครบกำหนดในวันที่ 3 ตุลาคม 2557 ป.ป.ช.กำหนดให้ ครม.ยื่นบัญชีทรัพย์สินภายในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ 

@ 'คู่สมรส-บุตร'ต้องยื่นบช.ด้วย

       นายวรวิทย์ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรีและข้าราชการการเมืองมีหน้าที่ยื่นแสดงบัญชีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครม.ชุดนี้ทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 4 กันยายน จึงนับเป็นวันแรกที่ต้องยื่น ตามกำหนด 30 วัน วันสุดท้ายคือวันที่ 3 ตุลาคม หลังครบกำหนดคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของ ครม.ต่อสาธารณชนต่อไป ส่วนจะเป็นวันใดต้องดูความเรียบร้อยก่อน อย่างไรก็ต้องเปิดเผยก่อน 30 วันที่ครบกำหนดให้ยื่นนั้น คือวันที่ 2 พฤศจิกายน

       เมื่อถามว่าในครอบครัวของ ครม.มีใครต้องยื่นบ้าง จะแตกต่างจาก ครม.ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไร นายวรวิทย์กล่าวว่า รัฐมนตรีต้องยื่นแสดงทั้งของคู่สมรสและบุตรไม่บรรลุนิติภาวะ แต่กรณีให้คนอื่นถือทรัพย์สินแทน ทางรัฐมนตรีต้องมีหน้าที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ด้วย ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ประกอบ ป.ป.ช. พ.ศ.2542 และไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรีชุดไหน คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ตรวจสอบแบบเดียวกัน

      นายวรวิทย์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่มีใครยื่น ส่วนนายกรัฐมนตรียังไม่ได้ยื่นในตำแหน่งนี้ แต่ในตำแหน่งอื่นยื่นแล้วคือตำแหน่ง ผบ.ทบ.

@ คุมเข้มครม.ห้ามถือหุ้นเกิน 5%

       ส่วนเรื่องการถือครองหุ้นเกิน 5% นั้น นายวรวิทย์กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้ยังใช้บังคับอยู่ คือห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นเกิน 5% ถ้าประสงค์จะถือหุ้นเกิน 5% ต้องแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแต่งตั้ง จากนั้นก็จัดการโอนหุ้นให้นิติบุคคลที่มีหน้าที่จัดการกองทุนส่วนบุคคลภายใน 90 วัน และแจ้งให้ประธาน ป.ป.ช.ทราบอีกครั้งภายใน 10 วันนับแต่วันที่โอน ทั้งนี้ กฎหมายฉบับนี้ได้ผูกติดกับรัฐธรรมนูญ ปี 2550 กำหนดให้สัญญาการโอนดังกล่าวจะต้องประกาศเปิดเผยแก่สาธารณะ แต่ในขณะนี้ไม่มีกำหนดไว้ เป็นหน้าที่รัฐมนตรีต้องรับรู้เท่านั้นเอง ตามกฎหมาย

       ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมสภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงสามารถถือครองหุ้นได้เกิน 5% นายวรวิทย์ กล่าวว่า เป็นกฎหมายที่กำหนดเฉพาะรัฐมนตรีเท่านั้น ตาม พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543

@ 'บิ๊กตู่'มอบนโยบายหัวหน้าขรก.

       ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี น.ส.เรณู ตังควรางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อปลัดกระทรวงและอธิบดีกรมต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ มีการชี้แจงนโยบายแต่ละด้านโดยรองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ โดย พล.อ.ประยุทธ์สวมสูทสีเทา มีใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะทักทายสื่อมวลชนว่า "ไม่เมื่อยหรือ" 

@ ห้ามทุจริต-ตรวจการบ้านทุก 3 ด.

      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวมอบนโยบายว่า เรื่องการทุจริตต้องห้ามเด็ดขาด จะต้องบูรณาการและใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีคุณภาพ 2.575 ล้านล้านบาท ไม่สามารถตั้งงบประมาณได้มากกว่านี้ เนื่องจากระบบจัดเก็บภาษีของไทยยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย อย่างไรก็ตามยังมีงบสำรองอยู่สามแสนกว่าล้านบาท ถือว่าฐานะทางการเงินการคลังของประเทศยังดีอยู่ หนี้สาธารณะมีอยู่ 43% หากจะทำทั้งรถไฟทางคู่ การจัดการน้ำทั้งระบบก็ไม่เพียงพอ เพราะมีตัวเลขสามารถกู้ได้เพียง 5 แสนล้านบาท จึงต้องคำนวณไว้ตลอดว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร

       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะมีการตรวจสอบทุก 3 เดือนให้ทุกกระทรวงรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อคณะรัฐมนตรี และตรวจสอบด้านงบประมาณ โดยจะไม่จ่ายงบประมาณให้กับแผนงานไม่พร้อม ไม่ผ่านการประชาพิจารณ์ แผนงานจะต้องทำได้และภายในปีงบประมาณนี้ เพื่อไม่ให้มีการค้างและโยกงบประมาณในช่วงสิ้นปี นอกจากนี้จะตรวจสอบโดย คสช. คณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สตง. ป.ป.ช. ผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงต้องทำหน้าที่ ตรวจหาความถูกต้อง และเสริมด้วยภาคประชาชนกำลังจับตาดูการทำงานอยู่ การทำงานต้องกำหนดให้ได้ว่าอะไรเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจแฝง และจะเชื่อมโยงหน่วยงานอื่นอย่างไร เพราะบางเรื่องเกี่ยวกับหลายหน่วยงาน ต้องประชุมร่วมกัน ประสานงาน โดยทุกอย่างต้องตอบสังคมได้ว่าประเทศจะเดินไปอย่างไร

@ 'วิษณุ'ลั่นเดินหน้ากระทรวงน้ำ

       นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายว่า นโยบายที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะสำเร็จได้ต้องขับเคลื่อนด้วย 3 อย่าง คือ 1.งบประมาณ 2.พลังคนทำงาน ต้องเป็นคนมีศักยภาพ มีภูมิปัญญา 3.พลังด้านกฎหมาย การใช้กฎหมายบางครั้ง ก็ต้องตายที่กฎหมาย เนื่องจากมีข้อห้ามไว้อยู่ จึงเป็นอุปสรรคที่ฝ่าฟันไม่ได้ ต้องยอมรับว่าการปกครองในภาวะปกติออกกฎหมายได้ลำบากมาก เพราะรัฐสภามักใช้เวลาไปทำเรื่องอื่นๆ ต้องยอมรับว่าหากออกรัฐธรรมนูญสำเร็จแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกตั้งได้ทันที ต้องบวกลบเวลา และต้องดูว่ากติกาใหม่เป็นอย่างไร

      ขณะเดียวกันจากนี้ไปจะจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายเข้าสู่ สนช.โดยจะเลือกกฎหมายที่ตรงกับนโยบายของรัฐบาลเข้าสภาเป็นหลัก จะให้ความสำคัญกฎหมายที่เป็นพันธะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องปรับปรุง ไม่ให้ขัดแย้งในตัวเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จากนั้นจะพิจารณากฎหมายกลุ่มที่เกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการ ต้องแก้ทุจริต สร้างธรรมาภิบาล รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการต่างๆ อาทิ การตั้งกระทรวงน้ำจะต้องพูดคุยอย่างจริงจัง กระทรวงท่องเที่ยวฯจะอยู่อย่างนี้ได้หรือไม่ เป็นต้น 

@ 'บิ๊กตู่'ย้ำอยากให้ฝ่ายต้านกลับ

      พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมชี้แจงถึงกรณีการเคลื่อนไหวในต่างประเทศของ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน ว่า กำลังติดตามตัวอยู่ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องถามว่าตอนนี้อยู่ประเทศใด ถ้าอยู่ในประเทศไม่ไกลมาก ต้องถามต่อไปว่าประเทศนั้นส่งตัวให้ไทยหรือไม่ เพราะได้ขอความร่วมมือไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนประสานงานกันอยู่

      เมื่อถามว่า ในส่วนเพจเฟซบุ๊กขบวนการเสรีไทยที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในโซเชียลมีเดียจะประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สั่งระงับการใช้งานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามบังคับใช้กฎหมายสั่งปิดเพจอยู่ ส่วนผู้ที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ต่างประเทศนั้น รัฐบาลไม่ต้องการใช้ความรุนแรง แต่อยากให้ทุกคนกลับมา เพราะแม้ว่าจะมีความคิดเห็นต่างกันอย่างไรตนก็รับได้ เพราะขณะนี้ประเทศชาติเสียหายมามากแล้ว

       เมื่อถามกรณีมีการตัดต่อภาพบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและติดตามตัวผู้ที่ตัดต่ออยู่ ทราบมาว่าคนทำเปิดเฟซบุ๊กและตัดต่อภาพอยู่ต่างประเทศ

      ส่วนรายการคืนความสุขทุกเย็นวันศุกร์ ในฐานะหัวหน้า คสช.จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการหรือไม่ภายหลังเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องรอดูวันศุกร์ที่ 19 กันยายนนี้

@ พ.ย.เริ่มทัวร์ตปท.-ลั่นไปทุกภาค

       เมื่อถามถึงการเยือนต่างประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีครั้งแรก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะเริ่มเดือนพฤศจิกายน ตนเองก็อยากไปทุกประเทศที่เขาเชิญไป ส่วนคำถามว่าจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ ว่า "ถ้าเขาอยากให้ไปก็ไป" ทั้งนี้ สำหรับการประชุม ครม.ต่างจังหวัดกำลังอยู่ในขั้นตอนวางแผนกันอยู่ แต่คาดว่าก็จะเดินทางไปทุกภาคแน่นอน แต่ตอนนี้อยากให้รัฐมนตรีทำงานบริหารประเทศให้เดินหน้าให้ได้ก่อน เพราะไม่อยากให้คนมาลำบากในกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเดินทางไปได้ทุกภาคหรือไม่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไปหมดทุกภาค เพราะเป็นประเทศไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นประเทศไทยจะเหนือ อีสาน ใต้ก็เป็นคนไทย เพราะผมไม่ได้เป็นศัตรูกับคนไทยนี่นา อย่าเอาผมเป็นคนข้างไหน ถ้าเขาใจร้ายกับผม ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร"

@ อารมณ์ดีร้องเพลง'คืนความสุข'

     เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้จะปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างไร แต่ขอให้สื่อนำเสนอข้อเท็จจริงทั้ง 2 ด้าน เพราะหากเขียนแต่การโจมตีรัฐบาลฝ่ายเดียวรัฐบาลก็ไม่มีกำลังใจทำงาน

      เมื่อถามว่า คิดว่าตอนนี้นายกรัฐมนตรีมีศัตรูเยอะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่มีนะ แต่ถ้ามี ทีม รปภ.ก็รับต้องรับผิดชอบ"

     ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีร้องเพลงคืนความสุขได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรียิ้มแล้วตอบว่า "ได้อยู่แล้ว แล้วพวกคุณร้องได้หรือเปล่า ถ้าร้องได้ มาร้องกัน ร้องนำผมก่อน" หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็เดินขึ้นไปหน้าประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้าแล้วหันกลับมาร้องเพลงคืนความสุข สร้างความคึกคักให้บรรดาข้าราชการและสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก

@ อธิบดีโยธาฯเล็งงัดไมค์เก่าใช้

       นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวถึงคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ยุติการซื้อไมโครโฟนในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตอนนี้ขอรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ก่อน แต่เบื้องต้นได้เก็บไมค์ไปแล้ว หากผลสอบ คตร.ชัดเจนอย่างไร จะนัดแถลงข่าวอีกครั้ง ยืนยันไม่หนีแน่นอน คาดว่า คตร.จะใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้ไม่นาน เพราะสังคมให้ความสนใจ ส่วนกรณีเมื่อเก็บไมค์แล้วในครั้งหน้าจะใช้ห้องประชุม ครม.อย่างไร นายมณฑลกล่าวว่า กำลังพิจารณาไมค์เก่าอยู่ แต่ไมค์เก่านี้ใช้มา 8 ปีแล้ว ใช้ได้แค่พูดคุยไม่เห็นหน้าตา แต่เมื่อมีคำสั่งให้ถอดก็ปฏิบัติตาม

@ ถกคสช.โครงสร้างใหม่ 18 ก.ย.

       พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการปรับโครงสร้างสมาชิก คสช.ว่า แม้จะมีการปรับเพิ่มตำแหน่งสมาชิกใน คสช. แต่โครงสร้างส่วนต่างๆ ดังเดิม อาทิ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และกองกำลังรักษาความสงบ ยังคงเป็นเช่นเดิม ในส่วนงานขึ้นตรงต่อหัวหน้า คสช.และฝ่ายกิจการพิเศษ บุคลากรแต่ละท่านจะเข้ามารับผิดชอบงานในแต่ละด้านสอดคล้องกับส่วนงานที่ผ่านมา มีรายงานว่าจะมีการนัดประชุมคสช.นัดแรกจากการปรับเพิ่มบุคลากรเข้ามา ในเช้าวันที่ 18 กันยายน ภายในกองบัญชาการกองทัพบก 

@ บิ๊กป๊อกย้ำผู้ว่าฯยึดโรดแมปคสช.

       ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในวันที่ 18 กันยายนนั้น คงเน้นย้ำถึงการดำเนินการตามโรดแมปของ คสช. แผนงานของกระทรวง และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมุ่งให้เกิดความเป็นรูปธรรมให้มากที่สุดภายในเวลาที่รัฐบาลกำหนด 1 ปี หลังจากนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายในช่วงเช้าแล้ว ในช่วงบ่ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะขอประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย 

@ บิ๊กป้อมโอดกลาโหมถูกหั่นงบ

      ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมถูกตัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ว่า ในปีนี้กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ได้ถึง 1.7 ของค่าจีดีพี แต่ปีนี้งบกองทัพถูกตัดเหลือแค่ 1.4 ของค่าจีดีพีเท่านั้น

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรได้เตรียมมอบหมายให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ว่าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับแผนงานและการพัฒนากองทัพให้สอดคล้องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ต่อไป

@ 'สุกรี'ค้าน'รัชตะ'ควบอธิการฯ

       ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มม. พร้อมคณาจารย์วิทยาลัยดุริยางคศิลป์จำนวนหนึ่ง แถลงข่าวเรียกร้องให้ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และอธิการบดี มม. ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี มม. ก่อนเข้าร่วมประชุมสภา มม.ว่า ตนเป็นประชาชนคนหนึ่งไม่รู้จะพึ่งใคร มหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่เสรีภาพทางความคิด ปราศจากการเมือง เป็นโลกอนาคต เป็นความหวัง เป็นความอบอุ่น หากคนรุ่นใหม่ที่ลูกศิษย์ขาดความหวัง ขาดความอบอุ่นแล้วสังคมจะพึ่งใคร หลังจากเอาปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมประชุมคณบดีเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีใครพูดคุยอะไรกับตน ตอนนี้คงต้องหวังพึ่งสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ตัดสินว่า นพ.รัชตะเหมาะสมเป็นอธิการบดี มม.หรือไม่ ที่ผ่านมาเคยพูดคุยกับ นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสภา มม.ว่าควรจะห้ามปราม นพ.รัชตะ ไม่ให้นั่งควบทั้งสองตำแหน่ง ถ้าไม่ห้ามและเป็นข่าวต่อสาธารณชน ก็จะทำให้อับอายขายขี้หน้า 

      "การประชุมสภา มม.วันนี้ผมคงไม่พูดหรือถามอะไรอธิการบดี แต่จะให้ปี๊บทำหน้าที่พูดแทนทุกอย่าง ถ้ามหาวิทยาลัยขาดความหวัง เป็นแบบนี้ผมคงพึ่งปี๊บอย่างเดียว การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นการแสดงออกส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับใคร ส่วนใครจะทำตาม ผมไม่รู้ แต่ปี๊บไม่ได้จดลิขสิทธิ์ ใครจะทำตามก็ไม่หวงห้าม" นายสุกรีกล่าว

@ เอาปี๊บคลุมหัวร่วมประชุมมม.อีก

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายสุกรีได้เอาปี๊บคลุมหัวเดินจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มายังอาคารสำนักงานอธิการบดี เพื่อเข้าร่วมประชุมสภา มม. เพื่อคัดค้านการควบสองตำแหน่งของ นพ.รัชตะ โดยมีคณาจารย์ประมาณ 20 คนใส่ชุดดำ มอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมถือป้ายคัดค้าน โดยมีข้อความ อาทิ มหาวิทยาลัยปลอดการเมือง เสรีภาพทางวิชาการ อธิการบดีต้องทำงานเต็มเวลา เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อนายสุกรีเดินทางมาถึงบริเวณด้านล่างของตึกอธิการบดี ได้มีนักเรียนวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ระดับเตรียมอุดมดนตรี ขับร้องและบรรเลงเพลงเทิดพระนามมหิดล เพลงประจำมหาวิทยาลัย เพื่อให้กำลังใจนายสุกรีก่อนเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้ การประชุมสภา มม.มี นพ.รัชตะเข้าร่วมประชุมด้วย 

      นายเอกชัย ไชยนุวัติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า มาชมการแสดงสดออเคสตราของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์และคุ้นเคยกับนายสุกรี รู้สึกห่วงกลัวว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้นายสุกรีถูกไล่ออก จึงเดินทางมาให้กำลังใจ

@ มม.ให้'รัชตะ'เลือกตำแหน่งเดียว

      ต่อมา นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสภา มม. กล่าวภายหลังการประชุมสภา มม. ว่า ที่ประชุมหารือกรณี นพ.รัชตะ การที่อธิการบดี มม.ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการ สธ. ถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของมหาวิทยาลัย นอกจากนั้นกรรมการสภา มม. 2 คน คือ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ก็ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี และนายกฤษณพงศ์ กีรติกร ก็ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แต่ทั้งสองคนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยแล้ว

      "กรณีของอธิการบดี เป็นที่สนใจของสังคมและประชาคม มม.อย่างมาก ที่ประชุมหารือถึงประโยชน์ของบ้านเมืองและการทำงานของมหาวิทยาลัย สุดท้ายจึงมีมติให้อธิการบดีใช้ดุลพินิจด้วยตนเอง ว่าจะเลือกดำรงตำแหน่งใดเพียงตำแหน่งเดียว โดยให้เวลา 3 สัปดาห์ตามที่ขอไว้ เท่ากับว่าในวันที่ 8 ตุลาคม นพ.รัชตะต้องตัดสินใจเลือก จากนั้นในการประชุมสภา มม.วันที่ 15 ตุลาคม จะนำผลการตัดสินใจของ นพ.รัชตะ เข้าสู่การหารือในที่ประชุมอีกครั้ง" นพ.วิจารณ์กล่าว 

@ ปูกำชับอดีตส.ส.อย่าลืมปชช.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาพักผ่อนยามว่าง กับ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย พร้อมบรรดาอดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ที่ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยรับประทานอาหารและสอบถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กำชับอดีต ส.ส.กทม.ว่า ถึงแม้จะไม่ได้เป็น ส.ส.แล้ว แต่ก็อย่าลืมประชาชน ขอให้ดูแลประชาชนด้วย 

@ แม่น้องเกดชี้ไม่ฟังปรองดองยาก

       นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตระหว่างสลายการชุมนุมที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ปี 2553 กล่าวว่า ไม่ได้แปลกใจเเต่อย่างใดกับการแต่งตั้ง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

        "การกลับมาของไก่อู พล.ต.สรรเสริญ ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเเต่อย่างใด รู้สึกปกติ ในเมื่อคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปีཱ ก็ยังอยู่ ดำรงตำแหน่งกันตั้งหลายคน เเต่ในฐานะคนเสื้อแดง อาจจะมีบ้างรู้สึกไม่ดี ส่วนในเเง่ของการปรองดองนั้น ยังคิดว่าเป็นไปได้ยาก ในสังคมปัจจุบันไม่ยอมรับความคิดเห็นจากอีกฝ่าย ยังมีการจับกุมผู้ที่เห็นต่างอยู่" นางพะเยาว์กล่าว

@ ถกแปรญัตติข้อบังคับสภาเสร็จ 

        ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธาน เพื่อพิจารณาคำแปรญัตติของสมาชิก 4 คน ได้แก่ นายอำพล ชูประทุม นายปรีชา วัชราภัย นายธานี อ่อนละเอียด และนางนิพัทธา อมรรัตนเมธา เสนอคำแปรญัตติให้เพิ่มจำนวนคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภานิติบัญญัติแห่งชาติและหมวดการถอดถอน

       นายตวง อันทะไชย สนช.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาการแปรญัตติเสนอให้เพิ่มคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับความมั่นคงเป็นการเฉพาะอีก 1 คณะ เห็นควรแยกเอาหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคงออกมาจากการบริหารราชการแผ่นดินในทุกระดับ แต่ที่ประชุมเห็นว่าเป็นภารกิจสอดแทรกในหลายคณะกรรมาธิการอยู่แล้ว จึงให้คงจำนวนคณะกรรมาธิการเท่าเดิมคือ 16 คณะ และคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. แต่จะเปลี่ยนชื่อคณะกรรมาธิการเพียงเล็กน้อยให้เหมาะสม นอกจากนี้ที่มีการแปรญัตติและแสดงความเป็นห่วงกันมากคือ หมวดการถอดถอน บางส่วนเห็นว่าให้ตัดออกทั้งหมวด เช่นเดียวกับนายธานีเสนอให้อำนาจประธาน สนช.เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ หากมีเรื่องถอดถอนในแต่ละครั้ง แต่คณะกรรมาธิการยืนยันว่าตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้สภา สนช.มีหน้าที่ถอดถอน ดังนั้น ต้องกำหนดวิธีการปฏิบัติให้เป็นแนวทางเดียวกัน และถ้าให้เป็นดุลพินิจของประธานสภาอาจไม่โปร่งใสได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาร่างข้อบังคับน่าจะเสร็จแล้ว ไม่มีสมาชิกติดใจ จะสรุปรายงานเสนอให้ประธานบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อไป

@ ชงผู้สมัครสปช.ล็อตแรก 19 กย.

       ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงถึงความคืบหน้าการประชุมของคณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช. 11 ด้าน และคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 77 จังหวัดว่า คณะกรรมการสรรหา สปช.ที่เหลืออีก 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการเมือง การปกครองท้องถิ่น กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม และสังคม ประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมเป็น สปช.ด้านละ 50 รายชื่อ เมื่อพิจารณาแล้วเสร็จ คาดว่าในวันที่ 19 กันยายนนี้จะสามารถนำรายชื่อเสนอให้ คสช.พิจารณาต่อไป ส่วนการสรรหาของคณะกรรมการสรรหา สปช.ประจำจังหวัด ขณะนี้มีจังหวัดที่สามารถคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช.จังหวัดละ 5 คนได้เรียบร้อยแล้ว 49 จังหวัด ส่วนอีก 28 จังหวัดจะทยอยประชุมไปจนถึงวันที่ 22 กันยายนนี้ คาดว่าวันที่ 23 กันยายนจะสามารถนำรายชื่อผู้เหมาะสมเป็น สปช.ในระดับจังหวัดเสนอให้ คสช.พิจารณาได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้

@ พบ 20 องค์กรเสนอผิดเกณฑ์

      นายภุชงค์ กล่าวถึงกรณีที่นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง คณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านอื่นๆ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับข้อผิดพลาดของการเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหา สปช.ขององค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร และกรณีที่มีบุคคลถูกเสนอชื่อมากกว่า 2 องค์กรว่า ปัญหาดังกล่าวสำนักงาน กกต.เคยหารือกับทาง คสช.ตั้งแต่ก่อนเปิดรับการเสนอชื่อแล้ว การกระทำดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหา สปช. แต่เมื่อตรวจพบสำนักงาน กกต.จะทำหมายเหตุให้คณะกรรมการสรรหาได้รับทราบ ที่ผ่านมาพบว่ามีองค์กรนิติบุคคลยื่นเสนอรายชื่อบุคคลมากกว่า 2 คนตามที่กฎหมายกำหนดเพียง 20 องค์กรเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเพื่อรับการสรรหาทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดนั้นมีเพียง 203 คน นอกจากนี้ยังพบว่ายังมีบุคคลที่ยื่นเสนอชื่อเกิน 1 ด้าน จำนวน 5 คน อย่างไรก็ตาม มีบางคนรู้ว่าตนถูกเสนอชื่อเกินหนึ่งด้านได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเลือกที่จะเข้ารับการสรรหาด้านใดด้านหนึ่ง 

       นายภุชงค์ กล่าวว่า กรณีมีบุคคลถูกเสนอชื่อมากกว่า 2 องค์กร อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่อยากมองว่าเป็นการดำเนินการเพื่อให้ได้เปรียบบุคคลอื่น และไม่น่าจะนำประเด็นดังกล่าวไปเป็นเรื่องร้องเรียนภายหลังได้ เพราะเมื่อดูจำนวนมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด เชื่อว่าองค์กรนิติบุคลไม่มีเจตนา อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการสรรหาว่าจะเลือกบุคคลดังกล่าวหรือไม่ 

@ สรรหาคัดเลือกสปช.ครบ 11 ด้าน

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการสรรหา สปช.ที่เหลือ 7 ด้านที่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จนั้น ที่ประชุมคัดเลือกรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็น สปช.ด้านละ 50 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อรวมกับอีก 4 ด้าน ที่ได้ครบด้านละ 50 คนแล้ว คือ ด้านอื่นๆ ด้านสื่อสารมวลชน ด้านพลังงาน และบริหารราชการแผ่นดิน ทำให้ขณะนี้ได้รายชื่อผู้เหมาะสมเป็น สปช.ครบทั้ง 11 ด้านแล้ว ส่วนการทำหนังสือนำส่งรายชื่อผู้เหมาะสมเป็น สปช.ของทั้ง 11 ด้าน ด้านละ 50 คน เพื่อให้ คสช.คัดเลือกต่อไปมีเพียง 5 ด้าน คือ ด้านการเมือง ด้านสังคม ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ด้านการปกครองท้องถิ่น และด้านอื่นๆ ประธานคณะกรรมการสรรหาของแต่ละด้านจะเป็นผู้ส่งรายชื่อให้ คสช.ด้วยตนเอง ส่วนที่เหลืออีก 6 ด้าน คณะกรรมการสรรหา สปช.ได้มอบหมายให้ กกต.เป็นผู้ดำเนินการ 

       อย่างไรก็ตาม การสรรหาในระดับจังหวัดมีเพียง 26 จังหวัด ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาเดินทางมายื่นรายชื่อของบุคคลเหมาะสมเป็น สปช.จังหวัดละ 5 รายชื่อ ที่สำนักงาน กกต.ด้วยตนเอง วันที่ 18 กันยายน ทางสำนักงาน กกต.จะส่งรายชื่อทั้งส่วนกลาง 6 ด้าน และระดับจังหวัด 26 จังหวัดให้ คสช.พิจารณา โดยไม่เปิดซองจะปิดผนึกลับ ดังนั้นข้อมูลต่างๆ จะมีเพียงคณะกรรมการสรรหาเท่านั้นที่รู้ สำหรับจังหวัดที่เหลือคาดว่าจะทยอยนำส่งรายชื่อมายังสำนักงาน กกต.ไม่เกิน 22 กันยายนนี้ สำนักงาน กกต.จะทำหนังสือนำส่งรายชื่อในระดับจังหวัดให้ คสช.ได้ในวันที่ 23 กันยายนนี้

@ ด้านการเมืองขาดคุณสมบัติ 20 คน

       นายสุรพล นิติไกรพจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการเมือง กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาคัดเลือกผู้เหมาะสมด้านการเมือง 50 คน เสร็จสิ้นแล้ว ในการประชุมได้มีการย้ำถึงหลักการคัดเลือกว่าจะต้องไม่เป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้าม ไม่เสนอชื่อซ้ำซ้อนในด้านการปฏิรูปอื่น รวมทั้งการคัดเลือกต้องได้บุคคลมาจากความหลากหลายทั้งในด้านคุณวุฒิ อาชีพ ภูมิภาค เพศและการเป็นตัวแทนจากพรรคการเมือง จากนั้นคณะกรรมการก็ตรวจสอบรายละเอียดประวัติประสบการณ์แต่ละคน มีผู้ขาดคุณสมบัติประมาณ 20 คน จาก 261 คน ที่ประชุมให้กรรมการเสนอชื่อผู้เหมาะสมหลายรอบ กว่าจะได้ครบ ที่ประชุมได้มอบให้ฝ่ายเลขานุการไปจัดทำเอกสารก่อนส่งให้ คสช.พิจารณาต่อไป 

       "รายชื่อที่คณะกรรมการคัดเลือก ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นที่รู้จักของสังคม เพราะต้องคำนึงถึงความหลากหลาย" นายสุรพลกล่าว

@ ส.ก.สรรหาทยอยรายงานตัว

       ที่ศาลาว่าการ กทม. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สรรหา ตามประกาศของ คสช. ฉบับที่ 86 จำนวน 10 คนจาก 30 คนเข้ารายงานตัวเป็นวันแรก โดย กทม.กำหนดให้รายงานตัวตั้งแต่วันที่ 17-19 กันยายน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.

        โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เดินทางไปรายงานตัวเป็นคนแรก ต่อมา ส.ก.ทยอยเดินทางเข้ามารายงานตัว ได้แก่ พล.ต.โชติภณ จันทร์อยู่ ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม พล.ต.ท.พลบูรณ์ ชำนาญกูล อดีตผู้บังคับการอำนวยการตำรวจตระเวนชายแดน และ พล.ต.สุทธิชัย วงศ์บุบผา อดีตผู้บัญชาการศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก ร.ท.วารินทร์ เดชเจริญ อดีตผู้ตรวจราชการ 10 กทม. นายสงขลา วิชัยขัทคะ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กรรมการร่างกฎหมายประจำสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายสุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ อดีตรองปลัด กทม. และนายวิชาญ ธรรมสุจริต รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครอง

@ มั่นใจทำงานประสานบิ๊กกทม.ได้

       นายฉัตรชัย ให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจว่าการทำงานของ ส.ก.ชุดนี้จะไม่แตกต่างกับการบริหารงานของ ส.ก.ชุดที่แล้ว เชื่อว่าสามารถทำงานกับผู้บริหารของ กทม.ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่สามารถลงพื้นที่ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เนื่องจากจะมีการประสานงานร่วมกับผู้บริหารงานในพื้นที่ 

        "อยากให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงแม้ว่า ส.ก.จะเหลือเพียง 30 คน ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทุกคนล้วนมีประสบการณ์ และมาด้วยความมุ่งมั่นทำงานให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์กับประชาชน โดยจะนำแนวทางการปฏิรูปเข้ามาเป็นกระบวนการทำงานขับเคลื่อน กทม. ส่วนระยะเวลาการทำหน้าที่นั้นขึ้นอยู่กับข้อกฎหมาย ไม่อยากให้ยึดติดกับกรอบเวลา แต่จะตั้งใจทำหน้าที่ให้เต็มที่ เพราะมาด้วยกฎหมาย และจะไปด้วยกฎหมายเช่นกัน" นายฉัตรชัยกล่าว 

@ ชี้กทม.ต้องปฏิรูปหลายด้าน

       ร.ท.วารินทร์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่ กทม.ต้องปฏิรูปข้อกฎหมาย อาทิ ระเบียบบริหารราชการ กทม. ระเบียบข้าราชการ กทม. รวมถึงงบประมาณสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ในฐานะเคยรับราชการ กทม.จะนำข้อร้องเรียนของข้าราชการ กทม.ไปหารือกับสภา กทม.ชุดนี้ด้วย 

      นายสงขลา กล่าวว่า เป็นคนกรุงเทพมหานครโดยกำเนิด จึงสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น ส.ก. กทม. มีงานต้องปฏิรูปหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของชีวิตประจำวัน เช่น ห้องน้ำสาธารณะมีน้อยมาก ไม่สะอาด การสร้างความเข้มแข็งในการจัดเก็บรายได้ ส.ก.ส่วนใหญ่เป็นทั้งข้าราชการและอดีตข้าราชการ จึงเชื่อว่าไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แอบแฝง เพราะไม่ต้องทดแทนบุญคุณของใคร 

       นายสุทธิชัยกล่าวว่า เป็นลูกหม้อ กทม.จึงรู้จักการบริหารงานของ กทม.เป็นอย่างดี แต่ยอมรับว่าปัจจุบัน กทม.เปลี่ยนไปมาก มีปัญหาหลายด้าน เช่น การแต่งตั้งข้าราชการต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน 

       นายวิชาญ กล่าวว่า ผ่านงานทำคดีต่างๆ ให้หน่วยงานราชการมามาก รวมถึง กทม.ด้วย จึงทำให้ทราบว่าการทำงานของแต่ละหน่วยงานมีทั้งผิด

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!