- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Saturday, 20 June 2020 22:36
- Hits: 8240
กรมการจัดหางาน ประกาศกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน
กรมการจัดหางาน ออกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง เงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของ หน้าร้านกับนายจ้าง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ได้กำหนดหลักเกณฑ์ การรับคนต่างด้าวเข้าทำงานขายของหน้าร้านและงานกรรมกรให้นายจ้างและคนต่างด้าวปฏิบัติตาม เพื่อประโยชน์ในการรักษาโอกาสในการประกอบอาชีพของคนไทย และควบคุมการับคนต่างด้าวเข้าทำงานดังกล่าว กับนายจ้างในประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยคำนึงถึงความมั่นคงของชาติ และความต้องการแรงงาน ต่างด้าวที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เนื่องจากตามข้อ 5 วรรคสอง ของประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ได้กำหนดให้อธิบดีกรมการจัดหางานออกประกาศกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน ซึ่งเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงานนั้นได้ก็เฉพาะงานที่มีนายจ้าง และได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ (MOU) ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงแรงงานกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ โดยที่ก่อนออกประกาศกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน กรมการจัดหางานได้รับฟังความคิดเห็นทั้งจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว
กรมการจัดหางานจึงออกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่อง เงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทางานกรรมกรและงานขายของ หน้าร้านกับนายจ้าง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน โดยงานขายของหน้าร้านกำหนดคุณสมบัตินายจ้างที่จะรับคนต่างด้าวเข้าทำงานจะต้องเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนพาณิชย์ ตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนพาณิชย์ หรือในกรณีร้านค้าที่ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ให้นายจ้างแสดงใบอนุญาต หนังสือรับรอง หรือเอกสารที่ทางราชการออกให้ เพื่อประกอบพาณิชยกิจ
และนายจ้างต้องรับคนต่างด้าวทำงานขายของหน้าร้านตามหลักสัดส่วน สูงสุดไม่เกิน 20 คน ซึ่งพิจารณาจากหลักเกณฑ์การชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ที่กำหนดสัดส่วนการรับคนต่างด้าวได้ตั้งแต่ 1 - 10 คน ตามมูลค่าภาษีเงินได้ที่ได้ชำระแล้ว โดยกรณีที่รอบปีภาษีที่ผ่านมาได้ยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้และได้รับยกเว้นการเรียกเก็บภาษีเงินได้ สามารถรับคนต่างด้าวทำงานขายของหน้าร้านได้ 1 คน กรณีที่ชำระภาษีเงินได้ตั้งแต่ 1 - 50,000 บาท สามารถรับคนต่างด้าวทำงานขายของหน้าร้านได้ 3 คน และในกรณีที่ชำระภาษีเงินได้เกินกว่า 50,000 บาท ทุก ๆ 50,000 บาท จ้างคนต่างด้าวทำงานขายของหน้าร้านเพิ่มได้ 1 คน
ทั้งนี้ ไม่เกิน 10 คน และหากต้องการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานเกินกว่า 10 คน ให้นำหลักเกณฑ์การจ้างงานมาใช้พิจารณา คือ นายจ้างที่มีลูกจ้างคนไทย 30 คน สามารถรับคนต่างด้าวเข้าทำงานเพิ่ม ได้ 1 คน และถ้ามีการจ้างคนไทยเพิ่มทุกๆ 10 คน ให้รับคนต่างด้าวได้อีก 1 คน ซึ่งรวมทั้ง 2 หลักเกณฑ์แล้วนายจ้าง จะสามารถรับคนต่างเข้าทำงานขายของหน้าร้านได้ไม่เกิน 20 คน ส่วนการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรนั้น ไม่ได้กำหนดเรื่องสัดส่วนจำนวนคนต่างด้าวที่จะรับคนต่างด้าวเข้าทำงานไว้ แต่คนต่างด้าวจะมีสิทธิทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้านได้ ก็ต่อเมื่อในใบอนุญาตทำงานระบุสิทธิว่า สามารถทำงานกรรมกรหรืองานขายของหน้าร้านได้เท่านั้น โดยในงานขายของหน้าร้านต้องระบุนายจ้างด้วย
ทั้งนี้ หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว คนต่างด้าวและนายจ้างจะมีความผิดตามพระราชกาหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคนต่างด้าวจะมีความผิดตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท และเมื่อได้ชำระค่าปรับแล้ว ให้ส่งคนต่างด้าวผู้นั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรส่วนนายจ้างจะมีความผิดตามมาตรา 9 สำหรับการกระทำความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และหากเป็นการกระทำความผิดครั้งที่สองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามผู้นั้นจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลาสามปีนับแต่วันที่ศาล มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ
สาหรับ กรณีที่ใบอนุญาตทำงาน ยังไม่ได้ระบุสิทธิว่าสามารถทำงานกรรมกร หรืองานขายของหน้าร้านได้ นายจ้าง/สถาน ประกอบการสามารถยื่นคำขอเปลี่ยนหรือเพิ่มประเภทงานกรรมกร หรืองานขายของหน้าร้านในใบอนุญาตทำงาน ได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ที่เป็นที่ตั้งสถานประกอบการ หรือโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน นายสุชาติฯ กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ