- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 17 September 2014 15:35
- Hits: 7467
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8694 ข่าวสดรายวัน
'ตู่'ตัดไฟ-ไมค์ทอง สั่งเลิกใช้ รื้ออุปกรณ์ออก มีชัย-สมคิดร่วมคสช.ครบ 15 ครม.ไฟเขียวย้าย 37 บิ๊กมท. ลบชื่อแม้วพ้นตำรา-ศธ.โต้วุ่น
โชว์แหวน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี หลังการประชุมครม. ที่ทำ เนียบรัฐบาล พร้อมทั้งเล่าประวัติความเป็นมาของกำไลหางช้างและแหวน 3 วงที่สวมใส่ประจำ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. |
"บิ๊กตู่"สั่งเอง รื้อห้องประชุม 501 เลิกใช้ไมค์แพง ครม.ไฟเขียวย้าย 37บิ๊กมหาดไทย "กฤษฎา บุญราช" อธิบดีปกครอง ตั้งเพิ่มคสช.ครบ 15 คนแล้ว นิวยอร์กไทมส์เผย ศธ.สั่งลบชื่อ"แม้ว"จากหนังสือประวัติศาสตร์ เลขาฯสพฐ.โต้วุ่นไม่เคยมีคำสั่ง ด้านปธ.ยกร่างวิชาประวัติศาสตร์ ระบุเคยเห็นหนังสือแล้ว พิมพ์ตั้งแต่ปี 53 ชี้น่าจะเป็นเทคนิคการเขียน
"บิ๊กตู่"หัวโต๊ะถกครม.
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการครั้งที่ 1 หลังจากแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อผ้าไหมทรงพระราชทาน สีส้มโอลด์โรส มีสีหน้ายิ้มแย้ม เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยมีพล.อ.วิลาศ อรุณศรี ว่าที่เลขาธิการนายกฯรอต้อนรับ นอกจากนี้พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ซึ่งได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบปัญหาการจัดซื้อไมค์และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องประชุมครม.ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ได้รอพบและหารือกับนายกฯด้วย จากนั้นพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เข้า หารือส่วนตัวกับนายกฯที่ห้องทำงานประ มาณ 15 นาที โดยปฏิเสธว่าไม่ได้หารือเกี่ยวกับปัญหาราคายางพารา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครม.อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงเช้าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก รัฐมนตรีต่างสวมเสื้อผ้าไทยเข้ามายังตึกสันติไมตรี ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประชุมครม. เพื่อเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ครม.ตั้ง"บิ๊กอ้อ"เลขาฯนายกฯ
พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคตร. เปิดเผยถึงการเข้าพบนายกฯว่า ได้รายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นในเรื่องการจัดซื้อไมโครโฟนและอุปกรณ์ห้องประชุมครม.ในราคาแพงเกินจริงให้นายกฯรับทราบแล้ว นายกฯกำชับให้สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้การทำงานหยุดชะงักลง ส่วนการสอบสวนขณะนี้ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบแล้ว และคตร.จะให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เข้ามาตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจและโปร่งใส
นายอำพนกล่าวว่า ในที่ประชุมครม.พิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแทนตำแหน่งที่จะเกษียณ ซึ่งได้ดำเนินการไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โดยกระทรวงมหาดไทยเสนอให้เห็นชอบ 37 ตำแหน่ง ขณะที่ที่ประชุมครม.เห็นชอบแต่งตั้งพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เพื่อนตท.12 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเลขาธิการนายกฯ สำหรับทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯนั้น เห็นชอบตั้งร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ เป็นโฆษกรัฐบาล พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นรองโฆษกรัฐบาลและอาจมีบุคคลอื่นเข้ามาเพิ่มเติม
นายกฯตู่สั่งรื้อไมค์แพงแล้ว
เมื่อเวลา 12.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.ถึงกระแสข่าวยกเลิกการใช้ไมโครโฟนราคาแพงในห้องประชุม 501 และห้องประชุมที่เกี่ยวข้องบนตึกบัญชาการ 1 ว่า ขอให้ใจเย็นๆ ต้องถอดออกให้หมดไปก่อน ทบทวนใหม่ทั้งหมด ยุติกันไปก่อน รอให้คณะกรรมการตรวจสอบ
เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่เอาตามราคาตัวละ 1.45 แสนบาทใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันไม่ใช่ราคานั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเหมาะสมหรือไม่ และจะใช้ดีขนาดนี้หรือเปล่า วัตถุประสงค์คือให้มีการประชุมแบบเห็นหน้าเห็นตากันเวลาสั่งการเพราะเราต้องเดินสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคต
เมื่อถามว่าเบื้องต้นวางไว้หรือไม่ว่าควรอยู่ราคาเท่าไร นายกฯ กล่าวว่า เท่าที่ทราบตอนนี้ชุดไมโครโฟนดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ใหม่และเพิ่งนำเข้ามายังไม่มีราคากลาง ดังนั้นถือว่าราคากลางยังไม่ชัดเจน อยู่ในขั้นต่อรองกัน ซึ่งคณะกรรมการจะไปดูและตรวจสอบว่าขั้นตอนต่างๆ ถูกต้องหรือไม่ สมควรใช้หรือไม่ แต่เรื่องนี้ตนสั่งยุติทั้งหมดไปแล้วและต้องดำเนินการตรวจสอบให้เสร็จอย่างรวดเร็ว
ให้ถอดอุปกรณ์ห้อง 501 ทั้งหมด
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งเลย ขอหาข้อมูลก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร สมมติฐานเป็นอย่างไร สิ่งของต่างๆ ราคาเป็นอย่างไร วันนี้อย่าเพิ่งให้ตนตอบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เครื่องมือต่างๆ ในห้องประชุมครม.ชั้น 5 ได้ถอดออกหมดแล้ว พูดง่ายๆ คือยกเลิก จากนี้จะสอบสวน ถ้าจะใช้เป็นห้องประชุมครม. ก็ใช้โมโครโฟนเก่าติดไปชั่วคราว จากนั้นก็หาใหม่หรือไม่ก็ค่อยว่ากันอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าในสัปดาห์หน้าจะใช้เป็นห้องประชุมครม.ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันเหม็นสีและมันยังไม่ค่อยเรียบร้อย
รอผลสอบก่อนว่าทุจริตหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ตนในฐานะนายกฯก็สั่งให้ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร วันนี้อย่าเพิ่งไปลงโทษอะไรกัน เราต้องการให้เกิดความโปร่งใส ดังนั้นเรื่องนี้ต้องดูที่เจตนา ต้องสืบหากันต่อ ขอให้ใจเย็นๆ เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมาถ้าสื่อไม่ตรวจสอบเรื่องก็คงผ่านไป นายกฯ กล่าวว่า ก็ตรวจสอบไป ตนไม่ได้ว่าอะไร ให้ตรวจสอบกัน แต่บางทีก็ต้องหยุดเสียบ้าง ขณะที่เขากำลังตรวจสอบอยู่ อย่าเพิ่งมาถามว่าตรวจสอบแล้วอย่างไรต่อ จะตอบได้อย่างไรต้องให้เจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบก่อน ต้องเรียกหน่วยงานและเรียกคนมาสอบ
เมื่อถามว่าทุจริตแค่ไหนถึงจะมีการดำเนินการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ป.ป.ช.มีกฎหมายมีกติกา ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ใช่ให้ตนนำไปฆ่าทิ้ง มันไม่ได้ ต้องดูว่ากฎหมายเขียนไว้อย่างไร ผิดแค่ไหน จะต้องภาคทัณฑ์กักขัง จำขังหรือไล่ออก ต้องเป็นไปทีละอย่าง ถ้าไม่เจตนาจะต้องภาคทัณฑ์หรือไม่ ตัดเงินเดือนหรือไม่ก็ต้องดูในข้อกฎหมาย เรื่องไมโครโฟนก็ยังไม่รู้ ต้องขอเวลาดูก่อน อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองพูดก็ต้องฟังเขาบ้าง ถ้ายังไม่ได้ทุจริตก็อย่าเพิ่งไปอะไร
เผยอัยการศึก-แค่เตรียมเลิก
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการยกเลิก กฎอัยการศึกในพื้นที่บางจังหวัดว่า ที่ประชุมครม.ยังไม่มีการพิจารณา แต่เรื่องนี้ตนเตรียมไว้แล้ว ต้องเตรียมข้อกฎหมายและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมาดูก่อน ทั้งสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ฝากสื่อช่วยอธิบายว่ากฎอัยการศึกนั้นเราใช้เพียงบางมาตรา ทั้งหมดมี 10 กว่ามาตรา เแต่คนตกใจเพราะคำว่ากฎอัยการศึกโดยเฉพาะต่างชาติมีความตกใจ แต่เรื่องนี้เราอธิบายให้เข้าใจได้ว่าเราใช้แค่ตรงไหน และสิ่งที่เป็นประเด็นนำมาตอบโต้ตอนนี้ ถือว่าขัดแย้งกันทั้งหมด สื่อก็รู้ดี เรื่องนี้มีการปรับกันตลอดเวลาแต่บางครั้งก็พูดไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยืนยันว่ากฎอัยการศึกไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่อาจมีผลกระทบต่อต่างชาติบ้าง ซึ่งเราต้องเลือกว่าวันนี้เราจะเอาผลประโยชน์ของใครก่อน คนไทยในประเทศที่ตนดูจากโพล 70-80 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วยว่าบ้านเมืองเรียบร้อย ประชาชนไม่เดือดร้อน แต่ต้องดูว่ามีผล กระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่เพราะเมื่อประกาศใช้กฎอัยการศึกตรงนี้ ประกันชีวิตบางบริษัทก็ไม่รับทำ แต่รัฐบาลก็แก้ปัญหาโดยตนอนุมัติงบฯไปแล้ว 200 ล้านบาท ตั้งกองทุนของรัฐเพื่อดูแลนักท่องเที่ยว เพราะเวลามาท่องเที่ยวในประเทศก็มีประกันชีวิตหลายอย่าง
ยันไม่เคยเข้าข้างใคร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงแนวทางสร้างความปรองดองของคนในชาติว่า แนวคิดของตน ต้องการให้ทุกคนมีแนวคิดร่วมกับตนด้วย จะปล่อยให้รัฐบาลหรือนายกฯคิดอย่างเดียวไม่ได้ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือคงไม่สำเร็จ คนที่เป็นแกนนำต่างๆ ถ้ายังไม่หยุดแล้ว ปัญหาจะแก้ได้อย่างไร เรื่องนี้อย่ามาไล่ตนข้างเดียว ต้องไปบอกอีกข้างหนึ่ง ทุกพวก ซึ่งวันนี้ยืนยันว่าพวกตนไม่มีข้างกับใคร ตนทำมาเช่นนี้ตลอด ตนไม่เคยไปเข้าข้างใคร แต่ก็ยอมโดนด่าหาว่าตนไม่ยอมทำอย่างนี้อย่างนั้น แต่ตนต้องการให้ประเทศที่แบ่งเป็นซ้ายขวาหยุดให้ได้ แล้วให้ปรองดองค่อยหารือกันไป
เมื่อถามว่ารัฐบาลและคสช.ยังมอนิเตอร์ความเคลื่อนไหวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายกฯ ย้อนถามว่าใคร วันนี้เราสั่งให้มอนิเตอร์ทุกพวก ตามอยู่ทั้งหมด ทั้งสื่อที่ไม่ดีก็ตามหมด แต่พูดในรายละเอียดไม่ได้ว่ามอนิเตอร์อย่างไรเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เรามีทั้งคสช.หน่วยข่าวลับคอยติดตามมอนิเตอร์อยู่ทุกพวกทุกคนทั้งบนบกและในน้ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีในประเทศ เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่มีความคิดอะไรทั้งนั้นแต่เมื่อผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย
อารมณ์ดี-คุยถึงเครื่องประดับ
เมื่อถามว่าจะเดินทางไปเยือนต่างประเทศประเทศแรกอย่างพม่าเมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังเตรียมขั้นตอนต่างๆ อยู่ ส่วนมาเลเซียนั้น ตอนนี้กระทรวงการต่างประเทศจัดลำดับความสำคัญอยู่ ขอให้ใจเย็นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์ดี รวมทั้งเปิดเผยด้วยว่ากำไลที่ใส่อยู่ทุกวันนี้เป็นกำไลหางช้าง ใส่มานานมากแล้ว เป็นความเชื่อของคนโบราณ ตนก็เชื่อตามเขาเพราะเป็นคนไทย เกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนาก็ต้องเชื่อถือกัน ส่วนแหวนที่ตนใส่และมีการตั้งข้อสังเกตต่างๆ นานานั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ ที่ใส่อยู่เป็นแหวนพระ แหวนนโม อีกวงเป็นแหวนสมเด็จ อีกวงเป็นแหวนนพเก้า ก็มีเท่านี้ แต่ที่เปลี่ยนแหวนทองจากมือขวาไปอยู่มือซ้ายนั้นก็ไม่มีเคล็ดอะไร เพียงแต่ถ้าใส่มือขวาแล้วสวมเครื่องแบบทหารแล้วตะเบ๊ะไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนให้เล็กลง และตนแจงบัญชีทรัพย์สินไปหมดแล้ว ไม่มีอะไร เพราะมีเจตนาดี อีกทั้งตนไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกเท่าไร หรือหน้าของตนมันดูจนหรือ
"บิ๊กป้อม"คุมมั่นคง-"อุ๋ย"ดูศก.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบในคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 103/2557 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกฯและรมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกฯ ดังนี้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ดูแลงานกระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ดูแลงานกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระ ทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ยงยุทธดูแลสังคม-"บิ๊กเจี๊ยบ"ตปท.
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ดูแลงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ดูแลงานกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศ การ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สำนักงานพัฒนาพิงคนคร
"วิษณุ"กำกับยธ.-สื่อ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแลงานกระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดสำนัก นายกฯ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ราชบัณฑิตยสถาน สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ สำนักเลขาธิการครม. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนัก นายกฯ ดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ราชบัณฑิตยสถาน
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ดูแลสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวด้วยว่า สำหรับการแบ่งงานของรองนายกฯในกรณีที่นายกฯไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ครม.มีมติมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทนได้ตามลำดับดังนี้ 1.พล.อ. ประวิตร 2.ม.ร.ว.ปรีดิยาธร 3.นายยงยุทธ 4.พล.อ.ธนะศักดิ์ 5.นายวิษณุ
แต่งตั้งข้าราชการการเมืองพรึบ
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวอีกว่า ครม.มีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง 4 ราย ตามที่นายกฯเสนอ ได้แก่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เป็นเลขาธิการนายกฯ น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง นอกจากนั้นยังแต่งตั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง และนายปณิธาน วัฒนายากร เป็นที่ปรึกษารอง นายกฯ ตามที่พล.อ.ประวิตรเสนอ แต่งตั้งนายคณิสสร นาวานุเคราะห์ เป็นรองเลขาธิการ นายกฯ ฝ่ายการเมือง และนายอำนวย ปะติเส เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ ตามที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเสนอ แต่งตั้งนายสมชาย ฉัตรรัตนา เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ตามที่นายยงยุทธเสนอ
แต่งตั้งพล.ร.อ.อิทธิคมน์ ภมรสูต เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ ตามที่ พล.อ.ธนะศักดิ์เสนอ แต่งตั้งนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ ตามที่นายวิษณุเสนอ แต่งตั้งนายกมล สุขสมบูรณ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่าที่ร.ต.ไชยวุฒิ วุฑฒิรักษ์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ตามที่ม.ล. ปนัดดาเสนอ แต่งตั้งนายฐากูร ดิษฐอำนาจ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ นายเพิ่มศักดิ์ บ้านใหม่ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ตามที่นาย สุวพันธุ์เสนอ
ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.ยังมีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอให้ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ตามที่รอง นายกฯและรัฐมนตรีเสนอ รวมทั้ง ครม.ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้งตามที่รมว.กระทรวงต่างๆ รวม 17 กระทรวงเสนอแต่งตั้งที่ปรึกษาและเลขานุการรมว.และผู้ช่วยเลขานุการรมว. รวม 35 คน
ห้ามที่ปรึกษาพิมพ์นามบัตร
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นายกฯสั่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องเงินค่าตอบแทนของผู้ช่วยรัฐมนตรีให้เหมาะสม ให้ปรับลดลงเหลือคนละ 50,000 บาทต่อเดือน จากเดิมได้คนละ 63,800 บาทต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าที่ปรึกษาของนายกฯและรัฐมนตรี หากมีผู้ช่วยรัฐมนตรี 30 คนจะประหยัด 4 แสนกว่าบาท เพื่อนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น และเพื่อป้องกันความสับสนให้เรียกที่ปรึกษารัฐมนตรีที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการว่าคณะทำงานของรัฐมนตรี
"นายกฯบอกว่าไม่ต้องพิมพ์นามบัตรไปแจก เพราะที่ปรึกษาเยอะไปหมด มี 70-80 คน วุ่นวายปวดหัว ให้แยกกันให้ชัดว่าที่ปรึกษาที่เป็นทางการกับคณะทำงานของรัฐมนตรี ส่วนคนที่ขึ้นป้ายโชว์รูป นายกฯไม่อยากให้ทำ ยังฝืนอยู่สังคมก็โลกวัชชะ โลกติเตียน เจ้านายบอกแล้วว่าอย่าขึ้น ให้ขึ้นเรื่องงาน แล้วยังจะไปขึ้นอยู่ทำแมวอะไร" พล.ต. สรรเสริญกล่าว
วอนยุติวิจารณ์ไมค์ทองคำ
รองโฆษกรัฐบาลกล่าวอีกว่า นายกฯสั่งให้ยุติการจัดซื้อจัดจ้างและให้ทบทวนการจัดซื้อไมค์และอุปกรณ์ห้องประชุมครม. 501 ตึกบัญชาการ 1 และให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาตรวจสอบว่าที่ผ่านมาขั้นตอนต่างๆ มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งนายกฯไม่อยากให้ลงถึงขั้นมีทุจริตหรือไม่ มันเสียความตั้งใจเพราะทุกคนตั้งใจดี นายกฯวิงวอนทุกฝ่ายว่าเมื่อทุกอย่างมีการทบทวนและยุติแล้ว ขอให้ยุติเพื่อให้รัฐบาลมีกำลังใจทำงานต่อไป นายกฯยังฝากขอบคุณสื่อที่ช่วยเป็นหูเป็นตาตรวจสอบ อย่าเพิ่งมองว่าทุจริต
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก ทบ. กล่าวว่า กรณีมีผู้ไม่หวังดีนำภาพพล.อ.ประยุทธ์ มาตัดต่อถือว่าไม่เหมาะสมและไม่ควรทำอย่างยิ่ง มั่นใจประชาชนรู้ว่าภาพที่เกิดขึ้นเป็นการบิดเบือนใส่ร้าย วอนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตร่วมกันสร้างสังคมออนไลน์ที่มีคุณภาพ ช่วยกันขจัดการกระทำที่บิดเบือน ใส่ความ ก่อให้เกิดความแตกแยก เกลียดชังหรือทำให้สังคมสับสน
คสช.ให้คลังใช้เงินไทยเข้มแข็ง
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า คสช.อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำเงินกู้จากโครงการไทยเข้มแข็งที่ยังไม่มีการใช้ 1.5 หมื่นล้านบาท ไปปรับใช้กับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของรัฐบาล เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่ช่วยเหลือคนจนและคนรายได้น้อย เพื่อกระจายเงินไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้มากขึ้น ซึ่งเงินไทยเข้มแข็งที่เหลืออยู่ 1.5 หมื่นล้านบาท มีการผูกพันให้ใช้ถึงสิ้นปี 2557 กระทรวงการคลังต้องเร่งเสนอรัฐบาลให้ปรับเงินกู้ดังกล่าวมาใช้ในโครงการใหม่ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้เงินกู้ดังกล่าวหมดอายุโดยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนัก งานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า รมว.คลังได้เตรียมโครงการต่างๆ ที่จะใช้เงินไทยเข้มแข็งตั้งแต่ได้รับการทาบทามเป็น รมว.คลัง ซึ่งการดึงเงินไทยเข้มแข็งมากระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้คสช.เห็นชอบให้กู้เงินโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่เหลืออยู่อีก 3.2 แสนล้านบาท มาลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งการกู้เงินส่วนนี้กู้เบิกจ่ายได้ถึงเดือนก.ย. 2561
เสนอย้าย 37 บิ๊กมหาดไทย
สำหรับบัญชีรายชื่อข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่เสนอคณะรัฐมนตรี และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้ง 37 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ชุมพร เป็นผวจ.นครศรีธรรมราช 3.นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง เป็นอธิบดีกรมที่ดิน 4.นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา เป็นอธิบดีกรมการปกครอง 5.นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เป็นผวจ.สงขลา 6.นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผวจ.สมุทรปราการ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 7.นายพินิจ หาญพาณิชย์ อธิบดีกรมที่ดิน เป็นผวจ.สมุทรปราการ 8.นายวันชัย สุทธิวรชัย ผวจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 9.นายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ.อุบลราชธานี 10.นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
11.นายธานี สามารถกิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ.ระยอง 12.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 13.นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ชัยนาท เป็นผวจ.ขอนแก่น 14.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี เป็นผวจ.ชัยนาท 15.นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.เชียงใหม่ เป็นผวจ.สระบุรี 16.นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผวจ.ตาก เป็นผวจ.เชียงใหม่ 17.นายสมชัยฐ์ หทยะตัณย์ติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผวจ.ตาก 18.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง 19.นายสมศักดิ์ จังตระกูล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เป็น ผวจ.ร้อยเอ็ด 20.นาย สุวิทย์ สุบงกฎ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
ผวจ.ภูเก็ตนั่งรองปลัด
21.นายภุชงค์ โพธิกุฏสัย ที่ปรึกษาด้านการปกครอง เป็นผวจ.กาฬสินธุ์ 22.นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็นผวจ.นครราชสีมา 23.นายเสรี ศรีหะไตร ผวจ.พัทลุง เป็นผวจ.บุรีรัมย์ 24.นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา เป็นผวจ.พัทลุง 25.นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผวจ.จันทบุรี 26.นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ภูเก็ต เป็นรองปลัดกระทรวง 27.นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผวจ.ราชบุรี เป็นผวจ.ภูเก็ต 28.นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผวจ.สิงห์บุรี เป็นผวจ.ราชบุรี 29.นายชโลธร ผาโคตร ผวจ.บึงกาฬ เป็นผวจ.สิงห์บุรี 30.นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผวจ.อุทัยธานี เป็นผวจ.กาญจนบุรี
31.นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.เพชรบูรณ์ เป็นผวจ.ชัยภูมิ 32.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.พิษณุโลก เป็นผวจ.นครสวรรค์ 33.นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.สุโขทัย เป็นผวจ.พิษณุโลก 34.นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผวจ.สมุทรสงคราม เป็นผวจ.นนทบุรี 35.นายอภิชาติ โตดิลกเวชน์ ผวจ.แพร่ เป็นผวจ.พระนครศรีอยุธยา 36.นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา เป็นผวจ.สตูล 37.นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผวจ.มหาสารคาม เป็นผวจ.อุดรธานี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป
มท.1ยันย้ายตามความเหมาะสม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงว่า เป็นไปตามที่นายวิบูลย์เสนอและรายงาน แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ คำสั่งโยกย้ายหลังวันที่ 22 พ.ค. การสลับการทำงานระหว่างกรม และส่วนที่ข้าราชการระดับ 10 เกษียณ โดยรายชื่อที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว กรณีนายพีระศักดิ์ถูกโยกไปเป็นผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช เป็นไปตามความเหมาะสม เกี่ยวโยงกรณีอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต หรือไม่ตนไม่ทราบ
เมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าหลังรับตำแหน่งได้ปรับปรุงบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ปลัดฯและรองปลัดกระทรวงดำเนินการไว้ก่อนแล้ว ส่วนการที่ตนรับผิดชอบงานของกรมการปกครองและหน่วยงานที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนนั้น ขอให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอช่วยกันดูแลความสงบสุข โดยให้กลไกภาครัฐเข้าไป ชี้แจงประชาชน ยอมรับว่ามีรายงานข่าวการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอยู่ทั้งในและต่างประเทศ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ สำหรับการประชุมหารือเรื่องบริหารงบกระทรวงมหาดไทยนั้น เป็นไปตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องการให้เร่งเบิกจ่ายงบปี 2557 ที่ค้างอยู่ ส่วนงบขององค์กรปกครองท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังเหลืออยู่มากเพียงพอที่จะใช้บริหารได้
กกต.มั่นใจ 19 ก.ย.เสนอชื่อสปช.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 11 ด้านและคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 77 จังหวัดเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการสรรหา 11 ด้าน มีเพียง 4 ด้านใน 10 ด้านที่คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.ได้ด้านละ 50 คน รวมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติและรายละเอียดต่างๆ แล้วได้แก่ ด้านอื่น ด้านสื่อมวลชน ด้านพลังงาน และด้านบริหารราชการแผ่นดิน จึงจะไม่นัดประชุมอีก ส่วนที่เหลืออีก 7 ด้าน จะประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ย. ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 4 รอ.) ประกอบด้วยด้านการเมืองที่ยังไม่ได้ประชุมในวันที่ 15 ก.ย. เนื่องจากกรรมการหลายคนติดภารกิจไปต่างประเทศ ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการปกครองท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าใน 7 คณะนี้จะประชุมอีก 1-2 ครั้งก็เสร็จ และเรียบร้อยได้ภายในวันที่ 19 ก.ย.ก่อนนำรายชื่อทั้งหมด เสนอต่อคสช.คัดเลือกต่อไป
นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ส่วนใหญ่เริ่มสรรหาเมื่อวันที่ 15 ก.ย.และมี 22 จังหวัดที่คัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.จังหวัดละ 5 คนได้เรียบร้อยแล้ว และในวันที่ 16 ก.ย.จะประชุมในอีก 29 จังหวัด คาดว่าน่าจะเรียบร้อย ส่วนที่เหลือจะนัดประชุมอีกครั้งแต่ยังไม่กำหนดวันชัดเจน เนื่องจากเดิมนัดประชุมวันที่ 17 ก.ย. แต่นายกฯได้เชิญผู้ว่าฯที่เป็น 1 ในกรรมการสรรหาทั้ง 77 จังหวัดมาประชุม จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมคณะกรรมการสรรหาของจังหวัดดังกล่าวออกไปก่อน แต่ทั้ง 77 จังหวัดน่าจะได้รายชื่อจังหวัดละ 5 รายชื่อครบภายในวันที่ 22 ก.ย.
กก.สรรหาติง"เสนอชื่อ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง กรรมการสรรหาสปช. ด้านอื่นๆ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ข้อผิดพลาดของการส่งบุคคลสมัครสปช. มีบางประเด็นสำคัญสะท้อนสิ่งที่เป็นอยู่ของคนไทย (บางคน) จากการสรรหา สปช. ดังนี้ 1.มีการส่งชื่อบุคคลมากกว่ากำหนดที่ให้ส่งได้ไม่เกิน 2 ชื่อ ซึ่งนิติบุคคลบางแห่งเสนอถึง 8 ชื่อ ถ้านิติบุคคลนั้น มีรายชื่อบุคคลที่น่าจะได้รับการพิจารณาก็จะเสียโอกาสนั้นไปเพราะจะไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากนิติบุคคลผู้ส่งกระทำผิดกฎหมายมาตรา 10 พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) สรรหา สปช. ตั้งแต่ต้น
นายบรรยงค์ ระบุด้วยว่า และ 2.มีบุคคลที่ยินยอม ยินดีหรือขอให้นิติบุคคลเสนอชื่อตนเองเกิน 1 ด้าน หรือ 1 ฉบับ หรือ 1 ที่มา ทำนองว่าถ้าไม่ได้จากการส่งโดยจังหวัด อาจได้จากการสรรหาด้านต่างๆ หรือถ้าไม่ได้จากด้านหนึ่ง อาจได้จากอีกด้านหนึ่ง ซึ่งจะไม่ได้รับการพิจารณาอีกเช่นกัน ตามมาตรา 12 พ.ร.ฎ.สรรหา สปช. "หน้าที่ของ สปช.คือเข้าไปปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริตและวินัยของคนในชาติ แล้วทำไมบางคนจึงยังเริ่มต้นกันในแบบนี้อีก
นิวยอร์กไทมส์แฉศธ.สั่งลบชื่อแม้ว
วันเดียวกันนี้ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ โดยนายโธมัส ฟูลเลอร์ รายงานว่า จากการเปิดเผยของนายถนอม อานามวัฒน์ ผู้เขียนแบบเรียนประวัติศาสตร์ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ระบุว่า ทางกระทรวงศึกษาธิการลบชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีออกจากแบบเรียน ซึ่งตามความเห็นของผู้เขียน แม้มีคนจำนวนมากไม่ชอบพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไม่ควรลบออกจากประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์เป็นข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดหรือบทเรียนล้วนเป็นสิ่งที่ต้องบอกกับคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ต้องรู้ และไม่ควรลบออกไป
ชี้มีแต่เผด็จการที่คิดลบข้อมูล
รายงานนิวยอร์กไทมส์ระบุด้วยว่า แบบเรียนประวัติศาสตร์ของไทยมีเนื้อหาการเคลื่อนไหวของกลุ่มฝ่ายซ้ายในยุคทศวรรษ 1960 และ 1970 (ช่วงปีพ.ศ.2503-2522) น้อยมาก เนื่องจากรัฐบาลพยายามปิดกั้นไว้ แม้ว่าในยุคปัจจุบัน ไทยเชื่อมเข้าสู่โลก ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารโซเชี่ยลมีเดีย เกินกว่าที่รัฐบาลจะควบคุมได้ จึงยังไม่ชัดเจนว่าในยุคทหารจะลบความแตกร้าวในสังคมจากการรับรู้ของสังคมได้อย่างไร
นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ชื่อดัง ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องปกติมากที่กลุ่มอีลิทในไทยจะพยายามปิดกั้นข้อมูลเช่นนี้ แต่เป็นเรื่องยากเสียแล้ว เมื่อมีโซเชี่ยลมีเดีย จึงไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมความคิดของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษา
ด้านนายคริส เบเคอร์ ผู้ศึกษาประวัติ ศาสตร์ไทย เจ้าของผลงานหนังสือประวัติ ศาสตร์ไทยร่วมสมัยกล่าวว่า การเซ็นเซอร์ทางประวัติศาสตร์ในขณะที่สังคมขณะนี้เปิดกว้างแล้วเป็นการเลือกที่ผิด การลบข้อมูลเช่นนี้เป็นวิธีในยุคเผด็จการ และยิ่งทำให้คนสังเกตได้ชัดถึงข้อมูลที่ถูกลบออกไป
สื่อนอกชี้กลับมีเนื้อหาโค่นแม้ว
บทวิเคราะห์ของนิวยอร์กไทมส์ระบุอีกว่า ก่อนการรัฐประหาร โรงเรียนทั่วประเทศสามารถเลือกหนังสือเรียนเองได้และหนังสือเรียนฉบับเก่า มีการกล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณอย่างน้อย 7 ครั้ง แต่หนังสือเรียนฉบับใหม่มีการรวบรวมเรื่องประวัติศาสตร์ด้านการเมืองของไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ลงในหนังสือเรียน 5 หน้าและกล่าวถึงชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรีและคนสำคัญคนอื่น เช่น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตหัวหน้ารัฐประหารที่โค่นล้มทักษิณเมื่อปี 2549 ขณะที่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2544-2549 และได้รับความนิยมมาตลอด 15 ปี รวมทั้งการเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเมื่อปี 2554 จนถูกโค่นล้มเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งการไม่ได้เอ่ยชื่อพ.ต.ท. ทักษิณ แต่จะใช้คำแทนว่ารัฐบาลที่ใช้นโยบายสร้างประชานิยมผ่านงบประมาณมหาศาล ทั้งยังกล่าวถึงการประท้วงโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ในแง่ของ "การประท้วงของประชาชนที่ต่อต้านนักการเมืองเผด็จการ การทุจริต และฉ้อโกง"
ปลัดศธ.ให้ถามสพฐ.
นางสุทธิศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การจัดทำตำราเรียนทราบว่าเป็นการจัดทำตำราเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติตั้งแต่รัชกาลที่ 1-9 ให้เด็กได้เรียนและรู้สึกภาคภูมิใจ มีเนื้อหาตามหลักประวัติศาสตร์ ส่วนรายละเอียดเรื่องการตัดชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น คงต้องให้ผู้รับผิดชอบโดยตรงคือเลขาธิการ สพฐ. เป็นคนตอบ เพราะเป็นคนรับผิดชอบดูแลหรือสอบถามจากนายวินัยเอง แต่ทราบว่าได้เกษียณไปแล้ว
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้รับคำสั่งดังกล่าวอย่างแน่นอน และขอยืนยันว่าสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่มีนโยบายถอดชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากแบบเรียนประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะในระดับชั้นใดก็ตาม ประเด็นนี้ สพฐ.ต้องตรวจสอบก่อนว่าแบบเรียนข้างต้นจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ใด
แจงแค่เป็นเทคนิคการเขียน
นายวินัย รอดจ่าย ประธานคณะทำงาน ยกร่างรายวิชาเพิ่มเติมวิชาประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นหนังสือเรียนเล่มดังกล่าวแล้ว เข้าใจว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะหนังสือเรียนของสำนักพิมพ์ดังกล่าวเน้นการเล่าเนื้อหาความเป็นไปในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นหลัก อาจเป็นไปได้ว่าบางช่วงบางตอนผู้เขียนเห็นว่าควรใส่ชื่อนายกฯในขณะนั้นลงไป ขณะที่บางตอนใส่แค่ปีพ.ศ.ก็พอ ซึ่งยอมรับว่าเหตุการณ์ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่นั้น มีการกล่าวถึงโดยใส่แค่ปีพ.ศ.เท่านั้น เรื่องนี้อาจเป็นเทคนิคการเขียน หรือเป็นการเลี่ยงโดยจงใจหรือไม่นั้นส่วนตัวไม่ทราบ เบื้องต้นจึงสอบถามไปยังบรรณาธิการ ได้รับคำตอบเพียงว่าไม่ทราบเพราะจัดพิมพ์มาหลายปีแล้ว ต้องขอดูรายละเอียดก่อน
นายวินัย กล่าว ด้วยว่า ส่วนตัวยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ สพฐ.ยังไม่ได้จัดพิมพ์แบบหนังสือตำราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ใหม่เลย เป็นเพียงการกำหนดจุดเน้นเพิ่มเติมเท่านั้น หนังสือเรียนของสำนักพิมพ์นี้ไม่ได้แจกจ่ายให้โรงเรียนทุกแห่งใช้จัดการเรียนการสอน แต่อยู่ที่โรงเรียนจะเลือกว่าจะใช้หนังสือจากสำนักพิมพ์ไหนมาจัดการเรียนการสอน ซึ่งมาถึงขณะนี้ขอยืนยันว่ารายวิชาประวัติศาสตร์จะไปรับใช้กระแสอื่นๆ ไม่ได้ ต้องรับใช้ประวัติศาสตร์เท่านั้น
เผยพิมพ์มาตั้งแต่ปี 53
"หนังสือเล่มนี้พิมพ์มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 เป็นหนังสือเรียนช่วงชั้น ม.4-ม.6 จึงไม่ใช่แบบเรียนใหม่ ยืนยันเลยว่าไม่มีใบสั่งให้ทำอะไรพรรค์นี้อย่างแน่นอน ตำราเรียนประวัติศาสตร์ เนื้อหาก็ต้องเป็นประวัติศาสตร์ ใครเป็นนายกฯ ก็ต้องว่าไปตามนั้น จะมาลบได้อย่างไร วันนี้เราต้องการให้เด็ก เยาวชนคิดวิเคราะห์เป็น แล้วเราจะมาทำอย่างนี้ไปทำไม" นายวินัยกล่าว
ที่ บก.ทบ. พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่เป็นความจริง เพราะคำว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ยืนยันได้ว่าไม่มีใครออกคำสั่งเช่นนั้น เรื่องนี้จะสอบถามข้อเท็จจริงจากทางนิวยอร์กไทมส์ประจำประเทศ ไทยอย่างแน่นอนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ตั้งเพิ่ม 15 คสช."มีชัย-สมคิด"ร่วม
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ราชกิจจานุเบกษาผยแพร่ ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 122/2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยประกาศระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคสช.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 6/2557 เรื่องแต่งตั้ง ผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคสช. ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557
ข้อ 2 แต่งตั้งให้บุคคลดังต่อไปนี้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น หัวหน้าคสช. 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองหัวหน้าคสช. 3.พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็น รองหัวหน้าคสช. 4.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนา ศัย เป็นรองหัวหน้าคสช. 5.พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองหัวหน้าคสช. 6.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรองหัวหน้าคสช.
7.พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เป็นสมาชิกคสช. 8.พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร เป็นสมาชิกคสช. 9.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นสมาชิกคสช. 10.พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ เป็นสมาชิกคสช. 11.พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เป็นสมาชิกคสช. 12.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็นสมาชิกคสช.
13.นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นสมาชิกคสช. 14.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นสมาชิกคสช. 15.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เป็นเลขาธิการคสช.
ข้อ 3 ให้สำนักเลขาธิการคสช.ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคสช. ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 11 ก.ย.
ที่บก.ทอ. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าคสช. กล่าวว่า บุคคลที่เข้ามาเพิ่ม ส่วนหนึ่งมาจากทีมที่ปรึกษาคสช.และมีนักกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการราบรื่น ซึ่งคสช.ใช้หลักธรรมาภิบาลต้องมีพื้นฐานจากกฎหมายและกติกา ความรู้ในหลักเหตุผลที่จะให้ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ขณะนี้บทบาทของคสช.ลดลงแล้ว ส่วนวัน ประชุมคสช.และการประชุมร่วมกับรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนด คาดว่าจะมีการ ประชุมคสช.เพื่อกำหนดรายละเอียดต่อไป
"บิ๊กตู่"ขอบคุณพ.ร.บ.งบฯฉลุย
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เป็นประธานประชุมสนช.เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 วงเงิน 2,575,000 ล้านล้านบาท ที่คสช.เป็นผู้เสนอ ในวาระที่ 2 และ3 ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว
พล.อ.ฉัตรชัย ชี้แจงว่า กมธ.พิจารณาปรับลดงบลง 1.6 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ยุทธศาสตร์สำคัญและแผนแม่บทแห่งชาติ ตลอดจนเป้าหมายดำเนินงาน อาทิ โครงการหรือแผนงานที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มีเป้าหมายไม่ชัดเจน จำเป็นน้อย ไม่ประหยัด และยังปรับลดในโครงการที่ดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด และคาดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันปีงบประมาณ 2558 หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่ผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าวงเงินที่เสนอไว้ รวมทั้งรายการงบประมาณต่างๆ ที่ประหยัดได้ ส่วนการเพิ่มงบประมาณนั้น กมธ.ได้เพิ่มงบประมาณในส่วนของงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเท่ากับจำนวนที่ปรับลดลง เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ มีงบประมาณรองรับนโยบายรัฐบาลในระยะต่อไป
จากนั้นพิจารณารายมาตรา มีสมาชิก สนช.ใช้สิทธิอภิปรายก่อนจะลงมติเห็นชอบด้วยเสียงส่วนใหญ่ตามลำดับมาตรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณในวาระ 2 และ 3 เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ประชุมเห็นชอบตามที่กมธ.เสนอแก้ไขทั้ง 35 มาตรา จากนั้นเวลา 22.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกสนช.ที่ร่วมพิจารณาและเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
"เจ๋ง ดอกจิก"วืดประกันคดีหมิ่น
วันที่ 16 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกานายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำนปช. จำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2740/2553 หมายเลขแดง อ.193/2556 ที่แสดงพฤติการณ์ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 2, 8 และ 12 จากกรณีวันที่ 29 มี.ค. 2553 ขึ้นปราศรัยบนเวทีนปช.เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โจมตีบุคคลสำคัญและพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดยศาลเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นขอปล่อยชั่วคราวครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยนายยศวริศ ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษต่อไป คาดว่าคำสั่งปล่อยชั่วคราวของศาลฎีกาจะส่งมาที่ศาลอาญาวันที่ 19-20 ก.ย.นี้
ใช้ของเก่า-เลิกไมค์แพง บิ๊กตู่สั่งรื้อ ครม.ตั้งกุนซือ-เลขารมต. วัชรพล หน้าห้องประวิตร 'ยงยุทธ'โฆษก-ไก่อู รอง โยก 37 เก้าอี้'มหาดไทย' พีระศักดิ์ผู้ว่าเมืองคอน ดึงสมคิด-มีชัยนั่งคสช.
'บิ๊กตู่'สั่งรื้อไมโครโฟนแพงออก ก่อนถก ครม. ให้ใช้ของเก่าแทน โยน ป.ป.ช.สอบทุจริต เผยตั้ง'ยงยุทธ'กระบอกเสียง รบ. 'พล.อ.วิลาศ'นั่งเลขาฯนายกฯ
@ บิ๊กตู่ถกครม.ทางการนัดแรก
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 16 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งกายด้วยชุดพระราชทานแขนยาวสีส้มอ่อน เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 1/2557 อย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยได้เข้าหารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น เวลา 08.45 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้ากล่าวทักทายกับสื่อมวลชนว่า "สวัสดีเช้าวันอังคาร"
@ รมต.ทยอยเข้าประชุม
ต่อมาเวลา 08.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นคนแรก เข้าไปยังตึกบัญชาการเพื่อเข้าไปยังห้องทำงานก่อนที่จะออกมาในเวลา 08.25 น.
เพื่อเดินทางไปยังตึกสันติไมตรี และรัฐมนตรีคนอื่นได้ทยอยเดินทางมายังตึกสันติไมตรี อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายรัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
@ ธนะศักดิ์ติดภารกิจตปท.
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาลงที่ตึกไทยคู่ฟ้าก่อนจะเดินเท้ามายังตึกสันติไมตรี เช่นเดียวกับ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เดินเท้ามาจากตึกสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ ครม.และนายกรัฐมนตรี สวมใส่ชุดไทยพระราชทานแขนยาวสีสันหลากหลายมาร่วมประชุมตามคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องการให้ ครม.แต่งชุดไทยในโอกาสงานทางการ
ส่วน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม เนื่องจากต้องไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ
@ ตร.-ทหารวางมาตรการเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.ยังคงใช้ตึกสันติไมตรีหลังใน ยังไม่ได้ใช้ตึกบัญชาการ 1 เนื่องจากการซ่อมแซมปรับปรุงยังไม่เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ ทหารและตำรวจวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งประตูทางเข้า-ออกบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทหารพร้อมสุนัข ชุดตรวจค้นวัตถุระเบิด จากกองพันสุนัขทหาร 2 ชุด เข้าตรวจค้นทั่วทั้งทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า
ด้านตึกสันติไมตรีมีการวางรั้วเหล็กสีเหลืองด้านหน้าทางเข้าและทางเชื่อมไปยังตึกไทยคู่ฟ้า โดยวางเครื่องตรวจโลหะที่ทางเข้าตึกสันติไมตรีหลังใน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุ้มกันภายในเป็นจำนวนมาก และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมารอทำข่าวในบริเวณที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้
@ ครม.ไฟเขียวย้าย37บิ๊กมท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.นัดแรกอย่างเป็นทางการมีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อโยกย้ายข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย 37 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) นครศรีธรรมราช เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ชุมพร เป็น ผวจ.นครศรีธรรมราช 3.นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง เป็นอธิบดีกรมที่ดิน 4.นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา เป็นอธิบดีกรมการปกครอง 5.นายธำรงค์ เจริญกุล ผวจ.พังงา เป็น ผวจ.สงขลา 6.นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ผู้ว่าฯสมุทรปราการ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 7.นายพินิจ หาญพาณิชย์ อธิบดีกรมที่ดิน เป็น ผวจ.สมุทรปราการ 8.นายวันชัย สุทธิวรชัย ผวจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 9.นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.อุบลราชธานี 10.นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง เป็น ผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย 11.นายธานี สามารถกิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.ระยอง 12.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ขอนแก่น เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 13.นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ชัยนาท เป็น ผวจ.ขอนแก่น 14.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผวจ.สระบุรี เป็น ผวจ.ชัยนาท 15.นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผวจ.เชียงใหม่ เป็น ผวจ.สระบุรี 16.นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผวจ.ตาก เป็น ผวจ.เชียงใหม่ 17.นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ตรวจตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.ตาก
@ โยกผวจ.โคราชเป็นพ่อเมืองพัทลุง
18.นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 19.นายสมศักดิ์ จังตระกูล ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสำนักงานปลัดกระทรวง เป็น ผวจ.ร้อยเอ็ด 20.นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 21.นายภุชงค์ โพธิกุฏสัย ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง เป็น ผวจ.กาฬสินธุ์ 22.นายธงชัย ลืออดุลย์ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็น ผวจ.นครราชสีมา 23.นายเสรี ศรีหะไตร ผวจ.พัทลุง เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ 24.นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา เป็น ผวจ.พัทลุง 25.นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ตรวจราชการกระทรวงกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.จันทบุรี
@ ภูเก็ตขึ้นรองปลัด'นิสิต'เสียบแทน
26.นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ภูเก็ต เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 27.นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผวจ.ราชบุรี เป็น ผวจ.ภูเก็ต 28.นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผวจ.สิงห์บุรี เป็น ผวจ.ราชุบรี 29.นายชโลธร ผาโคตร ผวจ.บึงกาฬ เป็น ผวจ.สิงห์บุรี 30.นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผวจ.อุทัยธานี เป็น ผวจ.กาญจนบุรี 31.นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.เพชรบูรณ์ เป็น ผวจ.ชัยภูมิ 32.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.พิษณุโลก เป็น ผวจ. นครสวรรค์ 33.นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.สุโขทัย เป็น ผวจ.พิษณุโลก 34.นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผวจ.สมุทรสงคราม เป็น ผวจ.นนทบุรี
35.นายอภิชาติ โตดิลกเวช ผวจ.แพร่ เป็น ผวจ.พระนครศรีอยุธยา 36.นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา เป็น ผวจ.สตูล 37.นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผวจ.มหาสารคาม เป็น ผวจ.อุดรธานี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายตามคำสั่งชุดแรก 25 ตำแหน่ง และมีการโยกย้ายเพิ่มเติมจำนวน 12 ตำแหน่ง ก่อนหน้านี้ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งย้าย นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ชุมพร ไปรักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง รักษาราชการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
@ 'สิงห์ดำ'กลับมาผงาดอีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้สิงห์ดำ หรือข้าราชการที่จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับนายวิบูลย์ กลับมามีบทบาทอีกครั้งโดยนายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อดีตอธิบดีกรมการปกครอง สิงห์ดำเพื่อนร่วมรุ่นนายวิบูลย์ ที่โดนย้ายมาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเปิดทางให้ ผวจ.สงขลา นายกฤษฎา บุญราช (สิงห์ทอง) รัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง มาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง กลับมาในตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ส่วนนายพีระศักดิ์ถูกโยกไปเป็น ผวจ.นครศรีธรรมราช มีกระแสข่าวขัดแย้งในการปฏิบัติงานที่ต้องมีการประสานงานกันแต่มีความขัดข้องเกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องย้ายเพื่อลดปัญหาในเชิงการปฏิบัติงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยใหม่ 2 ราย นายอภินันท์ ย้ายจาก ผวจ.นครศรีธรรมราช มาเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อเตรียมขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยในอนาคต ส่วนนายไมตรี ผวจ.ภูเก็ต เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย แม้จะเป็นสิงห์แดง จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่มีความอาวุโสอยู่ในสายงานสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย มีความชำนาญและเชี่ยวชาญงานด้านการวางแผนและวิชาการ นอกจากนี้ ยังมีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในสายทหาร
@ 'ชนม์ชื่น'ม้ามืดนั่งผู้ว่าฯนนท์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกตำแหน่งที่เป็นที่ฮือฮา คือ นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ สิงห์ขาว จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผวจ.สมุทรสงคราม ขยับจากจังหวัดเล็กเป็น ผวจ.นนทบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายชนม์ชื่นเคยเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยจากนั้นออกไปเป็น ผวจ.สมุทรสงคราม ถือเป็นม้ามืดที่ขึ้นชั้นจังหวัดใหญ่ที่เป็นจังหวัดปริมณฑล
@ มท.1คุมปค.-สถ. มท.2 คุมทด.-ปภ.
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า พล.อ.อนุพงษ์แบ่งงานในการรับผิดชอบหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยดูแลสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการพัฒนาชุมชน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแล กรมที่ดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง และองค์การตลาด
@ 'บิ๊กป๊อก'ยันตั้งซี10 ไม่รู้จักส่วนตัว
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามที่นายวิบูลย์เสนอและรายงาน โดยแบ่งเป็นสามส่วนคือ คำสั่งโยกย้ายหลังวันที่ 22 พฤษภาคม การสลับการทำงานระหว่างกรม และส่วนที่ข้าราชการระดับ 10 เกษียณอายุราชการ โดยรายชื่อที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงกรณีนายพีระศักดิ์ รักษาการอธิบดีกรมที่ดิน ที่ถูกโยกกลับไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าเป็นไปตามความเหมาะสม ส่วนจะเกี่ยวโยงกับกรณีอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต หรือไม่นั้นตนไม่ทราบ
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าหลังเข้ารับตำแหน่งได้เข้ามาปรับปรุงบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยและรองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการไว้ก่อนแล้ว
@ ปูดกลุ่มต้านเคลื่อนใหม่ใน-นอกปท.
เมื่อถามถึงกรณี ดูแลรับผิดชอบกรมการปกครองและหน่วยงานที่ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนโดยส่วนใหญ่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ขอให้กำนันผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอช่วยกันดูแลความสงบสุข โดยให้กลไกภาครัฐเข้าไปชี้แจงกับประชาชน ยอมรับว่ามีรายงานข่าวการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลอยู่ทั้งต่างประเทศและในประเทศ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของหลักฐานได้
@ บิ๊กตู่สั่งรื้อไมค์พ้นห้องประชุม
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ถึงกรณีความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจัดซื้อไมโครโฟน ในห้องประชุม ครม. ที่ตึกบัญชาการ 1 ว่า ได้สั่งรื้อไมโครโฟนที่เป็นปัญหาออกทั้งหมด และนำไมโครโฟนชุดเก่าที่ใช้ได้กลับไปใช้ก่อน ส่วนผู้ที่รับผิดชอบยังไม่ขอกล่าวถึง ขอแก้ไขตรงนี้ก่อน สำหรับเรื่องการทุจริตนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบอยู่แล้ว
@ สั่งจับตากลุ่มเคลื่อนไหวต้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวมีกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านว่า รัฐบาลคิดอย่างนี้ นายกรัฐมนตรีคิดอย่างนี้ แล้วประชาชนไม่ร่วมมือจะทำอย่างไร ใครที่เป็นแกนนำต่างๆ ยังไม่หยุดแล้วจะแก้ได้อย่างไร อย่ามาไล่ตนข้างเดียว ต้องไปบอกทุกพวก ตนถึงบอกว่าไม่มีข้าง และทำแบบนี้มาตลอดไม่เคยเบียดเบียนใคร ยอมรับว่าโดนด่าก็ต้องโดน ถ้าว่าไม่อย่างนี้อย่างนั้น แต่ต้องการให้ประเทศที่ซ้ายกับขวาหยุดให้ได้ แล้วค่อยปรองดองกันไป หารือพูดคุยกัน ตนก็พาประเทศเดินหน้าไปก่อน
"ถ้าเราหยุดที่ตีกันแบบนี้ แก้กันอยู่ตรงนี้ มันไปไม่ได้ประเทศตกต่ำทุกวันจะทำยังไง แล้วบอกว่าเหลื่อมล้ำจะทำอย่างไร แก้ปัญหากันมากมาย จะทำอย่างไร สรุปว่าต้องตีกันก่อนใช่ไหม ถึงจะชนะกันได้ถึงจะเดินหน้าประเทศใช่ไหม ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องหยุดความขัดแย้งให้ได้ และคุยกันปฏิรูปประเทศให้ได้ ประเทศต้องเดิน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการต่างประเทศ การศึกษาทั้งหมด มีหลายอย่างต้องใช้เวลา ผมก็สั่งไปเยอะ เยอะมากสั่งแบบทหารสั่ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
@ ปัดตอบจับตา'ทักษิณ'เคลื่อนไหว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้จับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จับตาดูทุกพวก ทุกคน รวมทั้งสื่อด้วย ส่วนจะจับตาความเคลื่อนไหวอย่างไรนั้นตอบไม่ได้ เป็นเรื่องของความมั่นคง มี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีหน่วยข่าวเยอะแยะไปหมด มีทั้งคลื่นใต้น้ำ บนน้ำก็มี เมื่อถามว่า อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่มี ความคิดอะไรทั้งนั้น ใครผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
@ อารมณ์ดี โชว์เครื่องประดับ
ผู้สื่อข่าวถามถึงเครื่องประดับที่ข้อมือ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เป็นกำไลหางช้างที่ใส่อยู่นานแล้ว ก็เป็นความเชื่อตามคนโบราณเขา คนไทยเรื่องศาสนาก็เชื่อถือกัน หรือไม่เชื่อ ถ้ามีแล้วจะใส่ไหม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมโชว์กำไลให้กับสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ โชว์แหวนทั้ง 4 วง ที่ใส่ด้วยว่า เป็นแหวนที่ใส่เหมือนเดิม คือ แหวนพระ แหวนย่าโม แหวนสมเด็จ แหวนนพเก้า เมื่อตนแต่งเครื่องแบบต้องย้ายแหวนมาใส่มือขวาทำให้ทำความเคารพไม่ได้ ต้องเปลี่ยนข้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้แจงบัญชีทรัพย์สินเครื่องประดับหมดแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "แจงหมดแล้ว ผมเป็นคนเจตนาดี หรือดูหน้าผมจนมากรึไง หรือรวยมาก"
เมื่อถามว่า ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีจะดูอารมณ์ดีกว่าผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมอารมณ์ดีตลอด เพียงแต่บางทีต้องอดทนเหมือนกัน ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นดีกว่า นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลก็เป็นไปได้ที่น่ารักกว่า"
@ อ้อนสื่อเป็นมิตร-รักกันอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าหนึ่งสัปดาห์จะใช้เวลาพักผ่อนวันใดบ้าง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อาจจะไปออกกำลังกายบ้าง เพราะ 4 เดือนที่ผ่านมาไม่เคยหยุดงาน เมื่อถามว่าสื่อไม่ใช่ปรปักษ์กันใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "สื่อถือเป็นมหามิตรของผมอยู่แล้ว รักกันอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีเสียงร่ำลือไม่ชอบหน้าสื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ถามกลับว่า "ใครไปพูด ใครปากเสีย บางเวลาผมก็อาจมีอารมณ์เสียบ้าง เช่น บางเรื่องที่อาจจะซ้ำซ้อนเข้ามาแล้วสื่อไม่เข้าใจ ผมพยายามพูดเยอะๆ แต่ผมเยอะก็เป็นประเด็น"
เมื่อถามว่า จะเดินทางเยือนประเทศพม่าซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ในระหว่างทีมงานดำเนินการเรื่องการเดินทาง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้แต่งตั้ง พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เป็นเลขาธิการนายกฯ และแต่งตั้ง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมครม.ได้แต่งตั้งพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ
@ 'บิ๊กเต่า'ไม่ปลื้มรหัส'จับกัง1'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เดินทางเข้ามาปฏิบัติงานภายหลังร่วมประชุม ครม.โดยเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง และทีมประชาสัมพันธ์ของทุกกรมในสังกัด
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ประชุมเพื่อให้ข้าราชการรับทราบนโยบายการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะเนื่องในโอกาสวันสถาปนากระทรวงแรงงานในวันที่ 23 กันยายน ที่จะครบรอบ 21 ปี ว่า ที่ผ่านมาได้มีการดำเนินงานเพื่อประชาชนไปในด้านใดบ้าง และในปีที่ 22 จะดำเนินการในเรื่องใดต่อไป เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ผ่านมามีการใช้คำเรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานว่า "จับกัง 1" ว่าคิดเห็นอย่างไร พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหา แต่อยากให้เปลี่ยนคำเรียก เพราะจะเป็นการมองผู้ใช้แรงงานว่าเป็นจับกัง อยากให้เปลี่ยนคำเรียกเพื่อให้เกียรติผู้ใช้แรงงานที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
"จะให้ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุมร่วมกันคิดด้วยว่าจะเปลี่ยนใช้คำว่าอะไรดี และฝากให้สื่อมวลชนร่วมกันคิดด้วย" พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว และว่า สำหรับแต่งตั้งปลัดกระทรวงแรงงานแทนนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการ ยังไม่มีการเสนอในที่ประชุม ครม.เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง
@ สุกรีร่ายกลอนปี๊บสามัญสำนึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาระการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 17 กันยายน ได้บรรจุวาระพิเศษกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในเวลาเดียวกันเอาไว้ด้วย ทั้งนี้ นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเอาปี๊บคลุมหัวไปร่วมประชุมอีกครั้ง หลังจากที่เคยทำมาแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายนในการประชุมสภาคณบดี
นอกจากนี้ นายสุกรียังทำโปสเตอร์รวมบทกลอนที่เขียนถึงปรากฏการณ์ "ปี๊บสามัญสำนึก" ออกแจกจ่าย เช่น คณบดีเอาปี๊บคลุมหัว อายไปทั่วทั้งพารา เรียกร้องให้กลับมาทำงานเต็มเวลาที่มหาวิทยาลัย หรือรู้ตัวเสียด้วยไม่สวยหรู จะนั่งอยู่สองเก้าอี้มีที่ไหน ไม่สง่างามน่ารังเกียจน่าเกลียดไป ระวังเก้าอี้ไถลลื่นลงคลอง เป็นต้น
@ หวัง'รัชตะ'มีจิตสำนึก
นายสุกรี เปิดเผยว่า การประชุมสภา มม. วันที่ 17 กันยายน จะเอาปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมประชุมสภา มม.เพื่อเรียกร้องให้ นพ.รัชตะลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี และไปทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ สธ.ให้เต็มที่ จะเดินจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เวลา 12.30 น.เพื่อไปเข้าร่วมประชุมสภา มม.ที่อาคารสำนักงานอธิการบดี ในเวลา 13.00 น.
"หลังจากผมเอาปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมประชุมคณบดีเมื่อวันที่ 10 กันยายน ไม่ได้พูดคุยกับใคร และไม่มีใครมาพูดอะไรกับผม คงเพราะไม่มีใครอยากคุยด้วย ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเสนียดของมหาวิทยาลัย แต่ยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องให้ นพ.รัชตะลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้คนดี มีความสามารถเข้ามาบริหาร มม. และหวังว่า นพ.รัชตะจะมีจิตสำนึก" นายสุกรีกล่าว
@ 'ภุชงค์'เผยเคาะสปช.50 ชื่อแล้ว
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปผลการประชุมของคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 11 ด้าน และคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัด 77 จังหวัดว่า ได้รับรายงานว่าขณะนี้มีคณะกรรมการสรรหา สปช. 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านอื่นๆ สื่อสารมวลชน พลังงาน และบริหารราชการแผ่นดิน สามารถพิจารณาคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช.ได้แล้ว 50 คน รวมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติและรายละเอียดต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งด้านดังกล่าวจะไม่มีการนัดประชุมร่วมกันอีกแล้ว
"ที่เหลืออีก 7 ด้าน ก็จะประชุมในวันที่ 17 กันยายน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 4 รอ.) ประกอบด้วย ด้านการเมือง ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และการปกครองท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าใน 7 ด้านจะประชุมอีก 1-2 ครั้งจะแล้วเสร็จและน่าจะเรียบร้อยได้ภายในวันที่ 19 กันยายน ก่อนที่นำรายชื่อทั้งหมดเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาคัดเลือกในขั้นตอนสุดท้ายต่อไป" นายภุชงค์กล่าว
@ เผย 22 จว.ได้ผู้เหมาะสมแล้ว
นายภุชงค์ กล่าวว่า การสรรหาของคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ส่วนใหญ่ได้เริ่มการสรรหาไปเมื่อวันที่ 15 กันยายน มีจำนวน 22 จังหวัด ที่สามารถคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็น สปช.จังหวัดละ 5 คนได้เรียบร้อยแล้ว และในวันเดียวกันนี้ก็จะประชุมของคณะกรรมการสรรหาในอีก 29 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือก็จะนัดประชุมอีกครั้งแต่ยังไม่มีการกำหนดวันชัดเจน เนื่องจากเดิมกำหนดนัดประชุมไว้วันที่ 17 กันยายน แต่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการสรรหาทั้ง 77 จังหวัดมาประชุม จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมคณะกรรมการสรรหาของจังหวัดดังกล่าวออกไปก่อน "ทั้งนี้ ในส่วนของคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดน่าจะได้รายชื่อจังหวัดละ 5 รายชื่อครบภายในวันที่ 22 กันยายน ทางผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดจะนำบัญชีรายชื่อผู้เหมาะสมเป็น สปช.ของแต่ละจังหวัดมายื่นต่อสำนักงาน กกต.ด้วยตนเอง จากนั้น กกต.จะทยอยส่งรายชื่อของแต่ละจังหวัดที่แล้วเสร็จต่อ คสช." นายภุชงค์กล่าว และว่า ผลการสรรหาในทั้ง 2 ส่วนก็คงจะเสนอให้ คสช.ทันตามกำหนดเวลาที่วางไว้คือวันที่ 23 กันยายน
@ คัดสปช.การเมืองเสร็จ 22 กย.
พล.อ.ประวิตรในฐานะประธานกรรมการสรรหา สปช.ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าในการเลือก สปช.ด้านการเมือง ว่า ไม่ได้เป็นผู้พิจารณาเพียงเดียว จะเลือกมาก่อนฝ่ายละ 50 คน จากนั้นส่งให้ คสช.พิจารณา ที่จะมีคณะกรรมการคัดเลือกทุกฝ่ายให้เหลือ 173 คน สำหรับคณะกรรมการสรรหา สปช. ฝ่ายการเมืองจะประชุมร่วมกันในวันที่ 17 กันยายนเพื่อคัดเลือก คงไม่ต้องเร่งรัด เพราะมีเวลาถึงวันที่ 22 กันยายน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นทำได้ทันตามกำหนด
@ 'บรรยงค์'ซัดแทงกั๊กส่งชื่อสปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง กรรมการควบคุมจริยธรรม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านอื่นๆ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Banyong Suwanpong" โดยมีเนื้อหาว่า "ข้อผิดพลาดของการส่งบุคคลสมัคร สปช. มีบางประเด็นสำคัญสะท้อนสิ่งที่เป็นอยู่ของคนไทย (บางคน) จากการสรรหา สปช. ดังนี้ 1.มีการส่งชื่อบุคคลมากกว่ากำหนดที่ให้ส่งได้ไม่เกิน 2 ชื่อ ซึ่งนิติบุคคลบางแห่งเสนอถึง 8 ชื่อ ถ้านิติบุคคลนั้นมีรายชื่อบุคคลที่น่าจะได้รับการพิจารณาก็จะเสียโอกาสนั้นไป เพราะจะไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากนิติบุคคลผู้ส่งกระทำผิดกฎหมาย (มาตรา 10 พ.ร.ฎ.สรรหา สปช.) ตั้งแต่ต้น
2.มีบุคคลที่ยินยอม ยินดี หรือขอให้นิติบุคคลเสนอชื่อตนเองเกิน 1 ด้าน หรือ 1 ฉบับ หรือ 1 ที่มา เป็นทำนองว่า ถ้าไม่ได้จากการส่งโดยจังหวัด อาจได้จากการสรรหาด้านต่างๆ หรือถ้าไม่ได้จากด้านหนึ่ง อาจได้จากอีกด้านหนึ่ง เป็นต้น เช่นนี้ก็จะไม่ได้รับการพิจารณาอีกเช่นกัน (มาตรา 12 พ.ร.ฎ.สรรหา สปช.) ทั้งนี้ หน้าที่ของ สปช.คือการเข้าไปปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความซื่อสัตย์สุจริตและวินัยของคนในชาติ แล้วทำไมเราชาวไทยบางคนจึงยังเริ่มต้นกันในแบบนี้อีก" นายบรรยงค์ระบุ
@ เปิดตัวเต็งสปช.โคราช
พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ ประธาน กกต.จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการสรรหาสมาชิก สปช.จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า จะดำเนินการสรรหา สปช.จังหวัดจำนวนทั้งสิ้น 42 คน ซึ่งกระบวนการสรรหา สปช.ต้องปกปิดเป็นความลับสุดยอด เพื่อป้องปรามการวิ่งเต้น โดยจะโหวตทางลับให้เหลือ 5 คน เสนอให้ คสช.คัดเลือก
รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลผู้มีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะได้รับการสรรหาให้เป็น 1 ใน 5 สปช.จ.นครราชสีมา อาทิ พล.ท.ชวลิต ชุนประสาน แม่ทัพน้อยที่ 2 พล.ต.ไชยพร รัตแพทย์ รองแม่ทัพน้อยที่ 2 นายพิพัฒน์ อุบลแก้ว อดีต กกต.จังหวัดนครราชสีมา นายสุเมธ ศรีพงษ์ อดีต ส.ว.นครราชสีมา นายสันทนา ธรรมสาโรจน์
นักพัฒนาองค์กรเอกชน อดีตแกนนำ กปปส.โคราช นายวิทยา เอมราช ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายของ ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ.นครราชสีมา และนายสงวน คำพวง อดีตปลัด อบจ.บุรีรัมย์
@ 'สุรชัย'พร้อมสอบ'ไมค์'แพง
ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 กล่าวถึงการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างไมค์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ต้องรอให้ร่างข้อบังคับ สนช.ประกาศใช้ก่อน เพื่อให้มีการตั้ง กมธ.สามัญประจำสภาแล้ว กมธ.ที่เกี่ยวข้องก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้มาร้องเรียนแต่อย่างใด
@ ตั้งกมธ.16 คณะปลายก.ย.
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภานิติบัญญัติแห่งชาติว่า คงต้องรอให้ที่ประชุม สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างข้อบังคับการประชุม สนช. ในวาระที่ 2 และ 3 ก่อน จึงจะจัดตั้งคณะ กมธ.ได้ เบื้องต้นจะมีคณะ กมธ. 16 คณะ ซึ่งตั้งตามแนวทางการปฏิรูปของรัฐบาล 11 ด้าน คาดว่า ประมาณปลายเดือนกันยายน จะตั้งคณะ กมธ.เข้ามาทำงานได้มั่นใจว่าการทำงานของคณะ กมธ.ในยุค สนช.จะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ มากกว่ายุครัฐบาลที่ผ่านมาที่ในการตรวจสอบการทำงานของ กมธ. มักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว