WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

นที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8571 ข่าวสดรายวัน


ตร.ลุยจับ สมบัติ 2 แกนม็อบ 
แดงนัดใหญ่อีก ต้านรัฐประหาร ผบ.ทบ.สั่งพร้อม ใช้กฎอัยการศึก


นาทีจับ - ภาพนาทีตำรวจชุดสืบสวน บก.น.3 บุกจับกุมนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ แกนนำ กปปส. ผู้ต้องหาคดีกบฏที่นิด้า นำตัวไปทำประวัติที่ศอ.รส. ก่อนนำตัวส่งศาลและได้ประกันตัวในช่วงเย็น เมื่อวันที่ 16 พ.ค.

     ตร.ลุยแล้ว บุกจับแกนนำม็อบหลังศาลอนุมัติหมายจับl 2แกนม็อบรายแรกสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ถูกรวบที่นิด้า ก่อนนำตัวส่งฟ้องศาล ขณะที่ศาลให้ประกันโดยอธิการบดีนิด้าค้ำประกัน อีกราย 'ยศศักดิ์ โกไศยกานนท์'อาจารย์เกษมบัณฑิต ถูกควบคุมตัวรอฝากขังพรุ่งนี้ เตรียมฟ้องศาล 19 พ.ค. ขณะที่ตำรวจบุกล้อมคอนโดฯสาธิต เซกัล แกนกปปส.สัญชาติอินเดีย แต่ถูกมวลชนนำโดยลูกเสี่ยโนเบิลบุกขวาง จนต้องถอนกำลัง แต่เผยสาธิต เตรียมเข้ามอบตัว เทือกนำกปปส.ล้อมสภาฟังคำตอบส.ว.ตั้ง นายกฯ ม.7 ฉุนขาดส.ว.ไม่เอาด้วย ลั่นยึดอำนาจด้วยมือตัวเอง ณัฐวุฒิเย้ยเทือกหมดหวังแล้ว ปึ้งหนุนบิ๊กตู่จัดกำลังปราบหากจลาจล จี้เลิกเกรงใจสุเทพได้แล้ว เผยผบ.ทบ.พร้อมประกาศอัยการศึก หากวุ่นวาย 

 

จี้บิ๊กตู่ เลิกเกรงใจเทือก

     เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ร่วมประชุม ศอ.รส. โดยระบุว่า ขอบคุณผบ.ทบ.ที่ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ตนอยากเห็นผบ.ทบ.เอาจริงเอาจัง เพราะทหารทุกเหล่าทัพก็เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่เหมือนกับตำรวจ และศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหากบฏมาแล้ว ทหารในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานต้องจับกุมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. กับพวก อย่าได้เกรงอกเกรงใจ โดยการหารือระหว่างรัฐบาลกับกกต. วันที่ 15 พ.ค.ต้องล้มเลิกเพราะกลุ่มกปปส.บุกเข้าไป ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลสถานที่ต้องใช้อำนาจหน้าที่อย่างเข้มงวด อย่าปล่อยให้กปปส.มาระราน
    "ผมบอกแล้วว่าทหารทุกคนเป็นเจ้าพนักงานเหมือนกับตำรวจ สามารถจับกุมกบฏหรือโจรก่อการร้ายเหล่านี้ได้ วันนี้เราอะลุ้มอล่วยกันจนเกินไป กฎหมายบ้านเมืองก็ไม่มีความหมาย ตนคิดว่าผบ.ทบ.และผบ.ทอ.ทุกท่านเข้าใจสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างดีว่าใครเป็นใคร การที่ศาลออกหมายจับก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากปปส.ทำผิดจริง" นายสุรพงษ์กล่าว


เชื่อทหารไม่ปฏิวัติแน่ 
      นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ศอ.รส.เตรียมรับมือกับสถานการณ์ช่วงวันที่ 17-19 พ.ค. ต้องมีการวางกำลังให้พร้อมและทำงานอย่างเข้างวด โดยวันที่ 19 พ.ค.นั้นเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจำนวนมาก ตนคิดว่าวิญญาณเหล่านั้นจะมาเอาคืนนายสุเทพ 
      ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระบวนการบีบให้ทหารออกมาปฏิวัติหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า มีการพยายามดึงทหารออกมา แต่ผบ.เหล่าทัพพูดชัดเจนว่าจะไม่ปฏิวัติแน่นอน แต่อาจมาคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรง อาจประกาศกฎอัยการศึก แต่ไม่ได้ปฏิวัติ ซึ่งกฎอัยการศึกเป็นมาตรการสูงสุดที่จะก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เชื่อว่าเหล่าทัพน่ามีการเตรียมการไว้แล้ว และเมื่อมีการประกาศกฎอัยการศึกก็จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายทหารต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความสงบ ศอ.รส.คงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง และตนเชื่อว่าถ้ามีการประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ ก็จะจัดการเลือกตั้งได้

ทบ.ย้ำให้หยุดความรุนแรง
        ที่บก.ทบ. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ 7 ข้อว่า กองทัพบกยังคงห่วงใยต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงอยากให้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวด้วยความสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรง ไม่ควรกล่าวให้ร้ายเจ้าหน้าที่ เพราะกฎหมายปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้อยู่ สำหรับกลุ่มผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทุกฝ่าย หรือการ์ด ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกสังคม โดยเฉพาะบางกรณีอาจมีผลกระทบทางด้านกฎหมายตามมาอีกด้วย ขอให้เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพยายามประคับประคองสถานการณ์ อะลุ้มอล่วยให้บ้างตามความจำเป็นมาตลอด แต่บางครั้งจำเป็นต้องปฏิบัติตามหน้าที่ภายใต้กรอบกฎหมายประชาชนทั่วไป หรือผู้ชุมนุมทุกฝ่ายควรใช้สติในการรับรู้ อย่าให้ถูกปลุกระดมไปสู่การใช้ความรุนแรง 

เผยกฎอัยการศึก-ขั้นสุดท้าย
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน ที่กองบัญชาการสำรอง ในกรมทหารราบที่1รักษาพระองค์ (ร.1รอ.) โดยทางผบ.ทบ. อธิบายให้ระดับผู้บังคับบัญชาถึงเหตุผลการประกาศแถลง การณ์ 7 ข้อ เพื่อให้กำลังพลยึดถือในการปฏิบัติ และไม่เข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งนั้น เพื่อเป็นการป้องปรามและป้องกัน ผู้ก่อเหตุความรุนแรง โดยจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเหมือนกันหมด ทุกกลุ่มทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ สำหรับการใช้กฎอัยการศึก ถือว่าเป็นขั้นสุดท้าย เพราะสถานการณ์ขณะนี้ กฎหมายปกติยังสามารถควบคุมสถานการณ์ 

แจงขั้นตอนประกาศอัยการศึก
     ที่บก.ทบ. พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน. ห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนทุกกลุ่ม และคนที่ทำผิดจะต้องดูดำเนินคดี ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ออกแถลงการณ์จะนำทหารออกมาปฏิบัติการเต็มรูปแบบหากสถานการณ์รุนแรงนั้น เป็นการคาดการณ์หากสถานการณ์พัฒนาไปถึงจุดนั้น ส่วนจะเป็นรูปแบบใดก็เป็นไปตามกฎหมายสูงสุดในการรักษาความมั่นคงก็คือการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งหวังว่าเหตุการณ์จะไม่พัฒนาไปถึงจุดนั้น


เจอรวบ - นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ทายาทกลุ่มโนเบิล พร้อมการ์ดกปปส. ถูกตำรวจบก.น.8 รวบตัวพร้อมอาวุธปืน ขณะพามวลชนไปขวางการจับกุมนายสาธิต เซกัล ผู้ต้องหาคดีกบฏ ที่สีลม คอนโดมิเนียม เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 

       พ.อ.บรรพต กล่าวว่า ส่วนผู้ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎอัยการศึกที่ระบุไว้ในมาตรา 4 และ 7 ถึงขอบเขตการบังคับใช้คือผู้บังคับหน่วยขึ้นไป โดยสามารถประกาศใช้ 2 กรณีคือ จากฝ่ายบริหาร คือรัฐบาล และจากฝ่ายทหาร หากเกิดจลาจล โดยกำหนดพื้นที่ ระยะเวลา เมื่อประกาศแล้วต้องรายงานตามสายการบังคับบัญชา ส่วนการยกเลิกก็จะต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่ ผบ.ทบ.แถลงการณ์ไป ถือเป็นการแจ้งเตือนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตามภายใต้กรอบของกฎหมาย และไม่ได้ชี้นำอย่างใดอย่างหนึ่ง

เผยบิ๊กตู่พร้อมประกาศใช้
       พ.อ.บรรพต กล่าวว่า กอ.รมน.กังวลการใช้อาวุธสงครามว่าจะแพร่หลายหรือไม่ โดย กอ.รมน.จะเร่งรัดให้ศอ.รส.บังคับใช้กฎหมายกับทุกกลุ่มทุกฝ่าย อาทิ กรวยที่เป็นปัญหาอยู่ในเวลานี้ รวมถึงการขับรถฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติอยู่ที่หอประชุมกองทัพอากาศ ซึ่งภาพเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่ลำบากใจในการปฏิบัติงานรวมถึงประชาชนก็ได้รับความเดือดร้อนด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามมีกลุ่มคนก็พยายามลอบทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมในยามวิกาลก็มีอยู่จริง ถือเป็นปัญหาที่ศอ.รส.ต้องแก้ไข 
       รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า พล.อ. ประยุทธ์ให้ทหารกรมพระธรรมนูญพิจารณาและเตรียมประกาศใช้กฎอัยการศึกหากเกิดเหตุจลาจลขึ้นระหว่างการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ และหากเข้าข่ายที่กฎหมายพิเศษอย่างพ.ร.บ.ความมั่นคงไม่สามารถแก้ไขสถาน การณ์ได้ 

ตร.บุกจับสมบัติคานิด้า 
      เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 3 นำตัวนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และแกนนำ กปปส. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับคดีกบฏ และข้อหาหนักอื่นๆ เดินทางมายังอาคารสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถ ภายในสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดยนายสมบัติยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำประวัติ 
      ต่อมาเวลา 11.45 น. นายสมบัติเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ตนเดินทางไปทำงานที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ตามปกติ ไม่ได้คิดจะหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับไปเชิญตัวมา ทั้งนี้ เมื่อศาลออกหมายจับบรรดานักวิชาการของ กปปส.ก็ปรึกษาหารือกันว่าจะมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้วในสัปดาห์หน้า ไม่ได้คิดหลบหนีไปไหน เพราะเราเชื่อว่าข้อกล่าวหาแบบนี้ที่สุดแล้วในชั้นศาลจะสามารถต่อสู้ได้ เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการชุมนุมที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 องค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม และให้การคุ้มครอง 

ยันใช้สิทธิ์ตามรธน.
       เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าพนักงานสอบสวนจะไม่ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน นายสมบัติกล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลอะไร ตนเป็นนักต่อสู้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ เป็นผู้นำนักศึกษาเหตุการณ์ 14 ตุลา เรื่องที่เกิดขึ้นในแง่ของการจะทำให้เสียกำลังใจ หวาดกลัวคงไม่มี เรายังมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ 
      นายสมบัติ กล่าวว่า หลังจากถูกจับยังไม่ได้คุยกับนายสุเทพ แต่คุยกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และนายถาวร เสนเนียม และแกนนำอีกหลายคนแล้ว บอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะ กปปส.มีทีมทนายที่ส่งมาอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์จะใช้ตำแหน่งมาประกันตัวให้ 

     เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะเคลื่อนไหวกับ กปปส.ต่อหรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า เรื่องการต่อสู้คงหยุดไม่ได้ เราจะใช้สิทธิของเราตามรัฐธรรมนูญ เท่าที่ผ่านมาศาลได้รับรองว่าเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 63 แต่หากมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต 

เผยเตรียมจับแกนนำอีก 3 ราย 
        รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนบก.น.3 รับคำสั่งให้จับกุมแกนนำ 4 ราย ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายสำราญ รอดเพ็ชร นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายสมบัติ ธํารงธัญวงศ์ หลังศาลอนุมัติหมายจับแกนนำกปปส. 30 คน ชุดสืบสวนบก.น.3 จึงติดตามตัวแกนนำที่ถูกออกหมายจับ โดยสืบสวนหาข้อมูลของผู้ต้องหา ที่สามารถจับกุมตัวได้ก่อน และเลือกนายสมบัติ เนื่องจากสะกดรอยตามแล้วประมาณ 4-5 วัน พบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุปะทะน้อยที่สุด
       รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า ภายหลังจากทราบข้อมูลว่านายสมบัติจะเดินทางจากบ้านพักไปทำธุระที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ หรือนิด้า ในวันที่ 16 พ.ค. เวลาประมาณ 09.30 น. จึงแสดงตัวพร้อมหมายจับ บริเวณลานจอดรถสถาบันการศึกษาดังกล่าว โดยนายสมบัติยินยอมให้จับกุมและไม่ได้พูดให้การปฏิเสธแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวนายสมบัติมาที่ ศอ.รส. เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม 


ศาลยกคำขอฝากขังสมบัติ 
       ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อรสว่าง รอง ผบ.สำนักการเงินและธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ควบคุมตัวนายสมบัติยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหาและอื่นๆ พร้อมคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เพราะเกรงจะไปขึ้นเวทีปราศรัยปลุกระดมมวลชน และกระทำผิดซ้ำอีก
      โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับผู้ต้องหาโดยระบุในหมายจับว่าให้เจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมผู้ถูกจับได้เพียงเท่าที่จำเป็นในการนำตัวส่งฟ้องต่อศาลเท่านั้น ดังนั้น พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนต่อหรือสอบสวนเพิ่มเติมไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะขอฝากขังผู้ต้องหา ให้ยกคำร้อง

อัยการยื่นฟ้องศาลทันที
      เมื่อเวลา 16.15 น. พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมบัติ ตามความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และอื่นๆ รวม 8 ข้อหา ทั้งนี้หากจำเลยขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล โจทก์ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล อนึ่งหากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ขอให้ศาลวางเงื่อนไขและข้อกำหนดแก่จำเลยตามที่ศาลเห็นสมควรด้วย โดยศาลรับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1298/2557 นัดสอบคำให้การในวันที่ 7 ก.ค. นี้ เวลา 13.30 น. ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันนัดตรวจพยานหลักฐาน นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ 

ศาลให้ประกัน-วางเงื่อนไข
      ต่อมาเวลา 17.30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้นายสมบัติ ปล่อยชั่วคราว หลังจากทนายความได้ใช้ตำแหน่งอธิการบดีนิด้า ของรศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ โดยศาลตีราคาประกันจำนวน 10 เท่าของเงินเดือน เท่ากับ 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่นปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรืออาจก่อให้เกิดภัยอันตรายใดๆ กระทบต่อความเสียหายหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีต่อประชาชน หรือกระทำการใดๆ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นจะได้รับอนุญาตจากศาล

บุกกดดันสาธิตเซกัลมอบตัว
    เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.สส.บก.น.8 นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ศอ.รส. 20 นาย พร้อมอาวุธ เข้าปิดล้อมอาคารสีลม คอนโดมิเนียม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เพื่อเข้าจับกุมตัวนายสาธิต เซกัล แกนนำกลุ่ม กปปส. ที่ศาลอนุมัติหมายจับข้อหากบฏ โดยระหว่างประสานงานให้นายสาธิตลงมามอบตัว มีมวลชน กปปส.นำโดยนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ลูกชายนายกิตติ ธนากิจอำนาจ เจ้าของบริษัทโนเบิล ดีเวลลอป เมนท์ เข้าขัดขวาง จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว แต่กลุ่มมวลชนที่มาด้วย เข้าไปปล่อยลมยางรถตำรวจ และกดดันจนตำรวจต้องปล่อยตัวนายธนัตถ์ออกมา 
      พ.ต.อ.อุเทน กล่าวว่า นายสาธิตเตรียมแต่งตัวเพื่อลงมาด้านล่าง พร้อมเตรียมเงินสด 5 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ในการยื่นขอประกันตัวแล้ว แต่มีกลุ่มมวลชนเดินทางมาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ไว้ ทำให้ต้องตัดสินใจถอนกำลังออกจากพื้นที่ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้น ซึ่งนายสาธิตแจ้งว่า จะเดินทางเข้ามอบตัวกับศอ.รส. ภายในพรุ่งนี้เช้า

จับอีกแกนนำ-ฟ้องศาล 19 พค.
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต หนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ โดยชุดสืบสวน บก.น.1 จับกุมได้ขณะทำธุระส่วนตัวที่บริเวณหน้าปากซอยแฮปปี้แลนด์ นวมินทร์ 24 เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. 
       นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้นายยศศักดิ์ประกันตัวในชั้นสอบสวน และเตรียมควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญา ฝากขังในวันที่ 17 พ.ค. เนื่องจากอัยการและศาล ปิดทำการในวันที่ 17 พ.ค. พนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาไว้ก่อน เพื่อนำตัวนายยศศักดิ์พร้อมสำนวนคดีส่งให้อัยการ ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 19 พ.ค. 

จตุพรปูดชงบิ๊กตู่นั่งนายกฯ
       ที่ถนนอักษะ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แถลงว่า ขอเตือนนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวุฒิสภา กรณีที่จะประชุมวุฒิสภานอกรอบ และเตรียมแถลงช่องทางเลือกนายกฯ โดยเลี่ยงคำว่านายกฯ มาตรา 7 นั้น ขอเตือนว่าหากนายสุรชัยจะใช้คำว่าจัดตั้งรัฐบาลพิเศษ นายสุรชัยก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหากบฏราชอาณาจักรตามวิธีการพิเศษ ส่วนประเด็นที่นายสุเทพออกมาข่มขู่ว่า หากวุฒิสภาไม่ทำให้ จะทำเองนั้น ขอให้เป็นภาระระหว่างประชาชนกับประชาชน และศอ.รส. ที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายกับนายสุเทพ หากส.ว. ไปทำตามที่นายสุเทพข่มขู่ จะยิ่งเกิดวิกฤต
      นายจตุพร กล่าวต่อว่า หวังว่าพล.อ. ประยุทธ์จะออกมาปฏิเสธข้อเสนอ ที่ตนได้ยินมาว่าเมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมามีการหารือที่กองทัพบก เสนอว่าจะให้พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนกลาง โดยให้เหตุผลว่าพล.อ.ประยุทธ์ผ่านการทำงานกับนายสุเทพและน.ส.ยิ่งลักษณ์มาแล้ว มีอำนาจ มีพลัง สามารถควบคุมสถานการณ์ได้นั้น เป็นการประเมินที่ผิด เพราะพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ นอกจากแสดงบทบาทหน้าฉาก เพื่อนำไปสู่ตำแหน่งนายกฯ 

ลั่นหากมีนายกฯม.7 ลุยทันที
      นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนขอเสนอว่าหาก กกต.หรือพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่พร้อมมีการเลือกตั้ง ให้ทำประชามติว่าประชาชนเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายสุเทพหรือไม่ หากคนไทยเห็นด้วยกับนายสุเทพ ตนจะหยุด แต่หากคนไทยไม่เห็นด้วย นายสุเทพต้องหยุด ที่ตนประกาศระดมประชาชนขั้นสูงสุดในวันที่ 17-19 พ.ค.นี้ หากพบว่ามีการดำเนินการใดๆ นอกเหนือประชาธิปไตย จะยกระดับการชุมนุมทันที 

แดงโคราช 2 แสนเข้ากรุง
      ที่ จ.นครราชสีมา นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.ภาคอีสาน เปิดเผยว่า จากการที่นายจตุพรประกาศให้ นปช.ทั่วประเทศ ระดมคนเพื่อเข้าร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ขั้นสูงสุด ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค. เพื่อเคลื่อนไหวใหญ่คู่ขนานกับกลุ่ม กปปส. ในส่วนของ นปช. 20 จังหวัดภาคอีสาน ก็ประกาศให้ นปช.บางส่วนที่กำลังชุมนุมอยู่ที่ถนนอักษะกลับบ้านมาเพื่อวางแผนระดมคน โดยการชวนญาติ พี่ น้อง รวมทั้งเพื่อนบ้านใกล้เคียง ออกไปร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ยังได้ประสานกับการ์ด อพปช. เพื่อร่วมกันระดมคนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งตนคาดหวังว่าน่าจะได้คนไปร่วมชุมนุมประมาณ 2 แสนคน 

กปปส.บุกถกวุฒิฯอีก 

       เวลา 14.30 น. นายสุเทพนำมวลชนมาปิดล้อมหน้าอาคารรัฐสภา ถ.อู่ทองใน เพื่อรอฟังผลการประชุมของวุฒิสภาในการหาทางออกให้ประเทศ โดยนายสุเทพปราศรัยว่า ทุกคนหวังว่าวุฒิสภาจะเป็นที่พึ่งในภาวะวิกฤต ขอให้วุฒิสภากล้าตัดสินใจเลือกนายกฯภายในวันนี้ ถ้าวุฒิสภาประกาศว่าจะร่วมรับผิดชอบประเทศชาติกับมวลมหาประชาชน กปปส.จะอยู่เป็นกำลังใจจนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่ และฉลองชัยด้วยกัน แต่ถ้าวุฒิสภาทำไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.เป็นต้นไป ประชาชนจะเริ่มลงมือทำด้วยตัวเอง รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว 
      นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าวุฒิสภาทำให้มวลชนเสียใจ จะเริ่มปฏิบัติการยึดคืนอำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชน ขอให้กปปส.ทุกจังหวัดและผู้ร่วมอุดมการณ์ทุกองค์กรส่งตัวแทนมา กลุ่มละ 1 คน มาประชุมร่วมกับตนที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ เพื่อปรึกษาหารือและตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับการปฏิบัติการยึดคืนอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชน 

สว.ไม่เอาด้วย-เทือกถอย
       ภายหลังส.ว.แถลงยืนยันไม่สามารถตั้งนายกฯคนกลางได้ นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด โดยกล่าวว่า วุฒิสภาตอบว่าให้รอต่อไป วินาทีที่ได้ยินคำตอบนั้น ตนรู้สึกดีใจมากที่ไม่ต้องพบกันในสภาอีกต่อไป ดีใจที่ได้ตัดสินใจเลิกเล่นการเมืองทั้งชีวิตเพราะเบื่อคำพูดแบบนี้ กปปส.ไม่อยากคุยกับวุฒิสภาอีกต่อไป ดังนั้น ประชาชนจะให้วุฒิสภารอต่อไป ถ้าชาติหน้ามีจริง ก็จะให้รอถึงชาติหน้า จากนั้นนายสุเทพได้นำมวลชนเคลื่อนกลับไปยังเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยบอกว่าไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเสียใจ จะกลับไปคิดหาวิธีการของพวกเราเอง


เย้ยเทือกหมดหวังแล้ว 
     นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า คำตอบนายสุรชัยวันนี้เป็นการปฏิเสธนายสุเทพที่ระมัดระวังที่สุดแล้ว ถือเป็นการปฏิเสธที่นึกถึงการชุมนุม และอารมณ์ไม่พอใจของมวลชนเอาไว้เสร็จสรรพ ขอบอกนายสุเทพว่า วันนี้ไม่มีใครจะมารับเผือกร้อนจากนายสุเทพอีกต่อไปแล้ว ขอให้นายสุเทพใช้ความเป็นแกนนำมวลมหาประชาชน พูดความจริงกับมวลชนสักครั้ง ถ้าประกาศว่าจะชุมนุมวันที่ 17-18 พ.ค. เป็นครั้งสุดท้าย ก็ประกาศมาให้เต็มที่ จะได้ยุติกันเสียที เพราะตนเห็นใจมวลมหาประชาชนที่เฝ้ารอวันสุดท้ายของนายสุเทพมาโดยตลอด ขอให้นายสุเทพ อาละวาดเสียให้เต็มที่ เพราะตนอยากดูหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะทำอย่างไร ในวันที่มีคนประกาศยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ "ที่ประชุมวุฒิสภา ไม่เหลือความหวังใดๆ ให้นายสุเทพอีกต่อไปแล้ว หนทางขึ้นสู่อำนาจทางเดียวที่เหลืออยู่ คือการสร้างสถานการณ์ให้กองทัพยึดอำนาจไปจากประชาชน และอาจจะเห็นได้ชัดเจนในห้วง 2-3 วันนี้ จึงมีความจำเป็นที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องหลั่งไหลมารวมตัวกันที่ถนนอักษะ หากสถานการณ์วิกฤตคับขันจะได้ชวนกันข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา"นายณัฐวุฒิกล่าว


เทือกลั่นพร้อมติดคุก
      เมื่อเวลา 21.00 น. นายสุเทพปราศรัยที่เวทีราชดำเนินนอก เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า แถลงการณ์ของนายสุรชัยนั้นไม่ถูกใจ และผิดไปจากความหวังที่ตั้งไว้ ที่ขัดใจคือแถลงการณ์ข้อ 2 ที่เรียกร้องให้รัฐบาลและพรรคการเมืองให้ความร่วมมือกับวุฒิสภาในการหาทางออกให้ประเทศ ซึ่งถ้าตนเป็นประธานวุฒิสภา จะเขียนให้รัฐมนตรีที่เหลืออยู่ลาออกโดยทันที ซึ่งคำว่าโดยเร็วนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เป็นแถลงการณ์ที่มองไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบเมื่อไหร่ จึงขอความเห็นว่า กปปส.จะปล่อยให้วุฒิสภาเดินหน้าทำงานต่อไป ส่วนมวลชนก็เดินหน้าต่อไปตามแนวทางของตัวเอง ยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน หรือจะยึดทรัพย์ก็ทำไป ตนทำใจไว้แล้ว ไม่กลัว และขอสู้กันดูสักตั้ง ถ้าไม่ชนะก็ติดคุก

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!