- Details
- Category: เพื่อไทย
- Published: Sunday, 11 May 2014 21:30
- Hits: 12442
วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8565 ข่าวสดรายวัน
แดงพรึบ-อยู่ยาว ล้นอักษะ วิงวอน 3 ปธ.ศาล ให้ปฏิเสธเทือก-ไม่ยุ่งตั้งนายก กปปส.ตัดโซ่บุกเข้าทำเนียบแล้ว เตรียมยึดถาวร-เลิกเวทีสวนลุม ปิดอีกโทลล์เวย์-ไล่ฝรั่งเดินลง พุทธอิสระรับการ์ดตื้บคนจริง
ล้นอักษะ - ภาพถ่ายมุมสูงคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศเดินทางมาร่วมชุมนุมแสดงพลังปกป้องประชาธิปไตยเนืองแน่นถนนอักษะ โดยผู้ร่วมชุมนุมแปรอักษร "WE VOTE" แสดงออกทางสัญลักษณ์ด้วย เมื่อวันที่ 10 พ.ค. |
นปช.มาตามนัด ล้น'อักษะ'ลั่นอยู่ยาวต้านนายกฯ เถื่อน เทือกแถลงเรียกร้องปธ.วุฒิ และ 3 ประธานศาล เร่งถก เร่งเสนอนายกฯ คนใหม่ จตุพรสวนทันควันขัดรธน. ห่วง 3 ประมุขศาลโดนลากแปดเปื้อน ชี้ประชาชนหวังได้ยินคำปฏิเสธ ณัฐวุฒิระบุไม่ได้ขอให้เลือกข้าง แค่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย ขู่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นวิกฤต ศอ.รส.แถลงห้ามช่วยเหลือกปปส. บิ๊กตู่ย้ำปฏิวัติก็ไม่จบ ต้องช่วยกันเร่งหาทางออกตามกฎหมาย
ศอ.รส.แถลงห้ามช่วยเหลือกปปส.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) อ่านแถลงการณ์ศอ.รส.ฉบับที่ 6 เรื่องห้ามการช่วยเหลือแก่แกนนำ กปปส.ที่กระทำผิด โดยระบุว่า ศอ.รส.เป็นหน่วยงานพิเศษที่จัดตั้งขึ้นตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดย ศอ.รส.มีภารกิจสำคัญสนธิกำลังทั้งข้าราชการทหาร ตำรวจ และข้าราช การพลเรือน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่างๆ เพื่ออำนวยการและปฏิบัติการให้เกิดความเรียบร้อยในทุกมิติ ทั้งในเขตพื้นที่รับผิดชอบและสังคมในภาพรวม
น.ส.สิริมา กล่าวต่อว่า ขณะนี้แน่ชัดแล้วว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำกปปส.ร่วมกันกระทำความผิดต่างๆ นานาอย่างต่อเนื่องและสร้างความเสียหายกับประเทศชาติตลอดมา ในที่สุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องแกนนำถึง 51 คน ในข้อหาอุกฉกรรจ์ที่สำคัญ ได้แก่ ร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ร่วมกันเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจรและข้อหาอื่นๆ รวมทั้งหมด 10 ข้อหา
ชี้'เทือก'ใช้มวลชนเลี่ยงคดี
"นอกจากนี้ ตามที่พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องนายสุเทพกับพวกในข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติม อันเป็นความผิดมูลฐานของความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ศอ.รส.จึงสั่งการให้สำนักงานปปง. เข้าดำเนินการเพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน นำไปสู่การยึดทรัพย์สินของนาย สุเทพกับพวกเพิ่มเติมอีกด้วย" น.ส.สิริมากล่าว
น.ส.สิริมา กล่าวอีกว่า นายสุเทพยังถูกดำเนินคดีสำคัญอีกหลายคดี และป็นคดีอุกฉกรรจ์มาก เช่น คดีร่วมกันฆ่าประชาชนในการชุมนุมปี 2553 หรือที่เรียกว่าคดี "98 ศพ" คดีทุจริตก่อสร้างโรงพักของข้าราชการตำรวจ คดีทุจริตก่อสร้างแฟลตของข้าราชการตำรวจ คดีกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งที่จ.สุราษฎร์ธานี คดีบุกรุกที่ดินเขาแพง และคดีอื่นๆ ดังนั้น การกระทำของนายสุเทพที่ยังไม่ยอมเลิกการชุมนุมและชักนำมวลชนต่างๆ อยู่ในขณะนี้จึงเป็นการใช้มวลชนเป็นเกราะกำบังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกดำเนินคดีและไม่ถูกจับกุมตามหมายจับของศาล ซึ่งเป็นการบิดเบือนและหาประโยชน์จากมวลชน และสร้างความเดือดร้อนแก่ชาติบ้านเมืองเพื่อตนเองและพวกพ้องโดยแท้
ประณามคุกคามสถานีโทรทัศน์
คณะทำงานศอ.รส.กล่าวว่า ศอ.รส.ขอประณามการกระทำของนายสุเทพกับพวกตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นำมวลชนบุกไปยังสถานที่ต่างๆ ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และทำเนียบรัฐบาลและกระทำการเจรจาและขู่บังคับผู้บริหาร หรือผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9 และช่องเอ็นบีที ไม่ให้ถ่ายทอดสัญญาณที่เกี่ยวกับแถลงการณ์หรือเสนอข่าวของรัฐบาลและ ศอ.รส. แต่ให้ถ่ายทอดสัญญาณการแถลงการณ์หรือเสนอข่าวการชุมนุมของ กปปส. เป็นการคุมคามสื่อมวลชนและสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการบุกรุกเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาลนั้น ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมตระหนักว่าสถานที่ดังกล่าวมีความสำคัญที่ใช้เป็นศูนย์กลางบริหารราชการของประเทศชาติ เป็นสมบัติโดยส่วนรวมของทุกคน การบุกรุกเข้าไปทำความเสียหายใดๆ นอกจากเป็นความผิดตามกฎหมายแล้วยังเป็นความเสียหายต่อบ้านเมืองด้วย
น.ส.สิริมา กล่าวว่า นอกจากนี้ ตามที่ในวันนี้มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนปช. ศอ.รส.จึงขอเรียกร้องประชาชนให้ใช้วิจารณญาณหลีกเลี่ยงการร่วมชุมนุม ไม่ว่ากับกลุ่มนปช. หรือกลุ่มกปปส. เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และขอเรียกร้องให้ประชาชนงดเว้นการเข้าร่วมกระทำความผิดกับกปปส. เพราะหากมีการกระทำผิดเกิดขึ้นผู้ที่ร่วมกระทำการจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกคนไปโดยไม่มีการละเว้น โดยเฉพาะแกนนำของผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่ม ดังนั้น ศอ.รส.จึงเห็นสมควรแถลงการณ์มาเพื่อประชาชนได้รับทราบ อนึ่ง แถลงการณ์ฉบับนี้เป็นความเห็นของฝ่ายบริหารศอ.รส. โดยมิได้ขอให้ฝ่ายทหารร่วมแถลงหรือแสดงความเห็นด้วย
สมาคมสิทธิฯจี้ม็อบหยุดละเมิด
วันเดียวกัน สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ร่วมกับสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม แถลงการณ์เรียกร้องต่อ กปปส. ให้ยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อสารมวลชน โดยแถลงการณ์ระบุด้วยว่า กรณีนี้เป็นการละเมิดสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนและละเมิดสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและไม่อาจยอมรับได้ และการใช้กำลังมวลชนกดดันสื่อมวลชนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 และ 46 ได้บัญญัติรับรองและคุ้มครองไว้
นอกจากนี้ สื่อมวลชนยังมีหน้าที่และเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารต่อประชาชน ตามหลักการสากลว่าด้วยจริยธรรมทางวิชาชีพของสื่อมวลชน ในการให้ประชาชนรู้ความจริง ทำงานอย่างซื่อสัตย์เพื่อรักษาและรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมผ่านการเผยแพร่ข่าวสารในสังคม จึงขอเรียกร้องต่อ กปปส. ให้ยุติการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อสารมวลชน โดยให้สื่อมวลชนสามารถเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างเสรีตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารอย่างอิสระ
2 สมาคมสื่อโวยศอ.รส.ลิดรอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ขอให้ม็อบ กปปส. หยุดคุกคามสื่อ ล่าสุดเฟซบุ๊กสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้โพสต์แถลงการณ์ฉบับ 2 เรียกร้องให้ศอ.รส.หยุดลิดรอนเสรีภาพสื่อ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จากกรณีศอ.รส. ออกแถลงการณ์ห้ามการถ่ายทอดสัญญาณหรือให้ความช่วยเหลือแก่แกนนำ กปปส. และมีคำสั่งการให้ผู้บริหารสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทุกแห่งงดเว้น หรือยุติการให้การสนับสนุนตามที่ กปปส.เรียกร้องโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องรับผิดทางอาญาและทางแพ่ง
สำหรับ แถลงการณ์ดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า 1.ขอให้ ศอ.รส. เพิกถอนแถลงการณ์ในส่วนที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพสื่อ และละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ให้การปกป้อง คุ้มครองเสรีภาพในการทำงานโดยพลัน 2.ขอให้ ศอ.รส.เคารพการทำงานของสื่อมวลชน และหยุดการใช้ถ้อยคำที่เป็นการข่มขู่สื่อมวลชนให้หวาดกลัวการดำเนินคดีตามกฎหมาย และ 3.ขอให้สื่อมวลชนยืนยันการทำหน้าที่ต่อไป โดยปราศจากความหวาดกลัวอำนาจที่ไม่ชอบธรรม และพึงระมัดระวังในการนำเสนอข่าวสาร อย่างเที่ยงตรง แม่นยำ และครบถ้วนต่อไป
บิ๊กตู่ย้ำปฏิวัติก็ไม่จบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการ "ลับ ลวง พราง" ทางคลื่นอสมท 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ในวันนี้ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ว่า บทบาทของกองทัพในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่งของศอ.รส. เพื่อให้กระบวนการต่างๆ ดำเนินการต่อไป และขอให้ทุกฝ่ายต้องไม่ใช้ความรุนแรง กองทัพพร้อมทุกอย่างในการรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยต้องหนักแน่น จะทำตามใครเรียกร้องไม่ได้ ดังนั้นขอให้ใจเย็นและเก็บทหารไว้สุดท้าย เชื่อว่าการทำรัฐประหารยังไงปัญหาก็ไม่จบ ขอให้เข้าใจทหารเพราะจะทำหรือไม่ทำก็โดนตำหนิ ดังนั้นต้องช่วยกันเร่งหาทางออกตามกฎหมาย แต่อย่านำกฎหมายมาสู้กัน ทหารพร้อมดูแลประชาชนทุกฝ่าย ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำขอให้เชื่อมั่นในทหาร ต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประเทศชาติและประชาชนได้ในทุกโอกาส ขอให้เก็บทหารไว้สุดท้าย
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามพล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่มีบางฝ่ายต้องการให้ทหารทำรัฐประหาร โดยพล.อ. ประยุทธ์ระบุสั้นๆ ว่า "ไปห่วงเรื่องนั้นทำไม มีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับความรุนแรง เพราะเราคือคนไทยด้วยกัน"
ทบ.แจงย้ายรถถัง 2 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ ประชา ชนเกิดแตกตื่นหลังพบรถถังและยานเกราะของกองทัพบก ออกมาเคลื่อนขบวนอยู่ในถนนกำแพงเพชร 2
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเกตุการณ์ดังกล่าวว่า เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดขอชี้แจงว่าเป็นภารกิจการเคลื่อนย้ายยานพาหนะกลับจากการฝึกภาคกองพัน ปี 2557 ของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2รอ.) เพื่อกลับหน่วยในระดับกองพัน โดยจะเคลื่อนย้ายเป็นเวลา 2 วัน จากสถานีรถไฟโคกกระเทียม จ.ลพบุรี ถึงกรุงเทพฯ ซึ่งในวัน 10 พ.ค. เที่ยวที่ 1 เคลื่อนย้าย 08.00 น. จากร้อย.ค.หนัก ม.1 รอ. โดยรถสายพานลำเลียง (รสพ.) 85 จำนวน 8 คัน และม.พัน.1 รอ. รสพ.85 จำนวน 10 คัน รวม 18 บรรทุกข้างหนัก (บขน.) เที่ยวที่ 2 เคลื่อนย้าย 09.00 น. จากม.พัน.1 รอ. รสพ.85 จำนวน 19 คัน, ถ.เบา 21 จำนวน 2 คัน, ปตอ.พัน.4 เอ็ม 42 จำนวน 2 คัน
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ส่วนวันที่ 11 พ.ค. เคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ในเวลา 08.00 น. จากร้อย.ค.หนัก ม.1 รอ. รสพ.85 จำนวน 2 คัน และ ม.พัน.3 รอ. รสพ.85 จำนวน 14 คัน จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับสื่อโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ที่เผยแพร่อยู่ในขณะนี้
พิษการ์ด - นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินลากกระเป๋าบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เพื่อไปสนามบินดอนเมือง เนื่องจากการ์ดกปปส.ไม่ให้รถแท็กซี่ที่โดยสารมาผ่านทาง มีผู้เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ใหญ่ๆ ไปทั่ว เมื่อ 10 พ.ค. |
พท.ประณามคุกคามสื่อ-ทำร้ายคน
ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกปปส.คุกคามสื่อโดยการบุกไปตามสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ว่า เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดของนายสุเทพ ที่มีความต้องการสูงสุดเพียงอย่างเดียวคืออยากออกทีวี เกี่ยวสัญญาณบลูสกายไปออกตามช่องต่างๆ วิธีคิดยังเป็นอนาล็อก ซึ่งไม่เหนือความคาดหมาย แต่ที่แปลกประหลาด คือนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) บอกทำได้ เพราะ กปปส.แค่ปิดล้อม ไม่ได้บุกรุก พรรคเพื่อไทยขอประณามการคุกคามทีวีทุกช่องเพราะสื่อมวลชนถือเป็นการทำลายรากเหง้าของประชาธิปไตย
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้สถานีทุกช่องแจ้งความดำเนินคดีกับ กปปส.อย่างเร่งด่วน หากไม่เร่งดำเนินการจะถือว่ารู้เห็นเป็นใจกับการถูกคุกคามในครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ระบุด้วยว่าเห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้หรือไม่ ถ้าทำได้หากวันหนึ่งมีใครบุกไปยึดบลูสกาย หรือไปปิดล้อมพรรค ปชป.บ้าง นายอภิสิทธิ์จะยอมหรือไม่ นอกจากนี้เตรียมจะทำหนังสือถึงสมาพันธ์สื่อมวลชนสากลให้เข้ามาสังเกตพฤติกรรมการคุกคามสื่อในครั้งนี้ด้วย นอกจากนั้นยังมีเหตุทำร้ายประชาชน ล่าสุดนักบินฝึกหัดถูกการ์ด กปปส.รุมทำร้ายร่างกายบนโทลล์เวย์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา อยากถามหัวใจกลุ่มที่สนับสนุนว่ารู้สึกอย่างไรที่การ์ด กปปส.ทำร้ายผู้อื่น
ปชป.โวยใช้แก๊สน้ำตารุนแรงเกิน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. แถลงถึงกรณีศอ.รส.ใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มกปปส. ที่นำโดยพุทธอิสระว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ พรรควิตกกังวลเพราะการใช้ความรุนแรงไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม การตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตานั้นอาจนำไปสู่ความรุนแรงและไม่ถูกต้องเหมาะสม จึงอยากให้รัฐบาลนำเป็นบทเรียนว่าการรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ควรให้หน่วยงานใดๆ ใช้อำนาจกำลังเกินกว่าเหตุ ควรดำเนินการกับผู้ชุมนุมตามกรอบรัฐธรรมนูญ ใช้วิธีการเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุมจะดีกว่า
นายธานินทร์ พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาเกิดความไม่สะดวกขึ้นที่ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมขึ้นไปใช้ทาง และกีดขวางการจราจรจนส่งผลให้ผู้ที่ใช้ทางทั่วไปไม่ได้รับความสะดวกถึงขั้นชกต่อยกัน เบื้องต้นทราบว่าทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ส่วนบริษัทไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะไม่มีทรัพย์สินเสียหาย แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง ทางบริษัทก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะบนทางด่วนโทลล์เวย์ได้ติดตั้งวงจรปิดไว้หลายจุด
หนุ่มเผยนาทีโดนการ์ดตื้บ
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้าคดีทำร้ายนายสุรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ที่ถูกทำร้ายบนทางด่วนโทลล์เวย์ ว่า ได้สั่งให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เร่งสอบปากคำผู้เสียหายในวันนี้ หลังทราบว่าผู้เสียหายอยู่ในสภาพที่พร้อมให้ปากคำแล้ว และได้สั่งให้รวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล กล้องวงจรปิดบนทางยกระดับโทลล์เวย์ เพื่อนำมาประกอบเป็นสำนวนในการติดตามตัวกลุ่มการ์ดกปปส.มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายสุรศักดิ์กล่าวเปิดใจบนเตียงพยาบาลในสภาพใบหน้าฟกช้ำว่า ระหว่างที่กลุ่มการ์ดกปปส. ปิดถนนนั้น รถของตนถูกบล็อกอยู่เป็นคันที่ 6 ซึ่งขณะนั้นสังเกตเห็นรถยนต์ทั้งขาเข้าและขาออกแล่นฝ่าด่านไปมาอยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจลงจากรถไปร้องขอกับการ์ดกปปส. ว่ามีความจำเป็นต้องไปที่ดอนเมือง แต่ไม่ได้รับการสนใจแต่อย่างใด เมื่อกลับเข้ามาในรถปรากฏว่าการ์ดกลุ่มนี้ซึ่งในมือมีทั้งปืนสั้นและปืนยาว ได้เดินมาออที่ข้างรถฝั่งขวาก่อนใช้ปืนสั้นเคาะกระจกรถ เมื่อไม่ยอมลดกระจกลงจึงใช้สันปืนยาวกระแทกตัวถังและกระจกรถอย่างแรงจนบุบและแตกตามลำดับ
"หลังจากนั้นการ์ดก็ใช้สันปืนกระแทกเข้ามาที่ใบหน้าและลำตัวรวมถึงสาวหมัดใส่ผมไม่ยั้ง ขณะเดียวกันก็พยายามกระชากลากผมออกมาจากรถ แต่ผมใส่เข็มขัดนิรภัยอยู่ จึงไม่สามารถลากตัวผมออกไปไม่ได้" นายสุรศักดิ์เปิดใจนาทีระทึก
กปปส.ยังชุมนุมกดดันทีวี
สำหรับการชุมนุมของกปปส. ซึ่งจัดเวทีดาวกระจายตามจุดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมาไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ มวลชนจำนวนมากยังปักหลักชุมนุมตามยุทธศาสตร์การต่อสู้ของกปปส. เพื่อเรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์ต่างๆ ออกอากาศแถลง การณ์ของกปปส.และงดถ่ายทอดสดแถลง การณ์ของศอ.รส.
โดยที่เวทีสวนลุมพินี มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ดูแล, เวทีทำเนียบรัฐบาล มีนาย สุเทพ, เวทีสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, เวทีสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กองทัพธรรม, สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 นายอิสสระ สมชัย, นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายสกลธี ภัททิยกุล, สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท นายชุมพล จุลใส, สถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนวิภาวดี นายถาวร เสนเนียม และสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นายวิทยา แก้วภราดัย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ชุมนุมปักหลักอยู่ในสวนลุมพินีเพื่อรักษาพื้นที่การชุมนุม
พุทธอิสระออกปิดถนนอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เวทีแจ้งวัฒนะ พุทธะอิสระนำมวลชนเข้าแจ้งความที่สน.ทุ่ง สองห้อง เอาผิดกับศอ.รส. หลังถูกเจ้า หน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยพ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ได้นำเงิน 50,000 บาท ที่แม่ของพ.อ.วิทวัส วัฒนกุล รองผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหาร ที่กลุ่มการ์ดกปปส.แจ้งวัฒนะทำร้ายร่างกายมอบไว้มาคืนให้กับพระพุทธอิสระด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนบางส่วนมาที่หน้าศอ.รส.เพื่อให้ศอ.รส.รับแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่ล่วงละเมิดหมิ่นสถาบัน พร้อมเร่งจับกุมผู้ยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ รวมถึงดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีโครงการรับจำนำข้าว นอกจากนั้นยังขอให้เจ้าหน้าที่ขอขมาต่อการกระทำต่อกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 9 พ.ค. โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามดึงแท่งปูนที่ปิดกั้นด้านหน้าออก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวแทนเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. ทางพุทธอิสระจึงสั่งให้มวลชนนั่งพักกินข้าวเพื่อรอฟังผลการเจรจา นอกจากนั้นยังได้ปิดถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าบริเวณหน้าศอ.รส. และฝั่งขาออกก่อนถึงหลักสี่ รวมทั้งปิดถนนบนทางด่วนโทลล์เวย์
ยอมรับการ์ดตื้บหนุ่มบนโทลล์เวย์จริง
ต่อมาเวลา 16.00 น. ส.ต.อ.เชิดศักดิ์ แต้มแสน นำพวงมาลัยดอกไม้เดินออกจากศอ.รส.มาบริเวณแนวแท่งแบร์ริเออร์ขอขมาพุทธอิสระ โดยยอมรับเป็นผู้ฉีดน้ำใส่ผู้ชุมนุม ทางพุทธอิสระจึงสั่งยุติการชุมนุมหน้าศอ.รส.แล้วนำมวลชนเดินทางกลับเวทีแจ้งวัฒนะ
ด้านพุทธอิสระกล่าวถึงการ์ดกปปส.ทำร้ายชายในรถบีเอ็มดับเบิลยูว่า การ์ดได้ทำร้ายคนในรถตามภาพปรากฏในคลิปจริง แต่เหตุการณ์ขณะนั้นมีความวุ่นวายและชายคนขับรถมายกกรวยที่กั้นออก ก่อนมีปากเสียงกับการ์ดจนเกิดเหตุการณ์ตามคลิป อย่างไรก็ตาม ขอโทษบุคคลในคลิปที่ถูกทำร้ายและพร้อมยินดีชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด และหลังเสร็จสิ้นภารกิจแล้วจะนำการ์ดที่เป็นผู้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไปมอบตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีคลิปเหตุทำร้ายประชาชนบนทางยกระดับโทลล์เวย์เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ต่อมาวันที่ 10 พ.ค.ก็มีการเผยแพร่ภาพและคลิปการ์ดปิดถนนบนโทลล์เวย์ ไม่อนุญาตให้รถแท็กซี่ที่มีผู้โดยสารชาวต่างชาติเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองผ่าน และให้ปล่อยผู้โดยสารซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็กลงเดินเท้าต่อไปแทน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
เทือกจี้ปธ.วุฒิตั้งนายกฯ คนใหม่
เวลา 16.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพพร้อมแกนนำ อาทิ นายสาทิตย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ แถลงข่าวร่วมกัน โดยนายสุเทพอ่านแถลงการณ์ทางออกประเทศไทยว่า เนื่องจากประเทศไทยขณะนี้อยู่ในสภาพไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศอีกต่อไปเพราะไม่มีนายกฯ รักษาการ มีแต่รองนายกฯ รักษาการ หากในยามปกติสภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่เลือก นายกฯ คนใหม่ทันที แต่ขณะนี้ไม่มีสภา วุฒิสภาจึงเป็นองค์กรเดียว จึงขอเรียกร้องให้วุฒิสภารีบปรึกษาหารือประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธาน กกต. ให้มีนายกฯ ใหม่ทันที
นายสุเทพ กล่าวว่า มวลมหาประชาชนยังชุมนุมด้วยความสงบสันติต่อไปจนกว่าจะมี นายกฯคนใหม่ ทั้งนี้ ตนทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด ศาลรัฐธรรมนูญ และประธานกกต.เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงของนายสุเทพไม่มีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีช่องใดเชื่อมสัญญาณออกอากาศสด มีเพียงทีวีที่ออกอากาศผ่านเคเบิลและดาวเทียมบางช่องเท่านั้นที่ร่วมออกอากาศสด
ขอขมา - ตำรวจชั้นประทวนถือดอกไม้ขอขมาพุทธอิสระ ที่นำกำลังมาปิดล้อมหน้าศอ.รส. สโมสรตำรวจ วิภาวดีรังสิต กดดันให้ตำรวจขอขมากรณีใช้แก๊สน้ำตาและน้ำแรงดันสูงฉีดใส่ม็อบ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. |
สุเทพ ตัดโซ่บุกเข้าทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 17.20 น. นายสุเทพได้ตัดโซ่-กุญแจที่คล้องประตูทำเนียบรัฐบาล และนำมวลชนเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลและเดินเข้าไปภายในตึกสันติไมตรี พร้อมระบุว่าต่อจากนี้ไปจะใช้ทำเนียบรัฐบาลในการแถลงข่าว
พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บังคับการกรมทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์พื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เผยว่า หลังจากเจรจากับนายสุเทพ ได้ยอมให้นายสุเทพใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีทั้งหลังเพื่อป้องกันความเสียหายในกรณีผู้ชุมนุมบุกเข้ามาทำลายทรัพย์สินให้ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลที่ดูแลสถานที่ให้ทราบแล้ว แต่จะจำกัดให้เฉพาะตึกสันติไมตรีเท่านั้น
สุเทพ ลั่นปธ.สว.ไม่ทำจะลุยเอง
เมื่อเวลา 20.57 น. ที่เวทีสวนลุมพินี นายสุเทพปราศรัยว่า วันนี้เหลือเพียงองค์กรนิติบัญญัติองค์กรเดียวคือวุฒิสภา และนัดประชุมเป็นกรณีพิเศษในวันที่ 12 พ.ค.นี้ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ตามมาตรา 3 ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และผู้มอบอำนาจเป็นนายกฯ ซึ่งใช้อำนาจในทางที่ผิด เราจึงขอทวงคืน และตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 บัญญัติว่ากรณีรัฐธรรมนูญไม่ได้มีบทบัญญัติไว้ให้ดำเนินการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ถ้าวุฒิสภาจะเลือก นายกฯ จะเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติ โดยประธานวุฒิฯ จะกราบบังคมทูลรายชื่อให้เป็นนายกฯ เพื่อรอการแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ต่อไป
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การต่อสู้จะสำเร็จหรือไม่สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังของมวลมหาประชาชนต้องยิ่งใหญ่จริงๆ คนถึงจะเกรงใจ ถ้าหากผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ทำหรือทำไม่ได้ มวลมหาประชาชนก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจัดการกันเอง จึงขอถือโอกาสนี้ให้คนไทยทั้งประเทศรวมถึงข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ออกมาร่วมกำหนดอนาคตของประเทศไทย นี่เป็นโอกาสเดียวและเป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าออกมากันหมดเอาจริงจังรับรองสำเร็จแน่นอน
ยุติสวนลุมฯ-ชุมนุมทำเนียบ 12 พ.ค.
"ขอเชิญนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ให้มาพบกับผมที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นที่ทำงานใหม่ของมวลมหาประชาชน มาพบทั้งในเวลาและนอกราชการ เนื่องจากเราปักหลักตลอดเวลา และรักษาความปลอดภัยให้กับรักษาการรองนายกฯ หากนายนิวัฒน์ธำรงเข้ามาพบจริงจะพูดว่าให้ลาออกไป อย่าอยู่เลย ดีกว่าให้ผมไล่ออก รวมถึงคนที่รักษาการรัฐมนตรีอยู่นั้นก็เช่นกัน ขอให้มาคุยกันได้ ตอนนี้เราพร้อมคุยแล้ว เมื่อก่อนร่ำร้องว่าถ้าสุเทพเห็นแก่บ้านเมืองให้มาคุย ตอนนี้ผมพร้อมคุยแล้ว มาคุยที่ทำเนียบรัฐบาลได้เลย ขอให้รีบมา ถ้ามาสายผมไม่ให้แล้ว ส่วนการใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ตั้งนั้น ขอเพียงใช้พื้นที่ชั่วคราวและเมื่อปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นจะคืนให้ทันที"เลขาธิการ กปปส.กล่าว
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนการชุมนุมเวทีสวนลุมพินีจะมีขึ้นถึงวันที่ 12 พ.ค.เท่านั้น ช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ค.จะนำมวลชนเคลื่อนขบวนย้ายไปปักหลักฉลองชัยที่ทำเนียบรัฐบาล ถนนราชดำเนิน จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหากกระบวนการเลือกนายกฯ โดยวุฒิสภาราบรื่น ได้คนดีมีความสามารถตรงใจประชาชน และมีรัฐบาลชุดใหม่ที่รับมอบภารกิจปฏิรูปประเทศ มวลมหาประชาชนจะร่วมจุดพลุฉลองชัยและกลับบ้านคืนสู่ภาวะปกติ
สื่อนอกรายงานเสื้อแดงชุมนุม
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดัง ทั้ง เอเอฟพี รอยเตอร์ พร้อมใจกันรายงานข่าวการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลุ่มนปช. โดยมองว่า เป็นการตอบโต้จากแนวร่วมฟากรัฐบาลเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย และปฏิเสธนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
เอเอฟพี อ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน ซึ่งกล่าวว่า "พวกเราพร้อมแล้วสำหรับการต่อสู้ยืดเยื้อ โดยจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีความรุนแรง จะใช้พลังของมวลชนจำนวนมาก แสดงให้เห็นอำนาจแท้จริงตามหลักประชาธิปไตย"
นักวิชาการชี้ใกล้รัฐประหาร
ด้าน พอล แชมเบอร์ หัวหน้าศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เสนอความเห็น แสดงความเป็นห่วงถึงการเข้าแทรกแซงของกองทัพ ว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทหารไม่ออกมายึดอำนาจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าการรัฐประหารอาจใกล้เข้ามาแล้ว
ขณะที่รอยเตอร์ รายงานในทำนองเดียวกันว่า กลุ่มคนที่ไม่พอใจการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง ได้ไปรวมตัวแสดงพลังกันในย่านชานเมือง ขณะเดียวกันก็พร้อมต่อต้านการยึดอำนาจไปจากประชาชนทุกรูปแบบ โดยอ้างถึง ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช. ระบุว่า "ที่คนเสื้อแดงต้องจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับวิธีการของม็อบกปปส. โดยเฉพาะแผนการแต่งตั้งผู้นำประเทศด้วยวิธีพิเศษนอกเหนือจากการเลือกตั้ง กลุ่มกปปส.มีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นจากทหารโดยตรงหรือองค์กรอิสระทั้งหลาย ซึ่งกลุ่มนปช.จะต่อต้านอย่างเต็มที่
เสื้อแดงตบเท้าเดินทางแต่เช้า
ที่อุทยานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เวลา 08.45 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ กลุ่ม นปช. พร้อมมวลชนกว่า 500 คน ได้ร่วมทำพิธีสักการะ พร้อมปลุกเสกเหรียญหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต และการทำงาน โดยเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยตามความเชื่อ ก่อนจะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะ จ.นครปฐม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้กลุ่มนปช.จากจังหวัดต่างๆ ได้นัดรวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อร่วมเดินทางมาร่วมชุมนุมที่ถ.อักษะ โดยที่จ.กาฬสินธุ์ กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 500 คน ยังร่วมกันแต่งดำประท้วงคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกฯ พร้อมนำหรีดมาเผาสาปแช่ง ก่อนเดินทางมาร่วมชุมนุมใหญ่
ทยอยเข้าร่วมคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมใหญ่ "10 พ.ค. วันปราบกบฏ" ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ถนนอุทยาน หรือถ.อักษะ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในวันแรกตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนทยอยมาร่วมชุมนุมอย่างคึกคักทั้งจากในเขตกทม. ปริมณฑลและต่างจังหวัด ท่ามกลางสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมาปักหลักติดตามสถานการณ์จำนวนมาก ขณะที่แกนนำ นปช.เริ่มเดินทางมาเตรียมตัวขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงเย็น อาทิ นางธิดา โตจิราการ ที่ปรึกษานปช. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ และแกนนำเสื้อแดงอีสาน อาทิ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำแดงอุดรฯ
กิจกรรมบนเวทีมีการแสดงดนตรีและการปราศรัยจากแนวร่วมคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ เป็นระยะ ส่วนพื้นที่โดยรอบพื้นที่ชุมนุมตลอดแนวถนนอุทยานทั้งสองฝั่ง มีการติดตั้งจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับถ่ายทอดกิจกรรมบนเวทีอย่างทั่วถึง มีการจัดนิทรรศการ "การต่อสู้เพื่อประชาชน" แสดงภาพถ่ายและฉายวีดิทัศน์เหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 ยุทธการรุมยิงนกในกรง และเหตุการณ์ความจริงหน้าราม นอกจากนี้ นปช.ยังจัดสรรพื้นที่ให้บริการรถสุขาและห้องอาบน้ำ เต็นท์บริการเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ รวมทั้งบริการรถซูบารุขนาดเล็กสำหรับรับส่งผู้ชุมนุมในบริเวณที่ชุมนุมด้วย
ธิดาลั่นชุมนุมเพื่อสู้'อำมาตย์'
เวลา 12.30 น. นางธิดาเผยว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญหรือคำตัดสินของ ป.ป.ช. แต่กลุ่มนปช.ต้องการต่อต้านกระบวน การของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยทั้งหมดที่มีกระบวนการพยายามให้มีรัฐบาลใหม่ หรือตั้งนายกฯคนกลางไม่ว่าจะมาด้วยวิธีแบบใด ทั้งการทูลเกล้าฯของนายสุเทพหรือผ่านการเสนอชื่อจากการประชุมของวุฒิสภา ส่วนที่กปปส.อ้างว่าจำเป็นต้องยึดสื่อเพื่อป้องกันคนเสื้อแดงไม่ให้เข้ายึดสื่อ ขอยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่เคยมีประวัติคุกคามสื่อ หรือหากมีบ้าง ก็เป็นลักษณะส่วนตัว ไม่เคยเป็นวาระหลักของแกนนำเลย เช่น ในปี 2553 จะเห็นว่าสื่อมวลชนนอนอยู่กับแกนนำตลอดจนจบการชุมนุม การบอกว่าไปปิดล้อมเพราะกลัวคนเสื้อแดงไปจึงไม่เป็นความจริง
นางธิดา กล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่กังวลเรื่องการสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ซึ่งคนเสื้อแดงมีความชอบธรรมในการชุมนุมอย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่เรียกร้องเป็นสิ่งที่ชอบธรรมเพราะผู้นำที่มาจากระบอบประชาธิปไตยถูกล้มหลายครั้ง ตลอด 6 เดือนที่กปปส.ชุมนุมก่อให้เกิดความเดือดร้อนมาก รวมถึงละเมิดรัฐธรรมนูญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ต้องการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อสู้กับกปปส. แต่คนเสื้อแดงกำลังต่อสู้กับเครือข่ายระบอบอำมาตย์ที่อยู่เบื้องหลังปัญหาทั้งหมด
จตุพรจวกเทือกชงตั้งนายกฯ ม.7
เวลา 16.15 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แถลงถึงกรณีนายสุเทพเสนอให้ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานวุฒิสภา ประชุมกันในวันที่ 12 พ.ค. เพื่อแต่งตั้งนายกฯ มาตรา 7 ว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภายังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจึงยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ได้ ซึ่งกระบวนการเลือกประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 9 พ.ค.นั้นขัดต่อหลักปฏิบัติของวุฒิสภาที่จะเลือกประธานในสมัยสามัญ ไม่ใช่สมัยวิสามัญแบบครั้งนี้ ทั้งยังกระทำขัดรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากที่พ.ร.ฎ.เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญกำหนดไว้ หากมีผู้ไปร้องศาล กระบวนการโปรดเกล้าฯ จะล่าช้าไปอีก
"นายสุเทพ เองก็ปฏิเสธว่านายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ไม่มีอำนาจทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง เท่ากับจะไม่มีใครนำชื่อประธานวุฒิสภาขึ้นทูลเกล้าฯ นายสุเทพวางสนุ้กฯ ตัวเอง" นายจตุพรกล่าว
ห่วง 3 ประธานศาลแปดเปื้อน
นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่านายนิวัฒน์ธำรงมีอำนาจตามที่นายกฯ รักษาการมีทุกอย่าง ส่วนข้อเสนอที่ให้ประธานวุฒิสภาและประธานศาลทั้ง 3 ประชุมกันนั้นไม่มีในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ ประธานศาลมีอำนาจมาปรึกษาหารือกันเพื่อเลือกนายกฯ ได้ จึงอยากเรียกร้องประธานศาลทั้ง 3 ว่าหากดำเนินการตามที่นายสุเทพยุแยงจะถือเป็นการสร้างวิกฤตชาตินำสู่สงครามกลางเมือง ทางออกของประเทศไทยต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีอำนาจฝ่ายใดมาอยู่เหนือการเมืองได้ ยืนยันว่าตอนนี้ประเทศไทยไม่มีสุญญากาศการเมือง
นายจตุพร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ประธานศาลโดยเฉพาะประธานศาลฎีกาซึ่งถือเป็นประมุขของฝ่ายตุลาการที่ไม่เคยถูกประชาชนเคลือบแคลงสงสัยมาก่อน อย่าไปประชุมในวันที่ 11 พ.ค.หรือวันที่ 12 พ.ค. ตามข้อเสนอของนายสุเทพที่หวังเร่งเกม เพราะจะทำให้อำนาจฝ่ายตุลาการต้องแปดเปื้อน กลุ่มนปช.หวังว่าการประชุมดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเพราะคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับการแต่งตั้งนายกฯ ที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ หวังว่าประมุขฝ่ายตุลาการจะคลี่คลายปัญหา ไม่ใช่มาสร้างวิกฤตความขัดแย้ง หากประชุมกันเมื่อไรจะเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งครั้งเลวร้ายที่สุดที่เคยมีมาในไทย จะกลายเป็นสงครามกลางเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมกันยืดเยื้อยาวนานจนกว่าประเทศจะเป็นประชาธิปไตยโดยยึดหลักสันติวิธี
หวังประมุขศาลตอบปฏิเสธ
จากนั้นเวลา 18.00 น. นายจตุพร พร้อมด้วยแกนนำนปช. อาทิ นายณัฐวุฒิ นางธิดา และนพ.เหวง โตจิราการ รวมถึงแนวร่วมและผู้สนับสนุน นปช. อาทิ น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล และนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด หนึ่งผู้เสียชีวิตในเหตุสลายการชุมนุมปี 53 ขึ้นเวที
โดยนายจตุพรกล่าวว่า หลังจากนายสุเทพใช้กำลังบีบบังคับให้ฟรีทีวีถ่ายทอดสดการแถลงข่าวของตัวเอง พร้อมอ้างว่าได้ประสานงานกับประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และว่าที่ประธานวุฒิสภา ขอให้หารือแต่งตั้งนายกฯคนกลาง นปช. เชื่อว่าคนเสื้อแดงและประชาชนคนไทยต้องการฟังคำปฏิเสธของประมุขทั้ง 3 ศาล
"นายสุเทพ อ้าง มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และปล้นอำนาจจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ วันนี้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่แล้ว แต่นายสุเทพยังไม่ได้อำนาจนั้นเพราะอำนาจอยู่ที่ประชาชน วันนี้นายสุเทพเอาประมุขทั้ง 3 ศาลมาเดือดร้อน และบอกให้คนเสื้อแดงร่วมปฏิรูปประเทศไทย แต่นปช. ไม่เอาระบอบใดทั้งสิ้น นอกจากประชาธิป ไตยเท่านั้น และยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ร่วมกับสุเทพโดยเด็ดขาด ขอให้ผู้ชุมนุมส่งเสียงถึงประธานศาลและประธานวุฒิฯ ให้ตามใจประชาชน ตามใจประชาธิปไตย มิฉะนั้นบ้านเมืองจะไปสู่วิกฤต สุ่มเสี่ยงต่อสงครามกลาง เมือง ข้อเสนอของสุเทพต้องได้รับการปฏิเสธ" ประธาน นปช. กล่าว
ณัฐวุฒิ ขอแค่ทำตามกม.ก็พอ
ต่อมานายณัฐวุฒิกล่าวต้อนรับผู้ชุมนุมพร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าคนเสื้อแดงจะได้โห่ร้องต่อชัยชนะในสถานที่แห่งนี้แน่นอน เนื่องจากองค์กรอิสระปิดเกมไม่ลง กองทัพยืนยันว่าการรัฐประหารไม่ใช่ทางออก ขณะที่นายสุเทพใช้วิธีใหม่ กดดันให้การเลือกประธานวุฒิสภาเป็นฝ่ายตัวเอง
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า คนเสื้อแดงให้เกียรติอำนาจตุลาการตลอดมาทั้งศาลปกครองสูงสุดและศาลฎีกา ส่วนศาลรัฐธรรมนญ เราแสดงออกตามกฎหมาย แต่วันนี้ขอความกรุณาประธานศาลให้ตอบปฏิเสธข้อเรียกร้องของนายสุเทพ นปช.ไม่ได้เรียกร้องให้ประธานศาลเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย และบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ แต่หากประธานศาลตกปากรับคำนั่งประชุมและออกมติเห็นด้วยให้ประธานวุฒิสภาเสนอนายกฯเถื่อน เท่ากับประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครองเลือกเองที่จะลงมาเป็นคู่ตรงข้ามกับประชาชน และเป็นผู้สมคบคิดกันฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายกฎหมาย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ประชาชนจะมีสิทธิโดยชอบที่จะต่อต้าน
ลั่นชุมนุมยืดเยื้อต้านนายกฯเถื่อน
"ประเทศไทยไม่ใช่ไม่มีทางออก เพียงเดินหน้าเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. สันติภาพรออยู่ไม่ไกล นปช.จะปักหลักที่ถนนอักษะ แต่หากผิดไปจากนี้ คือ มีการเสนอชื่อนายกฯ คนกลาง นปช.จะยกระดับการต่อสู้ ไม่มีทางกลับบ้าน แต่จะขอไปดูหน้านายกฯ และคนที่เสนอชื่อนายกฯ นอกกฎหมาย นี่ไม่ใช่การข่มขู่ใช้ความรุนแรง แต่การเสนอชื่อนายกฯเถื่อนเป็นการกระทำที่เหยียบย่ำประชาชนเกินไป ดังนั้นนปช.จะถือว่ามติเสนอชื่อนายกฯ จะเท่ากับประกาศการยกระดับการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเช่นเดียวกัน คนเสื้อแดงขอเป็นประชาชนเต็มขั้น มีสิทธิเท่าเทียมกัน ขอร่วมต่อสู้จนถึงที่สุด และหากทั้งสองข้อไม่ได้ ก็ขอเป็นไงเป็นกัน ขออยู่ในกรุงเทพจนกว่า นายกฯ เถื่อนจะไป" นายณัฐวุฒิกล่าว
ต่อมาเวลา 18.30 น. นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ ดัม ทนายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า จะคอยให้การช่วยเหลือคนเสื้อแดงผ่านกลไกระหว่างประเทศ มาตรการแรกที่เตรียมดำเนินการคือลงทัณฑ์ผู้ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นรายบุคคล เช่นการทำเรื่องขอเพิกถอนวีซ่า ผ่านองค์กรต่างๆ อาทิ องค์กรรัฐสภาสากล หรือ ไอพียู พรรคเสรีนิยมสากลที่มีพรรคประชา ธิปัตย์เป็นสมาชิกอยู่ นอกจากนี้ยังขอให้รัฐบาลเร่งลงนามรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ และขอประณามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอหน้าออกมาอ้างว่ารักษาประชาธิปไตย และขอให้คนเสื้อแดงได้รับรู้ว่าไม่มีประเทศใดในโลกที่ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ ด้วยข้อหาว่า "อาจจะทำการทุจริต เช่นนี้"
เสื้อแดงชุมนุมล้นถ.อักษะ
จากนั้นเวลา 18.50 น. น.ส.สุดา รังกุพันธ์ แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล นักเคลื่อนไหวช่วยเหลือนักโทษการเมืองร่วมกับนายกมล ดวงผาสุก หรือไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีเสื้อแดงที่ถูกลอบสังหารใจกลางกรุงเทพมหานคร นำบทกวีของไม้หนึ่ง ก.กุนที ขึ้นอ่านบนเวที เพื่อเป็นการระลึกถึงการจากไปและสดุดีผลงานของไม้หนึ่งฯ ที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมเคียงข้างคนเสื้อแดงมาตลอด ทำให้พื้นที่ชุมนุมเต็มไปด้วยความเศร้าและเงียบไว้อาลัยแก่กวีเสื้อแดงรายนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ถ.อักษะในช่วงเย็นที่แสงแดดลดลง มีคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมกันกว่าห้าหมื่นคน และยังคงมีคนเสื้อแดงทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมอยู่ตลอดเวลา โดยกำหนดจะชุมนุมยืดเยื้อตามสถานการณ์การเมือง
ตู่จวก'กสม.'เมินคุกคามสื่อ
ต่อมาเวลา 20.40 น. นายจตุพรขึ้นปราศรัยอีกครั้งว่า ดีลที่เสนอให้ประธาน 3 ศาล และว่าที่ประธานวุฒิฯ หารือกันเพื่อตั้งนายกฯ มาตรา 7 นั้นไม่มีทางสำเร็จได้ แต่ฝ่ายอำมาตย์ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือให้ทหารยึดอำนาจ แม้ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะพูดแล้วว่ายึดอำนาจไม่ใช่ทางออกก็ต้องรักษาคำพูด ถ้าทำก็ต้องสู้กับคนเสื้อแดงทั้งประเทศ หากพล.อ.ประยุทธ์ยึดถือคำพูดพวกเราจะปรบมือให้ อยากบอกว่าพวกนั้นล้มการเลือกตั้ง ล้มน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ แต่คนพวกนั้นตั้ง นายกฯไม่ได้ ข้อเสนอที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะไม่มีทางสำเร็จ
นายจตุพร กล่าวว่า การปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา 2 สมาคมสื่อที่เคยเชียร์กปปส.ยังออกมาประณาม ตนขอปรบมือให้ แต่องค์กรที่ยังตายอยู่เหมือนเดิม คือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ไม่เคยเห็นว่าการยึดสถานีโทรทัศน์คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่อยากบอกว่าตอนนี้มีสถานีโทรทัศน์กว่า 300 ช่อง หากจะยึดก็ต้องไปทุกช่อง
ลั่นสู้จนกว่าจะชนะได้ปชต.
"อยากถามเครือข่ายอำมาตย์ว่าอยากเป็นศัตรูกับประชาชนไปตลอดใช่หรือไม่ แต่คนเสื้อแดงจะสู้จนสุดชีวิต ไม่ชนะไม่เลิก และถ้าอำมาตย์ไม่เชื่อขอให้ตั้งนายกฯ เถื่อนหรือสั่งทหารให้ออกมายึดอำนาจเลย ที่ผ่านมาพวกนี้สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยอย่างมาก สถานการณ์แบบนี้เราจะกลับบ้านไม่ได้ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยไปฝากลูกหลานเรา ไม่เช่นนั้นก็สู้กันอย่างนี้ ไม่มีเลือกตั้งก็อยู่กันแบบนี้ เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ และเรายังจะชุมนุมต่อสู้กันอีกหลายวัน มิเช่นนั้นเครือข่ายอำมาตย์ที่อำมหิตไม่สนใจผิดชอบชั่วดี จะฉีกรัฐธรรมนูญและหลอกลวงประชาชนอีก" นายจตุพรกล่าว
ประธาน นปช.กล่าวว่า เราไม่มีโอกาสไหนจะดีกว่าในปีนี้อีกแล้ว นับแต่วันนี้ไป นี่เป็นประตูเดียวที่เราจะมีโอกาสต่อสู้และได้ชัยชนะ เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง ไม่เอานายกฯ เถื่อน ไม่เอารัฐประหาร ยึดอำนาจเมื่อไรสู้วันนั้น เราไม่เอาเศษชัยชนะเพื่อมารอวันพ่ายแพ้อีกแล้ว