- Details
- Category: อบจ.
- Published: Monday, 13 October 2014 09:18
- Hits: 9355
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8720 ข่าวสดรายวัน
กระบี่ฮือต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
 ต้านโรงไฟฟ้า - กลุ่มคัดค้านโครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินหลายร้อยคน ชุมนุมต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ภายในงานรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้าน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. |
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ศาลาประชาคม อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ นายสมควร ขันเงิน ปลัดจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ครั้งที่ 3 โครงการขยายกำลังโรงไฟฟ้ากระบี่ โดยมีนายเผ่าพงษ์ เต็มสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการชุมชนสัมพันธ์และสิ่งแวดล้อมโครงการ และผู้เกี่ยวข้องและประชาชนกว่า 1,500 คนเข้าร่วม โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินกว่า 300 คน แสดงสัญลักษณ์ธงสีเขียว ไม่เอาถ่านหิน อ่านแถลงการณ์และสลายตัวอย่างสงบ
นายเผ่าพงษ์ กล่าวว่า การจัดประชุมเพื่อทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการให้ครบถ้วนและสมบูรณ์มากที่สุด โดยเปิดโอกาสให้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 7 กลุ่มได้ร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การรับฟังความคิดเห็นและการทบทวนร่างรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพครบถ้วนมากที่สุด
นายสมนึก กลดเสือ แกนนำผู้ชุมนุมออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แสดงท่าทีในการสนับสนุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากถ่านหิน ซึ่งจะทำหนังสือคัดค้านถึงนายกรัฐมนตรีในการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ด้วย โดยแถลงการณ์ระบุว่า การประกาศนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลทำให้มีข้อสงสัยว่าการคืนความสุขในด้านพลังงานทำเพื่อประชาชนหรือกลุ่มทุน การพูดถึงถ่านหินว่าสะอาด และปลอดภัยนั้น ก่อให้เกิดข้อกังขาขึ้น เนื่องจากไม่มีข้อสรุปทางวิชาการมารองรับได้ อีกทั้งยังพบการใช้อำนาจเพื่อปกป้องกลุ่มทุนพลังงาน ด้วยการใช้กองกำลังทหารมา ปกป้องกลุ่มทุนเพื่อให้การทำ ค.3 โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ซึ่งใช้เป็นสะพานท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหิน เพื่อให้ผ่านการทำประชาพิจารณ์โดยไม่สนใจว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ พวกเราจึงมาจุดเทียน เพื่อบอกต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่อาจพึ่งพาผู้ใช้อำนาจรัฐที่เลือกข้างอยู่กับกลุ่มทุนพลังงานเพื่อเอาเปรียบประชาชนในทุกวิถีทางโดยใช้กฎอัยการศึกเป็นเกราะกำบัง
