- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Thursday, 02 July 2015 23:40
- Hits: 6342
สภาองค์การนายจ้างฯ หนุนปรับค่าแรงขั้นต่ำตามพื้นที่ ชี้หากขึ้นค่าแรงอีกมีผลกระทบรุนแรง
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (ECONTHAI) กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยที่จะให้มีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละพื้นที่ต่างกันไป เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดค่าจ้าง เช่น แหล่งวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ซึ่งหากมีการปรับขึ้นค่าจ้างอีกจะส่งผลให้ไม่เกิดการลงทุนใหม่เพิ่มเติม
พร้อมระบุว่า หากมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท/วัน ผู้ประกอบการ 90% เห็นว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงมาก
"ขณะนี้กำไรแทบไม่มี ไม่ใช่กำไรแคบนะ ธุรกิจแค่พยุงตัวอยู่ได้เท่านั้น" นายธนิต กล่าว
ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้ง ได้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากทำให้กำลังซื้อราว 50% ที่มาจากภาคเกษตรหดหายไป
ส่วนเรื่องสภาวะการจ้างงานนั้นจะสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจ วันนี้จะนำผลสำรวจความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ 13 กลุ่มอุตสาหกรรมมาประเมินร่วมกัน ซึ่งผลสำรวจพบว่าผู้ประกอบการ 40% เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังทรงตัว และอีก 40% เชื่อว่าดีขึ้น ส่วนที่เหลือ 20% เชื่อว่าหดตัว
"ผู้ประกอบการในปริมณฑลยังเชื่อมั่นว่าดีขึ้น แต่ในต่างจังหวัดยังสับสน เพราะมีปัญหาเรื่องภัยแล้งเข้ามา ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อจากภาคเกษตรหายไป"นายธนิต กล่าว
อินโฟเควสท์
นายจ้างค้านขึ้นค่าแรงขั้นต่ำชี้ 300เหมาะสุด-ดัชนีอุตฯพ.ค.หด 7%
ไทยโพสต์ * นายจ้างค้านขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ หวั่นเพิ่มต้นทุน ชี้ 300 บาทเหมาะสุด แต่หากจะขึ้น ให้ปรับตามพื้นที่และทักษะฝีมือ สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม พ.ค.ร่วงต่อเนื่องเดือนที่ 3 จับตาภัยแล้ง วิกฤติกรีซ คาดส่งผลกระทบชัดเจนอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เร่งรัฐแก้ภัยแล้ง ผุดเมกะโปรเจ็กต์ด่วน
นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการสำรวจทัศนะของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2559 ว่า การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจ 95.4% ได้รับผลกระทบ เช่น ต้นทุนเพิ่มขึ้น กำไรลดลง มีการลดการจ้างงาน เป็นต้น
สำหรับกรณีหากมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท จะส่งผลกระทบอย่างไรนั้น ผู้ประกอบการ 89% ระบุว่าจะส่งผลกระทบ ต่อธุรกิจ โดย 24.1% ระบุว่าต้นทุนแรงงานสูงขึ้น, 22.32% ระบุว่ากำไร ลดลงหรือขาดทุน, 18.1% ระบุว่าต้น ทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะที่ 11.31% ระบุว่าต้องปลดคนงาน และ 9.12% ต้องปรับราคาสินค้าขึ้น
"ปี 2555 เป็นครั้งแรกของการประกาศขึ้นค่าแรง ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบมากพอสมควร เนื่องจากเป็นช่วงฟื้นตัวจากวิกฤต การณ์น้ำท่วม ต่อมาปี 2556 มีการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศ เศรษฐกิจปีนั้นเติบโตเพียง 2-3% กระทั่งปี 2557 ที่เกิดเหตุ การณ์ความไม่สงบทางการเมือง เศรษฐกิจยิ่งเลวร้ายลง ทั้งปีเติบโตเพียง 0.9% และปัจจุบัน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่เติบโตได้อย่างเต็มที่ มีปัจจัยที่เป็นตัวฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงเห็นว่ายังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราค่าจ้างในเวลานี้" นายภูมินทร์กล่าว
อย่างไรก็ดี หากมีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ รูปแบบเหมาะสมนั้น ผู้ประกอบการ 36.5% เห็นว่า ควรกำหนดค่าจ้างตามพื้นที่ และ 29.8% เห็นว่าควรกำหนดค่าจ้างตาม มาตรฐานฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ อัตรา ค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมในสถาน การณ์ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 293.45 บาทต่อวัน โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฉลี่ยที่ 299.39 บาท, ภาคกลางเฉลี่ยที่ 304.76 บาท, ภาคเหนือเฉลี่ยที่ 274.06 บาท, ภาคใต้เฉลี่ย 300.58 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเฉลี่ย 272.63 บาทต่อวัน
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำ นวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาห กรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิต อุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน พ.ค. 2558 หดตัว 7.6% ซึ่งลดลงต่อ เนื่องเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือน มี.ค.2558 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ โลกยังไม่ฟื้นตัวและการที่ประ เทศกรีซประสบวิกฤติการเงิน จึงส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกของไทย โดยเฉพาะตลาดสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น รวมถึงอาเซียนบางประเทศ ประกอบกับปัญหาภัยแล้งส่งผลให้การผลิตภาคเกษตรกรรมลดลงด้วย
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสำคัญที่ดัชนีฯ หดตัวลง ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมโทร ทัศน์ เบียร์ และเครื่องประดับ เป็น ต้น นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าอุตสาห กรรม ไม่รวมทองคำแท่ง หดตัวลงเช่นกัน 5% ตามการลดลงของการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น
"สศอ.ยังติดตามสถานการณ์กรีซและภัยแล้งในไทย ซึ่งคาดว่าจะ ส่งผลกระทบชัดเจนต่อดัชนีอุตสาห กรรมในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า และคาดว่าเดือน มิ.ย. ดัชนีฯ จะยังปรับตัวลดลงต่อ และหวังว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ประมาณปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ หากโครงการลงทุนสาธารณูป โภคของภาครัฐเริ่มได้โดยเร็ว" นายอุดมกล่าว.
หอการค้าฯชี้ยังไม่ถึงเวลาปรับค่าจ้างหวั่นซ้ำเติมศก.-แนะแบ่งเรตตามพื้นที่
นายภูมินทร์ หะรินสุต รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดำเนินการสำรวจ "ทัศนะของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2559" โดยสำรวจจากผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทั้งภาคการค้า บริการ การผลิต และภาคการเกษตรพบว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ในปีช่วงที่ผ่านมานั้น ธุรกิจจำนวนถึง 95.4% ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นดังกล่าวทุกรายการที่สำรวจ เช่น ต้นทุน ผลกำไร การลดการจ้างงาน การขาดสภาพคล่อง ความสามารถในการแข่งขัน เป็นต้น
จากการสอบถามผู้ประกอบการในต่างจังหวัด พบว่า แม้ว่าการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท จะทำให้ลูกจ้างได้รับรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และทำให้แรงงานไม่ต้องไปทำงานนอกพื้นที่ แต่ก็มีปัญหาในเรื่องค่าแรงที่ไม่เป็นธรรมสำหรับแรงงานที่มีฝีมือและประสบการณ์ รวมทั้งแรงงานต่างด้าวจะได้รับประโยชน์จากอัตราค่าจ้างที่สูงขึ้นแทนที่จะเป็นแรงงานไทย นอกจากนั้น แรงงานเองอาจจะได้รับค่าล่วงเวลาน้อยลง โดยให้มีการปฏิบัติงานเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ท้ายที่สุดธุรกิจจะเริ่มหันไปใช้เครื่องจักรเพิ่มขึ้นมากกว่าแรงงาน ซึ่งอาจทำให้แรงงานตกงานได้
"ในปี 2555 ซึ่งเป็นครั้งแรกของการประกาศขึ้นค่าแรง ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบมากพอสมควร เนื่องจากเป็นช่วงฟื้นตัวจากวิกฤติการณ์น้ำท่วม ต่อมาในปี 2556 เป็นการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาททั่วประเทศ เศรษฐกิจในปีนั้นเติบโตได้เพียง 2-3% จนกระทั่งในปี 2557 ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง เศรษฐกิจยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เติบโตเพียง 0.9% มาจนถึงปัจจุบัน การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ยังไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ จะเห็นว่าหลายปีที่ผ่านมามีปัจจัยที่เป็นตัวฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ทำการสำรวจจึงเห็นว่า ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมหากจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างในระยะเวลานี้" นายภูมินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในสถานการณ์ข้อมูลปัจจุบันเป็นเรื่องยาก เนื่องจากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติก็ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเหมาะสมของค่าจ้างขั้นต่ำที่เพียงพอ ข้อมูลที่ได้ส่วนใหญ่เป็นการสำรวจจากนายจ้างเท่านั้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อหาจุดร่วมหรือทางออกที่ดีที่สุดของเรื่องนี้
สำหรับผลการสำรวจในเรื่องรูปแบบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสม พบว่า ผู้ประกอบการ 36.5% เห็นว่าควรกำหนดค่าจ้างตามพื้นที่ และอีก 29.8% เห็นว่าควรกำหนดค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 293.45 บาทต่อวัน โดยกรุงเทพฯและปริมณฑลเฉลี่ยที่ 299.39 บาท ภาคกลางเฉลี่ยที่ 304.76 บาท ภาคเหนือเฉลี่ยที่ 274.06 บาท ภาคใต้เฉลี่ย 300.58 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเฉลี่ย 272.63 บาทต่อวัน
ในส่วนของความคิดเห็นที่ว่า หากมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเป็น 360 บาท จะส่งผลกระทบอย่างไรพบว่า จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากถึง 89% โดยแบ่งเป็น ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น 24.1% กำไรลดลงหรือขาดทุน 22.32% ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น 18.1% ปลดคนงานลดลง 11.31% หาเครื่องจักรดำเนินการแทนแรงงาน 10.79% และต้องปรับราคาสินค้าขึ้น 9.12%
นายภูมินทร์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจดังกล่าว หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมีข้อเสนอแนะต่อเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ดังนี้ 1.ควรคงค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อไปอีก 2. ควรมีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำตามพื้นที่ 3. ควรมีการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำตามประเภทธุรกิจ และฝีมือแรงงาน 4. ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด 5. ควรมีการฝึกและประเมินฝีมือแรงงาน ก่อนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละประเภทธุรกิจ 6. ควรมีมาตรฐานวิชาชีพที่มีทักษะแรงงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพแรงงานตามความสามารถและระดับรายได้ 7. รัฐบาลควรมีการส่งเสริมรัฐสวัสดิการให้ประชาชน อาทิ การรักษาที่มีคุณภาพ รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ฯลฯเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน
"สิ่งที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ คือ การสร้างนักเศรษฐศาสตร์ด้านแรงงาน สำหรับการจัดทำฐานข้อมูล เพื่อประเมินสถานการณ์ ผลดี และผลเสีย ซึ่งปัจจุบันยังมีจำนวนไม่มากนัก เพราะที่ผ่านมาเราไม่ทราบเลยว่าค่าจ้าง 300 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้เท่าไร หรือเพิ่ม Productivity ด้านแรงงานอย่างไร รวมทั้งสถานการณ์ค่าครองชีพในปัจจุบัน อัตราเงินเฟ้อกับค่าแรง 300 บาท มีความเหมาะสมหรือยัง มีความสมดุลกับกลไกตลาดหรือไม่" นายภูมินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในทุกพื้นที่ยังเห็นพ้องกันว่าควรมีค่าจ้างขั้นต่ำในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง แต่ค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดนั้น ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่สะท้อนถึงความเป็นจริง และไม่ควรกำหนดค่าจ้างแรกเข้าเท่าเทียมกันในทุกจังหวัด แต่ควรเน้นกลไกตลาดแรงงานเป็นหลักในการปรับค่าจ้าง รวมทั้งปรับขึ้นตามความสามารถ ประสบการณ์ และทักษะของแรงงาน
อินโฟเควสท์