- Details
- Category: แรงงาน
- Published: Sunday, 24 February 2019 11:25
- Hits: 2357
แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ชูการพัฒนาทักษะแรงงาน-การศึกษารับการแข่งขันตลาดโลก
แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยเผยสถานการณ์ทิศทางตลาดแรงงานชะลอตัว แนะองค์กรธุรกิจเตรียมรับมือเร่งพัฒนาคนด้านทักษะแรงงานและด้านการศึกษา โดยเฉพาะทักษะความรู้ทางด้านเทคโนโลยี (High-Tech Skill) ชูจุดแข็งมืออาชีพด้านการบริหารจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่ายและคัดสรรบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า พร้อมเผยผลประกอบการปี 2561 กวาดรายได้ 4,500 ล้านบาท เติบโต 12 เปอร์เซ็นต์
มร.ไซมอน แมททิวส์, ผู้จัดการประจำประเทศไทย, แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมแรงงานกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และในประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจระดับโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว จะเห็นได้จากเศรษฐกิจประเทศจีนชะลอตัวและยังมีเรื่องของสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน ส่วนในประเทศไทย ล่าสุดประกาศให้มีการเลือกตั้งและนโยบายการลงทุนด้านการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor Development (EEC) อย่างต่อเนื่องของภาครัฐ นับเป็นช่วงที่ต้องมองทิศทางประเทศไทยปีนี้ อันมีปัจจัยภายนอกหลายอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยควรมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ โดยจะต้องมีการส่งเสริมพัฒนาคนด้านทักษะแรงงานและด้านการศึกษา อีกทั้ง จากการที่ภาครัฐได้กำหนดนโยบายการปฏิรูประดับประเทศโดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S-Curve ที่เป็นการพัฒนาและต่อยอดกลุ่มธุรกิจเดิมที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องเตรียมความพร้อมโดยเฉพาะทักษะความรู้ทางด้านเทคโนโลยี (High-Tech Skill) ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงมากในปัจจุบัน
จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนและการแข่งขันทางธุรกิจ หลายองค์กรมุ่งการบริหารจัดการบุคลากรอย่าง มีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการให้บริการของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ในบทบาทที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมแรงงาน เราพัฒนาบริการและโซลูชั่นที่มีความยืดหยุ่นรองรับกับลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ด้วยการบริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจ้างงานแบบประจำ งานชั่วคราว งานสัญญาจ้าง รวมไปถึง งานรับเหมาประเภทต่างๆ นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization) ด้วยการให้บริการแรงงานข้ามชาติ(Borderless Talent Solutions) และการให้บริการสรรหาผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทาง (Experis) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสูงในปัจจุบัน ถือว่าสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจ EEC ที่ต้องการบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านด้านต่างๆ รองรับการลงทุนจากทั้งจากภาครัฐ เอกชนและนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับ ผลประกอบการของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ในปี 2561 มีการเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท และยังมีการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังได้ทำการสำรวจกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการเพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการที่ตรงกับความต้องการลูกค้าเสมอมา
นายวรรณชัย ไพบูลย์บารมี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าขยายงานทั้งในส่วนของการบริการ การพัฒนาด้านนวัตกรรมแรงงาน และจัดหาแรงงานที่ตอบโจทย์ตลาด โดยได้รับการตอบรับที่ดีด้วยความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และแรงงานทุกระดับ โดยครอบคลุมตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่จนถึงเอสเอ็มอี ปัจจุบัน แมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีสัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ 35 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้บริการสรรหาบุคลากรด้านการขายและการบริการลูกค้า กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมด้านการผลิตและโลจิสติกส์ 25 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มเอสเอ็มอี 15 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมีกลุ่มแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 15% ซึ่งยังมีบริการพิเศษเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นสายงานที่ต้องการแรงงานเฉพาะทาง เข้ามาตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 อาทิ ทักษะความเชี่ยวชาญด้านโรโบติกส์ กลุ่มนี้มีการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศ และกลุ่มอื่นๆ อีก 10%
ทั้งนี้ เรามีกลยุทธ์ 3 ส่วนหลักในการรับมือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ คือ 1. มุ่งเน้นการบริการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง 2. การพัฒนาบุคลากรของเราให้มีความเชี่ยวชาญและปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งการมีนวัตกรรมในองค์กร 3. การพัฒนาด้านเทคโนโลยีในกระบวนการด้านทรัพยกรบุคคลเชื่อมต่อกับพนักงาน ลูกค้าและผู้สมัครงานเพื่ออำนวยความสะดวกและง่ายต่อการเข้าถึง
“สำหรับบริการที่แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คือ บริการ ‘บิสซิเนสโซลูชั่น (Business Solutions)’ ที่มาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการบริหารจัดการแรงงานในเชิงนวัตกรรม คำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของลูกค้า โดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป เข้าไปทำงานร่วมกับลูกค้าในการบริหารจัดการกลุ่มแรงงานที่ลูกค้าต้องการด้วยการบริหารเชิงผลลัพธ์ผ่านตัวชี้วัดของงาน ซึ่งเป็นบริการแบบเต็มรูปแบบ ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย และยังลดภาระด้านการบริหารจัดการแรงงานด้วย พร้อมยังมีบริการส่งออกแรงงานเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าที่มีการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม AEC ถือเป็นแผนรับมือของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปที่สอดคล้องกับเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค 4.0” นายวรรณชัย กล่าว
ทางด้านนางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลการสำรวจอัตราความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันมีสัดส่วนความต้องการจัดเป็น 10 อันดับ ดังนี้
10 อันดับสายงานที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ได้แก่ 1. งานขายและการตลาด 22.65 เปอร์เซ็นต์ 2. งานบัญชีและการเงิน 12.16 เปอร์เซ็นต์ 3. งานวิศวกร และการผลิต 8.62 เปอร์เซ็นต์ 4. งานไอที 8.11 เปอร์เซ็นต์ 5. งานธุรการ 7.15 เปอร์เซ็นต์ 6. งานบริการลูกค้า 6.39 เปอร์เซ็นต์ 7. งานระยะสั้นต่างๆ 6.28 เปอร์เซ็นต์ 8. งานระดับผู้บริหาร 5.63 เปอร์เซ็นต์ 9. งานทรัพยากรบุคคล 5.02 เปอร์เซ็นต์ 10. งานโลจิสติกส์ 3.04 เปอร์เซ็นต์
10 อันดับแรกสายงานที่เป็นที่ต้องการของแรงงาน ได้แก่ 1. งานขายและการตลาด 22.57 เปอร์เซ็นต์ 2. งานวิศวกร 13.42 เปอร์เซ็นต์ 3. งานธุรการ 11.48 เปอร์เซ็นต์ 4. งานทรัพยากรบุคคล 8.66 เปอร์เซ็นต์ 5. งานบัญชีและการเงิน 8.57 เปอร์เซ็นต์ 6. งานบริการลูกค้า 8.26 เปอร์เซ็นต์ 7. งานโลจิสติกส์ 6.42 เปอร์เซ็นต์ 8. งานไอที 4.73 เปอร์เซ็นต์ 9. งานระดับผู้บริหาร 4.18 เปอร์เซ็นต์และ 10. งานด้านการผลิต 4.14 เปอร์เซ็นต์
สำหรับ กลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจการบริการ ได้แก่ ขนส่งและ โลจิสติกส์, ค้าปลีกค้าส่ง, บริการเฉพาะกิจ และที่ปรึกษาด้านต่างๆ รองลงมาคือ ธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ ยานยนต์, วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร, ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ อันดับสาม คือ ธุรกิจด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
“อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของสถานการณ์ตลาดแรงงานแม้จะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่อัตราการว่างงานลดลงเมื่อเทียบระหว่างปี 2561 กับ 2562 อยู่ที่ 0.04 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศไทยได้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นนโยบายการปฏิรูปประเทศไทย และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ทำให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลาดแรงงาน และภาคการศึกษา ทุกฝ่ายตื่นตัว มีการตั้งรับและวางแผน รวมถึงบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนตนเอง องค์กรและประเทศไทยก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน นับว่า เป็นความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องรับมือให้ทันกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป”นางสาวสุธิดา กล่าวทิ้งท้าย
ManpowerGroup Thailand Focusing on Labor Skills – Education to Accommodate Competition in the World Market
ManpowerGroup Thailand states the stagnation stage of labor market and suggests organizations to prepare themselves for human resources development with an emphasis on labor skills and education, especially high-tech skills. The strength of the ManpowerGroup is highlighted as professional personnel development expert who helps its customers with saving costs of recruitment as well as effective selection of personnel in response to their needs. The Company’s operating result in 2018 was 4,500 million Baht, accounting for 12-percent growth.
Mr. Simon Matthews, Country Manager for Thailand, Middle East and Vietnam of Manpower Group, who is the leading consultant for Innovative Workforce Solutions in more than 80 countries around the world mentioned that the overall economic situation has been declining as can be seen from China’s economic downturn and trade war between the US and China. For Thailand, national election has just been officially confirmed and Eastern Economic Corridor Development (EEC) which is the government’s continuous project has been announced, so this period is worth monitoring as there may be many other external factors involving. Nevertheless, Thailand should be prepared for any possible changes by promoting human resources development in terms of labor skills and education enhancement. The government has determined the national policy by focusing on the S-Curve industries to expand the original potential business groups. Business and industry sector should be prepared by improving their personnel’s knowledge and high-tech skills which are highly in demand at the present.
Due to economic instability and business competition, many organizations have shifted their focus to effective personnel development, which is in conformity to ManpowerGroup’s services. As consultant of labor innovation, we have developed services and solutions which can flexibly support business customers and respond to the market demand in terms of permanent, temporary, contract employment, as well as outsource service. Also, we respond to the rapidly changing trend of globalization by providing Borderless Talent Solutions and recruitment of top management and specialist by Experis who are highly in demand at the present. This conforms to the EEC’s economic development policy in that experts in various fields are needed to support investment from the public sector, private sector as well as foreign investors.
The growth rate of ManpowerGroup Thailand in 2018 was 12 percent with the operating result of 4,500 million Baht, plus continuous technological investment to enhance effective service provision of ManpowerGroup. Also, customer feedback was collected for improvement of services for the utmost benefit of customers.
Mr.Wanchai Priboonbaramee, Senior Operation Director of ManpowerGroup, stated that ManpowerGroup Thailand has continued expanding its service provision, innovative workforce solutions to be consistent with the market demand, which have been positively responded by entrepreneurs, business sector, industry sector and labor of all levels, ranging from large organizations to SMEs. Currently, major entrepreneurs account for 35 percent of the total ManpowerGroup’s customers hiring our sales and customer service personnel service. The second group of or customers includes manufacturing and logistics industry which accounts for 25 percent, followed by SMEs accounting for 15 percent while another 15 percent are specialized workers. We also provide special service to the fields that require specialized workers in response to Thailand 4.0 policy, such as robotics experts who must be imported from overseas, and the remaining 10 percent represent other groups.
We implement 3 main strategies to accommodate the changes as follows: 1. Focusing on meeting customer demand; 2. Ensuring that our personnel are knowledgeable and creating innovative culture in the organization; 3. Developing technology for use in human resources processes to link with employees, customers and candidates for convenient and easy access.
“ManpowerGroup’s services which have satisfied our customer needs in the past few years and received positive feedback are “Business Solutions” which become an effective tool for innovative labor management with an emphasis on customers’ efficiency and effectiveness of business operations. ManpowerGroup has worked closely with customers in management of labor groups needed by customers.
We have implemented outcome-based approach and key performance indicators, which are our complete service allowing customers to manage their costs and reduce their labor management burden. Furthermore,
we have exported labors to support customers’ business expansion to invest in other countries, especially AEC. These are ManpowerGroup’s strategic plans to accommodate the changing business trend in 4.0 era,” said Mr.Wanchai.
Miss Suthida Kanjaanakantikul, Marketing Manager of ManpowerGroup, mentioned that according to the survey of the demand of labors, it was found that the current proportion of labor demand could be classified into the 10 groups as follows:
List of the first 10 fields needed by the market: 1. Sales and marketing 22.65 percent;
2. Accounting and finance 12.16 percent; 3. Engineering and manufacturing 8.62 percent;
4. IT 8.11 percent; 5. Administration 7.15 percent; 6. Customer service 6.39 percent; 7. Short-term jobs 6.28 percent; 8. Executive positions 5.63 percent; 9. Human resources management 5.02 percent; and
10. Logistics 3.04 percent.
List of the first 10 fields needed by labors: 1. Sales and marketing 22.57 percent; 2. Engineering 13.42 percent; 3. Administration 11.48 percent; 4. Human resources management 8.66 percent;
5. Accounting and finance 8.57 percent; 6. Customer service 8.26 percent; 7. Logistics 6.42 percent;
8. IT 4.73 percent; 9. Executive positions 4.18 percent; and 10. Manufacturing 4.14 percent.
Top 3 business groups having the highest demand of labors are service business, including transport and logistics, retail and wholesale, specific service and other consultation, followed by industrial product business, including automobile, industrial materials and machinery, petrochemicals and chemical supplies, and the third group is technological business, including information technology and communication, electronic parts.
“Although the overall labor market situation has been declining, the unemployment rate in 2019 reduced from 2018 by 0.04 percent. This is probably because of positive factors from the fact that Thailand has announced the national reform policy, namely Thailand 4.0, and entered into digital transformation. Therefore, public sector, business sector, labor market and education sector should be alerted and prepared themselves for the change. Collaboration of all related parties is essential for steering themselves, the organizations and the nation to cross over the change together. This could be a major challenge to be prepared for by all sectors,” said Miss Suthida.
Click Donate Support Web