- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Tuesday, 29 July 2014 15:27
- Hits: 5120
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8644 ข่าวสดรายวัน
อพยพ 1,500 คนไทย-หนีสู้รบในลิเบีย หน.คสช.สั่งด่วน บัวแก้วชี้รุนแรง
ถึงไทย - ญาติพี่น้องรับศพนายนรากร กิตติยังกุล แรงงานไทยที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซ่า ซึ่งถูกส่งถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.ปัว จ.น่าน เมื่อวันที่ 28 ก.ค. |
"บิ๊กตู่" สั่งอพยพ 1,500 คนไทยในลิเบีย กลับประเทศ "บัวแก้ว" ประชุมเกาะติดสถาน การณ์สู้รบเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงตริโปลี ประเมินสถานการณ์ล่าสุดพบอาจยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น เปิดแผนอพยพ เบื้องต้นจะ นำไปพักที่ศูนย์ชั่วคราวที่ตูนิเซียก่อน ส่วนจะต้องปิดสถานทูตหรือไม่ ต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอล ศพส่งกลับถึงสุวรรณภูมิ ญาติรับไปประกอบพิธีที่ จ.น่าน แล้ว
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผย หลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ในประเทศลิเบียว่า หลังสถาน การณ์ตึงเครียด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งให้เร่งช่วยเหลือคนไทยซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,500 คน ออกจากลิเบีย เพื่อความปลอดภัย โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีลุ่มแม่น้ำโขง-เกาหลี ที่สาธารณรัฐเกาหลี ได้สั่งการให้ประชุมเพื่อหาข้อยุติโดยเร่งด่วน
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวต่อว่า นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย ประเมินสถานการณ์ล่าสุดแล้วว่า สถานการณ์การมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และอาจยืดยื้อยาวนาน จากปัญหาการสู้รบภายใน พื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอันดับแรก คือบริเวณกรุงตริโปลี ซึ่งมีนักศึกษาไทย 11 คน และคนไทยที่อยู่โดยรอบสนามบินที่ถูกปิดไปแล้วอีก 30 คน ซึ่งจะมีการอพยพออกมาเป็นชุดแรกภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนชุดที่สอง คือกลุ่มคนไทย ที่อยู่เมืองเบงกาซี 70 คน จากนั้นจะทยอยอพยพคนไทยที่เหลือรวม 1,500 คนออกมาทั้งหมด
นายณัฏฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แผนการอพยพของสถานทูตครั้งนี้ จะนำคนไทยทั้งหมดไปพักอยู่ที่กรุงตูนิสและเมืองเจอร์บ้า ประเทศตูนิเซีย ห่างจากชายแดนลิเบีย 150 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงจะอพยพกลับประเทศไทยทั้งหมด โดยมีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ 4 คน กรมการจัดหางาน 2 คน และคณะแพทย์ทหารจากกองทัพ 2 คน รวม 8 คน คอยประสานงานให้ความช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย ที่ลี้ภัยจากการสู้รบมายังศูนย์ชั่วคราวที่ตูนิเซีย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปิดสถานทูตไทยในลิเบียหรือไม่ นายณัฏฐวุฒิกล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย หากสถานการณ์รุนแรงและไม่เหมาะสมก็มีความจำเป็นต้องถอน หรือ ปิดเป็นการชั่วคราว ซึ่งล่าสุดประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐได้สั่งปิดไปแล้ว โดยขณะนี้อพยพครอบครัวเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยออกมาแล้ว และอยู่ประสานงานจนกว่าจะอพยพคนไทยกลับประเทศจนหมด ถึงจะเดินทางออกมา โดยในวันที่ 30 ก.ค. อธิบดีกรมการจัดหางานจะประชุมร่วมกับนายจ้างและบริษัทจัดหางาน ที่ส่งคนงานไทยไปทำงานในลิเบีย 11 บริษัท เพื่อหามาตรการช่วยเหลือแรงงาน และในวันที่ 29 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. จะเปิดศูนย์ปฏิบัติการที่กรมเอเชียใต้ เพื่อประสานงานให้การช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย โดยที่ฝ่ายอำนวยการจะประชุมประเมินสถานการณ์ เป็นระยะ และคอยประสานญาติคนไทยในลิเบียให้ทราบขณะที่อพยพกลับประเทศ
วันเดียวกัน เวลา 15.00 น. ที่อาคาร คลังสินค้าระหว่างประเทศของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางวันเพ็ญ ยาอุด อายุ 42 ปี พี่สาวนายนรากร กิตติยังกุล แรงงานไทย วัย 36 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ สู้รบในอิสราเอล เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมญาติๆ และนายวินัย รุ่งโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน นายสมบัติ นิเวศวัฒน์ ผอ.สนง.บริหารแรงงานไทยในต่างประเทศ เจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศ ไทย และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงแรงงาน ร่วมเดินทางมารอรับศพนายนรากร ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LY 081 มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 14.40 น. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำศพ นายนรากร ขึ้นรถตู้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.ปัว จ.น่าน
นางวันเพ็ญ พี่สาวนายนรากร เปิดเผยว่า ที่บ้านใน จ.น่าน ได้จัดเตรียมสถานที่ กางเต็นท์ไว้ทำพิธีทางศาสนาระหว่างวันที่ 29-31 ก.ค.นี้แล้ว นอกจากนั้นยังเตรียมสถานที่ ขุดหลุมเพื่อฝังร่างน้องชายแบบวิธีของชาวม้ง ในเวลา 12.00 น.วันที่ 31 ก.ค. ส่วนเรื่องหนี้สินที่มีอยู่ 200,000 บาทนั้น ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เพราะทุกคนยังอยู่ในอาการเสียใจ อยากให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือเรื่องค่าทำศพ ต่อจากนี้พี่น้องที่เหลืออยู่คงต้องช่วยดูแลพ่อต่อไป
ด้านนายวินัย รุ่งโรจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การช่วยเหลือของทางกระทรวง จะมอบเงินช่วยเหลือซึ่งเป็นเงินจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 40,000 บาท และจะตามเงินค่าจ้างที่นายนรากร ไปทำงานประมาณ 1 เดือน จากนายจ้างที่อิสราเอล ประมาณ 20,000 บาท นอกจากนั้นยังได้ ค่าใช้จ่ายที่ไปทำงานในต่างประเทศไม่ถึงปี อีกประมาณ 44,000 บาท และยังมีเงินช่วยเหลือจากสถานทูตอิสราเอล และนายจ้างอีก 60,000 บาท หากนายนรากร มีบุตรก็จะมีเงินช่วยเหลือบุตรคนละ 10,000 บาทจนกว่าจะมีอายุครบ 21 ปี
นายวินัย กล่าวต่อว่า ส่วนแผนอพยพแรงงานในประเทศอิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศมีแผนรองรับไว้แล้ว หากการสู้รบในฉนวนกาซ่ารุนแรงขึ้น จะพิจารณาใช้แผนอพยที่เตรียมการไว้ทั้งทางบกและทางเรือ ส่วนการประชาสัมพันธ์ในการดำเนินชีวิตแก่แรงงานไทย ได้ทำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากมีการสู้รบเกิดขึ้น จะแนะวิธีการป้องกันให้เพื่อความปลอดภัยในตัวของแรงงานเอง