- Details
- Category: กทม.
- Published: Tuesday, 09 June 2015 10:47
- Hits: 5001
ชายหมูบินกลับด่วน ฝนถล่ม! กทม.จม-อัมพาต จันทร์วิกฤต รถติดทั้งวัน ถนนท่วมขัง-อ่วม19จุด บินก็ดีเลย์-ร.ร.ต้องปิด อุตุเตือนหนักถึง 12 มิย. แฉขยะ 10 ตันขวางระบาย
ฝนถล่มกรุงรับวันจันทร์ รถติดนรก-หนึบเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ถนนรัชดาฯ-บางนา-จรัญฯนนทบุรี ถนนท่วมขังถึง 19 จุด ทั้งพระราม 4 อโศกมนตรี เพชรเกษม ศรีอยุธยา สุขุมวิท บางแห่งจมกว่าครึ่งเมตร หลังฟ้ารั่วขั้นวิกฤตตั้งแต่กลางดึกถึงเช้า ต้องสั่งปิดโรงเรียนไป 2 แห่ง สุวรรณภูมิบินดีเลย์ 10 เที่ยว ปลัดกทม.รุดตรวจสถานีสูบน้ำ ผงะขยะ 10 ตันลอยขวาง จนเครื่องสูบน้ำบางแห่งเสีย สั่งระดมจนท.เร่งลอกคลอง-ท่อระบายน้ำ พร่องน้ำรับฝนถล่มซ้ำด้วย ส่วนชายหมูบินด่วนกลับจากดูงานที่ฮอลแลนด์ กรมอุตุฯเตือนตกยาวถึง 12 มิ.ย. ภาคตะวันออก-เหนือ-อีสานด้วย ด้านกรมชลฯ นัด 10 หน่วยงานถกแก้แล้ง
วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8959 ข่าวสดรายวัน
พิษฝนถล่ม - สภาพน้ำท่วมขังถนนสุขุมวิท ย่านคลองเตย หลังฝนถล่มกรุงเทพฯตั้งแต่กลางดึกถึงเช้า ส่งผลให้ รถราติดทั่วเมืองกว่าครึ่งวัน โดยกทม.ระบายน้ำได้หมดก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายของวันที่ 8 มิ.ย.
คนกรุงวิกฤต-ฝนถล่มหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. คนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ต่างต้องประสบกับวิกฤตครั้งใหญ่ เมื่อมีฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกเวลาประมาณตีหนึ่งจนถึงช่วงเช้า ซึ่งเป็นวันแรกของการทำงาน ทำให้ถนนหลักหลายสายของกรุงเทพฯ มีน้ำท่วมขังสูง ส่งผลให้การจราจรแทบทุกสายในกรุงเทพฯ ต่างติดขัดเป็นทางยาวตั้งแต่เช้าตรู่ยาวมาถึงช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังกันอย่างจ้าละหวั่น
โดยศูนย์ป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม. รายงานว่าตั้งแต่เวลา 01.45 น. มีฝนอ่อนสลับปานกลางเขตบางขุนเทียน จอมทอง ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ บางบอน บางแค ภาษี เจริญ คลองสาน ธนบุรี บางคอแหลม บางกอก ใหญ่ บางกอกน้อย ตลิ่งชัน บางพลัด ดุสิต พระนคร สัมพันธวงศ์ ปทุมวัน บางรัก สาทร บางนา พระโขนง สะพานสูง จากนั้นในเวลา 03.00 น. มีฝนอ่อนสลับปานกลางปกคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด ยกเว้นเขตบางขุนเทียน บางบอน บางแค จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ภาษีเจริญ ทวีวัฒนา
จากนั้นเวลา 03.30 น. มีฝนอ่อนสลับปานกลางปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด ยกเว้นเขตบางขุนเทียน บางบอน ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ ปริมาณฝนสูงสุดที่จุดวัดเบญจสิริ เขตคลองเตย 68.5 ม.ม. น้ำรอระบาย 1.แยกคลองตัน หน้าการไฟฟ้า ยาว 100 เมตร 2 ช่องจราจร ทั้ง 2 ฝั่ง 2.หน้าสนามกีฬาธูปะ เตมีย์ ยาว 80 เมตร 2 ช่องจราจร 3.ถ.สุขุมวิท หน้า รร.โฟร์วิงส์ ยาว 200 เมตร เต็มผิวจราจร 4.หน้าตึกแกรมมี่ ถนนอโศกมนตรี เขตวัฒนา 2 ฝั่ง สูง 10-15 ซ.ม. 5.แยกพัฒนาการถึงอุโมงค์กลับรถ ถนนพัฒนาการ สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 500 เมตร 2 ฝั่ง
ท่วมขัง 19 จุด-รถติดหนึบ
ต่อมาเวลา 05.15 น. มีฝนอ่อนสลับปานกลางปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด มีน้ำรอระบาย 1.ถนนอโศกมนตรี หน้าตึกชิโน-ไทย เชิงสะพาน สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 400 เมตรเต็มผิวจราจร 2.ถนนสุขุมวิท ช่วงสุขุมวิท 30 จนถึงแยกอโศก สูง 10-15 ซ.ม. เต็มผิวจราจร 3.ซอยสุทธิพร ถนนประชาสงเคราะห์ สูง 10-15 ซ.ม. เต็มผิวจราจร 4.ถนนพระราม 3 ช่วงบริเวณถนนเชื้อเพลิง สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 500 เมตร 2 ช่องจราจร 5.ถนนพระราม 4 ช่วงแยกสุนทรโกษา-กรมศุลกากร สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 700 เมตร 2 ช่องจราจร 6.ถนนพระราม 6 ตรงข้างร.พ.รามา-แยกตึกชัย สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 300 เมตร 2 ช่องจราจร 7.ถนนเจริญนคร ซอยเจริญนคร 34-46 สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 600 เมตร 2 ช่องจราจร 8.ถนนรัชดาภิเษก บริเวณสถานทูตจีน สูง 5-10 ซ.ม. ยาว 600 เมตร เต็มผิวจราจร 9.ถนนเพชรบุรี ซอยเอกมัย เป็นช่วงๆ สูง 5-10 ซ.ม. เต็มผิวจราจร 10.หน้าวังสวน ผักกาด ทั้ง 2 ฝั่ง
กระทั่งเวลา 07.00 น. ฝนเริ่มอ่อนลงโดยทั่วไปในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ต่างระดมกำลังเร่งระบายน้ำในพื้นที่วิกฤตหลายจุด สรุปมีน้ำท่วมขังบนถนนสายหลักทั้งสิ้น 19 จุด
ผงะขยะ 10 ตันขวางทางน้ำ
ถัดมา นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกทม. พร้อมนายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผอ.สำนักการระบายน้ำ ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีสูบน้ำคลองกะจะ รามคำแหงและคลองตัน พบมีขยะชิ้นใหญ่ลอยกีดขวางทางน้ำจำนวนมาก จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเก็บขยะเป็นการด่วน ก่อนเดินทางมาตรวจสอบที่สถานีสูบน้ำคลองเตย
นายสัญญา กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 02.00-06.30 น. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่ 141 ม.ม. บริเวณถนนพระราม 4 ส่งผลให้น้ำท่วมขังบนถนนสายหลัก 19 จุด อาทิ พระราม 4 อโศกมนตรี เพชรเกษม ศรีอยุธยา ประชาสงเคราะห์ สุขุมวิท เป็นต้น เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเร่งระบายน้ำจนแห้งในเวลาประมาณ 09.30 น. เหลือเพียงในซอยย่อยที่ยังมีน้ำท่วมขังต้องใช้เวลาระบาย นอกจากปริมาณฝนที่ตกลงจำนวนมาก จนทำให้ระบายน้ำไม่ทัน ยังมีอุปสรรคสำคัญคือเรื่องขยะ ซึ่งกีดขวางทางน้ำไหลในระบบระบายน้ำต่างๆ จำนวนมาก ทั้งในท่อระบายน้ำ คลอง ลำราง สถานีสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจัดเก็บที่หน้าสถานีสูบน้ำต่างๆ ได้กว่าวันละ 10 ตัน โดยเฉพาะขยะขนาดใหญ่ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ โอ่ง ขอนไม้ ต้นไม้ ที่ไม่สามารถเข้าระบบจัดเก็บอัตโนมัติหน้าสถานีสูบน้ำได้
"ถือเป็นปัญหาที่หนักใจมาก กทม.ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่จัดเก็บตามสถานีสูบน้ำต่างๆ 300-400 คน และขยะบางส่วนยังเข้าไปติดในเครื่องสูบน้ำ สร้างความเสียหายจนต้องหยุดเดินเครื่อง เพื่อซ่อมแซม และยังเป็นการเสียเวลา ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง อย่างที่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำ 4 ตัว แต่มีน้ำเข้าระบบจนสามารถเดินเครื่องได้ 3 ตัวเท่านั้น เนื่องจากมีขยะติดอยู่หน้าสถานีจนน้ำไม่เข้าระบบ จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันไม่ทิ้งขยะลงในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งกรุงเทพฯ มีคนมากถึง 10 ล้านคน แต่มีคนเก็บขยะไม่กี่ร้อยคน ยังไงก็เก็บไม่ทัน นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานเกิดเหตุต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มอีกด้วย" ปลัดกทม.กล่าว
ชายหมูบินด่วนกลับจากนอก
นายสัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตก กทม.เร่งลอกคลองและล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ในภาพรวมมีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 60 และได้พร่องน้ำในคลองเตรียมรับน้ำฝน พร้อมสั่งการให้หน่วยเบสท์และศูนย์ป้องกันน้ำท่วมเตรียมพร้อม 24 ช.ม. แต่ขอเรียนให้ทราบเหมือนทุกครั้งว่าหากเกิดฝนตกมากถึง 100 ม.ม. ระบบต้องใช้เวลาในการระบายน้ำให้แห้งประมาณ 2 ช.ม. ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นช่วงเช้า จึงส่งผลกระทบต่อการจราจร โดยประสิทธิภาพการระบายน้ำในวันนี้ยังไม่พอใจ ดังนั้น กทม.และรัฐบาลจึงร่วมกันศึกษาแนวทางพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประสานจังหวัดปริมณฑลบูรณาการร่วมกัน
"ผู้ว่าฯ กทม.มีความเป็นห่วงถึงสถาน การณ์ฝนตกที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถลงพื้นที่ติดตามได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างไปราชการที่เมืองเดลฟต์และร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระบบระบายน้ำ ซึ่งเมืองเดลฟต์มีพื้นที่ลุ่มต่ำมาก แต่มีระบบระบายน้ำดีเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดย ผู้ว่าฯ ก็ได้โทรศัพท์สอบถามสถานการณ์เป็นระยะ" ปลัดกทม.กล่าว
ด้านนายกังวาฬกล่าวว่า สถานีสูบน้ำคลองเตยทำหน้าที่รับน้ำบริเวณถนนสุขุมวิททั้งหมด รวมถึงอโศกมนตรีด้วย เพื่อระบายออกไปยังสถานีสูบน้ำอุโมงค์ พระโขนงและลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่พบมีขยะติดตะแกรงหน้าสถานีจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองไม่ทิ้งขยะลงน้ำ โดยคาดการณ์ว่าในช่วงนี้พื้นที่กรุงเทพฯ จะมีฝนตก จึงเตรียมรับมือด้วยการพร่องน้ำในคลองให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อรอรับน้ำฝน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ ขันตี รองปลัดกทม. ในฐานะกำกับดูแลสำนักการระบายน้ำ และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปยังเมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อร่วมประชุมนานาชาติ Policing Globlo Cities ระหว่างวันที่ 6-12 มิ.ย. ในหัวข้อการป้องกันอุทกภัยและการรับมือการเปลี่ยน แปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งเข้าร่วมประชุม Delft-FEWS ในหัวข้อการจัดการน้ำและการป้องกันอุทกภัย แต่หลังเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังกรุงเทพฯ หลายจุด ทำให้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยกเลิกกำหนดการดูงานในเนเธอร์แลนด์ที่เหลือ และเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 9 มิ.ย.ทันที
อุตุเตือนกรุง-เหนือ-อีสาน
ด้านนายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สาเหตุฝนตกหนักในกรุงเทพฯ เกิดจากลมตะวันออกในทะเลจีนใต้พัดเข้ามากระทบกับลมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามัน โดยเกิดการปะทะกันบริเวณอ่าวไทย ทำให้กรุงเทพฯ เกิดฝนตกหนัก ปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่วัดได้ในรอบ 24 ช.ม.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 174 ม.ม. โดยในช่วง 1-2 วันนี้ ยังมีฝนตกหนักในกรุงเทพฯ รวมทั้งจังหวัดในภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นจะลดปริมาณเรื่อยๆ หลังจากวันที่ 9 มิ.ย.เป็นต้นไป ส่วนภาคอื่นๆ สภาพภูมิอากาศยังแห้งแล้ง
นายประวิทย์กล่าวต่อว่า สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนจะเบาบางลงในวันที่ 9-10 มิ.ย. แต่วันที่ 11-12 มิ.ย. ฝนจะกลับมาตกหนาแน่นอีกครั้ง โดยในเมืองอาจมีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ส่วนพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัดน่าห่วง เนื่องจากพบมีอุณหภูมิสูงมาก จึงอาจเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง แต่สถานการณ์จะไม่รุนแรงถึงขั้นดินถล่มหรือน้ำท่วมฉับพลัน และปริมาณฝนจะไม่มากเท่ากับฝนที่ตกในกรุงเทพฯ ในช่วงนี้เนื่องจากมีปัจจัยคนละแบบ
รัชดาฯ-บางนา-นนท์ติดยาว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงการดูแลการจราจรช่วงฝนตกหนักในกรุงเทพฯ ว่า หลายจุดมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณถนนอโศกมนตรี ช่วงบริเวณถนนอโศกเชื่อมกับ มศว ประสานมิตร หน้าบริเวณบริษัทชิโนทัย ก่อนถึงแยกอโศก 300 เมตร บริเวณดังกล่าวมีน้ำท่วมขัง 40 ซ.ม. มีรถยนต์จอดเสียกว่า 10 คัน ส่วนอีกจุดบริเวณถนนพระราม 9 แยกอสมท มีน้ำท่วมขัง 40 ซ.ม. เป็นผลทำให้ระบายรถยนต์ช่วงขาออกค่อนข้างยาก รวมถึงถนนรัชดาภิเษกทั้งเส้นได้รับผล กระทบต่อเนื่องจากบริเวณถนนอโศกมนตรี ยาวไปถึงบริเวณ จ.นนทบุรี แยกวงเวียนพระราม 5 ทำให้การจราจรติดขัดต่อเนื่องไปยังถนนจรัญสนิทวงศ์ถึงแยกบางพลัด และบริเวณถนนบางนา-ตราด ติดขัดทั้งเส้นทาง
พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวอีกว่า จุดที่มีต้นไม้หักโค่นนั้น บริเวณถนนจตุรทิศ ก่อนแยกมักกะสัน หรือบึงมักกะสัน มีต้นไม้ล้ม กทม.ได้ตัดกิ่งไม้ โดยช่วงสายการจราจรสามารถเคลื่อนตัวไปได้ ไม่มีวิกฤตหนัก แต่สิ่งที่วิกฤตหนักคือ ปัญหาของการระบายน้ำไม่เพียงพอกับปริมาณที่ฝนตกลงมา จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันดูแลและแก้ไขปัญหา ด้วยการสำรวจจุดบกพร่องหรือจุดล่อแหลมควรดำเนินการไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะจุดอ่อนไหวอย่างบริเวณถนนอโศกมนตรี มี 4 ช่องทางการจราจร ช่วงเช้าเปิดช่องการจราจร 3 ช่องทาง ต่อ 1 ช่องทาง เพื่อระบายรถออกแล้วยังมีการจราจรติดขัดอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมขังไป 2 ช่องจราจร
รายงานข่าวจากบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 03.00-04.30 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เกิดสภาพอากาศพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง พร้อมทั้งประกาศแจ้งเตือนอันตรายจากฟ้าผ่า ซึ่งส่งผลกระทบให้เที่ยวบินเกิดความล่าช้าถึง 10 เที่ยวบิน โดยมีเที่ยวบินวนรอภาคอากาศ 4 เที่ยวบิน เฉลี่ยเที่ยวบินละ 15 นาที เที่ยวบินเปลี่ยนเส้นทางไปลงสนามบินสำรอง 1 เที่ยวบิน ที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ หลังจากบินวนไป 15 นาที และเที่ยวบินล่าช้าภาคพื้นรอในหลุมจอด และจอดรอบนทางขับ 5 เที่ยวบิน เฉลี่ยเที่ยวบินละ 90 นาที
โรงเรียนสั่งปิด 2 แห่ง
วันเดียวกัน นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานมีโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในพื้นที่กรุงเทพฯ แจ้งหยุดการเรียนการสอนเพราะน้ำท่วมขัง แต่โรงเรียนสามารถประเมินสถานการณ์และประกาศหยุดการเรียนการสอนได้เอง เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนมีอำนาจในการพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเดินทาง รวมทั้งความปลอดภัยของเด็กหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุพายุฝนถล่มกรุงเมื่อช่วงกลางดึก ส่งผลให้โรงเรียนสังกัดสช. คือ ร.ร.พระหฤทัยคอนแวนต์ ได้รับผล กระทบจากน้ำท่วมขังทั้งถนนรอบนอกและภายในโรงเรียน ขณะที่สภาพการจราจรติดขัดไม่สะดวกต่อการสัญจร เพราะมีรถจอดเสียตามแยกต่างๆ หลายคัน และมีต้นไม้ล้มกีดขวางการจราจรหลายจุด จึงประกาศหยุดเรียน นอกจากนี้ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) ยังประกาศปิดการเรียนการสอน 1 วันเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่โดยรอบโรงเรียนมีน้ำท่วมขัง การจราจรติดขัด ส่วนนักเรียนที่มาถึงโรงเรียนแล้ว ทางโรงเรียนจะดูแลและอนุญาตให้กลับบ้านในเวลา 13.00 น. แต่สำหรับโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรม การการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไม่มีราย งานโรงเรียนแจ้งปิดการเรียนการสอนแต่อย่างใด
กระหน่ำขอนแก่น-ราชบุรี
ส่วนสถานการณ์พายุฝนถล่มในต่างจังหวัด ที่จ.ราชบุรี นายธรรมนูญ แก้วคำ นายอำเภอจอมบึง เข้าตรวจสอบริมถนนมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หลังมีพายุถล่มและเสาไฟฟ้าโค่นล้มนับสิบต้น พบรถกระบะหลายคันถูกเสาไฟฟ้าล้มทับเสียหาย อีกทั้งไฟฟ้าดับทั่วอ.จอมบึง เจ้าหน้าที่ต่างต้องเร่งแก้ไข โดยนายธรรมนูญกล่าวว่า สั่งการให้ทุกพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือ
ที่จ.ขอนแก่น นายประสิทธิ์ ฤทธิยา นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังสวรรค์ อ.บ้านแฮด พร้อมเจ้าหน้าที่ออกสำรวจหมู่บ้านวังสวรรค์และหมู่บ้านโนนสวรรค์ หลังมีฝนตกหนัก พบบ้านเรือนเสียหายรวม 200 หลัง โดยเสียหายทั้งหมดรวม 6 หลัง นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าล้มอีก 10 ต้นด้วย
กรมชลฯถกแก้แล้งหนัก
สำหรับ สถานการณ์ภัยแล้ง นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า วันที่ 9 มิ.ย. กรมชลประทานจะหารือร่วมกับ 10 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เพื่อหารือร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำ ก่อนรวบรวมข้อมูลเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมรายงานความคืบหน้าต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมครม. เพราะช่วงนี้ถือเป็นวิกฤตแล้ง
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หากให้ประเมินสถานการณ์น้ำในเขื่อนที่เหลือ โดยไม่นำน้ำฝนมาร่วมประเมินสถานการณ์ แนวโน้มอาจจะชะลอการส่งน้ำ โดยให้เกษตรกรงดเพาะปลูกไปก่อน เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนลดน้อยลง หลังระบายน้ำให้เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาใช้ไปประมาณเดือนเศษ วันละประมาณ 62 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที เหลือน้ำประมาณ 1,500 ล้านลบ.ม. จึงต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมอุตุนิยมวิทยาว่า จากนี้อีก 10-20 วันจะมีฝนตกหรือไม่ หรือฝนตกมีการกระจายตัวของฝนเป็นอย่างไร หากฝนตกจะมีน้ำลงเขื่อน เพื่อเป็นน้ำต้นทุนมากน้อยเพียงใด
ที่จ.อุตรดิตถ์ นายชัช กิตตินภดล ผวจ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานจุดบั้งไฟ เพื่อขอฝน เนื่องจากระยะนี้ไม่มีฝนตกในพื้นที่เลย ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์มีเหลือเพียง 40 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อน ส่วนพื้นที่สวนและไร่นาก็ไม่มีฝนตกลงมาเลยเช่นกัน ทำให้แล้งหนักและเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน จึงจัดพิธีจุดบั้งไฟขอฝนตามความเชื่อของชาวบ้าน