- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 16 September 2014 17:22
- Hits: 8504
16 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8693 ข่าวสดรายวัน
เด้งอธิบดีที่ดิน ตั้ง 25 ผวจ. ตร.สงอัยการฟ้อง 5 ชายชุดดำ ยอมรับ-ไม่เกี่ยวฆ่า'ร่มเกล้า'สุกรีคลุมปี๊บอีก-รัชตะปัดตอบ
เข้ามท. - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุธี มากบุญ รมช.มท. สักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมีคณะ ผู้บริหารกระทรวงคอยต้อนรับในวันเข้าทำงานที่กระทรวงครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 ก.ย. |
'บิ๊กตู่'เข้าทำเนียบแล้ว ด้านรมต.ทยอยเข้ากระทรวงถ้วนหน้า มหาด ไทยส่งบัญชีย้าย 25 ผู้ว่าฯเข้าครม.วันนี้ หึ่งเด้งอธิบดีกรมที่ดินเข้ากรุ'บิ๊กต๊อก'รอถก'วิษณุ'ถึงการคงอยู่ของดีเอสไอ รมว.อู๋ตั้งวอร์รูมลุยค้ามนุษย์ อจ.สุกรีลั่นคลุมปี๊บอีก บก.ป.สรุปสำนวน 5 ชายชุดดำแล้ว เผยเป็นคดีใช้อาวุธไม่เกี่ยว'ร่มเกล้า'มท.ประกาศรายชื่อส.ก.สรรหาทั้ง 30 คนแล้ว
บิ๊กตู่ถือฤกษ์ '9.09' เข้าทำเนียบ
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผบ.ทบ. เดินทางออกจากบ้านพักที่ ร.1 พัน 1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต มายังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ตามปกติ จากนั้นเวลา 09.09 น. พล.อ.ประยุทธ์เข้าปฏิบัติหน้าที่ยังทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยใช้รถประจำตำแหน่งผบ.ทบ. เป็นรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ศท 1251 ซึ่งถือว่าเข้ามานั่งทำงานอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบ หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์แต่งกายด้วยสูทสีเทา ลงจากรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนทักทาย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมกับนางเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ และข้าราชการทำเนียบที่มาต้อนรับที่หน้าตึกสันติไมตรี โดยมี พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เดินทางมาด้วย ทั้งนี้นายกฯ กล่าวขอบคุณผู้บริหารฝ่ายข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ที่มาต้อนรับ พร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำงานด้วยเจตนาที่ดี เพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง โดยตนจะตั้งใจทำงานในฐานะนายกฯ ให้ดีที่สุด เพื่อบ้านเมือง จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้สักการะพระพุทธรูปในห้องทำงาน
นัดมอบนโยบายขรก. 17 กย.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 17 ก.ย. เวลา 13.30 น. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานประชุมชี้แจงและมอบนโยบายรัฐบาลให้ผู้หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ และผบ.เหล่าทัพ ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นมอบให้รองนายกฯ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และผอ.สำนักงบประมาณ ชี้แจงรายละเอียดนโยบายในแต่ละด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม ทั้งนี้ ในช่วงเช้าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จัดประชุมชี้แจงข้อพึงปฏิบัติของรัฐมนตรี และข้าราชการการเมือง โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้บรรยายสรุป ขณะที่การชี้แจงเรื่องการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน มีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามต่างๆ แก่รัฐมนตรี
ยังไม่ใช้ห้องประชุมไมค์แพง
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า การประชุมครม.ในวันที่ 16 ก.ย. นี้ ยังคงใช้สถานที่ตึกสันติไมตรี เนื่องจากห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 แม้จะมีความพร้อม แต่ยังไม่มีการส่งมอบงานปรับปรุงซ่อมแซมอย่างเป็นทางการ อีกทั้งปัญหาเรื่องการจัดซื้อไมโครโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในขั้นตอนสอบสวนของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การแต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ นั้น อาจตั้งเพียง 2 คน คือ พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด และ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โดยพล.ต.สรรเสริญ และร.อ.นพ. ยงยุทธ เข้ามาดูห้องทำงาน บริเวณชั้น 2 ตึกบัญชาการ 1 ทั้งนี้ คาดว่าในการประชุมครม.วันที่ 16 ก.ย. จะพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ของฝ่ายการเมือง อาทิแต่งตั้งพล.อ.วิลาศเป็นเลขาธิการนายกฯ และตำแหน่งโฆษกรัฐบาล
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่ได้ลงนามในคำสั่งแบ่งงาน คาดว่าวันที่ 16 ก.ย. คงทราบเพราะมีการประชุมครม. แต่ที่ได้รับมอบหมายขณะนี้คือเป็นผู้ประสานงานสนช. ส่วนการตั้งผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ นั้น จะพิจารณาจากรองผอ.สำนักข่าวกรองฯ ให้ขึ้นมาแทน
'หม่อมอุ๋ย'ส่งชื่อทีมงาน
ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ สักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นสักการะศาลพระภูมิ ศาล ตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบ โดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เผยว่า อธิษฐานขอให้คิดดีและทำดีเป็นประโยชน์ต่อประเทศ แต่หากตนคิดทำอะไรที่ผิดพลาด ขอให้ท่านช่วยเตือนสติและดลใจให้ทำแต่สิ่งดี
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เตรียมตั้งนายคณิสสร นาวานุเคราะห์ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มาเป็นรองเลขาธิการ นายกฯ หรือเลขาฯรองนายกฯ นายอำนวย ปะติเส อดีตรมช.คลัง เป็นที่ปรึกษา และนายไมตรี ศรีนราวัฒน์ อดีตรองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ช่วยรองนายกฯ ตนส่งรายชื่อทั้งหมดไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)แล้ว เพื่อเสนอที่ประชุมครม.เห็นชอบในวันที่ 16 ก.ย.นี้
จ่อเด้งอธิบดีกรมที่ดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม. วันที่ 16 ก.ย. นี้ กระทรวงมหาดไทยจะเสนอบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับบริหารสูง แบ่งเป็น 2 ส่วน 1.การนำเสนอบัญชีแต่งตั้งตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทยก่อนหน้านี้ ในตำแหน่งรักษาการรองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ผู้ตรวจราชการ และผู้ว่าฯ รวม 4 คำสั่ง จำนวน 25 ราย เพื่อให้ครม. มีมติเห็นชอบและนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม และ 2.บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายในตำแหน่งรองปลัดกระทรวง และผู้ว่าฯ ที่จะเกษียณ อายุราชการ รวมถึงการโยกสลับในระนาบเดียวกัน อาทิ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าฯ นครศรีธรรม ราช เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายเดชรัตน์ ผู้ว่าฯ ยะลา เป็นผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ สุโขทัย เป็นผู้ว่าฯ พิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าฯ พิษณุโลก เป็น ผู้ว่าฯ นครสวรรค์
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าฯ ราชบุรี เป็น ผู้ว่าฯ ภูเก็ต นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าฯ สิงห์บุรี เป็น ผู้ว่าฯ ราชบุรี นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าฯ แพร่ เป็น ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม เป็น ผู้ตรวจราชการ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าฯ เพชรบรูณ์ เป็น ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าฯ อุทัยธานี เป็น ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี นายสกลกฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ว่าฯ มุกดาหาร เป็นผู้ว่าฯ อุดรธานี
ไพบูลย์เล็งรื้อดีเอสไอ
ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เข้าทำงานในกระทรวงเป็นวันแรก และประชุมมอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการ โดยพล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เร่งรัดอธิบดีขับเคลื่อนงานเร่งด่วนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะงานช่วยเหลือคนยากจนและขาดโอกาสในการเข้าถึงความยุติธรรม และได้กำชับทุกกรมให้รวบรวมกฎหมายที่ล้าสมัยทั้งแพ่งและอาญา เพื่อเร่งแก้ไขให้เป็นธรรมแก่ประชาชน ส่วนกรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ ให้วางระบบการดูแลผู้ต้องขัง ควบคุมให้กลับเป็นคนดีได้จริง รวมถึงการสร้างระบบบังคับบำบัดผู้ติดยาเสพติดให้มีประสิทธิภาพ
"ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผมย้ำชัดเจนให้ดูกฎหมายให้ชัดว่าอะไรคือคดีพิเศษ เพื่อให้มีหลักในการทำงาน หากไม่มีหลักจะทำงานไม่ตรงกับหน้าที่ ประชาชน จะเสื่อมศรัทธาต่อองค์กร อะไรที่ถูกต้องทำต่อไปได้เลย หลังจากนี้จะหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งกำกับผมอีกชั้นหนึ่ง ถึงการคงอยู่ของดีเอสไอ" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
บิ๊กป้อมเข้ากลาโหม
ที่ศาลาว่าการกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหมเป็นวันแรก โดยใช้ฤกษ์ 06.19 น. โดยเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง จากนั้นเวลา 07.20 น. รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้รับการเคารพจากการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ 1 กองพัน ที่ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนเข้าฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของกระทรวง ที่ห้องภาณุรังษี
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ใน 1-2 วันจะเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐทั้งหมดมาพูดคุยกันว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้ไปทางไหน พร้อมทั้งบูรณาการให้การทำงานคล่องแคล่ว รวดเร็ว และเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เห็นผล อาจมีการประเมินผลงาน 2-3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งต้องให้เห็นภาพชัดเจนว่าประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น จะดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยเพื่อลดปัญหาอาชญากรรมการดูแลนักท่องเที่ยว
อนุพงษ์ มอบนโยบายมหาดไทย
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก โดยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง จากนั้นประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวง โดยนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต้อนรับและบรรยายสรุปภารกิจ
โดยพล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังคือความโปร่งใส ซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่และแผนงาน ยืนยันว่าการเข้ามาทำงานไม่มีวาระอื่น ไม่มีเรื่องการเมืองที่จะต้องอยู่ต่อ แต่เข้ามาเพื่อปฏิรูปประเทศตามโรดแม็ปของ คสช. เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็ไปสู่การเลือกตั้งตามปกติ เราจึงต้องแก้ปัญหาที่ค้างอยู่ให้ลุล่วงในทางที่ดี ไม่ให้เกิดการทุจริตหรือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ใครทำผิดหรือถูกขอให้ว่ากันตามกฎหมาย จะไม่มีการลูบหน้า ปะจมูก
18 ก.ย.นัดคุยผู้ว่าฯทั่วปท.
พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 18 ก.ย.จะประชุมผู้บริหารและผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพื่อพูดคุยนโยบายการทำงานให้สอดคล้องกัน กำชับให้ปฏิบัติ การกำกับดูแลและประเมินผลต้องมีบ่อยขึ้นเพื่อความกระชับ ทั้งนี้ ขอฝากเรื่องศูนย์ดำรงธรรม ให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง สิ่งที่สำคัญคือทำให้ประชาชนมีความสุข สร้างความเป็นธรรม ไม่ให้แบ่งสี เป็นก๊กเป็นเหล่า มหาดไทยต้องเป็นจุดเริ่มต้น โดยใช้กลไกของผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และอปท. สร้างความเข้าใจกับประชาชน ทั้งนี้ จะทำรายละเอียดให้คนเข้าใจว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบเพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาไปได้ต้องมีความปรองดอง เน้นเรื่องการสร้างความเข้าใจ
เมื่อถามถึงการแบ่งงานกับ รมช.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ได้คุยกันในขั้นต้น หากเรื่องใดเป็นวาระสำคัญจะมาหารือร่วมกันทั้งหมด ตนต้องดูคนส่วนใหญ่ของประเทศน่าจะทำงานด้านกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมการพัฒนาชุมชน การประปาส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านการปกครองท้องถิ่น กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหา สปช.ว่า วันนี้พบกันเป็นวันที่ 2 คงได้รายชื่อของแต่ละส่วน ในส่วนท้องถิ่นมีเข้ามา 400 กว่าคน เราต้องทำให้เหลือ 50 คนซึ่งเราพยายามคัดออกมาเป็นส่วนๆ วันนี้น่าจะจบในขั้น 50 คน และวันที่ 17-18 ก.ย.นี้น่าจะส่งรายชื่อให้กับ คสช.ได้
รมว.อู๋ตั้งวอร์รูมลุยค้ามนุษย์
ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงว่า ขณะนี้มีนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำ คือเรื่องการอุ้มบุญ และการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ จะต้องบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวง ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ เพื่อเตรียมความพร้อมของประชากรสู่ประชาคมอาเซียน ส่วนการปรับโครงสร้างของกระทรวงนั้นจะพิจารณาปรับปรุงให้ขับเคลื่อนตามนโยบายของนายกฯ สิ่งสำคัญคือจะต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส รวมถึงการบูรณาการหน่วยงานทั้งภายในกระทรวง และกระทรวงอื่นๆ
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์นั้นจะใช้มาตรา 15 ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยเตรียมตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (วอร์รูม) ที่กระทรวง เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานทุกวัน คาดว่าจะใช้เวลา 3-6 เดือนจึงจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนการสร้างภาพยนตร์ Lost in Bangkok นั้น ต้องรอหารือร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมก่อน
บิ๊กตู่ ฟังยุทธศาสตร์ชาติจากวปอ.
ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ร่วมรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2558-2562 ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.)รุ่นปี 2556 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะผบ.สส.และ ผบ.เหล่าทัพ ผบ.วิทยาลัยเสนาธิการทหาร ผบ.วิทยาลัยการทัพบก ผบ.วิทยาลัยการทัพเรือ ผบ.วิทยาลัยการทัพอากาศ พร้อมทั้ง ผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ข้าราชทหาร ตำรวจ เข้าร่วม มีพล.ท.พินิจ ฉัตรเสถียรพงศ์ ประธานนักศึกษาวปอ. 2556 ต้อนรับ
สำหรับ ยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะนักศึกษาวปอ. ปี 2556 จัดทำตามโครงสร้างการจัดทำยุทธ์ศาสตร์ของวปอ. ให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง มีเกียรติและศักดิ์ศรีในโลก ซึ่งเป็นเป้าหมาย 5 ปี คือการปฏิรูปการเมือง มีระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และกำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ มาตรการเฉพาะ รวมทั้งแผนงานโครงการต่างๆ เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2558-2562 ไปสู่การปฏิบัติ มีจุดยืนเชิงยุทธศาสตร์มุ่งสู่การปฏิรูปประเทศ สร้างความผาสุกให้คนในชาติ
ชูศีล 5 วางข้อบังคับแก้โกง
สำหรับ การฏิรูปการเมือง คณะนักศึกษา วปอ. เสนอ 2 เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนคือ 1.การต้านทุจริตคอร์รัปชั่น ต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม บังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปราบการทุจริตอย่างเคร่งครัด ออกกฎหมายควบคุมการวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่รัฐและนำวิธีการลงโทษทางสังคม การสร้างธรรมา ภิบาลให้เกิดขึ้นกับนักการเมือง และข้าราชการประจำ กำหนดข้อปฏิบัติเหมือนศีล 5 และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม และประสานความร่วมมือกับนานาชาติ เข้าถึงข้อมูลและสร้างกลไก การยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการทุจริต
2.การเข้าสู่อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งตัวแทนปวงชน และบุคคลในครม. คือคนดีจริง เก่งจริง สภาพี่เลี้ยงในลักษณะสนช. ต้องอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าการเลือกตั้งจะได้นักการเมืองที่เป็นคนดีจริง เก่งจริง การที่มีช่องทางพิเศษให้ข้าราชการขอโอนย้ายเป็นข้าราชการทาง การเมือง เพื่อเพิ่มทางเลือกบุคคลที่จะเข้ามาทำงานการเมืองไม่ให้จำกัดอยู่เฉพาะนักการเมืองอาชีพ พร้อมสร้างคนรุ่นใหม่หรือต้นกล้าการเมืองไทยเป็นตัวกระตุ้นความเปลี่ยนแปลง เฝ้าระวังการเมืองสีเทา ด้วยองค์กรภาคประชาชนที่เข้มแข็ง
เชื่อแก้ได้ถึงรากเหง้าปัญหา
ทั้งนี้ นักศึกษา วปอ. เสนอแนวทางการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เกิดมาจากระบบที่ไม่เป็นธรรม กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ 1.การส่งเสริมผลักดัน กิจกรรมเพื่อสังคม 2.การสร้างทัศนคติและการเรียนรู้เรื่องกิจการสังคม 3.การพัฒนาขีดความสามารถของกิจการเพื่อสังคม และ4.การสร้างกลไกสนับสนุนกิจการเพื่อสังคม โดยจัดตั้งหน่วยงานระดับกรมหรือองค์กรอิสระเพื่อรับผิดชอบการจัดตั้งกองทุนคงยอดเงินต้น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านงบประมาณ พร้อมออกกฎหมายจัดตั้งจดทะเบียนบริษัทหรือหน่วยงานที่เป็นกิจสังคมได้ การจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อสนับสนุนกิจการสังคม การสร้างระบบประเมินผลและรองรับมาตรฐานของกิจการสังคม รวมถึงประชาสัมพันธ์กิจการสังคม พร้อมเครือข่ายการเรียนรู้
ส่วนการปฏิรูปการศึกษา นักศึกษา วปอ.เสนอโครงการการปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต เน้นการแก้ปัญหาการศึกษาทุกด้าน มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาร่วมกัน จัดทำโครงสร้างปฏิรูปการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ และระดมทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม โดยขับเคลื่อนปฏิรูป 10 ด้าน คือการปฏิรูปกระบวนการผลิตและพัฒนาครู การปฏิรูประบบการเรียนการสอน ปฏิรูปองค์ความรู้ ปฏิรูปการวัดและประเมินผลการศึกษาทุกระดับ ปฏิรูปสถานการศึกษา ปฏิรูปการบริหารการศึกษา ปฏิรูปการศึกษาด้านอาชีพ การปฏิรูปการศึกษาเพื่อความมั่นคง การปฏิรูปการศึกษาตลอดชีวิตและปฏิรูปองค์กรด้านการศึกษา โดยให้ตระหนักรู้ว่า การศึกษาสร้างคน คนสร้างชาติ ทั้งนี้ นักศึกษา วปอ.2556 เห็นว่าหากนำยุทศาสตร์ชาติปี 2558-2562 ไปสู่การปฏิบัติจะช่วยแก้ปัญหาที่เป็นรากเหง้าสำคัญที่ประเทศไทยเผชิญมาตลอด
บิ๊กตู่ห่วงภัย'ไซเบอร์'
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่า จากที่รับฟัง ตนมีความสุขที่เรามีแนวร่วมในการทำงาน อยากเรียนว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ทำงานในทำเนียบรัฐบาลและวันแรกที่ออกงานในฐานะนายกฯ และวันนี้มาครบทั้ง 3 ตำแหน่ง คือนายกฯ หัวหน้า คสช.และผบ.ทบ. ก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน เพราะตอนแรกเป็นผบ.ทบ. วันนี้มาเป็นนายกฯ แต่ปัญหาที่เราเผชิญหน้าอยู่ยังเป็นปัญหาเดิมๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทุกคนทราบดีว่าต้องหยุดปัญหาทั้งหมดให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นักศึกษา วปอ. มาจากหลายอาชีพต้องช่วยกันระดมมันสมองมาช่วยแก้ปัญหาทุกมิติ คิดว่าสามารถแก้ไขได้หมด แต่ต้องปราศจากปัญหาทั้งในและนอกประเทศ เช่นการทุจริต ความขัดแย้งทางการเมือง หรือการกีดกันทางการค้าต่างๆ ซึ่งปัญหาพันกันหมด วันนี้เรามีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่จะทำอย่างไรให้วิกฤตในทุกด้านกลายเป็นโอกาสให้ได้ ถือเป็นความท้าทายของทุกคน ทั้งรัฐบาล เอกชน ภาคธุรกิจ ฝ่ายความมั่นคง คสช. ต้องร่วมกันแก้ปัญหาให้ได้ โดยเฉพาะภัยคุกคามด้านไซเบอร์มีมาก มีการใช้โซเชี่ยลมีเดียไปสร้างความขัดแย้ง จึงจำเป็นต้องควบคุมด้วยวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งจะใช้กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้
บ่นม็อบสวนยางตั้งขบวนอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ม็อบชาวสวนยางเตรียมตั้งขบวนกันอีกแล้ว ซึ่งไม่รู้จะมาทำไมเพราะเรากำลังแก้ไขปัญหาทั้งระบบ อยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ประชาชนจะใจเย็นพอหรือไม่ วันนี้มาขอราคายางกิโลกรัมละ 90-100 บาท ตนถามว่าขายได้เท่าไร ก็ขายได้เพียง 60-70 บาทเท่านั้น และจะให้ไปขายให้ใครในโลกนี้ ยางก็ไปกองรวมกันอยู่ในคลัง วันนี้เราใช้วิธีลดต้นทุนการผลิตก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะประชาชนเดือดร้อน และผู้ที่มาร้องเรียนทั้งหมดไม่ใช่คนจน แต่เป็นผู้ที่อยู่ตรงกลาง ดังนั้นอยากให้คนที่เป็นเศรษฐีดูแลคนจนบ้างด้วยการช่วยอุดหนุน
"วันนี้เราต้องพัฒนาคน ถ้าคนในประเทศยังเป็นแบบที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความผิดของเรา ทำไมเขาถึงปลุกระดมได้อย่างนั้น เราต้องทำให้เขาคิดแบบเราให้ได้ สร้างความเข้าใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบหรือดูถูก เพราะเราคือคนไทยทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่นไม่ได้แย่งอำนาจใครมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาผู้มีอิทธิพลและผลประโยชน์ทางการเมือง มีการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาก แม้เราได้คืนกลับมาแต่ก็เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อเห็นน้ำตาชาวบ้าน เพราะพวกเขาถูกหลอก สุดท้ายทหารกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องไปยึดคืนเพราะเป็นการบุกรุก ซึ่งตนได้ให้นโยบายแล้วว่าให้หาที่ดินหลวงให้เป็นที่ทำกินแต่ไม่สามารถซื้อขายได้ หรือทำในรูปแบบของสหกรณ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรามีสิ่งที่ดีอยู่หลายอย่างทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์และวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งเราทำงานหนักอยู่ และเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 2 อะไรที่เราทำได้ก็ทำก่อน วางแผนให้ประเทศไทยยั่งยืนภายใน 1 ปี ส่วนใครจะรับต่อก็ทำต่อไป เรามาช่วยกันก่ออิฐประชาธิปไตยที่กำลังยุบลงมาให้แข็งแรง
"ผมไม่ได้แย่งอำนาจใครมา แต่เพราะรัฐบาลเดิมไม่มีอำนาจ เราจึงมาทำแทน ขอให้มั่นใจในรัฐบาลของเราทั้งคสช.และรัฐบาล วันนี้อย่าเพิ่งโทษว่าเป็นความผิดของใครเพราะเราต้องเดินหน้านโยบาย นอกจากจะเป็นรัฐบาลที่มีความจริงใจ จริงจังและยั่งยืนในการแก้ปัญหาแล้ว เราจะทำจริง ทำก่อน ทำทันทีให้เกิดผลสัมฤทธิ์ จับต้องได้ และเกิดความยั่งยืนในอนาคตและยังมี 3 ป. คือ เป็นธรรม โปร่งใส ปรองดอง ไม่ใช่ 3 ป.อย่างที่สื่อ มวลชนเขียนนั้นไม่มี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
คสช.ย้ายที่แถลงข่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า คสช.ได้หารือเบื้องต้นว่า หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสนช. พล.อ.ประยุทธ์เข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว จะย้ายสำนักงานเลขาธิ การ คสช. ส่วนงานฝ่ายต่างๆ รวมถึงสถานที่ประชุมใน บก.ทบ. ไปอยู่ที่บ้านมนังคศิลา ย่านสะพานขาว ทั้งนี้จะลดจำนวนเจ้าหน้าที่ให้เหมาะสมกับงานและสอดคล้องกับแนวทางลดบทบาทของคสช. ตามที่หัวหน้าคสช.ประกาศไว้ ต่อจากนี้จะมีประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ยังไม่กำหนดว่าเป็นวันใด และคสช.จะประชุมร่วมกับรัฐบาลเดือนละครั้ง เพื่อให้การทำงานของ 2 ส่วนสอดประสานกัน ส่วนที่ไม่ใช้บ้านพิษณุโลกนั้น เพราะคสช. ไม่ใช่ส่วนงานของรัฐบาล และขณะนี้บ้านพิษณุโลกอยู่ระหว่างการปรับปรุงด้วย
อจ.สุกรีปี๊บคลุมหัวเดินอีก
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยมหิดลว่า ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 17 ก.ย.นี้ นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) จะใช้ปี๊บคลุมหัวเข้าร่วมประชุมเพื่อแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยและรู้สึกอับอายที่ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข โดยไม่ลาออกจากอธิการบดี ซึ่งก่อนหน้านี้ในการประชุมคณบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา นายสุกรีได้ใช้ปี๊บคลุมหัวเดินจากวิทยาลัยดุริยงคศิลป์ ไปร่วมประชุมที่ตึก อธิการบดีมม.
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้จะมีกลุ่มอาจารย์จากสถาบันต่างๆ มาร่วมคัดค้านด้วย โดยในที่ประชุม มีวาระสำคัญคือการปรึกษาหารือกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ซึ่งตัวแทนกรรมการสภามหาวิทยาลัย 5 คนที่มาจากการเลือกตั้งจากอาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยยื่นหนังสือเสนอนายกสภามหาวิทยาลัย ให้หารือถึงเรื่องดังกล่าว
อจ.สงสัยเก้าอี้รมว.ทับซ้อนศธ.
นายเอกพันธุ์ ปิณฑวณิช อาจารย์ประจำศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มม. หนึ่งในอาจารย์ที่ร่วมลงชื่อยื่นหนังสือคัดค้านการควบ 2 ตำแหน่งของอธิการบดีมม. ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นที่ต้องการเสนอ นพ.รัชตะ ก็เสนอไปหมดแล้ว เมื่ออธิการบดีมม. ชี้แจงแล้วว่าจะไม่ทำในสิ่งที่เป็นข้อกังวลตามที่เสนอจึงไม่ทราบว่าจะพูดอะไรอีกต่อไป อย่างไรก็ดี ตำแหน่งอธิการบดีหรือผู้บริหารต่างๆ ถือเป็นตำแหน่งที่ต้องบริหารงานเต็มเวลา เมื่อสร้างบรรทัด ฐานใหม่ขึ้นมา จึงหมายความว่าในอนาคต มหาวิทยาลัยก็มีอธิการบดีที่ไม่ต้องทำงานเต็มเวลาได้ด้วยใช่หรือไม่
"ผมมองว่า การตัดสินใจใดๆ ที่สร้างให้เกิดกรณีพิเศษขึ้นมา จะกลายเป็นข้อยกเว้น ต่อไปในอนาคตใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็นตรรกะเกี่ยวกับการบริหารงาน เนื่องจากอธิการบดีทำงานภายใต้การกำกับดูแลของรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ฉะนั้นเมื่อไปรับตำแหน่งรมว.สธ. เท่ากับรมว.สธ. ต้องเป็นลูกน้องของรมว.ศธ.ด้วยหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ผมยังงงอยู่ว่าสุดท้ายแล้วจะสั่งงานกันอย่างไร เพราะมันอาจเกิดความลักลั่นขึ้นได้ เช่น รมว.สธ.ต้องเชื่อฟังคำสั่งรมว.ศธ.ในบางเรื่อง"นายเอกพันธุ์ กล่าว
จวกไม่เคารพกฎหมาย
นายเอกพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของอธิการบดีโดยตรง เพราะเป็นเรื่องที่ผู้รับผิดชอบโดยตรงอย่างสภามม.ต้องนำประเด็นเหล่านี้ไปพิจารณาอย่างจริงจังว่าอำนาจหน้าที่ของอธิการบดีมม. ยังมีอยู่หรือไม่ ถึงรัฐธรรมนูญจะไม่ได้ระบุ ข้อห้ามไว้ แต่ในพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2550 มาตรา 33 บัญญัติว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบกับข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดลว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี พ.ศ.2553 ข้อ 5 (2) ระบุไว้ชัดอีกว่า อธิการบดีต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ การจะทำอะไรต้องดูด้วยว่าสิ่งที่ทำได้สร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาหรือไม่ เพราะการรับตำแหน่ง รมว.สธ. เท่ากับพ.ร.บ.มหาวิทยาลัยไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป
นายเอกพันธุ์ กล่าวว่า ต้องไม่ลืมว่าที่ประเทศเรามาถึงจุดนี้ เกิดจากต่างฝ่ายต่างไม่เคารพกฎหมาย เพราะต่างใช้กฎหมายตีความเข้าข้างตัวเอง วันนี้เรากำลังบอกว่าเราจะมาแก้ปัญหาร่วมกัน แต่สุดท้ายเรากลับใช้วิธีเดิมอีกหรือ สมมติถ้าตนเป็นคณบดีคณะหนึ่ง แล้วอยากไปทำงานอื่นเพิ่มเติม หรือไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง อย่างนี้ตนสามารถยกเว้นกฎหมายให้ตัวเองได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็จะกลับมาสู่วังวนความขัดแย้งเดิมที่ว่าทำไมเรื่องนั้นยกเว้นได้ แต่ทำไมเรื่องนี้ยกเว้นไม่ได้ ทั้งที่รัฐมนตรีก็เป็นตำแหน่งทางการเมือง สุดท้ายแล้วคนที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ทำอะไรให้ตัวเองต้องเสียในอนาคตว่าได้ตั้งมาตรฐานผิดๆ ขึ้นมา
รัชตะ ปัดตอบโดนค้านนั่งควบ
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยา ลัยมหิดลในวันที่ 17 ก.ย.ว่า ยังไม่ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยมหิดลจะประชุมวันไหน แต่วันที่ 16 ก.ย. ตนมีประชุมครม.ที่ทำเนียบ เมื่อถามถึงกรณีมีเสียงคัดค้านการควบ 2 ตำแหน่ง นพ.รัชตะ ไม่ตอบ พร้อมเดินหนีขึ้นรถทันที
เคาะแล้ว 50 สปช.ด้านสื่อ
ที่ร.1 พัน. 4 รอ. มีการประชุมคณะกรรมการสรรหาสปช. 11 ด้าน ยกเว้นด้านการเมือง ซึ่งเป็นนัดที่ 2 หลังจากแต่ละด้านมอบให้กรรมการไปดูรายชื่อและคัดเลือกมาคนละ 50 รายชื่อแล้ว ซึ่งที่ประชุมแต่ละด้านนำรายชื่อมาถกเถียงกัน
ต่อมาเวลา 15.00 น. พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิกสนช. ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านสื่อมวลชน เปิดเผยหลังการประชุมว่า ด้านสื่อมวลชนได้เคาะรายชื่อผู้เหมาะสมเป็นสปช.แล้ว 50 คน คงไม่มีการประชุมอีก แต่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อเพราะเป็นความลับ ยืนยันไม่มีบล็อกโหวต ไม่มีฮั้วกับใคร ยุติธรรมที่สุดในโลก ตนไม่ยอมให้ใครมาฮั้วเพราะกรรมการทุกคนทำตามนโยบายของคสช. ยึดหลักโปร่งใส
'สธ.-สังคม'ก็ได้ครบแล้ว
ด้านนพ.เจตน์ ศิรธานนท์ สมาชิกสนช. ในฐานะกรรมการสรรหาสปช.ด้านสาธารณ สุขและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะกรรมการได้คัดเลือกผู้ถูกเสนอชื่อ โดยนำคะแนนมาเทียบ เรียงลำดับผู้ได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่ลำดับ 1-50 ชื่อ แต่ยังไม่เรียบร้อย จึงจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ย.เพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนเสนอคสช.พิจารณา ยืนยันว่ากระบวนการคัดเลือกโปร่งใส เป็นธรรม กรรมการจะรักษาความลับของรายชื่อไม่ให้รั่วไหลก่อนกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสรรหาในด้านต่างๆ ยกเว้นด้านการเมืองกับด้านสังคม พิจารณาคัดเลือกบุคคลได้ 50 คนแล้ว แต่จะรอรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติที่ยังทยอยเข้ามาจนถึงวันที่ 17 ก.ย.เพื่อตรวจดูว่า 50 คนมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ หากไม่มี จะทำบัญชีเสนอต่อคสช. แต่ถ้ามีปัญหาด้านคุณสมบัติ คณะกรรมการจะประชุมเพื่อพิจารณาว่าจำเป็นต้องคัดเลือกบุคคลใหม่มาแทนหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ด้านการเมืองและสังคมจะคัดเลือก 50 คนในวันที่ 17 ก.ย.นี้
พรเพชร ลั่นถกงบฯวันเดียวจบ
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวว่า ปลายเดือนก.ย.นี้ จะส่งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกด้านละ 50 คน ให้คสช. คัดเลือกเหลือ 173 คนกับรายชื่อจากจังหวัด 77 คน รวมไม่เกิน 250 คน ซึ่งขั้นตอนนี้คาดว่า คสช.จะใช้เวลา 10 วัน และคาดว่าจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมได้ในช่วงต้นเดือนต.ค. ยืนยันว่าการสรรหา สปช.ไม่มีการล็อกสเป๊ก
นายพรเพชร กล่าวถึงการประชุม สนช.วันที่ 16 ก.ย. เพื่อพิจารณาวาระร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ในวาระ 2 และ 3 ว่า จะเปิดให้สมาชิกสนช. อภิปรายตามที่สงวนคำแปรญัตติไว้อย่างเต็มที่ เบื้องต้นมีสมาชิกแปรญัตติ 7 คน และคาดว่าจะใช้เวลาประชุม 1 วันน่าเพียงพอ
บก.ป.แถลงคดี 5 ชายชุดดำ
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.2 บก.ป.แถลงถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับชายชุดดำ ซึ่งร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงใส่ทหารและประชาชน ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย ว่า ขณะนี้คณะพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สอบปากคำพยานและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว โดยจะสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการกองคดีอาญา ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
ทั้งนี้ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี หรืออ้วน อายุ 45 ปี, นายปรีชา อยู่เย็น หรือไก่เตี้ย อายุ 24 ปี, นายรณฤทธิ์ สุริชา หรือนะ อายุ 33 ปี, นายชำนาญ ภาคีฉาย หรือเล็ก อายุ 45 ปี และนางปุณิกา ชูศรี หรืออร อายุ 39 ปี ตามหมายจับศาลอาญา อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กำลังคอมมานโด บก.ป.ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังไปแล้ว โดยทั้งหมดถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ
เผยสรุปสำนวนเสร็จแล้ว
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า คดีนี้ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน สามารถติดตามจับกุมได้แล้ว 5 คน โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ พร้อมกับคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีความสอดคล้องตรงกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนายปรีชา หรือไก่เตี้ย ที่มีภาพถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน
รองผบก.ป.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายปรีชา ก็รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุพร้อมกับชี้จุดที่ลงมือก่อเหตุสอดคล้องตรงกันกับคำให้การ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 2 แฟ้มใหญ่ จำนวน 775 แผ่น โดยส่งให้ส่งมอบต่อพนักงานอัยการต่อไป ส่วนข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ครอบครอง และข้อหาพกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
ยันไม่เกี่ยวคดีพล.อ.ร่มเกล้า
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวต่อว่า คดีนี้เป็นคนละส่วนกับคดีการสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม โดยข้อเท็จจริงของคดีนี้ เป็นอีกคดีหนึ่งซึ่งไม่ใช่ในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอยู่ สำหรับของทางดีเอสไอ เป็นคดีการชุมนุมและมีผู้ถึงแก่ความตาย แต่ที่บก.ป.ดำเนินการนั้นเป็นเฉพาะคดีอาวุธสงคราม สำหรับกรณีของผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา อีก 2 ราย ซึ่งร่วมกระทำความผิดและยังหลบหนีอยู่นั้น ได้ส่งชุดสืบสวนประสานการทำงานร่วมกับทหารและทางตำรวจ บช.น. ,บช.ภ.1-9 และ ศชต.ในการสืบสวนติดตามจับกุมแล้ว หากผู้ใดมีเบาะแสของผู้ต้องหาสามารถแจ้งมายัง บก.ป.หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร เพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี
"คดีนี้ขอยืนยันว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ส่วนกรณี เสธ.ไก่ ที่ผู้ต้องหาให้การซัดทอด พาดพิงถึง ทาง บก.ป.ก็จะเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป แต่ในชั้นนี้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ยังคงมีอยู่เพียง 7 คน" รอง ผบก.ป.กล่าว
ถาวรยันมีข้อมูลชายชุดดำรอแฉ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. ตอบโต้หลังเปิดโปง 4 ชายชุดดำที่มาพบเพื่อเปิดเผยความลับผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ว่า ยืนยันว่ามีข้อมูลที่ต้องเก็บไว้เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯและอดีตผอ.ศอฉ.เมื่อถึงเวลาจำเป็น เพราะต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพื่อปกป้องชีวิตของคนที่หลงผิดและสำนึกตัวได้ และไม่ต้องห่วงข้อเท็จจริงเหล่านี้จะเปิดเผยแน่นอนเมื่อจำเป็นต้องใช้ข้อมูลนี้ในศาล
กษ.แก้ยาง-พณ.ไม่แทรกแซงข้าว
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ก.ย. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯ ซึ่งเดินทางเข้าทำงานเป็นวันแรก เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้ ผู้บริหารกระทรวงว่า กรอบทำงานเป็นไปตามโรดแม็ปคือ 1 ปี จะทำงานตามแนวทางรัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเร่งด่วน แบ่งเป็น 4 ประเด็นคือ 1.ยางพารา ซึ่งจะรับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรและสถาบันยาง เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติชุดใหม่ และให้ปลัดกระทรวงตั้งวอร์รูมดูแล รวมถึงยางในสต๊อกต้องจัดการโดยเร็ว
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า 2.ภัยแล้ง ให้เร่งจัดทำแผนการปลูกพืชฤดูแล้งให้เสร็จในสิ้นเดือนก.ย.นี้ 3.การแก้ปัญหาเฉพาะ เช่น เรื่องกุ้ง ต้องพัฒนาการส่งออกให้ก้าวกระโดด และ 4.แก้ปัญหาขาดสภาพคล่องของสหกรณ์ที่มีปัญหา แม้เวลาทำงานเพียงปีเดียว แต่คสช.มุ่งทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
"ขอความร่วมมือข้าราชการอย่าซื้อขายตำแหน่ง อย่าเรียกรับสินบทจากพ่อค้านักธุรกิจ ซึ่งผมรับไม่ได้ หากมีข้อกล่าวหาขึ้น ปลัด อธิบดีต้องรับผิดชอบ ผมรับผิดชอบคณะทำงานของผม ถ้าผิดต้องออกหมด ไม่เอาไว้แน่ เวลาอธิบดีมาประชุม ขออย่าเอาหัวกลวงๆ เข้ามา ข้อมูลต่างๆ ต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อตัดสินใจ" นายปีติพงศ์กล่าว
จากนั้นรมว.เกษตรฯ ยังแนะนำทีมที่ปรึกษา โดยมีพล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย อดีตส.ว.เชียงใหม่ นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อดีตอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย อดีตเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร นายบุญมี จันทรวงศ์ อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
ที่กระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ มอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงในโอกาสเข้ารับตำแหน่งวันแรก โดยเน้นย้ำว่าการทำงานจะบูรณาการเข้าด้วยกัน ช่วยกันคิดและตัดสินใจ เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น ข้าว ดูแลให้มีเสถียรภาพเพื่อไม่ให้กลไกตลาดบิดเบือน จะแทรกแซงเท่าที่จำเป็น ดูแลราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่า 8,000-9,000 บาทต่อตัน จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวให้เห็นผลเป็นรูปธรรมใน 1 ปี ได้แก่ เริ่มระบายสต๊อกข้าวเก่า 15-18 ล้านตัน และในเดือนก.ย.นี้จะเชิญผู้ประกอบการมารับทราบนโยบายดูแลราคาสินค้า อาจขอให้ขยายเวลาการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะสิ้นสุดในเดือนพ.ย.นี้ไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนการส่งออกตั้งเป้าในปี 2558 ไว้ที่ร้อยละ 4 โดยเตรียมแผนผลักดันทั้งในตลาดเดิมและหาตลาดใหม่
มหาดไทยเคาะ 30 ส.ก.สรรหาแล้ว
วันที่ 15 ก.ย. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) สรรหาตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 86 เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว แทนตำแหน่งที่ว่าง ประกอบด้วย ข้าราชการประจำ 11 ราย อดีตข้าราชการ 17 ราย และภาคเอกชน 2 ราย ดังนี้
1.นายกิตติ บุศยพลาการ ผู้ตรวจอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด 2.ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ อดีตปลัดกทม. 3.พล.อ.โกญจนาท จุณณะภาต อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 4.พล.อ.คนินทร วงศาโรจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 5.นาย คำรณ โกมลศุภกิจ อดีตผวจ.เชียงราย 6.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 7.นายชยาวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีภาษีอากร สำนักงานอัยการสูงสุด 8.นายเชนทร์ วิพัฒน์บวรวงศ์ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 9.พล.ต.โชติภณ จันทร์อยู่ ฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา 10.น.ส.ดวงพร รุจิเรข อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช.
11.นายธวัชชัย ฟักอังกูร อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 12.พล.ต.ท.ธีรศักดิ์ ง่วนบรรจง อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 13.นายอภิรัตน์ ศิวพรพิทักษ์ อดีตผู้ตรวจราชการ กทม. 14.นายนิรันดร์ ประดิษฐกุล อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. 15.พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการกองปราบปราม 16.นายพรชัย เทพปัญญา ประธานสถาบันปัญญาไทย สภาพัฒนาการเมือง 17.นายพรเทพ ศิรวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย 18.พล.ต.ท.พลบูรณ์ ชำนาญกูล อดีตผู้บังคับการอำนวยการ ตชด. 19.นายไพฑูรย์ ขัมภรัตน์ อัยการพิเศษ ฝ่ายพัฒนากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด 20.น.ส.เฟื่องฟ้า เทียนประสิทธิ์ อดีตผู้ตรวจเงินแผ่นดิน
21.นายภาส ภาสสัทธา อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. 22.นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ อดีตรองปลัด กทม. 23.ร.ท.วารินทร์ เดชเจริญ อดีตผู้ตรวจราชการ 10 กทม. 24.นายวิชาญ ธรรมสุจริต รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง 25.นายสงขลา วิชัยขัทคะ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 26.นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการบังคับคดี 27.นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ อดีตรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 28.นายสุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ อดีตรองปลัด กทม. 29.พล.ต.สุทธิชัย วงศ์บุบผา อดีตผู้บัญชาการศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก และ 30.นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กรรมการร่างกฎหมายประจำสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
รายงานข่าวจากกทม.แจ้งว่า สำนักงานเลขานุการสภากทม.จะประสานไปยัง รมว.มหาดไทย เพื่อทำหนังสือเชิญบุคคลที่ผ่านการคัดสรรมารายงานตัวที่ศาลาว่าการกทม. ระหว่างวันที่ 17-19 ก.ย. ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. จากนั้นจะประชุมนัดแรก และกำหนดวันเลือกประธาน และรองประธานสภากทม. ภายใน 15 วัน นับจากการประกาศรายชื่อจากกระทรวงมหาดไทย ตามข้อบังคับการประชุมสภา
ครม.ย้ายใหญ่บิ๊กขรก. มท.จัดทัพ รื้อเก้าอี้'อธิบดี-ผู้ว่าฯ''พีระศักดิ์'พ้นกรมที่ดิน'อุตฯ-ศธ.-พาณิชย์'อื้อ ตั้งสัญญานั่งปลัดกทม. สปช.เคาะชื่อแล้ว 9 ด้าน
โผบัญชีโยกย้าย ขรก.มหาดไทย ผู้ว่าฯเมืองคอนนั่งอธิบดีกรมที่ดิน ย้าย'พีระศักดิ์'เข้าผู้ตรวจฯ 'สุขุมพันธุ์'ตั้ง'สัญญา'เป็นปลัด กทม.คนใหม่ 'บิ๊กตู่'สวมสูทขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าวันแรก
@ "ประยุทธ์"มุ่งหน้าเข้าทำเนียบ
เมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 15 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล แต่งกายด้วยสูทสีเทาลงจากรถประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ ทะเบียน ศท 1251 ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนทักทาย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมนางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และข้าราชการประจำทำเนียบ ที่มาให้การต้อนรับบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณที่มาให้การต้อนรับพร้อมขอความร่วมมือให้ช่วยกันทำงานด้วยเจตนาที่ดีเพื่อลดปัญหาความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าก้าวหน้าต่อไป ส่วนตนจะตั้งใจทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเมือง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเข้าห้องทำงาน โดยไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์
@ "ครม."ทยอยเข้ามาทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศช่วงเช้าที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีบรรดารัฐมนตรีเดินทางเข้ามาทำงานภายในทำเนียบรัฐบาล อาทิ เมื่อเวลา 09.09 น. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ได้อัญเชิญพระพุทธรูปพระพุทธชินราช เข้าห้องทำงาน ก่อนขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปสักการะท้าวมหาพรหมแล้วลงมาสักการะศาลพระภูมิ ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ามาที่อาคารบัญชาการ 1
ต่อมาเวลา 13.20 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล กราบไหว้สักการะศาลพระภูมิ ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่า "มาขอพรท่านให้คิดอะไรดีๆ ให้กับประเทศ หากคิดผิดก็ขอให้ท่านเตือนด้วย" ก่อนเดินทางเข้าทำงานยังตึกบัญชาการ 1
@ พร้อมดันรองขึ้นผอ.ข่าวกรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุวพันธุ์ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ในเรื่องของการแบ่งงานในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ทางนายกรัฐมนตรียังไม่ได้ลงนามในคำสั่ง คาดว่า วันที่ 16 กันยายน คงได้รับทราบเพราะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ที่ได้รับมอบหมายขณะนี้คือเป็นผู้ประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกำลังจะตั้งคณะกรรมการประสานงานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องหารืออย่างเป็นทางการกับนายกรัฐมนตรีก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีกฎหมายหลักที่ต้องแก้ไขหลายฉบับ ดังนั้น จะทำอย่างไรให้กฎหมายราบรื่นในการเสนอเข้า สนช.ไม่ติดขัด เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริง ทั้งนี้ อาจจะตั้งเป็นทีมเล็กๆ ประมาณ 20 คน
"ผมคงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะเคยรับหน้าที่มาอย่างหนึ่ง ตอนนี้รับหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง ไม่เคยคิดว่าจะมาทำหน้าที่นี้ (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) มาก่อน แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีคิดว่าผมทำงานให้ท่านได้ ท่านเชื่อใจ ผมก็มาทำงานและจะทำให้เต็มที่ ส่วนการพิจารณาตัวบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สขช. (หลังเกษียณ 30 กันยายน) ผมจะพิจารณารองผู้อำนวยการ สขช.ให้ขึ้นมาแทน" นายสุวพันธุ์กล่าว
@ รอตกผลึกกม.ชุมนุมที่สาธารณะ
เมื่อถามถึงงานด้านความมั่นคง หลังจากที่มี คสช.แล้วยังมีอุปสรรคอื่นๆ หรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า สังคมใหญ่ต้องถามตัวเองเหมือนกันว่า ถึงวันนี้แล้วอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย คิดว่าสิ่งที่ได้วันนี้คือความสงบในประเทศ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการทะเลาะกัน จึงควรรักษาให้ประเทศเป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่เพื่อให้ประเทศเดินหน้า ส่วนระหว่างทางหากมีความเห็นไม่ตรงกัน เชื่อว่าพูดคุยกันได้
เมื่อถามถึงกฎหมายที่จะใช้ดูแลความเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุม นายสุวพันธุ์กล่าวว่า มีกฎหมายรออยู่แล้วหนึ่งตัว คือ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ คิดว่าผ่านการกลั่นกรองมานานพอสมควร ดังนั้น ต้องดูให้ตกผลึกขั้นสุดท้ายว่าจะเดินกันอย่างไรต่อไป คงต้องให้มีความพอดี
@ "ประวิตร-อุดมเดช"เข้ากลาโหม
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถือฤกษ์เวลา 06.09 น. ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้วเพื่อความเป็นสิริมงคล ต่อด้วยการทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง แล้วเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมเพื่อสักการะเจ้าพ่อหอกลอง ณ ศาลเจ้าพ่อหอกลอง และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมพิธีด้วย ต่อมาเวลา 07.20 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ได้เข้ารับร่วมการเคารพในพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ 1 กองพัน ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนเข้าฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานและมอบนโยบายของกระทรวงกลาโหม ภายในห้องภาณุรังษี
@ ถกหน่วยงานมั่นคงทั้งหมด
พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายการทำงานให้ข้าราชการกระทรวงกลาโหม ว่า กระทรวงกลาโหมมีหน้าที่ดูแลงานด้านความมั่นคงให้กับรัฐบาล ในฐานะที่รับผิดชอบในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในช่วง 1-2 วันนี้ จะเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมดมาพูดคุยกันว่าจะเดินหน้าในเรื่องนี้ไปทางไหน พร้อมทั้งการบูรณาการเพื่อให้การทำงานมีความคล่องแคล่วรวดเร็วเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เห็นผล อาจจะมีการประเมินผลงาน 2-3 เดือนต่อครั้ง จะต้องให้เห็นภาพชัดเจนว่าประชาชนจะได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมการดูแลนักท่องเที่ยว
@ ยึด"โปร่งใส-เดินหน้าปฏิรูป"
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายการปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชั่นของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลนั้น ทุกหน่วยงานต้องมีเรื่องนี้แทรกเข้าไปอยู่แล้ว ในส่วนของกระทรวงกลาโหมยึดถือความโปร่งใสเป็นที่ตั้ง ทุกคนต้องช่วยกันทั้งรัฐบาลและ คสช. โดยเฉพาะสื่ออย่ามโนให้มากนัก ตนยังมีหน้าที่ดูในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะคัดเลือกบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ในการไปคิดว่าจะปฏิรูปประเทศนี้อย่างไรเพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้ คสช.มีความมุ่งมั่นอยู่แล้วที่จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปด้วยความมั่นคงและยั่งยืน
มีรายงานข่าวว่า คณะทำงานของ พล.อ.ประวิตร จะให้ พล.อ.กลชัย พรรณเชษฐ์ (ตท.12) อดีตที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานบริหารทั่วไปของรัฐมนตรีและปฏิบัติงานติดตามผลการดำเนินงานตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
@ "บิ๊กป๊อก"ได้ฤกษ์เข้า"มท."
เมื่อเวลา 09.09 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้ากระทรวงมหาดไทย โดยมีนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมผู้บริหารระดับสูงประจำกระทรวงให้การต้อนรับ จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์และนายสุธี ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง อาทิ ศาลพระชัยมงคล ศาลพระกาฬชัยศรี และพระอนุสาวรีย์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก่อนเดินทักทายข้าราชการประจำกระทรวงแล้วเข้าประชุมเพื่อฟังบรรยายสรุปการดำเนินงานของกระทรวง รวมทั้งการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
@ มอบนโยบายผู้บริหารมท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อนุพงษ์กล่าวมอบนโยบายต่อผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยว่า การเข้ารับตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยถือเป็นเกียรติแก่ตนและวงศ์ตระกูลอย่างยิ่ง เพราะการทำงานจะส่งผลต่อทุกข์สุขของประชาชนโดยตรง และทำงานร่วมกับข้าราชการประจำไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง ด้านท้องถิ่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่ดิน รัฐวิสหากิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดเกิดผลโดยตรงต่อราษฎร ความคาดหวังของประชาชน คือ ความโปร่งใส ซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องรองลงมาก็คือการปฏิบัติตามแผนงานต่างๆ เพื่อความสุขของประชาชนและทำหน้าที่หลักของกระทรวงเป็นอย่างดี
"เรามาทำงานเท่านั้นไม่ใช่เข้ามาจากการเมืองที่จะต้องอยู่ต่อ เข้ามาอยู่ตามโรดแมปของ คสช. คือเวลา 1 ปี เมื่อมีการปฏิรูปประเทศเสร็จ หมดหน้าที่ก็จะเข้าสู่กลไกอำนาจโดยการเลือกตั้ง เราจะเข้ามาแก้ไขปัญหาที่ดำเนินมาแล้ว จะทำให้ดีในระยะเวลาอันสั้นเพื่อให้ประชาชนมีความสุขและต้องไม่ส่งผลในการทุจริต ใครผิดใครถูกก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ขอให้ผู้บริหารกำชับข้าราชการในสังกัดให้ปฏิบัติตาม" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
@ ร่ายงานมหาดไทยคิวยาว
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวต่อว่า นโยบายการทำงานของกระทรวงมีกรอบอยู่แล้ว เมื่อ คสช.แถลงนโยบายก็ต้องทำให้สอดคล้องกัน ในวันพุธที่ 17 กันยายน จะพูดคุยกับผู้ปฏิบัติงานถึงนโยบายการทำงานของกระทรวง เนื่องจากระยะเวลาการทำงานสั้น ดังนั้น การดูแลและประเมินผลจะต้องกระชับ การทำงานของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องเร่งดำเนินการ เช่น งานด้านนิติบัญญัติ การแก้ไขกฎหมายล้าสมัยที่จะมีการผลักดันกฎหมายต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการ งานศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งต้องขยายไปถึงในระดับอำเภอและทำให้มีความเข้มแข็ง แก้ไขความเดือดร้อนเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เน้นการทำงานในพื้นที่การสร้างชุมชนเข้มแข็ง การป้องกันปราบปรามและบำบัดรักษา การจัดการปัญหาขยะ จะต้องแก้ตั้งแต่ต้นทางของขยะ ต้องคัดแยกขยะและสร้างวินัยในการจัดการขยะ การส่งเสริมสนับสนุนการกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องสร้างความโปร่งใสในการจัดสรรงบประมาณให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
@ "บิ๊กป๊อก"เร่งแต่งตั้ง-โยกย้ายขรก.
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงการสรรหาตำแหน่งในสภา อปท.ก็ต้องคัดเลือกให้ดี ถ้าทำแล้วล้มเหลว ไม่โปร่งใสจะส่งผลต่อการปฏิรูปในอนาคต ผู้บริหารต้องมีกลไกสร้างให้ท้องถิ่นมีความโปร่งใส
"เรื่องความโปร่งใสเป็นความคาดหวังของสังคมไทยอย่างสูงในขณะนี้ จึงเป็นวาระสำคัญ คิดว่า การทำงานของ คสช.ตามโรดแมปช่วงที่ 2 ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความโปร่งใส หากทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าเกิดขึ้นท่านไม่มีทางอยู่ได้ ส่วนเรื่องไมโครโฟนที่กำลังเป็นปัญหา ถ้ามีทุจริตต้องมีการลงโทษ ทราบว่านายกรัฐมนตรีให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าไปดูแลเรื่องนี้ แล้วรอฟังผล ถ้าทุจริตจริงต้องมีโทษแน่นอนเพราะว่าสังคมรับไม่ได้" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
เมื่อถามถึงบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงภายในกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า คงต้องทำให้เร็ว ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันสิ้นเดือนนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ทำในขั้นต้นแล้ว เดี๋ยวคงจะต้องไปดู ส่วนนโยบายการให้สัมภาษณ์ข่าวกับสื่อมวลชนนั้น พร้อมให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือทุกอย่าง
@ ทำภูมิคุ้มกันแก้ความแตกแยก
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ประเทศจะพัฒนาไปข้างหน้าไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่มีความสงบเรียบร้อย การจะเกิดความสงบเรียบร้อยต้องปรองดองกัน หรือถ้าจะมีความขัดแย้ง เห็นต่าง ต้องเป็นการเห็นต่างที่อยู่ร่วมกันได้ ที่ผ่านมาผู้คนเสพข้อมูลที่อาจไม่มีการกลั่นกรองหรือมีคนปลุกระดมให้เกิดความเข้าใจผิดจนเกิดความขัดแย้งในสังคม ในเรื่องนี้ คสช.ดำเนินการไปได้ดีทีเดียว ส่วนการดำเนินการต่อของกระทรวงมหาดไทยจะใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และส่วนของ อปท.ต่างๆ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชน จะทำเป็นรายละเอียดให้คนเข้าใจว่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบเพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาไปได้ต้องปรองดอง พร้อมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันให้ จะทำให้เขาตรึกตรองได้ว่าต้องอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีความขัดแย้ง จะต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายใน 1 ปี หากเกิน 1 ปี ประเทศชาติคงจะแย่
@ มท.ย้ายใหญ่บิ๊กล็อต-5อธิบดีปึ้ก
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงเสนอไปยัง รมว.มหาดไทยเพื่อนำเข้า ครม.แล้ว ทั้งนี้ ในรายอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมพัฒนาชุมชน ไม่มีการปรับย้าย ตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยน อาทิ นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า อธิบดีกรมที่ดิน เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) สุโขทัย เป็น ผวจ.พิษณุโลก นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.พิษณุโลก เป็น ผวจ.นครสวรรค์ แทนตำแหน่งว่างจากการเกษียณ
นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผวจ.สิงห์บุรี เป็น ผวจ.ราชบุรี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผวจ.ราชบุรี เป็น ผวจ.ภูเก็ต นายอภิชาติ โตดิลกเวช ผวจ.แพร่ เป็น ผวจ.พระนครศรีอยุธยา แทนตำแหน่งเกษียณ นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผวจ.อุทัยธานี เป็น ผวจ.กาญจนบุรีที่เกษียณ นายชื่นม์ชม บุญญาศาสตร์ ผวจ.สมุทรสงคราม เป็นผู้ตรวจ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ภูเก็ต เป็นรองปลัด นายเดชรัตน์ สิมรัตน์ ผวจ.ยะลา เป็น ผวจ.นครศรีธรรมราช และนายวิเชียร จันทโนทัย ผวจ.เพชรบูรณ์ คาดว่าเป็น ผวจ.ชัยภูมิ
@ "บิ๊กต๊อก"เข้ากระทรวงยุติธรรม
เมื่อเวลา 13.30 น ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าทำงานเป็นวันแรก เข้าสักการะพระพุทธรูปในห้องทำงาน พร้อมเดินเยี่ยมชมสถานที่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย คสช. และเดินทักทายข้าราชการก่อนเป็นประธานประชุมมอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการ
พล.อ.ไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า เปิดโอกาสให้อธิบดีของทุกกรมแนะนำตัวพร้อมบรรยายสรุปภารกิจและงานเร่งด่วนที่ต้องขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะงานช่วยเหลือคนยากจนและขาดโอกาสในการเข้าถึงความยุติธรรม มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประสานงานใกล้ชิดกับศูนย์ดำรงธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และในการประชุม ครม. วันที่ 16 กันยายน กระทรวงยุติธรรมจะเสนอของบกลางเพิ่มเติมอีกกว่า 100 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายเยียวยาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ก่อนหน้านี้คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนได้พิจารณาอนุมัติเงินเยียวยาไปแล้วหลายรายแต่ยังมียอดเงินค้างจ่ายอีกจำนวนหนึ่ง
@ ชี้ดีเอสไอต้องชัดเจนเรื่องภารกิจ
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ในส่วนงานปราบปรามทุจริตที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและ คสช. ภายหลังมีการเพิ่มอำนาจให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่งผลให้มีคดีเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 168 ป.ป.ท.ยังมีอำนาจดำเนินการเอาผิดทางวินัย ส่วนคดีอาญายังต้องส่งเรื่องไป ป.ป.ช.และศาลเหมือนเดิม กรณีที่คดีล่าช้าถือเป็นข้อจำกัดที่รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการทำงานขององค์กรอิสระได้ นอกจากนี้กำชับไปยังทุกกรมให้รวบรวมกฎหมายที่ล้าสมัยทั้งทางแพ่งและอาญาเพื่อแก้ไขให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ในส่วนดีเอสไอได้ย้ำถึงภารกิจว่าต้องดูกฎหมายให้ชัดว่าคดีพิเศษคืออะไร การทำงานต้องมีหลัก หากไม่มีหลักจะทำงานไม่ถูกต้องตามหน้าที่ อาจทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา
ผู้สื่อข่าวถามกรณีตำรวจดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชุดดำที่เชื่อมโยงกับเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 ทั้งที่คดีเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทุกคดีเป็นคดีพิเศษที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวกับตำรวจ
@ "พิเชฐ"ลั่นพร้อมแข่งกับนานาชาติ
เวลา 07.50 น. นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงวันแรก โดยมีนายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัด วท. คณะผู้บริหาร และข้าราชการให้การต้อนรับ นายพิเชฐได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ไหว้ศาลพระภูมิด้านหน้ากรมวิทยาศาสตร์บริการ และถ่ายภาพร่วมกับคณะผู้บริหาร จากนั้นลงนามหนังสือเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ณ ห้องทำงานรัฐมนตรี ชั้น 2 อาคารพระจอมเกล้า สป.วท. นายพิเชฐให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมทำงานอย่างเต็มที่ จะบูรณาการงานของกระทรวงให้เดินหน้าร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมไปถึงการทำงานร่วมกับประชาสังคม สังคมโลก เร่งทำงานให้สำเร็จภายในปี 2558 ปฏิรูปการวางรากฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัย เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความยั่งยืน ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี และระยะยาวประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ทั้งนี้ จะนำทุกหน่วยงานในสังกัด วท.นำผลงานเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ และการวิจัยด้านต่างๆ ไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมในเชิงพาณิชย์ วท.จะเป็นหน่วยงานหนึ่งสร้างประเทศไทยให้แข่งขันกับนานาประเทศได้ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องร่วมมือกันทำงาน เพื่อลดการพึ่งพาและนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
@ บิ๊กอู๋ตั้ง 3-6 ด.ขับเคลื่อนนโยบาย
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ พม. กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้ผู้บริหารว่า ได้มอบนโยบายขั้นต้นและรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานต่างๆ คงต้องมีการปรับอีกครั้งเพื่อให้สอดรับกับข้อเสนอและความเห็นของกลุ่มเอ็นจีโอและภาคประชาสังคม ที่จะมีการประชุมในวันที่ 18 กันยายนนี้
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนที่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ติดตาม ได้แก่ ปัญหาการอุ้มบุญ ปัญหาการค้ามนุษย์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจัดอันดับให้ไทยในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ ปี 2557 อยู่อันดับต่ำสุดคือ เทียร์ 3 เป็นต้น
"เนื่องจาก พม.มีกำลังน้อย จึงย้ำเรื่องการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานตามแผนให้มากขึ้น เช่น ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน จะทำให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยใช้มาตรา 15 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ซึ่งได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ในการเป็นศูนย์ปฏิบัติการ ที่ผ่านมาความแน่นแฟ้นในการทำงานยังน้อย ต้องจัดระบบให้แน่นแฟ้นมากขึ้น รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ นำไปสู่การตัดสินใจหรือสั่งงานได้ รวมทั้งจังหวัดทำอย่างไรให้มีการบูรณาการอย่างใกล้ชิด ใช้กลไกที่มีอยู่แล้วของรัฐให้เป็นเอกภาพ เป็นสิ่งที่จะขับเคลื่อนไปให้ชัดเจนภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า ซึ่งผมจะทำเต็มที่" พล.ต.อ.อดุลย์กล่าว
@ "หมอรัชตะ"ปัดพูดควบตำแหน่ง
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าทำงานที่ห้องชั้น 4 สำนักงานปลัด สธ. และได้ออกจาก สธ.ไปช่วงบ่าย กระทั่งเวลา 16.00 น. นพ.รัชตะกลับเข้ามา สธ.อีกครั้ง แต่ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องการควบตำแหน่ง ยืนยันว่าจะขอชี้แจงต่อประชาคมมหิดลเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีรัฐบาลแล้วในส่วนของ สธ.จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการแทนที่เกษียณอายุราชการเลยหรือไม่ นพ.รัชตะกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการทำงาน ทุกอย่างไม่ต้องกังวล
แหล่งข่าวใน สธ. เปิดเผยว่า สำหรับ สธ.มีข้าราชการระดับ 10 เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ คือ นพ.ทรงยศ ชัยชนะ รองปลัด สธ. นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ. นพ.นิทัศน์ รายยวา ผู้ตรวจราชการ สธ. และ นพ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการ สธ. นอกจากนี้ มีกระแสข่าวว่าอาจมีการโยกย้ายรองปลัด สธ.อีก 2 คน คือ นพ.อำนวย กาจีนะ รองปลัด สธ. และ นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ รองปลัด สธ.ด้วย ส่วน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. ยังไม่มีกระแสข่าวว่าจะถูกย้ายไปยังอธิบดีกรมใด เนื่องจากเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำงานและใกล้ชิด นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.
สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองปลัด สธ.แทนนั้น มีข่าวว่าอาจเป็น นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการ สธ. และ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ที่ปรึกษากระทรวง อีกทั้งมีชื่อของ นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.ยอร์น จิระนคร สาธารณสุขนิเทศก์ และ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ติดในโผ เช่นกัน
@ "บิ๊กเต่า"ชงโผปลัดแรงงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงแรงงานในตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งนายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ จะเกษียณอายุราชการเดือนกันยายนนี้ มีชื่อของนายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด นางปราณิน มุตตาหารัช และ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ลุ้นตำแหน่งดังกล่าว มีแนวโน้มว่านายนครจะได้รับการเสนอชื่อเป็นปลัดคนใหม่ คาดกันว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะนำชื่อเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 16 กันยายน
ในส่วนของรายชื่อคณะทำงานของ พล.อ.สุรศักดิ์ ในตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีชื่อของ พล.ต.เดชา ปุญญบาล เจ้ากรมการอุตสาหกรรมทหารฯ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะทำงานเตรียมการปฏิรูปเพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ ส่วนที่ปรึกษารัฐมนตรีมีกระแสข่าวว่าจะมีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงกระทรวงแรงงาน อาทิ นพ.สมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน และนายฐาปบุตร ชมเสวี อดีตรองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นต้น
@ ปลัดศธ.เสนอชื่อตั้ง"ซี11-10"
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ได้เสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงระดับ 10 และ 11 ที่ว่างลง และกำลังจะเกษียณอายุราชการ จำนวน 9 ตำแหน่งไปให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย ระดับ 11 ตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ส่วนระดับ 10 รองเลขาธิการ สกศ. 2 ตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 2 ตำแหน่ง รองปลัด ศธ. 2 ตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) 1 ตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) 1 ตำแหน่ง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ ศธ. จะเกษียณ 1 ตำแหน่ง และว่างอยู่เดิม 1 ตำแหน่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ สกศ. มี 3 คน คือ นายพินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการกกอ. นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) และนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.)
ด้านนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ได้เสนอรายชื่อเพื่อแต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ วธ.แล้วคาดว่าจะพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 16 กันยายน
@ รัฐมนตรีพณ.แบ่งงานลงตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการแบ่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูงานกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ ส่วนที่เหลือ พล.อ.ฉัตรชัยจะเป็นคนดูแล ประกอบด้วย กรมการค้าภายใน กรมส่งเสริมการส่งออก กรมการค้าระหว่างประเทศ องค์การคลังสินค้า
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า บรรยากาศการโยกย้ายค่อนข้างเงียบเหงา เพราะช่วงที่ คสช.เข้าดูแลประเทศ มีการโยกย้ายครั้งใหญ่ไปแล้ว แต่จะมีข้าราชการซี 10 ว่าง 3 ตำแหน่ง ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน คือ นายทรงภพ พลจันทร์ นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ และนางพูนทรัพย์ สกุณี ต้องจับตาว่า นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานจะแต่งตั้งข้าราชการระดับซี 9 รายใดขึ้นแทน
@ อุตสาหกรรมโยกซี8-ซี10
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม มีอัตราว่างของซี 8 ถึง ซี 10 ประมาณ 40 ตำแหน่ง จะเร่งขยับให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เข้าใจดีว่าการเป็นข้าราชการเงินเดือนไม่สำคัญเท่ากับความภูมิใจในการมีบ่า มีไหล่ เพื่อแสดงถึงความสามารถในการทำงาน จะดูแลให้ความเป็นธรรม ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอภายในเดือนกันยายนนี้ คงไม่เร่งรีบเพราะเป็นกระทรวงลำดับท้ายเนื่องจากมีอักษร "อ"
รายงานข่าวระบุว่า ในส่วนตำแหน่งอื่น ประกอบด้วย ระดับซี 10 ว่าง 6 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รองปลัดกระทรวง 3 ตำแหน่ง และผู้ตรวจฯ 3 ตำแหน่ง และจะว่าง 1 ตำแหน่ง คือ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เกษียณเดือนกันยายนนี้ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่นายจักรมณฑ์จะโยกย้ายระดับซี 10 หรืออธิบดีที่มีอยู่เพื่อความเหมาะสมด้วย
ขณะที่ตำแหน่งซี 9 หรือระดับรองอธิบดี ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการศูนย์ และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) พบว่าว่างมากกว่า 40 ตำแหน่ง ประกอบด้วย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) 10 ตำแหน่ง กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) 2 ตำแหน่ง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) 4 ตำแหน่ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 4 ตำแหน่ง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) 1 ตำแหน่ง รวมทั้ง สอน. 4 ตำแหน่ง และยังมี สอจ.เตรียมขยับจากซี 8 เป็นซี 9 ถึง 21 จังหวัด
@ ตั้ง"สัญญา"ขึ้นปลัดกทม.คนใหม่
แหล่งข่าวศาลาว่าการ กทม. แจ้งว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งนายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัด กทม. เป็นปลัด กทม.คนใหม่ แทนนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดย กทม.ส่งหนังสือคำสั่งไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ
นายสัญญาให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการ จึงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้ แต่พร้อมทำงานในตำแหน่งปลัด กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสัญญาดำรงตำแหน่งรองปลัด กทม.มาแล้ว 2 ปี จะเกษียณอายุราชการปี 2558 เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ มีผลงานในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 นายสัญญาถือเป็นบุคลากรของ กทม.ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ มีผลงานปรากฏเป็นที่พอใจแก่คณะผู้บริหารทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ
@ เคาะสรรหาสปช.9 ด้าน-ขาดอีก 2
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1พัน4รอ.) คณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช. 9 ด้าน ได้ประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมเป็น สปช.ร่วมกันเป็นนัดที่สอง โดยคณะกรรมการสรรหาแต่ละด้านได้นำรายชื่อมาพิจารณาร่วมกัน เลือกรายชื่อที่เหมาะสมจนครบด้านละ 50 รายชื่อ ยกเว้นด้านการเมืองที่ยังไม่มีการประชุมและด้านสังคมที่คณะกรรมการสรรหาเข้าไม่ครบ สำหรับด้านที่ได้รายชื่อครบ 50 ชื่อแล้ว จะนำมาตรวจสอบในวันที่ 17 กันยายนอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ก่อนนำเสนอต่อ คสช.ในขั้นตอนสุดท้าย
พล.อ.นพดล อินทปัญญา สมาชิก สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านสื่อมวลชน เปิดเผยว่า ได้พิจารณารายชื่อผู้เหมาะสมเป็น สปช.แล้วจำนวน 50 คน ยืนยันไม่มีการบล็อกโหวต ไม่มีฮั้วกับใคร ยุติธรรมที่สุดในโลกแล้ว
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธานนท์ สนช. ในฐานะคณะกรรมการสรรหา สปช.ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาได้พิจารณาคัดเลือกคำนึงถึงความหลากหลายของวิชาชีพ ภาครัฐ ภาควิชาการ และเอกชน รวมทั้งคำนึงถึงกลุ่มเพศ อายุ แยกเป็นด้านสาธารณสุข 25 คน และด้านสิ่งแวดล้อม 25 คน แต่ยังไม่เรียบร้อยดี จะประชุมอีกครั้งวันที่ 17 กันยายน