- Details
- Category: อบจ.
- Published: Wednesday, 05 August 2015 13:53
- Hits: 11027
จำคุก'ชนม์สวัสดิ์' ปี 6 เดือน ฎีกายืน-ไม่รออาญา คดีโกงเลือกตั้งปี 42 รองนายกอบจ.โดน 3 ปี ส่งเรือนจำปากน้ำทันที เจ้าตัวถึงเครียดหนัก!
ศาลฎีกาจำคุก 'เอ๋-ชนม์สวัสดิ์' อดีตนายก อบจ.สมุทรปราการ เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ฐานทุจริตเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการเมื่อปี 2542 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ นอกจากนี้พิพากษาจำคุกอดีตรองนายก อบจ.เป็นเวลา 3 ปี พร้อมออกหมายจับหลังไม่มาฟังคำพิพากษา โดย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มารับไปคุมตัวไว้ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการทันที พบชนม์สวัสดิ์มีอาการเครียด-ต้องส่งเจ้าหน้าที่คุมเข้ม ยันปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังคนอื่น ส.จ.-คนสนิทรุดรอหน้าเรือนจำ ส่วนมหาดไทยตั้งรองปลัด อบจ.คน ที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.
วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9016 ข่าวสดรายวัน
คุกทันที - นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ขณะเดินทางถึงศาลจังหวัดสมุทรปราการ ฟังคำพิพากษาคดีทุจริตเลือกตั้งสภาเทศบาล ก่อนศาลฎีกามีคำสั่งจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เมื่อ 4 ส.ค.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 ส.ค. ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ผู้พิพากษานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เลขคดีดำ อ10182/2545 เลขคดีแดง อ3579/2549 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกอบจ.สมุทรปราการ เป็นจำเลยที่ 1 และนายปิติชาติ ไตรสุรัตน์ อดีต รองนายกอบจ.สมุทรปราการ เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีร่วมกันปฏิบัติ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นเหตุให้การจัดลือกตั้งไม่เป็นไปโดยเรียบร้อย บริสุทธิ์และยุติธรรม ตามกระบวนการ เลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย และ ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ
ต่อมาเวลา 13.15 น. นายชนม์สวัสดิ์ เดินทางด้วยรถตู้โตโยต้า สีดำ ทะเบียน กจ 1 สมุทรปราการ พร้อมทนายส่วนตัว เพื่อมาฟังคำพิพากษาในคดีนี้ โดยมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวกันอย่างแน่นขนัด ก่อนนายชนม์สวัสดิ์จะเดินลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ ก่อนเดินขึ้นไปบนห้องพิจารณาคดี
โดยศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วมีคำพิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ภาค 1 ว่าจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 มาศาล แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ยังจับตัวไม่ได้ และพ้นระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับแล้ว เนื่องจากไม่มาศาลตามนัดหลายครั้ง จึงได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยพิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ภาค 1 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน โดยไม่รอลงอาญา ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี
สำหรับ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ถึง 2 พ.ค.2542 จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน โดยจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรปราการ มีอำนาจหน้าที่ทำการแทนเทศบาลนครสมุทรปราการและจัดการเลือกตั้ง ส่วนจำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานเทศบาลและรับผิดชอบในงานประจำทั่วไปของเทศบาลนครสมุทรปราการ จำเลยทั้งสองจึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายร่วมกันปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้สมัครรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการ เป็นเหตุให้การจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยเรียบร้อยบริสุทธิ์และยุติธรรมตามกระบวนการเลือกตั้งในระบอบประชา ธิปไตย เหตุเกิดที่เทศบาลนครปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ และทุกท้องที่ในเขตเทศบาลนครสมุทรปราการเกี่ยวพันกัน
จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161, 264, 265, 268, 83, 90, 91 ตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 4, 17, 29, 50, 60 และขอให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปี และริบของกลางทั้งหมด จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 2 มีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161, 265, 268 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้อง มีเจตนาเพียงอย่างเดียวคือ ไม่จัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย จึงถือเป็นการกระทำเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้บทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
สำหรับ จำเลยที่ 1 ให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติที่หน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำคุก 4 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาเอกสารกระทำการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น จำคุก 6 ปี พร้อมให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้งสองคนละ 4 ปี ริบของกลาง แต่โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 60 อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 60 กับมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 86 อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 4 ปี
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 4 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะความผิดเป็นเจ้าพนักงานที่ดูแลรักษาเอกสารกระทำตามปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาชั้นต้น
ต่อมาโจทก์จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา ก่อนศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน โดยไม่รอลงอาญา ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลจังหวัดสมุทรปราการอ่านคำพิพากษาให้จำคุกนายชนม์สวัสดิ์ เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้ขับรถตู้เดินทางมารับตัวนายชนม์สวัสดิ์ และเดินทางออกจากศาล เพื่อคุมตัวไปเรือนจำกลางสมุทรปราการอย่างรวดเร็ว โดยมีสมาชิกอบจ.สมุทรปราการและคนสนิทเดินทางมารออยู่หน้าเรือนจำ แต่ไม่ได้เข้าเยี่ยมหรือเข้าพบแต่อย่างใด
นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากนายไพศาล สุวรรณรักษา ผบ.เรือนจำกลางสมุทรปราการว่า ได้รับตัวนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าคุมขังในเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ทำประวัติ ตรวจร่างกาย นายชนม์สวัสดิ์ ตาม ขั้นตอนและระเบียบของเรือนจำปกติ และได้ควบคุมตัวในแดนแรกรับ ก่อนรอการจำแนกไปยังแดนที่เหมาะสมในสัปดาห์ถัดไป
นายวิทยา กล่าวอีกว่า นายชนม์สวัสดิ์เป็นผู้ต้องขังตามหมายศาล แต่ยังไม่ได้รับการจัดลำดับชั้นนักโทษ จึงต้องรออย่างน้อย 6 เดือน เพื่อจัดชั้นนักโทษและจะได้รับสิทธิการลดวันต้องโทษ พักโทษ ตามขั้นตอน ส่วนการยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษนั้น เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ตามระเบียบ หากพร้อมหรือมีความประสงค์จะยื่นเรื่องเมื่อไหร่ก็ให้ดำเนินการได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะพิจารณาตามลำดับขั้นตอนปกติ ในส่วนของการเยี่ยมญาติ ช่วงแรกเข้าใจว่าจะมีญาติหรือพี่น้องประชาชนมาเยี่ยมเป็นจำนวนมาก จึงให้ทางเรือนจำจัดระบบให้เรียบร้อย
รายงานข่าวแจ้งว่า เรือนจำจัดให้นายชนม์สวัสดิ์พักอยู่กับตำรวจอยุธยารายหนึ่งที่ถูกดำเนินคดียักยอกของกลาง ซึ่งไม่สามารถฝากขังที่เรือนจำกลางอยุธยาได้ เนื่องจากมีคู่กรณีที่เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำจำนวนมาก จึงนำตัวมาฝากขังที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ ทั้งนี้ นายชนม์สวัสดิ์ค่อนข้างเครียด ดังนั้นกรมราชทัณฑ์จึงให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจ กฎระเบียบและการใช้ชีวิตในเรือนจำ
ด้านนายไพศาล สุวรรณรักษา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรปราการ กล่าวว่า เรือนจำไม่ได้เลือกปฏิบัติกับนายชนม์สวัสดิ์ โดยจะปฏิบัติเหมือนกับผู้ต้องขังคนอื่นทุกอย่าง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่านายชนม์สวัสดิ์จะเครียด
วันเดียวกัน นายสมดี คชายั่งยืน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวถึงกรณีนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกอบจ.สมุทรปราการ ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานร่วมทุจริตเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลสมุทรปราการเมื่อปี 2542 โดยไม่รอลงอาญาว่า จากเดิมที่นายชนม์สวัสดิ์ถูกคำสั่งที่ 19/2557 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2558 ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกอบจ. ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้น รองนายกอบจ.ได้ปฏิบัติหน้าที่แทน แต่วันนี้เมื่อศาลมีคำพิพากษา ทำให้สถานภาพคือพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลให้คณะทำงานของนายชนม์สวัสดิ์ ตั้งแต่รองนายกฯ คณะที่ปรึกษา เลขานุการ ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วยทั้งหมด ทั้งนี้ ตามประกาศคสช. ฉบับที่ 85 ไม่ให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นในกรณีที่ตำแหน่งผู้บริหาร ว่างลง ต้องให้ปลัดอบจ.เป็นผู้รักษาการแทน แต่เนื่องด้วยกรณีนี้ปลัดอบจ.ก็โดนด้วยเหมือนกัน ดังนั้นนายธนวัฒน์ ก่ำพรหมราช รองปลัดอบจ.คนที่ 1 จะทำหน้าที่รักษาการแทนปลัดอบจ. และปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.