- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 14 September 2014 19:07
- Hits: 4105
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8690 ข่าวสดรายวัน
ห้ามติดรูป-ป้ายเชลียร์ 'บิ๊กตู่'ลุย ภาษีที่ดิน-มรดก ต้องปฏิรูป-จัดเก็บใหม่ จ้อยาวนโยบาย 2 ชั่วโมง ปิ๊งไอเดีย-หนังตีปี๊บปท. สั่งตั้งกก.สอบไมค์ทอง
เข้ากระทรวง - พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ในโอกาสเข้าทำงานวันแรก ที่กระทรวงพม. ย่านสะพานขาว เมื่อวันที่ 12 ก.ย. |
'บิ๊กตู่'ถอดเครื่องแบบใส่สูทแถลงนโยบายต่อสนช.ใช้เวลา 2 ชั่วโมงแจงที่ประชุม โชว์วิสัยทัศน์สั่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯสร้างหนังประชาสัมพันธ์ประเทศ จูงใจให้ต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทย พร้อมสั่งห้ามติดรูป-ป้ายเชลียร์ตามท้องถนน ลั่นลุยแน่ภาษีมรดก ทรัพย์สินและที่ดิน เผยกรณีไมค์ทองคำห้องประชุมครม.ตั้งกรรมการสอบแล้ว ด้านป.ป.ช.กลับลำรับมาตรวจสอบเช่นกัน อ้างมีผู้ร้องเรียนเข้ามาแล้ว คสช.โต้กลับแอมเนสตี้อ้างข้อมูลไม่รอบด้าน
บิ๊กตู่สวมสูทสีเทาแถลงนโยบาย
วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยา กาศก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีวาระพิจารณาเรื่องคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสนช.เป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.และผบ.ทบ. เดินทางมายังอาคารรัฐสภาเมื่อเวลา 09.45 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ในชุดสูทสีเทา เนกไทสีชมพูอ่อน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้แถลงเองทั้งหมดก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่จ.สุโขทัย ซึ่งถือเป็นภารกิจแรกในฐานะ นายกฯ เมื่อถามว่าหลังจากลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยแล้วจะลงพื้นที่ดูแลปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดภาคใต้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "เดี๋ยวไปๆ"
ขณะที่รัฐมนตรีและสมาชิกสนช.ทยอยเดินทางเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง โดยรัฐมนตรีส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่าหลังแถลงนโยบายต่อ สนช. เสร็จ จะเดินทางเข้าไปปฏิบัติงานที่กระทรวงทันที อาทิ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นอกจากนี้ ยังมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ขณะที่นาย สมพร เทพสิทธา สมาชิก สนช. ที่มีอายุมากที่สุดในชุดนี้ ได้เดินทางมาประชุมโดยนั่งรถเข็นเข้าไปยังห้องประชุมสภา
รปภ.เข้มงวด-"สมยศ"มาดูแลเอง
ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำรัฐสภาจะตรวจดูรถยนต์ทุกคันที่ผ่านเข้า-ออก บุคลากรทุกคนต้องติดบัตรแสดงตนอย่างชัดเจนหรือต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อแลกบัตรชั่วคราว ส่วนรัฐมนตรี สมาชิก สนช.จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำตัวดูแลอย่างใกล้ชิด โดยการรักษาความปลอดภัยในภาพรวมมีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. และพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ช่วยราชการรองผบช.น. มาควบคุมดูแลด้วยตนเอง โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากบช.น. ตั้งเต็นท์กองอำนวยการอยู่หน้าประตูทางเข้าสวนสัตว์ดุสิต ถนนอู่ทองใน ตรงข้ามอาคารรัฐสภา พร้อมกระจายกำลังอยู่โดยรอบร่วมกับทหารจำนวนหนึ่ง
ขณะที่ภายในอาคาร เป็นหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา ซึ่งการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด ห้ามผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์ที่บ่อปลาคาร์พเหมือนก่อนหน้านี้ โดยให้อยู่ภายในห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 รวมทั้งบริเวณชั้นลอยก็ให้ผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์ได้แค่ฟุตปาธ ไม่สามารถเข้าไปภายในระเบียงชั้นลอยได้
'ประยุทธ์'ร่ายเอง-2 ชั่วโมงรวด
เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนายพรเพชร วิชิต ชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาวาระเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อสนช. ก่อนเข้าสู่วาระ นายพรเพชร แจ้งว่า การอภิปรายใดๆ อย่าพาดพิงบุคคลภายนอก เพราะอาจถูกฟ้องทางแพ่งและทางอาญาได้ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ นำครม. เสนอนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสนช. โดยพล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้แถลงเพียงคนเดียว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คสช.ได้ลดบทบาทและภารกิจลงมาอยู่ในระดับการเป็นที่ปรึกษาและทำงานร่วมกับ ครม. ในการพิจารณาหรือแก้ไขปัญหาความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ส่วนที่จะตามมาในเร็วๆ นี้คือ การจัดตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อวางรากฐานทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอันมั่นคงแก่ประเทศ ก่อนเข้าสู่ระยะที่ 3 คือการใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร และการจัดการเลือกตั้งทั่วไป เงื่อนไขดังกล่าวนี้ เป็นพันธกิจที่รัฐบาลจะยังคงยึดมั่นและดำเนินการต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักว่าความเร่งด่วนและรุนแรงของปัญหามีมาก เมื่อเทียบกับกรอบเวลาทำงานอันสั้น ประ ชาคมโลกเฝ้าดูด้วยความห่วงใย รัฐบาลจะไม่ถือว่าเป็นจุดอ่อนหรือข้อจำกัด แต่เป็นความท้าทายให้เร่งคิดเร่งทำจนเกิดผลสัมฤทธิ์ ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้จัดตั้งขึ้นจากพรรคการเมือง จึงไม่มีนโยบายที่ใช้หาเสียง หวังคะแนนประชานิยมเป็นฐานการเมือง และไม่ต้องวิตกว่าจะนำประเทศเข้าไปผูกพันจนเสียวินัยการคลัง หรือเกิดภาระในอนาคต และการที่นโยบายเป็นเอกภาพ จึงไม่ต้องวิตกว่าการทำงานแต่ละกระทรวงจะไม่บูรณาการสอดคล้องหรือพายเรือคนละที ซึ่งการแก้ปัญหาประเทศต้องวางรากฐานให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ารับช่วงได้ยั่งยืน วางยุทธศาสตร์พัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมั่นใจว่า นโยบายครั้งนี้ครอบคลุมจะแก้ปัญหาได้ทุกมิติ และขอให้ช่วยกันทั้งหมด และเร่งฟื้นฟูความบอบชํ้า
จัดการเข้มข้นกับคดีหมิ่นสถาบัน
นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย จำแนกเป็น 11 ด้าน 1.การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้มาตรการทางกฎหมาย มาตรการสังคมจิตวิทยา และมาตรการทางระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ ดำเนินการกับผู้คะนองปาก ย่ามใจหรือประสงค์ร้าย มุ่งสั่นคลอนสถาบันหลัก ของชาติ
2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ แบ่งเป็น 1.ระยะเร่งด่วน รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน 2.เร่งแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ 3.พัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพ และระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัย รักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ของชาติ พ้นจากการคุกคามทุกรูปแบบ และ 4.เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนานาประเทศบนหลักนโยบายการต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า 3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ มีนโยบายระยะเฉพาะหน้าเร่งสร้างโอกาส อาชีพและการมีรายได้ที่มั่นคงต่อผู้ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน ป้องกันและแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ ปรับปรุงกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ และระยะต่อไป จะพัฒนาระบบการคุ้มครองทางสังคม จัดระเบียบสังคมและแก้ปัญหาไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร 4.นำการศึกษาศาสนา ศิลปวัฒน ธรรม ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และความเป็นไทยมาใช้สร้างสังคมให้เข้มแข็งมีคุณภาพและคุณธรรม
สั่งพม.สร้างหนังเชิญฝรั่งมาเที่ยว
"สิ่งสำคัญ คือการอ่านหนังสือ เพื่อเพิ่มความรู้ เพิ่มวิสัยทัศน์ จัดระเบียบตัวเอง ทีวีก็ไม่ดู ดูแต่ละครแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ วันหน้าอยากเป็นนางเอก อยากเป็นคุณชายแล้วก็รักกัน ร่ำรวย ก็ได้แค่นี้ วันนี้เรากำลังจะสร้างหนังโดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สร้างหนังแบบ Lost in Bangkok พาคนมาเที่ยวประเทศไทย รักกัน ชอบกันในระหว่างการท่องเที่ยว ตอนนี้ได้พระเอก นางเอกแล้ว เหลือพ่อพระเอก ลุง ขอให้ไปสมัครไปกระทรวงพม." พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
5.การยกระดับคุณภาพ และบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน เน้นความทั่วถึง ความมีคุณภาพและประสิทธิภาพ 6.การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ 3 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนต้องดำเนินการทันที อาทิ สานต่อนโยบายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ และระยะต่อไปต้องแก้ปัญหาพื้นฐานที่ค้างคาอยู่ ประสานนโยบายการเงินและการคลังให้สอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รักษาเสถียรภาพของราคาอย่างเหมาะสม อาทิ การปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ การปรับปรุงวิธีจัดเก็บภาษีให้ได้ครบถ้วนและขยายฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ ซึ่งจะเก็บจากทรัพย์สิน เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต้องทำให้ได้ภายในปีนี้ และระยะยาวต้องวางรากฐานเพื่อความเจริญเติบโตต่อเนื่อง
ตั้งกก.สอบสวนไมค์ทองคำแล้ว
นายกฯ กล่าวต่อว่า การบริหารหนี้ภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา มีสูงมากกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นภาระงบประมาณใน 5 ปีข้างหน้าทำให้เหลืองบลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศน้อยลง โดยประมวลหนี้เหล่านี้ให้ครบถ้วน หาแหล่งเงินระยะยาวมาสะสางหนี้ทั้งหมด และยืดเวลาชำระคืนให้นานที่สุดเพื่อลดภาระงบประมาณในอนาคต 7.การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน เร่งส่งเสริมความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า 8.การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม โดยรัฐบาลส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ผลการศึกษาวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม 9.รัฐบาลมีนโยบายรักษาความมั่นคงฐานทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 10.การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ "ขณะนี้มีปัญหาเรื่องไมโครโฟนราคาแพง ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วและให้ไปหามา อะไรที่ไม่ใช่เรื่องก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่"
เร่งเบิกจ่าย-โปร่งใสทุกขั้นตอน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 11.การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เร่งปรับปรุงกฎหมายหลักและกฎหมายอื่นๆ ที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม ตั้งองค์กรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของรัฐ นำเทคโนโลยีและความรู้ทางนิติวิทยาศาสตร์มาใช้เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีทุกขั้นตอน มีระบบฐานข้อมูลเชื่อมโยงกัน ปรับปรุงระบบช่วยเหลือทางกฎหมายและค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรมได้ง่าย และนำมาตรการทางการเงิน ภาษี การป้องกันการฟอกเงินมาใช้ป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ
"นโยบายทั้งหมด พูดให้ดี เขียนให้หรู ไม่ได้ทำก็ไม่เกิดประโยชน์ แล้วจะเหนื่อยทำไม ฉะนั้นทุกกระทรวงต้องยึดถือแล้วนำไปปฏิบัติและริเริ่มเพิ่มเติมไปด้วย สิ่งไหนทำได้ก็ทำทันที ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 1 ปี อันไหนที่ยั่งยืนก็ทำต่อเพื่อรัฐบาลหน้า เพราะบางอย่างใช้เวลาเป็นชาติ ดังนั้น รัฐบาล เอกชน ประชาชนต้องร่วมกันขับเคลื่อน รวมทั้งคสช.และทหารจะร่วมผลักดันให้เกิดความยั่งยืน และการใช้จ่ายงบประมาณสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณต้องตรงกับสิ่งที่ต้องการขับเคลื่อน อันไหนที่เร่งด่วนก็ให้เบิกงบมาก่อน ซึ่งทุกกระทรวงทราบแล้ว คงไม่ไปทำให้เกิดความเสียหาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สั่งห้ามติดรูปนายกฯตามถนน
นายกฯ กล่าวอีกว่า แผนการปฏิบัติงานได้เตรียมไว้หมดแล้ว เพียงแต่ให้รัฐมนตรีเข้าไปร่วมตัดสินใจอีกครั้ง ซึ่งต้องนำเข้า ครม.ให้เรียบร้อยโดยเร็ว ทั้งนี้ ความต้องการของประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญ อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ไม่ใช่ประชานิยมที่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย และตามโรงเรียน สถานที่ราชการให้ติดบัญญัติ 12 ประการโดยไม่ต้องมีรูปตน และห้ามติดรูปตนตามถนน รัฐบาลนี้ตั้งเป้าหมายไว้สูงเพราะประชาชนคาดหวัง ต่างชาติเฝ้าดู ซึ่งเป็นงานที่ยากและท้าทาย แต่เป็นทั้งวิกฤตและโอกาส ขอให้ประชาชนติดตามต่อไปอย่างมีเหตุผล ในสัปดาห์หน้าประมาณวันที่ 17 ก.ย.จะมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับส่วนราชการอีกครั้ง ดังนั้น ทั้งสปช.และสนช.เข้ามาควบคุมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ไม่ปิดบัง ปิดกั้นให้ความเป็นธรรม ขอให้คุยกันดีๆ ไม่ใช่ไปตีกันตามสื่อ
"มีอย่างที่ไหนว่าผมไปสั่งธนาคาร ไม่ให้เปิดเผยเงินฝาก 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินผมกับน้อง ถ้าผมมีถึงขนาดนั้น ผมคงไม่มายืนอยู่อย่างนี้ คงเอาให้ชาวนาไปแล้ว หรือเอาไปสร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ แต่ผมไม่รวยขนาดนั้น วันนี้ขอให้ลดปัญหาความขัดแย้งให้เร็วที่สุด ต้องแก้ไขให้ได้ ประเทศชาติ จะต้องเดินหน้าไปโดยไม่มีความขัดแย้ง กฎหมายต้องให้ความเป็นธรรมมีความเชื่อมั่น ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศ นโยบายของรัฐบาลคือทำก่อน ทำจริง ทำทันที เกิดผลสัมฤทธิ์ และยั่งยืน ส่วนหลักการของรัฐบาลคือ จริงใจ จริงจัง และยั่งยืน" นายกฯ กล่าว
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้สมาชิก สนช.ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมทุกด้าน และกล่าวว่าพร้อมตอบ คำถามแต่คงไม่ได้อยู่ต่อ เพราะต้องลงพื้นที่ จ.สุโขทัย แต่จะมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องคอยชี้แจงอยู่
ช่อง 11 ตัดสดสภา-ถ่ายทอดบิ๊กตู่
ต่อมาเวลา 12.10 น. ที่ประชุมเปิดให้สมาชิกสนช. 30 รายที่แจ้งความประสงค์ได้อภิปราย โดยมีสนช.สายทหารและตำรวจ อย่างละ 2 คน ที่เหลือเป็นสายพลเรือน อภิปรายคนละ 10 นาที ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการประท้วงคัดค้าน โดยต่างเห็นพ้องต่อนโยบายรัฐบาลในทุกด้าน ทั้งยังเชื่อว่าครม.และคสช.ทุกคนสามารถนำประเทศไปสู่ความเจริญได้
นายตวง อันทะไชย สมาชิกสนช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่า รัฐบาลนี้มีจุดแข็งอยู่ที่ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี แต่ขอให้ระวัง ว่าจุดแข็งอาจเป็นจุดอ่อน อย่างเรื่องซื้อไมโครโฟนราคาแพงที่อาจถูกวางยาทางการเมือง เหมือนกรณีแจกปลากระป๋องเน่าในช่วงน้ำท่วมใหญ่
ด้านนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่าวันนี้มีความพยายามจากบางกลุ่มเคลื่อนไหวดิสเครดิตรัฐบาลอยู่นอกประเทศ เพื่อหวังรอโอกาสกลับมาต่อต้านแรงกว่าเดิม รัฐบาลจึงต้องดำเนินการอย่างจริงจัง มิเช่นนั้นอาจมีปัญหาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 ในฐานะประธานการประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า การถ่ายถอดสดการประชุม สนช. จะยุติการออกอากาศทางช่อง 11 ระหว่างเวลา 15.00 -15.30 น. เพื่อตัดเข้าสู่การถ่ายทอดสดการลงพื้นที่ดูแลน้ำท่วม ที่จ.สุโขทัย ของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่มีการคัดค้านจากสมาชิกสนช.แต่อย่างใด
อย่าเร่งรัดมากนัก-กำลังทำอยู่
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ขส.ทบ. พล.อ. ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่จ.สุโขทัย ซึ่งถือเป็นการให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสนช. โดยใช้เวลา 7 นาที 13 วินาทีว่า วันนี้ถือเป็นการพูดคุยกับสื่อเป็นครั้งแรกนับแต่แถลงนโยบาย ซึ่งการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น เรามีมาตรการอยู่ เราเห็นใจเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยว และกำลังดำเนินการตามกฎหมายอยู่ว่าจะทำอย่างไร เราต้องช่วยกันปรามคนที่เคลื่อนไหวอยู่ เพราะถ้าทำอย่างนี้ก็ขัดแย้งกันไปตลอด และเป็นความขัดแย้งที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนการดำเนินการทางคดี เรื่องกฎหมาย อะไรต่างๆ ได้ดำเนินการอยู่แล้วขณะนี้ แต่ต้องใช้เวลา อย่าเร่งรัดมากนัก มันจะทำให้เกิดความไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจจากทุกภาคส่วน ฉะนั้นต้องดูว่าผิดหรือไม่ ถ้าไม่ผิดเขาไม่จับดำเนินคดี ทำไม่ได้ แต่ถ้าผิดจริงก็ต้องรับผิดรับโทษตามกฎหมายที่ มีอยู่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะความขัดแย้ง และการเตรียมการสู่โรดแม็ประยะที่ 3 เรื่องการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านและเรื่องย่อยๆ เป็นร้อยเรื่อง ซึ่งต้องดูว่าอะไรต้องทำก่อน ทำจริง ทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์ใน 1 ปีให้ได้ ส่วนที่เหลือต้องให้มีผลสัมฤทธิ์ในอนาคต จะมีรัฐบาลใหม่เมื่อใดก็ว่าไปในวันนั้น
"วันนี้ผมประกาศนโยบายไปแล้ว เราจะเป็นรัฐบาลที่มีความจริงใจ จริงจังและยั่งยืนในการแก้ปัญหา การทำงานของครม. จริงใจ จริงจัง และยั่งยืน เราไม่ใช่พรรคการเมือง ฉะนั้นเราต้องให้ทั่วถึงอย่างเป็นรูปธรรม ขอขอบคุณในความร่วมมือ วันนี้ขอร้องว่าอย่าเพิ่งถามเลยแล้วผมจะอธิบายมากขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
อย่ากดดัน-วอนต้องไว้ใจรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามถึงการตรวจสอบทุจริตระบบเครื่องเสียงที่ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรณีจัดซื้อไมโครโฟนราคาแพง นายกฯ กล่าวว่า เราได้ตั้งคณะกรรมการสอบ ต้องหาความชัดเจนในเรื่องนี้ให้ได้ ใจเย็นๆ ขั้นตอน ราคาจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องทำ
"มองกันให้ดีๆ ถ้าจะพูดว่าเราเจตนาทำ มันคงไม่ใช่ แต่ผมก็ไม่เข้าใจ จะไปสอบให้ถ้ามีเรื่องเหล่านี้ เราสอบทุกเรื่องไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ อย่ากดดันเรา อย่าไปตัดสินด้วยตัวเอง ให้คณะกรรมการตัดสิน ให้หน่วยงานตรวจสอบขึ้นมา และนายกฯต้องดูแล เราบอกแล้วว่าเราไม่อยากให้เกิดการทุจริต และประชาชนต้องไว้ใจในการทำงานของพวกเรา ทุกย่างก้าวเราระวังอยู่แล้ว แต่ต้องบอกว่ามีคนมากมายที่เกี่ยวข้อง ต้องไปสอบดูว่าผิดถูกตรงไหน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายกฯ กล่าวกับนักข่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เราอยู่ด้วยกันอีกนาน ใจเย็นๆ เมื่อถามว่าแล้วจะนานแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "นานเท่าที่เจอ อยู่ที่พวกเราทุกคน ให้เราทำงานก่อนแล้วกัน สงสัยก็ไปฟังเพลง" เมื่อถามว่าให้ไปฟังเพลงอะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เพลงคืน ความสุข
ปธ.ปปช.เผยมีร้องเรียนไมค์แล้ว
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะทำงานร่วมป.ป.ช.-อัยการสูงสุด(อสส.) พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า คณะทำงานร่วมในฝ่ายป.ป.ช. ทั้ง 10 คน จะประชุมเพื่อสรุปประเด็นเรื่องอำนาจฟ้องและอำนาจของผู้ถูกกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้านี้
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีไมโครโฟนที่ติดตั้งในห้องประชุมครม. มูลค่า 1.4 แสนบาทว่า ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนมาแล้วคือ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงมอบให้นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อมีผู้ร้องเรียนมาแล้ว ป.ป.ช.ก็ตรวจสอบได้ และขอข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะป.ป.ช.มีกฎหมายประกวดราคาจ้างอยู่ จึงต้องพิจารณากฎหมายฉบับนี้ก่อน หากว่าตรวจสอบแล้วมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
"เรื่องนี้ตรวจสอบได้ เมื่อมีเรื่องเข้ามาแล้วต้องเข้าสู่ระบบการตรวจสอบ เริ่มตั้งแต่การแสวงหาข้อเท็จจริงและไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช." นายปานเทพกล่าว
"วิชา"อ้างเหตุไม่ส่งหลักฐานอสส.
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องเรื่องไมโครโฟนในห้อง ประชุมครม.ว่า หลังจากนายศรีสุววรณ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ ถือว่าเรื่องเข้าสู่ระบบการทำงานของ ป.ป.ช.แล้ว ซึ่งเรื่องที่ยื่นไม่ได้เจาะจงว่าใครผิด แต่จัดซื้อว่าเป็นอย่างไร แบบไหน มีทุจริตจริงหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทราบว่าซื้อได้ในราคาที่ถูกลงกว่าประกาศในครั้งแรก ส่วนระยะเวลาการทำงานคงไม่กำหนดกรอบ แต่ดูว่ามีข้อเท็จจริงเข้าข่ายไต่สวนได้หรือไม่ หากไต่สวนได้จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่หากตั้งไม่ได้ก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
นายวิชา กล่าวถึงการตั้งคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.และอสส. กรณีจำนำข้าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ไม่อยากพูดถึงเพราะมันจบแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของคณะทำงานร่วมที่ตั้งขึ้น
เมื่อถามว่าเหตุใด ป.ป.ช.จึงไม่ส่งเอกสารสำนวนให้อสส.ไปทั้งหมดแต่กลับระบุว่า หากอสส.เห็นหลักฐานที่เหลืออยู่ของ ป.ป.ช.จะต้องหงายหลังแน่ นายวิชากล่าวว่า ไม่สามารถส่งเอกสารไปให้ในคราวเดียวได้ เนื่องจากป.ป.ช.จะต้องสอบขยายผลเพราะยังมีรายละเอียดที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก
เผย 10 อัยการร่วมปปช.-จำนำข้าว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด ตั้งคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการจำนวน 10 คน เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีจำนำข้าว กรณีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว พร้อมกับส่งรายชื่อของคณะทำงานร่วมดังกล่าวไปให้กับทาง ป.ป.ช.แล้ว ตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.
สำหรับ รายชื่อคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการทั้ง 10 คน ประกอบด้วย นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด นายกิตติ บุศยพลากร ผู้ตรวจการอัยการ นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน นายภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ นายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีสำนักงานการสอบสวน น.ส.ปราณี รัตนชัยวงศ์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 5 นายวิทูร สุรวัฒนานันท์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนัก งานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 นายรุ่งโรจน์ แจ่มพิทยากรณ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 และนายธรรมรงค์ชัย วงษ์สวัสดิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายการสอบสวน 2
ทูตคริสตี้-ทูตญี่ปุ่นเข้าพบบิ๊กเจี๊ยบ
เมื่อเวลา 13.30 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ เข้ากระทรวงการต่างประเทศเป็นวันแรก โดย สักการะพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ มีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวง และข้าราชการระดับผู้บริหาร รอต้อนรับ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก หลังเสร็จสิ้นพิธีพล.อ.ธนะศักดิ์ ได้พบปะและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวง
จากนั้นเวลา 15.30 น. นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทย และนายชิเกะคาสุ ซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ธนะศักดิ์ด้วย
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงองค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ เอไอ แถลงการณ์กล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วง 100 วันหลังเข้าควบคุมอำนาจโดยคสช.ว่า รายงานของเอไอมีข้อเสนอต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์เรื่องการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งฝ่ายไทยก็มีข้อสังเกตต่อรายงานฉบับนี้ ปรากฏในเว็บไซต์ของเอไอประกอบรายงานฉบับนี้ด้วย โดยรายงานของเอไอ ไม่ได้กล่าวถึงบริบทที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พ.ค. ที่มีความรุนแรงและความไม่สงบเกิดขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งไม่ได้สะท้อนความเห็นของคนไทยส่วนใหญ่ที่เห็นว่าช่วง 100 วันที่ผ่านมา สถานการณ์ในไทยกลับสู่สภาวะปกติ ประชาชนรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย
"บัวแก้ว"ตอบโต้"แอมเนสตี้"
นายเสข กล่าวว่า แม้จะมีการบังคับใช้ กฎอัยการศึก แต่รายงานไม่ได้พูดถึงการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ อาทิ การเปิดให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุเสนอข่าวตามปกติ หรือยกเลิกเคอร์ฟิว กรณีที่กล่าวหามีการทำร้ายร่างกายบุคคลต่างๆ นั้น คสช.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำใดๆ ที่ทรมานผู้ถูกควบคุมตัว ทั้งนี้มาตรการที่มีอยู่ ถือเป็นมาตรการชั่วคราว หากสถานการณ์พัฒนาในทางบวกก็จะผ่อนปรนมาตรการ อาทิ อาจยกเลิกกฎอัยการศึกในบางพื้นที่ในอนาคต
นายเสข กล่าวว่า ที่ผ่านมาคสช.มีปฏิ สัมพันธ์กับองค์กรอิสระ รวมถึงเอไอมาตลอด ผู้แทนเอไอเคยเดินทางจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย รวมถึงคสช. และยังแสดงความชื่นชมที่มีการหารืออย่างตรงไปตรงมาเพื่อประกอบการทำรายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลและคสช.ก็ยังยินดีที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับ เอไอและองค์กรเอกชนต่างประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่องเช่นที่ผ่านมา และแจ้งให้ทราบถึงพัฒนาการล่าสุดของไทยอย่างต่อเนื่อง
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ เปิดเผยกำหนดการเยือนต่างประเทศของพล.อ.ประยุทธ์เพื่อแนะนำตัวกับประเทศต่างๆ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งว่า คาดว่าปลายเดือนก.ย.นี้หรือต้นเดือนต.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางเยือนพม่าเป็นประเทศแรก เนื่องจากเป็นประเทศทำหน้าที่ประธานอาเซียนในขณะนี้ จากนั้นจะไปเยือนมาเลเซียเป็นลำดับต่อไป
"บิ๊กตู่"ลั่นไม่เป็นรัฐบาลไปวันๆ
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ ไทย ตอนหนึ่งว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 ตนพบกับประชาชนในหลายบทบาทด้วยกัน วันนี้น่ายินดีว่ารัฐบาลได้แถลงนโยบายให้กับสนช.รับทราบเรียบร้อยแล้ว หมายความว่ารัฐบาลโดยครม. รองนายกฯ รัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ทั้งสั่งการ การลงนามเอกสาร การขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ ตนในฐานะนายกฯก็สบายใจที่ได้ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบและจารีตประเพณี จากนี้ ครม.และประชาชนจะร่วมมือขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกันเพื่อความสุขของคนในชาติ สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศได้ในทุกมิติ
"เราจะไม่เป็นรัฐบาลที่อยู่ไปวันๆ เพื่อรอการปฏิรูปหรือรอเลือกตั้ง เราจะทำงานในลักษณะทำก่อน ทำจริง ทำทันทีให้มีผลสัมฤทธิ์ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต ไม่ใช่แค่ปีต่อไปหรือรัฐบาลต่อไป แต่ต้อง ปูรากฐานของประเทศให้เข้มแข็งเป็นประชา ธิปไตย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ชี้เริ่มมีการต่อต้านทั้งในและนอก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวเริ่มมีการต่อต้านทั้งทางเปิดเผย ทางลับ ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น มีการกล่าวให้ร้ายทางโซเชี่ยลมีเดียกันมาก อยากขอร้องช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรองใคร่ครวญว่าแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร หากทุกคนรออย่างเดียวว่าเมื่อไรจะยกเลิกกฎอัยการศึก ยกเลิกกฎหมายพิเศษเพื่อจะได้เคลื่อนไหว เราคงปฏิรูปไม่ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนและรัฐบาลจะพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ เราเข้าใจดีถึงปัญหาและพยายามทำให้ดีที่สุด
หัวหน้าคสช. กล่าวว่าถ้าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดีก็ต้องหยุดเคลื่อน ไหวต่อต้านหรือแสดงความเห็นสร้างความขัดแย้ง ถ้าติเพื่อก่อ หรือเสนอแนะที่จำเป็นที่สำคัญ ตนรับได้ทุกเรื่อง แต่อย่าทำให้เกิดข้อขัดแย้งหรือนำปัญหาเก่าๆ มาพูดกันใหม่อีก เรื่องเดิมๆ ต้องแก้กันด้วยกฎหมาย ถ้าเรานำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องเก่ามาจับผิด มาพูดให้ร้ายกันโดยไม่ปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเขาทำไปแล้ว เราทำงานไม่ได้ หรือทำได้ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ทุกคนจะออกมาต่อสู้ขัดแย้งกันอีก ประเทศชาติจะสงบสุขได้อย่างไร
ไม่ได้มาจากพรรค-ไม่เอาฐานเสียง
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มาจากพรรค ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องมีเสียงข้างมาก ไม่ต้องรักษาฐานเสียง ไม่ต้องการคะแนนนิยม แต่ต้องการแก้ปัญหาและปฏิรูปอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่ของง่าย เราไม่ใช่พรรค เราคงไม่ต้องทำโครงการประชานิยมหรือทำอย่างไรให้คนรักเรามากๆ เราจะแก้ปัญหาให้เขาซึ่งปัญหาเกิดมามากกว่า 10 ปี ไม่ได้เกิดหลังการควบคุมอำนาจวันที่ 22 พ.ค. ดังนั้น ต้องร่วมกันคิด ช่วยกันทำ แม้ใครขัดแย้งกันมาตลอดก็ต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วย ถือว่าไม่ได้รักคนไทยจริงๆ ถ้ารักคนไทยจริง ต้องช่วยเราตอนนี้ เรื่องอื่นๆ ก็ไปสู้กันทางกระบวน การยุติธรรม
"ผมเห็นใจคนมีรายได้น้อยจริงๆ ถูกเอารัดเอาเปรียบจนเครียด รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว พอมีคนมายุแหย่ ปลุกปั่นก็คล้อยตาม ทำให้เกิดปัญหา จึงต้องตั้งสติใหม่ หารือ พูดคุย อดทน ถ้าใครมาบอกอะไรให้หาข้อมูลก่อน อย่าไปเชื่อใครคนใดคนหนึ่งพูด เสร็จแล้วก็วุ่นวาย รวมกลุ่มมาเดินขบวนต่อต้าน ซึ่งเราตอบท่านได้ทุกเรื่องแต่ขอให้อดทนฟังข้อเท็จจริงก่อน ถ้าไม่ฟัง เอาแต่ที่เรียกร้อง ก็ยากที่เราจะทำตามใจให้ได้ เพราะงบประมาณมีจำกัด ผมไม่อยากให้บังคับใช้กฎหมายกันตลอดเวลา เราเข้าใจดีถึงสิทธิมนุษยชน เห็นใจเราบ้าง หน้าที่เราต้องเป็นรัฐบาลและทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกัน ต่อต้านที่ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกกฎหมาย ระเบียบสังคม อย่าทำลายความตั้งใจของพวกเราเลย เราไม่ได้ต้องการอำนาจหรือผลประโยชน์" นายกฯ กล่าว
ปลื้ม 4 เดือน-บริหารโดยราชการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องทำกฎหมายให้ทั่วถึง ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องเข้าถึงกระบวน การยุติธรรมได้ทุกระบบ เรื่องใดเกิดแล้วก็สอบสวนให้รอบคอบ เรื่องใดยังไม่เกิดก็ต้องป้องปรามไว้ก่อน อย่าไปตัดสินกันเอง ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องมีกฎหมาย กลับไปสู่อดีตใช้อาวุธ ตั้งกลุ่ม ตั้งแก๊งต่อสู้ฆ่าฟันกันมา สถาน การณ์เหล่านี้อย่าให้เกิดขึ้นอีกในไทย ต่างชาติมีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว จำคำตนไว้ให้ดี อย่าตำหนิ ติเตียนกันมากนัก การกดดันมากๆ ทำให้คนทำงานไม่เป็นอิสระ ภายใต้ความกดดันของตัวเอง ตนก็ยังกดดันตัวเองเลยเพราะจะทำให้การตัดสินใจผิดพลาด เราต้องตั้งสติ อดทน อดกลั้น ถ้าต่างฝ่ายต่างช่วยกันไม่ดีกว่าหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคิดถึงและห่วงใยประชาชนทุกคน ปัญหาทุกอย่างยังแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด บางอย่างแค่ทุเลา บางอย่างอยู่ในขั้นตอน คิดว่าในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ครม.จะเริ่มทำงานอย่างเต็มรูปแบบ นำแผนงานโครงการต่างๆ ที่เริ่มต้นไว้แล้ว อะไรที่ดีของ คสช.ก็จะทำต่อเนื่อง อะไรที่ต้องปรับปรุงก็มาปรับปรุงหารือกันในครม. และหาทางจัดสรรปรับเปลี่ยนงบประมาณให้เหมาะสม เป็นการคิดร่วมกันของครม.ทั้งหมด แต่ทั้งหมดนั้นนำมาจากปัญหาที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่มีความสุข เราจะค่อยๆ ทำให้ได้ อย่าคิดว่าเรามาแล้วไม่ทำอะไร หรือทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างที่ผ่านมาในห้วง 4 เดือนนั้น บริหารราชการปกติมาตลอดโดย คสช. ทำงานโดยข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ฟังความคิดเห็นจากประชาชน บางอย่างก็เป็นคำแนะนำมาจากที่ปรึกษา มาจากภายในภายนอก ฟังทุกวัน ถึงทำงานมาได้ถึงวันนี้ เราจะส่งที่ทำวันนั้นให้ครม.ดำเนินการต่อไป ขอให้ทุกคนร่วมกับพวกเราในการเดินหน้าประเทศไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ขอเวลาให้พวกเราด้วย
ถกกก.สรรหา 11 ด้านที่ค่ายทหาร
ที่สำนักงานกกต. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทั้ง 11 ด้านที่ร.1พัน4รอ.ว่า เชื่อว่าคงไม่เสร็จ เนื่องจากแต่ละด้านมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อจำนวนมากและแต่ละคนก็มีข้อมูลมาก คณะกรรมการสรรหาจำเป็นต้องใช้เวลาพิจารณาและคงประชุมอีก 1-2 ครั้ง ส่วนผลการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้ารับการเสนอชื่อ ขณะนี้เสร็จกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ พบเพียง 30 รายที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ส่วนที่เหลือ 18 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรายงานเข้ามา ซึ่งกกต.ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจะทำหมายเหตุและทยอยนำเสนอคณะกรรมการสรรหาต่อไป
นายภุชงค์ กล่าวถึงกรณีมีผู้ยื่นคัดค้านการเสนอชื่อนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพ มหานคร เข้ารับการสรรหาเป็นสปช.ว่า ผู้ยื่นคัดค้านเห็นว่า นางนินนาทมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่ยื่นคัดค้านไม่ชอบ แต่ลักษณะดังกล่าวพ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสปช.ไม่ได้กำหนดไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสปช. ซึ่งต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเอกสารของผู้ยื่นคัดค้านก่อน
นายภุชงค์ กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดที่จะเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช. 5 คน รักษาความลับในการคัดเลือก เพราะหากผลการคัดเลือกหลุดออกไปก่อน เชื่อว่าจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของ จังหวัดนั้นๆ เมื่อคัดเลือกเสร็จ ขอให้จัดทำเป็นเอกสารลับปิดผนึกอย่างดี และให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด(ผอ.กต.จว.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัดนำเอกสารผลการสรรหามาส่งที่สำนักงานกกต.ด้วยตนเอง
พท.ติงสนช.เดินหน้าถอดถอน
วันเดียวกัน นายอำนวย คลังผา อดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสนช.มีมติรับหลักการข้อบังคับการประชุม สนช.ในหมวดการถอดถอนนักการเมืองว่า ไม่ควรรับร่างดังกล่าว เพราะหน้าที่ของสนช.คือเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่มาซ้ำเติมให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ถูกฉีกทิ้งแล้วไม่ควรนำมาพิจารณา เพราะจะเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง สนช.ควรดำเนินตามนโยบายของคสช. คืนความสุข ลดความ ขัดแย้ง และสร้างความปรองดองให้แก่คนในสังคม ไม่เช่นนั้นคสช.จะเดินหน้าไม่ได้
"ผมอยากเห็นบ้านเมืองสงบ ไม่ควรกล่าวถึงเรื่องในอดีต อีกทั้งนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ยืนยันแล้วว่าไม่สามารถพิจารณาได้ อยากให้สนช.เดินหน้าแก้ปัญหา 11 ด้านตามที่คสช.ระบุไว้จะดีกว่า ไม่ควรคิดเรื่องอื่น สนช.แต่ละคนเป็นผู้ใหญ่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นบุคคลที่มีคุณค่า อย่าทำลายคุณค่าของตัวเองเลย"นายอำนวยกล่าว
นายอำนวย กล่าวถึงกรมประชาสัมพันธ์มีนโยบายยึดคำสั่งและประกาศ คสช.ที่ห้ามนำบุคคลที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองมาออกรายการ ห้ามดำเนินรายการโจมตีคสช.และรัฐบาลว่า เป็นการปิดกั้นประชาชน เราเข้าใจคำสั่งและประกาศของ คสช. แต่ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยบ้างแล้ว มีรัฐบาล มีครม. ควรมีการแสดงความคิดเห็นได้บ้าง อยากให้ยึดโยงประชาชน อย่างเกษตรกรเดือดร้อน ข้าวเสียหายเนื่องจากไม่มีน้ำ ฝนไม่ตก รัฐบาลส่งใครดูแลพื้นที่บ้างหรือไม่ จะรับรู้ปัญหาของประชาชนได้อย่างไร จึงอยากให้เปิดกว้าง ให้ประชาชนและนักการเมืองแสดงความคิดเห็นได้บ้าง ขอให้ปลดล็อกเรื่องนี้
"หม่อมอุ๋ย"ย้ำเก็บแน่ภาษีมรดก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสนช.ใช้เวลาอภิปรายกว่า 5 ชั่วโมง จนครบทั้ง 30 คน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีการประท้วง และวิจารณ์นโยบายรัฐบาลในทางลบ ส่วนใหญ่อภิปรายชื่นชมนโยบายรัฐบาล ให้ข้อแนะนำเพิ่มเติมในด้านต่างๆ ด้านการศึกษา พลังงาน การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร พร้อมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามนโยบายได้
จากนั้น เปิดให้ครม.ชี้แจง โดยม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ชี้แจงถึงการปฏิรูปภาษีว่า รัฐบาลจะปฏิรูปโครงสร้างภาษีอย่างแน่นอน โดยภาษีศุลกากรจะลดลงตามหลักเกณฑ์ของโลกและเออีซี แต่จำเป็นต้องปรับภาษีด้านอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาจะไม่ปรับเพิ่มขึ้น แต่จะปรับเพิ่มภาษีด้านธุรกิจการค้า และภาษีมรดก ภาษีทรัพย์สินและที่ดิน การที่จะเพิ่มภาษีแบบใหม่จะระวังไม่ให้กระทบผู้มีรายได้น้อยมากที่สุด
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงถึงการปราบปรามการหมิ่นสถาบันว่า ถือเป็นนโยบายรัฐบาล โดยรัฐบาลจะใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและใช้เทคโนโลยีการสื่อสารให้เป็นประโยชน์ เผยแพร่ประวัติศาสตร์ พระราชกรณียกิจโครงการเนื่องจากพระราชดำริ
อภิปราย 8 ชั่วโมง-ปิดสภาทันที
นายวิษณุ กล่าวว่านายกฯย้ำว่าโครงการในพระราชดำริมีมาก จึงต้องการให้หน่วยงานราชการที่นิยมเดินทางไปดูงานต่างประเทศกลับมาดูงานในโครงการพระราชดำริ ส่วนเรื่องกฎหมายนั้น รัฐบาลเลือกนำกฎหมายที่ดีที่ค้างการพิจารณาจากรัฐบาลชุดก่อนเสนอให้สนช.พิจารณา ส่วนกฎหมายที่รัฐบาลทำนั้น ยังไม่นำเข้าสู่สนช.มากนัก โดยกฎหมายส่วนใหญ่จะตอบสนองนโยบายรัฐที่แถลงต่อสนช. รวมทั้งรัฐบาลจะเร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวด รวมถึงการปราบปรามการทุจริตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรัฐมนตรีชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกแล้ว ม.ร.ว.ปรีดิ ยาธรกล่าวขอบคุณสำหรับคำติชม คำแนะนำดีๆ หลายเรื่อง และขอให้สมาชิกติชมได้ตลอดเวลา เพื่อให้รัฐบาลนำไปปรับปรุงให้การทำงานดีขึ้น จากนั้นนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธาน แจ้งว่า ถือว่าสนช.ได้รับทราบการแถลงนโยบายรัฐบาลแล้ว และสั่งปิดการประชุมในเวลา 18.15 น. รวมเวลาอภิปรายกว่า 8 ชั่วโมง
คสช.แจงละเมิดสิทธิมนุษยชน
ที่บก.ทบ. พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช. กล่าวชี้แจงข้อสงสัยการใช้อำนาจทางกฎหมายควบคุมบุคคลต่างๆ เป็นการละเมิดสิทธิ์ว่า กรณีการเชิญหรือขอควบคุมตัวนั้น ที่ผ่านมามีอยู่ 2 ลักษณะ คือ1.การขอเชิญบุคคลที่มีส่วนในความขัดแย้งทั้งทางตรงทางอ้อม เพื่อทำความเข้าใจ ปรับทัศนคติรวมถึงการขอความร่วมมือพัฒนาชาติในอนาคต ไม่ได้เชิญมาในฐานะผู้กระทำความผิด ซึ่งแต่ละบุคคลอาจใช้เวลาแตกต่างกันบ้าง ที่สำคัญหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ ไม่พบมีคนไหนได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างไม่เหมาะสม หรือแสดงท่าทีที่เป็นลบต่อกระบวนการนี้ ซึ่งจะอยู่ในช่วง 1-2 เดือนแรกเท่านั้น
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า 2.กลุ่มผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดในคดีความต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้สืบทราบมาพร้อมพยานหลักฐานที่เชื่อว่าถึงจะอยู่ในช่วงเวลาปกติหรือช่วงเวลาพิเศษ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการควบคุมหรือจับกุมเพื่อให้เป็นไปตามกฎกติกา สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานให้ผู้บริสุทธิ์ หรือคนส่วนใหญ่ในสังคม
"แต่ขณะนี้พบมีผู้กระทำความผิดหลายคนพยายามบิดเบือนให้ข้อมูลที่เป็นเท็จต่อองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อต้องการแรงสนับสนุน หลบเลี่ยงคดีความผิดต่างๆ บิดเบือนให้สังคมต่างประเทศมองว่าเป็นเรื่องการเมือง และทำลายความน่าเชื่อถือ คสช. จึงอยากเรียกร้องให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ มองเรื่องนี้ให้รอบด้านและรอบคอบ หรือต้องได้รับข้อมูลหรือมีหลักฐานเพียงพอก่อนแสดงออกใดๆ เพราะขณะนี้เริ่มได้รับเสียงสะท้อนจากสังคมบางส่วนถึงการทำหน้าที่ขององค์กรสิทธิ์บางองค์กร กรณีให้ความสนใจเรื่องต่างๆ เฉพาะแค่บางบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย และไม่มีการละเมิดจริงอย่างที่อ้าง" ทีมโฆษกคสช. กล่าว
"ณรงค์"เข้าทำงานกระทรวงศึกษาฯ
ที่กระทรวงศึกษาธิการ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร.ในฐานะรมว.ศธ. พร้อมด้วยพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ.และ นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศธ. เดินทาง เข้ากระทรวงเป็นวันแรก โดยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง ก่อนมอบนโยบายแก่ผู้บริหารศธ. ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 2 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวภายหลังมอบนโยบายว่าศธ.มีนโยบายเฉพาะ 7 ด้าน อาทิ การพัฒนาการศึกษาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ ซึ่งทั้ง 7 ด้านจะดำเนินการให้เห็นผลได้ภายใน 1 ปี และยังมีนโยบายเร่งด่วน 10 ด้าน อาทิ เร่งสำรวจและเยียวยา ฟื้นฟูโรงเรียน สถานศึกษา นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยเร็ว เร่งแก้ปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวศึกษาอย่างเป็นระบบและ ต่อเนื่อง
"อดุลย์"ถือฤกษ์ 15.00 น. เข้าพม.
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. เดินทางเข้าพม.เป็นวันแรก โดยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพม. จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า จะขับเคลื่อนตามนโยบายที่นายกฯมอบหมายให้ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำของสังคม ช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ซึ่งทั้งหมดจะทำแผนทั้งระยะเร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาว ดูแลให้ครบวงจร ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่จะดำเนินการ ได้แก่ กรณีอุ้มบุญ ซึ่งมีการบูรณาการแก้ปัญหาร่วมกับตำรวจ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะประชุมร่วมกันในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งไทยถูกประเมินโดยสหรัฐให้อยู่ในลำดับ Tier 3 ซึ่งจะพยายามผลักดันแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่
รมว.พม. กล่าวว่า ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ จะนัดประชุมผู้บริหารพม.เพื่อขอรับทราบแนวทางดำเนินงาน ส่วนที่นายกฯ มอบให้พม.จัดทำภาพยนตร์ Lost in Bangkok นั้น คงต้องทำงานร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม