WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

'สุเทพ'นัดอีกระดมล้าน แพ้มอบตัว ล่า 12 รมต.จี้เซ็นลาออก 26 พค.ถ้าไม่จบ 27 สลาย 'เสื้อแดง'เย้ยถึงทางตัน อักษะสั่งยกระดับรับมือ พุทธะถอย-หัวหินขวาง


ยกระดับ - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ขึ้นปราศรัยประกาศยกระดับการชุมนุมเพื่อต่อต้านข้อเสนอแต่งตั้งนายกฯ มาตรา 7 ท่ามกลางคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เวทีถนนอักษะ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม



ถกแกนนำ - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เรียกประชุมแกนนำ กปปส.ต่างจังหวัด เพื่อหารือถึงทิศทางการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการขับไล่รัฐบาล โดยใช้ปฏิบัติการต้องจบรู้ผลแพ้ชนะภายในวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 


มติชนออนไลน์ :

      'สุเทพ'ประกาศยึดอำนาจอธิปไตย กางแผนปฏิบัติการระหว่าง 18-26 พ.ค. ลั่นไม่สำเร็จสลายม็อบแล้วมอบตัว 27 พ.ค. เสื้อแดงเย้ยผิดหวัง'สุรชัย'ไม่ดันนายกฯคนกลาง


@ 'บิ๊กตู่'ไม่โต้'จตุพร'ปูดปฏิวัติ
       เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่ระบุว่า ทหารวางแผนจะรัฐประหารและ พล.อ.ประยุทธ์เตรียมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ว่า ไม่ขอตอบโต้นายจตุพร เพราะไม่อยากสร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก แต่ขอฝากสื่อไปถามว่า ถ้าไม่เป็นจริงตามที่พูด คนที่พูดจะรับผิดชอบหรือไม่ มีแต่คนชอบพูดให้คนอื่นเสียหายแล้วไม่รับผิดชอบ สื่อช่วยบันทึกไว้ด้วยว่าพูดอะไรไว้บ้าง 
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่แถลงการณ์ 7 ข้อนั้น เพื่อเตือนทุกฝ่ายไม่ให้ใช้ความรุนแรง ไม่ได้เจาะจงถึงฝ่ายใด และไม่ได้หมายถึงว่าจะต้องทำรัฐประหาร เพราะทหารจะทำอะไรก็ต้องยึดกฎหมาย ขอให้กลับไปอ่านกันให้ดีๆ อย่าไปคิดว่าออกแถลงการณ์เพราะเลือกข้าง อย่ามาคิดว่าทหารลำเอียง อย่ามัวแต่จับผิดทหาร 

@ ยันทหารไม่อยากเป็นจำเลย
    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูด้วยว่า ที่ผ่านมาใครทำอะไร เหตุการณ์ปี 2553 เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่พูดกันบ้าง ทหารออกไปดูแลความเรียบร้อย แต่ต้องกลายเป็นจำเลย ใครทำอะไร สื่อต้องช่วยพูดบ้าง ให้ความเป็นธรรมกันบ้าง ส่วนที่ระบุในแถลงการณ์ว่า ทหารอาจต้องปฏิบัติการเต็มรูปแบบนั้น ทหารไม่ใช่คนกำหนดว่าสถานการณ์เป็นแบบใด ขึ้นอยู่กับฝ่ายผู้ชุมนุมและทุกฝ่ายว่าจะให้เป็นแบบไหน
      "ผมยืนยันว่า ทหารเราต้องเคารพกฎหมายมากกว่าคนอื่น เพราะเราต้องบังคับใช้กฎหมาย อย่ามาว่าทหารลำเอียง อย่ามาจับผิดจับถูกกับทหาร อย่าเอาจุดเล็กๆ มาตำหนิ มองภาพใหญ่บ้างว่าเรากำลังเผชิญกับอะไรกันอยู่ อย่าคิดว่าจะแก้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์เป็นแค่การประเมินสถานการณ์ จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่าสร้างความรุนแรง ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ทหารก็ไม่ต้องการให้สถานการณ์ถึงขั้นนั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ 'ภราดร'หวั่นมือที่ 3 ป่วนม็อบ
      พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในช่วงวันที่ 17-19 พฤษภาคมนี้ว่า สิ่งที่หนึ่งที่ต้องระวังคือ ผู้ชุมนุม กปปส.ย้ายออกมาชุมนุมในพื้นที่ล่อแหลมต่อการเกิดเหตุและมือที่ 3 ที่ต้องการให้เกิดเหตุความรุนแรงจะอาศัยพื้นที่ กปปส.เป็นสถานที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ศอ.รส.ได้เตรียมการเบื้องต้น ปรับแผนเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เป็นวงรอบในพื้นที่ชุมนุม กปปส. นอกจากนี้มีชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมเผชิญเหตุในกรณีต่างๆ เพื่อเข้าระงับเหตุได้ทันที 

@ มั่นใจ'พ.ร.บ.มั่นคง'เอาอยู่ 
      พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ส่วนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกหากสถานการณ์รุนแรงนั้น ศอ.รส.มีความเห็นตรงกัน จะมีการปรับใช้กฎหมายตามระดับสถานการณ์และวางแผนเป็นขั้นตอนอยู่แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่า ทางทหารต้องมีการเตรียมการขั้นสุดท้ายไว้เช่นกันหากมีเหตุความรุนแรง อย่างไรในขณะนี้ ศอ.รส.เชื่อมั่นว่า พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 น่าจะป้องปรามสถานการณ์ได้ 
      "หากสถานการณ์เข้มข้นขึ้นมาจะยกระดับเป็น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าสถานการณ์เลวร้ายจนทหารต้องออกหน้าอาจจะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ทั้งนี้หากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกจริง น่าจะใช้เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล หรือเฉพาะจุดที่มีการชุมนุม" พล.ท.ภราดรกล่าว และว่า ส่วนการประเมินสถานการณ์หลังจากนี้ เชื่อว่าคำตอบจากทุกฝ่ายคือ การเลือกตั้ง เพราะเป็นไปตามกฎหมายและสากลยอมรับ โดยการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องมีสัตยาบัน รัฐบาลที่เข้ามาจะอยู่ในช่วงเวลาสั้น เพื่อให้มีอำนาจเต็มในการปฏิรูปประเทศ จากนั้นลาออกและเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้ทุกฝ่ายมีการประสานพูดคุยกัน แต่ตกลงยังไม่ได้

@ 'เพื่อไทย'เตือน 7 วันอันตราย
      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงที่ พท.ว่า จากวันนี้ไป 7 วัน จะมีสถานการณ์ความรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ฉะนั้นจึงถือว่าเป็น 7 วันอันตราย อันมีสาเหตุมาจากความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ของคู่ขัดแย้ง หรือจากมือที่ 3 ที่ยั่วยุในหลายรูปแบบ ตัวอย่างเช่น การยิงระเบิดเอ็ม 79 ลงกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัว ขณะผู้ชุมนุมหลับ ก่อนรัวปืนถล่มซ้ำ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต 
      "กรณีนี้ถูกมองว่า ผู้วางแผนลงมือน่าจะต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง นำไปสู่การเรียกทหารออกมารัฐประหาร ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายรัฐบาลหรือคนเสื้อแดง เพราะจะกลายเป็นผู้เสียโอกาสทันที หากมีการปฏิวัติรัฐประหารมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยเขาต่อต้านสิ่งนั้น" นายอนุสรณ์กล่าว และว่า ผู้ที่น่าสงสัยที่สุดคือ ผู้ที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้น เพราะอาชญากรต้องได้ประโยชน์จากอาชญากรรมเสมอ 

@ ปูด'คนแดนไกล'สั่งเดินเกม
     นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงที่ ปชป.ว่า วันนี้คนแดนไกลซึ่งเป็นเสือลำบาก กำลังสั่งให้เดินหน้าแผนเขียนเสือให้วัวกลัวใน 3 แบบคือ 1.เสือกระดาษ พยายามรักษาอำนาจเต็มที่ โดยการจัดการฝ่ายที่เห็นต่าง ยัดข้อหา บุกจับกุมให้ดูน่ากลัว เพื่อลดมวลชนฝ่ายตรงข้าม แต่มวลชนไม่กลัว และข้าราชการก็ไม่เอาด้วย 2.เสือลอบกัด มีการใช้ปืนเอ็ม 16 และระเบิดเอ็ม 79 เป็นใบเบิกทางก่อเหตุรายวันยามกลางคืน ในช่วงหลังมีการนำเสือจากต่างประเทศเข้ามาและถูกฝึกเป็นพิเศษกลายร่างเป็นสุนัขลอบกัด ทำร้ายแม้กระทั่งเด็ก สตรี และผู้ที่ไม่ได้มาชุมนุม 3.เสือข้างถนนที่มีมวลชนไม่มาก เพราะเสือกลุ่มนี้เมื่อปี 2553 เคยพาคนไปตายแต่มาออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับคนที่ฆ่าตัวเอง แกนนำยังชอบอมค่าขนม วันนี้ยุทธศาสตร์เขียนเสือให้วัวกลัวไม่ได้ผล เพราะวัวออกมาเป็นล้านตัว และเสือ 3 เสือก็ไม่มีที่อยู่ กลายเป็นเสือลำบาก เหมือนกับเสือลำบากที่อยู่แดนไกล

@ 'สุเทพ'กางแผนยึดอำนาจ
      เวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้เรียกประชุมแกนนำ กปปส. จากภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวหลังจากที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภาคนใหม่ ไม่สามารถหาทางออกให้ประเทศโดยไม่เสนอชื่อนายกฯคนกลาง
     นายสุเทพ กล่าวว่า การที่บ้านเมืองไม่มีนายกฯและรัฐบาล นานไปจะยิ่งเสียหาย ต้องดำเนินการให้มีนายกฯและรัฐบาลโดยเร็ว จึงเกิดคำถามขึ้นว่าโดยเร็วคือเมื่อไร น่าเสียดายที่คำแถลงประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่สามารถกำหนดชี้ชัดได้ว่าภายในกี่วันหรือเมื่อไร จึงไม่สามารถตอบคำถามประชาชนทั้งประเทศได้ ดังนั้นมวลมหาประชาชนจึงจำเป็นต้องกำหนดว่าจะให้เสร็จเมื่อไร 
    นายสุเทพ กล่าวว่า จะลงมือปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ และกำหนดวันสุดท้ายของปฏิบัติการคือ ต้องจบภายในวันที่ 26 พฤษภาคม โดยวันที่ 18 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. จะเชิญคณะกรรมการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกเครือข่าย ทุกสมาพันธ์มาประชุมที่ตึกสันติไมตรี เพื่อมอบหมายภารกิจว่า แต่ละรัฐวิสาหกิจต้องทำอะไรร่วมกันบ้าง และแยกกันปฏิบัติตามความถนัด จากนั้นเวลา 14.00 น. เชิญอดีตข้าราชการผู้ใหญ่ระดับปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี รองอธิบดี และผู้ว่าฯ มาร่วมพูดคุย เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ 

@ ลั่นไม่สำเร็จมอบตัว 27 พค.
      นายสุเทพ กล่าวว่า วันที่ 19 พฤษภาคม แยกย้ายกันไปทวงคืนอำนาจอธิปไตยจากคณะรัฐมนตรีที่เหลือ 24 คน โดยให้ลาออก ใครรู้ว่าบ้านหรือเซฟเฮาส์ของรัฐมนตรีคนใดให้แจ้งบ้านเลขที่เข้ามา ส่วนข้าราชการให้ลุกฮือขึ้นปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งรัฐมนตรี ในวันที่ 19 พฤษภาคมเช่นกัน ขอให้แต่ละกระทรวง ทบวง กรม กระทำการอย่างเปิดเผย ขึ้นป้ายหน้ากระทรวง หน้ากรม หรือสำนักงานทุกแห่ง, วันที่ 22 พฤษภาคม จะจัดประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ปลัดกระทรวง อธิบดี สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อล้างคนของระบอบทักษิณที่อยู่ในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้หมดสิ้น 
      "วันที่ 23-25 พฤษภาคม เป็นการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนทั้งประเทศ ชัยชนะจะรู้กันในวันที่ 26 พฤษภาคม ถ้าประชาชนไม่ออกมาเป็นล้านๆ คน วันที่ 27 พฤษภาคม ผมจะสลายการต่อสู้แล้วมอบตัว เพราะสู้มากกว่านี้ไม่ไหว จะแพ้ชนะก็ต้องทำใจเราได้ทำถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 18-26 พฤษภาคม จะทุ่มเทภารกิจทั้งหมดให้เต็มที่และจบกันวันที่ 27 พฤษภาคม" นายสุเทพกล่าว

@ ประกาศตามล่า 12 รัฐมนตรี
   ต่อมาเวลา 20.00 น. นายสุเทพปราศรัยบนเวทีราชดำเนินให้มวลชนทราบถึงแผนปฏิบัติการยึดอำนาจจากรัฐบาลในช่วงวันที่ 18-26 พฤษภาคม โดยระบุว่าวันที่ 19-20 พฤษภาคม จะไปตามหารัฐมนตรีที่ยังเหลืออยู่ เพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน และเชื่อว่าใน 3 วัน ต้องตามเจอได้หมด หากไม่ไปทำงานก็จะไปหาตัวที่บ้าน
     นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐมนตรีที่เป็นเป้าหมายในการตามหาชุดแรก ได้แก่ 1.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ 2.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ปฏิบัติหน้าที่รองนายกฯ 3.นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 4.นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 5.นายชัยเกษม นิติสิริ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
    6.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 7.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 8.นางเบญจา หลุยเจริญ ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง 9.นายยรรยง พวงราช ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 10.นายวราเทพ รัตนากร ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนัก
     นายกฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 11.นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ 12.นายจาตุรนต์ ฉายแสง ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

@ ตั้งชุดตามหาให้เซ็นลาออก
     "นี่จะเป็นชุดแรก ที่เราจะต้องตามหาให้ครบ เพื่อเอาใบลาออกไปยื่นให้เซ็น เราจะทำเป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ถ้ารู้ว่าอยู่ไหนให้ตามไปทันที จะมีอีกชุดที่จะประสานเพื่อนบ้านคนเหล่านี้ และจะมีอีกชุดที่เป็นข้าราชการ ที่จะส่งข่าวมาว่าคนพวกนี้ทำงานที่ไหน และบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ไปคุกคาม ไม่มีอาวุธ ไปถึงจะยกมือไหว้ว่า ให้ลาออกไปเถอะ ส่วนคนที่จะไปต้องสัญญาว่าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวคนเหล่านี้เด็ดขาด"นายสุเทพกล่าว
     นายสุเทพกล่าวว่า จะเป็นการปฏิบัติการใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายให้ได้อำนาจกลับมาเป็นของประชาชนโดยสมบูรณ์ หนังม้วนนี้จะเป็นม้วนสุดท้าย และจะประกาศชัยชนะวันที่ 27 พฤษภาคม และจะไม่มีการนัดวันเคลื่อนไหวอีกหลังจากวันที่ 26 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ไม่มีการปฏิรูปโดยประชาชน ไม่มีวันที่จะมีการเลือกตั้งแน่นอน

@ 'พุทธะอิสระ'ยกเลิกไปหัวหิน
     พระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ กล่าวว่า ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับนายสุเทพ เพื่อสอบถามให้ชัดเจนว่ามีแผนปฏิบัติการอย่างไร เพราะเวทีแจ้งวัฒนะจะส่งมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมเช่นกัน แต่ยืนยันว่า แนวทางการถวายคืนพระราชอำนาจ ตามมาตรา 3 ยังไม่ล้มเลิก และจะรอนายสุเทพ ปิดเกมภายในวันที่ 20-21 พฤษภาคมนี้เท่านั้น หากเลยจากกำหนดนี้จะไม่รอและพร้อมนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปถวายคืนพระราชอำนาจทันทีแต่อาจเปลี่ยนแปลงสถานที่ จากเดิมตั้งใจจะไปถวายคืนพระราชอำนาจที่หัวหิน แต่ผู้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเหมาะสม โดยอาจจะส่งผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานองคมนตรี
     "วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น. จะพามวลชนไปยื่นหนังสือกับศาลอาญาเพื่อคัดค้านคำสั่งหรือทุเลาคำสั่งการออกหมายจับแกนนำ กปปส. รวมถึงเอาผิดกับดีเอสไอ และ ศอ.รส.ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของดีเอสไอและ ศอ.รส.ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการขอออกหมายจับโดยไม่ชอบ หลังอัยการระบุว่ายังไม่ได้ทำสำนวนคดี แต่ดีเอสไอกลับนำตัวแกนนำที่จับได้ไปยื่นฟ้องต่อศาล" พระพุทธะอิสระกล่าว

@ ปลด 10 การ์ด-ยึดคืนผ้าพันคอ
     พระพุทธะอิสระกล่าวว่า หลังได้รับผลกระทบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของการ์ด ล่าสุดให้การ์ดกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ที่เวทีแจ้งวัฒนะแล้ว โดยเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมส่อใช้ความรุนแรง พร้อมมีคำสั่งให้ยึดคืนผ้าพันคอของการ์ดประจำเวทีทุกคน หลังพบว่ามีบุคคลแฝงตัวใช้ผ้าพันคอที่เป็นสัญลักษณ์ของเวทีไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวาย ส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของเวทีแจ้งวัฒนะ ส่วนการย้ายเวทีไปอยู่ภายในบริเวณศูนย์ราชการอาจต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากไปตรวจสอบสภาพพื้นที่แล้วพบว่ามีจุดที่เป็นช่องโหว่ต่อการถูกโจมตีได้รอบด้าน 
    ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม รายงานกรณีมีข่าวแพร่สะพัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 7 บุกตรวจค้นกุฏิพระพุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อยธรรมอิสระ ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อกลางดึกวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวปล่อย โดยทางวัดและตำรวจภาค 7 ยืนยันว่าไม่มีการตรวจค้น

@ 'ธิดา'เชื่อสุเทพทำลายตัวเอง
      นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช. กล่าวถึงกรณีนายสุเทพจะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งว่า แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังของนายสุเทพ จากกรณีที่วุฒิสภาแถลงท่าทีไม่ได้เป็นไปตามที่นายสุเทพคาดหวังไว้ และไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ จึงมองว่านายสุเทพกำลังที่จะใช้ความรุนแรง โดยยกระดับการชุมนุมขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อกดดันให้กองทัพทำรัฐประหาร 
     นางธิดา กล่าวว่า ขณะนี้นายสุเทพไม่สามารถเรียกมวลชนออกมามากๆ ได้แล้ว จึงจำเป็นต้องแบ่งเป็นกลุ่มย่อยไปตามสถานที่ต่างๆ โดยคาดว่าจะใช้องค์กรรัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือ เพื่อบีบให้รัฐบาลลาออก เช่น ทำให้การติดต่อสื่อสาร คมนาคม สาธารณูปโภค เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและประเทศ 
    "เชื่อว่า การกระทำของนายสุเทพจะไม่สำเร็จ เพราะสิ่งที่นายสุเทพ กับพวกกำลังทำเป็นสิ่งที่ทำลายตัวเอง ทำลายประเทศ นอกจากนี้ยังเชื่อว่านายสุเทพจะไม่มอบตัวในวันที่ 27 พฤษภาคมตามที่พูดไว้อย่างแน่นอน เพราะนายสุเทพได้ผิดคำพูดมาหลายครั้งแล้ว"นางธิดากล่าว และว่า เรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ให้พิจารณาการเคลื่อนไหวของ กปปส.และให้ทำหน้าที่ดูแลความสงบสุขในประเทศอย่างเคร่งครัด 

@ 'เต้น'ฟันธง'เทือก'ยึดกองทัพ
     นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า มองว่าแนวทางการต่อสู้ของนายสุเทพใกล้ถึงทางตัน จึงเชื่อว่าจากนี้ไปนายสุเทพอาจใช้การสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ พร้อมกันนี้อยากจะฝากถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ว่าคิดเห็นอย่างไรกับการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนกลาง แต่ขอยืนยันว่า หากมีการรับตำแหน่งดังกล่าว จะเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้และหายนะของประเทศ
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.กล่าวว่า หลังจากที่ ส.ว.ไม่ร่วมด้วย นายสุเทพคงจะเข้ายึดกองทัพในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจ เพราะหากทหารไม่ร่วมมือด้วยคงจะดำเนินการไม่สำเร็จ และอยากให้นายสุเทพประกาศชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางออกมา เพื่อให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากหากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนดีจริง ประชาชนอาจให้การตอบรับก็เป็นได้

@ 'จตุพร'ระดมแดง 23-27 พ.ค.
     ต่อมานายจตุพรปราศรัยบนเวทีอีกครั้งว่า นายสุเทพปรับวิธีการใหม่โดยให้คนไล่ล่าคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ให้มาลาออก แสดงว่านายสุเทพยังต้องการนายกฯ มาตรา 7 อยู่ ขอบอกอีกครั้งว่าเป็นไปไม่ได้ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องของนายสุเทพจะมอบตัวหรือไม่นั้น ต้องดูกันต่อไป 
    นายจตุพร ยังกล่าวว่า พร้อมที่จะรับผิดชอบหากฟันธงผิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนกลาง และย้อนถามกลับด้วยว่า หากเป็นจริง พล.อ.ประยุทธ์พร้อมที่จะรับผิดชอบหรือไม่ 
    "ขณะนี้กระบวนการ ส.ว.ยังไม่หยุด กองทัพก็ยังน่าจับตามอง ดังนั้น ขอให้คนเสื้อแดงระดมพลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23-27 พฤษภาคม ให้มาร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะให้มากที่สุด" นายจตุพรกล่าว

@ จี้'บิ๊กตู่'อย่านิ่งกับการล่ารมต.

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ใกล้เคียงความจริงไปทุกขณะ ใกล้การรบครั้งสุดท้ายตามที่นายสุเทพบอก เชื่อได้เลยว่านายสุเทพกำลังจนมุมจริง แล้วเชื่อได้ว่า หากนายสุเทพกลับคำพูดอีก ยังชุมนุมยืดเยื้ออีก จะยิ่งทำให้มวลมหาประชาชนหมดความน่าเชื่อถือ หลังการชุมนุมนายสุเทพอาจเดินถนนไม่ได้ด้วยซ้ำ และขอให้คนเสื้อแดงทั้งหลายระดมพลใหญ่มาร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะ จะชุมนุมใหญ่ขยายวันจนถึง 27 พฤษภาคม เพื่อมาฉลองการมอบตัวของนายสุเทพด้วยกันที่

ถนนแห่งนี้ว่าไทยคืนสู่สันติสุขแล้ว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่นายสุเทพประกาศให้คนแจ้งที่อยู่ ครม.เพื่อให้ กปปส.ไล่ล่าตามจับตัว ครม.มาเขียนใบลาออกนั้น ขอเรียนว่านายสุเทพกำลังประกาศอาชญากรรมอันร้ายแรงต่อชาติ และขอถามถึง ผบ.ทบ.ด้วยว่า กองทัพเพิกเฉยได้อย่างไรกับการที่นายสุเทพประกาศตามไล่คนเช่นนี้ ที่แถลงการณ์หลายๆ ข้อ เคยมีแถลงถึงกลุ่ม กปปส.บ้างไหม

@ 'ตู่'ท้าใครจะถูกจับก่อนกัน

เมื่อเวลา 21.10 น. นายจตุพร ขึ้นเวทีปราศรัยที่ถนนอักษะว่า นายสุเทพประกาศจะไล่ล่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มาลาออกนั้น ขอท้าว่า มาดูกันไหมว่า ระหว่างนายสุเทพกับ ครม.ใครจะถูกจับก่อน เพราะนายสุเทพมีข้อหากบฏ และข้อหาอื่นติดตัวมากมาย ขณะที่ ครม.ไม่มีข้อหาติดตัวเลย อยากให้ลองดูว่าระหว่าง ศอ.รส. และหน่วยอรินทราช กับกบฏ กปปส. ใครจะถูกจับก่อนกัน ส่วนที่นายสุเทพบอกจะประกาศชัยชนะนั้น ถ้า 3 วันที่เหลืออยู่แกนนำนายสุเทพ ทยอยถูกจับทุกวัน แล้วจะชนะอย่างไร และแปลกใจที่ผู้ร้ายคดีกบฏ มีข้อหาฆ่าคนตายมาประกาศจับ ครม.
     "อยากได้ยิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากปากของท่านเองเลยว่า จะลุกขึ้นพูดว่า ประกาศขอไม่เป็นนายกฯ คนกลาง บอกมาคำเดียวเท่านั้น ถ้าบอกว่าไม่เป็นทั้งสิ้น เราจะปรบมือให้ยาวนานที่สุดที่ถนนอักษะ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีท่าทีใด ก็สันนิษฐานได้เลยว่า อยากเป็น นายกฯ คนกลาง ควบตำแหน่ง ผบ.ทบ.ใช่หรือไม่ คนไทยจะได้ต่างคนต่างอยู่ หมดสงสัยในตัวท่าน หากไม่พูดเราก็ไม่ไว้ใจท่านได้จริงๆ"นายจตุพรกล่าว

@ ตั้งรางวัล 5 ล้านจับ'สุเทพ'
    เวลา 22.30 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัยบนเวทีถนนอักษะตอนหนึ่งว่า ในฐานะรัฐมนตรี ถ้านายสุเทพ จะมาจับขอให้มาจับเลย แต่ขอให้จับตาย เพราะไม่ขออยู่ภายใต้นายสุเทพแม้เสี้ยววินาทีเดียว เพราะเป็นรัฐมนตรีภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่นายสุเทพเป็นกบฏ
    "มีคนโทรศัพท์มาบอกผมว่า วันพรุ่งนี้เขาจะโอนเงินเข้าบัญชี นปช. จะนำเงินนำจับให้รางวัล 5 ล้านบาท จับนายสุเทพได้เอาไปเลย และหวังว่าสัปดาห์หน้า ศาลจะถอนประกันแกนนำ กปปส.ที่มีหมายจับ เพราะแกนนำได้ประกาศชัดเจนว่าจะคุกคามและไล่ล่าประชาชน คณะรัฐมนตรีให้ลาออกตามอำเภอใจ" นายณัฐวุฒิกล่าว

@ แดงอีสานทยอยเข้า'อักษะ'
      นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน เปิดเผยว่า กรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ประกาศให้ นปช.ทั่วประเทศ ระดมคนเพื่อเข้าร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ขั้นสูงสุดระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคมนั้น ในส่วนของ นปช. 20 จังหวัดภาคอีสาน ล่าสุดได้มีการทยอยเดินทางเข้าถนนอักษะตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ที่ร่วมเข้าชุมนุม และกำลังทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะเลือกการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว รถโดยสาร และมีบางส่วนที่มาขึ้นรถที่ทางแกนนำได้จัดเตรียมไว้ให้ 
     ด้านนายเรืองอำนาจ พุทธิวงศ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมทหารพรานเพื่อประชาธิปไตย (นพปช.) พร้อมอดีตกองกำลังทหารพรานที่มีภูมิลำเนาในเขตอีสานใต้กว่า 100 คน ได้เตรียมสัมภาระสิ่งของจำเป็นขนขึ้นรถโดยสาร 2 คัน รวมทั้งยานพาหนะส่วนตัว เพื่อมุ่งหน้าเดินทางเข้าร่วมกิจกรรม นปช.ที่ถนนอักษะ

@ นปช.สุพรรณฯเคลื่อนสมทบ
     พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ ประธาน นปช.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ได้เตรียมมวลชนชาวเสื้อแดงกว่า 4,000 คน ทั้ง 10 อำเภอของ จ.สุพรรณบุรี เดินทางเข้าไปสมทบกับชาวเสื้อแดงที่ถนนอักษะ โดยใช้การกระจายตัวเดินทางไปแบบกองทัพมด พร้อมกับนำข้าวต้มมัดสุพรรณบุรีกว่า 1,000 มัด ที่ว่าจ้างชาวเสื้อแดงสุพรรณบุรีทำ นำไปเป็นเสบียงในการชุมนุมครั้งนี้ 
    ที่ จ.อ่างทอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณรอบตัวเมืองมีป้ายคัดค้านไม่เอานายกฯ ม.7 ติดไปทั่วเมือง โดยนายประพันธ์ ศรีพาณิชย์ แกนนำ นปช.อ่างทอง กล่าวว่า ที่ต้องติดป้ายประกาศเพื่อแสดงจุดยืนให้ทุกคนได้ทราบว่า แดงอ่างทองไม่เอานายกฯ ม.7 สนับสนุนเฉพาะนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น และหากมีการแต่งตั้งนายกฯ ม.7 ขึ้นมาเมื่อไหร่ นปช.อ่างทองพร้อมที่จะเคลื่อนพลเข้ากรุงแบบรู้วันไป แต่ไม่รู้วันกลับ จะสู้ถึงที่สุด 

@ ส่งฟ้อง'ยศศักดิ์' 19 พ.ค.
     นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการจับกุมนายยศศักดิ์ โกศัยกานนท์ 1ใน 30 ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกบฏเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่อยู่ระหว่างรอขั้นตอนการยื่นฟ้องต่อศาล จึงให้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท โดยวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ส่วนกรณีที่มีการะบุว่านายสาธิต เซกัล แกนนำ กปปส. จะมามอบตัวนั้น ยังไม่ได้รับการติดต่อแต่อย่างใด

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8572 ข่าวสดรายวัน


สปป.ยัน'นิวัฒน์'ทูลพรฎ.ได้ 
กำหนดเลือกตั้ง ไม่ต้องพึ่งกกต. อัดตั้งนายกม.7 ทำลายสถาบัน ปึ้งแจ้งจับ 9 ตศร.


ทำหน้าที่ - นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกฯ เป็นประธานประชุมติดตามการแก้ปัญหาผลผลิตลำไย ลิ้นจี่ ที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ พร้อมยืนยันทางออกประเทศต้องมีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 

      สปป.จัดเสวนาย้ำเลือกตั้งคือทางออกเป็นประตูสู่ปฏิรูป อัดส.ว.ทูลเกล้าฯ นายกฯ เถื่อน ถือเป็นการทำลายสถาบันและหลักประชาธิปไตย ยัน'นิวัฒน์ธำรง'มีอำนาจ นำพ.ร.ฎ.เลือกตั้งทูลเกล้าฯ ได้ ไม่ต้องรอกกต. ด้าน 'นิวัฒน์ธำรง'พร้อมถก 'สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย'19 พ.ค.นี้ ยืนยันทางออกประเทศต้องไม่ผิดกฎหมายและรธน. นัดหารือกกต.ใหม่ในสัปดาห์หน้า ทีมกฎหมายเพื่อไทยยกข้อกฎหมายปิดทาง 3 ข้อเสนอส.ว. ชี้ขัดรธน. เตือนให้ยุติ หากยังดึงดันเจอข้อหากบฏ-หมิ่นเบื้องสูง ขณะที่ส.ว.สายกลางโวยกลุ่ม 40 ส.ว.เลิกแอบอ้างวุฒิสภา เชื่อหารือรัฐบาลไม่มีส่งผลใดๆ แต่ 'พีระศักดิ์ พอจิต'ว่าที่รองประธานวุฒิสภายังไม่หยุด เล็งเรียก 30 ส.ว.เลือกตั้งหารือ 21 พ.ค. ลุ้น 'สุรชัย'กล่อมรัฐบาลรักษาการลาออกสำเร็จ ด้าน'สุรพงษ์'แจ้งจับ 9 ตศร.ผิดอาญามาตรา 157 ปมสั่งพ้นครม.

'นิวัฒน์ธำรง'มั่นใจบิ๊กตู่ไม่ปฏิวัติ
      เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นาย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การผลิตลำไยและลิ้นจี่ของภาคเหนือเพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาด้านราคา จากนั้นเดินทางไปยังข่วงสันกำแพงเชียงใหม่ ศูนย์สินค้าโอท็อป เพื่อรับฟังปัญหาการกระจายสินค้าและหาทางช่วยเหลือ รวมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบน ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมและรายงานข้อมูลสถานการณ์ให้ทราบ
    นายนิวัฒน์ธำรง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ออกแถลงการณ์ระบุทหารพร้อมออกมาระงับเหตุความขัดแย้งอย่างเต็มรูปแบบหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นว่า สิ่งที่ผบ.ทบ.พูดนั้นเป็นการพูดตามขั้นตอน ซึ่งมีหลายขั้นตอน เพื่อไม่ให้เกิดความหวั่นไหวใดๆ แต่ไม่ได้หมายถึงการประกาศกฎอัยการศึก หรือปฏิวัติอย่างที่พยายามจับประเด็นขึ้นมา เชื่อมั่นว่าผบ.ทบ.ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยเช่นกัน

ย้ำทางออกปท.ต้องอยู่ภายใต้รธน.
      นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ตนได้รับการประสานจากวุฒิสภานัดหารือหาทางออกของประเทศในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ยอมรับว่าการหาทางออกให้ประเทศเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องมาพูดคุยและพิจารณาร่วมกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นทางออกใดก็ตามต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ส่วนการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งนั้นคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะนัดกันอีกครั้ง ซึ่งอาจนัดพบกันหรือพูดคุยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ก็ได้ โดยอาจจะเพิ่มเนื้อหากรณีที่มีการขัดขวางการเลือกตั้งให้ขยายเวลาออกไปได้ หากที่ประชุมเห็นตรงกันก็จะเสนอร่างพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการจัดการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ 
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงที่มาปฏิบัติราชการที่จ.เชียงใหม่ ได้นัดพบพูดคุยกับน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ไม่มีการพบปะพูดคุยกันเพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ที่จ.เชียงใหม่

'อ๋อย'ชี้ 3 ข้อเสนอ'สุรชัย'ขัดรธน.
      นายจาตุรนต์ ฉายแสง ปฏิบัติหน้าที่รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กรณีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ว่าที่ประธานวุฒิสภา จัดประชุมส.ว.นอกรอบและมีข้อเสนอถึงรัฐบาล 3 ข้อนั้น แม้จะอ้างว่าเป็นความพยายามหาทางออกหรือแก้วิกฤตของชาติ แต่ข้อเสนอเหล่านี้ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ข้อเสนอที่ 1 ที่ให้แก้ปัญหาวิกฤตของชาติ คืนความสงบสุข ความสมานฉันท์โดยเร็ว พร้อมจัดปฏิรูปทุกด้าน โดยให้นายกฯ และครม.มีอำนาจเต็มนั้น ไม่อาจทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งมาตรา 181 จำกัดอำนาจของครม.รักษาการไว้ จึงไม่ถูกต้องที่จะหาครม. หรือนายกฯ มาทำหน้าที่และมีอำนาจเต็มเหมือนกับครม.ที่มาจากการเลือกตั้ง
    นายจาตุรนต์ ระบุว่า ข้อเสนอที่ 2 ที่เรียกร้องให้รัฐมนตรีและทุกพรรคร่วมมือกับวุฒิสภาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม งดเงื่อนไขรุนแรงนั้น ประเด็นนี้ครม.พร้อมให้ความร่วมมือ ยินดีช่วยลดเงื่อนไขความรุนแรง แต่ส.ว. ที่ประชุมกันอยู่นี้ต่างหากที่ควรระวังไม่เพิ่มเงื่อนไขความรุนแรงเสียเองด้วยการไม่กระทำการใดๆ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย 

วอนทุกฝ่ายเร่งให้เกิดเลือกตั้ง
       นายจาตุรนต์ ระบุว่า ส่วนข้อที่ 3 ที่บอกว่าส.ว.พร้อมทุ่มเทการทำงานอย่างต่อเนื่องและจะนำข้อเสนอของทุกภาคส่วนมาประกอบ โดยวุฒิสภาอาจใช้ข้อบังคับประชุมวุฒิสภาเปิดประชุมวุฒิสภานัดพิเศษเพื่อให้ได้นายกฯ ภายใต้ประเพณีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยเร็วนั้น ต้องบอกว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย รวมทั้งประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างชัดเจน วุฒิสภาไม่สามารถใช้ข้อบังคับของวุฒิสภาเปิดประชุมตามอำเภอใจได้ การประชุมต้องมีพ.ร.ฎ.ให้เปิดประชุมและตามรัฐธรรมนูญ หลังยุบสภาแล้วไม่มีมาตราใดกำหนดให้วุฒิสภาเปิดประชุมเพื่อหานายกฯ คนใหม่ได้ และหากยึดถือรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ผู้ที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไปต้องมาจากส.ส.เท่านั้น 
      นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อจะเห็นว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่มีเหตุผล เมื่อยุบสภาต้องมีการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายต้องช่วยกันเร่งรัดให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว การที่ยังไม่มีการเลือกตั้งไม่เป็นเหตุผลที่จะให้กระทำนอกรัฐธรรมนูญอย่างที่เสนอกันอยู่ 

เย้ย'เทือก'อึดอัดข้อเสนอส.ว.
     นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.กับพวกไม่พอใจผลสรุปการประชุมของส.ว.นั้น นาย สุเทพกับพวกคงอยู่ในภาวะอิหลักอิเหลื่อมาก ถ้าเอาตามข้อเสนอนี้ก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดและจะประสบความสำเร็จหรือไม่ กระแสคัดค้านอาจมากขึ้น แต่ถ้าไม่เอาตามข้อเสนอนี้เสียเลย ต้องไปทำตามลำพังก็ไม่แน่ว่าจะมีคนสนับสนุน ที่น่าห่วงคือขนาดข้อเสนอของส.ว.เหล่านี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยแล้วนายสุเทพกับพวกก็ยังไม่เห็นด้วย แสดงว่าสิ่งที่นายสุเทพและพวกต้องการนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยยิ่งกว่านี้
     นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นอกจากนี้หลายกลุ่มที่ส.ว.เชิญมาหารือ ดูผิวเผินอาจรู้สึกว่าเป็นความคิดเห็นของหลายฝ่าย แต่แท้จริงแล้วก็เป็นกลุ่มคนพวกเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ คือเป็นพวกที่ปฏิเสธการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับนับถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งกว่านั้นแม้จะมีหลายองค์กร เมื่อเทียบกับประชาชนทั้งประเทศแล้วเป็นเพียงกลุ่มคนหยิบมือเดียว ที่สำคัญการเลือกจะกระทำการขัดรัฐธรรมนูญให้ได้นายกฯ ซึ่งไม่ได้ยึดโยงประชาชน แต่เป็นนายกฯ ที่อยู่ภายใต้การกำกับของกลุ่มองค์กรเหล่านี้ย่อมหมายความว่าการประชุมนอกรอบของกลุ่มองค์กรเหล่านี้หาความชอบธรรมไม่ได้ 

'พิชิต'ซัดส.ว.เอื้อประโยชน์กปปส.
      นายพิชิต ชื่นบาน ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขอยืนยันคัดค้านการดำเนินการของส.ว. นำโดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เพื่อให้มีรัฐบาลกลางหรือนายกฯ คนกลาง อ้างว่าเป็นทางออกให้ประเทศ 1. แม้ส.ว.โดยเฉพาะ ส.ว.กลุ่มนายสุรชัย ถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 แต่การ กระทำใดๆ ต้องปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านี้หมายถึงการทำให้บรรลุเป้าหมายนั้นไปสมประโยชน์กับกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อาทิ กลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มิใช่ประชาชนทั้งประเทศ
     2. ทำไมนายสุรชัยกับพวกไม่คิดว่าการเลือกตั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 108 ให้ต้องปฏิบัติภายหลังยุบสภาคือทางออกของประเทศบ้าง การไม่เลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ คือปัญหาของประเทศที่มีผลข้างเคียงอื่นแทรกแซงทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น

ชี้วุฒิสภาตั้งนายกฯ คนกลางไม่ได้
      3. รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าระหว่างที่อายุของสภาสิ้นสุดลงหรือถูกยุบจะมีการประชุมวุฒิสภามิได้ การพิจารณาผู้สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 172 และ 173 เป็นหน้าที่โดยตรงของสภาผู้แทนราษฎร มิได้ให้อำนาจวุฒิสภา ดังนั้น วุฒิสภาไม่อาจจัดประชุมวุฒิสภาระหว่างที่อายุของสภาสิ้นสุดลงหรือถูกยุบ เพื่อพิจารณาผู้ซึ่งสมควรเป็นนายกฯ ได้ และปัญหาที่สำคัญพ.ร.ฎ.ที่จะทูลเกล้าฯ เพื่อขอให้เปิดสภานั้นจะขัดมาตรา 171, 172 และ 173 เสียเองตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 ว่าข้อความของกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดไม่ได้ ยังไม่รวมถึงบทบัญญัติที่ให้อำนาจแก่ประธานสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ นายสุรชัยยังเป็นแค่เพียงรองประธานวุฒิสภาหรือแม้จะเป็นประธานวุฒิสภาเอง รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ให้อำนาจไว้


ทางออก - นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการเครือข่ายสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) ร่วมอภิปรายในหัวข้อ "เลือกตั้งคือทางออก นายกฯเถื่อนคือทางตัน" ที่ มธ.ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 

      4. เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีวุฒิสภา เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหาร รวมถึงการถอดถอนฝ่ายบริหาร อาทิ นายกฯ หรือรัฐมนตรีได้ ดังนั้นดุลยภาพฝ่ายตรวจสอบจะมาตั้งผู้บริหารคือรัฐบาลกลาง หรือนายกฯ คนกลางจึงผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง

ยกคำวินิจฉัยศาลยันยังมีครม.อยู่
      5. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2557 ชัดเจนว่ารัฐมนตรีใดที่ไม่ขาดคุณสมบัติและมีคุณสมบัติต้องห้ามแล้วต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีครม.ใหม่ แสดงว่าปัจจุบันยังมีครม.ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพัน วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ให้ปฏิบัติตาม ดังนั้น การตั้งรัฐบาลกลางขึ้นซ้อนหรือซ้ำกับรัฐบาลที่ยังมีอยู่ จึงไม่อาจทำได้ อีกทั้งการตั้งรัฐบาลกลางขณะที่ยังมีรัฐบาลที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามมาตรา 171 อยู่ตามมาตรา 181 จะถือว่าผู้กระทำการละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ตามมาตรา 8 หรือไม่ ต้องตรองดูให้หนัก
      นายพิชิต ระบุว่า บันทึกนี้ยืนยันเหตุและผลตามหลักกฎหมาย มั่นใจว่าไม่บิดเบือนหรือสร้างเงื่อนปมให้กับวิถีการปกครองแบบรัฐสภาของประเทศนี้อย่างเด็ดขาด แต่บันทึกฉบับนี้อาจเป็นโซ่ตรวนกับบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น แต่มิใช่ประเทศที่ตนหวังเกิดและตายในประเทศนี้อย่างแน่นอน 

แนะส.ว.ยุติสรรหานายกฯ เถื่อน
      ที่พรรคเพื่อไทย นายคณิน บุญสุวรรณ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงว่า นาย สุรชัยไม่มีอำนาจนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงแต่งตั้งตัวนายกฯ เนื่องจากไม่ได้เป็นประธานสภา ที่มีอำนาจตามมาตรา 172 นอกจากนี้ส.ว.สรรหา 73 คน รวมทั้งนายสุรชัยมาจากการเลือกของคณะบุคคลเพียง 7 คน โดยไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง จึงไม่น่าจะมีอำนาจประชุมเพื่อเลือกบุคคลที่จะนำความกราบบังคมทูลได้ 
       "การที่ส.ว.สรรหาชุดนี้ เป็นตัวตั้งตัวตีสมคบคิดกับกปปส. พรรคประชาธิปัตย์ ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ และป.ป.ช. วินิจฉัยถอดถอนนายกฯ ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา และส.ส. ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีเป้าหมายเพื่อถอนรากถอนโคนรัฐบาลให้เกิดสุญญากาศ แล้วจะตั้ง นายกฯ นอกรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องไม่สมควรและควรยุติการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง นายกฯ นอกรัฐธรรมนูญ" นายคณินกล่าว

อาจเจอข้อหากบฏ-หมิ่นเบื้องสูง
       นายคณิน กล่าวว่า หากนายสุรชัย และกลุ่มส.ว.สรรหา ยังดำเนินการต่อไปจะเกิดผล กระทบต่อสถาบันเบื้องสูงและสถาบันการเมืองไทย เพราะหากนำรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยไม่เป็นไปตามมาตรา 171 และ 172 ขึ้นทูลเกล้าฯ จะนำสิ่งที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญขึ้นกราบบังคมทูล ซึ่งเป็นกบฏตามประมวลกฎหมายอาญา และยังหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และกระทำการระคายเคืองเบื้องยุคลบาท และหากมีการตั้งนายกฯ สำเร็จ ครม.ชุดดังกล่าวก็ไม่สามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภาและไม่สามารถเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ต่อสภาได้ เพราะยังไม่มีรัฐสภา
      นายคณิน กล่าวว่า ในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สมาชิกทุกประเทศต้องปฏิบัติตามกฎบัตรอาเซียน โดยเฉพาะต้องยึดมั่นต่อหลักนิติธรรม หลักประชาธิปไตย และรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ตามกฎบัตรอาเซียน ทุกประเทศมีพันธกรณีต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการของประชาคมอาเซียน แต่องค์กรที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของสภาที่มาจากการเลือกตั้ง หากประเทศไทยไม่มีสภา อาจไม่ได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกในเรื่องนี้ 

เย้ยเทือกถูกสุรชัยหลอกเลี้ยงไข้
      นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ระหว่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ นายสุรชัย ไม่รู้ใครต้มใคร ทั้งที่นายสุเทพข่มขู่ คุกคาม กดดันให้นายสุรชัย หานายกฯ คนกลางมาให้ได้ สุดท้ายเจอเหลี่ยมนายสุรชัย จนนายสุเทพอยากเปลี่ยนนามสกุลให้ใหม่เป็น "สุรชัย เลี้ยงไข้เรื่อยไป" เป็นเคราะห์กรรมที่นายสุเทพ ไปต้มคนอื่นเขาเรื่อยมา และนายสุรชัยอาจรู้ตั้งแต่ต้นว่าตัวเองขยับอะไรไม่ได้ แม้แต่ตำแหน่งประธานวุฒิสภาก็ได้มาไม่ถูกต้อง ขัดรัฐธรรมนูญ เปิดประชุมนอกรอบก็เป็นประชุมเถื่อน โรดแม็ปเถื่อน 
      "อะไรก็เกิดขึ้นได้ สถานการณ์ออกได้ทุกหน้า นายสุเทพจะเดินต่อก็ไปไม่ได้ จะลงก็ไม่มีบันไดเพราะบันไดยี่ห้อสุรชัย ชักกลับเสียแล้ว แนวทางสุดท้ายของสงครามครั้งสุดท้าย คือการใช้ความรุนแรงเท่านั้น" นายอนุสรณ์กล่าว 

ปัด'แม้ว'ทุ่ม 7 พันล.ซื้อตัวส.ว.
      นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งซื้อส.ว. 35 คน จ่ายรายละ 200 ล้าน รวมเป็นเงิน 7,000 ล้านบาทนั้น เป็นการดูหมิ่นประชาชน ดูหมิ่นส.ว. เพราะส.ว.ไม่ใช่สินค้าที่จะสั่งซื้อทางโทรศัพท์ได้ แสดงให้เห็นว่านายสุเทพก้าวไม่ข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ ถือแบบประชาธิปัตย์สไตล์ คิดว่าพูดอะไรประชาชนก็เชื่อหมด ทั้งที่พ.ต.ท. ทักษิณมีทรัพย์สิน 70,000 ล้านบาท ถูกยึดไป 46,000 ล้านบาทเหลือ 30,000 ล้านบาท จะนำเงิน 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ไปซื้อตัวส.ว. แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้ นายสุเทพคิดแบบนี้ถึงทำฟาร์มกุ้งเจ๊ง ทำโคออปเจ๊ง ซึ่งการดำเนินการของส.ว.กลุ่มนี้เถื่อนทั้งหมด ไม่ก่อให้เกิดผล จะไปเสียเงินซื้อทำไม

ซัดกกต.ยื้อเลือกตั้งอาจเจอคุก
       นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกกต.ไม่พอใจสื่อมวลชนที่เสนอข่าวกกต.ยื้อเลือกตั้งว่า บ่อยครั้งที่กกต.กินยาผิดซอง ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ทั้งที่ตัวเองเป็นกรรมการ โวยวาย ต่อว่าทุกฝ่ายไม่เว้นกระทั่งสื่อ ถือเป็นการบ่มเพาะศัตรูรอบด้าน หวานเฉพาะกับกปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ นอกนั้นถือเป็นศัตรู ประชาชนมีวิจารณญาณตัดสินใจเองได้ ใครยื้อ ใครต้องการเลือกตั้ง อย่ามัวโทษรัฐบาลรักษาการเพราะเขาต้องเร่งรีบให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้วเพื่อส่งมอบงานต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป กกต.ยื้อแบบนี้ ประชาชนดูอยู่และมีการแจ้งความกับกกต.ในหลายพื้นที่ ดังนั้น หากยังไม่จัดการเลือกตั้งอย่างมุ่งมั่นตั้งใจอยู่แบบนี้ อนาคตอาจติดคุกติดตะรางได้

'พีระศักดิ์'ลุยต่อหานายกฯ เฉพาะกิจ
        นายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว.อุตรดิตถ์ และว่าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ไม่พอใจที่วุฒิสภาไม่มีมติตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจว่า แม้นายสุเทพไม่พอใจวุฒิสภาก็ต้องเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อให้ได้นายกฯ ที่มีอำนาจเต็ม แต่ต้องรอดูการเจรจาระหว่างนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 กับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ถ้าไม่ยอมลาออกคงต้องใช้ช่องทางการเทียบเคียงรัฐธรรมนูญ ให้ส.ว.มาทำหน้าที่สรรหาตัวนายกฯ ที่มีอำนาจเต็มมาบริหารราชการแผ่นดินต่อไป แต่ยังไม่กำหนดกรอบเวลาว่าต้องทำเสร็จเมื่อใด แต่จะทำให้เร็วที่สุด มั่นใจว่าการได้ตัวนายกฯ ที่มีอำนาจเต็มมีโอกาสสูงมาก เพราะขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์
     นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ตนจะเรียกส.ว.เลือกตั้งประมาณ 30 คนมาหารือและทำความเข้าใจเรื่องการหาทางออกประเทศ เพราะที่ผ่านมาอาจมีแต่ส.ว.สรรหาที่มาร่วมเท่านั้น 

ปูดมีส.ว.บินพบ'แม้ว'สิงคโปร์
       เมื่อถามว่านายสุเทพประกาศว่าหลังจากนี้มวลมหาประชาชนจะลุยหาตัวนายกฯ เอง การทำงานของส.ว.จะทันกับการดำเนินการของ กปปส.หรือไม่ นายพีระศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่า กปปส.คงต้องหาวิธีการที่มีกฎหมายรองรับ แต่ยังมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วนายสุเทพคงรอการทำงานของส.ว.อยู่ ซึ่งจะมีความชอบธรรมมากกว่า หากนายสุเทพไม่รอ ส.ว.ก็ต้องดูว่าผลลัพธ์ที่ กปปส.ทำมีผลสมบูรณ์โดยถูกต้องตามกฎหมายและเป็นที่ยอมรับหรือไม่ ถ้ามีผลถูกต้องตามกฎหมายส.ว.ก็จะยุติการทำงาน แต่ถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้นส.ว.ก็ยังเดินหน้าทำงานต่อไป


แจ้งจับ - นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ แจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ในความผิด ม.157 ที่ตัดสินให้รมต.พ้นจากตำแหน่งกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่บก.ปปป. เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 

      ส่วนที่นายสุเทพระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เงิน 7 พันล้านบาท ซื้อตัวส.ว. 35 คน คนละ 200 ล้านบาท นาย พีระศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่เคยได้รับการติดต่อเรื่องนี้ แต่ได้ยินข่าวจากเพื่อนส.ว.ว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีส.ว.บางส่วนบินไปพบพ.ต.ท. ทักษิณ ที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายสุเทพระบุหรือไม่

ส.ว.สายกลางเฉ่ง'สุรชัย'ทำไม่ถูก
     นายตรี ด่านไพบูลย์ ส.ว.ลำพูน ในฐานะกลุ่มส.ว.สายกลาง กล่าวถึงคำแถลงการณ์หาทางออกของประเทศของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่า มีลักษณะไม่เป็นบวก สร้างความผิดหวังต่อกลุ่ม กปปส.ที่ต้องการนายกฯ คนกลาง อีกทั้งกระบวนการเริ่มต้นในการหารือเพื่อหาทางออกให้กับประเทศก็ผิดแล้ว ความจริงนายสุรชัยต้องหารือกันภายในวุฒิสภาให้ตกผลึกทางความคิดก่อนค่อยไปปรึกษากับองค์กรภายนอก แต่กลับไม่ได้เปิดโอกาสให้ส.ว.เลือกตั้งได้แสดงความคิดเห็นใดๆ เลย ฉะนั้นผลที่ออกมามันจึงทำไม่ได้
      นายตรี กล่าวว่า การประชุมหารือดังกล่าวอย่าอ้างในนามของวุฒิสภา เพราะข้อเสนอในแถลงการณ์เป็นเพียงความคิดเห็นในนามของส.ว.กลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่มติส่วนใหญ่ของส.ว.ทั้งหมด ทั้งนี้ กระบวนการของนายสุรชัยที่พยายามทำมาคิดว่าไม่ถูกต้องและไม่มีความชอบธรรมเลย มิหนำซ้ำยังกระทำเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นไปตามกฎหมายอีกด้วย

อย่าดันทุรัง-แนะคุยกันเองก่อน
      "แนวโน้มข้อเสนอของกลุ่มส.ว.สรรหากลุ่มนี้พยายามจะสนับสนุนให้ได้มาซึ่งนายกฯ และรัฐบาลที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจเป็นไปได้ว่าเสียงคงไม่เป็นเอกภาพแล้ว คงเริ่มมีความคิดเห็นที่ต่างกันออกไป เพราะข้อเสนอดังกล่าวพยายามให้ได้นายกฯ มาตรา 7 ซึ่งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากในการตีความตามกฎหมาย อีกทั้งในรัฐธรรมนูญทุกมาตรามีความชัดเจนอยู่แล้ว แต่ขอว่าอย่าเอาวิกฤตความขัดแย้งไปบิดเบือนในหลักการของรัฐธรรมนูญเพราะมันเป็นไปไม่ได้ และอาจนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีความกับส.ว.กลุ่มดังกล่าวได้อีก" นายตรีกล่าว 
      นายตรี กล่าวอีกว่า ส่วนความพยายามของนายสุรชัย และกลุ่ม 40 ส.ว.ที่จะพูดคุยกับนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ในวันที่ 19 พ.ค.นั้น มันเป็นความพยายามที่จะดันทุรังต่อไปของนายสุรชัย และส.ว.สรรหากลุ่มนี้ ซึ่งไม่ว่าจะหารือจนได้ข้อสรุปอย่างไรก็ไม่มีผล เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ผิดและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คิดว่าคณะนี้คงไปรับสัญญาณจากใครหรือเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องไปยังนายสุรชัยว่า ให้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในส่วนของวุฒิสภาทั้งหมดก่อน เพื่อวิเคราะห์ ประยุกต์ ปรับใช้ในจุดร่วมและจุดต่าง จนได้เป็นข้อสรุป ซึ่งจะถือเป็นมติของวุฒิสภาและมีความชอบธรรมในทางกฎหมายด้วย 

มั่นใจสายเลือกตั้งเป็นกลาง
      ส.ว.ลำพูนกล่าวถึงกรณีนายสุเทพระบุ พ.ต.ท.ทักษิณใช้เงิน 7 พันล้านบาทซื้อตัวส.ว. 35 คน คนละ 200 ล้านบาท ไม่ให้เลือกนายกฯ คนกลาง ว่า เหลวไหล ไม่จริง จะเอาเงินที่ไหนมามากขนาดนั้น มั่นใจว่าส.ว.เลือกตั้งทุกคนมีความเป็นกลาง ทุกคนอยากเป็นน้ำมาดับไฟ ไม่ใช่เป็นน้ำมันราดเข้ากองไฟ และตนก็ไม่เคยได้รับการติดต่อในเรื่องดังกล่าว 

สปป.ห่วงเกิดภาวะรัฐซ้อนรัฐ
       เมื่อเวลา 13.30 น. ที่อาคารเรียนรวม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กลุ่มสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย(สปป.) จัดอภิปรายหัวข้อ "เลือกตั้งคือทางออก นายกฯ เถื่อนคือทางตัน" โดยนางพวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเปิดงานว่า สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ย่ำแย่ลงมาสู่ภาวะ "กรวยประชาธิปไตย" เป็นภาพสะท้อนของหัวหน้าแก๊งอันธพาลที่ละเมิดกฎหมายและรัฐธรรม นูญ ยึดหน่วยงานราชการ ส่งคนไปทำร้ายประชาชนที่ต้องการเลือกตั้งและมีมือปืนป๊อปคอร์นทำร้ายผู้อื่น ปัญหาจึงอยู่ที่หัวหน้าแก๊งและผู้ที่สนับสนุนคนพวกนี้ 
      นางพวงทอง กล่าวว่า กลุ่มกปปส.กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนในคราบของคนดี แต่พยายามขัดขวางการเลือกตั้ง มีคนให้ท้ายสนับสนุน ส่วนคนที่ปกป้องประชาธิปไตยกลับถูกมองว่าปกป้องตระกูลชินวัตร ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังป่วยขั้นโคม่า โดยมีฝ่ายกรวยประชาธิปไตยพยายามยุยงให้ทหารปฏิวัติ ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่มีความชอบธรรมใดๆ เลย แม้จะจัดการกับรัฐบาลไม่ได้แต่ดื้อให้มี นายกฯ คนกลาง ทำให้เกิดภาวะ "รัฐซ้อนรัฐ" มาจากการสมคบคิดกันของพวกอภิสิทธิ์ชนที่หวงแหนอำนาจ ไม่สนใจว่ากำลังลากสังคมไทยไปสู่หายนะและการล่มสลายของรัฐ

ย้ำ'นิวัฒน์'ทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ได้
      จากนั้นนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ กล่าวว่า การต่อสู้ตอนนี้เป็นการช่วงชิงความชอบธรรม ซึ่งการหารือระหว่างรัฐบาลกับกกต.เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ต้องล่มไปเพราะมีผู้ชุมนุมบุกเข้าไป จึงสงสัยว่าถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะไม่มีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ และจะทำอย่างไรถ้ากกต.จะยื้อเวลา ซึ่งที่จริงการตราพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งอำนาจอยู่ที่รัฐบาลสามารถนำพ.ร.ฎ.ยุบสภามาจัดทำเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ฎ.ยุบสภา โดยแก้ไขเฉพาะวันเลือกตั้งแล้วนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ โดยมี นายกฯ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
      นายวรเจตน์ กล่าวว่า แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะพ้นจากนายกฯ ด้วยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แต่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ นำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 195 ระบุว่ากฎหมายใดๆ ให้มีรัฐมนตรีเป็น ผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการได้ ไม่ได้บอกว่าต้องให้นายกฯ เป็นผู้กระทำเท่านั้น ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้ว อีกทั้งไม่มีมาตราใดบอกว่าให้กกต.เป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ นายนิวัฒน์ธำรงจึงนำพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งขึ้นทูลเกล้าฯ ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน และถ้ารัฐบาลยืนยันให้มีการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค.ก็ตราพ.ร.ฎ.นี้กำหนดเลือกตั้งในวันดังกล่าวได้เช่นกัน

ชี้ตั้งนายกฯ เถื่อนทำไม่ได้
       นายวรเจตน์ กล่าวว่า ส่วนที่กกต.ขอให้เขียนเพิ่มเติมในร่างพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งว่าให้กกต.แจ้งขอให้รัฐบาลเลื่อนวันเลือกตั้งได้นั้น ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. ให้อำนาจกกต.หรือผู้อำนวยการประจำหน่วยการเลือกตั้งแจ้งเลื่อนวันเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งที่มีปัญหา เช่น น้ำท่วมใหญ่ ออกไปได้ คิดว่าการที่กกต.ขออย่างนั้นเพื่อให้ตัวเองเลื่อนวันเลือกตั้งทั้งประเทศได้แม้มีหน่วยเลือกตั้งเดียวที่มีปัญหาก็ตาม จึงเห็นว่ารัฐบาลทำถูกต้องแล้วที่ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ การไม่มีเลือกตั้งยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤตมากขึ้น 
      นายวรเจตน์ กล่าวว่า ส่วนที่ประชุมวุฒิสภาเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ไม่ได้ระบุไว้ในพ.ร.ฎ.เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ การเลือกดังกล่าวจึงผิดอย่างชัดเจน นายนิวัฒน์ธำรงจึงไม่จำเป็นต้องนำชื่อผู้ที่ได้รับ เลือกเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภาขึ้นทูลเกล้าฯ นอกจากนี้ รองประธานวุฒิสภาไม่มีอำนาจแต่งตั้งนายกฯ แต่ถ้าอยากให้มีนายกฯ และรัฐบาล ต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเพราะ นายกฯ ต้องมาจากส.ส. การจะเอานายกฯ ตามมาตรา 7 หรือโดยการอนุโลมจึงทำไม่ได้ด้วย การไม่รักษากฎหมายแล้วทำเพื่อตัวเองไม่ได้เป็นการรักษาประเทศอย่างที่บางคนกล่าวอ้าง 

เรียกร้องประชาชนคือคนกลาง
       นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เครือข่ายประชาชนคือคนกลาง อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนเป็นคนกลาง ไม่ต้องให้ใครมาเป็นคนกลางแทนตัวเรา ซึ่งกปปส.มีจุดเริ่มต้นที่ดี ตนเป็นคนหนึ่งที่ออกมาเป่านกหวีดต้านกฎหมายนิรโทษกรรม แต่การเป่านกหวีดครั้งนั้นถูกไฮแจ๊กกลางอากาศ การเมืองรูปแบบนี้เป็นเกมที่ถูกสร้างขึ้นแล้วดึงประชาชนเข้าไปในเกมของผู้มีอำนาจ แกนนำไม่เคยตาย และเป็นเกมเดียวกับที่กลุ่มพันธมิตรเคยผ่านมาแล้ว มวลมหาประชาชนเป็นเพียงอารมณ์ร่วม
      นายเจษฎา กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่คนนับล้านคนจะออกมารวมตัวบนถนนได้เพราะคนกรุงเทพฯ มีอยู่เพียง 12 ล้านคน ตัวเลขของมวลมหาประชาชนจึงต่างจากประชามติที่นับตัวเลขที่คูหาลงคะแนน การเมืองล้างสมองแบ่งแยกผู้คนออกเป็น 2 ขั้ว ไม่เหลือพื้นที่ตรงกลาง ถ้าเราปล่อยให้แบ่งแยกระหว่าง กปปส.กับนปช.คนไทยจะฆ่ากันเองอีกครั้ง จึงเรียกร้องให้คนกลางหรือไทยเฉยออกมาเรียกร้องสันติภาพเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะชนะบนซากปรักหักพัง

เลือกตั้ง คือประตูสู่ปฏิรูป
      นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า วาทกรรมเรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเป็นการหลอกลวงและทำให้คนไทยไขว้เขว แนวทางเคลื่อนไหวของกปปส.สุดโต่ง ไม่นำมาซึ่งประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทำให้คนเริ่มถอนการสนับสนุนไปเรื่อยๆ บ้านเมืองอยู่ในสภาวะอันตราย ต้องโทษที่กลุ่มชนชั้นนำเก่าเพราะลำพังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.คงทำโดยลำพังไม่ได้ จึงขอให้สังคมไทยตั้งสติ ถอนตัวเองจากหลุมดำความขัดแย้ง เริ่มต้นจากการเลือกตั้งให้เป็นประตูสู่การปฏิรูป คืนความปกติสุขให้สังคมไทย เพราะที่ผ่านมาเราเป็นลมบ้าหมูเสียสติไป
       "ความขัดแย้งรอบนี้ไม่ใช่การปกป้องพรรคหรือบุคคลใด แต่สู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยที่จะถูกลิดรอนโดยชนชั้นนำ ไม่มีประเทศใดแช่แข็งตัวเอง ยกอำนาจอธิปไตยของตัวเองไปให้คนส่วนน้อยจากการแต่งตั้ง สังคมไทยต้องไม่ยอมให้กับสภาวะอนาธิปไตย กรวยอธิปไตย ตอนนี้มีคนตายไปกว่า 20 ราย เศรษฐกิจพังพินาศ เราไม่ควรต้องจ่ายขนาดนี้เพื่อปฏิรูป เราจึงควรใช้ประชาธิปไตยปกติที่ทุกคนมีส่วนร่วม" นายประจักษ์กล่าว

จี้กกต.ต้องจัดหย่อนบัตรให้ได้
      นายประจักษ์ กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่และกกต.เอาจริงเอาจัง เราต้องจัดเลือกตั้งได้แน่นอน แต่ถ้าทำไม่ได้ต้องถือว่าเราเกิดวิกฤตการเมือง อาจถึงเวลาต้องเชิญองค์กรต่างชาติให้เข้ามาจัดเลือกตั้งแทนกกต. เช่นเดียวกับกัมพูชาที่เชิญองค์กรนานาชาติเข้ามาจัดเลือกตั้ง
     นพ.วีระ สิริประเสริฐ สมัชชาสาธารณสุขปกป้องประชาธิปไตยกล่าวว่า พวกตนเห็นว่าอาชีพหมอต้องรักษาและช่วยชีวิตคน ไม่ใช่ไล่ล่า จึงรวมกลุ่มเพื่อแสดงออกถึงความคิดเห็น ถ้าเรายอมให้นายกฯ เถื่อนเข้ามาได้ ประชาชนที่ออกมาต่อต้านจะถูกปราบ กรวยเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจนิยม ถ้าเราไม่ออกมาต่อต้านเท่ากับยอมรับความรุนแรง ประชาชนจึงไม่ควรเคลิ้มตามการตั้งนายกฯ คนกลางหรือนายกฯ เถื่อน ทุกคนอยากตัดสินด้วยการเลือกตั้งที่มีพรรคการเมืองเข้าร่วมมากกว่า 40 พรรค เพื่อให้คนไทยได้ปกครองตัวเอง

'เกษียร'ชี้นายกฯเถื่อนทำลายสถาบัน
       นายเกษียร เตชะพีระ หัวหน้าสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อภิปรายปิดการเสวนาเรื่อง "ข้ามกรวยไปเลือกตั้ง" ว่า ความสำเร็จทางการเมืองคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะระบอบนี้เชื่อมร้อยเรียงสิ่งที่คนไทยรักที่สุดในทางการเมืองไว้ด้วยกัน คือ รวมสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญกับประชาชนเข้าด้วยกัน แต่ข้อเสนอนายกฯ เถื่อนของกปปส.จะทำลายระบอบประชาธิปไตยฯ และแยกทุกสิ่งออกจากกัน 
      นายเกษียร กล่าวว่า นายกฯ เถื่อนคือนายกฯ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่ ม.7 แต่เป็นม.มั่ว นายกฯ เถื่อนคือการใช้กำลังบังคับ ข่มขู่ ยัดเยียดให้คนไทยยอมรับ และถ้ายังทูลเกล้าฯ นายกฯ เถื่อนให้ทรงลงพระปรมาภิไธย ย่อมเท่ากับทูลเกล้าฯ ถวายนายกฯ เผด็จการให้สถาบันพระมหากษัตริย์รับรอง ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ เป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างร้ายแรงที่สุด

ฉะอำมาตย์กลัวเลือกตั้ง
       "สิ่งที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ใช่แค่การเลือกตั้งเหมือนที่ผ่านมา ไม่ใช่การเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่โดยเนื้อแท้เป็นการเลือกระหว่าง 2 ระบอบคือ 1.ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขที่คล้องรวมเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญเข้าไว้ด้วยกัน กับ 2.ระบอบกรวยๆ แล้วคนไทยจะเลือกอะไร" นายเกษียรกล่าว
       นายเกษียร กล่าวว่า การที่กปปส.จะตั้ง นายกฯ คนนอก จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งให้ได้ ทำทุกอย่างเพราะกลัวการเลือกตั้ง พวกอำมาตย์กลัวการเลือกตั้งเพราะเป็นกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจรัฐเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาควบคุมไม่ได้ ไม่เหมือนรัฐประหารหรือตั้งนายกฯ คนกลาง อำมาตย์จึงลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าไม่เลือกตั้ง นานาชาติก็ไม่ยอมรับ แต่จะปล่อยให้เลือกตั้งก็จะควบคุมไม่ได้ ดังนั้น การเลือกตั้งจึงเป็นคำตอบที่ชอบธรรมที่สุด 

ปชป.ยาหอมให้กำลังใจส.ว.
       ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงวุฒิสภามีข้อเสนอ 3 ข้อในการหาทางออกประเทศว่า แม้จะไม่ถูกใจทุกฝ่ายและมวลมหาประชาชน แต่พรรคขอให้กำลังใจกลุ่มส.ว. เพราะทำงานบนพื้นที่ฐานที่เห็นตรงกันว่าเราจำเป็นต้องปฏิรูป ต้องมีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มเข้ามาบริหารประเทศ แต่แผนปฏิรูปประเทศไม่สามารถเดินหน้าได้ เพราะรัฐบาลรักษาการและนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ไม่ยอมเข้าหารือกับวุฒิสภา อ้างว่าติดภารกิจดูแลปัญหาแผ่นดินไหวทางภาคเหนือ ทั้งที่ปัญหาเกิดมาเป็นสัปดาห์แล้วแต่ไม่สนใจ 
      นายชวนนท์ กล่าวว่า จึงขอเรียกร้องให้นายนิวัฒน์ธำรงเสียสละเข้าหารือกับวุฒิสภา ไม่ต้องรอถึงวันที่ 19 พ.ค. เพราะการเสนอชื่อ นายกฯ ไม่ได้เสนอตามมาตรา 7 แต่ทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 180 ซึ่งจะดำเนินการได้ต่อเมื่อนายนิวัฒน์ธำรงให้ความร่วมมือ ถ้าได้รัฐบาลใหม่ก็จะแก้ปัญหาประชาชนได้ทุกเรื่อง

แฉรัฐใช้ 5 ยุทธศาสตร์รักษาอำนาจ
        ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลไม่คำนึงถึงการเดินหน้าหาทางออก กลับใช้ยุทธศาสตร์เพื่อรักษาอำนาจไว้ใน 5 ประการ คือ 1. เดินหน้าเลือกตั้งก่อนการปฏิรูป 2. ใช้มวลชนคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวกดดันฝ่ายตรงข้ามทุกรูปแบบ 3. ใช้มวลชนสนับสนุนรัฐบาลสายฮาร์ดคอร์ออกมาคุกคาม ประกาศว่าจะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น 4. ใช้กลไกของรัฐจัดการข้าราชการระดับกลางที่ไม่ยอมสยบให้กับอำนาจรัฐ และ 5. ใช้ข้าราชการระดับสูงที่ได้ดีจากระบอบทักษิณ ไล่บี้นักธุรกิจ เอกชนที่สนับสนุนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่ยุทธศาสตร์นี้คงไม่สามารถยับยั้งการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้
      นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้คนแดนไกลกำลังสั่งให้เดินหน้าแผนเขียนเสือให้วัวกลัวใน 3 แบบ คือ 1. เสือกระดาษ แต่เป็นกระดาษที่ขาดรุ่งริ่ง ไม่มีหัวแต่พยายามรักษาอำนาจเต็มที่ โดยจัดการกับฝ่ายที่เห็นต่าง ยัดข้อหาบุกจับกุมให้ดูน่ากลัว เพื่อลดมวลชนฝ่ายตรงข้ามแต่มวลชนไม่กลัว 2. เสือลอบกัด มีการใช้ปืนเอ็ม 16 และระเบิดเอ็ม 79 เป็นใบเบิกทางก่อเหตุรายวันยามกลางคืน 3. เสือข้างถนนที่มีมวลชนไม่มาก แต่วันนี้ยุทธศาสตร์เขียนเสือให้วัวกลัวไม่ได้ผลเพราะวัวออกมาเป็นล้านตัว และเสือ 3 เสือก็ไม่มีที่อยู่ กลายเป็นเสือลำบากเหมือนกับเสือลำบากที่อยู่แดนไกล 

'ปึ้ง'แจ้งจับ 9 ตศร.-ปมสั่งพ้นครม.
      เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ปปป.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ เข้าพบพล.ต.ต.สุภธัช คำดี ผบก.ปปป. และพ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ ผกก.1 บก.ปปป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตศร.) รวม 9 คน ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 157 จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสุรพงษ์ พร้อมคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ในคดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช. 
      นายสุรพงษ์ กล่าวว่า คดีโยกย้ายนายถวิลนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ได้ร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเฉพาะกรณีนายกฯ เพียงคนเดียว แต่ตศร.ทั้ง 9 คน มีคำวินิจฉัยให้นายกฯ ตนและรัฐมนตรีรวม 10 คนพ้นจากตำแหน่ง ทั้งที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีโอกาสสู้คดีและชี้แจงข้อกล่าวหา ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจึงเตรียมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีกับตุลาการฯ ทั้ง 9 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามป.อาญา มาตรา 157 ส่วนรัฐมนตรีคนอื่น คาดว่าจะทยอยเข้าแจ้งความเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป 
     เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายสุรพงษ์ พร้อมรวมรวบพยานหลักฐานก่อนดำเนินการต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!