- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Sunday, 05 February 2023 13:30
- Hits: 1032
สุชาติ รมว.แรงงาน เผยยอดผู้ประกันตน ยื่นจองคิวขอสินเชื่อโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน กว่า 6 หมื่นราย ขณะนี้ ธอส. อนุมัติปล่อยกู้แล้ว 3,955 ล้านบาท
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานตระหนักถึงภารกิจสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของ ท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ‘เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’
ซึ่งผมพร้อมร่วมผลักดันให้บรรลุความสำเร็จทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยอีกหนึ่งโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ระหว่างสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกันตน มาตรา 33
ซึ่งได้ดำเนินการเปิดให้ผู้ประกันตนขอรับรหัสเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา นั้น ล่าสุด ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ปิดรับจองคิวแล้ว มียอดผู้ประกันตนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 60,937 ราย โดยผู้ประกันตนที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 3,339 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,955 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 27 ม.ค. 66)
ขณะนี้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ดำเนินการทยอยอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกันตนที่ได้จองคิวที่เหลืออยู่ตามลำดับอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม พร้อมเดินหน้าให้การสนับสนุนโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ภายใต้กรอบวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท อย่างเต็มที่
นายสุชาติ รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า ผมมีความเชื่อมั่นว่า “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อผู้ประกันตน” จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้กับผู้ประกันตนที่ต้องการใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดจากสถาบันการเงินอื่น
รวมถึงเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 เท่ากับ 1.99% ต่อปี วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ในเรื่องของการมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้ผู้ใช้แรงงาน ได้อย่างยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย