- Details
- Category: อบจ.
- Published: Sunday, 21 August 2022 11:36
- Hits: 1522
กระทรวงมหาดไทย ร่วมเปิดเวทีเสวนา ผู้นำ...กับการปราบโกง ชูบทบาทผู้ว่าฯ แม่ทัพปราบโกง ระดับจังหวัด
. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมเสวนาออนไลน์ ในหัวข้อ ‘ผู้นำ...กับการปราบโกง!!’โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ร่วมแสดงทัศนะผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากทั่วประเทศ โดยมี นางสาวศรัถยา อิศรภักดี เป็นผู้ดำเนินรายการ ออกอากาศสดผ่านทางเพจ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และสถานีโทรทัศน์กรมการปกครอง DOPA CHANNEL
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญของการบริหารราชการแผ่นดิน และส่งผลกระทบไปยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยรัฐบาลได้มีการวางกรอบเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการไว้ 3 กรอบที่สำคัญ ได้แก่ 1) ยุทธศาสตร์ชาติ เป็นกรอบดำเนินการที่กำหนดไว้เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการบริหารจัดการของภาครัฐมากขึ้น ส่งเสริมให้ข้าราชการมีคุณธรรม จริยธรรม มุ่งเน้นเรื่องของการป้องกันการทุจริต และมีระเบียบ กฎหมาย ที่ใช้สำหรับลงโทษผู้กระทำผิด
2) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรอบที่มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนให้มีการรับรู้ที่มากขึ้น รวมถึงกำหนดแนวทางในกระบวนการยุติธรรมและการลงโทษที่ชัดเจน และ 3) แผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นกรอบที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบทั้งการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานภาครัฐ
โดยทั้ง 3 กรอบที่กล่าวมานั้น ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระบวนการป้องกันและปราบปราม โดยมุ่งหวังที่จะทำให้ข้าราชการในฐานะผู้ปฏิบัติงานของรัฐเป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ ยึดหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน โดยกระทรวงมหาดไทยมีเครื่องมือที่สำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน คือ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตกระทรวงมหาดไทย (ศปท.มท.) ทั้งในระดับกระทรวง ระดับกรม กรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศ
โดยมีโครงสร้างการทำงานแบ่งเป็น 2 ด้าน คือ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และด้านการส่งเสริมและคุ้มครองจริยธรรม มีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอยู่ทั่วประเทศ ทำหน้าที่ส่งเสริมให้ข้าราชการผู้ปฏิบัติงานเป็นข้าราชการที่ดี ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของข้าราชการ
โดยทุกระดับจะต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้น หากเรามีข้าราชการที่ดี การทุจริตคอร์รัปชันก็จะไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาภาพรวมของการทุจริตของกระทรวงมหาดไทยมีแนวโน้มลดลงทุกปี และมีการลงโทษผู้กระทำผิดตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทยได้มีการลงโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันไปแล้วกว่า 1,200 ราย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในการที่จะได้เข้ามารับราชการนั้น ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ คือ 1. ต้องสอบแข่งขันเข้ามาตามระบบคุณธรรม และเมื่อเข้ามารับราชการแล้วความมีระเบียบวินัยที่ทางราชการกำหนดไว้ก็มีความเคร่งครัดมาก มีความละเอียดอ่อนไหวมากกว่ากฎหมายอาญา 2. ระบบราชการจะต้องฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจถึงระเบียบวินัยและหน้าที่ตามระเบียบกฎหมาย 3. มีการประเมินจากผู้บังคับบัญชา ต้องมีการกำกับดูแลข้าราชการ ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน กระทรวงมหาดไทย มีการส่งเสริมเรื่องคุณธรรมจริยธรรมอยู่ตลอดเวลา
ทั้งในเรื่องของการเพิ่มแรงจูงใจ เช่น มีการคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นต้นแบบในการเป็นข้าราชการที่ดี เป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ และในขณะเดียวกันยังมีบทลงโทษของคนที่ทำผิด โดยสังเกตจากองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการติดตามประเมินผลการทำงานของราชการ รัฐวิสาหกิจ ให้คะแนนกระทรวงมหาดไทยในเรื่องความโปร่งใสในการทำงานเพิ่มสูงขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งตรงกับแนวโน้มที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่า จำนวนเรื่องร้องเรียนมีแนวโน้มลดลงทุกปี
จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ให้ฝ่ายข้าราชการมีส่วนร่วมกับประชาชน อย่างเช่น เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาคประชาชนยังเข้ามามีส่วนร่วมทุกจังหวัด ซึ่งในการรับราชการนั้นไม่ใช่อยู่จนครบอายุ 60 ปีเท่านั้น มันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตครอบครัว เพราะฉะนั้นต้องระแวดระวังที่จะไม่ประพฤติผิด เพราะถ้าทำผิดพลาดจะมีบทลงโทษตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ ในการเป็นข้าราชการของกระทรวงมหาดไทย เราต้องช่วยกันสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจโดยการปลูกฝังให้ข้าราชการทุกคนมีอุดมการณ์ในการที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนรำลึกนึกอยู่เสมอว่าเราคือข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรามีหน้าที่ต้องไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน
นายสุทธิพงษ์ ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยได้ใช้ระบบรัฐบาล 4.0 ติดตามประเมินผล แบบAI โดยเฉพาะศูนย์ดำรงธรรม automatic ที่ให้พี่น้องประชาชนสามารถร้องเรียนร้องทุกข์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งระบบ AI จะคอยประเมินว่าจังหวัดไหนมีเรื่องร้องเรียนมากน้อยเพียงใด เพราะฉะนั้นองค์ประกอบของข้าราชการมหาดไทยในยุคปัจจุบันเป็นข้าราชการที่มีจิตสำนึก มีจิตใจที่มุ่งมั่นในการที่จะงานด้วยความสุจริต มีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน และตอนนี้กระทรวงมหาดไทยได้สร้างทีมของนายอำเภอ ประกอบด้วยภาคีเครือข่ายภาคประชาชนอำเภอละ 100 คน ซึ่งคัดเลือกมาจากทุกๆตำบล เป็นทีมที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอจะร่วมกันคิด ร่วมกันทำ แล้วร่วมกันรับผิดชอบกับพี่น้องประชาชน
นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ในการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดของท้องถิ่นนั้น ไม่ได้ใช้ตามอำเภอใจ กระทรวงมหาดไทยได้ออกแบบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ และเงื่อนไขการใช้จ่ายหรือการให้บริการสาธารณะต้องอยู่ภายใต้แผนพัฒนาตำบลที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภา คือประชาคมหมู่บ้านซึ่งพี่น้องประชาชนได้เสนอมา และท้องถิ่นจะใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการปราบโกงที่ประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนในฐานะพ่อเมืองผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการออกแบบพื้นที่ ถือเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรในการที่จะทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในทันทีทันใด การทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องทำงานภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดและรอบด้าน จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและองค์กรเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่เป็นผู้นำนโยบายของรัฐบาลกระทรวง ทบวง กรม ไปสู่การปฏิบัติให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของพื้นที่
เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำงานให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายและหลักวิชาการ น้อมนำพระบรมราโชวาท ศาสตร์พระราชาและหลักการทรงงานของ รัชกาลที่ 9 และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสานรักษาต่อยอดมาเป็นกรอบในการดำเนินงาน อาศัยการทำงานเป็นทีม และผนึกกำลังทั้งภาคราชการและภาคเอกชนให้เป็นเป้าหมายกำลังเดียวกันจึงจะประสบความสำเร็จ และสิ่งที่จะดำเนินการต่อจากนี้ คือ ภาครัฐมีส่วนที่สำคัญในการวางแผนการทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชน เราต้องทำงานกันเป็นทีม เรานำผลจากการถอดบทเรียนจากสถานการณ์เรื่องโควิด-19 ที่ผ่านมา มาปรับใช้ ว่าเราจะทำอย่างไร เราจะสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อย่างไร ที่สำคัญ คือ ต้องอาศัยภาคีเครือข่ายมาร่วมสร้างพลังพัฒนาเศรษฐกิจ เน้นย้ำว่า “ทีม” สำคัญที่สุด
นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทรามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าเป็นเมืองน่าอยู่น่าเที่ยวน่าลงทุนพัฒนา เป็น Smart City และ EEC สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จและเป็นรูปธรรม ก็คือ เรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน ทางจังหวัดได้ประชุมกรมการจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดมีมติที่ชัดเจนว่าจังหวัดฉะเชิงเทราต้องเป็นจังหวัดสะอาด 3 มิติ คือ บ้านเมืองสะอาด คนสะอาด และ การบริหารราชการสะอาด หน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด คือ ทำให้การทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีคุณธรรม
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ก็คือ ต้องคุ้มค่า และสิ่งที่อยากดำเนินการต่อไป เรื่องแรก คือ เรื่อง ITA และ การสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน แต่สิ่งที่อยากทำมากที่สุด คือ ภาคประชาชนเดินหน้า เรื่อง ชมรม STRONG จิตพอเพียงต้านทุจริตฯ Watch & Voice เฝ้าระวัง จับตามอง สร้างกระแส สร้างศูนย์การเรียรรู้ สร้างเครือข่าย และผลิตสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาร่วมเฝ้าระวัง และร่วมมือกันทำอย่างต่อเนื่อง
นายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้กล่าวว่า ที่เราได้เลือก 2 จังหวัดเป็นผู้แทนในการมาแลกเปลี่ยนในวันนี้ เพราะว่าอยากจะนำร่องในบางจังหวัดก่อน และทางกระทรวงมหาดไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้โอกาส และทางเราจะดำเนินการขยายผล และจะชี้แจงกลไกการดำเนินงานและวันดีเดย์ให้ทุกๆ จังหวัดทราบ เพื่อที่จะได้ร่วมมือกันในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน ยอมรับว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นยังเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยโดยรวม
ในช่วงที่ผ่านมาเราได้รับฟังถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้เรารู้ว่าเรายังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ เชื่อว่าพลังจากนี้ คือ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ เรามีโอกาสได้จับมือกับสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นหน่วยพัฒนาด้านวิชาการเชื่อมโยงกับรัฐสภา เราได้มีโอกาสร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เชื่อมโยงลงไปในระดับชุมชนกับประชาชน มุ่งหวังในการที่จะยกระดับธรรมาภิบาลของสังคมโดยรวม และในวันนี้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ได้มาร่วมมือในการที่จะเชื่อมโยงกับกระทรวงมหาดไทยและเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นความมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชน
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวสรุปว่า หากเราได้คนดีเราจะไม่มีการโกง ตั้งแต่ระดับผู้บริหารไปจนถึงผู้ปฏิบัติงาน โดยกรอบที่กระทรวงมหาดไทยยึดถือปฏิบัติ ส่วนแรก คือ ต้องทำให้ข้าราชการเป็นคนดี ในทุกหน่วยงาน ทุกระดับ และอบรม พัฒนาให้ข้าราชการมีคุณธรรม จริยธรรม ยึดหลักธรรมาภิบาลและปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือทั้งเก่งและดี และส่วนที่สอง การมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนและการให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน หากทั้ง 2 ส่วนเป็นไปโดยสมบูรณ์แล้วนั้น การทุจริตและคอร์รัปชันก็จะลดลงหรือหมดไป และกลไกสำคัญส่วนสุดท้ายคือ ผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ต้องแต่งตั้งคนดีให้มีอำนาจหน้าที่เพื่อทำงานตามความมุ่งหวังของพี่น้องประชาชน ยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นที่จะทำตามแนวทางดังกล่าว เพื่อดูแลมิให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้น เกิดประโยชน์แก่พี่น้องประชาชน โปร่งใส มีส่วนร่วม ตรวจสอบได้