- Details
- Category: กทม.
- Published: Friday, 14 April 2017 21:41
- Hits: 12372
ขสมก.เลิกสัญญาซื้อเมล์ NGV กรมศุลฯ ส่ง DSI ฟ้องซุปเปอร์ซาร่าข้อหาแจ้งสำแดงเท็จแหล่งที่มา
ไทยโพสต์ : ราชดำเนิน * ขสมก.เดินหน้าส่งหนังสือเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน กับเบสท์ริน เตรียมเสนอบอร์ด ขสมก. 26 เม.ย.นี้ คาด TOR ใหม่เสนอ ครม.พ.ค. นี้
นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการ ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ขสมก.ได้ทำหนังสือบอกเลิกสัญญาการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ส่งให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากบริษัทเบสท์รินซึ่งเป็นคู่สัญญาไม่สามารถระบุต้นกำเนิดของรถได้อย่างชัด เจน และไม่สามารถส่งมอบรถทั้ง 489 คันได้ตามแผนที่กำหนด
รวมถึงวงเงินค่าปรับเกินจากวงเงินค้ำประกันประมาณ 330 ล้านบาท ที่ทางเบสท์รินกรุ๊ปได้วางเงินไว้กับ ขสมก. อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จะนำเรื่องรายงานให้ที่ประชุมคณะ กรรมการ (บอร์ด) ขสมก.ได้รับทราบ พร้อมกับเดินหน้าร่าง TOR การจัดซื้อรถเมล์ NGV ใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน พ.ค. นี้
นอกจากนี้ ได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษารถเมล์ระบบ Hybrid และรถเมล์ไฟฟ้า เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการใช้งาน คู่ขนานไปกับการร่าง TOR ใหม่ คาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จภายใน มิ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ในการประมูลจัดหารถเมล์ใหม่นั้น ทางเบสท์รินกรุ๊ปจะติด แบล็กลิสต์กับ ขสมก. และไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ ขสมก.
กรมศุลฯ ส่ง DSI ฟ้องซุปเปอร์ซาร่าข้อหาแจ้งสำแดงเท็จแหล่งที่มานำเข้ารถเมล์ NGV
นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้ทำเรื่องดำเนินคดีกับ บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เนื่องจากได้นำเข้ารถโดยสารที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (รถเมล์เอ็นจีวี) จำนวน 489 คัน ด้วยข้อหาสำแดงเท็จที่นำเข้ายื่นใบขน (Form D) มาจากมาเลเซีย โดย 100 คันแรกเพิ่มเติมข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีอากรด้วย
ส่วนจำนวน 389 คัน แม้ว่าบริษัทยอมยื่นจ่ายภาษีนำเข้าอัตรา 40% โดยไม่ใช้สิทธิ Form D แต่ยังสงวนสิทธิว่ามีถิ่นกำเนิดจากมาเลเซีย เพื่อนำรถออกมา ก็มีข้อหาสำแดงเท็จเหมือนกัน
ทั้งนี้ การนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี มีทั้งหมดรวม 5 ล็อต โดย 2 ล็อตแรกรวม 100 คัน และอีก 3 ล็อต รวม 389 คัน
รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรยังได้ส่งรายงานที่ระบุว่า รถเมล์เอ็นจีวีทั้ง 489 คันไม่ได้มีถิ่นกำเนิดมาจากมาเลเซีย แต่มีการผลิตและประกอบในเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน ด้วยการขนส่งเป็นรถสำเร็จรูปจากท่าเรือเซี่ยงไฮ้มายังมาเลเซีย โดยไม่ได้มีการนำไปประกอบในโรงงานของผู้ส่งออกในมาเลเซียอย่างที่กล่าวอ้าง โดยได้พักสินค้าท่าเรือมาเลเซียและขนส่งมายังไทยที่ท่าเรือแหลมฉบัง
ดังนั้น ทางกรมศุลการกรจึงพิจารณาว่าการนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 489 คันมีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน จึงได้ส่งเรื่องทั้งหมดให้ DSI เพื่อดำเนินคดีต่อไป
"เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมทั้ง 5 ล็อตก็นำเรื่องส่งต้นสังกัดที่รับผิดชอบ คือ ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังเป็นผู้พิจารณาคดี ทั้งนี้ ทางกรมศุลกากร ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ทั้ง 5 ล็อตและได้เปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าได้โต้แย้ง โดยหากผู้นำเข้าเห็นด้วยกับกรมศุลกากรก็สามารถทำข้อตกลงยอมรับผิด ก็มาเสียภาษี ค่าปรับ แต่ผู้นำเข้าก็ยังเห็นว่านำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งในขั้นตอนศุลกากร เราก็จะส่งเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนต่อไป ในชั้นนี้ ทางกรมศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังจะส่งเรื่องให้กับดีเอสไอไปดำเนินการต่อไป"นายชัยยุทธ์ กล่าว
ส่วนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะรับมอบรถเมล์เอ็นจีวีหรือไม่ขึ้นกับดุลยพินิจของ ขสมก.เอง เพราะเป็นสัญญาสองฝ่าย โดยคู่สัญญากับ ขสมก.คือ บริษัท เบสริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดหารถเมล์เอ็นจีวี และเป็นกลุ่มเดียวกันบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด โดยที่ผ่านมากรมศุลกากรได้แจ้งความคืบหน้ามาตลอด และล่าสุดได้สรุปสำนวนคดีให้ดีเอสไอแล้ว
อินโฟเควสท์
'เบสท์ริน'ยื่นฟ้องศุลกากรศาลนัดไต่สวน 24 เม.ย.นี้ชี้ขสมก.ยังไม่เลิกสัญญา
ไทยโพสต์ : วิภาวดีรังสิต * 'เบสท์ริน'ลุยฟ้องกรมศุลกากร ศาลนัดไต่สวนวันที่ 24 เม.ย. ยืนยันที่ผ่านมาปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศลั่นไม่ว่าหลักประกันเพิ่มเพื่อเอารถเมล์ 99 คันออกมาวิ่ง พร้อมย้ำยังไม่ได้แจ้งบอกเลิกสัญญาจาก ขสมก. ถ้าไม่เป็นธรรมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อ ไป
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำ เนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาจัง หวัดพัทยา ในเรื่องการที่เจ้าพนัก งานกรมศุลกากรจำนวน 7 คน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และส่วนในการปลอมแปลงเอกสาร เพิ่มข้อความระบุว่ารถเมล์ที่นำเข้ามีข้อสงสัยเรื่องแหล่งกำเนิดที่มาจากจีน ทำให้บริษัทได้รับความ เสียหาย ซึ่งศาลได้ดำเนินการประ ทับรับฟ้องแล้ว และนัดไต่สวนนัดแรกในวันที่ 24 เม.ย. เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ ยืนยันว่า รถโดยสารเอ็นจีวีทั้งหมดมีการผลิตและประกอบจากประเทศมาเลเซีย ตามเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือฟอร์มดีจากประเทศผู้ผลิต ถ้าทางกรมศุลกากรต้องการถอนสิทธิฟอร์มดี จะต้องมีการแจ้ง ให้เลขาธิการอาเซียนทราบ เพราะหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่ประ เทศสมาชิกได้ร่วมกันไว้ อาจก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างประเทศได้"
"ตอนนี้รถมีถิ่นกำเนิดจากประเทศใดไม่สำคัญเท่ากับมีเจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากรบางกลุ่มที่จะพยายามฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติที่กรมศุลกากรวางไว้ พยายามขัดขวางการนำรถโดยสารออกจากท่าเรือ และมีการปลอมแปลงเอก สารแล้วนำเอกสารดังกล่าวไปเผยแพร่ จนบริษัทเป็นจำเลยสังคมและพยายามกล่าวหาให้บริษัทต้องรับโทษหนักขึ้น ทั้งนี้ยังยืนยันว่าบริษัทไม่มีหน้าที่หาหลักฐาน โดยเฉพาะภาพถ่ายโรงงานผลิตที่ประเทศมาเลเซีย เพราะหน้าที่ในการตรวจสอบเป็นหน้าที่กรมศุลกากรเท่านั้น" นายคณิสสร์กล่าว
นายคณิสสร์ กล่าวถึงการยกเลิกสัญญาจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงทพ หรือ ขสมก. ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือบอกยกเลิกสัญญาจาก ขสมก. ขณะนี้ได้มีการนำรถเมล์จดทะเบียนแล้ว 392 คัน และส่งมอบให้ ขสมก.แล้ว 390 คัน และที่ผ่านมาทาง ขสมก.ไม่มีท่าทีปฏิเสธว่ามีข้อสงสัยหรือไม่รับรถ ดังนั้นหากมีการยก เลิกสัญญาต้องดูว่าใช้เหตุผลใดเป็นข้ออ้าง เพราะข้อสงสัยที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ ถือว่าไม่ยุติธรรมกับผู้นำเข้า อย่างไรก็ตามถ้ายกเลิก สัญญาเพราะความผิดของบริษัท ก็ยอมรับ แต่ถ้าเป็นผู้ซื้อผิดไม่ทำตามสัญญา บริษัทต้องเรียกร้องตามสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ส่วนข้อสงสัยว่าบริษัทจะดำเนินการไปวางหลักประกันค่าปรับเพื่อนำรถอีก 99 คันถูกกักไว้ เพื่อนำรถออกวิ่งให้บริการหรือไม่นั้น นายคณิสสร์ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมาย โดยจะไม่ไปดำเนินการวางหลักประกันเบี้ยปรับที่ไม่เป็นธรรม ส่วนการบอกเลิกสัญญาจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ แต่หาก ขสมก.มีหนังสือบอกเลิกสัญญามาจริง ก็จะพิจารณาเหตุผลการบอกเลิก ว่าเป็นความผิดของบริษัทจริงหรือไม่ หากไม่เป็นจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สุดท้ายหากกระบวนการสอบสวนพบว่าทางบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ทำผิดเงื่อนไขจริงก็ยินดีที่จะ ยอมรับความผิดและจะไปดำเนินการฟ้องร้องบริษัทซุปเปอร์ซาร่า และกระทรวงการค้าและอุตสาห กรรมระหว่างประเทศมาเลเซีย และบริษัทผู้ผลิตในมาเลเซียคือบริษัท R & A COMMERCIAL VEHI CLES แทน แต่หากพบว่าไม่ใช่ความผิดของบริษัทก็พร้อมจะดำ เนินการฟ้องร้องกรมศุลกากรและ ขสมก.เช่นกัน".
ขสมก.จ่อฉีกสัญญาซื้อเมล์ NGV 'เบสท์ริน'ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินช่วย
แนวหน้า : เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุลผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ยืนยันว่าจะดำเนินการแจ้งยกเลิกสัญญากับทาง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 นี้ เนื่องจากบริษัทมีปัญหาการส่งมอบรถเมล์
ในวันเดียวกัน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้หารือร่วมกับ คณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ(สนช.) กรณีที่ขสมก. เตรียมยกเลิกสัญญาการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน กับบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป สาเหตุมาจากการตรวจสอบแหล่งที่มาของตัวรถของกรมศุลกากร
นายอาคมกล่าวว่า หากมีการยกเลิกสัญญาทางกระทรวงคมนาคมก็จะต้อง มีการทบทวนแผนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่ทั้งหมดจำนวน 3,183 คัน เพื่อปรับแผนใหม่ให้สอดคล้องกับแผนฟื้นฟู ขสมก.และพิจารณารูปแบบของรถเมล์ที่จะมีการจัดหาใหม่ ในเบื้องต้นจะมีการเลือกที่ใช้เชื้อเพลิงหลายรูปแบบ เช่น รถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน, รถเมล์ไฮบริด และแผนการนำรถเมล์เก่ามาปรับปรุงใหม่ จำนวน 672 คัน โดย คาดว่าจะต้องพิจารณางบประมาณให้ชัดเจนอีกครั้ง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนก่อนที่จะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป
ขณะที่ นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ได้เดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณี คณะกรรมการตรวจรับของ ขสมก. ไม่ดำเนินการตรวจรับมอบรถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซ NGV และมีมติชะลอการตรวจรับมอบไว้โดยไม่มีกำหนด
นายคณิสสร์ กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ครั้งนี้เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาและตรวจสอบถึงปัญหาที่ทำให้กระบวนการส่งมอบล่าช้า เนื่องจากปัจจุบันเบสท์รินได้ทำการส่งมอบรถให้ ขสมก.ไปแล้ว 390 คัน โดยมีรถเมล์ NGV ที่ตรวจสภาพและทะเบียนแล้วกว่า 274 คัน แต่ในเวลาต่อมาทางคณะกรรมการรับรถได้มีคำสั่งให้ชะลอการส่งมอบเพื่อรอความชัดเจนจากกรมศุลกากรเรื่องแหล่งผลิตรถ
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ขอขยายระยะเวลาการยกเลิกสัญญาโครงการกับขสมก.ไปเป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 โดยได้มีการส่งหนังสือไปให้ทาง ขสมก.แล้ว ขณะที่ บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า (ผู้นำเข้ารถเมล์ NGV)จะเข้าแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เพราะเชื่อว่ามีกระบวนการที่คอยกลั่นแกล้งเพื่อทำให้ทาง ขสมก. ไม่กล้าที่จะรับมอบรถเมล์ NGV ดังกล่าว
ขณะที่นายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่ากระบวนการตรวจสอบข้อมูลการบอกเลิกสัญญาระหว่าง ขสมก. และบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป นั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน เพื่อเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทั้งบุคคลและเอกสาร และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องเร่งตรวจสอบเพราะเกี่ยวข้องกับของประชาชนเป็นอย่างมาก
เบสท์ริน'ฟ้องกราวรูดบิ๊กกรมศุล
แนวหน้า : นายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลรถเมลเอ็นจีวี องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทได้มีการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับ เจ้าพนักงานกรมศุลกากร ข้อหาปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินการฟ้องร้องต่อ ศาลอาญาจังหวัดพัทยา กับผู้ที่เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทั้งหมด 7 คน ได้แก่ 1.นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร 2.นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดี กรมศุลกากร 3.นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง 4.นายธีระชาติ อินทริง นักวิชาการศุลกากรชำนาญการศุลกากร 5.นายวิฑูรย์ อาจารียวุฒิ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ สังกัดฝ่ายสืบสวนและปราบปราม 6.นายยงยุทธ ทองสุข อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ 7.นายปิติณัช ศรีธรา หัวหน้าฝ่ายควบคุมทางศุลกากร โดยการฟ้องร้องดังกล่าวศาลจะนัดไต่สวนวันที่ 24 เม.ย. 2560 นี้
ก่อนหน้านี้ กรมศุลกากร มีการระบุว่า มีการสำแดงเท็จนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจากมาเลเซีย
นายคณิสสร์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ทาง ขสมก.จะยื่นเอกสารยกเลิกสัญญาหรือไม่นั้นขณะนี้ ทางบริษัทยังไม่ได้รับเอกสารหากได้รับก็จะมีการตรวจสอบว่า ขสมก.ยกเลิกสัญญาด้วยสาเหตุใด
สำหรับ กระบวนการสอบสวนนั้น หากทาง บริษัททำผิดก็เงื่อนไขก็ยินดีที่จะยอมรับความผิด และจะไปดำเนินการฟ้องร้องบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า (ผู้นำเข้า) และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศมาเลเซีย และบริษัทผู้ผลิตในมาเลเซียคือบริษัท R & A COMMERCIAL VEHICLES ได้แต่หากพบว่าไม่ใช่ความผิด ของบริษัทก็จะดำเนินการฟ้องร้องกรมศุลกากร และ ขสมก.
เบสท์รินฯ เดินเกมรุกฟ้องกรมศุลกากร ยันซื้อรถ NGV ถูกต้อง - ยังไม่ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญา
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) 489 คันว่า มีความพยายามจะให้มีการล้มประมูลครั้งนี้ ทั้งที่ บริษัทฯเสนอราคาที่ถูกที่สุดในประวัติศาสตร์ มีกระบวนการถึงขั้นปลอมเอกสารของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ถือว่าไม่ปกติ และยังมีการชี้นำให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ยกเลิกสัญญา ในขณะที่อยู่ในกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริง
สำหรับ กรณีที่บริษัทฯ ตรวจพบการแก้ไขข้อความใน Remark ของเอกสารใบขนสินค้าขาเข้า และได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว กรณีปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา157 ล่าสุดวันที่ 10 ก.พ. ศาลอาญาได้รับฟ้องและนัดไต่สวนในวันที่ 24 เม.ย. 60 และเห็นว่า เอกสารที่มีการแก้ไข โดยเจ้าหน้าที่พิมพ์ข้อความ แต่ไม่ได้ลงนามกำกับ ทำให้เกิดความเข้าใจว่า รถเมล์ NGV มีถิ่นกำเนิดจากจีนตามที่กรมศุลฯกล่าวหาและทำให้ ขสมก.ไม่รับมอบรถทำให้บริษัทเสียหาย จึงฟ้องศาลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
"มีคนบางกลุ่มพยายามกล่าวหาบริษัทฯ เพื่อให้ยกเลิกสัญญา ทั้งที่การประมูลโปร่งใส ขสมก.กำหนดเงื่อนไขรถไว้อย่างไร บริษัทฯนำรถมาส่งถูกต้อง...ต้องช่วยกันสืบ ต้องดูว่าใครได้ประโยชน์ที่มีการล้มประมูลครั้งนี้ เพราะมีกระบวนการลงทุนถึงขั้นปลอมเอกสารของเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ถือว่าไม่ปกติ และมีการชี้นำให้ขสมก.ยกเลิกสัญญา ในขณะที่อยู่ในกระบวนการสืบหาข้อเท็จจริง"
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือบอกยกเลิกสัญญาจากขสมก. ซึ่งขสมก.มีหน้าที่ตรวจรับรถ โดยขณะนี้ได้จดทะเบียนแล้ว 392 คัน โดยส่งมอบให้ขสมก.แล้ว 390 คัน ที่ผ่านมาขสมก.ไม่มีท่าทีปฎิเสธว่ามีข้อสงสัยหรือไม่รับรถ ดังนั้นหากมีการยกเลิกสัญญาต้องดูว่าใช้เหตุผลใดเป็นข้ออ้าง เพราะข้อสงสัยที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ ซึ่งไม่ยุติธรรม
"ถ้ายกเลิกสัญญา เพราะความผิดของบริษัท ก็ยอมรับ แต่ถ้าเป็นผู้ซื้อผิดไม่ทำตามสัญญา บริษัทฯต้องเรียกร้องตามสิทธิ์"
อินโฟเควสท์
ยื่นผู้ตรวจฯสอบปม'ขสมก.''เบสท์ริน'ยันไม่ผิดโร่แจ้งความเอาคืนกรมศุลฯ
ไทยโพสต์ : ลักสี่ * 'เบสท์ริน' ไม่จบ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบปมส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวี แจงภาพถ่ายไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานเอาผิดได้ พร้อมเผย แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฐาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้าน ขสมก.ยันตรวจรับรถไม่ได้เพราะขัดกับสัญญา
นายคณิสสร์ ศรีวัชระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทร์จำนงค์ รองเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่น ดิน โดยขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติ หน้าที่ขององค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ (ขสมก.) ที่ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายและจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คันกับ ขสมก. ซึ่งมี กำหนดส่งมอบรถยนต์ทั้งหมดภายในระยะเวลา 90 วันนับจาก วันลงนามในสัญญา และบริษัทได้ส่งมอบรถยนต์ให้ ขสมก.แล้วจำนวน 274 คัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจรับรถมิได้ตรวจรับ และวันที่ 31 ม.ค.60 ยังสั่งให้ชะลอการตรวจ รับรถยนต์ไว้ก่อนโดยไม่มีกำ หนด ทำให้บริษัทเดือดร้อน ไม่ได้รับการชำระราคารถยนต์โดยสาร ที่ได้ส่งมอบไปเสร็จสิ้น ตามสัญญาแล้ว จึงขอให้ผู้ตรวจฯ แจ้งไปยัง ขสมก. ให้สั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับรถยนต์ที่ส่งมอบไปแล้วโดยเร็ว
ส่วนอีก 99 คัน ได้ส่งหนังสือให้กรมศุลกากร เพื่อให้ เอารถออกมาให้เราส่งมอบรถให้ได้ตามสัญญา แต่ยังไม่สามารถส่งมอบได้ ทางบริษัทเห็นว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้ จึงอยากร้องขอให้ ขสมก.ขยายสัญญาให้กับบริษัท และให้หน่วยงานกลางอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินเข้า มาร่วมตรวจสอบว่าการจะบอกเลิกสัญญาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
นายคณิสสร์กล่าวถึงกรณีที่กรมศุลกากรได้ระบุว่า มีภาพรถยนต์ที่นำมาจากจีนและลงเรือมาที่มาเลเซียเป็นหลักฐานสำคัญนั้น เป็นเพียงพยานแวดล้อม ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานเอาผิดกับเบสท์รินได้ และถือว่ายืนอยู่จุดเดียวแล้วมองไป
อย่างไรก็ตาม ได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 3 คน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้ง 3 คน สามารถแก้ไขเอกสารดังกล่าวได้ น่าจะมีผู้มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง ซึ่งในวันศุกร์ที่ 10 ก.พ.นี้ ทางบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงและเปิด โปงรายละเอียดทั้งหมด
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า การยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีคณะกรรมการตรวจรับของ ขสมก. ไม่ยอมดำ เนินการตรวจรับรถเมล์เอ็นจีวีว่า เป็นเรื่องเอกชนสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว รวมถึงทางเบสท์รินยังสามารถที่จะใช้ช่องทางศาลเพื่อฟ้องรับผิดทางแพ่ง ในฐานะคู่สัญญาได้ แต่ทาง ขสมก. ก็ยืนยันตามร่างทีโออาร์ที่ไม่สามารถที่จะตรวจรับรถได้ เพราะมีบางประเด็นที่ขัดกับร่างที่เคยตกลงกันไว้ และที่ผ่านมา ขสมก. ก็เปิดโอกาสยืดเวลาการส่งมอบให้กับเบสท์ริน มาแล้ว.