- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 03 September 2014 10:54
- Hits: 4493
'บิ๊กตู่'ลดบทบาท'คสช.'ชู'สโลแกน' ทำก่อนทำจริงเสร็จปี 58 ไม่กำหนดเวลางานจบ สั่งเลิกเสวนา'ยุติธรรม' 'ธาริต'โต้ปมสมัครสปช. สรุปชิงสปช. 6.7 พันราย ม.มหิดลถก'รัชตะ'ควบ
"ถั่วแระ"ชิงสปช. - นายศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ "ถั่วแระ เชิญยิ้ม" นายกสมาคมศิลปินตลก ยื่นสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น สปช.ด้านอื่นๆ ที่สำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 2 กันยายน
'บิ๊กตู่'เล็งลดบทบาท คสช.ขอคุมมั่นคงไม่ก้าวก่าย ครม. ลั่น รบ.ยึดหลัก'ทำก่อน ทำจริง มีผลสำเร็จปี 58'
@ "บิ๊กตู่"ประชุมใหญ่คสช.นัดที่13
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมใหญ่ คสช.ครั้งที่ 13 มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายความมั่นคง และผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายสังคมจิตวิทยา และผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ และผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรอง ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. พร้อมปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
@ "บิ๊กเจี๊ยบ"ชี้"ฮุนเซน"เข้าใจไทย
พล.อ.ธนะศักดิ์ได้รายงานผลการเยือนประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 กันยายน ต่อที่ประชุมว่าสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เข้าใจถึงสถานการณ์ในประเทศไทย พร้อมแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับวาระสำคัญในการประชุม ได้แก่ การหารือการแก้ปัญหาราคายางพารา ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ การพิจารณาร่างกฎหมายอีก 5 ฉบับ ที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมถึงการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่หมดเขตรับสมัครในวันที่ 2 กันยายน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นผู้ให้แนวทางคัดเลือกต่อคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน ในวันที่ 4 กันยายน ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต และการหารือเรื่องเตรียมพร้อมส่งมอบงานของ คสช.ให้กับรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
@ "บิ๊กตู่"เผยคสช.ลดบทบาทเน้นมั่นคง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้ทุกส่วนงานขับเคลื่อนเรื่องที่เร่งด่วนให้แล้วเสร็จก่อนที่จะแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งหน้าที่ของ คสช.จะลดระดับลง แต่จะดูแลส่วนของการรักษาความสงบเรียบร้อย การรักษาความมั่นคงภายใน การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กรอบการทำงานของ คสช.กับทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะชี้แจงอีกครั้งต่อไป
"ส่วนว่าการพิจารณาเพื่อปรับลดหรือผ่อนคลายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 นั้น ยังไม่ใช่ในขณะนี้ สำหรับเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการคือ การรักษาสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัยของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสมาชิกในกลุ่มอาเซียน พร้อมกับให้ติดตามงานที่สำคัญๆ อาทิ ความก้าวหน้าการจัดตั้ง วันสต๊อป เซอร์วิส ให้ได้ในทุกภาคธุรกิจ การจัดตั้งศูนย์บริการต่างชาติในประเทศไทย เพื่อดูแลเรื่องวีซ่าและการตรวจคนเข้าเมืองสำหรับผู้ที่จะเข้ามาลงทุน รวมถึงติดตามการตั้งศูนย์วิจัยพัฒนา ที่บริษัทกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของต่างชาติ จะเข้ามาถ่ายทอดความรู้ให้ไทย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า จะติดตามการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ 882 ศูนย์ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชของเกษตรกรไทย โดยประสานกับทางกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนบริหารจัดการน้ำด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับงานด้านสังคมจิตวิทยา ด้านกฎหมายและกิจการพิเศษ ขอย้ำให้ดำเนินการโดยยึดหลักค่านิยมคนไทย 12 ประการ อีกทั้งการเสนอกฎหมายให้มีความทันสมัยเพื่อประโยชน์ในการลดปัญหาการคอร์รัปชั่น ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในการดำเนินคดีด้วย
@ เน้นยึดทำก่อนทำจริงมีผลสำเร็จ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการทำงานของ ครม.ว่า ทันทีที่มีการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วจะแบ่งการทำงาน 19 กระทรวง โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี 5 คนดูแล และขอให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยยึดหลัก ทำก่อน ทำจริง มีผลสำเร็จปี 2558 และยั่งยืนบนพื้นฐานของค่านิยมคนไทย 12 ประการ ที่มีความเหมาะสมกับประไทศไทยและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การสรรหา สปช.ที่มีผู้สมัครสรรหาเข้ามากกว่า 6,000 คนนั้น จะพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ขอยืนยันไม่มีการล็อกสเปก ทั้งนี้ ยืนยันว่าการทำงานของ ครม.จะไม่มีการกำหนดระยะเวลาการทำงาน เพราะไม่ต้องการให้เงื่อนไขของเวลามาเป็นอุปสรรค อีกทั้งเชื่อมั่นในความดี ว่าความดีจะชนะความไม่ดี จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
@ ยันคสช.ไม่ก้าวก่ายงานครม.
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังที่มีการโปรดเกล้าฯ ครม.มีแนวคิดจะดำเนินงานของ คสช.ที่เร่งด่วน เพราะเป็นการทำงานอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครั้งที่ 1-13 และครั้งนี้ต้องดำเนินการต่อไปตาม คสช.ที่วางไว้ โดยส่งมอบงานต่างๆ ให้กับ ครม.ชุดใหม่ เมื่อแถลงนโยบายแล้ว
"ผมได้คิดแนวทางการทำงานไว้แล้ว โดยมอบให้ 5 รองนายกฯขับเคลื่อนงานในทุกๆ ด้าน ที่ได้จัดสรรใน 19 กระทรวง ในส่วนของ คสช. ยังคงมีคณะทำงาน 5 คณะเช่นเดิม โดยจะประชุมพร้อมนำข้อสรุปเสนอ ให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง ซึ่ง คสช.จะไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ คสช.จะขับเคลื่อนเรื่องเร่งด่วน ส่วนการประกาศใช้กฎอัยการศึกจะปรับลดและผ่อนคลายลง แต่ไม่ใช่ในช่วงนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ คือการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างชาติ โดยกลุ่มประเทศอาเซียนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ กำลังเร่งสร้างความเชื่อมั่นและทำความเข้าใจกับกลุ่มประเทศยุโรปว่าเรากำลังร่วมกันพัฒนาประเทศเพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 เช่น ตลาดการค้าของไทยที่ขึ้นอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ส่วนที่สหรัฐอเมริกาจัดอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทยอยู่ที่ เทียร์ 3 คสช.จะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมมอบหมายให้กระทรวงต่างประเทศไปชี้แจงกับต่างประเทศต่อไป
@ "บิ๊กตู่"สั่งเร่งร่างคำแถลงนโยบาย
เมื่อเวลา 16.00 น. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงการประชุมใหญ่ คสช.ครั้งที่ 13/2557 ว่า ในที่ประชุม คสช.พล.อ.ประยุทธ์สั่งการให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เร่งดำเนินการจัดทำร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลให้เสร็จสิ้น หัวข้อคำแถลงนโยบายคาดว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 ด้าน ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก ความกินดีอยู่ดี และคุณภาพชีวิตของประชาชน ใช้สโลแกนว่า "ทำก่อน ทำจริง เกิดผลสัมฤทธิ์ในปี 58 และยั่งยืน" โดยคำแถลงนโยบายจะเน้นพูดให้ประชาชนเข้าใจง่าย และตรงประเด็น
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม คสช.มีผู้เข้าประชุมร่วมรับประทานอาหารกลางวันซึ่งอยู่บริเวณชั้น 6 ของตึกกองบัญชาการกองทัพบก บรรยากาศเป็นไปด้วยดี เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นไปร่วมร้องเพลง "รักเธอเสมอ" ของอัสนี-วสันต์ โชติกุล บนเวทีเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ซึ่งแตกต่างจากการประชุมทุกครั้งที่ผ่านมาที่มีเพียงการร่วมรับประทานอาหารกลางวันเท่านั้น ขณะที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ได้ขึ้นเวทีร้องเพลง "สามัคคี 4 เหล่า"
@ "สุรชัย"ถกวิปดูข้อบังคับสนช.
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญกิจการ สนช. หรือวิป สนช.ชั่วคราว ซึ่งหารือในวาระร่างข้อบังคับการประชุม สนช. โดยวิป สนช.ได้รับรายงานจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างข้อบังคับการประชุม ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 เป็นประธาน ว่าดำเนินการยกร่างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะชี้แจงในที่ประชุมถึงเป้าหมาย วัตถุประสงค์และหลักการร่างข้อบังคับ รวมทั้งบรรจุวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ. จำนวน 5 ฉบับที่ คสช.เสนอให้ สนช.พิจารณา
"ทั้งนี้ จะหารือกรณีที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องการบรรจุการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในร่างข้อบังคับการประชุม สนช. แต่ไม่ได้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเป็นการมีอำนาจเกินกว่ารัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วย" นายสุรชัยกล่าว
@ ให้รบ.แถลงนโยบายวันเดียว
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานเป็นการภายในจากรัฐบาลมาแล้วว่า หลังนำ ครม.การเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่แล้ว พร้อมที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อ สนช.ทันที แต่ในส่วนของ สนช.จะจัดสรรเวลาให้ยืดหยุ่นพอสมควร เพราะต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้า 2-3 วัน เพื่อจะได้เตรียมตัวในการเสนอแนะรัฐบาล ขณะนี้มี สนช.หลายคนเริ่มทำการบ้าน และเมื่อเห็นนโยบายแล้วคงจะมีข้อเสนอแนะที่ดีไปยังรัฐบาล ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงาน
"คาดว่า จะใช้เวลาในการแถลงนโยบายและเปิดโอกาสให้สมาชิกเพียงวันเดียวน่าจะเพียงพอ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ให้ความสนใจงานด้าน สนช.และเชื่อว่าพร้อมที่จะชี้แจงและให้ข้อมูลหากมีข้อสงสัยจาก สนช. ซึ่ง สนช.สามารถตั้งกระทู้ถามรัฐบาลได้" นายพรเพชรกล่าว
@ เตรียมอุปกรณ์ถ่ายรูปครม.
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลว่า มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมาปักหลักรอความเคลื่อนไหวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) มารวมตัวถ่ายรูปหมู่ที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ เพราะเนื่องจากมีความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ที่จัดเตรียมสถานที่ในการถ่ายรูปติดบัตรให้กับ ครม.แต่ละคน และถ่ายรูปหมู่ไว้พร้อมแล้วในตึกสันติไมตรี แต่ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยว่า ครม.จะเข้ามาถ่ายรูปเมื่อใด เพราะเป็นเพียงคำสั่งให้เตรียมความพร้อมเอาไว้จากผู้บังคับบัญชา รวมทั้งตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาลที่รับผิดชอบงานจราจรภายในทำเนียบรัฐบาลก็ได้ตั้งกรวยยางกันพื้นที่ไม่ให้จอดรถบริเวณริมรั้วด้านหน้าสนามหญ้าของตึกไทยคู่ฟ้าทั้งด้านนอกและด้านใน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความชัดเจนในการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ ครม.ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่นั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ระบุว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องของวันและเวลา แต่ในส่วนของ ครม.มีเพียงการแจ้งให้เตรียมตัวไว้เท่านั้น
@ ใช้ห้องประชุมครม.ตึกบัญชาการ1
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.ต.อ.อดุลย์ และ พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า คสช. (สปก.คสช.) ได้สำรวจความพร้อมการปรับปรุงซ่อมแซมตึกบัญชาการ 1 โดยเฉพาะห้องประชุม ครม.ชั้น 5
พล.อ.สกลเปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพร้อมเกิน 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการทหารบก และฝ่ายช่างยืนยันว่าห้องประชุม ครม.จะเสร็จทันการประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า
@ มท.เตรียมสถานที่รับเจ้ากระทรวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย มีการเตรียมรับการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ได้นำป้ายชื่อ พล.อ.อนุพงษ์มาติดที่หน้าห้อง ขณะที่มีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดและจัดห้องเตรียมรับรัฐมนตรีและคณะทำงาน สำหรับการจัดเตรียมห้องทำงานของนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เตรียมห้องทำงานฝั่งตรงข้ามห้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เดินทางเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ที่บ้านพัก ซึ่งคาดว่าเตรียมประสานการเข้าปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์และนายสุธี จะยังไม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณตนเข้ารับหน้าที่ แต่จะรอจนกว่ารัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อน
@ สิงห์ดำรุ่นเก๋าพรึบคลองหลอด
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า มีความเคลื่อนไหวในการวางตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีชื่อนายประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยคนใดคนหนึ่งเป็นเลขานุการ และอีกคนหนึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ ยังมีการวางตัวนายจาดุร อภิชาตบุตร อดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นที่ปรึกษานายสุธี รวมทั้งมีการผลักดันนายศิวะ แสงมณี อดีตอธิบดีกรมการปกครอง มาเป็นคณะทำงานด้วย แต่ทาง คสช.ไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายศิวะเคยขึ้นเวทีของ กปปส. ซึ่งจะทำให้ถูกมองว่าไม่เป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถูกวางตำแหน่งคณะทำงานทั้งหมดล้วนจบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสิงห์ดำ
@ ม.มหิดลถก"รัชตะ"นั่งควบ 3 ก.ย.
นพ.วิรุณ บุญนุช ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) เปิดเผยว่า ตามที่ นพ.รัชตะ รัชตะโยธิน อธิการบดี มม.ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นั้น ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า นพ.รัชตะจะบริหารงานทั้ง 2 ตำแหน่งโดยไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจารย์ และประชาคม มม.กังวลว่าหากอธิการบดี มม.นั่งควบ 2 ตำแหน่ง การบริหารงานอาจเกิดปัญหา ดังนั้น ในฐานะประธานสภาคณาจารย์ มม.คิดว่าควรจะต้องคุยกันภายใน เพื่อรับฟังความคิดเห็นเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนใน มม.
"ในประวัติศาสตร์สมัยรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เคยตั้งอธิการบดี มม. เป็นรัฐมนตรีว่าการ สธ. และไม่ได้ลาออกจากการเป็นอธิการบดี มม. ซึ่งการบริหารงานขณะนั้นก็ไม่มีปัญหา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก มม.ไม่ได้มีเฉพาะคณะแพทยศาสตร์เพียงอย่างเดียวแต่มีคณะศิลปศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ฯลฯ เพิ่มมากขึ้น กลุ่มอาจารย์บางส่วนจึงกลัวว่าจะเกิดปัญหาในการบริหารงาน จะต้องไปดูระเบียบ พ.ร.บ.มม. ด้วยว่า กำหนดให้อธิการบดีต้องทำงานเต็มเวลาหรือไม่ โดยนัดหารือ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของอาจารย์ ในวันที่ 3 กันยายน ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ต้องสอบถามความคิดเห็นในภาพรวมก่อน" นพ.วิรุณกล่าว และว่า ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความยินดี ในฐานะเป็นคน มม. ที่มีความสามารถจนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ สธ.
@ "มาร์ค"ชี้"บิ๊กตู่"ต้องรับผิดชอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า โจทย์ที่ทุกคนตั้งไว้กับรัฐบาลชุดนี้คือ 1.ปฏิรูปประเทศ และ 2.มีมาตรฐานเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งหัวหน้า คสช.หรือนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และคงต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเมื่อเป็นผู้ยึดอำนาจ และรับผิดชอบทุกอย่าง จะต้องเป็นคนขับเคลื่อน และวันที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกฯ ทุกคนก็ยอมรับโดยสภาพแล้ว ไม่ต้องมีใครมาพูดเรื่องนายกฯ คนกลาง นายกฯ พลเรือน หรืออะไรอีกต่อไป
"ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ประชาชนพึงพอใจกับการยึดอำนาจ เพราะ คสช.ได้เข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนในหลายเรื่อง ทั้งจ่ายเงินเกษตรกร ชาวนา การจัดการกับอิทธิพลเถื่อนต่างๆ ขณะนี้ผ่านมา 3 เดือน หากที่ผ่านมาไม่สามารถทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่สามารถเดินหน้าหลายๆ เรื่อง ความพึงพอใจก็จะลดลงไป ไม่มีใครบอกได้ว่าหลังจากนี้ไป 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 1 ปี จะเป็นอย่างไร เพราะงานจากนี้ไป งานยากจริงๆ" นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ ปึ้งชี้รมว.บัวแก้วแจงในยูเอ็น
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง พล.อ.ธนะศักดิ์ ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนใหม่ต้องชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจการดำเนินงานรัฐบาล เท่าที่ติดตามข่าวสื่อต่างชาติส่วนใหญ่เป็นห่วงรัฐบาลชุดนี้มีนายทหารเข้าไปดำรงตำแหน่ง 1 ใน 3 ของ ครม.ช่วงเดือนกันยายนมีการประชุมสหประชาชาติ เป็นโอกาสดีที่ รมว.ต่างประเทศ จะได้ใช้เวทีนี้ชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจ ถึงกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
"ถ้าสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเขาเชื่อก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเขาไม่เชื่อก็เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า แต่เชื่อว่า รมว.ต่างประเทศ และ รมช.ต่างประเทศ จะชี้แจงยืนยันให้สังคมโลกเข้าใจได้ว่าประเทศไทยจะกลับมาสู่การเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงและมีรัฐธรรมนูญใหม่ ที่สำคัญที่สุดคือนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการต่างๆ ให้เกิดความโปร่งใส ซื่อตรง ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
@ "จารุพงศ์"ถามความเท่าเทียม
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวมีเนื้อหาว่า ชาติ คืออะไร และจะให้ทุกคนรักชาติ ควรคิดและทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ออกทีวีบอกให้คนไทยทุกคนรักชาติ ไม่ต้องมีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ไม่ต้องมีพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับ คสช. อย่ามาทะเลาะขัดแย้งกัน เมื่อ คสช.ขอความร่วมมือ ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ โดยอ้างความรักชาตินั้น ขอแสดงความเห็นว่า ทุกคนรู้จักคำว่าชาติแค่ไหน ตรงกันหรือไม่ สิ่งที่เป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน คือ ความรัก อิสรภาพในขอบเขต เสรีภาพ ในการแสดงออกและเลือกถิ่นที่อยู่ เลือกศาสนาได้ มีความเสมอภาค เท่าเทียมกัน ด้วยระบบความยุติธรรม
@ อจ.คาดรบ.ตู่ใช้ประชานิยม
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการบริหารงานของรัฐบาลว่า เบื้องต้นเดาว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์คงต้องใช้นโยบายประชานิยม ในหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีปัญหาเรื่องความชอบธรรมค่อนข้างมาก จะถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางแน่ๆ วิธีการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาได้ คือการให้เสียงคนในสังคมเงียบลง ดังนั้น น่าจะได้เห็นนโยบายประชานิยมออกมาอย่างต่อเนื่อง และกระจายกลุ่มออกไปกว้างขึ้น
"การใช้นโยบายประชานิยมอาจมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ทำอย่างไรให้ระบบเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ฝากความหวังไว้กับการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก จะเป็นปัญหาตราบใดที่ยังไม่เดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย คือยังไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก ยังไม่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จะสร้างแรงกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ คิดถึงการยกเลิกกฎอัยการศึกเร็วขึ้น" นายสมชายกล่าว และว่า การยกเลิกกฎอัยการศึกถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำ เปิดโอกาสให้คนในสังคมแสดงความคิดเห็นได้ เรื่องที่ 2 จะต้องแถลงข่าวกับนักข่าว ไม่ใช่พูดฝ่ายเดียว โดยไม่มีการซักถาม
นายสมชาย กล่าวถึงการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ภายใน 1 ปี ว่า เป็นไปได้ยาก เห็นองค์กรที่เข้ามาบริหารประเทศทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ จะเห็นข้าราชการประจำเข้ามามีบทบาทสูงมากขึ้น ศักยภาพของข้าราชการประจำ คิดว่าไม่มากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น เพราะโดยระบบและโครงสร้างของข้าราชการตอบสนองความต้องการของคนในสังคมได้น้อย เมื่อนำข้าราชการและทหารมาเป็นใหญ่แล้วจะทำอย่างไรที่จะสร้างความไว้วางใจและตอบสนองความต้องการของคนในสังคมได้ มองว่าโดยตัวระบบแบบนี้เป็นไปได้ยากที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
@ ป.ป.ช.เผยถอดถอนเหลือ"คดีปู"
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช กล่าวถึง กรณี สนช.เตรียมบรรจุวาระเพื่อนำไปสู่การหารือ เรื่องการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. ได้ยกร่างข้อบังคับการประชุมเสร็จสิ้นแล้วทั้งฉบับ รวมถึงประเด็นการถอดถอนบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถดำเนินการใดได้ ต้องผ่านมติที่ประชุม สนช.ก่อน หากร่างดังกล่าวไม่มีการแก้ไขสามารถบังคับใช้ได้ เรื่องถอดถอนที่ค้างอยู่จะดำเนินการต่อ โดยทาง สนช.ไม่จำเป็นต้องประสานมายัง ป.ป.ช.
"ทั้งนี้ ในส่วนคดีการถอดถอน ตำแหน่งทางการเมืองที่ติดอยู่ที่ ป.ป.ช.มีอยู่คดีเดียว คือ คดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกรณีจำนำข้าว ส่วนคดีถอดถอนที่ ป.ป.ช.ส่งไปแล้วคือ กรณีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ 36 ส.ว. กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ซึ่งต้องรอฟังว่า สนช.จะพิจารณาอย่างไร" นายสรรเสริญกล่าว
@ ชี้ครม.เปิดบัญชีหลังถวายสัตย์
นายสรรเสริญกล่าวถึงกรณีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของสมาชิก สนช. ว่า ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดขณะนี้มีจำนวนผู้มายื่นแสดงบัญชีแล้วหลายราย แต่เท่าที่ทราบยังไม่มีใครมีปัญหาในเรื่องนี้ ต้องให้เวลา เพราะยังสามารถยื่นได้ถึงวันที่ 6 กันยายน
"ส่วนการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินของคณะรัฐมตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้นับวันที่ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ เป็นวันแรกที่เริ่มให้ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน" นายสรรเสริญกล่าว
@ วันสุดท้ายยังแห่สมัครสปช.
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. 11 ด้าน ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม-2 กันยายน ซึ่งวันนี้เปิดให้องค์กรนิติบุคคลได้เสนอชื่อเป็นวันสุดท้าย พบว่าบรรยากาศตลอดช่วงเช้ายังคงมีองค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไรให้ความสนใจทยอยเข้าเสนอรายชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมเข้าสรรหาเป็น สปช.กันอย่างต่อเนื่อง
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ส่วนขององค์กรนิติบุคคลที่ส่งเอกสารมาทางไปรษณีย์จะยึดถือการประทับตราลงวันที่ 2 กันยายนเท่านั้น หากประทับตราวันที่ 3 กันยายน จะถือว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ เบื้องต้นการรับการเสนอชื่อไม่พบปัญหาใดๆ และพร้อมที่จะประชุมกรรมการสรรหา 11 ด้าน ในวันที่ 4 กันยายน ซึ่งเป็นวาระการเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาทั้ง 10 ด้าน ยกเว้นด้านการศึกษาได้เลือกนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา สำหรับการประชุมของคณะกรรมการสรรหาทั้ง 11 ด้าน นอกจากจะประชุมร่วมกันเป็นนัดแรกในวันที่ 4 กันยายน ก็จะมีการประชุมต่อไปอีกไม่เกิน 3 ครั้ง
"เชื่อว่าในวันที่ 2 ตุลาคม จะได้รายชื่อ สปช.ครบ 11 ด้าน ด้านละไม่เกิน 50 คน ในส่วนจังหวัด 77 จังหวัด ได้จังหวัดละ 5 คน เพราะขณะนี้จำนวนผู้มาเสนอชื่อมีอัตราส่วนที่สามารถดำเนินการคัดเลือกได้ และการที่มีผู้มาเสนอชื่อเกินกว่า 3 พันคน ที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เห็นว่ามีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทำให้มี คสช.มีตัวเลือกมากพอ" นายภุชงค์กล่าว
@ สรรหาสปช.ทะลุ6,729คน
นายภุชงค์กล่าวว่า องค์กรนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรยื่นเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ใน 11 ด้าน แบ่งเป็นเข้ายื่นที่สำนักงาน กกต. 579 คน ส่วนที่เข้าเสนอชื่อต่อคณะกรรมการสรรหาระดับจังหวัด 342 คน รวมทั้งสิ้น 921 คน เมื่อนำไปรวมตลอด 20 วันของการเปิดรับการเสนอชื่อ พบว่ามีองค์กรนิติกรบุคคลไม่แสวงหากำไรยื่นเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเข้ารับการสรรหาเป็น สปช. ใน 11 ด้าน 3,959 คน แยกเป็นด้านการศึกษา 619 คน ด้านอื่นๆ 575 ด้านสังคม 567 คน ด้านการปกครองท้องถิ่น 383 คน ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 342 คนด้านเศรษฐกิจ 304 คน ด้านพลังงาน 262 คน ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม 258 คน ด้านการเมือง 246 คน ด้านบริหารราชการแผ่นดิน 232 คนและด้านสื่อสารมวลชน 171 คน
นายภุชงค์กล่าวว่า ระดับจังหวัดมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อ 2,770 คน จังหวัดที่มีผู้เข้าเสนอชื่อมากสุด คือ กรุงเทพมหานคร 113 คน กาฬสินธุ์ 79 คน อุบลราชธานี 71 คน สงขลา 66 คน มหาสารคาม 63 คน ส่วนจังหวัดที่มีผู้เข้าเสนอชื่อน้อยที่สุดคือ จ.ระยอง 13 คน พิจิตร 15 คน ตาก 17 คน สุราษฎร์ธานี 17 คน และชัยนาท 18 คน รวมมีผู้เข้ารับการเสนอชื่อทั่วประเทศทั้งสิ้น 6,729 คน แต่ทั้งนี้ตัวเลขผู้เข้ารับการเสนอชื่อยังคงต้องรอการเสนอชื่อมาทางไปรษณีย์
@ นิด้าส่ง"บรรเจิด-สมบัติ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อของบุคคลที่เข้ารับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช. มีอาทิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เสนอชื่อนายบรรเจิด สิงคะเนติ คณบดีคณะนิติศาสตร์ นิด้า และนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีนิด้า และนักวิชาการที่เคลื่อนไหวกับกลุ่ม กปปส. เข้าสรรหาด้านการเมืององค์การบริหารส่วนตำบลบางกะเจ้า เสนอชื่อนายคมสัน โพธิ์คง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เข้ารับการสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
เสนอชื่อนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รักษาการปลัดกระทรวงฯและนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวง เข้าสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ เสนอชื่อนายสมศักดิ์ รังสิโยภาส อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เข้าสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สมาคมแม่ดีเด่นและพ่อตัวอย่างแห่งชาติ เสนอชื่อ พล.อ.ณรงค์ มหาคุณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพี่ชายนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ลงสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน มูลนิธิพัฒนาข้าราชการ เสนชื่อนายขจัดภัย บุรุษพัฒน์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าสรรหาด้านการบริหารราชการแผ่นดิน
@ จุลสิงห์-สมชัยเข้าสรรหาด้วย
มูลนิธิพลังงานไทย เสนอชื่อ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย นายจรินทร์ จักกะพาก และนายศิริพงษ์ ห่านตระกูล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน กรุงเทพมหานคร เสนอชื่อนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร และเสนอชื่อนายกฤษฎา กลันทานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เข้าสรรหาด้านการปกครองท้องถิ่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอชื่อนายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวง เข้าสรรหา ด้านเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เสนอชื่อ นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการตรวจสอบและประเมินผลประจำกระทรวงการคลัง และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอชื่อ น.ส.สารี อ๋อง สมหวัง เลขาฯมูลนิธิ เข้าสรรหาด้านสังคม มูลนิธิ 5 ธันวา เสนอชื่อนายโฆษิต สุวินิจจิต อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.เข้าสรรหาด้านสังคม มูลนิธิศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เสนอชื่อ นายกร ทัพพะรังสี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาเข้าสรรหาด้านพลังงาน มูลนิธิชื่นฤทัยในธรรมสำนึกรักบ้านเกิดนครศรีธรรมราช เสนอนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อดีตแกนนำ กปปส.เข้าสรรหาด้านสื่อสารมวลชน
@ สมาคมตลกชง"ถั่วแระ"ชิงสปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อของบุคคลที่เข้ารับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สปช. มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ มูลนิธิศิลปินตลกประเทศไทย เสนอชื่อนายศรสุทธา กลั่นมาลี หรือถั่วแระ เชิญยิ้ม นายกสมาคมศิลปินตลกฯ เข้าเสนอชื่อด้านอื่นๆ มูลนิธิกรมพระธรรมนูญ เสนอชื่อ พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ และ พล.ท.ศานิต สร้างสมวงศ์ อดีตหัวหน้าสำนักงานตุลาการทหาร เข้าสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เสนอนายสุทธิพล ทวีชัยการ ว่าที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรืออดีต กสทช.เข้ารับการสรรหาด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
นายศรสุทธา หรือ ถั่วแระกล่าวว่า ส่วนตัว มีความถนัดด้านกีฬา ก่อนหน้านี้ได้มีการรณรงค์เกี่ยวกับกีฬา และร่วมเชียร์นักกีฬาไทยในการแข่งขันเวทีต่างๆ มาโดยตลอด จึงอยากเห็นการกีฬาของไทยก้าวไปไกลให้มากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัญชา อร่ามวิบูลย์ นายกสมาคมคนขับรถรับจ้าง เดินทางมาที่สำนักงาน กกต.เพื่อส่งหนังสือแจ้งเลขาธิการ กกต.ขอถอนชื่อตัวเอง ออกจากการเข้ารับการสรรหา สปช.ด้านการเมือง หลังจากได้เข้ายื่นเอกสารต่อสำนักงาน กกต.