- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 11 September 2014 22:26
- Hits: 5200
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8688 ข่าวสดรายวัน
ถูกทันที! ไมค์ครม.แค่ 9 หมื่น โยธาซื้อลดราคา 'สุกรี'มาตามนัด คลุมปี๊บจี้'รัชตะ'นายกตู่รุดกราบ สมเด็จวัดปากน้ำ
สักการะ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นำคณะรัฐมนตรีถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่ห้องประชุมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 10 ก.ย. |
อธิบดีกรมโยธาธิการฯ แถลงชี้แจงไมค์แพง ต่อรองจากตัวละ 1.4 แสนเหลือ 9.5 หมื่น เตรียมนำสัญญาซื้อขายลงเว็บ โชว์โปร่งใส เปลี่ยนจอทีวีจากพลาสมาเป็นแอลอีดีแล้ว "อจ.สุกรี"มาตามนัด ใช้ปี๊บคลุมหัวเข้าประชุมคณบดีมหิดล เผชิญหน้า "รมว.รัชตะ"ที่นั่งหัวโต๊ะ อาจารย์-กรรมการสภามหา"ลัย ร่วมจี้เลิกควบเก้าอี้อธิการบดี นัดถกหาข้อยุติ 17 ก.ย. "บิ๊กตู่"นำครม.สักการะสมเด็จวัดปากน้ำ ลั่นพร้อมแถลงนโยบาย 12 ก.ย. ฮึ่มปรับออก รมต.ไร้ผลงาน มติสตง.ฟัน"สุวิจักขณ์-10 ขรก.รัฐสภา" ปมนาฬิกาติดผนัง
บก.ทบ.อารักขาเข้ม"บิ๊กตู่"
เวลา 08.00 น. วันที่ 10 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ ผบ.ทบ. เดินทางออกจากบ้านพักจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 1 รอ.) ไปยังกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ปฏิบัติงานตามปกติ ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.30 น. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและเวลา 09.55 น. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ เดินทางเข้าสักการะพระพรหม ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย ขณะที่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ซึ่งคาดจะมานั่งเก้าอี้เลขาธิการนายกฯ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ช่วงเช้า เดินตรวจดูความเรียบร้อยบนตึกไทยคู่ฟ้า ตึกบัญชาการ 1 ห้องประชุม ครม.501 และห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี นำครม.กราบสมเด็จวัดปากน้ำ
รัฐมนตรีทยอยเดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 12.00 น. อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนัก นายกฯ และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เวลา 13.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงทำเนียบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สวมเสื้อผ้าไหมพระราชทานสีเหลืองทอง ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ถึงการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า "หลังวันที่ 12 ก.ย."
จากนั้นนายกฯ นำรัฐมนตรีออกจากทำเนียบด้วยรถเมอร์ซีเดส เบนซ์ สปริ๊นเตอร์ ของกองทัพบก มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ขึ้นรถคันเดียวกัน ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นแยกย้ายขึ้นรถบัสกองทัพบก ที่เตรียมไว้ 3 คัน ออกจากทำเนียบใน เวลา 13.10 น. เพื่อเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อความเป็นสิริมงคล
ฝากครม.ทำ 2 เรื่อง
เวลา 14.00 น. นายกฯ พร้อมครม.เข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่ห้องประชุมอาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อ.พุทธมณฑล พล.อ.ประยุทธ์ กราบนมัสการพร้อมกล่าวถวายรายงานว่า ตนและ ครม.มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลังความสามารถ กรณีที่ เจ้าประคุณสมเด็จฯ และพระคุณเจ้าประสงค์จะให้ตนและคณะดำเนินการเรื่องใดที่อยู่ในความรับผิดชอบและพึ่งกระทำได้ ยินดีขอน้อมรับที่จะดำเนินการในเรื่องนั้นๆ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ มอบสัมโมทนียกถาโดยกล่าวขอบใจที่นายกฯ สักการะกรรมการมหาเถรสมาคมก่อนเข้ารับตำแหน่ง ขอฝากนายกฯ และครม. 2 เรื่องคือ 1.การขุดลอกแม่น้ำ 4 สายหลักคือ ปิง วัง ยม น่าน 2.การปลูกป่า ปัจจุบันมีพื้นที่ภูเขา หัวโล้นจำนวนมากขอให้ถวายให้พระในพื้นที่ดูแลและเข้าไปบำเพ็ญประโยชน์ โดยเสนอความคิดให้ที่ดินแก่พระสงฆ์รูปละ 100 ไร่ เพื่อเข้าไปอยู่อาศัย ทำสัญญาว่า 5 ปีต้องปลูกป่าให้เต็มพื้นที่ โดยให้อาศัยเพื่อปลูกป่าเท่านั้นไม่ได้ให้เป็นเอกสิทธิ์
นายกฯย้ำค่านิยม 12 ประการ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวว่า มหาเถรสมาคมออกระเบียบมหาเถรสมาคมให้พระสงฆ์นำประชาชนปฏิบัติตามศีล 5 ถือได้ว่าสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ปรารถนาให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าปรองดอง ร่วมกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ขอให้รัฐบาลพร้อมสื่อมวลชนช่วยประชา สัมพันธ์โครงการให้ขยายเป็นที่รู้จักของประชาชนในวงกว้างต่อไป
ในตอนท้าย สมเด็จพระมหารัชมังคลา จารย์ กล่าวให้พรนายกฯและครม. ให้บริหารประเทศชาติได้ประสบความรุ่งเรือง ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขมีคุณธรรม
นายกฯกล่าวน้อมรับคำเสนอแนะ จะนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติเรื่องขุดลอกแม่น้ำสายหลัก 4 สาย แก้ปัญหาทั้งระบบ เพื่อให้น้ำระบายได้ตามเส้นทาง ป้องกันน้ำท่วม และใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าซึ่งมีต้นทุนถูกกว่าการขนส่งทางบก ส่วนเรื่องปลูกป่าจะมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือและบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเร่งด่วนในระยะแรก เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลชุดใหม่รับไปดำเนินการอย่างยั่งยืนต่อไป ยืนยันจะยึดหลักปลูกฝังสร้างค่านิยม 12 ประการให้กับคนรุ่นใหม่เพื่อใช้ทำงานและดำรงชีวิตต่อไป
ลั่นพร้อมแถลงนโยบาย
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ฝากให้ดำเนินการว่า ตรงกับนโยบายรัฐบาลในการดูแลบริหารจัดการน้ำ ส่วนเรื่องปลูกป่า จะมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ไปวางแผนให้พระสงฆ์มีส่วนช่วยดูแลป่าด้วย เรื่องที่สามเรื่องหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นโครงการที่สมเด็จฯ เริ่มไว้ ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการต่อให้ครบทุกหมู่บ้าน ถ้าคนไทยมีทั้งคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม ประเทศไทยไปได้แน่นอน
เมื่อถามว่า พร้อมแถลงนโยบายใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหนักแน่นว่า "พร้อม ต้องพร้อม ผมมีความพร้อมที่จะแถลงนโยบายในวันที่ 12 ก.ย.นี้แน่นอน และจะเข้าทำงานที่ทำเนียบในสัปดาห์หน้า"
รบ.แถลงนโยบาย 12 ก.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกทำหนังสือด่วนมาก ที่ สว(สนช) 0007/(น12) ลงวันที่ 10 ก.ย. 2557 ถึงสมาชิกสนช.ว่า ประธาน สนช.มีคำสั่งนัดประชุม สนช. ครั้งที่ 8/2557 วันที่ 12 ก.ย. เวลา 10.00 น. มีระเบียบวาระเรื่องด่วนคือ ครม.แถลงนโยบายต่อสนช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำแถลงนโยบาย ที่พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้แถลงต่อ สนช.นั้น ทางสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ส่งรายละเอียดมายังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เมื่อวันที่ 10 ก.ย. เพื่อให้สมาชิก สนช.ศึกษาประกอบการประชุม โดยมี 23 หน้า ประกอบด้วยนโยบาย 11 ด้าน ได้แก่ 1.การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.การรักษาความมั่นคงของรัฐและการต่างประเทศ 3.การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ 4.การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม 5.การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน
6.การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ 7.การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน 8.การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนา และนวัตกรรม 9.การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน 10.การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ 11.การปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
แยก 11 ด้าน-ยึดพระราชดำริ
ร่างคำแถลงนโยบายระบุว่า การบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลมีนโยบายในเรื่องต่างๆ จำแนกเป็น 11 ด้าน โดยนำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศว่าด้วยการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักสำคัญ ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงเน้นความพอดี พอสม พอควร แก่ฐานะด้วยความมีเหตุมีผล และการมีภูมิคุ้มกันมาเป็นแนวคิด ใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 แนวทางของคสช. และความต้องการของประชาชน ที่น่าจะชัดเจนขึ้นในช่วงเวลาการออกแบบการปฏิรูปประเทศเป็นแนวทางกำหนดนโยบาย คำนึงถึงปัญหาของประเทศ โดยนโยบายที่แถลงต้องการสร้างความ เข้มแข็งแก่องค์กรปกครองทุกระดับ ตั้งแต่ ท้องถิ่นจนถึงประเทศ
คลุมปี๊บ - นายสุกรี เจริญสุข คณบดีคณะดุริยางคศิลป์ เอาปี๊บคลุมหัวไปร่วมประชุมคณบดี ม.มหิดล ซึ่งนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน เข้าร่วมด้วย เพื่อคัดค้านการควบตำแหน่งรมว.สาธารณสุขกับอธิการบดี เมื่อวันที่ 10 ก.ย. |
นอกจากนี้ ต้องการเสนอยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืน ครอบคลุมปัญหา ทั้งระยะเฉพาะหน้าที่ต้องทำทันที ระยะกลางที่จะทำต่อไป หรือต้องรอการใช้บังคับกฎหมาย และระยะยาว แม้จะไม่เห็นผลสำเร็จในเวลาอันใกล้ แต่รัฐบาลนี้เห็นควรต้องวางรากฐาน เพื่อให้รัฐบาลข้างหน้าเข้ามาพิจารณารับช่วง และประการสำคัญต้องการให้ประชาชนรู้ล่วงหน้าว่าประเทศจะก้าวไปทางไหน มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ในอนาคตอันใกล้ เพื่อเตรียมตัวได้ในอนาคต
"ประยุทธ์"โชว์เดี่ยว-ถ่ายสด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อ สนช.ว่า เนื้อหาคำแถลงมี 23 หน้า ซึ่งปรับแก้จากร่างฉบับแรกที่มี 42 หน้า ทำให้เนื้อหาสั้นลง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น ผู้แถลงเพียงคนเดียว มีการถ่ายทอดสดด้วย การแถลงนโยบายรัฐบาลที่จริงมีน้ำหนักอยู่ที่ตัวเล่มเนื้อหานโยบายที่รัฐบาลแจกให้ ต้องยึดตรงนี้เป็นหลัก ไม่ได้อยู่ที่คำพูดระหว่างแถลงที่อาจอ่านผิดกันได้ แต่การให้นายกฯ นำไปแถลงต่อสนช.นั้น เพื่อให้สมาชิก สนช.ที่ยังไม่ได้อ่านได้รับทราบและให้ประชาชนได้ฟังนโยบายรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลไม่ได้พิมพ์แจกประชาชน
เมื่อถามว่า ได้เตรียมบุคคลช่วยนายกฯ ชี้แจงด้วยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า นายกฯ เป็นตัวหลักในการตอบคำถามของสมาชิก สนช. แต่ถ้าประเด็นใดลงในรายละเอียด รองนายกฯ และรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นจะร่วมชี้แจงด้วย
"วิษณุ"มีเลขาฯ-ผช.รมต.ในใจ
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการทาบทามบุคคลมาเป็นเลขานุการรัฐมนตรีหรือผู้ช่วยรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนคิดไว้ในใจแล้ว แต่ยังไม่ได้ถามเขาว่าคนที่มา เป็นข้าราชการการเมืองต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย เขายังจะมาทำหน้าที่นี้หรือไม่ ส่วนการยื่นแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ของครม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น เชื่อว่าไม่มีปัญหาเพราะแต่ละคนทำความเข้าใจเองได้ และรัฐมนตรีเกือบทุกคนเคยยื่นมาแล้ว จึงไม่มีคนไหนหนักใจเรื่องนี้ รวมถึงทหารหรือผู้ที่มาจากเอกชน อาทิ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว. การท่องเที่ยวและกีฬา เคยยื่นมาแล้ว ในฐานะสมาชิกสนช. หากใครจะหลงลืมก็เกิดขึ้นได้แต่ต้องยื่นตามไป ป.ป.ช.ไม่ได้ว่าอะไร
คำสั่งแบ่งงานออก 16 ก.ย.
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีรัฐมนตรีบางคนถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งอื่นควบคู่ด้วย อาทิ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ที่ยังเป็นอธิการบดีมหา วิทยาลัยมหิดล รองนายกฯ กล่าวว่า ครม.ไม่ว่ามาจากไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น ไม่ได้ห้าม แต่ในส่วนสถานที่ที่รัฐมนตรีคนนั้นมาต้องดูระเบียบของสถานที่เอง เมื่อถามย้ำว่าการทำหน้าที่ 2 ตำแหน่งคู่กันแบบนี้เหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามรัฐมนตรีคนนั้นเอง
นายวิษณุ กล่าวถึงการแบ่งงานระหว่าง รองนายกฯ 5 คนว่า ต้องรอคำสั่งอย่างเป็นทางการในการประชุมครม. วันที่ 16 ก.ย.นี้
"ยงยุทธ"รับดู 4 กระทรวงสังคม
นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานของรองนายกฯ ว่า นายกฯแบ่งงานให้รองนายกฯและรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว ตนดูแลงานด้านสังคม กำกับงาน 4 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ทำงานเชื่อมโยงกับกระทรวงที่มีรองนายกฯคนอื่นดูแล อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากทุกเรื่องมีความเชื่อมโยงกัน โดยรองนายกฯเป็นผู้ส่งผ่านงานระหว่างนายกฯไปสู่กระทรวงต่างๆ ส่วนเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำต่อเนื่องในช่วง 1 ปีคือสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปเพื่อวางรากฐานการทำงาน ตนเป็นที่ปรึกษาคสช.ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเหมือนฝึกงาน มีประเด็นที่ได้คุยและให้คำแนะนำและต้องสานต่อเพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป
รมต.เริ่มงานเป็นทางการ 12 ก.ย.
นายยงยุทธ กล่าวว่า งานด้านความมั่นคง มอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและรมว.กลาโหม ด้านเศรษฐกิจมอบให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ขณะที่ด้านต่างประเทศ มอบให้พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ รับผิดชอบด้านกฎหมายและระเบียบการต่างๆ และนายกฯได้ตั้งเลขาฯและที่ปรึกษาแล้วเช่นกัน แต่ต้องถามจากนายกฯ
นายยงยุทธ กล่าวว่า นายกฯจะกำกับทั้งหมด มีกระทรวงหน่วยงานขึ้นตรงจำนวนมากเพราะต้องดูภาพรวมทั้งหมด เรื่องการวางแผนงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) งานทั้งหมดต้องมีเอกภาพ ทำงานเชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นด้วย ซึ่งรัฐมนตรีจะเริ่มทำงานเป็นทางการเมื่อแถลงนโยบายต่อสนช.วันที่ 12 ก.ย. จากนั้นนายกฯนัดประชุมกับฝ่ายปฏิบัติและผู้รับผิดชอบงานด้านต่างๆ ต่อไป
"บิ๊กตู่"ฮึ่มปรับรมต.ไร้ผลงาน
เมื่อถามว่า นายกฯมีกรอบการประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า นายกฯย้ำตลอดว่าต้องทำงานให้ได้ผล ไม่เช่นนั้นก็ปรับออก ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต้องรู้ตัวเพราะเวลาทำงานมีน้อยเพียง 1 ปี ส่วนใครจะอยู่ถึงหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกฯพิจารณา เมื่อถามย้ำว่าการปรับออกหมายความรวมถึงทหารด้วยหรือไม่หากปฏิบัติงานไม่ดีก็จะไม่มีการอุ้ม นายยงยุทธกล่าวว่า "ลองไปถามทหาร ผมไม่ทราบ"
โฆษกคสช.ปัดตอบนั่งโฆษกรบ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคสช. ซึ่งมีชื่อเป็นทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ ปฏิเสธจะตอบคำถามถึงกระแสข่าวได้เป็นโฆษกรัฐบาลว่า ไม่ทราบจริงๆ เมื่อถามว่าพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก จะมาเป็นโฆษกรัฐบาลหรือไม่ ร.อ.นพ.ยงยุทธ ย้ำว่าไม่ทราบจริงๆ
ด้านพล.อ.วิลาศ อรุณศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการนายกฯว่า อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เพราะยังไม่มีอะไรที่เป็นทางการทั้งหมด ขึ้นอยู่กับนายกฯ
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวัน พล.อ.วิลาศ เข้าปฏิบัติหน้าที่คอยตรวจดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ภายในทำเนียบ และร่วมคณะนายกฯและครม.เข้าถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ที่พุทธมณฑลด้วย
อ.สุกรีปี๊บคลุมหัวมาตามนัด
เวลา 09.00 น. ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ใช้ปี๊บคลุมหัว เดินเท้าออกจากวิทยาลัยมาร่วมประชุมคณบดีมหาวิทยาลัยมหิดล(มม.) ที่อาคารสำนักงานอธิการบดี มม. เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยที่นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เข้ารับตำแหน่งรมว.สาธารณสุข โดยไม่ยอมลาออกจากอธิการบดี ปี๊บดังกล่าวติดข้อความระบุว่า "อายจนหน้าชา ซื้อปี๊บมาคลุมหัว อายเขาไปทั่ว เอาปี๊บคลุมหัวไม่ให้หน้าชา"
นายสุกรี กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่อธิการบดีจะนั่งควบตำแหน่งทางการเมืองด้วยเพราะถือว่าขาดสามัญสำนึก การเอาปี๊บคลุมหัวก็แสดงถึงความอับอาย ตนเป็นคนบ้านนอกทำแบบนี้ไม่ได้เรียกร้องอะไรแต่อาย และอยากได้อธิการบดีที่ทำงานเต็มเวลา อาชีพหมอและอาชีพครู เป็นอาชีพที่สูงส่ง เป็นความน่า เชื่อถือของสังคม เมื่อใดที่สามัญสำนึกของหมอและครูตกต่ำสังคมบ้านเมืองก็ตกต่ำ ประชาชนจะฟังใคร แม้ตำแหน่งรัฐมนตรีได้รับการแต่งตั้งแต่สามัญสำนึกเป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นสิ่งสำคัญมาก่อนจริยธรรมด้วยซ้ำ ดังนั้น การเป็นผู้นำหรือเป็นเจ้านายต้องเป็น ผู้ถือสามัญสำนึกที่ยิ่งใหญ่ ใหญ่กว่าธรรมา ภิบาล ตนทำงานเต็มเวลาเจ้านายก็ต้องทำงานเต็มเวลาเหมือนกัน
ไมค์ทอง - นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการฯ และตัวแทนบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ระบบโสตทัศนูปกรณ์ ชี้แจงการจัดซื้อไมโครโฟนราคาตัวละ 145,000 บาท เป็นเพียงประมาณการที่ตั้งขึ้นแต่เมื่อมีการต่อรองราคาแล้วเหลือเพียง 94,250 บาท |
"ผมตัวคนเดียวทำได้แค่นี้ เขาจะออกหรือไม่ออกก็เรื่องของเขา นี่เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ประเทศมีปัญหาเยอะแล้วและต้องการคนมาแก้ปัญหา แต่การที่บุคคลทำหน้าที่ 2 อย่างพร้อมกัน จะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่" นายสุกรีกล่าว
กก.สภามหา"ลัยร่วมค้านด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายสุกรี จะใช้ปี๊บคลุมหัวเพื่อเดินมาร่วมประชุมคณบดีมม. มีนายกิติกร จามรดุสิต อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ตัวแทนกรรมการสภามหาวิทยาลัย ประเภทอาจารย์ประจำ เข้ามอบช่อดอกเข็มเป็นกำลังใจให้ด้วย
นายกิติกร กล่าวว่า ตัวแทนกรรมการสภามหาวิทยาลัย 5 คนที่มาจากการเลือกตั้งจากอาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัย ก็ไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ 2 ตำแหน่งของนพ.รัชตะ จึงทำหนังสือเสนอนายกสภามหาวิทยาลัย ให้พูดคุยและทบทวนบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารมหาวิทยาลัย และให้เรื่องดังกล่าวบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยวันที่ 17 ก.ย.นี้
นายกิติกร กล่าวว่า เราเป็นสถาบันการศึกษาต้องเป็นแบบอย่างให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ กรณีนี้พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยก็เขียนชัดเจนว่าห้ามอธิการบดีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และตำแหน่งอธิการบดีมาจากกรรมการสรรหา มีสัญญาประชาคมว่าจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ และหลังจากนี้กรรมการสภามหาวิทยาลัยรวมทั้งผู้ไม่เห็นด้วยกับการนั่งควบตำแหน่งดังกล่าวจะเดินหน้ากดดัน อาจจัดเวทีสาธารณะเพิ่มแรงกดดัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องของอาจารย์กับฝ่ายบริหาร ไม่มีเจตนาให้นักศึกษามายุ่งเกี่ยว
เพื่อนอาจารย์ก็จี้เลือกที่นั่งเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีอาจารย์จากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา และสถาบันโภชนาการ ประกอบด้วย น.ส.กฤตยา อาชวนิจกุล น.ส.ศรีประภา เพชรมีศรี นายเอกพันธุ์ ปิณฑวณิช น.ส.งามศุกร์ รัตนเสถียร นางเบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร นางสุภาสเมต ยุนยะสิทธิ์ และนายชลัท ศานติวรางคณา ยื่นหนังสือต่อ อธิการบดีมม. คัดค้านการควบ 2 ตำแหน่งของอธิการบดีมม. โดยให้เหตุผลว่า 1.ภาระหน้าที่ของอธิการบดี และรมว.สาธารณสุข เป็นงานเต็มเวลา การควบตำแหน่งจึงเป็นผลเสียต่อทั้งสังคมไทยและทั้ง 2 หน่วยงาน
2.ความรับผิดชอบของทั้ง 2 ตำแหน่ง ไม่สอดคล้องกัน อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาต้องคำนึงถึงเสรีภาพทางวิชาการและการบริหาร เป็นเสรีภาพปราศจากการแทรกแซงของรัฐ ขณะที่หน้าที่รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบต่อรัฐ ทำงานตอบสนองรัฐบาล จึงไม่อาจทำงานบนพื้นฐานของเสรีภาพทางวิชาการได้ และ 3.พ.ร.บ.มหาวิทยาลัย มหิดล พ.ศ. 2550 มาตรา 33 บัญญัติว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีต้องไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบกับข้อ บังคับมหาวิทยาลัยมหิดล ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี พ.ศ. 2553 ข้อ 5 (2) ระบุชัดว่าอธิการบดีต้องปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มเวลา จึงเห็นสมควรว่าอธิการบดีควรเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเพื่อความสง่างามและเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินมากกว่า
สภามม.ถกด่วน 17 ก.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังนายสุกรีเดินขึ้นห้องประชุมที่สำนักงานอธิการบดีแล้ว ทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่านพ.รัชตะเข้าร่วมประชุมด้วยแต่จะไม่แถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าว โดยวันนี้เป็นการประชุมตามวาระปกติ ไม่มีการหยิบยกเรื่องที่เป็นประเด็นมาพูดคุย ซึ่งการประชุมเสร็จสิ้นในเวลา 12.00 น. แต่นาย สุกรีออกจากห้องประชุมตั้งแต่เวลา 10.30 น.
เลขานุการส่วนตัวของนายสุกรี เผยว่า นายสุกรีเข้าร่วมประชุมซึ่งมีนพ.รัชตะ เป็นประธาน นายสุกรี นั่งคลุมปี๊บตลอดเวลา แต่ไม่ได้พูดหรือให้ความเห็นใดๆ ต่อที่ประชุม และไม่มีใครหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาเป็นหัวข้อสนทนา รวมถึงไม่มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวระหว่างนายสุกรี และนพ.รัชตะด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของคณาจารย์และ ผู้บริหารมม. ต่อกรณีดังกล่าว คาดว่าจะมีความคืบหน้าวันที่ 17 ก.ย.นี้ หลังจากการประชุมกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าประเด็นที่อธิการบดีเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองได้บรรจุเป็นวาระเร่งด่วนแล้ว
"รัชตะ"ดึง"หมอมงคล"ปธ.ที่ปรึกษา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.รัชตะ มีกำหนดเข้ากระทรวงสาธารณสุขเพื่อรับมอบตำแหน่งวันที่ 13 ก.ย. โดยมีการเปิดเผยรายชื่อทีมที่ปรึกษารมว. ซึ่งมีนพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรมว.สาธารณสุข เป็นประธานที่ปรึกษา ปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุน สสส. ร่วมด้วยที่ปรึกษาซึ่งอยู่ในแวดวงสาธารณสุขอีกหลายคน อาทิ นพ.สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ และนพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา
แพทย์ชนบทจับตานโยบายรบ.
ขณะที่ ชมรมแพทย์ชนบทโพสต์เฟซบุ๊กถึงรายชื่อทีมงานด้านวิชาการ อ้างอิงคำสั่ง สธ.กรณีแต่งตั้งทีมสนับสนุนวิชาการ มีนพ.ศิริวัฒน์ทิพย์ธราดล เป็นหัวหน้าทีม และทีมงาน อาทิ นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ที่เคยพูดเรื่องสิทธิประโยชน์ประกันสังคมที่เหลื่อมล้ำของสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร นักวิจัยด้านระบบสุขภาพ นพ.ภูษิต ประคองสาย ผอ.สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) โดยระบุว่า รายชื่อทีมที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการภายใต้การจัดการของนพ.สุวิทย์ บทบาทเหมือนรัฐมนตรีเงา ซึ่งยังพอรับได้ แต่ที่น่ากังขาคือนักวิชาการอย่างนพ.พงศธร และนพ.ภูษิต ยังชวนสงสัย แพทย์ชนบทจะขอจับตาว่าหากทำงานวิชาการเพื่อสนองผู้มีอำนาจให้ตัวเองได้เข้าสู่ตำแหน่ง มีผลประโยชน์แอบแฝงก็ต้องเปิดให้สังคมได้ รับรู้ต่อไป
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ กรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายชื่อดังกล่าวจึงยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์แต่ละคนต่างมีจุดยืน แต่สังคมมักไม่เข้าใจและคิดว่าเป็นแพทย์ชนบทเหมือนกัน ต้องรอดูการประกาศนโยบายจากรัฐมนตรีชุดใหม่ก่อน หากยังยืนยันว่าจะเดินหน้าเรื่องเขตสุขภาพ ชมรมแพทย์ชนบทจะต่อต้านอย่างแน่นอน
แจงคืบหน้าผลตรวจข้าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯและปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เผยถึงการตรวจวิเคราะห์คุณภาพตัวอย่างข้าวจากห้องแล็บว่า ได้นำส่งตัวอย่างข้าวรวม 11,806 ตัวอย่างไปตรวจสอบ และออกรหัสเพื่อความโปร่งใสรวม 11,928 ตัวอย่าง บางกองเก็บมากกว่า 1 ตัวอย่าง และไม่ส่งตรวจ 36 ตัวอย่าง เนื่องจากมองด้วยตาเปล่าและหมายเหตุส่งตัวอย่างชัดเจนว่าข้าวเสียไม่ต้องส่งตรวจ
ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ผลการตรวจสมบูรณ์ถึงวันที่ 4 ก.ย. รวม 5,133 ตัวอย่างหรือร้อยละ 43 ของตัวอย่างที่ออกรหัส-เอกสารแนบ พบว่า 1.ผ่านตามมาตรฐานคุณภาพข้าวกระทรวงพาณิชย์ 1,064 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 20.73 2.ไม่ผ่านมาตรฐาน (แต่ปรับปรุงให้ได้มาตรฐานได้ ลดราคาตามสัดส่วน) 3,626 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 70.64 3.ผิดจากมาตรฐาน อาทิ ข้าวเสื่อม ขายตามสภาพข้าว ราคาต่ำ จำนวน 437 ตัวอย่างหรือ ร้อยละ 8.52 และ 4.ผิดชนิดข้าว(ไม่ตรงตามที่แจ้ง) 6 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 0.12
ปปช.ตั้ง 10 ตัวแทนถกอสส.
ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงการตั้งคณะทำงานร่วมอัยการสูงสุด-ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาสำนวนคดีรับจำนำข้าวที่ยังไม่สมบูรณ์ว่า ได้เซ็นลงนามตั้งตัวแทนคณะทำงานฝ่ายป.ป.ช. 10 คนแล้ว เพื่อส่งให้อัยการสูงสุด(อสส.)รับทราบ จากนั้นจะนัดประชุมคณะทำงานนัดแรกโดยเร็วที่สุด ประเด็นขัดแย้งที่อัยการแจ้งมายังป.ป.ช. อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่ามีอำนาจยับยั้งโครงการที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาหรือไม่ ประเด็นการทุจริตเกิดขึ้นในขั้นตอนใด เพราะป.ป.ช.ไม่ได้มองเรื่องทุจริตเป็นหลัก แต่เน้นเรื่องการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าว เบื้องต้น อสส.ขอสอบเพิ่มพยานในส่วนของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และทีดีอาร์ไอ ส่วนพยานที่ฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากให้สอบสวนเพิ่มเติมนั้นต้องหารือในชั้นคณะทำงานก่อน ถ้าจำเป็นก็จะสอบเพิ่มเติม
ปปช.อ้างไม่มีข้อมูลไมค์แพง
นายปานเทพ กล่าวถึงการจัดซื้อไมโครโฟน ราคาแพงที่ใช้ในห้องประชุมครม. ว่า ป.ป.ช. ยังไม่เข้าไปสอบสวนเรื่องนี้ต้องรอจนกว่าจะมีผู้ส่งเรื่องร้องเรียนมา ถ้าร้องเรียนเข้ามาก็จะตรวจสอบให้ เมื่อถามว่าป.ป.ช.มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเรื่องทุจริตได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียนเข้ามา เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ป.ป.ช.จะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า แม้ป.ป.ช.จะมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเองได้ แต่ไม่ใช่ว่าจู่ๆ จะไปตรวจสอบได้ทันที ต้องมีข้อมูลก่อน ขณะนี้ป.ป.ช.ยังไม่มีข้อมูล ต้องรอให้มีผู้ร้องเข้ามาก่อนจะเหมาะสมมากกว่า ส่วนการละเว้นระเบียบสำนักนายกฯว่า ด้วยการจัดซื้อพัสดุครุภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ทำได้หากจำเป็น
อธิบดีโยธาฯแจงไมค์ครม.
เวลา 10.30 น. ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พระราม 6 นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการฯ พร้อมผู้บริหารจาก บริษัท อัศวโสภณ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดภัทรรุ่งโรจน์ แถลงชี้แจงการติดตั้งระบบเสียงห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล
นายมณฑล กล่าวว่า กรมโยธาฯได้รับมอบหมายจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ให้พัฒนาปรับปรุงทำเนียบและบ้านพิษณุโลก ร่วมกับกรมยุทธโยธาทหารบก กรมศิลปากร กทม. การประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เข้าไปปฎิบัติงานวันที่ 22 ก.ค. ต่อมาวันที่ 28 ก.ค. กรมเริ่มเข้าไปปฏิบัติงานปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารบัญชาการ 1 และ 2 อย่างเต็มรูปแบบ รับผิดชอบ 3 ส่วนสำคัญ ในวงเงิน 169 ล้านบาท ประกอบด้วยงานปรับปรุงและซ่อมแซมภายในและภาย นอกอาคาร งานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร งานปรับปรุงและติดตั้งระบบ โสตทัศนูปกรณ์และระบบไฟฟ้าห้องประชุม โดยการปรับปรุงซ่อมแซมห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ต้องเสร็จภายในวันที่ 5 ก.ย.
นายมณฑล กล่าวว่า ประเด็นการจัดซื้อและติดตั้งระบบไมโครโฟนห้องประชุมครม. จัดซื้ออุปกรณ์ในราคาที่สูงกว่าราคาท้องตลาดทำให้รัฐต้องจ่ายสูงกว่าความเป็นจริง มีการส่งของและติดตั้งก่อนทำสัญญาอาจเป็นการดำเนินการไม่โปร่งใสนั้น ขอชี้แจงว่าการปรับปรุงระบบโสตฯสำหรับห้องประชุมครม. ห้อง 501, 301 และ 302 ดำเนินการตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ มอบหมายให้เสร็จภายในเดือนก.ย. จึงจำเป็นต้องจัดหาผู้มีประสบการณ์ อุปกรณ์ต้องทันสมัย มีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานได้อย่างครอบคลุมในอนาคต กรมคัดเลือกบริษัทอัศวโสภณ เป็นผู้ติดตั้งระบบโสตฯ ซึ่งมีประสบการณ์ผ่านงานสำคัญและมีชื่อเสียงในการติดตั้งอุปกรณ์ระบบเสียงอย่างมาก
ต่อรองเหลือตัวละ 9.5 หมื่น
นายมณฑล กล่าวว่า ทางบริษัทนำอุปกรณ์ไมโครโฟนรุ่น DCNM- MMD ของ Bosch Security System มาใช้ โดย Bosch Thailand Co., Ltd. เป็นผู้นำเข้า เป็นไมค์รุ่นล่าสุดใช้ประชุมระดับสูง เช่น การประชุมที่เนเธอร์แลนด์ ที่ประชุมระดับอินเตอร์เนชั่นแนล มีผู้นำประเทศต่างๆ มาร่วมประชุม Nuclear Summit Netherlands เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียง คุณภาพสูงเป็นรุ่นที่รองรับเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างดี รุ่นดังกล่าวยังไม่เคยใช้ติดตั้งของหน่วยงานราชการใดมาก่อน
นายมณฑล กล่าวว่า กรมเชิญตัวแทนบริษัท Robert Bosch Limited และบริษัท อัศวโสภณ มาประชุมที่กรมโยธาฯ วันที่ 8 ก.ย.เพื่อต่อรองราคางานติดตั้งระบบโสตฯห้องประชุม ตึกบัญชาการ 1 ขอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับลดราคา เพื่อสรุปเป็นราคาที่จะทำสัญญาและเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัทอัศวโสภณ โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและความคุ้มค่าของงบประมาณเป็นหลัก ซึ่งบริษัท Robert Bosch Limited มีหนังสือแจ้งยืนยันราคาตั้งต้นเพื่อเสนอขายไมค์ตัวละ 145,000 บาท ต่อมาบริษัทอัศวโสภณแจ้งว่าได้เจรจากับตัวแทนของ Robert Bosch Limited เพื่อขอส่วนลดเป็นกรณีพิเศษเฉพาะงานปรับปรุงทำเนียบ ยินดีลดราคาลงร้อยละ 35 ตามที่กรมต่อรอง คงเหลือเป็นเงิน 95,250 บาทต่อเครื่อง รวมทั้งลดราคาอุปกรณ์ประกอบ อื่นๆ ทำให้ราคาค่าจัดหาและติดตั้งระบบโสตฯทั้งหมด คงเหลือเป็นเงิน 53,800,000 บาท ซึ่งกรมประมาณการราคาไว้เบื้องต้น 67,988,000 บาท ประหยัดงบลง 14,188,000 บาท
ชี้เหตุติดตั้งก่อนทำสัญญา
นายมณฑลกล่าวว่า ประเด็นการติดตั้งก่อนทำสัญญาที่ไม่โปร่งใสนั้น กรมได้รับมอบหมายเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ให้ปรับปรุงตึกบัญชาการ 1 และ 2 ให้เสร็จในวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งมีเวลาเพียง 50 วัน โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ กรมบัญชีกลาง มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ) 0421.3/27452 ลงวันที่ 2 ก.ย. แจ้งสำนักเลขาธิการนายกฯว่า เพื่อให้การปรับปรุงทำเนียบและบ้านพิษณุโลกรวดเร็วและทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ก่อนจัดตั้งรัฐบาล จึงอนุมัติให้สำนักเลขา ธิการนายกฯและหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ที่ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบสำนัก นายกฯ ว่าด้วยการพัสดุฯ และแก้ไขเพิ่มเติมกับระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2549 ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ พ.ศ.2549 ได้เป็นกรณีเฉพาะราย
ส่วนประเด็นว่า ยังไม่มีการสั่งซื้อและยังไม่มีการส่งมอบ จะแน่ใจอย่างไรว่าข้อมูลไม่รั่วไหลนั้น นายมณฑลกล่าวว่า กรมจะทดสอบจนแน่ใจว่าระบบที่ติดตั้งจะใช้งานได้จริง มีประสิทธิภาพ ป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้ เมื่อมั่นใจแล้วจึงจะตรวจรับงาน ส่วนที่ไม่นำใบขนสินค้าขาเข้ามาแสดง บริษัทแจ้งว่าใบขนส่งสินค้าขาเข้าหากเปิดเผยจะมีผลต่อการแข่งขันทางการค้า จึงยังไม่สามารถนำมาแสดงได้ ส่วนกรณีว่าควรเปรียบเทียบรายละเอียดของสินค้าว่ามีอุปกรณ์และระบบครบตามที่ใบเสนอราคาหรือไม่ คณะกรรมการตรวจรับงานซึ่งประกอบด้วยข้าราชการที่เป็นวิศวกรทุกสาขาของกรม และข้าราชการจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้งานต้องตรวจสอบให้เป็นไปตามรายละเอียดที่กำหนดไว้
โชว์สัญญาผ่านเว็บไซต์
"ยืนยันว่า ไม่มีการจ่ายเงินล่วงหน้าร้อยละ 15 อย่างที่เป็นข่าว เพราะยังอยู่ระหว่างการต่อรองราคา ยังไม่ได้สรุปราคา ผมได้รายงานพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ ดูแลงานของสำนักนายกฯว่าจะต่อรองให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง หลังจากนั้นเมื่อเซ็นสัญญาแล้ว จะประกาศรายละเอียดทั้งหมดโดยเฉพาะราคาลงในเว็บไซต์ เพื่อให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกท้อถอย แต่ยืนยันว่าไม่มีการโกงเพื่อรับผลประโยชน์ ผมยินดีรับการตรวจสอบ หากผมผิดก็พร้อมจะรับโทษทั้งทางวินัยและอาญา"นายมณฑลกล่าว
เปลี่ยนใช้จอแอลอีดี
นายมณฑล กล่าวว่า ส่วนเรื่องจอพลาสมาที่มีราคาสูงนั้น ขณะนี้เราได้เปลี่ยนมาเป็นจอแอลอีดี ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยกว่าแล้ว เนื่องจากจอพลาสมาเป็นรุ่นเก่าและมีปัญหาเรื่องความร้อนด้วย ส่วนราคาที่ระบุว่าแพงถึง 5 แสนบาทนั้น ยืนยันว่าอยู่ระหว่างต่อรองราคาซึ่งจะต่ำกว่าที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน