- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 14 September 2014 19:26
- Hits: 4079
บิ๊กตู่เดือดลือรวย 2.8 หมื่นล. จวกข่าวมั่ว สั่งห้ามเอาภาพขึ้นป้ายเชียร์ ตั้งกก.สอบซื้อไมค์แพง สนช.ปลื้มนโยบายรบ. 15 กย.เริ่มเคาะชื่อสปช. บัวแก้วโต้นิรโทษสากล 'ป้อม'ตั้ง 57 นายพลตร.
"บิ๊กตู่"ยันรัฐบาล ยึดหลักทำงาน"จริงใจ จริงจัง ยั่งยืน" สั่งทุกหน่วยโชว์ผลงานใน 1 ปี ลั่นไม่เป็นรบ.อยู่ไปวันๆ โต้ลั่น-ข่าวรวย 2.8 หมื่นล้าน ให้รอผลสอบไมค์ทำเนียบแพง "บัวแก้ว"แจงปมองค์การนิรโทษกรรมสากล
"บิ๊กตู่"ยันไม่มีประชานิยม
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อ สนช. โดยก่อนเข้าสู่วาระนายพรเพชรแจ้งให้สมาชิก สนช.ทราบว่า การอภิปรายใดๆ อย่าพาดพิงบุคคลภายนอก เพราะอาจจะถูกฟ้องทางแพ่งและทางอาญาได้ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า รัฐบาลชุดนี้แม้ใช้อำนาจทำหน้าที่ตามกฎหมายเช่น รัฐบาลก่อนๆ แต่แตกต่างด้านเงื่อนไขและเวลา เพราะต้องสืบทอดสานต่อภารกิจจากที่ คสช.เคยกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศไว้ก่อนแล้ว 3 ระยะ ตั้งแต่เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา
"แม้ความเร่งด่วนและรุนแรงของปัญหาที่รอแก้ไขเยียวยามีมาก เมื่อเทียบกับกรอบเวลาทำงานอันสั้น ขณะเดียวกันประชาคมโลกกำลังเฝ้าการเปลี่ยนแปลงของไทยด้วยความห่วงใย รัฐบาลจะไม่ถือว่าเป็นจุดอ่อนหรือข้อจำกัด แต่เป็นความท้าทายให้ต้องเร่งคิด เร่งทำ จนเกิดผลสัมฤทธิ์ รัฐบาลไม่ได้จัดตั้งขึ้นจากพรรคการเมือง จึงไม่มีนโยบายที่ใช้หาเสียงหวังคะแนนประชานิยม และไม่ต้องวิตกว่าจะพาประเทศเข้าไปผูกพันจนเสียวินัยการคลังเป็นภาระในอนาคต การทำงานแต่ละกระทรวงจะบูรณาการสอดคล้อง หรือไม่พายเรือคนละที เพราะเรามีนโยบายเป็นเอกภาพ วางรากฐานให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ารับช่วงได้ยั่งยืน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่นจัดการพวกหมิ่นสถาบัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย 11 ด้าน ดังนี้ 1.การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกและความผูกพันภักดีของคนจำนวนมาก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ แบ่งเป็น 2.1 ระยะเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน 2.2 เร่งแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ 2.3 พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย รักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ ปลอดพ้นการคุกคามทุกรูปแบบ และ 2.4 เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักการนโยบายการต่างประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของนโยบายองค์รวมทั้งหมดในการบริหารราชการแผ่นดิน
เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ มีนโยบายเฉพาะหน้าเร่งสร้างโอกาส อาชีพ และการมีรายได้ที่มั่นคงต่อผู้ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ โดยปรับปรุงกฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ เตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและสังคมที่หลากหลายจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมทั้งการแก้ปัญหาไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร
นายกฯกล่าวว่า 4.การศึกษาและเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา และศิลปวัฒนธรรม โดยจะนำการศึกษาศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ และความเป็นไทยมาสร้างสังคมให้เข้มแข็งมีคุณภาพและคุณธรรม ทั้งนี้ พลทหารที่เข้ามากองทัพสนับสนุนให้มีการเรียน กศน. เพราะบางคนเข้ามาไม่มีความรู้ เมื่อจบออกไปจะได้ช่วยพ่อแม่ได้ ดังนั้นอยากให้กระทรวงศึกษาฯไปดูว่าจะทำอย่างไร เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ติงโจ๋อยากเป็นนางเอก-คุณชาย
"สิ่งสำคัญคือการอ่านหนังสือ เพื่อเพิ่มความรู้ เพิ่มวิสัยทัศน์ จัดระเบียบตัวเอง ทีวีก็ดูแต่ละคร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ วันหน้าอยากเป็นนางเอก อยากเป็นคุณชาย แล้วก็รักกัน ร่ำรวย ก็ได้แค่นี้ วันนี้เรากำลังจะสร้างหนังอยู่ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สร้างหนังแบบ Lost in Thailand พาคนมาเที่ยวประเทศไทย รักกัน ชอบกัน ระหว่างท่องเที่ยว ตอนนี้ได้พระเอก นางเอกแล้ว เหลือพ่อพระเอก ลุง ขอให้ไปสมัครกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯกล่าวว่า 5.การยกระดับคุณภาพและบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน โดยจะวางรากฐาน พัฒนา และเสริมความเข้มแข็งให้แก่การบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพประชาชน โดยเน้นความทั่วถึง ความมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
หาทางสางหนี้รัฐ7 แสนล้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 6.เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนิน 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที อาทิ สานต่อนโยบายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะต่อไป ต้องแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ โดยประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจพร้อมรักษาเสถียรภาพอย่างเหมาะสม อาทิ การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงต่างๆ การปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษี ปรับปรุงโครงสร้างภาษี ให้คงอัตราภาษีเงินได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ขยายฐานการจัดเก็บภาษีใหม่ เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และระยะยาว ต้องวางรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตต่อเนื่อง
"การบริหารหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นช่วงรัฐบาลที่ผ่านมามีมากกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้าจะทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการลงทุนพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วนหาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดระยะเวลาชำระคืนให้นานที่สุดเพื่อลดภาระงบประมาณในอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เร่งเชื่อมโยงศก.อาเซียน
นายกฯกล่าวว่า 7.ส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน โดยเร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในอาเซียน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ พัฒนาแรงงานภาคอุตสาหกรรม และเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์ต่อเชื่อมเส้นคมนาคมขนส่ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 8.พัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม นำไปสู่การผลิตบริการที่ทันสมัย 9.รักษาความมั่นคงฐานทรัพยากร และสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 10.ส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ดันตั้งองค์กรปฏิรูปยุติธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 11.ปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ระยะเฉพาะหน้าเร่งปรับปรุงประมวลกฎหมายหลักและกฎหมายอื่นๆ ที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เพิ่มศักยภาพหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมายและจัดทำกฎหมายให้ปฏิบัติงานได้รวดเร็ว
"ระยะต่อไปจะจัดตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีให้รวดเร็ว เป็นธรรม และมีระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน รวมทั้งปรับปรุงระบบช่วยเหลือทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่าย ส่งเสริมกองทุนยุติธรรม เพื่อคุ้มครองช่วยเหลือคนจนและผู้ด้อยโอกาส และนำมาตรการทางการเงิน ภาษี การป้องกันการฟอกเงินมาใช้ในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สั่งทุกกระทรวงโชว์งานใน1ปี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นโยบายที่แถลงเป็นแนวทางการทำงานของรัฐบาล โดยมีหลักชัยอยู่ที่การสร้างสังคมที่มีการปฏิรูป มีความเป็นธรรม และไม่ทุจริต เราตระหนักว่านโยบายจะเป็นผลสัมฤทธิ์ต่อเมื่อมีการจัดทำแผนปฏิบัติรองรับอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดให้หน่วยงานต้องปฏิบัติมีระยะเวลา วิธีการ และงบประมาณที่ชัดเจน โดยจำกัดกรอบเวลา 1 ปี ตามปีงบประมาณ และระยะเวลาของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องสร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ ไม่ใช่ทำได้โดยง่าย เพราะยังมีปัญหาและอุปสรรคอีกมาก การเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของคนที่แตกต่างอย่างรุนแรงจนต่อสู้กันให้เข้ามาใกล้เคียงกันเป็นเรื่องใหญ่ แต่รัฐบาลสัญญาว่าจะใช้ความวิริยะอุตสาหะ ความอดทนอดกลั้นเพื่อฟันฝ่าปัญหาแลอุปสรรคให้ได้
"นโยบายทั้งหมด พูดให้ดี เขียนให้หรู ไม่ได้ทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ แล้วจะเหนื่อยทำไม เพราะฉะนั้นทุกกระทรวงจะต้องยึดถือแล้วนำไปปฏิบัติ และทำริเริ่มเพิ่มเติมไปด้วย สิ่งไหนทำได้ ก็ทำทันที แล้วให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี อันไหนที่ยั่งยืนก็ทำต่อเพื่อรัฐบาลหน้า เพราะบางอย่างใช้เวลาเป็นชาติ ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"บิ๊กตู่"ห้ามติดรูปตามถนน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนแผนการปฏิบัติงานได้เตรียมไว้หมดแล้ว จะนำเข้า ครม.โดยเร็ว ทั้งนี้ความต้องการของประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญ อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่ประชานิยม ที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย และตามโรงเรียนและสถานที่ราชการให้ติดบัญญัติ 12 ประการ โดยไม่ต้องมีรูปตน และห้ามติดรูปตนตามถนน
"รัฐบาลนี้ตั้งเป้าหมายไว้สูง เพราะประชาชนคาดหวัง ต่างชาติเฝ้าดู ซึ่งเป็นงานที่ยากและท้าทาย แต่ก็เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส ขอให้ประชาชนติดตามต่อไปอย่างมีเหตุผล โดยวันที่ 17 กันยายน จะซักซ้อมทำความเข้าใจกับส่วนราชการอีกครั้ง ดังนั้นทั้ง สปช. (สภาปฏิรูปแห่งชาติ) และ สนช. เข้ามาควบคุมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ไม่ปิดบัง ไม่ปิดกั้น เราให้ความเป็นธรรม ขอให้คุยกันดีๆ ไม่ใช่ไปตีกันตามสื่อ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
โต้ลั่นรวยอู้ฟู่น2.8หมื่นล.
"มีอย่างที่ไหนว่าผมไปสั่งธนาคาร ไม่ให้เปิดเผยเงินฝากผมกับน้องจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ถ้าผมมีถึงขนาดนั้น คงไม่มายืนอยู่อย่างนี้ คงเอาให้ชาวนาไปแล้ว หรือเอาไปสร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ แต่ผมไม่รวยขนาดนั้น วันนี้ขอให้ลดปัญหาความขัดแย้งให้เร็วที่สุด ต้องแก้ไขให้ได้ ประเทศชาติจะต้องเดินหน้าไปโดยไม่มีความขัดแย้ง ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศ นโยบายของรัฐบาลคือทำก่อน ทำจริง ทำทันที เกิดผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ส่วนหลักการของรัฐบาลคือ จริงใจ จริงจังและยั่งยืน" นายกฯกล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณ พร้อมยกมือไหว้สมาชิก สนช.ในห้องประชุมทุกด้าน และกล่าวว่าพร้อมตอบคำถาม แต่คงไม่ได้อยู่ต่อ เพราะต้องไปตรวจน้ำท่วม ที่ จ.สุโขทัย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาแถลงนโยบายราว 2 ชั่วโมง
"ตวง"เตือนรบ.ปมไมค์แพง
ต่อมาเวลา 12.10 น. หลัง พล.อ.ประยุทธ์แถลงนโยบายเสร็จ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ให้สมาชิก สนช. 30 ราย ที่แจ้งความประสงค์ได้อภิปราย ไม่เกินคนละ 10 นาที การอภิปรายเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีการประท้วงคัดค้าน สมาชิก สนช.ต่างแสดงความเห็นพ้องต่อนโยบายรัฐบาล
นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช. อภิปรายว่า รัฐบาลนี้มีจุดแข็งอยู่ที่ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี แต่จุดแข็งอาจจะเป็นจุดอ่อนที่ต้องระวัง อย่างเรื่องการซื้อไมค์ราคาแพงที่อาจถูกวางยาทางการเมือง เหมือนกรณีการแจกปลากระป๋องเน่าช่วงน้ำท่วมก่อนหน้านี้
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. อภิปรายว่า บอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องเข้าไปจัดการ เพราะบอร์ดรัฐสาหกิจต่างๆ ถือเป็นจุดที่มีการทุจริตมากที่สุด มีข้อมูลคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร เอาจริงเอาจังในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
สนช.ชื่นชมนโนยายรบ.
ต่อมานางสุวรรณี สิริเวชภัณฑ์ สมาชิก สนช.อภิปรายว่า เห็นว่าเป็นนโยบายที่ครอบคลุม อย่างไรก็ตาม ขอฝากนายกฯเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของสตรี เนื่องจากสตรีทุกภาคส่วนของสังคมยังไม่ได้รับโอกาสอย่างจริงจัง อยากให้หยิบยกกฎหมายเกี่ยวกับสตรีให้มีการบังคับใช้และเกิดประโยชน์โดยแท้จริง
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. กล่าวว่า การแถลงนโยบายเสมือนการทำสัญญาประชาคมภายใต้ข้อจำกัดระยะเวลา 1 ปี นำประเทศไทยไปสู่การเปลี่ยนผ่านและปฏิรูป อยากให้ทำเรื่องเร่งด่วนให้เสร็จ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย ต้องจริงจังกับกฎหมายการปราบปรามการทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ในฐานะประธานการประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่าการถ่ายถอดสดการประชุม สนช. จะยุติการออกอากาศทางช่อง 11 ระหว่างเวลา 15.00-15.30 น. เพื่อถ่ายทอดสดการลงพื้นที่ จ.สุโขทัยของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด ขณะที่การอภิปรายส่วนใหญ่ชื่นชมนโยบายรัฐบาล หลังสมาชิกอภิปรายครบทุกคนแล้วเปิดให้ ครม.ชี้แจง
"อุ๋ย-วิษณุ"แจงรื้อภาษี-คุมโกง
จากนั้นเวลา 17.05 น. ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกฯกล่าวขอบคุณสมาชิก สนช.แทนนายกฯ และชี้แจงว่า รัฐบาลจะปฏิรูปโครงการภาษีแน่นอน โดยภาษีศุลกากรจะลดลงตามหลักเกณฑ์ของโลกและประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) แต่จะปรับเพิ่มภาษีด้านเกี่ยวกับธุรกิจการค้า ภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สินและที่ดิน ประเทศไทยเก็บภาษีได้ประมาณ 19% ของรายได้ประชาชาติ ขณะที่ประเทศอื่นเก็บภาษีได้ 24-25% การจะเพิ่มภาษีแบบใหม่จะระมัดระวังไม่ให้กระทบผู้มีรายได้น้อย
ต่อมานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯชี้แจงถึงการปราบปรามการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า รัฐบาลจะใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจะเผยแพร่ประวัติศาสตร์พระราชกรณียกิจโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า โครงการในพระราชดำริมีมากมาย จึงต้องการให้หน่วยงานที่นิยมเดินทางไปดูงานต่างประเทศกลับมาดูงานโครงการพระราชดำริ ส่วนเรื่องกฎหมายนั้นขณะนี้รัฐบาลเลือกนำกฎหมายที่ดีที่ค้างจากรัฐบาลชุดก่อนเสนอให้ สนช.ได้พิจารณา โดยกฎหมายส่วนใหญ่จะตอบสนองนโยบาย รวมทั้งรัฐบาลจะเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงปราบปรามการทุจริตด้วย
อภิปราย8ชม.ราบรื่น-ไร้ท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐมนตรีชี้แจงแล้ว ม.ร.ว.ปรีดียาธรกล่าวขอบคุณสมาชิก สนช.สำหรับคำติชม คำแนะนำดีๆ เพื่อให้รัฐบาลนำไปปรับปรุงการทำงานดีขึ้น จากนั้นนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน ทำหน้าที่ประธาน แจ้งที่ประชุมว่า ถือว่า สนช.รับทราบการแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้ว และสั่งปิดการประชุมเวลา 18.15 น. รวมเวลาอภิปรายกว่า 8 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยรอบอาคารรัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งเต็นท์กองอำนวยการอยู่หน้าประตูทางเข้าสวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) ตรงข้ามอาคารรัฐสภา พร้อมกระจายกำลังโดยรอบร่วมกับทหาร ขณะที่ภายในอาคารรัฐสภาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาดูแล โดยห้ามผู้สื่อข่าวรอที่บ่อปลาคาร์พ หน้าอาคารรัฐสภา 1 เหมือนก่อนหน้านี้ ให้อยู่ภายในห้องโถงอาคารรัฐสภา1 เท่านั้น รวมทั้งบริเวณชั้นลอยก็ให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปรอ โดยให้สัมภาษณ์ได้แค่ฟุธบาธ ไม่สามารถเข้าไปภายในระเบียงชั้นลอยได้
"บิ๊กตู่"ให้รอผลสอบไมค์แพง
ต่อมาที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ถึงแนวโน้มการยกเลิกกฎอัยการศึกว่า เรามีมาตรการอยู่ เราเห็นใจเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยว และกำลังดำเนินอยู่ว่าจะทำอย่างไร เราต้องช่วยกันปรามๆ คนที่เคลื่อนไหวอยู่ รัฐบาลนี้ต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะความขัดแย้ง และการเตรียมการสู่โรดแมประยะที่ 3 เรื่องการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านและเรื่องย่อยๆ เป็นร้อยๆ เรื่อง ต้องไปดูว่าอะไรต้องทำก่อน ทำจริง ทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์ใน 1 ปีให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างระบบเครื่องเสียงห้องประชุม ครม. ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า เราตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ต้องหาความชัดเจนให้ได้ในเรื่องนี้ ใจเย็นๆ ขั้นตอน ราคาจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาทำ
"ถ้าจะพูดว่าเราเจตนาทำมันคงไม่ใช่ ส่วนเป็นเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันหรือเปล่า ผมไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวจะไปสอบ ถ้ามีเรื่องเหล่านี้ เราสอบทุกเรื่อง ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ อย่ากดดันเรา อย่าไปตัดสินด้วยตัวเอง ให้คณะกรรมการตัดสินมา ให้หน่วยงานตรวจสอบขึ้นมา นายกฯจะต้องดูแล เราบอกแล้วว่าเราไม่อยากให้เกิดการทุจริต และประชาชนต้องไว้ใจในการทำงานของพวกเรา ทุกย่างก้าวเราระวังอยู่แล้ว แต่ต้องบอกว่ามีคนมากมายที่เกี่ยวข้อง ต้องไปสอบดูว่าผิดถูกตรงไหนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า "โอเคนะ ไปละ สวัสดี เดี๋ยวที่ จ.สุโขทัย เขารออยู่ เราเจอกันอีกนาน ใจเย็นๆ นะ" ผู้สื่อข่าวถามว่านานแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "นานเท่าที่เจอนั่นล่ะ อยู่ที่พวกเราทุกคนนะ ให้เราทำงานก่อนละกัน สงสัยก็ไปฟังเพลงละกัน"
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ถือเป็นการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ โดยใช้เวลาทั้งหมดกว่า 7 นาที
ปปช.พร้อมสอบไมค์แพง
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจากนายศรีสุววรณ จรรยา เลขาธิการองค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช ตรวจสอบกรณีการจัดซื้อไมโครโฟนในห้องประชุม ครม. ที่มีราคาสูงเกินจริงว่า เข้าสู่ระบบการทำงานของ ป.ป.ช แล้ว เรื่องที่ยื่นให้ตรวจสอบไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าใครผิด แต่เป็นเรื่องการจัดซื้อว่าเป็นอย่างไร แบบไหน มีการทุจริตจริงหรือไม่
"เมื่อยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ทาง ป.ป.ช. ก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงตามระบบ ส่วนระยะเวลาการทำงาน คงไม่กำหนด แต่ดูว่ามีข้อเท็จจริงเข้าข่ายที่จะไต่สวนได้หรือไม่ หากไต่สวนได้ก็จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่หากตั้งไม่ได้ก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป" นายวิชากล่าว
"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เป็นรบ.อยู่ไปวันๆ
ต่อมา เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่ารัฐบาลแถลงนโยบายกับ สนช.เรียบร้อยแล้ว สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ในฐานะนายกฯ มีความสบายใจที่ได้ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบ และจารีตประเพณี จากนี้พวกเรา ครม.และประชาชนจะร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกัน ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศในทุกมิติ
"เราจะไม่เป็นรัฐบาลที่อยู่ไปวันๆ เพื่อรอการปฏิรูปหรือรอการเลือกตั้ง เราจะพยายามทำงานในลักษณะที่ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต คำว่าอนาคตนั้นไม่ได้หมายความว่าแค่ปีต่อไปหรือรัฐบาลต่อไป แต่ต้องเป็นการปูรากฐานของประเทศให้เข้มแข็งของการเป็นประชาธิปไตย ช่วยกันเติมอิฐ หิน ปูน ทราย เหล็ก จัดทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ไม่ล่มสลายลงอีกโดยเด็ดขาด คนไทยทุกคนต้องช่วยกันเป็นสถาปนิก มาช่วยก่อสร้างประเทศชาติกันใหม่ให้ถาวรและยั่งยืนตลอดไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขอกลุ่มต้านหยุดเคลื่อนไหว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวเริ่มมีการต่อต้านกันทั้งทางเปิดเผยบ้าง ลับบ้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ มีการกล่าวให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดียกันมากพอสมควร อยากขอร้องช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญว่าแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอย่างไรเพื่อร่วมกันทำให้ประเทศชาติไทยเดินหน้าต่อไปให้ได้ หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรจะยกเลิกกฎอัยการศึก เพื่อจะได้เคลื่อนไหวต่อไป คิดว่าเราปฏิรูปไม่ได้แน่นอน เป็นหน้าที่ของตน ของ ครม.ที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจดีถึงปัญหาเรื่องนี้ ถ้าท่านคิดว่าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ท่านต้องหยุดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการต่อต้านหรือสร้างความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าเราต่อสู้กันเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ประเทศหยุดไปด้วย ทุกอย่างก็เดือดร้อนไปหมด ประชาชนเดือดร้อน บ้านเมืองเสียหาย ถ้าท่านต้องมาทำตรงนี้จะรู้ว่าไม่ง่ายที่จะทำให้ถูกอกถูกใจคนทุกคน ถ้าใครผิดก็ต้องผิด ถ้าพยานครบ หลักฐานครบ ก็ต้องผิด หนีไปไหนก็ไม่ได้ไม่มีความสุข ต้องถูกดำเนินคดีและหาความสุขไม่ได้
ทูตสหรัฐ-ญี่ปุ่นยินดี"บิ๊กเจี๊ยบ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อ สนช.แล้ว เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าไปกระทรวงการต่างประเทศ โดยวางพานพุ่มสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จากนั้น รับฟังการบรรยายสรุปงานและมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูง
ต่อมา เวลา 15.30 น. นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ตามด้วยนายชิเกะคะสุ ซะโต เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาช่วงเย็น พล.อ.ธนะศักดิ์ ร่วมงานเลี้ยงรับรองกับผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ
ต่อมา พล.อ.ธนะศักดิ์ให้สัมภาษณ์หลังนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทยและนายชิเกะคะสุ ซะโต เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคาราวะ ว่า ได้หารือถึงพัฒนาการและบทบาทของไทย ต่างชาติมีความมั่นใจไทยมากขึ้น หลังดำเนินตามโรดแมปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้เห็นว่าไทยต้องมีความเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้อาเซียนล้มลง เพราะไทยถือว่ามีบทบาทสำคัญ การที่ไทยมีรัฐบาล อาเซียนมีความยินดี หลังจากนี้จะเชิญผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากต่างประเทศเข้ามาสัมมนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อหาแนวทางสร้างความปรองดอง และนำมาดัดแปลงใช้กับประเทศไทยให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ส่วนที่ไทยถูกสหรัฐจัดสถานการณ์การค้ามนุษย์อันดับต่ำที่สุดนั้น ทูตคริสตี้ก็ยอมรับว่าไม่เห็นด้วย เพราะไทยได้ปฏิบัติอย่างดี แต่อาจจะติดขัดเรื่องกฎกติกาบางอย่าง ซึ่งไทยจะถือโอกาสเริ่มต้นใหม่ โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศระดมความคิดเห็นและนำข้อเสนอที่ดีมาปรับปรุงแก้ไขอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าไทยจะถูกจัดอันดับดีขึ้น
2ชาติยันพร้อมทำงานรบ.ไทย
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นางเคนนีย์ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐพร้อมจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย โดยไทยถือเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้ พร้อมแสดงความยินดีที่ พล.อ.ธนะศักดิ์จะไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก เพราะเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้กล่าวสุนทรพจน์ในเรื่องบทบาทของไทย เนื่องจากสหรัฐตระหนักในบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยและความมุ่งมั่นเกี่ยวกับโรดแมปของไทยที่จะพาประเทศเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
นายเสขกล่าวว่า ส่วนเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแสดงความพร้อมที่รัฐบาลญี่ปุ่นมีความปรารถนาที่จะทำงานใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดนี้ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือไทยและญี่ปุ่น เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจญี่ปุ่นในภูมิภาคนี้ ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ยืนยันว่า ไทยพร้อมอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนของญี่ปุ่น ทั้งนี้ญี่ปุ่นหวังว่า พล.อธนะศักดิ์และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะเดินทางเยือนญี่ปุ่น
นายกฯเยือนพม่าชาติแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อ สนช.แล้ว เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าไปกระทรวงการต่างประเทศ โดยวางพานพุ่มสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จากนั้นรับฟังการบรรยายสรุปงานและมอบนโยบายให้กับข้าราชการระดับสูง
ต่อมาเวลา 15.30 น. นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ตามด้วยนายชิเกะคะสุ ซะโต เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ต่อมาช่วงเย็น พล.อ.ธนะศักดิ์ร่วมงานเลี้ยงรับรองกับผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กำหนดการเยือนต่างประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เพื่อแนะนำตัวหลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯนั้น คาดว่าจะเริ่มขึ้นในปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคม โดย พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางเยือนพม่าเป็นประเทศแรก เนื่องจากเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้ จากนั้นจะไปเยือนมาเลเซียเป็นลำดับต่อไป
บัวแก้วโต้นิรโทษกรรมสากล
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีองค์การนิรโทษกรรมสากล (เอไอ) ออกแถลงการณ์กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วง 100 วันหลังการยึดอำนาจการปกครองโดย คสช. ว่ารายงานของเอไอมีข้อเสนอต่างๆ ที่ถือว่าเป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ในเรื่องการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งฝ่ายไทยมีข้อสังเกตในหลายประเด็นต่อรายงานฉบับนี้ ซึ่งก็ปรากฏในเว็บไซต์ของเอไอประกอบรายงานฉบับนี้ด้วย
"รายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากลไม่ได้เท้าความถึงบริบทที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม ที่มีความรุนแรงและความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความไม่มีเสถียรภาพและความไม่ปลอดภัยซึ่งส่งผลกระทบกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนไทยด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังไม่ได้สะท้อนความเห็นของประชาชนไทยที่แท้จริงส่วนใหญ่ที่เห็นว่าในช่วง 100 วันที่ผ่านมา สถานการณ์ในประเทศไทยกลับสู่สภาวะปกติ อีกทั้งประชาชนยังรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย" นายเสขกล่าว
ยันไม่มีทรมานคนถูกคุมตัว
นายเสขกล่าวว่า แม้จะมีการบังคับใช้กฎอัยการศึกแต่รายงานกลับไม่ได้พูดถึงการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ อาทิ การเปิดให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุเสนอข่าวได้ตามปกติ หรือการยกเลิกเคอร์ฟิว ขณะที่กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการทำร้ายร่างกายบุคคลต่างๆ คสช.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีการกล่าวหาแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำใดๆ ที่เป็นการทรมานผู้ที่ถูกควบคุมตัวแต่อย่างใด ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่มีอยู่ถือเป็นมาตรการชั่วคราว หากสถานการณ์มีพัฒนาการในทางบวกก็จะผ่อนปรนมาตรการต่างๆ อาทิ อาจพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ในอนาคต
นายเสขกล่าวว่า ที่ผ่านมา คสช.มีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรอิสระรวมถึงเอไอมาโดยตลอด ผู้แทนเอไอก็เคยเดินทางจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาพบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยรวมถึง คสช. และยังแสดงความชื่นชมที่ได้มีการหารือกันอย่างตรงไปตรงมาเพื่อประกอบการทำรายงานฉบับดังกล่าว รัฐบาลและ คสช.ก็ยังมีความยินดีที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับเอไอและองค์กรเอกชนต่างประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่องเช่นที่ผ่านมา และจะยังคงติดต่อกับเอไอเพื่อแจ้งให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป
คสช.ชี้"เอไอ"ดูไม่รอบด้าน
พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีองค์การนิรโทษกรรมสากลตั้งข้อสังเกตถึงแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในการเชิญบุคคลเข้ารายงานตัว ว่า คสช.เชิญหรือเรียกตัวบุคคล 2 ลักษณะ คือ 1.เชิญบุคคลที่มีส่วนในความขัดแย้ง ทั้งทางตรงทางอ้อม และทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพื่อมาทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติ รวมถึงขอความร่วมมือที่จะร่วมกันพัฒนาชาติ ไม่ได้เชิญมาในฐานะผู้กระทำความผิด แต่ละบุคคลที่เชิญมาอาจใช้ระยะเวลาดูแลแตกต่างกันบ้างตามความเหมาะสม
"หลังเสร็จสิ้นกระบวนการ ไม่เคยมีข้อร้องเรียนจากผู้ที่เชิญมา ว่าได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างไม่เหมาะสม หรือแสดงท่าทีที่เป็นลบ