- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Friday, 14 January 2022 08:46
- Hits: 11505
ครม. เคาะปรับเงื่อนไขโครงการช่วย SMEs นายจ้างร่วม 5 หมื่นรายเตรียมรับเงินอุดหนุนรวมกว่า 1 พันล้าน
รมว.เฮ้งย้ำ ผ่อนผันครั้งสุดท้าย ขอความร่วมมือนายจ้างที่เสียสิทธิรับเงินอุดหนุนงวดเดือนธ.ค. ส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e – Service ภายในวันที่ 17 ม.ค. 65
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 เห็นชอบการปรับเงื่อนไขโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อให้นายจ้าง/สถานประกอบการที่เสียสิทธิ์การรับเงินอุดหนุนในงวดเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้ส่งข้อมูลเงินสมทบฯ ผ่านระบบ e - Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในกำหนด ซึ่งมีจำนวนถึง 49,117 ราย ลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 380,574 คน คิดเป็นเม็ดเงิน (งวดเดือนธันวาคม 2564) จำนวน 1,141,722,000 บาท (หนึ่งพันหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดล้านเจ็ดแสนสองหมื่นสองพันบาท) มีโอกาสได้รับเงินอุดหนุนในเดือนธันวาคม 64 และมกราคม 65 ในอัตรา 3,000 บาท ต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คนต่อเดือน โดยมีเงื่อนไขที่พิจารณาปรับเปลี่ยน ดังนี้
- นายจ้างที่เข้าร่วมโครงการหากเคยนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 จนถึงก่อนวันที่ 16 ธันวาคม 2564 จะได้รับเงินอุดหนุน จำนวน 2 เดือน (ธ.ค. 64 – ม.ค. 65)
- นายจ้างที่เข้าร่วมโครงการแต่มีการนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม หลังวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ที่ได้นำส่งข้อมูลฯ ภายในวันที่ 17 มกราคม 2565 จึงจะได้รับเงินอุดหนุน จำนวน 2 เดือน (ธ.ค. 64 – ม.ค. 65) หากปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่ง และรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการฯ จะมีสิทธิ์รับเงินอุดหนุน งวดเดือนธันวาคม 2564 และเดือนมกราคม 2565
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยและเข้าใจความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในธุรกิจขนาดเล็ก – กลางเป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ประเทศไทยกลับมาเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องเร่งช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้าง/สถานประกอบการในธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายโครงการฯ ให้ได้รับความช่วยเหลือมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผมขอความร่วมมือ นายจ้าง/สถานประกอบการ ปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยลงทะเบียนสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม เมื่อสมัครแล้วจะต้องนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 17 มกราคม 2565 เพื่อมีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล โดยหากสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขภายในกำหนดเวลา จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนโดยไม่มีการผ่อนผันอีก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานนำข้อมูลนายจ้างที่ไม่ได้นำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ในงวดเงินสมทบเดือนพ.ย. 64 จำนวน 49,117 ราย มาตรวจสอบประวัติการนำส่งข้อมูลเงินสมทบย้อนหลังเป็นเวลา 11 เดือน (งวดเงินสมทบเดือนม.ค. พ.ย. 64) พบว่า มีนายจ้างที่เคยนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ก่อนวันที่ 15 ธ.ค. 64 จำนวน 19,284 ราย
เป็นลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 186,046 คน โดยกลุ่มนี้หากสามารถรักษาระดับการจ้างงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 ในระหว่างเข้าร่วมโครงการฯ จะถือว่ามีสิทธิได้รับเงินอุดหนุน งวดเดือนธ.ค. 64 และเดือนม.ค. 65 ตามเงื่อนไขโครงการฯที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทันที และกรณีนายจ้างที่ไม่เคยมีประวัตินำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ภายในวันที่ 15 ธ.ค. 64 จำนวน 29,833 ราย เป็นลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 194,528 คน หากต้องการรับเงินอุดหนุนเดือนธันวาคมที่เสียสิทธิไป และรับเงินอุดหนุนเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ จะต้องสมัครใช้บริการระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม และนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 17 มกราคม 2565 ตามเงื่อนไขที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่