- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Saturday, 23 December 2017 18:16
- Hits: 8658
'บิ๊กอู๋'ย้ำ ขรก.แรงงานต้องเข้มแข้ง เร่งบูรณาการสร้างศักยภาพคน ขับเคลื่อนประเทศ
รมว.แรงงาน มอบนโยบาย กสร. ย้ำ ทุกหน่วยงานในสังกัดบูรณาการทำงานให้เกิดเอกภาพ กำหนดแผนงาน มีเป้าหมาย ประสานทุกภาคส่วนขับเคลื่อนนโยบายทุกระดับสร้างศักยภาพคน ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานประจำปีงบประมาณ 2561 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยกล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 -2579) ซึ่งกำหนดวิสัยทัศน์ว่า ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้พัฒนากรอบแนวทางการพัฒนาไว้ 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1) ด้านความมั่นคง 2) การสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3) การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนเน้นการสร้างคนให้มีประสิทธิภาพ คิดวิเคราะห์ สร้างข้าราชการให้เก่งให้ดีในทุกระดับ 4) การสร้างโอกาสความเสมอภาคเท่าเทียมกันทางสังคม 5) การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวต่อว่า หลักการสำคัญในการบริหารกระทรวงจะต้องมีแผนปฏิบัติการมีหน่วยงานเจ้าภาพ มีเป้าหมาย บูรณาการการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน หน่วยงานของกระทรวงทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ต้องคุยกันในการบูรณาการทำงานให้เกิดเอกภาพเพื่อให้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการในการบังคับบัญชาได้ ทำงานด้วยแนวทางประชารัฐ ยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ชัดเจน เกิดความคุ้มค่า ขณะเดียวกันจะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการดึงทุกภาคส่วนทั้งภาคประชาชนและประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วม พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ยังได้เน้นย้ำถึงนโยบายเร่งด่วนโดยเฉพาะการเร่งรัดการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ได้รับการผ่อนผันให้มีเอกสารยืนยันตัวบุคคลให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด โดยจะต้องมีเจ้าภาพรับผิดชอบเพื่อจัดระบบคิวให้การพิสูจน์สัญชาติแรงงานเกิดความคล่องตัวขึ้น นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำว่า นโยบายจะดีไม่ดีอยู่ที่คนทำและขึ้นอยู่กับผู้นำหน่วยที่จะกำหนดเป้าหมายและสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้มีประสิทธิภาพ ส่วนศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงแรงงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารและเฝ้าระวังจากทุกระบบเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายในทุกระดับมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างโครงการสัมมนาสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ปี 2561 และโครงการสร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมตามหลักธรรมาภิบาลและประมวลจริยธรรม มุ่งสู่สังคมไม่ทนต่อการทุจริต โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาผู้บริหารกรมทุกระดับทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ประกอบด้วย อธิบดี รองอธิบดี ผู้ตรวจราชการกรม ผู้อำนวยการสำนัก/กอง/กลุ่ม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 170 คน
รมว. แรงงาน มอบนโยบาย กสร. เน้นสร้างคนให้มีศักยภาพ
รมว. แรงงาน มอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการกสร. เน้นย้ำต้องทำงานแบบมีเอกภาพ บูรณาการ ในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งจากภายในองค์กร มุ่งสร้างคนให้มีศักยภาพเป็นคนเก่งและดี
พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ในวันที่ 22 ธันวาคม 2560 ณ โรงแรมรามาการ์เด้น ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยมีวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่นยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งจากการบริหารประเทศเป็นเวลา 4 ปี สามารถวางรากฐานและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ส่งผลให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากข้อมูลจากธนาคารโลกที่ระบุว่าประเทศไทยหลุดพ้นจากความยากจน ประชาชนมีรายได้อยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างสูงจากยุทธศาสตร์ดังกล่าวถ่ายทอดมาสู่การนโยบายของกระทรวงแรงงาน ซึ่งจะมุ่งเน้นการทำงานที่ต้องมีเอกภาพ โดยให้เน้นการทำงานในแนวขวางคือการบูรณาการจะทำให้เกิดประสิทธิภาพ แก้ปัญหาเร่งด่วนได้ และต้องทำงานแบบประชารัฐ เน้นการสร้างคนจากภายในองค์กร ซึ่งจะเริ่มต้นที่ผู้นำองค์กร หากผู้นำดีและมีการพัฒนาบุคลากรให้ทำงานเป็น คิดวิเคราะห์เป็น เป็นคนเก่งและดี มีธรรมาภิบาล และมีอุดมการณ์ของข้าราชการที่ดีงานจึงจะสำเร็จ
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กสร. จัดงานสัมมนาผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการกรมสวัสดิการทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 170 คน เพื่อให้หัวหน้าส่วนราชการทุกระดับของกรมได้รับทราบนโยบายและทิศทางการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อที่จะดำเนินงานให้สอดคล้องและนำนโยบายไปเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้เป็นทิศทางเดียวกันและบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย รวมไปถึงการสร้างทัศนคติ ค่านิยมเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นองค์กรราชการใสสะอาด มีภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นที่น่าเชื่อถือของประชาชน