- Details
- Category: กทม.
- Published: Saturday, 12 July 2014 21:32
- Hits: 5240
เอกชนร้อง‘ประจิน’แก้ปัญหาตลาดนัดจตุจักร
แนวหน้า : นายชาตรี โสภณบรรณารักษ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าตลาดนัดจตุจักร เปิดเผยว่า ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2557 สมาคมฯจะยื่นหนังสือถึงบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักร รวมถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ รวมถึง นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ เพื่อเรียกร้องให้บูรณาการตลาดนัดจตุจักรอย่างจริงจัง เพื่อสร้างรายได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ปัจจุบันมีภาระหนี้กว่า 1 แสนล้านบาทด้วยการเร่งหารายได้จากกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เช่น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ควรเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังยืดเยื้อมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ของตลาดนัดจตุจักร ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคภายในตลาด ที่ได้รับอนุมัติงบมาแล้วจำนวน 140 ล้านบาท แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จ
“สมาคมฯต้องการให้เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมาเที่ยวและซื้อสินค้าในตลาดนัดระดับโลกแห่งนี้มากขึ้น เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการค้าขายในตลาดนัดจตุจักร ได้รับผลกระทบจากกรณีปริมาณนักท่องเที่ยวลดลง ทำให้ยอดขายลดลงไปอย่างมาก จึงควรรุกจัดกิจกรรมการตลาดให้คึกคักกว่านี้ ซึ่งช่วงนี้ดูซบเซาไปมาก แต่การประชาสัมพันธ์ก็ยังมีความสำคัญ เช่นเดียวกับเรื่องการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ควรเร่งดำเนินการให้ดีขึ้นกว่าปัจจุบัน และยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนส่งผลให้ร.ฟ.ท.สูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมาก สำหรับพื้นที่ทำเลทองแห่งนี้” นายชาตรี กล่าว
แหล่งข่าวจากตลาดนัดจตุจักร กล่าวถึง กรณีการส่งมอบพื้นที่โฆษณาที่มีความล่าช้าของ ร.ฟ.ท.ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการทำหนังสือเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าและสาเหตุของปัญหาดังกล่าวกับทางฝ่ายบริหารทรัพย์สิน แต่ไม่ได้รับคำตอบหรือการชี้แจงสาเหตุแต่อย่างใด และไม่ยอมส่งมอบพื้นที่ให้ทำการติดตั้งโฆษณา ทั้งที่เอกชนมีสัญญา และร.ฟ.ท.ก็ได้รับชำระเงินไปเรียบร้อยแล้วเป็นวงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าราคากลางในการเสนอผลประโยชน์ที่ได้ตั้งไว้ในวงเงิน 5 ล้านบาท ทั้งนี้ตามสัญญาได้มีการกำหนดวันส่งมอบพื้นที่โฆษณาไว้วันที่ 1 มิถุนายน 2556 จนปัจจุบันก็ยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่โฆษณาให้แก่เอกชน เป็นเหตุให้เอกชนสูญเสียผลประโยชน์เบื้องต้นที่ควรจะได้กว่า 10 ล้านบาท