- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Sunday, 25 December 2022 20:39
- Hits: 1881
ประกันสังคม ขานรับนโยบายนายกลุงตู่ ส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 'ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ'
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม เพื่อให้ครอบคลุมการดูแลบริการและสิทธิประโยชน์ของแรงงานทุกกลุ่มทุกวัย กระทรวงแรงงาน
โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 ภายใต้แคมเปญ “ให้ ฟรี ลด แรงงานสุขใจ” เป็นของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน 6 ชิ้น เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พี่น้อง ผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น สำนักงานประกันสังคมได้ขานรับนโยบายมอบของขวัญปีใหม่ 2566 สำหรับผู้ประกันตน มีดังนี้
1. ให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท สำนักงานประกันสังคมได้จัดทำโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน โดยร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับธนาคารเดิม โดยมีวงเงินโครงการ 30,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ให้ผู้ประกันตนไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยของผู้ประกันตนลดลงตลอดระยะเวลาการกู้ ดังนี้
– ปีที่ 1 – 5 อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี คงที่ 5 ปี
– ปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ย MRR – 2.00% ต่อปี
– ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย MRR – 0.5% ต่อปี
ผู้ประกันตนสามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2565 – 19 ธันวาคม 2566 หรือจนครบวงเงินที่ได้รับอนุมัติตามโครงการฯ สำหรับคุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อ สถานะเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายใน 12 เดือน ก่อนเดือนที่เข้าร่วมโครงการฯ
2. ให้ เข้าถึงการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด สำนักงานประกันสังคม มีแนวคิดการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษา โดยการปรับแนวทางการเข้ารับบริการทางการแพทย์ ให้ผู้ประกันตนที่ป่วยและมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำหัตถการ นำร่องในกลุ่มโรคที่มีผู้ประกันตน เข้ารับการรักษามากที่สุด เพื่อลดการรอคอยการผ่าตัด ลดระยะเวลาการพักฟื้นซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกันตน สามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็วและดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเชิญชวนโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ ตามมาตรฐานที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดทำบันทึกความตกลง
เพื่อให้ผู้ประกันตนไม่ต้องรอคอยการผ่าตัด หรือการส่งตัวจากโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา และสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการทางการแพทย์โดยตรงกับสถานพยาบาลที่บันทึกความตกลง โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการ ถือเป็นแนวทางที่ส่งเสริมและดึงดูดให้สถานพยาบาลที่มีศักยภาพและได้มาตรฐานในการรักษาเข้าร่วมบริการผู้ประกันตน โดยมี การเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค ได้แก่
1. โรคมะเร็งเต้านม
2. ก้อนเนื้อที่มดลูก
3. โรคนิ่วในไตหรือ ถุงน้ำดี
4. โรคหลอดเลือดสมอง
5. โรคหัวใจและหลอดเลือด
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินโครงการแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะต้องมีการติดตามและประเมินผล เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการบริการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผู้ประกันตนต่อไป ซึ่งคาดว่า จะมีผู้ประกันตนมาใช้บริการ ทั้งสิ้นจำนวน 7,500 คน
3. ฟรี ค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการนำร่อง ใน 7 จังหวัด โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนในสถานประกอบการ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนในเชิงรุก โดยร่วมมือกับสถานประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่ และสถานพยาบาลในพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรค ค้นหาความเสี่ยง ด้านสุขภาวะเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย ลดอาการเจ็บป่วยที่จะส่งผลกระทบต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตน
เพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในสถานประกอบการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ โดยดำเนินการนำร่องใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร ได้รับการตรวจสุขภาพ โดยใช้โมเดลเชิงรุก ดังนี้
1. เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ
2. แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่ยงสูง ปานกลาง และน้อย
3. โรงพยาบาลนัดหมายประเมินเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคลระยะเวลา 6 เดือน
4. ติดตามผลระบบ Telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม
เป้าหมาย ผู้ประกันตน 300,000 คน ได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย เกิดต้นแบบด้านการบริการและป้องกันโรคในสถานประกอบการ โดยสามารถลดค่าใช้จ่าย ของผู้ประกันตนต่อหัวเฉลี่ย รายละ 910 บาท (กลุ่มเสี่ยง) 340 บาท (กลุ่มไม่เสี่ยง) วงเงิน 187.50 ล้านบาท
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า ในนามของสำนักงานประกันสังคม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการมอบของขวัญ ปีใหม่ 2566 ในครั้งนี้สำนักงานประกันสังคม จะเป็นส่วนหนึ่งในการได้ดูแลผู้ประกันตน ทุกท่านในทุกช่วงของการเกิดวิกฤตการณ์
“ขอให้พี่น้องผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่เปรียบเสมือนครอบครัวประกันสังคมทุกคน มั่นใจว่า ผมและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมทุกคนทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ พร้อมมุ่งมั่นทำงานหนัก ทำงานเชิงรุก และต่อเนื่อง เพื่อให้สำนักงานประกันสังคม เป็นองค์กรที่ประชาชน ยอมรับ เชื่อมั่น ไว้วางใจ ในการสร้างหลักประกัน ความมั่นคงในการดำรงชีวิตแก่ผู้ประกันตน” ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยความห่วงใย และสร้างกำลังใจให้กับผู้ประกันตนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ