- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 14 September 2014 20:23
- Hits: 3602
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8691 ข่าวสดรายวัน
รัชตะ ยันนั่งควบ ไม่สนปี๊บ คุยทำได้ดีทั้ง 2 เก้าอี้ นัดเคลียร์ปัญหากับชาวมหิดล 'บิ๊กตู่'ยกก๊วนตีกอล์ฟวันหยุด มท.ป๊อกฮึ่มฟัน-สอบไมค์แพง
 ไม่สนปี๊บ - นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข พร้อมทีมที่ปรึกษา เดินทางเข้ากระทรวงสาธารณสุขเป็นวันแรก โดยรมว.ยืนยันควบอธิการฯ ม.มหิดลต่อไป เมื่อวันที่ 13 ก.ย. |
'หมอรัชตะ'ไม่สนปี๊บ เข้ากระทรวงสาธารณสุข วันแรก ฟุ้งนั่งควบอธิการบดีมหิดลไม่มีปัญหา จะทุ่มเททำงานทั้ง 2 ที่อย่างเต็มที่ไม่ให้งานสะดุด นัดแจงประชาคมมหิดลใน 2-3 สัปดาห์นี้ มอบนโยบาย สธ. 10 ข้อ เน้นสามัคคี ประชาชนสุขภาพดี เข้าถึงบริการ'มท.ป๊อก'เน้นมหาดไทยทำงานโปร่งใส ไร้ทุจริต เผยนายกฯ ตั้งกก.สอบไมค์แพงแล้ว ลั่นหากพบทุจริตดำเนินการทันที 'เสี่ยปึ้ง'ชี้เลิกกฎอัยการศึกไม่ส่งผลด้านท่องเที่ยว เหตุชาวโลกรู้ คสช.ยังอยู่ หนุน'บิ๊กตู่'ลงพื้นที่บ่อยๆ จะได้รับรู้ปัญหาชาวบ้าน ห้ามจัดฉาก เหน็บทีมพีอาร์คว้ารางวัลตุ๊กตาทอง'ชวลิต'รองเลขาฯ พท. ชวน'บิ๊กอู๋'เยี่ยมศูนย์ผู้สูงอายุนครพนม พร้อมเชิญรมว.การท่องเที่ยวฯ เที่ยวงานไหลเรือไฟ ปชป.หวั่นนโยบายนามธรรมออกทะเล แนะตั้งคณะกรรมการแปลงให้เห็นเป็นรูปธรรม
บิ๊กตู่พักผ่อนตีกอล์ฟก๊วนเพื่อน
วันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เก็บตัวพักผ่อนอยู่กับครอบครัวในบ้านพักกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) จากนั้นในช่วงบ่ายออกไปตีกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนสนิทที่สนามกอล์ฟย่านนอร์ท ปาร์ค โดยพล.อ.ประยุทธ์มีใบหน้ายิ้มแย้มสดใส
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์เตรียมเชิญคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมรับฟังการมอบนโยบายรัฐบาลต่อหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงและเทียบเท่า รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 17 ก.ย. โดยจะชี้แจงนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสนช. รวมถึงแนวทางการทำงานและนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลกำหนดไว้
ยงยุทธนัดถกรัฐมนตรี 4 กระทรวง
ด้านนพ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรีมีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 ก.ย. ในช่วงบ่ายวันเดียวกันจะเชิญประชุมรัฐมนตรี 4 กระทรวงที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล ประกอบด้วย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อหารือแนวนโยบายการทำงานร่วมกันก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายในวันรุ่งขึ้น
หมอรัชตะเข้ารับตำแหน่งรมว.สธ.
เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และนพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข เดินทางเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาและทีมวิชาการ อาทิ นพ. ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา กรรมการสุขภาพแห่งชาติ อดีตรองปลัด สธ. นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตรองปลัด สธ. นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นพ.ปรีดา ทัศนประดิษฐ์ และนพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผอ.ร.พ.ขอนแก่น โดยมี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัด สธ. อธิบดีทุกกรม ผู้ตรวจราชการ สธ. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สธ.ต้อนรับ
นพ.รัชตะและนพ.สมศักดิ์เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในกระทรวงสาธารณสุขเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางเข้าไปที่ห้องทำงาน บริเวณสำนักงานปลัดกระทรวงชั้น 4 โดยจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำห้องทำงานและลงนามในหนังสือรับหน้าที่ตำแหน่งรัฐมนตรี จากนั้นเข้าประชุมเพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานสาธารณสุขให้แก่ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข
มอบนโยบายสาธารณสุข 10 ข้อ
นพ.รัชตะกล่าวภายหลังมอบนโยบายว่า นโยบายการดำเนินงานที่มอบให้กระทรวงสาธารณสุขมี 10 ข้อ เพื่อให้การทำงานบรรลุเป้าหมายคือประชาชนมีสุขภาพดี เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพและเท่าเทียม และดำเนินงานตามหลักการทำงานของนายกรัฐมนตรีคือทำเลย ทำจริง ทำให้เห็นผล และทำต่อเนื่อง โดยมีหลักการทำงานร่วมกับ ผู้บริหารและบุคลากรสาธารณสุข 3 ประการ ได้แก่ 1.เรียบง่าย ยึดสารัตถะของงานเป็นหลัก ประหยัดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ต้องมีการมอบของขวัญหรือติดป้ายต้อนรับในเทศกาลต่างๆ หรือในการตรวจเยี่ยมหน่วยบริการ โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยงต้อนรับไม่ต้องมี
เน้นสามัคคี-รับฟังความคิดเห็น
รมว.สาธารณสุขกล่าวต่อว่า 2.สามัคคี ยอมรับความคิดเห็นที่หลากหลาย ร่วมกันทำงานให้บรรลุเป้าหมายคือสุขภาพดีของประชาชน และมีความสามัคคีทั้งในกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถทำงานคนเดียวในการสร้างสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนได้ และ 3.มีธรรมาภิบาล ใช้หลักนิติธรรม คุณธรรม ความโปร่งใส มีส่วนร่วม มีความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าในการทำงาน ขอใช้โอกาสนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนสร้างหลักธรรมาภิบาล เช่นเดียวกับการตอกเสาเข็มสร้างรากฐานที่มั่นคง เพื่ออภิบาลระบบการทำงานในกระทรวงสาธารณสุขให้เกิดประโยชน์กับประชาชนไทยอย่างยั่งยืน
"การเข้ามาทำงานทั้งผม รมช. ทีมที่ปรึกษาและทีมวิชาการ จะร่วมกันกำหนดเป้าหมาย กระบวนการทำงาน ผู้มีส่วนร่วมในการทำงานด้านนโยบาย โดยจะทำงานให้เสร็จภายใน 1 เดือน และเชื่อมโยงกับงานที่กระทรวงดำเนินการอยู่แล้ว นโยบายทั้ง 10 ข้อไม่สามารถทำได้เพียงลำพังหรือเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่อยากให้เกิดการทำงานร่วมกัน" รมว.สาธารณสุขกล่าว
ย้ำ 1 ปีวางรากฐานเห็นผลรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสร้างความสามัคคีในกระทรวงสาธารณสุขอย่างไร นพ.รัชตะกล่าวว่า ความเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเอาความเห็นที่แตกต่างมาทำงานให้เกิดข้อสรุปร่วมกัน ต้องสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันของแต่ละกรม กอง จึงต้องหันมาปรึกษากันแบบมีส่วนร่วม จะบรรเทาความขัดแย้งและก้าวไปด้วยกัน สำหรับการดำเนินนโยบายเขตสุขภาพที่ยังมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่นั้น สาระสำคัญที่อยากเห็นคือการพัฒนาระบบปฐมภูมิ ใกล้บ้าน ใกล้ใจ ให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน โดยมีนโยบายว่าต้องทำให้เกิดความเข้มแข็งแล้วนำไปเชื่อมโยงถึงการดูแลในระดับที่สูงขึ้นในโรคที่ยากขึ้น สร้างระบบการส่งต่อ โดยทำให้เป็นกลุ่มจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันให้สมบูรณ์ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนในการเดินทางไกล ต้องมีระบบการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ สร้างโครงสร้างระบบบริการให้เข้มแข็งในกลุ่มจังหวัด ทั้งนี้ต้องทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในทุกระดับทั้งชุมชน ท้องถิ่น โรงพยาบาล ซึ่งต้องหารือในการจัดสรรทรัพยากร คงต้องขอเวลาในการพูดคุยหารือกับทุกฝ่าย รวมถึงกลไกการเงิน การคลัง "นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าการทำงานจะอยู่เพียงระยะสั้นเพื่อวางรากฐาน ทำงานเพียงปีเดียวแต่ออกแบบการทำงานให้เห็นผลในเวลารวดเร็วและเพื่อให้เห็นผลการทำงานในอนาคตด้วย" นพ.รัชตะกล่าว
นัดแจงมหิดลปมควบ 2 เก้าอี้
ต่อข้อถามถึงนโยบายเรื่องค่าตอบแทนหรือพีฟอร์พีที่ยังไม่สามารถเดินหน้าได้ รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า จะอยู่บนหลักการที่ทำให้คนทำงานในกระทรวงมีความสุข มีศักดิ์ศรี ภูมิใจในการทำงาน โดยจะดูรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่แพทย์ชนบทคัดค้านเรื่องดังกล่าวก็ต้องเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจกันต่อไป
ส่วนการนั่งควบ 2 ตำแหน่งทั้งรมว.สาธารณสุขและอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลนั้น นพ.รัชตะกล่าวว่า การทำงานทั้ง 2 ตำแหน่งจะไม่มีปัญหาอะไร จะทุ่มเทตั้งใจทำงานทั้งสองที่ไม่ให้การดำเนินงานทั้ง 2 องค์กรต้องสะดุด จะนัดหมายชี้แจงกับประชาคมของมหิดลภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ โดยตนจะไปเข้าร่วมการประชุมด้วย อยากขอให้รอฟัง ยังไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้ แต่จะมีควมชัดเจนแน่นอน ได้แจ้งให้ประชาคมมหิดลรับทราบแล้ว
บิ๊กป๊อกเน้นมท.โปร่งใสไร้ทุจริต
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เผยถึงนโยบายการทำงานว่าจะใช้กลไกทั้งหมดของกระทรวงมหาดไทยมาทำงานร่วมกันในทุกระบบ เน้นสร้างความปรองดอง ใช้หน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยชี้แจงประชาชนให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของประชาชน บำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้ความยุติธรรม การดำเนินงานทุกเรื่องต้องโปร่งใส ไม่มีการทุจริต
ส่วนเรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง ไมโครโฟนในห้องประชุม ครม.และห้องประชุมในตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตอาจมีการทุจริตเกิดขึ้นนั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงและไม่ต้องการให้เกิดการทุจริต จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว หากไม่ต้องการให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในประเทศต้องเริ่มจากรัฐบาลก่อนเป็นลำดับแรก ขอให้รอผลการตรวจสอบก่อน ซึ่งจะดำเนินการด้วยความรวดเร็ว
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า จะตรวจสอบ 2 เรื่อง คือ 1.มีการทุจริตจริงหรือไม่ การตรวจสอบจะไม่เกี่ยวกับราคาการจัดซื้อว่าถูกหรือแพง แต่จะดูว่ามีขั้นตอนใดมีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ หากพบต้องดำเนินการเด็ดขาด และ 2.การจัดซื้ออุปกรณ์มีราคาสูงเกินไปหรือไม่ เท่าที่ฟังการชี้แจงเบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการต่อรองราคาและอยู่ในช่วงทดลองใช้เท่านั้น
ปึ้งชี้เลิกอัยการศึกไร้ผลท่องเที่ยว
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลว่า เขียนครอบคลุมดี แต่ปัญหาคือจะทำได้จริงหรือไม่ นโยบายการต่างประเทศอาจทำได้แค่เฉพาะในอาเซียน ทวีปยุโรป อเมริกา เขาคงไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ยึดอำนาจ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงสร้างความเข้าใจกับเขาลำบาก ทางที่ดีที่สุดคือต้องยืนยันอย่างเข้มแข็งชัดเจนว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนกลับสู่ประชาธิปไตยเมื่อไหร่ ถ้ายังกำกวมก็ลำบาก กฎอัยการศึกคงไม่ต้องยกเลิก เพราะจะเลิกหรือไม่ก็ไม่ทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้น ชาวโลกเขารู้ว่ายังมี คสช.อยู่ ในเรื่องกฎหมายนั้นที่ผ่านมามีปัญหาเพราะไม่ปฏิบัติตาม จึงไม่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าพล.อ. ประยุทธ์รู้ดีอยู่แล้ว ต้องฝากผู้ดูแลรักษากฎหมาย ให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีมาตรฐานคงที่ ไม่ทำกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต่างจากอีกฝ่าย
เหน็บทีมพีอาร์รางวัลตุ๊กตาทอง
"ขอให้กำลังใจนายกฯ บริหารประเทศนับจากนี้ไป การเดินทางลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนประชาชนถือว่าดีแล้ว ขอให้ไปเยอะๆ บ่อยๆ จะได้รู้ว่าชาวบ้านต้องการอะไร แต่ขอร้องว่าให้ไปแบบธรรมชาติ อย่าไปเกณฑ์คนจัดฉาก เพราะจะไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริง เรื่องการสร้างภาพประชาสัมพันธ์ต้องยกนิ้วให้ทหารยุคนี้ ทำดีมากตั้งแต่ยึดอำนาจมา ถ้าเป็นผู้กำกับฯ ต้องได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า นอกจากนี้อยากฝากให้ดูแลบริหารข้าราชการให้ดี โดยเฉพาะเรื่องการทำงานซ้ำซ้อน แย่งกันใช้งบประมาณ หลายเรื่องรัฐบาลต้องสั่งการเองให้ชัด ถ้าปล่อยให้ข้าราชการทำจะเป็นมิติเดิมๆ เช่น เรื่องสินค้าการเกษตรที่เราต้องเอาไปขายชาวโลก อันไหนดีคนก็แห่ปลูกสุดท้ายก็ล้นตลาด ถ้าใช้ข้าราชการแก้ปัญหาก็เหมือนเดิม แถมจะตกเป็นเหยื่อพ่อค้าอีก
พท.เมนต์นโยบายรบ.ตามโรดแม็ป
ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อ่านรายละเอียดคำแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีแล้วเห็นว่าวางแนวทางตามโรดแม็ปที่วางไว้ 3 ระยะ โดยระยะแรกระงับความขัดแย้ง ระยะสองประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว การผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี และจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ระยะสามประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรและจัดการเลือกตั้งทั่วไป พล.อ. ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่าการดำเนินการทั้ง 3 ระยะเป็นพันธกิจที่รัฐบาลยึดมั่นและจะดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามตนเคยให้ความเห็นประเด็นหัวใจของปัญหาบ้านเมือง การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และให้ข้อเสนอแนะไว้หลายครั้งแล้ว จึงไม่ขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมอะไรอีก แต่จะคอยติดตามเหมือนคนไทยทั่วไปที่ห่วงใยประเทศเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทั้งในและนอกประเทศต่างเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของไทยด้วยความห่วงใย
เชิญกอบกาญจน์เที่ยวไหลเรือไฟ
นายชวลิต กล่าวต่อว่า ขอฝากถึงพล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมฯ ว่า ในฐานะคนกันเองอีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลออกพรรษา หากกลับบ้านที่นครพนมฝากไปตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาและจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุนครพนม ในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมการมูลนิธิผู้สูงอายุบ้านนครพนม จะรอต้อนรับและให้ข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พล.ต.อ.อดุลย์นำไปปรับใช้ในระดับประเทศ ประการสำคัญถ้ามีโอกาสเชิญนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวฯ มางานเทศกาลไหลเรือไฟนครพนมระหว่างวันที่ 1-9 ต.ค.นี้ จะได้ทั้งบุญและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศที่กำลังซบเซาให้คึกคัก
อิสสระติงอย่ามองการเมืองเลวร้าย
นายอิสสระ สมชัย อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เท่าที่ดูนายกรัฐมนตรีเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ภาพรวมคงจะมาจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติซึ่งกว้างมาก จึงไม่กล้าฟันธงอะไร ทั้งนี้แม้นโยบายจะดีอย่างไรหากไม่เร่งรัดบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงจัง งานที่ออกมาอาจไม่ สัมฤทธิผลอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้ารัฐบาลใช้อำนาจจริงจังเต็มที่ โดยเฉพาะการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ประชาชนจะไว้วางใจเอง
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ต้องการดำเนินนโยบายที่เป็นประชานิยมเพราะไม่ต้องหาเสียงกับประชาชนนั้น ถ้าทำประชานิยมแล้วประชาชนได้ประโยชน์ก็ไม่น่ามีปัญหา อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องเลวร้ายหรือน่ารังเกียจ เพราะหากควบคุมดูแลการใช้จ่ายเงินอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เสียวินัยการเงินการคลัง โดยป้องกันการ ทุจริตคอร์รัปชั่นได้ การเมืองไม่ได้เลวร้ายอย่างที่บางฝ่ายพยายามสร้างภาพให้สังคมมองว่าการเมืองไม่ดี เพราะฉะนั้นการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งหรือการรัฐประหารต้องยึดถือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากงบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก โดยส่วนตัวขอให้กำลังใจรัฐบาล อยากให้ทำงานบรรลุเป้าหมาย แต่รัฐบาลเองต้องยอมรับการตรวจสอบจากทุกฝ่ายด้วย
หวั่นนโยบายนามธรรมออกทะเล
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าอยากเห็นรัฐบาลดำเนินการตามโรดแม็ปที่ใช้เวลา 1 ปี อะไรที่ต้องทำก็ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ อะไรที่คิดว่าวางรากฐานไว้ให้รัฐบาลชุดต่อไปทำต่อ แต่เมื่อดูนโยบายแล้วยังกว้างไป เพราะเวลา 1 ปียากที่จะประสบความสำเร็จ บางเรื่องเป็นนามธรรม เช่น การปลูกฝังให้เยาวชนภูมิใจในชาติ รักชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น ซึ่งประเทศในโลกที่ทำแล้วคืออังกฤษหรือรัสเซียที่เริ่มให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้ประวัติศาสตร์มากขึ้น ลดการเรียนภาษาต่างประเทศลง แต่ของเราเวลานายกรัฐมนตรีพูดอย่างนี้ไม่รู้ว่าคนทำจะเอาไปแปลงออกมาปฏิบัติอย่างไร เพราะไม่รู้ว่านายกฯ ต้องการอะไร คนทำอาจคิดเพียงว่าประวัติศาสตร์ชาติที่มีการรบกันในการกอบกู้เอกราช โดยทำออกมาเป็นแบบท่องจำ ถือว่าเป็นการแปลงเจตนาที่ผิด ต้องมีคนอีกชุดไปคิดว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดจะแปลงเป็นภาคปฏิบัติได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นนโยบายจะออกทะเลแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
ครม.หลายคนเริ่มเป็นนักการเมือง
"ผมดูแล้ว ครม.เริ่มมองว่า ท่านทั้งหลายเป็นนักการเมืองตัวจริง เริ่มคิดแบบนักการเมือง ซึ่งถือว่าผิดแล้ว มีการมองยุทธศาสตร์เรื่องวงแหวน การคมนาคม นิคมอุตสาหกรรม 10 ปี ก็ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ และถ้าคิดอยากอยู่ยาวหรือสืบทอดอำนาจถือว่าการทำรัฐ ประหารครั้งนี้ไม่สำเร็จ จะเป็นเหมือนปี 2549 ดังนั้นอะไรที่ต้องทำให้จบภายใน 1 ปี จะวัดตรงไหน ไม่ได้หมายความว่าต้องทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จ จึงควรให้ประชาชนประเมินว่าอะไรคือสิ่งที่ประสบความสำเร็จ" นายนิพิฏฐ์กล่าว
เล็งปรับภาษีต้องคิดให้รอบคอบ
นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายรัฐบาลด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีใหม่ ทั้งภาษีที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และภาษีมรดกว่า ตอนนี้มีกฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สิ่งสำคัญของการปรับปรุงภาษีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ภาครัฐต้องคิดให้รอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะส่งผล กระทบต่อประชาชน การที่พล.อ.ประยุทธ์แถลงนโยบายรัฐบาลว่าจะปรับปรุงโครงสร้างดังกล่าวนั้น เท่าที่ฟังยังไม่ชัดเจน รัฐบาลเป็นคนเสนอที่จะดำเนินการก็ต้องชัดเจนว่าจะทำอย่างไรก่อนเริ่มประกาศใช้
"เป้าหมายที่สำคัญต้องคำนึงถึงอัตราภาษี ความโปร่งใส ประชาชนคนที่มีรายได้น้อยจะจ่ายภาษีเยอะหรือไม่ ตรงนี้เรากำลังรอดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร แต่ปัญหาของภาษีทรัพย์สินและภาษีมรดกผมเห็นว่าเป็นปัญหาในเรื่องกฎหมาย เราต้องปรับแก้กฎหมายเดิมด้วย เช่น ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ซึ่งมีอยู่หลายฉบับ โลกเปลี่ยนไปแล้วมาตรการทางภาษีใหม่ก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย" นายเกียรติกล่าว
รับฟังความเห็น-เน้นโปร่งใส
นายเกียรติ กล่าวด้วยว่า สำหรับภาษีมรดกนั้นในหลายประเทศจัดทำแล้ว แต่เรายังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจน การปรับปรุงต้องมีแนวคิดที่หลากหลาย ถ้ารัฐบาลจะปรับปรุงต้องชัดเจนว่าหลักคิดคืออะไร เนื่องจากภาษีมรดกเป็นภาษีที่มีแนวคิด ถ้าคิดไม่ครบถ้วนแล้วประกาศออกมา คนอาจคิดว่าจะจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงหรือไม่ หรือรัฐบาลจะจัดเก็บภาษีเข้ารัฐให้ได้มาก รัฐบาลควรฟังความเห็นจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าถ้าดำเนินการจัดทำแล้วจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ และควรจะคำนึงถึงความโปร่งใสด้วย
