WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8689 ข่าวสดรายวัน


นายกฯตู่โชว์-แถลง นโยบาย 
จนท.ทำเนียบขนหัวลุกอีก ผีสาวโผล่'ตึกนารีสโมสร'สนช.ลับดาบ-ลุยถอดถอน


เฮี้ยนจัด - นายสินสกอน อรุณ ลูกจ้างทำเนียบรัฐบาล ชี้จุดพบเห็นหญิงผมยาวกำลังกวาดพื้นอยู่ภายในตึกนารีสโมสร เมื่อช่วงคืนวันที่ 10 ก.ย. ก่อนเดินหายเข้าไปในประตูต่อหน้าต่อตา เชื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทำเนียบรัฐบาล

       ทำเนียบบรื๋ออีก จนท.เทคนิคตึกนารีสโมสรขนหัวลุกชัน เผยระทึกก่อนกลับบ้านเจอหญิงสาวผมยาวกวาดพื้นแล้วหายทะลุเข้าไปอีกห้อง พร้อมๆ กับเสียงดนตรีไทยแว่วมาก้องหู ขรก.วิจารณ์แซดเชื่อเป็นผลมาจากรีบเร่งซ่อมแซมทำเนียบอาจไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่ ด้าน?บิ๊กตู่?นัดครม.กินข้าวเย็น-ซ้อมแถลงนโยบายต่อสนช. เผยที่ประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นชอบร่างข้อบังคับถอดถอนนักการเมืองแปรญัตติภายใน 10 วัน แอมเนสตี้เรียกร้องนานาชาติกดดันรัฐบาลคสช. ชี้ยังไม่หยุดละเมิดสิทธิมนุษยชนไทย

"บิ๊กตู่"ถกครม.ก่อนแถลงนโยบาย

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ถนนเทอดดำริ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และผบ.ทบ. เป็นประธานพิธีปิดการศึกษาหลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 92 ที่วิทยาลัยการทัพบก มีผู้เข้ารับการศึกษาในหลักสูตรนี้ทั้งนายทหารและนายตำรวจรวม 234 นาย และนายทหารมิตรประเทศ 9 นายจาก 9 ประเทศ คือกัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย ปากีสถาน ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รวมทั้งสิ้น 243 นาย ใช้เวลาศึกษา 1 ปี ทั้งนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรในรุ่นนี้รวม 242 นาย จากนั้นได้เดินทางเข้าทำงานที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) ในเวลา 11.00 น. 

"บิ๊กตู่"จะตอบข้อซักถามด้วยตัวเอง

     เมื่อเวลา 17.00 น. ที่บก.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ได้เชิญคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ร่วมรับประทานอาหารค่ำ เพื่อหารือข้อราชการและเตรียมการก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมสนช.ในวันที่ 12 ก.ย. โดยมีรัฐมนตรีทยอยเข้ามา อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กำกับดูแลงานด้านความมั่นคง นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯฝ่ายสังคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และพล.อ.ฉัตรชัย สาริ กัลยะ รมว.พาณิชย์ 

     ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้แถลงนโยบายและตอบข้อซักถามด้วยตัวเองเพียงคนเดียว แต่หากมีการซักถามในเรื่องรายละเอียด จะมอบให้รองนายกฯหรือรัฐมนตรีที่ดูแล กระทรวงนั้นๆ เป็นผู้ชี้แจง

     แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย พร้อมด้วยนางอภิรดี ตันตรา ภรณ์ รมช.พาณิชย์ จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 15 ก.ย.พร้อมมอบนโยบายให้กับผู้บริหารระดับสูงถึงการดูแลปัญหาปากท้อง การส่งออก การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาองค์กรภายในกระทรวงพาณิชย์

เมนูครม.ตู่-ผัดโต้วเหมี่ยวปูไข่กุ้ง

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงเป็นไปด้วยความครึกครื้นและเป็นกันเอง โดยสมาชิก คสช.และครม.กระจายกันนั่งในแต่ละโต๊ะ โดยโต๊ะของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ด้านหน้าเวที ประกอบด้วยพล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม นายวิษณุ นาย สุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนัก นายกฯ ส่วนพล.อ.ธนะศักดิ์ รวมถึงพล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ได้แยกไปนั่งกับโต๊ะรัฐมนตรีคนอื่น

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดเลี้ยงดังกล่าวมีขึ้นที่ห้อง 221 ชั้น 2 กองทัพบก โดยเลี้ยงโต๊ะจีน เป็นอาหารจากโรงแรมดุสิตธานี ประกอบด้วย ซุปเป๋าฮื้อสามเซียน หมูหันฮ่องกง ผัดโต้วเหมี่ยวเนื้อปูไข่กุ้ง เป๋าฮื้อกระเพาะปลาสดน้ำแดง ปลาหิมะนิ่งซีอิ๊ว บะหมี่กรอบราดหน้าทะเล รังนกแป๊ะก๊วยร้อน 

     นอกจากนี้ ยังจัดวงดนตรีกองดุริยางค์ทหารบกพร้อมการแสดง 2 ชุด คือชุดแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง และการแสดงของนักแสดงไวโอลินโชว์ 8 คน โดยพล.อ.ประยุทธ์ มาถึงภายในงานเวลา 19.00 น. และวงดนตรีกองดุริยางค์ทหารบก บรรเลงเพลง "ทหารแห่งแผ่นดิน" ทั้งนี้ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

มหาดไทยเตรียมต้อนรับ"บิ๊กป๊อก"

      ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ข้าราชการประจำกระทรวงเตรียมความพร้อมต้อนรับการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทยในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยเจ้าหน้าที่สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย ประชุมเตรียมความพร้อมและตรวจสอบความเรียบร้อยของศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อต้อนรับ พล.อ. อนุพงษ์ ที่ถือฤกษ์เข้ากระทรวงเวลา 09.30 น. โดยจะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงมหาดไทย 

    จากนั้นเวลา 10.30 น. จะประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และรัฐวิสาหกิจในสังกัดที่ห้องประชุม 1 กระทรวงมหาดไทย เพื่อแบ่งงานและมอบข้อสั่งการเร่งรัดงานตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อ สนช. ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นทางการ พล.อ.อนุพงษ์ มีกำหนดการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่กลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในวันที่ 13 ก.ย.

      เมื่อเวลา 09.40 น. ที่รัฐสภา 2 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยใช้เวลา 30 นาทีว่า ตนเข้าเยี่ยมคารวะและหารือเรื่องการประสานงานและแนวทางการทำงานระหว่างรัฐบาลกับสนช. โดยเฉพาะการออกกฎหมายต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งจะตั้งคณะกรรมการประสานงาน ทำหน้าที่เหมือนวิปรัฐบาลแต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่ามีกรรมการกี่คน หวังว่าจะทำให้งานของรัฐบาลและสนช.ราบรื่น เกิดประโยชน์แท้จริง

กกต.เผยคดีปูทัวร์นกขมิ้นใกล้จบ

      ที่สำนักงานกกต. นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการกกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบ สวนและวินิจฉัย แถลงผลการพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.-ส.ว.ว่า ที่ประชุมกกต.มีมติยุติเรื่องไต่สวนกรณีป.ป.ช. ขอให้พิจารณาสถานะความเป็นรัฐมนตรีของนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ขณะเป็นรมช.มหาดไทย ว่ากระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 269 หรือไม่ จากกรณีคู่สมรสถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 5 ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเห็นว่าขณะนี้นายวิสารสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ต้องพิจารณาและเมื่อกกต.ยุติเรื่อง

      นายดุษฎี กล่าวว่า ส่วนการสอบสวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพวกรวม 9 คน กรณีกระทำการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งจากการไปตรวจราชการที่พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือทัวร์นกขมิ้น ในช่วงที่มีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นได้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว รวมทั้งเรียกพยานมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม คาดว่าใกล้เสร็จในเร็วๆ นี้ 

      นายดุษฎี กล่าวว่า ขณะนี้กกต.ยังเหลือสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ต้องพิจารณาให้เสร็จภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แบ่งเป็นสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 จำนวน 8 สำนวน สำนวนคัดค้านการเลือกตั้งส.ว. เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2557 จำนวน 17 สำนวน 

สนช.ถกร่างข้อบังคับถอดถอน

       เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ทำหน้าที่ประธาน ก่อนเข้าสู่วาระ นายพรเพชร แจ้งให้ทราบถึงพระบรมราช โองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายนุรักษ์ มาประณีต ดำรงตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และน.ส. สุภา ปิยะจิตติ ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมนัดแถลงนโยบายครม. ต่อที่ประชุม สนช. ในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. จากนั้นเข้าสู่วาระพิจารณาร่างข้อบังคับสนช. พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการสามัญ ยกร่างเสร็จแล้ว เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยรอบคอบ ขอให้ที่ประชุมพิจารณาตามขั้นตอนพิจารณาร่างพ.ร.บ. 

      การอภิปรายเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีการประท้วง สมาชิกสนช. ซึ่งเป็นอดีตกลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายสมชาย แสวงการ และนายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ อดีตแกนนำ กปปส. ต่างอภิปรายเห็นด้วยกับหมวด 10 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนว่า สังคมมองว่า สนช.ไม่มีอำนาจ เพราะไม่ได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ แต่เราจะเห็นได้ว่านายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เคยถูก สนช.ปี 2549 ถอดถอน ขณะเดียวกันสังคมไม่สนใจหมวด 9 เรื่องการแต่งตั้งบุคคลของ สนช. ที่ไม่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญเช่นกัน ทั้งที่การแต่งตั้งและถอดถอนเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ สนช. 

"ธานี"ค้าน-ชี้สนช.ไม่มีอำนาจ

       นายธานี อ่อนละเอียด เสนอให้ที่ประชุมหาข้อยุติด้วยการลงมติ หรือส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ หรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนว่า สนช.มีอำนาจถอดถอนหรือไม่ หากถอดถอนได้จะถอดถอนใครได้บ้าง แบบไหน ตามรัฐธรรมนูญ 2550 ใช่หรือไม่ จากนั้นจึงค่อยพิจารณาร่างข้อบังคับต่อไป เพราะหมวดการถอดถอนจะถูกมองว่าเป็นการขยายขอบเขตอำนาจของสนช. เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้พูดถึงเรื่องการถอดถอน และหากมีปัญหาผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็คือประธานสนช. 

       ด้านนายตวง อันทะไชย ในฐานะกมธ. ยกร่างข้อบังคับ สนช. ชี้แจงว่า กมธ.มีอำนาจยกร่างข้อบังคับ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยสอดคล้องตามมาตรา 6 ที่ระบุว่า สนช. ทำหน้าที่ส.ส. ส.ว.และสมาชิกรัฐสภา และมาตรา 13 กำหนดถึงอำนาจหน้าที่ สนช.ว่าต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายอื่นที่มี ซึ่งตามพ.ร.บประกอบรัฐธรรมนูญ อาทิของ ป.ป.ช. หรือกสม. ก็ให้อำนาจ ส.ว.ถอดถอน ซึ่งกระบวนการถอดถอน ที่ประชุม สนช.ยังจำเป็นต้องอภิปรายกันอีกว่าจะถอดถอนใครบ้างและถอดถอนอย่างไรต่อไป และเมื่อยังไม่มีการบรรจุวาระถอดถอนผู้ใดก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามที่นายธานีเสนอ

สุดท้ายลงมติรับหลักการ 171 ต่อ 2

      ภายหลังอภิปรายกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างข้อบังคับการประชุม สนช. พ.ศ. ... วาระแรก ด้วยคะแนน 171 เสียง ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมให้ กมธ.ยกร่างข้อบังคับชุดเดิม ทำหน้าที่พิจารณาให้เสร็จภายใน 10 วัน และให้สมาชิกเสนอแปรญัตติภายใน 3 วัน 

      นายธานีกล่าวถึงการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เห็นด้วยที่จะเขียนข้อบังคับให้ สนช. มีอำนาจถอดถอน เพราะยังมีข้อถกเถียงว่า สนช.มีอำนาจหรือไม่ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีอำนาจ จะเขียนข้อบังคับได้อย่างไร จึงเห็นว่าควรหาข้อยุติก่อน ซึ่งมี 2 แนวทางคือ ให้หารือกันในที่ประชุม สนช.เพื่อให้มีมติทางใดทางหนึ่ง ถ้าเห็นว่าสนช.มีอำนาจก็เขียนได้ และอีกทางหนึ่งคือยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความโดยผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน

     เมื่อถามว่าจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตี ความเองหรือไม่ นายธานีกล่าวว่า ต้องหารือกับสมาชิกส่วนใหญ่ก่อน เพราะตนมีเพียงเสียงเดียว ทำอะไรไม่ได้มาก จะเห็นว่าคะแนนที่รับหลักการไปก็ท่วมท้น ตนพูดตามหลักกฎหมาย ไม่มีใครชี้นำ จากนี้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปยื่นเรื่องผ่านผู้ตรวจฯ จะเหมาะสมกว่า ตนทำหน้าที่แล้วในการชี้ประเด็นให้เห็น

วิปเผยให้โอกาสครม.ทำงานก่อน

      ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่ประชุมสนช. พิจารณารายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 ตามมาตรา10 (16) แห่งร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. พ.ศ.2550 โดย นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการกกต. ชี้แจงถึงภารกิจหลักของกกต. และพิจารณารายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี พ.ศ.2556 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(ส.ส.ท.) ตามมาตรา 5 ของพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 หลังพิจารณาเสร็จ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 ในฐานะประธานการประชุม จึงสั่งปิดการประชุมในเวลา 15.25 น. 

      นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. และโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญกิจการ สนช. หรือวิปสนช. กล่าวถึงการประชุมสนช.เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนที่ครม.แถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 12 ก.ย.ว่า วิปสนช.ไม่ได้กำหนดกรอบหรือจัดคิวอภิปราย แต่จะใช้วิธีให้สมาชิกยกมือในห้องประชุมหากใครสงสัยจะซักถาม แต่ถ้ามีจำนวนมากก็อาจใช้วิธียกมือรอบเดียว เชื่อว่าจะใช้เวลาอภิปรายไม่นาน อาจถามในข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะการแถลงนโยบายเป็นการชี้แจงว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศอย่างไร ดังนั้น เราควรให้เวลารัฐบาลทำงานก่อน คงยังไม่สงสัยว่าจะทำอะไรบ้าง 

"มาร์ค"โผล่แนะแก้พืชผลเกษตร

       ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสนช.ว่า เป็นนโยบายที่เขียนค่อนข้างชัดครอบคลุมเกือบทุกเรื่อง และไม่ใช่นโยบายเฉพาะปีนี้ โดยมีภาพว่าระยะกลาง ระยะยาวเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นภาระที่หนักมากที่จะทำได้ตามที่กำหนดไว้ ถ้าทั้งหมดทำได้สำเร็จถือเป็นเรื่องที่ดี แต่บางเรื่องตนไม่แน่ใจว่าเมื่อเจอปัญหาจริงแล้วจะเป็นอย่างไร เช่น ปัญหาสินค้าเกษตร เพราะที่เขียนไว้เป็นเพียงหลักการว่าอยากลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพ แต่กรณีราคาพืชผลเกษตรตกต่ำจริงๆ ยังไม่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องนี้ ส่วนนโยบายอื่นๆ จะเกี่ยวกับการปฏิรูป เพราะนโยบายระบุว่าต้องทำงานคู่ขนานกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)

      นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เห็นว่าสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปีคือ 1.การทำกติกาการเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสปช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าไม่เสร็จ การเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 3 ก็เกิดขึ้นไม่ได้ และ 2.ความคาดหวังของประชาชนในปัญหาการทุจริตและปัญหาในระบบราชการ รวมถึงปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น เศรษฐกิจ ถ้าทำได้ภายใน 1 ปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลประกาศไว้

เรียกร้องบิ๊กตู่สอบไมค์ทองคำเอง

     นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ตรวจสอบการจัดซื้อไมโครโฟนในห้องประชุมครม. ที่มีราคาแพงว่า ตนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะราคาไมโครโฟนที่ขายตามท้องตลาดอยู่ที่ 50,000 กว่าบาท แต่ราคาที่ซื้อขายกันนั้นอยู่ที่ 90,000 บาท ทั้งที่ลดราคาแล้ว 30 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้ถือว่าผิดปกติ จึงอยากให้นายกฯตรวจสอบและทำเป็นตัวอย่างว่ากรณีดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากมีการจัดซื้อในราคาสูงและเกินความเป็นจริง และรัฐบาลเน้นความพอเพียง จึงอาจมีคำถามว่าระบบดังกล่าวจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เมื่อยังไม่มีการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก็ควรพิจารณาให้รอบคอบ

       เมื่อถามว่า ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่น่าซับซ้อน ถ้านายกฯลงมาดูรายละเอียดและตรวจ สอบเอง เพราะต้องดูแลปัญหาในภาพรวม ซึ่งเรื่องนี้จะถือเป็นกรณีที่ถูกหยิบยกขึ้นมาทดสอบเรื่องมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง ว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างไร 

     เมื่อถามว่าถ้าเรื่องไม่คลี่คลายจะถือเป็นจุดเสื่อมจุดแรกสำหรับรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถือว่าอันตรายมาก เพราะเรื่องนี้จะวิพากษ์วิจารณ์อย่าง มาก ขอให้ดำเนินการให้โปร่งใส และมีกระบวนการที่เปิดเผยชัดเจน

"ปนัดดา"งดพูด-ไม่เกี่ยวไมค์ทอง

      เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จ.เชียงใหม่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลว่า ตนขอพูดอย่างเปิดอกว่าอำนาจหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับการบริหารเรื่องเงินทองงบประมาณ ไม่ใช่เป็นของสำนักปลัดสำนัก นายกฯ ตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยและเขียนลงใน เฟซบุ๊กแล้วว่าตนไม่เกี่ยวข้อง หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียด ขอให้ถามอธิบดีกรมโยธาฯ ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และให้ถามเลขาธิการสำนักนายกฯ งานนี้ไม่ได้ผ่านตนเลย แม้แต่เอกสารฉบับเดียว ตัวเลขการซ่อมบำรุงปรับปรุงเครื่องเสียงไอทีไม่เกี่ยวข้อง 

      "ข้าราชการอยู่โดยกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้บอกเลยว่าไม่มีใครกล้าโกงในยุคนี้ เพราะโกงแล้วต้องโดนเล่นงานอย่างเด็ดขาด เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา อธิบดีกรมโยธาฯแถลงได้ชัดเจนมาก และราคาลดลงไป เรื่องนี้หากมีใครมาถามตนอีกก็ไม่ขอพูดอีกแล้ว แต่หลายคนมองเห็นว่าผมเป็นปลัดสำนักนายกฯน่าจะรู้ทุกเรื่อง ซึ่งจะว่ารู้ก็รู้จริง แต่อำนาจหน้าที่มันไม่มี ซึ่งผมเคยพูดประโยคคล้ายกันนี้ พอรุ่งขึ้นลงข่าวว่าปลัดโบ้ยงาน ผมจะโบ้ยได้อย่างไรในเมื่อมันไม่ใช่อำนาจหน้าที่" ม.ล.ปนัดดา กล่าว

สนช.เลื่อนวาระ-พ.ร.บ.ศาลปค.

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหนังสือด่วนมาก ถึงสมาชิก สนช. เนื่องจากนายพรเพชร นัดประชุม สนช.ครั้งที่ 9/2557 ในวันที่ 16 ก.ย. เวลา 13.00 น. มีวาระเรื่องด่วนเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2558 ในวาระที่ 2 และ 3 ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา และยังนัดประชุม สนช.ครั้งที่ 10/2557 ในวันที่ 18 ก.ย. เวลา 10.00 น. มีวาระเพื่อพิจารณาเรื่องด่วนที่ 6-10 ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์เสนอ มีร่าง พ.ร.บ.ที่สำคัญ อาทิ ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เป็นลำดับแรกในการพิจารณา

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งข้อสังเกตถึงลำดับการพิจารณากฎหมายของสนช. ที่นำร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายฉบับที่ 6 ขึ้นมาพิจารณาก่อน ทั้งที่ยังมีกฎหมายอีก 5 ฉบับค้างการพิจารณาจากวันที่ 11 ก.ย.อยู่ อีกทั้งก่อนหน้านี้วิปสนช.เคยระบุหลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากตุลาการศาลปกครอง 101 คนว่า จะเชิญฝ่ายที่เห็นต่างเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างรอบด้านก่อนให้ที่ประชุมสนช.ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ

"สุภา"อุ้มพระเข้าทำงานที่ป.ป.ช.

      เมื่อเวลา 12.29 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. เดินทางเข้าทำงานหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เมื่อวันที่ 9 ก.ย. โดยเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสำนักงานป.ป.ช. และเชิญพระไพรีพินาศหน้าตัก 5 นิ้ว เข้าบูชาในห้องทำงาน โดยถือฤกษ์นั่งโต๊ะทำงานในเวลา 13.19 น. โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า ที่เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำป.ป.ช.ไม่ได้ขออะไรมาก เพียงแค่ขอให้ทุกอย่างเป็นไปโดยราบรื่น ไม่มีอุปสรรค

      รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.สุภา เคยเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวที่ออกมาเปิดเผยว่าการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว วันที่ 31 ธ.ค. 2555 มีข้าวสารหายไปถึง 1 ล้านตัน พร้อมยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวมีผลขาดทุนเฉลี่ยแต่ละปีการผลิตประมาณ 2 แสนล้านบาท และเป็นผู้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ขอให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวด้วย และเป็นหนึ่งในพยานที่เข้าให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช. ในคดีโครงการรับจำนำข้าว

       รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.สุภาเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วม หรือสนับสนุนการกระทำความผิดให้มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ในการประกวดราคาให้เช่าเนื้อที่โฆษณารถ ขสมก. โดยมิชอบ มีการแก้ไขสัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ขณะดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. เมื่อพ.ศ.2543 โดยคดีดังกล่าวที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขึ้น โดยมีนายใจเด็ด พรไชยยา กรรมการป.ป.ช.ในขณะนั้น เป็นประธาน ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช.

ทำเนียบขนลุก-เจอหญิงผมยาว

       เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าเกิดเหตุการณ์ลึกลับขึ้นที่ตึกนารีสโมสร ซึ่งเพิ่งปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จสิ้นอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ชวนขนลุกครั้งนี้ ได้รับการเปิดเผยจากนายสินสกอน อรุณ อายุ 60 ปี ลูกจ้างประจำฝ่ายเทคนิค (ฝ่ายดูแลควบคุมเครื่องเสียงศูนย์แถลงข่าว)ว่า เมื่อเย็นวันที่ 10 ก.ย.เวลา 18.00 น. หลังจากดูแลความเรียบร้อยภายในศูนย์แถลงข่าว และเตรียมตัวกลับบ้านพัก ช่วงที่เดินออกจากมาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวเกือบระดับเอว หันหน้าไปทางประตูทางเข้าห้องรับรอง(ห้องรองโฆษกประจำสำนักนายกฯเดิม) กำลังกวาดพื้นอยู่ ขณะนั้นคิดว่าเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาด ก็บอกไปว่า ยังไม่กลับอีกหรือ ตนกลับแล้ว ถ้ากลับก็ล็อกประตูทางเข้าด้วย

      นายสินสกอน กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่คลายตื่นเต้นว่า พูดจบก็เตรียมเปิดประตูกลับออกมา แต่เอะใจว่าแม่บ้านที่ไหนจะมาทำความสะอาดเวลานี้ เพราะช่างที่เข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมก็ส่งมอบงานแล้ว แม่บ้านประจำตึกก็กลับไปแล้วเลยสงสัย อีกทั้งเห็นหน้าผู้หญิงคนดังกล่าวไม่ชัด เห็นแต่เป็นเงารางๆ จึงตัดสินใจหันหลังกลับเข้ามาอีกครั้ง

      "ช่วงนั้นผมรู้สึกตัวเย็น ขนเริ่มลุก เริ่มคิดว่าไม่น่าจะใช่คน แต่เพื่อความแน่ใจเลยกลับเข้าไปดู นาทีนั้นถึงกับยืนตัวแข็งเพราะผู้หญิงที่หันหลังกวาดพื้นอยู่นั้น กวาดผ่านทะลุประตูห้องรับรองและหายไปต่อหน้าต่อตา บานประตูไม่มีขยับเลย ถ้าเป็นคนเปิดก็ต้องได้ยินเสียงประตูดังบ้าง อีกทั้งไม่มีการขยับของประตูเลย ผมถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ หูไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น ได้ยินแต่เสียงเหมือนเพลงแบบไทยเดิมก้องอยู่ในหู ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีเสียงอะไรเลย พอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกมาพร้อมปิดประตูทันที ก่อนจะกลับบ้านพัก เมื่อถึงบ้านก็พยายามตั้งสติ สวดมนต์แต่ก็นอนไม่หลับทั้งคืน ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร เพราะตลอดเวลาที่ทำงานที่ทำเนียบมาหลายสิบปี โดยเฉพาะที่ศูนย์แถลงข่าวไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ มีแต่ฟังจากคนอื่นเล่ามา" นายสินสกอนเล่าอย่างตื่นเต้น

      นายสินสกอน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ช่วงที่ช่างมาปรับปรุงซ่อมแซม ช่างทาสีคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่ามีอยู่วันหนึ่ง ขูดสีเก่าบริเวณขอบหน้าต่างตึกนารีฯเพื่อทาสีใหม่ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ พอกลับไปบ้านก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเข้าฝันว่าให้ทาสีเข้มๆ ถ้าทาบางจะไม่สวย เขาก็มาเล่าให้ฟังและซื้อหวยถูกทั้งข้างล่างข้างบน นอกจากนี้ ยังมีช่างบางคนได้กลิ่นธูปกลิ่นน้ำอบไทยด้วยระหว่างซ่อม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้คิดว่าอาจมาเตือนเรื่องการทำความสะอาด เพื่อให้ตึกดูสวยงามมากกว่า ซึ่งตนคงจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลและบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่อไป แต่ยอมรับว่ายังรู้สึกกลัวๆ อยู่

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการวัยใกล้เกษียณรายหนึ่ง เล่าว่าทำเนียบหรือบ้านนรสิงห์นั้น มีอายุมายาวนานมาก และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องดูแลมาตลอด และคนเก่าๆ มักเคยเห็นว่ามีชายหญิงใส่ชุดไทยมาเดินให้เห็นเป็นประจำในยามค่ำคืน รวมทั้งตึกนารีสโมสรด้วย เคยมีนักข่าวอาวุโสบางคนที่ทำงานที่รังนกกระจอกเก่า (ติดกับตึกนารีสโมสร) จนค่ำเคยได้กลิ่นน้ำอบไทย และเห็นเด็กแต่งชุดไทยวิ่งเล่นและหายไปต่อหน้าต่อตา

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ต่างจับกลุ่มวิจารณ์ต่างๆ นานา ส่วนใหญ่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่เกิดขึ้น รวมทั้งวิจารณ์ว่าในการปรับปรุงซ่อมแซมทำเนียบนั้น มีการดำเนินการอย่างเร่งรีบ น่าจะขาดการบวงสรวงบอกกล่าว ทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องดูแลไม่พอใจ

ก.ต.ลดอายุท่านเปาเหลือ 65 ปี

      วันที่ 11 ก.ย. ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 21/2557 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. โดย ก.ต.มีมติเห็นชอบให้แก้ไข พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 ที่เดิมกำหนดให้ข้าราชการตุลาการในศาลยุติธรรมเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งเมื่ออายุครบ 70 ปี โดยปรับลดให้เหลือ 65 ปี แต่หลังอายุครบ 65 ปีแล้ว ยังดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสได้จนถึงอายุครบ 70 ปี แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถดำรงตำแหน่งบริหารในศาลได้

      แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลยุติธรรม เผยว่า หลังจากพ.ร.บ.ดังกล่าวได้บังคับใช้มาระยะหนึ่งแล้วเห็นว่าการให้ข้าราชการตุลาการดำรงตำแหน่งบริหารได้ถึงอายุ 70 ปีนั้น เป็นภาระที่หนักเกินไป จึงปรับลดอายุเหลือ 65 ปี ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมจะส่งร่าง

แอมเนสตี้บี้ไทยละเมิดมนุษยชน

      วันที่ 11 ก.ย. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรื่อง ประเทศไทย : การปราบปรามอย่างรุนแรงไม่มีแนวโน้มลดลงในช่วง 100 วันหลังการยึดอำนาจของทหาร โดยอ้างตามรายงานเรื่อง การปรับทัศนคติ : 100 วันภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งระบุว่า มีการควบคุมตัวโดยพลการหลายร้อยกรณี การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบอย่างกว้างขวาง และการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรมในศาลทหาร ทำให้เกิดบรรยากาศของความกลัวในประเทศไทย และไม่มีแนวโน้มลดลงเลย 

     นายริชาร์ด เบนเน็ต ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ทางการไทยควรยุติแบบแผนวิธีการการปราบปรามที่เป็นปัญหาเช่นนี้ ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชน เคารพพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และเปิดให้อภิปรายและถกเถียงอย่างเสรี ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของอนาคตของประเทศ ทั้งนี้ สมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศควรใช้โอกาสต่างๆ ที่เป็นไปได้ รวมทั้งการประชุมที่ดำเนินอยู่ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลทหารของไทยเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงาน และประกันให้เกิดการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเงื่อนไขจำเป็นหากต้องการบรรลุเป้าหมายความปรองดองแห่งชาติตามที่ประกาศไว้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!